
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ระบุด้วยว่า หาก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จะฟ้องตนฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
เห็นว่าสามารถดำเนินการได้หากเห็นว่าตนผิดจริง

สมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย (ส.ป.ท.) นำโดย นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ในฐานะเลขาธิการ แถลงข่าวแสดงจุดยืนการทำงาน ว่า ส.ป.ท. ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2550 เนื่องจากรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 87 ระบุว่า รัฐจะต้องดำเนินการตามแนวนโยบายด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน และเนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันพรรคพลังประชาชน เข้ามาควบคุมอำนาจบริหารและอำนาจนิติบัญญัติ รวมถึงมีประชาชนบางส่วน เห็นว่าพรรคพลังประชาชน มีพฤติกรรมเป็นตัวแทนของพรรคไทยรักไทย ซึ่งคล้องจองกับการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรี กลับประเทศ หลายฝ่ายจึงเป็นห่วง
“เราจึงใช้สถานการณ์ปัจจุบัน และรัฐธรรมนูญมาปรับเป็นบทบาทหน้าที่ของ ส.ป.ท. โดย ส.ป.ท. จะส่งเสริมและสนับสนุนให้สมาชิก และประชาชนมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายและวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมในชาติและระดับท้องถิ่น พร้อมสนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตัดสินใจทางการเมือง การใช้สิทธิทางการเมืองตามรัฐธรรมนูญ เช่น การเสนอกกฎหมาย หรือการยื่นถอดถอนบุคคลที่ดำรงตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญ พร้อมจะตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐทุกระดับ เพื่อให้เกิดความเข้มแข็งทางการเมือง โดยจะรวมตัวกันในลักษณะสมัชชาประชาชน พร้อมทั้งจะสนับสนุนและส่งเสริมให้ประชาชนได้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งโดยสุจริจและเที่ยงธรรม”นายไชยวัฒน์ กล่าว
นายไชยวัฒน์ กล่าวว่า ส.ป.ท. จะประกอบด้วยคณะที่ปรึกษา อาทิ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ประธานที่ปรึกษา นายปราโมทย์ นาครทรรพ เป็นที่ปรึกษา สปท. นายไพศาล พืชมงคล เป็นที่ปรึกษา นายประพันธ์ คูณมี ที่ปรึกษา นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ ที่ปรึกษา นางมาลีรัตน์ แก้วก่า ที่ปรึกษา นอกจากนี้จะมีประธานคณะกรรมการต่างๆ เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วม อาทิ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน เป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ นายณรงค์ พิริยะเอนก เป็นประธานคณะกรรมการกิจการรัฐบาลและรัฐสภา นายไพศาล พืชมงคล ประธานคณะกรรมการโรงเรียนการเมืองการปกครองภาคประชาชน
ต่อข้อถามว่า ทาง ส.ป.ท. จะมีการยื่นถอดถอนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมที่โยกย้าย อธิบดีดีเอสไอ โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ นายไชยวัฒน์ กล่าวว่า ขณะนี้ทาง ส.ป.ท. จะต้องรวบรวมสมาชิกให้ได้ 50,000 รายชื่อ จึงจะกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดได้ ไม่ว่าจะเป็นการเสนอกฎหมาย ที่ต้องใช้ชื่อ 10,000 รายชื่อ หรือการถอดถอนบุคคลที่ดำรงตำแหน่ง หรือการแก้ไขรัฐธรรมนูญแต่การยื่นถอดถอนบุคคล เราจะต้องใช้เมื่อถึงเวลาเท่านั้น ซึ่งการโยกย้ายข้าราชการผู้ใหญ่ ก็ไม่ใช่รัฐบาลคิดแต่ว่า กฎหมายเปิดช่องให้ก็สามารถโยกย้ายได้ เพราะการปกครองในระบอบประชาธิปไตยจะต้องเน้นหลักของนิติธรรมด้วย ซึ่ง ส.ป.ท.จะเฝ้าดูเหตุผลในการโยกย้ายว่ามีอะไรบ้าง
เมื่อถามว่า ทาง ส.ป.ท. กับพันธมิตรมีการทำงานที่เกี่ยวโยงกันหรือไม่ นายไชยวัฒน์ กล่าวว่า เราตกลงว่าจะมีเป้าหมายร่วมกัน คือการต่อสู้กับระบอบทักษิณ โดยกระทำภายใต้กรอบของกฎหมาย ไม่ใช้การเผชิญหน้าหรือความรุนแรง ซึ่งจะมีการหารือกับพันธมิตรทุกวันพุธของสัปดาห์ ซึ่งเราจะอยู่ภายใต้การทำงานร่วมกับกับพันธมิตรแต่จะแยกกันไปรับผิดชอบงานใครงานมัน แล้วจะมีการพูดคุยกันเพื่อกำหนดบทบาทต่อไป
เมื่อถามว่า จะมีการชุมนุมหรือออกมาเรียกร้องอะไรหรือไม่ นายไชยวัฒน์ กล่าวว่า ยังไม่ถึงเรื่องของการออกมาชุมนุม แต่เดิมที่มีการออกมาชุมนุมนั้นเพราะกลไกของธรรมนูญไม่สามารถทำงานได้ ประชาชนจึงต้องออกมาเรียกร้องบนถนน อย่างไรก็ตามเราก็ยังไม่สบายใจ ตรงที่รัฐบาลเข้ามาทำงานสมบูรณ์แบบภายในอาทิตย์แรก แต่กลับมีการโยกย้ายแบบมโหฬาร ทั้งด้านยุติธรรมและด้านสื่อ แล้วทุกคนก็กลับเงียบ บอกว่าทำได้ในระบบ ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ประชาชนต้องหาทางออก แต่อย่างไรก็ตามก็จะทำภายใต้กฎหมายเพื่อไม่ให้มีการชุมนุมเกิดขึ้น
ด้านพล.ร.อ. บรรณวิทย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีการใช้อำนาจไม่ถูกต้อง มีการโยกย้าย นายสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะที่ผ่านมา อธิบดีดีเอสไอ ได้ดูแลคดีทุจริตหลายเรื่องและขณะนี้เรื่องการทุจริตที่ดินที่บุรีรัมย์ ก็เตรียมออกหมายจับ แต่กลับมีการย้ายทั้งอธิบดีดีเอสไอและพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งไม่แน่ใจ ว่า ย้ายแล้วจะมีการออกหมายจับหรือไม่ และยังมีอีกหลายเรื่องที่ยังอยู่ในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
“การย้ายอธิบดีดีเอสไอ ผมเสียใจมาก แม้ผมจะเคยโดนย้ายตอนเป็นรองปลัดกระทรวงกลาโหม ถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่เหมือนนายสุนัยที่ทำเรื่องการทุจริตได้อย่างครอบคลุม เราต้องให้กำลังใจท่าน ซึ่งผม ได้โทรศัพท์ไปหานายสุนัยแล้ว เพื่อขอให้ดำเนินการฟ้องศาลปกครองในเรื่องดังกล่าว ซึ่งท่านบอกว่ากำลังอยู่ในระหว่างการตัดสินใจ ซึ่งในวันที่ 4 มีนาคม จะถึงนี้ ทาง ส.ป.ท. จะเดินทางไปให้กำลันายสุนัยและจะเรียกร้องให้ท่านฟ้องศาลปกครองในเรื่องของการโยกย้าย ซึ่งเชื่อว่าน่าจะมีข่าวดี ซึ่งการย้ายข้าราชการตนเห็นด้วยหากจะมีเหตุผลที่ชัดเจน ว่าประชาชนได้อะไร ก็สามารถย้ายเป็นรายวัน รายชั่วโมงเลยก็ได้ หากมีเหตุผลแต่เรื่องนี้ไม่มีเหตุผลและตนดีใจ ที่วันที่ 4 มี.ค.นี้ ผมจะได้เป็นประชาชนเต็มขั้น เป็นทองพูน โคกโพธ์ เป็นราษฎรเต็มขั้น เพราะสิ้นสุดการเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พร้อมจะลุยและอุทิศตัวในบั้นปลายของชีวิต ตอบแทนคุณแผ่นดินไม่ให้เสียชาติเกิด” พล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย
“สมบัติ ตรงกมลธรรม” ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย ซึ่งติดตามไปทำข่าวนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ระหว่างวันที่ 29 กุมภาพันธ์-1 มีนาคม 2551 รายงานว่า ภารกิจวันสุดท้ายในการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวของนายกรัฐมนตรีในวันนี้ (1 มี.ค.) โดยในช่วงเช้า นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปเยี่ยมชมตลาดเช้าทุ่งขันคำ ซึ่งได้รับการต้อนรับจากบรรดาแม่ค้าอย่างอบอุ่น
จากนั้นนายกรัฐมนตรีเข้าสักการะพระธาตุหลวง โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที และเดินทางไปที่สถานทูตไทยประจำสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เพื่อมอบนโยบายแก่ทีมไทยแลนด์ และพบปะชาวชุมชนไทยในลาว ก่อนที่จะเดินทางกลับโรงแรมที่พัก เพื่อร่วมพิธีส่งอย่างเป็นทางการกับนายบัวสอน บุบผาวัน นายกรัฐมนตรีลาว โดยทั้งสองฝ่ายได้มีการกล่าวอำลาต่อกัน นายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางไปที่ท่าอากาศยานนานาชาติวัดไต เพื่อเดินทางกลับไทยในเวลา 13.50 น. ซึ่งถือว่าสิ้นสุดภารกิจในการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวอย่างเป็นทางการ
นายสมัคร เปิดเผยถึงการเข้าเยี่ยมคารวะ พล.ท.จูมมะลี ไซยะสอน ประธานประเทศลาว เมื่อวานนี้ (29 ก.พ.) ว่า ได้มีการเชิญประธานประเทศลาวให้ไปเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้ยังมีการหารือเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ ซึ่งทั้งสองฝ่ายรู้สึกสบายใจใน 2 เรื่อง คือ เรื่องของการปักปันเขตแดน ซึ่งขณะนี้แล้วเสร็จ 96 % เหลือเพียงอีก 4% ก็จะแล้วเสร็จทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีเรื่องของความร่วมมือต่าง ๆ ซึ่งประเทศลาวไม่มีองค์กรพัฒนาเอกชน จึงสามารถขุดเหล็กนำมาใช้ได้โดยไม่ถูกคัดค้าน
นายสมัคร กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังได้พูดคุยกับประธานประเทศลาวเกี่ยวกับปัญหาผู้อพยพ คือ ม้งลาว ซึ่งลาวได้ยืนยันพร้อมที่จะรับกลับประเทศ แต่ต้องมีการตรวจสอบก่อน
“ผมเกิดมาไม่เคยเป็นนายกรัฐมนตรี ก็จะพยายามทำหน้าที่ หนักหน่อย เหนื่อยหน่อย ผมบอกว่าเหมือนอาสาขับรถ รถจะรุ่นอะไรก็ตาม ขอให้รู้ว่าเป็นเกียร์อัตโนมัติ ให้ถอยหน้า ถอยหลังตรงไหน ฝนตกก็ต้องมีที่ปัดน้ำฝน พอกลางคืนก็ต้องรู้เปิด-ปิดไฟตรงไหน ไปไกลหรือไม่ต้องดูน้ำมัน ว่าแท็งค์ใหญ่ขนาดไหน และปลอดภัยจริง ๆ ต้องดูน้ำมันเครื่อง ทั้งหมดนี้คณะผมโชคไม่ค่อยดี มาออกขับตอนค่ำหน่อย ถนนไม่ดีด้วย กระโดกกระเดกหน่อย แต่จะพยายาม” นายสมัคร กล่าว
นายสมัคร ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวคิดการสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำโขงระหว่างไทย-ลาว ว่า จะมีการยกระดับเขื่อน 18 เมตร และทำล้ำเข้าไปในเขตทั้ง 2 ฝั่ง 110 เมตร โดยเชื่อว่าเขื่อนนี้จะสามารถักเก็บน้ำไว้ใช้ในหน้าแล้ง ซึ่งจะทำให้แล้งน้อยกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม ทางประเทศลาวต้องการที่จะเซ็นสัญญาในทันที แต่ตนได้แจ้งให้ทราบว่าจะขอนำเรื่องเข้าพิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีก่อน ซึ่งหากเรียบร้อย จะได้ดำเนินการในทันที.-สำนักข่าวไทย
มีการวิเคราะห์จากสื่อเทศว่า การกลับมาครั้งนี้ ถือเป็นชัยชนะของ พ.ต.ท.ทักษิณที่มีเหนือการปฏิวัติยึดอำนาจ ซึ่งถ้าจะมองแนวนั้นก็คงไม่ผิด เป็นชัยชนะที่มีประชาชนเป็นคนตัดสิน
เป็นชัยชนะเหนืออำนาจนอกรัฐธรรมนูญ
จะว่าไปแล้วความจริง พ.ต.ท.ทักษิณชนะตั้งแต่มีการยึดอำนาจ แม้จะถูกต่อต้านสกัดจุดทุกวิถีทาง ถูกอำนาจรัฐอำนาจจากปลายกระบอกปืนจำกัดสิทธิและเสรีภาพทุกอย่าง ช่วงชิงอำนาจไปจากในมือ
แต่ พ.ต.ท.ทักษิณก็ยังมีพื้นที่
ยังโค่น พ.ต.ท.ทักษิณไม่ลง ยิ่งนานก็ยิ่งเกิดคะแนนสงสารเพราะความเห็นอกเห็นใจ บางครั้งบทบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ระหว่างที่อยู่ต่างประเทศยังชิงพื้นที่ได้มากกว่าคนที่อยู่ในประเทศเสียอีก
ยังมีคนกลุ่มหนึ่งถามหา ยังมีรากหญ้าส่วนใหญ่ให้ความศรัทธาอย่างไม่เสื่อมคลาย เป็นขวัญใจคนชนบท พ่อค้าแม่ค้า แท็กซี่ สามล้อ จิปาถะ
ทั้งนี้ก็เป็นเพราะต้นทุนที่ทำเอาไว้สูงกว่าคนอื่น
กลายเป็นบารมี ไม่ว่านับตั้งแต่วันนี้ไปอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม หรือ พ.ต.ท.ทักษิณจะอยู่ในฐานะใด ก็ยังชนะอยู่ดี เพราะยังยึดพื้นที่ยึดความศรัทธาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น
เป็นการเอาชนะใจประชาชน
มีคำถามหนึ่งที่พยายามถาม พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ตลอดเวลา ปัจจัยพร้อมขนาดนี้ จะหันหลังให้การเมืองจริงหรือ วางมือทางการเมืองแน่หรือไม่ ทำใจได้หรือ
ผมก็เห็น พ.ต.ท.ทักษิณตอบคำถามว่าพอแล้ว Enough ถอยดีกว่าไม่เอาดีกว่า วางมือการเมืองไปแล้ว ของอย่างนี้จะจริงหรือไม่ต้องรอดูวันข้างหน้า
แต่ส่วนหนึ่ง และเป็นส่วนสำคัญที่ พ.ต.ท.ทักษิณตัดสินใจต่ออนาคตทางการเมือง ก็คือ ครอบครัว ว่ากันว่าในช่วงปีเศษๆที่ผ่านมา ชีวิตพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือเพราะวิกฤติการเมือง ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณมองอะไรทะลุปุโปร่งขึ้นเยอะ
ต้องเห็นสภาพครอบครัวต้องเจอกับปัญหาหนักๆ ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณนั่งคิดนอนคิด ก่อนที่จะตัดสินใจวางมือการเมือง ซึ่งก่อนหน้านี้ ก่อนที่จะเกิดวิกฤติ พ.ต.ท.ทักษิณเคยวางแผนชีวิตไว้แล้วหลังพ้นตำแหน่งนายกฯ เมื่ออายุ 60 ปีพอดี
ส่วนตัวอยากเป็นอาจารย์สอนหนังสือ ท่องเที่ยวใช้เงิน ลูกๆก็ให้ทำธุรกิจเล็กๆ อาจจะเป็นโรงแรมหรือเอนเตอร์เทนเมนท์ทำนองนี้ ขนาดมองทำเลที่จะไปทำธุรกิจโรงแรมที่แอฟริกาใต้โน่นเพราะสงบดี ผมว่าเมื่อข้างหนึ่งกล้าประกาศว่าพอแล้ว อีกฝ่ายหนึ่งที่ชอบสร้างเงื่อนไข ชอบนั่งวิจารณ์คนอื่น รู้จักคำว่าพอหรือยัง.
หมัดเหล็ก
คอลัมน์ คาบลูกคาบดอก
ประธานสนช. กล่าวเปิดใจการทำหน้าที่ว่า 1 ปี ที่ผ่านมา ต่างได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน และโลกที่เปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก ทำให้รู้ตัวตนของตัวเองว่า เปรียบเสมือนไดโนเสาร์ในแวดวงการเมือง เพราะการเมืองยุคใหม่มีวิธีคิดและวิถีปฏิบัติทางการเมืองต่างจากอดีตอย่างสิ้นเชิง จึงได้ตัดสินใจแล้วว่า จะเลิกยุ่งเกี่ยวกับการเมือง
“ด้วยอายุที่มากขึ้น ทำให้รู้สึกเฉย ๆ และหมดความกระตือรือร้นต่อทางการเมืองมากขึ้น ๆ ผมได้ข้อสรุปว่า การเมืองคงไม่ใช่เรื่องที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้อีกแล้ว ไม่ใช่เพราะอื่นใด แต่เป็นเพราะว่า การเมืองปัจจุบันทำให้ผมได้คิด และวิธีปฏิบัติไม่เหมือนกับในอดีต จะว่าใครผิดหรือถูก คงยาก เพราะโลกพัฒนาไป”นายมีชัย กล่าว และว่า การเลี้ยงในวันนี้ ไม่ใช่เลี้ยงอำลา แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการพบปะกันในวันข้างหน้า ซึ่งจะตั้งชมรม สนช.เป็นเวทีพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และสานต่อความสัมพันธ์ว่า ครั้งหนึ่งเคยทำหน้าที่อันทรงเกียรติในรัฐสภา
ชีวิตพลิกผันจากวันที่เดินทางออกนอกประเทศไทยในฐานะนายกรัฐมนตรี แต่กลับมาต้องถูกตำรวจประกบพาตัวไปมอบตัวต่อศาล ต้องพิมพ์ลายนิ้วมือเหมือนอาชญากรทั่วไป
โดนการเมืองเล่นซะอ่วมอรทัย
ก็ไม่น่าแปลกใจที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะประกาศเลิกเล่นการเมือง ย้ำแล้วย้ำอีกเป็นสิบๆรอบ ได้ยินกันไปทั่วโลก
แต่ก็ยังมีคนไม่เชื่ออยู่ดี
ไม่ต้องพูดถึงยี่ห้อพันธมิตรม็อบไล่ “ทักษิณ” ที่ไม่มีหน้าที่เชื่อคนชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” เป็นปกติวิสัยอยู่แล้ว และในอารมณ์ใกล้เคียงกันกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่โดยจุดยืนไม่มีทางวางใจคำพูดของอดีตนายกฯง่ายๆ
ที่น่าสนใจก็คือพวกที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย มุมมองของสื่อมวลชนต่างประเทศ สะท้อนจากบทวิเคราะห์ของนายโจนาธาน เฮด นักวิเคราะห์และผู้สื่อข่าวบีบีซีประจำกรุงเทพฯ มองว่า การที่ พ.ต.ท. ทักษิณ ออกมาบอกว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีกนั้น ไม่น่าจะทำได้จริงตามที่ได้แถลงเอาไว้
เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณมีบทบาทและมีอิทธิพลต่อการเมืองไทยเป็นอย่างมากโดยเฉพาะช่วง 5-6 ปีมานี้ ประชาชนโดยเฉพาะในชนบทที่เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศไทยให้ทั้งความรักและการสนับสนุนนับสิบล้านคน
อีกทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้ให้การสนับสนุนทางการเงินรายสำคัญกับพรรคพลังประชาชน พรรคแกนนำรัฐบาลของไทยในขณะนี้ ที่เพิ่งชนะเลือกตั้งเมื่อเดือนธันวาคมที่แล้ว
ดังนั้น เมื่อพิจารณาหลายองค์ประกอบข้างต้นแล้ว จึงมีความมั่นใจว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะต้องหวนคืนเวทีการเมืองของไทยอย่างแน่นอนในอนาคต
สื่อฝรั่งฟันธงทะลุเลย
เบื้องต้นประเมินกันง่ายๆ เหล่าขุนศึกสายตรงนายใหญ่ที่เกาะเอวซ้ายเกาะเอวขวา ลากกระเตงกันขึ้นมาใหญ่ในยุครัฐบาลไทยรักไทยรุ่งโรจน์ พรวดพราดขึ้นชั้นมายืนอยู่แถวหน้าๆ
ปัญหาก็คือ ถ้าไม่มี “ทักษิณ” ก็ไม่มีที่ยืนทางการเมือง
ยังไงก็ต้องตื๊อให้นายใหญ่ลุยต่อ
ไหนจะนักเลือกตั้งในเครือข่ายอดีตพรรคไทยรักไทยที่จำเป็นต้องอาศัยการพะยี่ห้อ “ทักษิณ” เป็นจุดขาย โดยเฉพาะฐานใหญ่ในภาคอีสานกับภาคเหนือ
ขาด “ทักษิณ” ก็แทบขาดใจ
ยังไงก็ไม่เชื่อว่า “ทักษิณ” จะเอาหูทวนลม กับเสียงเรียกร้องของแฟนพันธุ์แท้รากหญ้า ที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ผลการเลือกตั้งที่ผ่านมา แม้จะโดนล็อกทุกวิถีทาง แต่ด้วยศรัทธาในยี่ห้อ “ทักษิณ” พรรคพลังประชาชนแหกด่านโหดเข้ามาเป็นแกนนำจัดรัฐบาลได้
ปัจจัยหลักคือประชาชนในระดับกลางลงไปถึงระดับรากหญ้าพร้อมใจกันสวนหมัดฝ่ายยึดอำนาจ เลือกพรรคพลังประชาชน เพราะติดใจในผลงานรัฐบาลพรรคไทยรักไทย และเชื่อมั่นในกึ๋นบริหาร
อยากได้คนชื่อ “ทักษิณ” กลับมาฟื้นประชานิยม
คืนความกินดีอยู่ดี
เหนืออื่นใด กับประโยคที่อดีตนายกฯทักษิณตั้งใจเน้นเป็นพิเศษ
“การกลับมาในวันนี้ ผมไม่ต้องการที่จะเข้ายุ่งเกี่ยวกับการเมือง แม้จะมีบางคนสงสัย และที่เป็นห่วงว่าผมจะกลับมาแข่งขันทางการเมือง ให้สบายใจได้ว่า ต่อไปนี้ผมจะขอใช้ชีวิตกับครอบครัว ปีนี้ก็อายุ 59 ปีแล้ว”
“ทักษิณ” ให้สบายใจไม่แข่งใคร
ในทางตรงกันข้าม คู่ต่อสู้นี่แหละจะเป็นแรงกระตุ้นให้ เลิกไม่ได้
โดยเกมเลยเหล่าอำมาตยาธิปไตยที่จะต้องใช้ยุทธศาสตร์ยื้อยุดฉุดกระชากกับ “ทักษิณ” เป็นเงื่อนไขในการรวมศูนย์อำนาจ ชิงการนำประเทศไทย
ต้องไล่บี้ไล่ต้อนให้ “ทักษิณ” จนตรอก แหย่ให้ออกจากมุมมาบู๊กัน
มุกเดียวกันกับคู่อริทางการเมือง เหล่าพันธมิตรม็อบไล่ที่จำเป็นต้องอาศัยเกมถล่ม “ทักษิณ” เป็นแรงกระตุ้นกลุ่มคนระดับกลางถึงระดับบนที่ต่อต้านระบอบทักษิณ
เพื่อเป็นฐานการชิงพื้นที่ยืนทางการเมือง.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน
คอลัมน์ ข่าวการเมือง(วิเคราะห์)
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ได้คิดอย่างรอบคอบแล้ว ก่อนลงนามคำสั่งย้าย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้ไปปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี และคิดว่าเรื่องนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาล จนนำไปสู่ความขัดแย้ง ซึ่งมั่นใจว่า นายกรัฐมนตรีจะชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจได้.
ชมรายละเอียด สำนักข่าวไทย
นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการปฏิบัติราชการแก่ข้าราชการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ว่า ได้มอบนโยบาย 9 ข้อให้ ก.พ.ร.ดำเนินการ อาทิ การติดตามแผนการบริหารราชการแผ่นดิน เมื่อจัดทำเสร็จให้นำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติในการทำงานให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ให้ติดตามการบริหารงานของผู้ว่าราชการจังหวัดแบบบูรณาการ ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาล ดังนั้น การจัดทำโครงการต่าง ๆ ต้องมีการบูรณาการแผนงานทั้งหลายเข้าด้วยกัน เพื่อให้เกิดเอกภาพและเป็นประโยชน์สูงสุด
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ให้ส่งเสริมหลักธรรมาภิบาลซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของนโยบายรัฐบาล เรื่องธรรมาภิบาลมีความสำคัญ เมื่อนำมาใช้จะทำให้การบริหารราชการแผ่นดินมีความโปร่งใส รักษาประโยชน์ของราชการ รักษาผลประโยชน์ของประชาชนและที่สำคัญสามารถจะปลอดจากการทุจริตคอร์รัปชั่น
“ผมได้ฝากให้ทาง ก.พ.ร.หามาตรการป้องกันการทุจริตคอร์รัปชั่น ที่ผ่านมาเป็นเรื่องของการมีกฎหมายต่าง ๆ แต่เรามักมุ่งเน้นไปที่ปลายเหตุ มุ่งเน้นไปที่การปราบปราม ดังนั้น ทาง ก.พ.ร.ควรหาทางคิดกลไกในการบริหารราชการต่าง ๆ ที่สามารถป้องกันการทุจริตประพฤติมิชอบได้ เพราะเราเน้นเรื่องของการป้องกันเป็นเรื่องสำคัญ” นายชูศักดิ์ กล่าว
นายชูศักดิ์ กล่าวว่า การจัดระบบบริหารราชการส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่นให้มีขอบเขตอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบที่ชัดเจน เพราะที่ผ่านมามีปัญหาซ้ำซ้อนไม่กลมกลืนกันอยู่ ส่วนการประเมินผลและการให้เงินรางวัลที่ ก.พ.ร.ทำอยู่นั้นให้ดูให้เป็นธรรม และอย่าทำให้การประเมินผลเป็นเรื่องหลักสำหรับการบริหารราชการในหน่วยงานนั้น และลดเรื่องของงานที่เป็นเอกสารให้น้อยที่สุด ทั้งนี้ตนได้ขอให้ ก.พ.ร.เร่งดำเนินการจัดรายละเอียดระเบียบการประเมินและให้รางวัลตามเกณฑ์การจัดสรรเงินรางวัลโบนัสข้าราชการประจำปี 2550 วงเงิน 5,550 ล้านบาท ให้แล้วเสร็จ และจัดสรรให้กับส่วนราชการได้ทันเดือนเมษายน 2551 เพื่อให้ทันวันเปิดเทอม
เมื่อถามว่าจะมีการทบทวนนโยบายผู้ว่าราชการจังหวัดแบบบูรณาการขึ้นมาใหม่ใช่หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวยอมรับว่า ใช่ หลังจากที่รัฐบาลชุดของ พล.อ.สุรุยทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้กำหนดร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารจัดทำงบประมาณแผนพัฒนากลุ่มจังหวัดและจังหวัด พ.ศ. .. ขึ้น ซึ่งร่างฉบับนี้ยังค้างอยู่ช่วงรัฐบาลที่แล้วเพื่อรอการตัดสินใจจากรัฐบาลใหม่ หากกฤษฎีกาฉบับนี้ออกมาใช้แล้ว ต่อไปนี้รัฐบาลก็จะตั้งงบประมาณที่จังหวัดหรือกลุ่มจังหวัดนั้นได้เลย ซึ่ง ก.พ.ร.จะทำหน้าที่กำหนดแผนวิเคราะห์ วิธีการตั้งงบประมาณให้เป็นระบบ และเป็นเกณฑ์ในการจัดสรรงบประมาณได้ คิดว่าจะนำร่างกฤษฎีกาตัวนี้มาดู เพื่อทบทวน และคิดว่าในหลักการหาก ก.พ.ร.กลั่นกรองมาดีแล้วก็จะเสนอ ครม.ต่อไป.-สำนักข่าวไทย
พร้อมกันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังได้นำนักเตะแมนฯซิตี้ 2 คน คือ แคสเปอร์ ชไมเคิล นายทวารสำรอง และ เควิน เอทูฮู ศูนย์หน้าชุดเยาวชนแมนฯซิตี้ ชาวไนจีเรีย บินจากฮ่องกง มากรุงเทพฯ พร้อมกับตน เพื่อเปิดคลินิกสอนฟุตบอล สำหรับเยาวชน ในขณะที่สโมสรกำลังมองหาสถานที่ที่เหมาะสมที่จะสร้างสถาบันลูกหนังในประเทศไทย
ด้าน แคสเปอร์ ชไมเคิล ลูกชายของปีเตอร์ ชไมเคิล อดีตตำนานผู้รักษาประตูทีมแมนฯยู ซึ่งเดินทางมา พร้อมกับประธานสโมสรได้ให้สัมภาษณ์ผ่านสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า 'ท่านประธานเป็นคนที่สุภาพและดีมากๆ มีความมุ่งมั่นและความตั้งใจจริงที่จะนำพาสโมสรให้ประสบผลสำเร็จ'
นอกจากนี้พ.ต.ท.ทักษิณยังเผยด้วยว่าช่วงเวลาต่อจากนี้จะทำคุณประโยชน์ให้กับแผ่นดิน และจะใช้เวลาในประเทศไทยเพื่อโปรโมตและพัฒนาฟุตบอลไทยผ่านทีมสโมสรแมนฯซิตี้ ที่ตัวเองเป็นเจ้าของ ซึ่งที่ผ่านมาได้ให้ทีมชาติไทยไปเก็บตัวฝึกซ้อมที่สโมสรแมนฯซิตี้ ส่วนแผนงานในอนาคตอาจจะมีการจ้างโค้ช ต่างชาติมาช่วยสอนทีมชาติไทยร่วมกับโค้ชชาวไทย
ด้านสองนักเตะลูกทีมเรือใบสีฟ้า เดินทางไปสอนคลินิกบอลตอนช่วงหกโมงเย็นที่เมืองทองธานี จากนั้นวันรุ่งขึ้น 29 ก.พ. มีกำหนดไปเปิดคลินิกบอลที่สนามราชมังคลาฯ พร้อมฟาดแข้งนัดพิเศษ จากนั้นเดินทางต่อไปจ.สุราษฎร์ธานี เพื่อเปิดคลินิกบอลให้เยาวชนทางภาคใต้อีกด้วย
คตส. 29 ก.พ.51-นายแก้วสรร อติโพธิ เลขานุการคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำ ที่ก่อให้เกิด ความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ในฐานะอนุกรรมการไต่สวนคดี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกนโยบายเอื้อประโยชน์ให้กับตัวเองและพวกพ้อง แถลงภายหลังการประชุมอนุกรรมการไต่สวน ว่า ที่ประชุมมีมติยกคำร้องของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่มอบอำนาจให้ทีม
ทนายยื่นคำร้องขอตรวจสอบสำเนาเอกสาร ในคดียึดทรัพย์และคดีอาญาการแปลงค่าสัมปทาน เป็นภาษีสรรพสามิต โดยทุจริต และการคงถือไว้ซึ่งหุ้นสัมปทาน การได้ทรัพย์สินมาโดยมิสมควร โดยใช้อำนาจ ในตำแหน่งน้าที่มิสมควร เนื่องการทำงานอนุกรรมการถือว่าอยู่ในชั้นไต่สวนที่มีการตั้งข้อกล่าวหา และให้ผู้ถูกกล่าวหา มาชี้แจง ซึ่งแตกต่างจากการทำงานในชั้นศาล ที่ให้สิทธิ์ผู้ถูกกล่าวหาเข้าตรวจสอบเอกสารสำนวนได้
นายแก้วสรร กล่าวว่า เอกสารหลักฐานของอนุกรรมการก็ขอมาจากนางกาญจนาภา หงส์เหิน เลขานุการส่วนตัวคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา ดังนั้นหากอยากได้ก็ไปขอจากตัวความเอง และ คตส.อยากให้ทีมทนายขอเอกสารเผื่อด้วย เพราะเอกสารที่ คตส.ขอไปจากนางกาญจนา ยังได้ไม่ครบ ทั้งนี้คดีดังกล่าวอนุกรรมการได้มีการอนุมัติให้ พ.ต.ท.ทักษิณ
เลื่อนวันชี้แจงข้อกล่าวหาออกไปถึงวันที่ 6 มี.ค.นี้ตามคำขอของทีมทนาย ซึ่งไม่แน่ใจว่าความจริงแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ได้อ่านข้อกล่าวหาของ คตส.หรือยัง เพราะขณะนี้อนุกรรมการยังไม่รับหนังสือใบเซ็นรับ ทราบ ข้อกล่าวหาของ พ.ต.ท.ทักษิณ เลย
'ในโอกาสนี้ เป็นโอกาสดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับประเทศไทยแล้ว โปรดขอให้ใช้สิทธิ์มาชี้แจง ถ้ามาชี้แจงด้วยตัวเองได้ยิ่งดี จะได้อ่านข้อกล่าวต่างๆ ได้เข้าใจ หากไม่เข้าใจ คตส.จะได้อธิบายให้เข้าใจเพิ่มเติม หรือจะใช้ทนายมาแทนก็ได้ แต่ต้องให้ข้อมูลข้อเท็จจริงกับทีมทนายให้ครบ เพราะจนบัดนี้ไม่ทราบว่า ท่านบอกเรื่องจริงกับทีมทนายหมดหรือยัง' นาย แก้วสรร กล่าว
เมื่อถามว่าดูเหมือน พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ให้ค่ากับการปฏิบัติหน้าที่ของ คตส. นายแก้วสรร กล่าวว่า เห็น พ.ต.ท.ทักษิณ ประกาศตัวว่าจะมาสู้คดี ถ้าจะสู้คดีก็ต้องสู้ให้เต็มตัว ถ้าไม่เชื่อ คตส. และไม่เชื่อศาล ก็ไม่ต้องกลับมา เพราะข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไรก็ไปว่ากันที่ศาล และถ้าเชื่อศาลก็ให้ทิ้ง คตส.ไปเลย เราจะได้รีบทำคดีให้ไปถึงชั้นศาล ทั้งนี้การทำงานของ คตส.เพื่อไม่อยากให้บ้านเมืองแตกแยก ไม่อยากให้มองว่าใครรัก ไม่รัก พ.ต.ท.ทักษิณ แต่กระบวนการทั้งหมดก็ไปว่ากันในชั้นศาล
เมื่อถามว่าอยากฝากอะไรไปถึง พ.ต.ท.ทักษิณ นายแก้วสรร กล่าวว่า ตนไม่อยากเห็นคนไทยทะเลาะกัน หากเห็นว่าประเทศไทยควรสงบ ก็ขอให้ความร่วมมือกับ คตส.และให้กระบวนการยุติธรรมเป็นตัวตัดสิน เอาความจริงไปว่ากันในชั้นศาล
ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรม และทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง นายแก้วสรร ยืนยันว่า คตส.ทำงานด้วยความเป็นธรรม แต่อยู่ที่ว่าคนจะเชื่อใคร ต่างคนก็ต่างพูดว่าตัวเองพูดถูก มนุษย์ขี้เหม็นกันทุกคน ถ้ายังเชื่อมั่นข้อมูลของตัวเองก็ให้รีบไปศาลเลยสิ แล้วก็หุบปากซะ
เมื่อถามว่ากลัวว่าจะมีการแทรกแซงการทำงานหรือไม่ นายแก้วสรร กล่าวว่า อย่าหยุด คตส. เพราะต้อง ทำหน้าที่เอาคดีขึ้นศาล หากไม่ทำก็ถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ แต่ถ้าจะหยุด คตส.ทำได้อย่างเดียวคือแก้กฎหมาย
โดยบรรยากาศที่โรงแรม ต่างมีสื่อมวลชนสายกีฬาจากสถานีโทรทัศน์มารอสัมภาษณ์ทั้ง 2 นักเตะ กันหลายช่อง ซึ่งทั้งแคสเปอร์และเอตูฮู ต่างก็เปิดโอกาสให้นักข่าวสัมภาษณ์กันอย่างเต็มที่ โดยชไมเคิลน้อย เปิดเผย กับผู้สื่อข่าวว่า รู้สึกตื่นเต้นกับการมาเยือนเมืองไทยเป็นหนแรกในชีวิต อึ้งไปเหมือนกันที่ได้เห็นผู้คนมากมาย มารอรับท่านประธานสโมสรที่สนามบิน ความจริงก็คิดว่าคงต้องมีคนมารับท่านอยู่แล้วเพราะเป็นถึงอดีตผู้นำประเทศ แต่นึกไม่ถึงว่าจะมากันเยอะขนาดนี้และแต่ละคนดูจะรักใคร่และคิดถึงประธานทักษิณเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
นายทวารดาวรุ่งของทีมแมนฯซิตี้ เผยต่อไปว่า ที่ผ่านมาท่านประธานสโมสรชอบคุยให้ฟังถึงเรื่องประเทศ ไทยอยู่บ่อยๆ ทั้งเรื่องความสวยงามของศิลปวัฒนธรรม ความงามของธรรมชาติทั้งขุนเขาและท้องทะเล รวมถึง อัธยาศัยที่น่ารักของคนไทยที่ยิ้มง่ายและพร้อมให้การต้อนรับผู้คนจากทุกชาติ ทำให้ตนใฝ่ฝันอยู่เสมอว่าวันนึง อยากจะมาเที่ยวเมืองไทยสักครั้งและวันนี้ก็ได้มาแล้ว ซึ่งวัตถุประสงค์หลักของการมาไทยหนนี้ก็เพื่อมาเปิด คลินิก สอนฟุตบอลให้เยาวชนไทยโดยเฉพาะ รวมทั้งมาพบปะแฟนบอลชาวไทยที่ได้ยินข่าวว่ามีหลายคนที่ชื่นชอบ ทีมเรือใบสีฟ้าและรู้จักตนเป็นอย่างดี
นอกจากนี้ แคสเปอร์ยังกล่าวชื่นชมประธานทักษิณ ชินวัตร ว่าเป็นผู้เข้ามาชุบชีวิตทีมแมนฯซิตี้ อย่างแท้จริง แม้ว่าตนจะอายุยังน้อยแต่ก็อยู่กับสโมสรมาหลายปีตั้งแต่ ทีมเยาวชน ดังนั้น จึงเห็นความเปลี่ยนแปลง อย่างเห็น ได้ชัด ของสโมสรหลังการเข้ามาของอดีตนายกฯ ประเทศไทย ทั้งเรื่องของเม็ดเงินที่ถูกทุ่มเข้ามาบริหารทีม เรื่องของการดึง นักเตะฝีเท้าดีเข้ามาร่วมทัพ ที่สำคัญเราได้โค้ชมือระดับโลกอย่าง สเวน โกรัน อีริคสัน มาเป็นกุนซือใหญ่ ทำให้ผลงาน ของทีมจากที่เคยดิ้นรนหนีตกชั้นทุกฤดูกาล เปลี่ยนมาเป็นได้ลุ้นโควตาบอลยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ซึ่งมันตรงข้ามกัน โดยสิ้นเชิง และในส่วนตัวแล้วคิดว่าปีนี้หากสโมสรจบฤดูกาลด้วยติดอันดับ 1-7 ก็ต้องถือว่าน่าพอใจเพราะจะได้ไปเล่น ในถ้วยยูฟ่าคัพ ซึ่งถือเป็นการเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป ส่วนตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีกนั้นตนมองว่าทีม 'ปีศาจแดง' แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด น่าจะมีภาษีที่จะป้องกันแชมป์ได้อีกสมัย เพราะทั้งประสบการณ์ และประสิทธิภาพของผู้เล่น ที่มีอยู่ตอนนี้ดูดีกว่าอาร์เซนอล
ส่วนมุมมองที่มีต่อนักเตะเอเชีย โดยเฉพาะ 3 แข้ง ทีมชาติไทย สุรีย์ สุขะ, ธีรศิลป์ แดงดา และเกียรตประวุฒิ สายแวว ที่เซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพในสังกัดทีมเรือใบสีฟ้า และกำลังจะไปเล่นในลีกสวิตเซอร์แลนด์ กับสโมสร กราสฮอปเปอร์ ซูริกด้วยสัญญายืมตัว 1 ฤดูกาลนั้น ทายาทนายประตูคนดังของทีมปีศาจแดง กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องที่ดีมากสำหรับทั้ง 3 คน ที่จะได้ไปหล่อหลอมฝีเท้าอยู่กับกราสฮอปเปอร์ฯซึ่งจัดเป็นทีมที่ดีทีมหนึ่งในยุโรป โดยตนเชื่อว่าที่นี่จะเป็นที่ฟูมฟักนักเตะไทยได้เป็นอย่างดี เพื่อปรับสภาพร่างกาย ปรับความแข็งแกร่ง ให้คุ้นเคย กับลีกยุโรป จากนั้นในอนาคตก็จะกลับไปเล่นในอังกฤษได้อย่างสบาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการให้สัมภาษณ์รายการทีวีอยู่นั้น แคสเปอร์ ชไมเคิล ได้เกิดอาการเลือดกำเดา ไหลออกมาทางจมูก ทำให้ต้องหยุดถ่ายไปพักใหญ่เพื่อซับเลือด แต่เจ้าตัวก็ยังยิ้มอารมณ์ดีโดยบอกว่าสงสัย จะยังปรับตัวให้เข้ากับอากาศร้อนไม่ได้ แต่ก็ถือเป็นเรื่องธรรมดาแค่นี้จิ๊บจ๊อยเพราะตั้งแต่ตนเป็นผู้รักษาประตูมา โดนลูกบอลอัดดั้งจมูกระหว่างซ้อมและแข่งนับครั้งไม่ถ้วนจนเลือดออกจมูกเป็นประจำ
ขณะเดียวกัน ทางด้านเคลวิน เอตูฮู นักเตะผิวหมึก หลังเสร็จการสัมภาษณ์ก็ออกไปช็อปปิ้ง ที่ห้างสรรพสินค้าภายในโรงแรมทันที โดยเจ้าตัวควักกระเป๋าซื้อเพชรหมดไปกว่าแสนบาท โดยรูดเงินสดจาก บัตรเครดิตมาจ่ายอย่างสนุกมือ จากนั้นในช่วงเย็นทั้ง 2 นักเตะ ได้ไปวอร์มยืดเส้นยืดสายเบาๆร่วมกับทีมเมืองทอง-หนองจอก ยูไนเต็ด ที่สนามฟุตบอลเมืองทองธานี
สำหรับโปรแกรมของ 2 นักเตะดาวรุ่งทีม แมนฯซิตี้ ในวันที่ 29 ก.พ. จะเปิดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ ในเวลา 15.00 น. ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน จากนั้นในเวลา 16.00 น. จะลงไปเปิดคลินิกสอนบอลให้เยาวชนไทย และปิดท้ายด้วยการลงโชว์แข้งในฟุตบอลนัดพิเศษ ระหว่างทีมเมืองทอง-หนองจอก ยูไนเต็ด กับทีมราชวิถี ซึ่งตามโปรแกรมที่มูลนิธิไทยคมจัดไว้ ทางอดีตนายกฯทักษิณจะมาร่วมในโครงการครั้งนี้ด้วย และอาจจะสวมสตั๊ดลงฟาดแข้งร่วมกับทีมเมืองทองฯด้วยหากโอกาสเหมาะสม
จากนั้นในวันเสาร์ที่ 1 มี.ค. ทั้งแคสเปอร์และเอตูฮู ก็จะเดินทางลงสู่ภาคใต้ ที่ จ.สุราษฎร์ธานี ตามโครงการมูลนิธิไทยคม ที่จะพาเยาวชนไทยไปแมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดยจะทำการคัดเลือกกันที่ สนามกีฬากลางจังหวัด ซึ่ง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กรรมการและเลขานุการมูลนิธิไทยคม เปิดเผยว่า มูลนิธิไทยคม พร้อมคณะกรรมการคัดเลือก ซึ่งประกอบด้วย ผู้ฝึกสอนจากสถาบันโควเวอร์ โค้ชชิ่ง 'เดอะตุ๊ก' ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน, สิทธิพร นิยม และ 2 นักเตะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะเดินทางไปคัดเลือก พร้อมกับเปิดฟรีคลินิกสอนทักษะฟุตบอล ขั้นพื้นฐานให้กับเยาวชนในภาคใต้ด้วย โดยเยาวชนภาคใต้สนใจจะเข้าร่วมโครงการ สมัครที่โทร. 0-7728-3668
สำหรับโครงการ 'มูลนิธิไทยคม เปิดประสบการณ์ระดับโลกพาเยาวชนไทยไปแมนเชสเตอร์ซิตี้' จะเริ่มเปิดคัดเด็กทุกภาคของประเทศ โดยเริ่มจากภาคใต้ ที่สนามกีฬากลาง จ.สุราษฎร์ธานี เป็นแห่งแรก ในวันที่ 1 มี.ค. และจะคัดเยาวชน 30 คน เพื่อเข้าสู่โครงการไทยคมฟุตบอลแคมป์ ที่ศูนย์กีฬาเมืองทองธานี ในระหว่างวันที่ 24-30 มี.ค.ต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะยุติบทบาททางการเมือง น.ต.ประสงค์ กล่าวว่า โดยนิตินัยพ.ต.ท.ทักษิณ ทำกิจกรรมทางการเมืองไม่ได้อยู่แล้ว แต่โดยพฤตินัยก็ต้องระวังเพราะพฤติกรรม จะเข้าข่ายขัดคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะเป็นการหนุนพรรคการเมือง หรือมีส่วนในการแต่งตั้ง ตำแหน่งต่างๆในรัฐบาลล้วนทำไม่ได้ หากมีการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความก็จะเกิดปัญหาทันที ตั้งแต่อยู่ที่ฮ่องกง หรืออังกฤษมีคนไปพบมากมาย คุณอาจจะไม่รู้ว่ามีการแอบถ่ายภาพอัดเสียงเอาไว้หมดแล้ว
น.ต.ประสงค์ กล่าวว่า สำหรับผู้ที่มีตำแหน่งในรัฐบาลที่ไปรับอดีตนายกรัฐมนตรี ถึงสนามบิน นั้นขอให้ คำนึงถึงความเหมาะสม เพราะคนที่ไปรับนั้นเป็นจำเลยที่หนีหมายจับ ดังนั้น ทำอะไรขอให้อย่าฮึกเหิม ไม่เช่นนั้น จะทำให้ความรู้สึกของคนในบ้านเมืองร้อนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะการอาละวาดด้วยการโยกย้ายข้าราชการ หลายตำแหน่งในช่วงนี้ ตนสงสัยว่ามีเป้าหมายเพื่อกรุยทางให้ พ.ต.ท.ทักษิณ สามารถสั่งงาน สั่งการได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะการย้ายอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ขอถามว่าเป็นการย้ายเข้าไปทำลายหลักฐานเกี่ยวกับ คดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ เนื่องจากในดีเอสไอมีข้อมูลหลักฐานอยู่เป็นจำนวนมาก หลายคดี
นอกจากนี้ ยังเห็นว่า การย้ายข้าราชการหลายคนในช่วงนี้ เป็นการข่มขู่ข่มขวัญข้าราชการ คนอื่นให้เกรงกลัว ไม่ให้ทำหน้าที่ เรื่องอย่างนี้ไม่มีใครทำกัน แม้แต่รัฐบาลปฏิวัติยังไม่ทำถึงขนาดนี้ ดังนั้น ขอให้ข้าราชที่มีเกียรติยศ ศักดิ์ศรี ดำเนินกิจการงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ต่อไปอย่าหวั่นไหว หากใครถูกละเมิดก้าวก่าย หรือแทรกแซงก็ขอให้มาบอกตน เพราะในฐานะผู้ร่างรัฐธรรมนูญจะชี้ให้ดูว่ามีการกระทำที่ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ตนจะช่วยเต็มที่
'บ้านเมืองต่อจากนี้จะไม่สงบ ซึ่งคนที่ทำให้ไม่สงบก็คือพวกรัฐบาลที่กำลังฮึกเหิม สร้างความ แตกแยก ให้บ้านเมือง จัดตั้งมวลชนไปรับ พ.ต.ท.ทักษิณ สร้างความรู้สึกให้คนเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน ถ้ารัฐบาลยังทำอะไร ไม่เกรงอกเกรงใจชาวบ้าน บ้านเมืองก็จะไม่สงบ โดยเฉพาะคนที่ปาดน้ำตาอย่ามาสร้างความแตกแยก ตอนนี้ไม่มีตำแหน่งอย่าคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่ อย่าไปสร้างความไม่สบายใจให้กับคนที่มีตำแหน่งจน กลายเป็นอยู่ใน สภาพต่างคนต่างเป็นใหญ่ หากเป็นแบบนี้จะบริหารราชการแผ่นดินไม่ได้ เพราะมัวแต่ทะเลาะกันเอง เมื่อเป็นจำเลย ก็ควรอยู่อย่างสงบเสงี่ยม เมื่อศาลนัดก็ให้ไป อย่าหาข้ออ้างยืดเวลาอีก' น.ต.ประสงค์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการสัมภาษณ์เสร็จสิ้นลง น.ต.ประสงค์ ได้หยอกล้อกับผู้สื่อข่าวด้วยการ ย่อเข่าลงบนพื้นของอาคารรัฐสภา เพื่อจะก้มลงจูบแผ่นดิน อยู่หลายครั้ง โดย 'ประสงค์'ตามเหน็บ'ทักษิณ' ชี้สร้างภาพกราบพื้น
โอกาสนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พร้อมครอบครัว ได้ร่วมฟังพระพิธีธรรม สวดพระอภิธรรมพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนากรมหลวงนราธิวาส ราชนครินทร์ด้วย
ชมรายละเอียด
ครอบครัวชินวัตรร่วมพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ
จาก hi-thaksin
โดยก่อนขึ้นรถ พ.ต.ท. ทักษิณ ได้ทักทายประชาชน และเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม โดย อดีตนายกฯ ได้ใช้รถคันใหม่ ยี่ห้อ โฮลเด้นท์ สีเทาดำ กันกระสุนทั้งคัน นำเข้าจากประเทศ ออสเตรเลีย
สำหรับบรรยากาศที่บริเวณ หน้าโรงแรมเพนนินซูลา ยังไม่มีเหตุการณ์ผิดปกติใด ๆ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของชุดรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ทั้งนี้ พล.ต.ต. อรรถสิทธิ์ ชาลีฉัตร หัวหน้าชุดรักษาความปลอดภัยระบุว่า ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา การรักษาความปลอดภัยยังเป็นไปอย่างเข้มงวด ตลอด 24 ชม.
ชมรายละเอียด ‘ทักษิณ'พร้อมครอบครัวเข้าเฝ้า‘สมเด็จพระสังฆราช
จาก hi-thaksin
ผมและประชาชนชาวรากหญ้าอีกจำนวนมาก อาจไม่ได้มีโอกาสไปรับท่านที่สนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินที่ท่านผลักดันให้สร้างขึ้นมาจนแล้วเสร็จ จนเป็นสนามบินที่ภาคภูมิใจของชนชาติไทย ที่จริงผมก็อยากไปรับท่านที่สนามบิน แต่ผมไม่ค่อยชอบคนจำนวนมาก จึงยินดีที่จะรอท่านอยู่ที่บ้าน ติดตามข่าวสารของท่าน ที่บ้านของผม
ท่านกลับมาเมืองไทย หลังจากที่ต้องอยู่ต่างแดนเป็นเวลานานท่านคงรู้สึกตื้นตันใจ หลังจากที่ต้องจากแผ่นดินนี้ไปนาน เพราะไม่มีแผ่นดินใดในโลกจะอบอุ่นเท่ากับแผ่นดินเกิดของเรา ไม่มีที่ใดจะอยู่สุขสบายเท่ากับอยู่ที่บ้านเกิด ท่ามกลางมวลหมู่มหาประชาชนจำนวนมากที่รักท่าน เคารพท่าน
ผมคิดว่าภารกิจแรกๆ ของท่านนอกจากมาสู้คดี ที่ศัตรูทั้งหลายใช้ทำร้ายท่านแล้ว ท่านควรออกไปเยี่ยมเยียนประชาชนชาวรากหญ้าทั้งหลายที่คิดถึงท่าน และเฝ้ารอท่านกลับมาอย่างใจจดใจจ่อ แม้ว่าขณะนี้ท่านจะไม่ใช่นายกรัฐมนตรีแล้วก็ตาม แต่ชาวรากหญ้าทั้งหลายก็คิดถึงท่าน คิดถึงสิ่งที่ท่านทำเพื่อพวกเขาทั้งหลาย การออกไปเยี่ยมเยียนพวกเขา น่าจะทำให้พวกเขาได้ผ่อนคลายความคิดถึงได้บ้าง เพราะในหนึ่งปีที่ผ่านมานี้ พวกเราต้องต่อสู้กับอำนาจอันกดขี่ อำนาจกระบอกปืนและรถถัง อำนาจรัฐและอำนาจมืดทั้งหลาย เพื่อให้ท่านายกฯ ในดวงใจของเรา ได้กลับคืนมาสู่ประเทศนี้อย่างสง่างาม สมกับเป็นนายกรัฐมนตรีในดวงใจของประชาชน และสุดท้าย พวกเราก็ได้รับชัยชนะอย่างสวยงามยิ่ง
แม้ศัตรูของท่านจะโจมตี กล่าวหาว่าร้ายท่านต่างๆ นานา ในช่วงที่ท่านไม่อยู่ในประเทศไทย แต่ “ความรักและความศรัทธา” ของประชาชนที่มอบให้ท่านนั้น ไม่มีทางที่บุคคลที่สามจะทำลายได้ เพราะเป็นเรื่องของคนที่รัก ศรัทธาท่าน กับตัวท่านเอง เป็นเรื่องระหว่างคนสองคน ไม่ใช่บุคคลที่สามจะไปทำลายหรือยุ่งเกี่ยวได้
ท่านยังมีหน้าที่ต่อประชาชนชาวรากหญ้าของท่านอีกมากมายหลายประการ แม้ท่านไม่ได้เป็นนายกฯ ท่านก็สามารถช่วยเหลือพวกเขาได้ ท่านสามารถที่จะช่วยเหลือสังคม ทำคุณประโยชน์อันยิ่งใหญ่ต่อประเทศชาติได้มากกว่าศัตรูของท่านที่ไม่เคยได้ทำอะไร มีแต่เรียกร้องเอาเกียรติยศจากประชาชน
ท่านเป็นผู้นำทางบารมี ท่านย่อมชี้ทางให้ประชาชนได้ และเมื่อท่านไม่ได้ทำหน้าที่บริหารโดยตรง ท่านอาจมีมุมมองต่อการช่วยเหลือประเทศที่กว้างขึ้นกว่าเดิม ท่านไม่ต้องมีภาระยุ่งยากกับภารกิจประจำวัน ท่านจะมีเวลาว่างอีกมากมายที่จะรับฟังปัญหาจากประชาชนชาวรากหญ้า หรือช่วยเป็นกำลังให้พวกเขา พัฒนาไปสู่ความอยู่ดีกินดีมากขึ้น
ผมเชื่อว่า ในยุคทศวรรษต่อไปนี้ เป็นยุคของท่านอย่างแท้จริง แม้ว่าท่านจะไม่ได้ดำรงตำแหน่งใดๆ ทางการเมือง แต่บารมีของท่านจะมีมากกว่า อดีตนายกรัฐมนตรีคนใด แม้แต่อดีตนายกฯ ที่เป็นผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญคนนั้น คนที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างมหาศาล
การกลับคืนสู่ประเทศของท่านครั้งนี้จะนำกำลังใจมหาศาล มาสู่ผู้ที่รักและเคารพในตัวท่าน
ยินดีต้อนรับนายกรัฐมนตรีของประชาชน นายกรัฐมนตรีในหัวใจของประชาชน
สุดท้ายนี้ ผมและพี่ๆ น้องๆ กลุ่มสื่อประชาชน สื่อของประชาชนอย่างแท้จริง ขอต้อนรับการกลับคืนสู่บ้านเกิดของท่านด้วยความปิติยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ
ขอใช้เว็บไซต์ Thaifreenews.com แห่งนี้ ต้อนรับการกลับมาของท่านครับ
จาก ไทยฟรีนิวส์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวต่อถึงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง ภายหลังจากที่ธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (เจบิก) อนุมัติเงินกู้วงเงิน 31,000 ล้านบาท ในงวดแรก 18,000 ล้านบาท ว่า กระทรวงคมนาคมจะเร่งรัดการก่อสร้างในทุกด้าน ทั้งรูปแบบและการเร่งรัดให้เกิดการประกวดราคา คาดว่าหลังจากเซ็นสัญญาเงินกู้กับเจบิกแล้ว จะสามารถเริ่มการก่อสร้างได้ภายในปีนี้อย่างแน่นอน
นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช.กล่าวต่อที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติซึ่งเป็นการประชุมนัดสุดท้ายถึงกรณีที่ถูกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ ส.ส.ต่อว่า เรื่องการประชุม สนช.ที่ไม่ครบองค์ประชุมจนเป็นเหตุให้กฎหมาย 3 ฉบับต้องตกไปโดยระบุว่าจะไม่ขอตอบโต้เพราะเคยทำให้เกิดเรื่องบานปลาย แต่จะขอแผ่ไปให้แทนทั้งนี้ยังชี้แจงว่าตนไม่ได้โทษว่าเป็นความผิดของคอมพิวเตอร์ ทั้งนี้ยอมรับความจริงตามกฎหมายของศาลรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับทำให้เกิดความเสียหายเพราะกฎหมายดังกล่าวนั้นได้มีการสืบสานกันมายาวนาน ทั้งนี้ขอให้สมาชิก สนช. ปรบมือให้กับ น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา อดีต สนช. ซึ่งเป็น ส.ส. อยู่ในขณะนี้ที่ได้มีการลุกขึ้นชี้แจงต่อที่ประชุม ส.ส.ทั้ง ๆ ที่มีวัยวุฒิน้อยกว่าแต่ก็มีวุฒิภาวะมากกว่า ส.ส.บางคน ขณะที่การประชุม สนช.นั้นก็ได้มีหยิบยกประเด็นดังกล่าวขึ้นมาหารือกันในที่ประชุม