“ประชานิยม” ฉบับ ปชป. ถูกด่าอ่วมตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ง่ายเกินไป พรรคใหม่ภูมิใจไทยไม่ใช่ธรรมดาทั้งทุนทั้งคน เพื่อไทยรัฐบาลหนาวแน่ ถ้าไม่ประคับประคอง เอาใจกันให้ดี
ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้ หลังจาก ที่ฝ่ายรัฐบาลชนะเลือกตั้ง ทำให้เสียงสนับสนุน เพิ่ม ส่งผลให้เสถียรภาพเกิดความมั่นคง
จากนี้ไปก็จะเป็น “งาน” ล้วนๆ สำเร็จหรือไม่สำเร็จจะได้รู้กันหากสำเร็จโอกาสที่จะ อยู่ยาวก็มากขึ้น แต่ถ้าไม่เป็นชิ้นเป็นอัน
ก็เตรียมเป็นฝ่ายค้านถาวรได้
ดังนั้น สถานการณ์ต่างๆต่อไปนี้ ถือว่าเป็นจังหวะก้าวสำคัญที่จะนำมาซึ่งความล้มเหลว หรือชัยชนะทางการเมืองในอนาคตด้วย
ปัญหาเศรษฐกิจเป็นเรื่องใหญ่ที่จะพิสูจน์ ฝีมือได้ใน 3 เดือนนี่แหละ...แม้ประชาธิปัตย์จะยอมรับนโยบายประชานิยมจนถูกข้อหา “ลอกการบ้าน” แต่เผอิญที่ว่าเศรษฐกิจต้องการกระตุ้นเพื่อฟื้นฟูให้เงินเลื่อนไหลสู่ระบบ
จึงหลบเลี่ยงข้อหาไปได้ กอปรกับกลุ่ม เพื่อนเนวินนั้นสนับสนุน เพราะเป็นทิศทางที่จะครองใจชาวรากหญ้าแทนพรรคเพื่อไทย
แต่เนื่องจากยังไม่บรรลุประชานิยมอย่าง ลึกๆ จึงคิดและหาวิธีการที่ง่ายเกินไป นั่นคือ จ่ายรายหัวให้คนละ 2,000 บาท สำหรับมนุษย์ เงินเดือนที่มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อ เดือน วงเงิน 19,000 ล้านบาท
เม็ดเงินไม่น้อยเลยสำหรับภาษีของประชาชนที่ต้องจ่ายให้คน 9 ล้านคน อย่างไม่มีเงื่อนไข ไม่ต้องทำอะไรที่จะงอกเงย
นอกจากกระตุ้นเศรษฐกิจแบบตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ
คือง่ายเกินไปและไม่ได้ประโยชน์อย่างที่คาดหวังแน่ เพราะเม็ดเงินก้อนนี้คงจะจมหายไปทันตาเห็นแน่
ขณะเดียวกัน เม็ดเงิน 115,000 ล้านบาท นี้ ปรากฏว่าตกไปอยู่ในมือของรัฐมนตรีค่ายประชาธิปัตย์เป็นส่วนใหญ่ แต่รัฐมนตรีพรรคร่วมได้ไปคนละนิดละหน่อย
แน่นอนว่าใครถือเงิน ใครคุมเงินคืออำนาจ ซึ่งก็ถูกมองว่ากำลังหาเสียงหาคะแนนนิยมเอาเปรียบพรรคอื่น
เพียงแต่ว่าสถานการณ์รัฐบาลปัจจุบัน ยังหวานชื่น เลยยังไม่มีปฏิกิริยาเกิดขึ้น
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าข้อกังขานี้จะ หายไปในอากาศเชื่อว่าทุกอย่างยังคงเก็บเอา ไว้เพื่อรอถอนทุนคืน และเก็บดอกผลต่อไป
เพราะยังมีเวลาอีกนาน ยังมีโครงการใหญ่ๆ อยู่ในมือจ่อๆอยู่หลายโครงการ ถึงเวลานั้นอย่ามาโวยวายก็แล้วกัน
และสถานการณ์การเมืองที่ยังไม่ปกติ หากขืนเล่นผิดบทอาจจะเจ็บตัวเองได้ และรู้ กันดีว่าจะเล่นกับประชาธิปัตย์ต้องพร้อมมาก กว่านี้ มิฉะนั้นอาจเสียท่าได้
เหนืออื่นใด การเมืองที่ยังมีพรรคเพื่อไทยและกลุ่มเสื้อแดงที่พร้อมชนรัฐบาลทุกเรื่อง ซึ่งไม่ได้หมายถึงประชาธิปัตย์เท่านั้น
แต่กลุ่มเพื่อนเนวินก็เป็นเป้าหมายด้วย
ยิ่งมีความพยายามที่จะดึง ส.ส.เพื่อไทย ให้แหกคอกออกมา ก็ยิ่งทำให้การต่อสู้ทาง การเมืองจะหนักขึ้นและแรงขึ้น เพราะจริงๆแล้ว หากเพื่อไทยต้องการชนะเลือกตั้งต่อไป ก็ต้อง สู้กับกลุ่มเพื่อนเนวิน หรือพรรคภูมิใจไทย
ไม่ใช่ “ประชาธิปัตย์”
ฐานะพรรคร่วมรัฐบาลสำคัญของประ-ชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทยจึงมีความสำคัญที่ จะต้องเอาใจ เพราะถ้าเกิดปัญหาขัดแย้งเมื่อ ใดก็จบทันที
แม้ประชาธิปัตย์จะมีอาวุธสำคัญคือ “ยุบสภา” ก็ตาม
แต่ถ้าประชาธิปัตย์ “ยุบสภา” โดยที่ยัง ไม่สามารถสร้างผลงานให้ชัดเจน พูดง่ายๆก็คือยังไม่ติดตาตรึงใจชาวรากหญ้าอีสานได้
อนาคตก็ต้องจบไปโดยปริยาย
เพราะว่าหากเกิดปัญหาขัดแย้งกับพรรค ภูมิใจไทย การเลือกตั้งและการจะร่วมกันตั้ง รัฐบาลก็จะยากและแทบจะไม่มีโอกาสเลย
พูดง่ายๆ ถ้าเล่นผิดคิวเมื่อไรก็บาน ปลายเมื่อนั้น!!!
“ลิขิต จงสกุล”