เรื่องรัฐประหาร ผมเชื่อว่าเป็นการบลั๊ฟ ของอำมาตย์ แต่ได้ผลบ้างพอสมควร

ที่มา thaifreenews

โดย ลูกชาวนาไทย

ตอนนี้ หลายคนอาจกลัวการทำรัฐประหารของอำมาตย์ เพราะมีประสบการณ์กับเรื่องการรัฐประหารในอดีตมากมายหลายครั้ง จนเชื่อว่าโอกาสทำรัฐประหารในเมืองไทยนั้นมีเสมอ

ผมก็ไม่ได้ตัดสิน ว่าโอกาสทำรัฐประหารในอนาคตจะไม่มี เพราะในอนาคตที่เป็นระยะยาวนั้น ยากที่ใครจะคาดการณ์สถานการณ์ในประเทศและในโลกได้ เพราะการทำรัฐประหาร มันไมได้ขึ้นกับว่า จะมี ผบ.ทบ.คนใด มีอำนาจมากแค่ไหนด้วย มันขึ้นกับสถานการณ์ในประเทศ การต่อต้านของประชาชน การสนับสนุนของประชาชน สถานการณ์ของโลกด้วย หากปัจจัยมันพร้อม พวกเขาก็ทำรัฐประหารได้ หากไม่พร้อมทำไปก็ล้มเลว




ดังนั้ แต่หากเราวิเคราะห์แค่ช่วงเวลาหนึ่ง เราอาจประมาณว่าโอกาสในการทำรัฐประหารนั้นมีโอกาสสำเร็จหรือไม่
สมมุติว่าเราประเมินสั้นๆ ว่าในปีนี้ หรือ 5 ข้างหน้านี้ การทำรัฐประหารนั้นโอกาสสำเร็จมีหรือไม่ เราพอจะทราบคำตอบได้ว่า

วันนี้หากอำมาตย์ทำรัฐประหารอีก คือการฆ่าตัวตายทางการเมือง ความวุ่นวายของสังคมที่จะตามมานั้นมีสูงอย่างยิ่ง

แม้จะมีความอำมหิต จับขังลืม ล่าสังหาร สังหารหมู่ก็ตาม
วัน เวลาที่หอมหวานแบบหลัง 2519 ที่ พล.ร.อ.สงัด ชลออยู่ทำรัฐประหารแล้ว ระบอบอำมาตย์สามารถควบคุมสังคมให้สงบได้นับสิบปีนั้น น่าจะไม่มีแล้ว

รัฐ ประหารปี 2549 นั้น ถือเป็นความล้มเหลวในการกำจัดอำนาจทักษิณโดยสิ้นเชิง แต่ทำให้อำนาจของระบอบโบราณนั้นเสื่อมลงไปมากมาย อย่างใครก็คาดการณ์ไม่ได้

หากเป็นการประเมินก่อน 3 กรกฎาคม 2544 วันเลือกตั้งใหญ่ ผมก็ยังไม่กล้าฟันธงว่ารัฐประหารล้มเหลว
หากเป็นวันนี้ ผมค่อนข้างมั่นใจว่ารัฐประหารปี 2549 นั้นล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการฟื้นฟูอำนาจของระบอบอำมาตย์

แต่ชะลอการรุกคืบหน้าของระบอบทักษิณ (ประชาธิปไตยแบบมวลชน) ได้ระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น

วันนี้ผมว่า สถานการณ์ในประเทศและต่างประเทศไม่เอื้ออำนวยแล้ว



ประเทศ ต่างๆ นั้นเราเห็นชัดเจนในตอนเลือกตั้งว่าทิ้งระบอบอำมาตย์ไปสิ้นเราเห็นชัดเจนว่า ประเทศจำนวนมากอุ้มชูรัฐบาลยิ่งลักษณ์ แม้แต่สหรัฐอเมริกา หลังเปลี่ยนทูตคนใหม่ เราก็เห็นเขาเปลี่ยนจุดยืนถอยห่างจากอำนาจโบราณชัดเจน

พวก อำมาตย์อาจหวังไปพึ่งจีน แต่ผมคิดว่าจีนนั้น "เหยียบเรือหลายแคมยิ่งกว่าอเมริกัน" ในการบาลานส์อำนาจ และไม่มีคนต่อต้าน คือ จีนรับทุกฝ่าย

แต่การต่อต้านผมเชื่อว่าจะมาจาก ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อย่างรุนแรง แล้วลามไป EU ตามมาด้วยอเมริกัน และประเทศอื่นๆ ในอาเซียนก็จะเมินเฉย ไม่ต่อต้านไม่สนับสนุน (แต่แอบต้านเงียบๆ)

ไม่ มีประเทศไหนตอนนี้เอากับอำนาจโบราณ นอกจากเกาหลีเหนือ เพราะทุกประเทศมองออกว่าความวุ่นวาย ไร้เสถียรภาพของสังคมจะตามมาอย่างรุนแรง และมันกระทบกับเศรษฐกิจอาเซียนที่กำลังจะเป็น AEC

คงมีการบีบให้ เลือกตั้งภายในเวลาอันรวดเร็วแล้วผลจะเหมือนกับห้าปีที่ผ่านมา ไม่งั้นก็ต้องโกงกันมหาศาล และหากโกง ความวุ่นวาย คุมไม่ได้ก็่จะตามมา

สถานการณ์ ในประเทศ วันนี้ประชาชนไม่ได้เผลอเหมือนปี 2549 มีการจัดต้้งมวลชนเสื้อแดงเต็มที่แล้ว การต่อต้านจะตามมาในเวลาไม่นาน ไม่ต้องรอกลุ่มคนวันเสาร์ค่อยๆ ปลุกกระแสอีกแล้ว

ผมจึงเชื่อว่า การขู่รัฐประหาร เป็นแค่การบลั๊ฟ เพื่อไม่ให้ฝ่ายประชาชน/ทักษิณ รุกพวกเขามากเกินไปเท่านั้น

ซึ่งก็ได้ผลที่ทำให้รัฐบาลยอมถอยเรื่อง 112

เรียกว่าการบลั๊ฟครั้งนี้ได้ผลพอสมควร

แต่ จะได้ผลตลอดไปทุกเรื่องหรือไม่ขึ้นกับฝ่ายรัฐบาล ว่าโง่ขนาดไหน ตาขาวขนาดไหนด้วย และขึ้นกับคนเสื้อแดงจะสามารถกดดันรัฐบาลได้ขนาดไหนด้วย

ผม ว่ามันเกิดสมดุลย์ ขึ้นนิดหนึ่งคือ รัฐบาลกลัวรัฐประหาร แต่คนเสื้อแดงบางส่วนก็บีบ ทำให้เรื่อง 112 แม้ไม่เดินไปจนสุด แต่ก็สามารถรณรงค์ต่อไปได้ เรียกว่าเรืองนี้ยังไม่จบ

เรื่องแก้รัฐ ธรรมนูญน่าจะเดินไปได้ไม่ถูกต่อต้านหนัก เพราะเชื่อว่า พรรคเพื่อไทย/นปช. ยอมถอยได้แค่ 112 เท่านั้น แต่หากถอยเรื่องแก้ไข รธน. พรรคเพื่อไทยคงโดนสะกรำจากคนสนับสนุนเป็นแน่



"ปู"ครวญ"สตรี"โดนดูถูก-ข่มเหง ไม่เว้นแม้สาดโคลนการเมือง

ที่มา thaifreenews

โดย bozo

"ปู"ครวญ"สตรี"โดนดูถูก-ข่มเหง ไม่เว้นแม้สาดโคลนการเมือง
วอนให้เกียรติ-เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์




ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์
เวลา 09.30 น. เดินทางมายังตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
เพื่อเป็นประธานเปิดการประชุมชี้แจงนโยบายและแนวทาง
การดำเนินงาน “กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี”
ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี
โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์สวมเสื้อสูทสีชมพูและยิ้มแย้มแจ่มใส
โดยมีเครือข่ายสตรี 4 ภาค นำดอกกุหลาบสีแดงเข้าให้กำลังใจ
โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์มีสีหน้าสดชื่นและกล่าวขอบคุณ ก่อนจะเดินเข้าเปิดงาน


น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวเปิดงานใจความสำคัญตอนหนึ่ง ว่า
ประชากรสตรีมีกว่าครึ่งของประชากรทั้งประเทศ
แต่สตรีมีศักยภาพ ความรู้ ความสามารถ และความเป็นผู้นำ
และอยู่ในทุกภาคส่วน ทั้งภาคธุรกิจ ภาครัฐ
หรือแม้แต่ภาคการเมือง บทบาทสตรีไทยจึงไม่ด้อยกว่าชาติอื่น
ทั้งบทบาทแม่ของลูก ภรรยา และผู้นำ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของไทยมายาวนาน


น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ปัญหาสตรีในปัจจุบันที่ต้องพัฒนา คือ
แม้เพศหญิงเป็นเพศที่มีความอดทนอดกลั้น
แม้การตัดสินใจทำอะไรลงไปของสตรีอาจตัดสินใจด้วยความยากลำบาก
แต่เมื่อตัดสินใจไปแล้ว จะทำด้วยใจ และอดทนอดกลั้น
การให้เกียรติซึ่งกันและกันจึงเป็นเรื่องสำคัญ
โดยเฉพาะความเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
ปัญหาความไม่เท่าเทียมทำให้สตรีตกเป็นเหยื่อความรุนแรง
ตามที่สังคมไทยมีค่านิยมให้สตรีเป็นช้างเท้าหลังเสมอ ไม่ว่าทางการเมืองก็ตาม

นอกจากนั้นก็ยังมีหลายๆ มุมมองที่ถูกมองสตรีในมุมที่เสียหาย
ก็เป็นที่น่าเศร้าใจ ถ้าคนไทยด้วยกันมองในมุม
ที่ดูถูกดูแคลนหรือข่มเหงน้ำใจหญิงไทยนั้น
เพื่อให้ได้ความได้เปรียบทั้งทางเพศ การงาน ส่วนตัวหรือแม้กระทั่งการเมือง
ก็ไม่อยากเห็นช่องว่างเหล่านี้เกิดขึ้นในสังคมไทย

อดเผื่อมันจะอายยอมให้ประกันเหยื่อ112ขยายวง

ที่มา Thai E-News

เมื่อ หญิงสูงวัย 2 คนกำลังจะทรมานตนเองเพื่อคนที่เธอรัก(สามี-ลูก)เพื่อสิทธิในการประกันตัวนัก โทษการเมืองทั้งหมด มันต้องมีสิ่งไม่ปรกติเกิดขึ้นแน่ๆ

8 โมงเช้าวันอาทิตย์ที่ 19 นี้ ภรรยาอากง และคุณแม่ของคุณสุรภักดิ์ จำเลยและผู้ต้องหาคดี 112 จะอดอาหารเพื่อเรียกร้องสิทธิในการประกันตัว ที่หน้าศาลอาญา รัชดา โดยในเช้าวันจันทร์จะยื่นประกันตัว หวังสังคมเห็นความสำคัญของ "สิทธิการประกันตัว"


เชิญทุกท่านที่เห็นด้วยมาเป็นกำลังใจหรือร่วมแสดงออก ขอให้สังคมเห็นความสำคัญของสิทธิการประกันตัว ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน สิทธิมนุษยชน และรัฐธรรมนูญเองก็ให้ไว้









นายอภิวัฒน์ เกิดนอก อดีตผู้ต้องหาคดีประหลาดมาก "พกบัตร นปช" โดนจับขัง 1 ปี เขาจะมาโกนหัวอดอาหารด้วย

นายอภิวัฒน์ เกิดนอก ชาวนาจากจังหวัดขอนแก่น วัย 31ปี เป็นผู้ร่วมอดอาหารรายล่าสุด ที่ตั้งใจจะอดอาหารไปจนถึงวันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์นี้ ร่วมกับนายฤทธิพงษ์ มหาเพชร ลูกศิษย์ของนายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ ที่เริ่มอดอาหารมาตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

นายอภิวัฒน์ เคยต้องโทษในคดีฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ถูกศาลตัดสินจำคุก 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา เนื่องจากเขาต้องการเข้าร่วมการชุมนุมกับกลุ่ม นปช.ที่สี่แยกราชประสงค์ แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตรวจค้นกระเป๋า และพบว่ามีบัตร นปช. จึงถูกจับกุมดำเนินคดี เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2553 เขาบอกว่าต้องการอดอาหาร เพื่อเรียกร้องให้ศาลเมตตา ให้สิทธิการประกันตัวแก่นักโทษการเมืองทั้ง 67 คน

ด้านเวทีเสวนาสาธารณะ "วิกฤติสิทธิการประกันตัว คือวิกฤติสิทธิมนุษยชน คือวิกฤติความยุติธรรม" ซึ่งจัดโดยกลุ่มนักกิจกรรมทางสังคมเพื่อประชาธิปไตย และนักวิชาการ ต่างช่วยกันสะท้อนความไม่ยุติธรรมในกระบวนการยุติธรรมของไทย ซึ่งพบว่าหลังจากเหตุการณ์รัฐประหาร 2549 คนที่มีหน้ามีตาในสังคมและฐานะร่ำรวย มักจะมีสิทธิด้านต่างๆ มากกว่าคนยากคนจน จึงอยากให้เกิดการปฎิรูปกระบวนการยุติธรรมของไทย เพื่อให้ยึดโยงกับภาคประชาชนมากขึ้น

ขณะที่นักสิทธิมนุษยชนมองว่า กระบวนการยุติธรรมของไทย ไม่ได้ยึดหลักสิทธิมนุษยชนในการพิจารณาคดีเท่าที่ควร พร้อมย้ำว่าผู้ต้องหาทุกคนควรได้รับสิทธิการประกันตัว เพราะหากยังไม่มีคำพิพากษา ยังถือว่าผู้ต้องหารายนั้นยังเป็นผู้บริสุทธิ์

ผู้ร่วมเสวนาในครั้งนี้เห็นตรงกันว่า การอดอาหารในครั้งนี้ไม่ใช่การกดดันศาล เพราะเป็นเพียงการใช้สิทธิแสดงออกตามระบอบประชาธิปไตย แม้สุดท้ายศาลจะยืนยันไม่ให้สิทธิการประกันตัว แต่อย่างน้อยคนในสังคมก็น่าจะตั้งข้อสงสัยว่า เหตุใดจึงมีการเรียกร้องสิทธิด้วยการอดอาหารเกิดขึ้น

ไชย วัฒน์ ตระการรัตน์สันติ นักกิจกรรมจากสมัชชาสังคมก้าวหน้า ผู้เข้าร่วมอดอาหาร เพื่อเรียกร้องสิทธิในการได้รับการประกันตัวของนักโทษการเมือง หน้าศาลอาญารัชดา ในอดีตไชยวัฒน์ เคยร่วมเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยในขณะนั้นเขายังคงเป็นนักเรียนอยู่ ในเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ ไชยวัฒน์ ต้องถูกจับกุมคุมขังอยู่ถึง 3 สัปดาห์


อดอาหารภาค 2 ปล่อยตัว สุรชัย เเซ่ด่าน









บก.ลายจุดเยี่ยมฤทธิพงษ์ มหานาค ที่อดอาหารประท้วงต่อจากไท

หลังจากที่นายปณิธาน พฤกษาเกษมสุข เรียกร้องให้มีการยื่นประกันตัวบิดา คือ นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ด้วยการอดอาหารครบ 112 วันในวันนี้ (16 ก.พ.54) กลายเป็นแบบอย่างในการเรียกร้องของนักอดอาหารคนที่ 2 คือ นายฤทธิพงษ์ มหาเพชร โดยมีจุดประสงค์เรียกร้องให้ย้ายนายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ ผู้ต้องหาในคดีเกี่ยวกับมาตรา 112 มาคุมขังที่เรือนจำพิเศษบางเขน ซึ่งคุมขังนักโทษคดีการเมือง

เครดิต:VoiceTV และเฟซบุ๊คbus Tewarit