ทรงชี้แนะทางสว่างให้กับคนไทยในยามนี้
ผมว่าเวลานี้ คนไทยกำลังโหยหาความเป็นธรรม และตั้งความหวังที่เป็นที่พึ่งสุดท้าย ที่จะช่วยปกป้องคุ้มครองประชาชน ที่จะทำให้ประเทศชาติร่มเย็นเป็นสุข อยู่กันด้วยความสมานฉันท์
นั่นคือกระบวนการยุติธรรม
ศาลทุกศาล ตุลาการ ผู้พิพากษา อัยการ และ บุคลากรที่อยู่ในระบบยุติธรรมทุกคนมีคุณค่า มีความหมายต่อสังคมไทยและประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง
เพราะมีแต่บุคคลเหล่านี้เท่านั้น ที่จะ ดึงรอยแตกแยก ความเห็นที่ไม่ลงรอย ความคิดที่ขัดแย้งให้กลับมาสู่บรรทัดฐานเดียวกัน
ต้องยอมรับว่า วิกฤติประเทศที่ผ่านมา ถลำลึกอย่างยิ่ง ลำพังสถาบันต่อสถาบัน หรือภายในสถาบันด้วยกันเอง ระหว่างสังคมเดียวกันเอง ระหว่างกติกาและกฎเกณฑ์เดียวกัน
ถูกมองว่าไม่มีมาตรฐาน
และวิธีที่จะผ่าทางตันก็มีอยู่วิธีเดียวก็คือ การทำหน้าที่ของกระบวนการยุติธรรม ดังพระราชดำรัส แล้วผมเชื่อว่า ประเทศจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
ความเชื่อมั่นในสังคมจะกลับคืนมา เพราะ ทุกคนมั่นใจในกระบวนการยุติธรรมที่จะตัดสินด้วยความเที่ยงธรรมนั่นเอง และกระบวนการยุติธรรมที่บริสุทธิ์นี่แหละ จะเป็นเครื่องมือวัดความดี ความชอบธรรมและจริยธรรม ที่จับต้องได้
โดยปกติกระบวนการยุติธรรมนั่น มีอำนาจอยู่ในตัวเอง ไม่ใช่ อำนาจที่เกิดจากตัวบทกฎหมาย แต่เป็นอำนาจที่เรียกว่า บารมี เป็นอำนาจที่ได้มาจากการยกย่องและศรัทธา
เป็นอำนาจที่จะเหนี่ยวรั้งสังคมให้อยู่ในกรอบกติกา และอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ถ้าบ้านเมืองใดไร้กระบวนการยุติธรรมให้ยึด หรือกระบวนการยุติธรรมอ่อนแอ ไร้ขื่อแป ประเทศนั้นก็จะเต็มไปด้วยความขัดแย้ง
ตัดสินกันด้วยกำลังตามอำเภอใจ
บรรทัดนี้ผมก็ได้แต่ตั้งความหวังไว้ที่สถาบันตุลาการตั้งความหวัง ไว้ที่กระบวนการยุติธรรมของประเทศ ที่จะตั้งมั่นในการกู้วิกฤติประเทศในครั้งนี้ ให้สมกับเป็นข้าราชบริพาร ที่พึ่งสุดท้ายของประชาชน.
“หมัดเหล็ก”
จาก คอลัมน์คาบลูกคาบดอก