
เลขาธิการพรรคพลังประชาชน กล่าวต่อว่า พรรคมีเอกสารหลักฐานที่ระบุคำพูดของผู้อำนวยการเลือกตั้งจังหวัดบุรีรัมย์ที่บอกว่า ไม่เคยให้ใบแดงกับว่าที่ ส.ส.จังหวัดบุรีรัมย์ โดยพรรคพลังประชาชนจะนำเรื่องนี้ เสนอต่อคณะกรรมการกฤษฎีกาให้พิจารณาเรื่องดังกล่าวในวันที่ 7 ม.ค.2551 นี้ว่า กระบวนการให้ใบแดง อาจไม่สอดคล้องกับระเบียบที่กำหนดไว้ เพื่อขอให้เป็นกรณีศึกษา เพราะตอนนี้ยังมีว่าที่ ส.ส.อีกกว่า 70 คนที่ยังไม่ได้รับการรับรอง ส่วนการชุมนุมของประชาชนที่จังหวัดบุรีรัมย์ที่ไม่พอใจการให้ใบแดงนั้น เป็นการแสดงความคิดเห็นของประชาชนที่เป็นสิทธิทำได้ หากอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย และไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน เพราะประชาชนมีสิทธิที่จะสอบถามได้ และถ้า กกต.พิจารณาอย่างชัดเจน เที่ยงธรรมแล้ว ก็ไม่มีใครทำอะไร กกต.ได้
นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า ส่วนการที่ กกต.ยังไม่รับรองว่าที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชนอีกหลายคน จะกระทบการตั้งรัฐบาลหรือไม่ เนื่องจากรัฐธรรมนูญมีกรอบเวลาที่ต้องเปิดสมัยประชุมสภา จึงเชื่อว่า กกต.จะสามารถดำเนินการได้ทันกำหนด ส่วนใครเป็นรัฐบาลถือเป็นประเด็นทางการเมือง การที่พรรคพลังประชาชนจับมือกับ 3 พรรคเล็ก เพื่อจัดตั้งรัฐบาล ถือว่าเป็นการทำงานร่วมกัน ส่วนความชัดเจนของพรรคชาติไทย และพรรคเพื่อแผ่นดินจะตัดสินใจร่วมรัฐบาลด้วยหรือไม่นั้น ไม่สามารถระบุได้ ต้องไปถามทั้งสองพรรคเอง กรณีที่มีข่าวระบุว่าพื้นที่ใดที่พรรคพลังประชาชนได้ใบแดง จะเทคะแนนให้กับพรรคพันธมิตรร่วมรัฐบาลนั้น เชื่อว่าประชาชนจะใช้ดุลยพินิจตัดสินใจเองได้ว่าจะเลือกใคร
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ด้าน นายศุภชัย ใจสมุทร คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคพลังประชาชน ได้นำภาพถ่ายเอกสารสี นายเปียง โสมวิเศษ ที่เป็นพยานที่แจ้งกับ กกต.จ.บุรีรัมย์ว่าผู้สมัครของพรรค เขต 2 จังหวัดบุรีรัมย์ แจกเงินซื้อเสียง โดยได้นำหมายศาลจังหวัดร้อยเอ็ด ที่ออกหมายจับนายเปียงในข้อหาลักทรัพย์ในเคหสถาน จึงมีการตั้งข้อสังเกตว่า นายเปียงที่เป็นผู้ต้องหา แต่ได้รับการคุ้มครองจากเจ้าหน้าที่ ทั้งที่จะต้องถูกนำตัวส่งดำเนินคดี จึงต้องการเรียกร้องให้มีการตรวจสอบในเรื่องนี้ว่าเจ้าหน้าที่ กกต.จังหวัดบุรีรัมย์ อาจวางตัวไม่เป็นกลาง