โดยนายแพทย์สุรพงษ์ กล่าวว่า จากการศึกษาภาระโรคและการบาดเจ็บที่เกิดจากพฤติกรรมสุขภาพและปัจจัยเสี่ยงนั้น ทางกระทรวงสาธารณสุขพบว่า เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อภาระโรคในคนไทยมากเป็นอันดับ 2 โดยพบว่าก่อให้เกิดผลต่ออุบัติเหตุ มะเร็ง ตับแข็ง การถูกทำร้าย โรคทางจิตเวช โรคหัวใจ หลอดเลือด และโรคอื่น ๆ อีกประมาณ 60 โรค ซึ่งผลจากการวิจัยและประเมินผลทางเศรษฐศาสตร์แล้วพบว่า มูลค่าความเสียหายจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของคนไทยทั้งจากด้านสุขภาพ อุบัติภัย อาชญากรรม มีมูลค่าความเสียหายสูงถึง 196,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งสูงกว่าภาษีสรรพสามิตที่รัฐจัดเก็บได้ถึง 3 เท่าตัว
นายแพทย์สุรพงษ์ กล่าวว่า มาตรการที่สำคัญในการลดปริมาณการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก็คือมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมทางกายภาพ ด้วยการกำหนดเขตห้ามดื่มและห้ามจำหน่ายสุรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในวัด ซึ่งถือเป็นสถานที่ที่สำคัญทางศาสนาที่สมควรเป็นสถานที่ปลอดเหล้าอย่างยิ่ง ตามเจตนารมณ์ของ พรบ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่มีผลบังคับใช้แล้วเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยมีบทกำหนดลงโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืนในมาตราที่ 27 และ 31 คือ จำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นายแพทย์สุรพงษ์ กล่าวอีกว่า ในโอกาสวันมาฆบูชา ถือเป็นโอกาสที่ดีในการประกาศนโยบายวัดปลอดเหล้าทั่วไทย จึงขอเชิญชวนให้ประชาชนร่วมมือกันงดเว้นการนำสุราเข้าไปดื่มหรือขายในวัดเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ซึ่งในอนาคตต่อไปจะอาศัยอำนาจของกฎหมายกำหนดมาตรการเพิ่มเติมในมาตรา 28 กำหนดให้วันสำคัญทางพุทธศาสนาซึ่งเป็นวันหยุดนั้นเป็นวันงดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่อไป
ทางด้านพระพยอม กล่าวว่า โดยหลักธรรมคำสั่งสอนของศาสนาพุทธแล้ว ในศีล 5 ก็ห้ามเรื่องของการเสพสุราของมึนเมาอยู่แล้ว การนำเหล้าเข้าไปดื่มกินหรือขายในวัดจึงเป็นเรื่องคนที่ไม่มีสมอง ไม่มีปัญญา เพราะดื่มกินเข้าไปนอกจากจะเสียเงินแล้วยังเสียสุขภาพอีก คนกินก็ยิ่งจน คนขายก็ยิ่งรวย อาตมาก็ไม่เข้าใจว่าทำไม แค่เหล้าขวดเดียว คนกินเหล้า 5 – 6 คน ต้องไปนั่งล้อมมัน ทั้ง ๆ ที่มันก็ไม่มีขาเดินไปไหน กินกันไปกันมาไอ้ที่คุยว่าคอแข็งก็คอพับคออ่อนไปตาม ๆ กัน ไอ้ที่แข็งแน่ ๆ ก็เห็นมีแค่คอขวดเท่านั้น ไม่เห็นมีใครเอาชนะไอ้น้ำเปลี่ยนนิสัยนี้ได้ นอกเสียจากคนที่ไม่ดื่มไม่กินมัน
พระพยอมกล่าวอีกว่า อาตมาอยากให้ช่วยกันรณรงค์ในเรื่องนี้อยากจริงจังต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนราชการทั้งหลาย ที่ต้องมีงานเลี้ยงหรืองานสังสรรค์ใด ๆ ก็ตาม ขอให้งดเหล้า เครื่องดื่มมึนเมาทั้งหมด แล้วเปลี่ยนมาเลี้ยงฉลองหรือชนแก้วด้วยน้ำผลไม้แทน เช่นน้ำมะพร้าว เป็นต้น ราคาก็ถูกว่า สุขภาพก็ดี และยังเป็นการสนับสนุนเกษตรกรของไทยอีกทาง ซึ่งส่วนราชการต้องทำเป็นแบบอย่างในการรณรงค์ส่งเสริมเสียก่อน
