
แม้ว่า กกต.จะประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส. ครบ 480 คนแล้ว แต่ตามมาตรา 111 พ.ร.บ.การเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. ยังเปิดโอกาสให้ กกต.สอยได้ภายหลัง หาก กกต.พบหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า การเลือกตั้งไม่ได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม โดย กกต.ต้องยื่นเรื่องต่อศาลฎีกา เพื่อให้สั่งเลือกตั้งใหม่ ในกรณีใบเหลือง หรือ สั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งในกรณีใบแดง ซึ่งที่ผ่านมา กกต.ก็ได้ให้ใบเหลืองกับ ส.ส. 7 คนและใบแดง 1 คน
ในจำนวนนี้ กกต.ได้ส่งเรื่องให้ศาลฎีกา และศาลมีคำสั่งรับคำร้องแล้ว 5 คน คือ สำนวนใบแดง ของ นายยงยุทธ ติยะไพรัช ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชนกรณีทุจริตซื้อเสียงในพื้นที่จังหวัดเชียงราย อีก 4 คน เป็นสำนวนใบเหลือง ได้แก่ นางสาวละออง ติยะไพรัช ส.ส.เขต 3 จังหวัดเชียงราย พรรคพลังประชาชน นายเอี่ยม ทองใจสด นางวันเพ็ญ พร้อมพัฒน์ และนายสุรศักดิ์ อรรฆพันธุ์ ส.ส.เขต 2 จังหวัดเพชรบูรณ์ พรรคพลังประชาชน
ส่วนอีก 3 ราย ที่ กกต. ยังไม่ได้ส่งให้ศาลฎีกา คือกรณีของนายธีระทัศน์ เตียวเจริญโสภา นางมลิวัลย์ ธัญญสกุลกิจ และนายเลิศศักดิ์ ทัศนเศรษฐ ส.ส.เขต 3 จังหวัดสุรินทร์ พรรคพลังประชาชน กรณีที่ทั้ง 3 ได้ให้ตัวแทนไปแจกจ่ายเงิน พร้อมวีซีดี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้กับผู้มีสิทธิเลือกตั้งเพื่อจูงใจ ขณะนี้ อยู่ในระหว่างการรวบรวมสำนวนเพื่อส่งศาลฎีกา
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่จะหมดเพียงเท่านี้ เพราะตามกฎหมายให้เวลา กกต.ในการสอยภายหลัง ได้ 1 ปี ซึ่งขณะนี้ กกต.ยังไม่ได้พิจารณาเรื่องร้องคัดค้านผลการเลือกตั้ง ส.ส. ที่ฝ่ายสืบสวนสอบสวนเพิ่งทำเสร็จ และเตรียมนำเข้าสู่การพิจารณาของ กกต. ในสัปดาห์หน้า อีก 30 สำนวน ดังนั้น จะต้องติดตามต่อไปว่า ที่สุดแล้ว กกต.จะให้ใบแดงหรือใบเหลืองกับ ส.ส.คนใดอีกหรือไม่.
ชมรายละเอียด สำนักข่าวไทย
อัพเดตเมื่อ 2008-03-22 19:15:03
