
เมื่อ “มท.1” ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ผู้ขันอาสาเป็นตัวแทนรัฐบาล หวังอาศัยความสัมพันธ์ส่วนตัวกับแกนนำบางคน นัดหารือกับ กลุ่มพันธมิตรประชาชนฯ แต่ถูกปฏิเสธอย่างไร้ค่าจากนายสนธิ!!!กับคำพูดบางตอนที่ ร.ต.อ.เฉลิม ระบุ เมื่อวันที่ 10 มี.ค. ว่า... “...ถ้ากลุ่มพันธมิตรฯ เป็นอะไรไป โปรดรับทราบไว้ด้วยว่า รัฐบาลไม่เกี่ยวข้อง...!!!” ลำพัง...ความคิดเห็นที่แตกต่างในระบอบประชาธิปไตย ก็ถือเป็นเรื่อง...ปกติธรรมดา แต่กับปรากฏการณ์ที่กำลังจะกิดขึ้นนับจากนี้ ดูท่าว่า...มันจะไม่ใช่สิ่งที่ปกติธรรมดา หากแต่มีวาระซ่อนเร้นบางอย่างแฝงอยู่???วิธีคิดและวิธีการต่อสู้ระหว่าง...คน 2 ฟาก ที่พร้อมจะห้ำหั่น...ประจัญบานซึ่งกันและกัน ในทุกๆ รูปแบบนั้น
ถูกปลุกเร้าจาก “แกนนำ” ทั้งที่ประกาศและไม่ประกาศตัวต่อสาธารณชนใครเป็นใคร???“บางกอกทูเดย์” ก็อยากจะชี้ให้เห็นกันตรงนี้... ฟากที่ดูเหมือนจะยืนอยู่ตรงข้ามกับ รัฐบาลของนายสมัคร ผู้ที่เคยประกาศตัวเป็น “นอมินี” ของ อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เห็นกันชัดๆ ก็น่าจะมี... กลุ่มพันธมิตรประชาชนฯ คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ที่มี นายสุริยะใส กตะศิลา เป็นเลขาธิการ พรรคประชาธิปัตย์คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.)สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) บางกลุ่ม ที่เห็นชัดๆ ก็คือ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิรินักวิชาการบางคนและ เอ็นจีโอบางค่ายฯลฯ
ขณะที่ อีกฝั่ง...ซึ่งเชียร์ พ.ต.ท.ทักษิณ และ อดีตพรรคไทยรักไทย รวมถึง รัฐบาลของนายสมัคร อย่างออกนอกหน้า ไม่ว่าจะเป็น...แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) กลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการกลุ่มคนขับรถแท็กซี่และมอเตอร์ไซค์รับจ้างรวมถึงคนระดับรากหญ้าและชนชั้นระดับล่างฯลฯแน่นอน ต้องมีคนในอดีตพรรคไทยรักไทย และ คนที่ชื่นชอบนายสมัครและพรรคพลังประชาชน รวมอยู่ในนั้นด้วย “เค้าลาง” ที่ “บางกอกทูเดย์” พอจะจับสัญญาณเจอ ก็คือการต่อสู้ทั้งทางความคิดและการกระทำของคน 2 กลุ่ม ในหลากหลายกลวิธีและสารพัดรูปแบบ ทั้ง... บนฟ้าบนดินใต้ดินใต้น้ำในอากาศ และ อวกาศหากจำเป็นจะต้องใช้ “ไสยศาสตร์” เพื่อการทำลายล้างกันแล้ว เชื่อว่า...คนกลุ่มนี้ก็พร้อมจะนำมาใช้ เป้าหมายเพื่อให้ตรงข้ามย่อยยับอับปาง และดับสูญไป...ต่อหน้าต่อหน้าโดยไม่สนใจด้วยซ้ำว่า...ผลจากการกระทำของแต่ละกลุ่มนั้นประเทศชาติและประชาชน จะได้หรือเสียอะไรและอย่างไรบ้าง???
ตั้งแต่...งัดข้อกฎหมายมาฟ้องร้องดำเนินคดีกันและกัน จนถึงการวางแผนเตรียมการจัดตั้ง “ม็อบชนม็อบ”แตกเป็นแตกหักเป็นหักพังเป็นพังตายเป็นตายไม่เพียงแค่นั้น หากเหตุการณ์ “ม็อบชนม็อบ” เกิดขึ้นมาเมื่อไหร่ เชื่อว่า...มือที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 รวมทั้ง “มือที่มองไม่เห็น” ทั้งหมด...จะอาศัยจังหวะและโอกาสแห่งการเผชิญหน้าของคน 2 กลุ่ม สร้าง....บาดแผลและบันทึกหลักฐานประวัติศาสตร์ “เลือด” ให้นองผืนแผ่นดินไทยอีกครั้ง“บางกอกทูเดย์” ก็ไม่อยากเห็น “กงล้อประวัติศาสตร์” หมุนกลับมาทาบทับร่องรอยเดิมๆ เหมือนเช่นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีตกรณี นายวรพล พรหมิกบุตร และ นายพิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ 2 อาจารย์จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตัวแทนคณะนักวิชาการเพื่อประชาธิปไตยและสันติวิธี (คปส.) ได้เข้ายื่นหนังสือกับกองปราบปราบ
เพื่อให้ดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ข้อหาสร้างความปั่นป่วนและก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร รวมถึงความพยายามของคนบางกลุ่ม ที่จะให้ศาล “ถอนประกัน” แก่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ที่ต้องโทษ 2 ปีและรอลงอาญา ฐานหมิ่นประมาท พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และกรณีอื่นๆ ที่กำลังเกิดขึ้นตามมาในอนาคตอันใกล้ มันก็เหมือนกัน “เร่งปฏิกิริยา” ให้ความร้อนทางการเมืองปะทุขึ้นซึ่งก็ไม่ต่างจากพฤติการณ์ของฝั่งที่ยืนตรงข้าม พ.ต.ท.ทักษิณ และ รัฐบาลของนายสมัคร สักเท่าใด??? ถึงตรงนี้ “บางกอกทูเดย์” จึงอยากจะเตือนทุกฝ่าย ให้พึงระลึกถึงผลได้ผลเสีย และภาพลักษณ์ของประเทศชาติและประชาชน มากกว่าจะนึกถึงแค่ประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้องใคร...ที่คิดจะทำอะไร???โดยเฉพาะการ “หลอก” เอาประเทศชาติและประชาชน มาเป็นเครื่องมือ “ต่อรอง” และ “ต่อสู้” ด้วยสารพัดวิธีของการเผชิญหน้าในทุกรูปแบบนั้น คิดได้...แต่อย่าได้ทำเป็นอันขาด!!! แผ่นดินแม่ผืนนี้...มันศักดิ์สิทธิ์เกินกว่าจะให้ใครเอาไปปู้ยี่ปู้ยำได้ง่ายๆ