
ซึ่งเป็นแกนนำของพันธมิตรฯ แสดงให้เห็นว่า เอ็นจีโอเหล่านี้ ยังร่วมหัวจมท้ายกับขบวนการทางการเมืองที่เปิดประตูให้ทหารก่อรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือน ล้มเลิกระบอบประชาธิปไตย แล้วสถาปนาระบอบเผด็จการทหารขึ้นมาอีก หลังจากนั้น ขบวนการนี้กลายเป็นสมุนเผด็จการ และเผยแพร่ความคิดทฤษฎีอุดมการณ์อนุรักษนิยม ทิศทางของเอ็นจีโอพันธมิตรจึงน่าเป็นห่วง
ผมเขียนถึงพวกเขาในฐานะที่เคยเป็นเอ็นจีโอ และเป็นพี่เป็นเพื่อนมากว่า 10 ปี เมื่อขบวนการ สนธิ ลิ้มทองกุล ก่อตัวขึ้น ผมได้เห็น ได้ยิน ได้ฟังว่า เอ็นจีโอจำนวนหนึ่งๆ กำลังตัดสินใจเข้าร่วมการเคลื่อนไหวขับไล่อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร กับขบวนการนี้ แล้วก็เริ่มเข้าร่วมตั้งแต่การชุมนุม 4 กุมภาพันธ์ 2549 ต่อมา ไม่เพียงเอ็นจีโอส่วนใหญ่ คนเดือนตุลา หรืออดีตฝ่ายซ้ายกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ก็เข้าร่วม ทั้งๆ ที่ขบวนการสนธิ ซึ่งขยายตัวเป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ชูคำขวัญที่พวกเขาเคยวิพากษ์มาเสมอ
ความจริงเป็นเรื่องเข้าใจได้ เพราะเอ็นจีโอเติบโตมาจากการต่อต้านรัฐ ต่อต้านทุนนิยมโลกาภิวัตน์ และฝ่ายซ้ายเคยผ่านการต่อสู้ต่อต้านระบอบเผด็จการทหารก่อนกรณี 14 ตุลาคม 2516 มาถึงกรณีนองเลือด 6 ตุลาคม 2519 ต่อต้านจักรพรรดินิยมอเมริกา และเข้าร่วมขบวนการปฏิวัติที่นำโดยพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย จึงเกลียดเผด็จการ รักชาติ และคัดค้านทุนนิยม และที่สำคัญ เอ็นจีโอกลุ่มนี้ไม่ชอบอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร มาตั้งแต่เดือนแรกๆ และได้ต่อสู้คัดค้านรัฐบาลนี้มากว่า 5 ปี
เวลานั้นผมยังไม่รู้สึกอะไร ด้วยเห็นว่าเป็นเสรีภาพทางความคิดเห็นและความเชื่อ การเข้าร่วมชุมนุม ก็เป็นเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อเกิดรัฐประหาร 19 กันยายน พวกเขาส่วนใหญ่แสดงความคิดเห็นไปในทางเห็นด้วยทั้งโดยตรงและโดยอ้อม เช่น ไม่มีทางออก เป็นสิ่งจำเป็น พวกเขาส่วนใหญ่พยายามสร้างความชอบธรรมให้แก่รัฐประหาร
โดยพูดว่า ระบอบเผด็จการทหารดีกว่าระบอบทักษิณ แล้วมีไม่น้อยร่วมวิจารณ์โจมตีผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐประหาร โจมตีฝ่ายต่อต้านเผด็จการว่าเป็นลิ่วล้อทักษิณ เป็นพวกอำนาจเก่า บางคนถึงกับเรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) และรัฐบาลปราบปรามประชาชนฝ่ายต่อต้านเผด็จการ พวกเขามีท่าทีดีต่อ คมช. สนับสนุนรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และเข้าร่วมการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับ 2550 จุดยืนและความคิดทางการเมืองเสื่อมทรามลง จากเป็นนักประชาธิปไตยมาเป็นฝ่ายเผด็จการ
เกือบ 2 ปีที่ผ่านมา เอ็นจีโอกลุ่มนี้ไม่ได้สรุป ไม่ได้เรียนรู้อะไร ยังท่องคาถาสนธิ คาถาหมอประเวศ ร้องเพลงเก่า “ระบอบทักษิณ” “เผด็จการรัฐสภา” “ประชาธิปไตยไม่ใช่การเลือกตั้งอย่างเดียว” “พรรคการเมืองไม่ดี นักการเมืองเลว” “ประชาชนไม่รู้ข้อมูลข่าวสาร เสียงของประชาชนไม่มีคุณภาพ”
ทั้งๆ ที่พวกเขาเอ่ยถึงประชาชนไม่เว้นแต่ละวัน ว่าประชาชนเป็นเป้าหมายและเป็นศูนย์กลางของการพัฒนา ผมคิดว่า จนกระทั่งวันนี้ เอ็นจีโอกลุ่มนี้ก็เหมือนกับปัญญาชนคนชั้นกลางฝ่ายพันธมิตรฯ คงยังไม่รู้ว่าทำไมประชาชน 10 กว่าล้านไปออกเสียงลงประชามติไม่เห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญ 2550 และทำไมจึงไปลงคะแนนเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคพลังประชาชนอย่างท่วมท้น จนได้เป็นรัฐบาล เอ็นจีโอพันธมิตรจึงไม่ใช่เพื่อนของประชาชนอย่างแท้จริง
ยิ่งสถานการณ์ปัจจุบัน ยังคงเป็นการต่อสู้ทางความคิดการเมืองระหว่างฝ่ายประชาธิปไตยและเผด็จการ การไปยืนอยู่กับพันธมิตรฯ ที่ออกมาต่อต้านรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง โดยเฉพาะคัดค้านกระแสแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 โดยเอารัฐธรรมนูญ 2540 กลับมาใช้ ยิ่งแสดงออกอย่างชัดเจนมากขึ้นว่า เอ็นจีโอกลุ่มนี้
ซึ่งเคยมีส่วนร่วมในการจัดทำอย่างแข็งขัน สนับสนุนรัฐธรรมนูญของ คมช. ที่ไม่เป็นประชาธิปไตย หากเป็นอำมาตยาธิปไตยมากกว่า พวกเขายืนอยู่กับฝ่ายนิยมเผด็จการ ซึ่งมีแนวโน้มเป็นกองหน้าของอำมาตยาธิปไตย และกำลังสร้างเงื่อนไขให้เกิดรัฐประหารอีก อันจะเป็นการทำร้ายประชาชน ทำร้ายประเทศชาติซ้ำสอง
รีบถอนตัวเถอะ อย่าถลำลึกจมปลักเผด็จการอีกต่อไป!
จรัล ดิษฐาอภิชัย