Thursday, October 30, 2008

ชาวเว็บลุยไอซีทีต้านปิด‘ประชาไท’


จากกรณีกลุ่มเครือข่ายเยาวชนกู้ชาติ (young PAD) หรือพวกพันธมิตรเด็กน้อย ได้ยื่นจดหมายเปิดผนึกเรียกร้องให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ตรวสจสอบและจัดการเวบไซต์ที่หมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยมีการเหมาะรวมเอาเวบไซต์ที่ไม่ได้มีเนื้อหาหมิ่นเหม่ดังกล่าว แต่อาจะไม่เห็นด้วยกับแนวทางของกลุ่มพันธมิตรฯ อย่าง www.prachatai.com ซึ่งเป็นเวบทางวิชาการเข้าไปด้วยนั้น

คุกคามสื่อลามถึงเวบไซต์

นายสมบัติ บุญงามอนงค์ ประธานมูลนิธิกระจกเงา กล่าวว่า สำหรับในเรื่องดังกล่าวนั้น ในความเป็นจริงทำได้ยาก เพราะต้องใช้มาตรการทางศาล และมีผลกระทบเยอะซึ่งเรื่องนี้ต้องมีผู้เชี่ยวชาญเข้ามาจัดการ

ซึ่งความพยายามของพันธมิตรฯตนมองว่าเป็นการคุกคามอย่างชัดเจน ซึ่งแน่นอนว่าเวปไซต์ “ประชาไท” เป็นเวทีวิชาการของทั้ง 2 ฝั่ง เปิดเป็นสนามความคิดเห็นให้นักวิชาการที่ไม่กล้าใช้แนวคิดวิพากษ์วิจารณ์กับสังคมโดยตรงจะใช้เป็นกระบอกเสียงขยายความคิดเห็นใหม่ ซึ่งความเห็นเหล่านั้นไม่ได้เป็นผลดีกับพันธมิตรฯ

พธม.รู้ตัวยังแพ้ในสื่อเวบไซต์

หากสังเกตุได้ตามเวปบอร์ดต่าง ๆ จะแยกออกโดยชัดเจนว่าประชาชนส่วนใหญ่จะมีความเห็นเข้าทางกลุ่มที่ต่อต้านพันธมิตรฯเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งพันธมิตรฯรู้ถึงจุดด้อยในแนวรบสื่ออินเตอร์เน็ท จึงพยายามเข้ามาคุกคาม ให้เวปไซต์ที่นำเสนอแนวคิดที่แตกต่าง ต้องปิดตัวไปหรือทำให้เชื่อถึงบารมีของพันธมิตรฯ ว่าสามารถสั่งการอะไรก็ได้ และทำให้เวปไซต์เปลี่ยนจุดยื่นเข้าหาพันธมิตรฯ หรือแม้แต่หวังผลให้ลดช่อทางแนวรบของคนเสื้อแดงให้ได้มากที่สุดเท่านั้นเอง

ปิดเวบไซต์แค่เรื่องฮา ฮา

นายสมบัติ กล่าวต่ออีกว่าส่วนตัวตนรู้สึกเฉย ๆ ฮา ๆ มากกว่า หากสื่อไปเต้นตามกระแสจริงหรือบ้าจี้ตามก็จะเกิดปัญหาใหญ่ขึ้น ดังนั้นคิดว่าไม่ควรจะไปใส่ใจอะไรมากมาย และในความเป็นจริงหากมีความพยายามปิดเวปไซต์ปัญหาจะเกิดขึ้นกับพันธมิตรฯอีกมาก กระแสตีโต้กลับจะเกิดขึ้นอย่างรุนแรง สังคมจะเกิดความไม่พอใจ

ซึ่งในช่วงนี้ได้มีการหารือในบรรดาเวปมาสเตอร์ด้วยกันเอง โดยมีความพยายาจะผลักดันให้กระทรวง ICT เข้ามาดูแลถึงเรื่องดังกล่าวด้วย

เชื่อจงใจปลุกระดมทหารปฏิวัติ

อ.จรัล ดิษฐาภิชัย อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชน เปิดเผยว่า สำหรับเรื่องดังกล่าวตนมองว่าเป็นความพยายามผสมโรงของกลุ่มพันธมิตรฯที่พยายามยุยงให้ทหารออกมาลุยจัดการแทน ซึ่งเรื่องตรงนี้ถือเป็นที่อันตรายมาก ตนมองว่าเป็นอีกหนึ่งเงื่อนไขและช่องทางสุดท้ายที่เหลือไว้ให้เกิดการรัฐประหารขึ้น

แต่ในความเป็นจริงการปิดเวปไซต์นั้นเรื่องทำได้ยาก ซึ่งต้องใช้ขั้นตอนทางกฎหมายและกระบวนการที่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญควบคุมดูแล

อย่าไปกลัวม็อบแบบมติชน

ด้าน น.พ.เหวง โตจิราการ ประธานสมาพันธ์ประชาธิปไตย กล่าวในทำนองเดียวกันว่า กองทัพมีมาตรการดูแลเข้มงวดอยู่แล้ว ดังนั้น พันธมิตรฯจึงไม่มีสิทธิที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยว และในความเป็นจริงพันธมิตรฯใช้อะไรเป็นบรรทัดฐานตัดสินใจ โดยขั้นตอนการดูแลกระทรวง ICT ก็มีการตรวจสอบอยู่แล้ว

“การกระทำพันธมิตรฯในขณะนี้ถือเป็นการเหยียบย่ำกฎหมายทุกฉบับ ใช่กฎหมู่เข้ามาตัดสินแทน ตนจึงอยากฝากบอกว่าสื่อไม่ควรที่จะไปกลัวหรือไปย่อมสยบต่ออำนาจที่ไม่เป็นธรรม ไม่ใช่โดนบีบเข้าหน่อยเลยต้องเปลี่ยนท่าที่ไปประจอ ประแจ๋ แบบเดียวกับ มติชน” น.พ.เหวง กล่าว

แค่แผนดึงมวลชนเข้าร่วม

รศ.อรุณีประภา หอมเศรษฐี อาจารย์คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม กล่าวว่า มันน่าเบื่อมาก และไม่เห็นจะต้องไปสนใจกับการเคลื่อนไหวของเขา เพราะว่าเขาหยุดนิ่งไม่ได้ ต้องมีการออกมาเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลาก็เหมือนกับยุทธศาสตร์ดาวกระจายของเขานั้นแหละ

“การที่เขานำเรื่องที่เป็นจุดเซ็นซิทีฟของคนไทยมาเป็นจุดขาย มองว่าไม่ควรนำประเด็นนี้มาเป็นประเด็นในการเคลื่อนไหว แต่เนื่องจากประเด็นดังกล่าวจะสามารถดึงมวลชนเข้ามาร่วมกลุ่มได้มาก แต่ประเด็นดังกล่าวเป็นประเด็นที่ไม่ควรนำมาหยิบยกหรือเอามาให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กัน”

ที่แท้ก็ทำเพื่อตัวเองทั้งนั้น

รศ.อรุณีประภากล่าวต่อไปคนกลุ่มเขารู้ว่าประเด็นนี้ไม่มีใครที่จะหยิบจับ แม้แต่สื่อเองก็หลีกเลี่ยงในประเด็นดังกล่าว แต่คนกลุ่มนี้กล้าที่จะนำเสนอ เพราะรู้ว่าจะเป็นผลประโยชน์กับตัวเอง การออกมาเคลื่อนไหวในลักษณะดังกล่าวไม่ได้เป็นการกระทำอิงผลประโยชน์ของส่วนร่วม แต่เป็นการกระทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง

อีกทั้งประเด็นในเรื่องดังกล่าวก็มีคนมีเจ้าหน้าที่ที่คอยตรวจสอบดูแลอยู่แล้ว ไม่ต้องไปเสนอให้เรียกร้องให้เขามาตรวจสอบ

แนะบอยคอตพันธมิตรไปเลย

“การเอาเรื่องที่ไม่ควรนำมาพูดแต่เอามาพูดให้เกิดลักษณะของการวิพากษ์วิจารณ์เช่นนี้เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง แล้วการที่ทางกลุ่มเขามีการแอบอ้างทั้งโพกผ้า ทั้งอ้างอิง แบบนั้นทำไมไม่มีใครไปเรียกร้องดูบ้าง”

นอกจากนี้ รศ.อรุณีประภา ได้กล่าวในตอนท้าย ว่าอยากเรียกร้องให้สื่อมวลชนเลือกสนใจในการนำเสนอข่าวของกลุ่มพันธมิตรฯ และสื่อเองควรจะสร้างกระแสในการบอยคอตไปเลย เพื่อเป็นการช่วยปกป้องสถาบัน ไม่มีคนมาพูดถึงได้ สื่อจะไม่ถูกคุกคามถ้าเราไม่ไปเล่นประเด็นตามที่เขาพยายามสร้างกระแส

รู้น้อยแต่อยากมีบทบาทมาก

ทางด้านนายวรดุลย์ ตุลารักษ์ คอลัมน์นิตส์ ประจำเว็ปไซต์ประชาไท กล่าวว่า ผมมองว่าคนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีความน่าสนใจน้อยที่สุด ทั้งโลกทัศน์ วัยวุฒิ ประสบการณ์ต่างๆ และมีความรู้ความเข้าใจต่อการเมืองน้อยมาก

การกระทำที่เกิดขึ้น ดูเหมือนเป็นไอเดียที่มีลักษณะเป็นแฟชั่นของการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่มีความเข้าใจผิดๆต่อระบอบประชาธิปไตย เป็นเหมือนหน่ออ่อนของกลุ่มอนุรักษ์นิยม

“ผมอยากเรียนว่าสื่อทางเลือก ที่อาจจะมีความเห็นต่างจากประเด็นหลักๆสังคมในลักษณะนี้มีอยู่โดยทั่วไป ต่างประเทศก็มีมาก การออกมาเคลื่อนไหวของกลุ่มนี้ เป็นผลสะท้อนของการศึกษาในมหาวิทยาลัยที่ล้มเหลว”

อีก10ปีข้างหน้าต้องอายตัวเอง

นายวรดุลกล่าวต่อไปว่าการที่คนกลุ่มนี้พยายามไปเรียกร้องกับทหารนั้น แสดงว่าไม่มีความเข้าใจในหลักประชาธิปไตยที่ผ่านมาเลย ทั้งเหตุการณ์เมื่อพฤกษภาทมิฬ และเหตุการณ์เมื่อ 14 ตุลาที่ผ่านมาล้วนแล้วแต่พยายามกั้นทหารให้ออกจากการเมือง นี่เป็นการกระทำที่คุกคามสื่อที่มีความเห็นต่าง

“ซึ่งความเป็นจริงในทางปฏิบัติแล้วไม่สามารถที่จะกระทำได้ในการที่จะออกมากล่าวว่าจะทำการปิดเว็ปไซต์เอง เป็นเหมือนการการอิงกระแสกันไป คนกลุ่มนี้ในอีก 5-10 ปีข้างหน้าอาจจะมองย้อนมารู้สึกละอายกับสิ่งที่ตัวเองทำไปในวันนี้ก็ได” นายวรดุลย์กล่าว

ยืนยันระวังเรื่องหมิ่นถึงที่สุด

ด้านนายชูวัส ฤกษ์ศิริสุข บรรณาธิการบริหารเวบไซต์ประชาไท กล่าวว่าไม่ได้ติดใจอะไรที่มีกลุ่ม young PAD ออกมาเคลื่อนไหว เพราะเป็นเรื่องของเวลาที่จะพิสูจน์ความจรอิงว่าเป็นอย่างไร และทีมงานประชาไท ตระหนักต่อปัญหาที่จะสุ่มเสี่ยงต่อการหมิ่นสถาบันอยู่แล้ว รวมทั้งตระหนักถึงการหมิ่นประมาทบุคคลด้วย

ดังนั้นเราจึงใช้ทรัพยากรบุคคลกว่าครึ่งสำหรับการดูแล และระมัดระวังในเรื่องดังกล่าว ส่วนที่เหลือก็เป็นเรื่องเวลา ที่จะพิสูจน์กันต่อไป

รวมตัวบุกไอซีทีต้านปิดเว็บ

แหล่งข่าวระบุด้วยว่าในวันที่ 30 ตุลาคมนี้ เวลาประมาณ 10.00 น. เวบมาสเตอร์ของเวบไซต์หลายแห่งที่ถูกกลุ่ม young PAD พยายามยัดข้อกล่าวหาจะรวมตัวกันไปยังกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอซีที) เพื่อต่อต้านการปิดเวบไซต์

ทั้งยังมีรายงานว่าหลังจากมีกระแสดักล่าวก็มีการให้กำลังใจเวบไซต์ต่างๆ อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะเวบไซต์ประชาไท ที่ได้ชื่อว่าเป็นเวบไซต์วิชาการ ที่มีนักวิชาการหมุนเวียนเขียนบทความจำนวนมาก และมีปัญญาชนเข้ามาใช้บริการมากที่สุด