Friday, November 13, 2009

สังคมมีสติ

ที่มา ข่าวสด

คอลัมน์ บทบรรณาธิการ



ยิ่งในยามที่รัฐบาลหรือนักการเมือง ทั้งที่อยู่ในตำแหน่งและที่หลุดพ้นตำแหน่งไปแล้ว แต่พยายามจะกลับเข้ามามีอำนาจใหม่ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเข้าใส่กัน

และนำเอาผลประโยชน์ของสังคมทั้งสองไปเป็นเดิมพันในเกมการเมืองระหว่างประเทศ

ประชาชนไทยกับกัมพูชายิ่งจะต้องพิจารณาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างมีสติ อย่างสุขุมรอบคอบ และเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม ประโยชน์ที่ยั่งยืนในระยะยาว มากกว่าผลประโยชน์ของคนบางกลุ่มอันเป็นประโยชน์เฉพาะหน้า

เพราะจะต้องระลึกเสมอว่าสงครามและความขัดแย้ง ก่อให้เกิดผลเสียหายต่อคนส่วนใหญ่ได้อย่างมหาศาล

ขณะที่ผู้ก่อความขัดแย้งมักจะลอยตัวลอยนวลไปได้เสมอ



และถึงจะไม่สามารถเข้าไปมีส่วนมีเสียงในการกำหนดนโยบาย แต่ประชาชนทั่วไปก็ยังสามารถใช้สิทธิของความเป็นพลเมือง วิพากษ์วิจารณ์นโยบายของรัฐบาลได้ ไม่ว่าจะในทางสนับสนุนหรือทักท้วงทัดทาน

โดยเฉพาะกับนโยบายหรือจุดยืนที่มีแนวโน้มว่าจะเอนเอียงไปในทางสุดโต่งสุดขั้ว ซึ่งมีตัวอย่างให้เห็นมาแล้วจำนวนไม่น้อยในอดีต ว่าสร้างผลเสียหายมากกว่าผลดีกับคนทั่วไป

เพราะรัฐบาลหรือนักการเมืองนั้นมาแล้วก็จากไป ในขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่จะต้องเป็นผู้รับผลของนโยบายโดยไม่สามารถหลบหนีหรือหลีกเลี่ยงได้

การให้สติระหว่างกันและกันจึงเป็นเรื่องจำเป็น และเป็นคุณต่อทุกฝ่าย



จะต้องตั้งคำถามและหาคำตอบให้ชัดเจนก่อนตัดสินใจว่า จริงหรือที่ประชาชนกัมพูชาเห็นพ้องไปทุกอย่างกับนายฮุนเซน นายกรัฐมนตรี ถึงขนาดพร้อมที่จะตัดขาดความสัมพันธ์หรือตั้งตัวเป็นศัตรูกับคนไทย

และมีคนไทยจำนวนเท่าใดกันที่เห็นว่า สงครามหรือความขัดแย้งอย่างรุนแรงกับเพื่อนบ้านจะให้ประโยชน์มากกว่าความสัมพันธ์ที่สงบ เป็นสุข และต่างเคารพซึ่งกันและกัน

ผู้นำหรือนักการเมืองอาจ "บ้า" หรือแสดงอาการว่าบ้า เพื่อหวังประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งของตน ของพรรค หรือของรัฐบาลได้

แต่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่สามารถเสียสติไปด้วย

และจะต้องเป็นตัวอย่างทางดีให้นักการเมืองไม่ว่าที่ไหนได้สำนึกด้วย