Friday, May 14, 2010

ฉวยโอกาสสุดท้าย

ที่มา ไทยรัฐ

เส้นตายวิกฤติการเมืองที่ นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยื่นคำขาดให้สลายการชุมนุม จะออกหัวออกก้อยอย่างไร สงครามการเมือง จะปะทุขึ้นมา พร้อมกับความรุนแรงชนิดขุดรากถอนโคนหรือไม่ หรือจะมีอุบัติเหตุทางการเมืองเกิดขึ้น คงเป็นเรื่องที่คาดเดาได้ยาก

อยู่บนพื้นฐานความจริงใจในการที่จะแก้ไขวิกฤติบ้านเมืองหรือแค่หาทางลงเพื่อหาโอกาสเอาคืนหรือรอจังหวะความได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมือง ก็อยู่ที่จิตสำนึกที่จะเห็นแก่ประโยชน์ของการเมืองหรือบ้านเมือง ในจังหวะก่อนเสียกุรง มีความไม่ปกติ มีเรื่องความไม่ชอบมาพากลในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ

เข้าทำนองรีบทิ้งทวน

ตัวอย่างมติ ครม.วันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้อนุมัติตามที่ กระทรวงยุติธรรม เสนอให้กรมราชทัณฑ์และกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ได้ผ่อนผันให้กรมราชทัณฑ์ดำเนินการจัดซื้ออาหารสด ตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 1 ก.ย.2552 ต่อไปอีก 6 เดือน

ยกเว้นการจัดซื้ออาหารสดประเภทสัตว์น้ำ

ที่จะขอจัดซื้อจาก องค์การสะพานปลา ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.2553 และกำหนดให้มีการจัดซื้อในราคาที่ต่ำกว่ากระทรวงยุติธรรมเคยซื้อประมาณร้อยละ 9.50

นอกจากนี้ ยังให้กรมราชทัณฑ์ดำเนินการจัดซื้อพืชผักผลไม้ จากเกษตรกรโดยตรง ยกเว้นการจัดซื้ออาหารดิบและผลไม้สำหรับหน่วยงานสังกัดกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ทั้งนี้ ไม่รวมถึงการจัดซื้อข้าวสาร ข้าวเหนียว และนมสดพร้อมดื่ม

ทั้งหมดนี้ให้ดำเนินการจัดซื้อโดยวิธีพิเศษ

ข้อสังเกตก็คือ มีเงื่อนไขในการจัดซื้อ โดยระบุรายละเอียดในการจัดซื้อหยุมหยิม มีข้อยกเว้น และไม่มีมาตรฐานที่ชัดเจน นอกจากนี้ สินค้าบางชนิดก็มีผู้ดำเนินการอยู่แล้วทำให้เกิดความซ้ำซ้อนอย่างผิดสังเกต และที่สำคัญก็คือ กรณีอาหารทะเลสดที่ระบุให้กรมราชทัณฑ์จัดซื้อจากองค์การสะพานปลาโดยตรง

ข้อเท็จจริงก็คือ องค์การสะพานปลา ไม่ได้ประกอบการด้านการประมงโดยตรง แล้ว เพียงแต่มีรายได้จากการให้บริการเรือประมงเท่านั้น เพราะฉะนั้น ถ้าเจาะจงที่จะให้องค์การสะพานปลาเป็นผู้ดำเนินการก็จะต้องไปซื้อปลาจากเอกชนมา เพื่อจำหน่ายให้กับกรมราชทัณฑ์อีกครั้ง

ซึ่งมีการระบุว่า องค์การสะพานปลาจะต้องจำหน่ายให้กรม ราชทัณฑ์ ในราคาที่ต่ำกว่าราคาปกติ อีกต่างหาก ก็แปลว่า องค์การสะพานปลาจะต้องยอมรับการขาดทุนที่เกิดขึ้นใช่หรือไม่

และยังมีเงื่อนไขพิเศษในการดำเนินการจัดซื้อดังกล่าวองค์การสะพานปลาจะต้องจ่ายค่าจัดการ หรือภาษาชาวบ้านก็คือค่าหัวคิวอีกร้อยละ 15 แยกเป็นร้อยละ 10 มีใบเสร็จอีกร้อยละ 5 ไม่ต้องมีใบเสร็จ เมื่อทบทวนดูมติ ครม.ดังกล่าวและข้อเสนอของกระทรวงยุติธรรมแล้ว น่าจะมีอะไรหมกเม็ดอยู่เยอะ

ดูทะแม่งชอบกล.

หมัดเหล็ก