Saturday, June 19, 2010

อดีตบอกปัจจุบัน

ที่มา ข่าวสด

คอลัมน์ ชกไม่มีมุม

วงค์ ตาวัน



หากเปรียบเทียบสถานการณ์บ้านเมืองระหว่างปี 2519 กับปีปัจจุบัน ระหว่างเหตุการณ์ 6 ต.ค. 2519 กับเหตุการณ์ล่าสุด พ.ค. 53 อันเห็นได้ชัดว่า กระบวนการที่นำไปสู่การสลายม็อบนั้นคล้ายคลึงกัน

ก่อนจะเกิด 6 ต.ค. 19 มีการสร้างกระแสที่เหมือนกับก่อนจะเกิด 19 พ.ค. 53

แล้วความเป็นไปหลังจากนั้นก็แทบไม่แตกต่างกัน

มืดครึ้มอึมครึม ใช้อำนาจอย่างครอบจักรวาลเพื่อควบคุมสถานการณ์ให้อยู่หมัด

แต่สุดท้าย ก็เข้าทำนอง ยิ่งกดยิ่งเกิดแรงต้าน

ส่งผลให้รัฐบาลธานินทร์ กรัยวิเชียร ที่ก่อเกิดหลังจาก 6 ต.ค. 2519 ต้องพบจุดจบ โดยมีอายุขัยอยู่ได้เพียงแค่ปีเดียว

จบด้วยการถูกปฏิวัติในวันที่ 20 ต.ค.2520 !!

คนที่ปฏิวัติไม่ใช่ใครที่ไหน ก็คือคณะนายทหารที่ยึดอำนาจในวันที่ 6 ต.ค. 19 แล้วตั้งรัฐบาลธานินทร์ขึ้นมานั่นเอง

คนที่ตั้ง คนที่หนุน เป็นคนปลดเอง

พล.ร.อ.สงัด ชลออยู่ หัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ซึ่งมีพล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญ

ตัดสินใจก่อการรัฐประหารในอีก 1 ปี เพื่อสลายบรรยากาศมืดมน

เนื่องจากสถานการณ์บ้านเมืองหลังวันที่ 6 ต.ค. 19 ถือ ว่าเป็นเผด็จการเต็มตัว

เป็นเผด็จการเพราะต้องปกปิดข้อมูลข่าวสาร จากเหตุฆ่าหมู่กลางเมือง ในธรรมศาสตร์!

ไปจนถึงกลบเกลื่อนภาพการไล่ล่าจับกุมคุมขังผู้นำ

นักศึกษาประชาชน รวมทั้งปิดกั้นกระแสการต่อสู้เคลื่อน ไหวในแนวรบใหม่ของนักศึกษาประชาชน ที่เคืองแค้นจากการถูกปราบปราม

หนังสือพิมพ์ถูกปิดหมด ก่อนจะให้เปิดใหม่ภายใต้การเซ็นเซอร์อย่างหนัก

รัฐใช้สถานีวิทยุในมือโฆษณาชวนเชื่อป้ายสีนักศึกษา หลังจากมีการพบอาวุธมากมายในธรรมศาสตร์ ซึ่งมาจากไหนก็ไม่รู้

ความจริงของเมืองไทยในสมัยนั้นต้องฟังทางสื่อต่างประเทศ

องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนสากลเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาลไทยอย่างหนัก เรียกร้องให้มีการสอบสวนความจริงในเหตุการณ์ฆ่าหมู่ และปล่อยตัวนักโทษทางการเมือง

ผู้คนเริ่มแห่ไปฟังและให้กำลังใจผู้ต้องหาคดี 6 ต.ค. ซึ่งก็คือข้อหากบฏ ข้อหาคอมมิวนิสต์

บรรยากาศอันมืดมนเช่นนี้ดำเนินไปจนกระทั่งต้องเกิดรัฐประหาร 20 ต.ค. 20 เพื่อปลดปล่อยประเทศชาติ

แล้วชะตากรรมของรัฐบาลอภิสิทธิ์จะเป็นเช่นไร

จะเรียนรู้อดีตหรือไม่!?