คอลัมน์ |
จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้ |
ปีที่ 11 ฉบับที่ 2817 ประจำวัน ศุกร์ ที่ 11 มิถุนายน 2010 |
โดย หนังสือพิมพ์โลกวันนี้รายวัน |
ตามแผนปรองดองของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่จะใช้เวลาประมาณ 6 เดือนนั้น เริ่มตั้งแต่การประกาศอย่างเป็นทางการ การเดินสายพบประชาชนและองค์กรต่างๆ การประชุมสมัชชาประชาชนเพื่อรับฟังความคิดเห็น เพื่อนำข้อมูลทั้งหมดให้คณะทำงานแผนปรองดองสรุป และนำไปสู่การทำแผนปฏิรูปประเทศ
หลังจากนั้นให้สำนักงานสถิติแห่งชาติทำโพลแห่งชาติ และให้คณะทำงานแผนปรองดองสรุปเสนอแผนปฏิรูปประเทศต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อให้พิจารณาออกมาตรการ นโยบาย กฎหมาย และจัดสรรงบประมาณ ซึ่งทั้งหมดจะสิ้นสุดปลายปี 2553 และจะเริ่มต้นการปฏิรูปอย่างเป็นทางการ
หมายความว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นได้เร็วที่สุดคือ ประมาณเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2554 หลังการปฏิรูปประเทศเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งนายอภิสิทธิ์ต้องการเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปอีกอย่างน้อย 1 ปีเต็ม และมีเงื่อนไขว่าจะต้องเดินทางไปได้ทุกที่โดยไม่มีการต่อต้าน จึงจะมีการเลือกตั้ง
ที่สำคัญนายอภิสิทธิ์จะไม่แสดงความรับผิดชอบกับเหตุการณ์วันที่ 10 เมษายน และ 13-19 พฤษภาคม 2553 จนกว่าผลการสอบสวนของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองที่นายคณิต ณ นคร เป็นประธาน จะออกมาอย่างไร
แผนปรองดองจึงจะทำควบคู่ไปกับการปฏิรูปสื่อและปฏิรูปการเมืองที่นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เป็นประธานคณะกรรมการปฏิรูปการเมือง ซึ่งนายสมบัติเปิดเผยว่า จะตั้งทีมงานศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อยอดจากคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐสภา โดยคณะกรรมการจะมีสัดส่วนจากนักวิชาการด้านกฎหมายมหาชนมากที่สุด
ปัญหาที่เกิดขึ้นขณะนี้ไม่ใช่พรรคเพื่อไทยและประชาชนจำนวนหนึ่งจะไม่เชื่อใจในความเป็นกลางของนายคณิตและนายสมบัติเท่านั้น แม้แต่นายอภิสิทธิ์เองประชาชนจำนวนมากก็ไม่เชื่อถือว่ามีความจริงใจและยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง เพราะแม้แต่การปรับคณะรัฐมนตรีที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ยังทำได้แค่จัดสรรผลประโยชน์ภายในพรรคประชาธิปัตย์เพื่อเสถียรภาพของตัวเองเท่านั้น ไม่ได้ปรับเพื่อแก้ปัญหาประเทศชาติและประชาชนแต่อย่างใด โดยเฉพาะรัฐมนตรีที่มีภาพพจน์มัวหมอง
ดังนั้น การสร้างการปรองดองที่ดีที่สุดคือ การยุบสภาและให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว เพื่อคืนอำนาจให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินว่าจะเลือกพรรคการเมืองใดบริหารประเทศ เพื่อดำเนินการปฏิรูปประเทศ ปฏิรูปการเมือง และปฏิรูปสังคม รวมทั้งการสอบสวนเหตุการณ์เมษา-พฤษภาเลือดที่มีความเป็นกลางและอิสระอย่างแท้จริง