Friday, August 13, 2010

"การต่อสู้กับความกรุณา" และ "ปัญญาชนในโรงละครร้าง"

ที่มา มติชน

บทกวีโดย วิวัฒน์ เลิศฯ

การต่อสู้กับความกรุณา



ข้าจักต่อสู้กับความกรุณา
เพื่อให้มีโอกาสได้หายใจในอากาศที่ไม่เป็นของใครเลย
การทำทานของท่านซ่อนมีดเล่มหนึ่ง
บาดลงบนเนื้อหนังอันยากไร้ของข้า


เก็บความหวังดีของท่านไว้กับตัวเถิด
ข้าโตพอจะเกรี้ยวกราดแล้ว
คุณธรรมอันเหม็นเน่าของท่าน
ทำให้ข้าสำลักข้าวที่ปลูกด้วยเลือดของพ่อแม่ข้าเอง


ท่านให้ข้าเป็นพวกเดียวกับท่าน
ด้วยการมัดมือมัดเท้าและปิดปาก
จากมนุษย์ข้ากลายเป็นเพียงจำนวนนับหนึ่ง
หน่วยของสิ่งมีชีวิตที่จำต้องยืมปากของท่านเพื่อเปล่งเสียง


เก็บความเศร้าของท่านไว้ให้ดี
เพราะนั่นคือมรดกเดียวที่ท่านจะมีให้แก่ลูกหลานของท่าน


หกสิงหาคมสองห้าห้าสาม

__________

ปัญญาชนในโรงละครร้าง


ปัญญาชนในโรงละครร้าง
หลังม่านนักแสดงละครน้ำเน่ากำลังเฝ้าซ้อมบท
มีงูเลื้อยอยู่ใต้เก้าอี้ผู้ชม
พวกเขาจึงยกเท้าขึ้น


นักแสดงสงสัยเหตุใดเขาจึงต้องเล่นละครซ้ำ
ในบทละครเก่าคร่ำซึ่งเปลี่ยนเพียงเสื้อผ้าแลยุคสมัย
ตกตายในบทที่สามขององก์แรก
บทละครซึ่งเล่นซ้ำไปเท่าไรก็มีแต่เขาที่ต้องตกตาย


คราบน้ำตาซึ่งค้างหยดจากผู้ชมรอบที่แล้วซึมลงบนเบาะนวมรองนั่ง
อสรพิษแลบลิ้นเลียร่องรอยพลางขดร่างหลับรับไออุ่นที่ถูกทิ้งไว้


ปัญญาชนในโรงละครก่นด่ารูโหว่เล็กบนเพดาน
ซึ่งแสงแดดส่องลอดกระทบศีรษะล้านเลี่ยนราวแร้งชราของเขา


ดนตรีโหมโรงซึ่งถูกทิ้งค้างไว้ในท่อนที่มักเล่นก่อนการแสดงจะเริ่มเสมอไม่ว่าละครเรื่องไหน
หนึ่งตัวโน้ตระทมหลั่งน้ำตาเพราะบาดเจ็บจากการถูกฉีกกระชากออกจากแถวบรรทัดห้าเส้น
หล่นลงสัมผัสพื้นโรงละครร้างเปื้อนฝุ่น


นักแสดงถูกงูพิษสังหารก่อนการแสดงเริ่ม
และเหล่าปัญญาชนพากันไปขอค่าตั๋วคืนอยู่อื้ออึง


เจ็ดสิงหาคมสองห้าห้าสาม