Sunday, January 9, 2011

ตั้งแต่ต้นปี 'มาร์ค'งานเข้า

ที่มา ข่าวสด


กรณี นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ และคณะคนไทยรวม 7 คน ไปถูกจับกุมในเขต พื้นที่กัมพูชา

ทำให้เส้นทางของรัฐบาลอภิสิทธิ์ ในการก้าวข้ามปีเสือไฟเข้าสู่ปีกระต่าย เกิดความขลุกขลักไม่ราบรื่นตามแผน การที่วางไว้

นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อุตส่าห์จัดคิวออกทีวีแถลงแผนปฏิรูปประเทศไทย 4 ด้าน หวังสร้างความฮือฮาเป็นของขวัญต้อนรับปีใหม่ให้กับคนไทย

แต่ปรากฏว่าถูกข่าวนายพนิช กลบเสียสนิท

แถมนายอภิสิทธิ์ ยังต้องเปลืองตัวกับคลิป 'นายกฯรู้คนเดียว' ที่มีมือดีปล่อยออกมาทางยูทูบ ทั้งฉบับย่อ 4 นาทีกว่าๆ และฉบับเต็มยาว 20 นาที

ผลักดันให้ไม่เฉพาะรัฐบาลแต่รวมถึงประเทศไทยทั้งประเทศต้องตกเป็นเบี้ยล่างทางฝ่ายกัมพูชาทันที

จาก 'คลิปพสิษฐ์' ในช่วงคดียุบพรรค มาถึง'คลิปพนิช'กรณีกัมพูชา รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ภายใต้การ นำของนายอภิสิทธิ์ พลาดพลั้งเสียรังวัดไปไม่น้อย

ที่สำคัญกรณี 7 คนไทยไม่ว่าจะตั้งใจหรือพลัดหลงเข้าไปให้ทหารกัมพูชาจับกุม

ยังมีผลทำให้ความสัมพันธ์สองประเทศที่ไม่ค่อยลงรอยกันอยู่แล้ว จากเรื่องปราสาทเขาพระวิหารและพื้นที่ทับซ้อนตามแนวชายแดนที่ยังเคลียร์กันไม่ได้ ย่ำแย่หนักเข้าไปอีก

ตอกย้ำให้เห็นรัฐบาลชุดนี้ขาด แคลนทักษะในการผูกมิตรกับเพื่อนบ้าน

ขณะที่อีกมุมหนึ่งของเรื่องที่เกิดขึ้นยังเป็นเครื่องยืนยันว่ากลุ่มพันธมิตรฯ กับรัฐบาลอภิสิทธิ์ ได้เปลี่ยนสถานะจากมิตรมาเป็นศัตรูกันแล้วโดยสิ้นเชิง

ความไม่รอบคอบไม่รู้คิดของนายพนิช ยังเป็นการเปิดช่องให้พรรคฝ่ายค้านและคนเสื้อแดงฉวยโอกาสนำมาขยายผล สอยกระโดงคางรัฐบาลแบบเต็มๆ ในห้วงเวลาการต่อสู้ 'ยกสุด ท้าย' ทางการเมือง

ก่อนการยุบสภาเลือกตั้งใหม่

บรรยากาศการเมืองต่อเนื่องจากปลายปีที่แล้ว

หลังจากนายกฯอภิสิทธิ์ ออกมาส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะยุบสภาก่อนรัฐบาลครบวาระอย่างแน่นอน

โดยผูกติดไว้กับ 3 เงื่อนไขเดิมคือ การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ และสถานการณ์บ้านเมืองอยู่ในความสงบเรียบร้อย

ขณะเดียวกันก็มีข่าวออกมาขยายในรายละเอียดว่ารัฐบาลวางแผนที่จะยุบสภาในช่วงกลางปีหรือราวเดือนพ.ค.-มิ.ย. โดยเน้นไปที่เงื่อนไขเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

เพราะตามขั้นตอนถ้าหากร่างแก้ไขผ่านที่ประชุมรัฐสภาวาระ 2-3 แล้วเสร็จในเดือนมี.ค. ก็ยังต้องใช้เวลาร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญอีกประมาณ 2-3 เดือน ถึงจะยุบสภาจัดการเลือกตั้งครั้งใหม่ได้

กับอีกกระแสหนึ่งที่มองข้ามไปไม่ได้คือข่าวว่ารัฐบาลอาจเล่นเกมยื้อ

ลากเวลาการปล่อยมือจากอำนาจออกไปนานกว่านั้น เพื่อจัดทำงบประมาณปี 2555 รวมถึงการจัดทำโผโยกย้ายข้าราชการประจำปีในเดือนก.ย.อีกรอบ

เพื่อกุมความได้เปรียบในสนามเลือกตั้งชนิดเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

กระนั้นก็ตามแผนดังกล่าวใช่ว่าจะโรยไปด้วยกลีบกุหลาบเสียทีเดียว เพราะต้องยอมรับว่าตลอดเส้นทางการอยู่ในอำนาจของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์นั้น ได้ทำลายมิตรและสร้างศัตรูเพิ่มไว้มากมาย

กองทัพเองก็เริ่มหวาดระแวงรัฐบาล ปล่อยให้เป็นแพะรับบาปจากเหตุการณ์สลายม็อบเสื้อแดงเดือนเม.ย.-พ.ค.53

ส่วนกลุ่มพันธมิตรฯ นั้นไม่ต้องพูดถึงเพราะได้ยัดเยียดข้อหา 'ขายชาติ' ให้กับรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ไปแล้วจากกรณีปราสาทเขาพระวิหารและกรณี 7 คนไทยถูกทางการกัมพูชาจับกุม

และล่าสุดกรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญที่กำลังกลายเป็น 'ศึกใน' ระหว่างพรรคแกนนำกับพรรคร่วมรัฐบาล โดยมีพรรคฝ่ายค้านคอยยืน'เสี้ยม'อยู่ข้างเวที

หลายคนประเมินว่าข้อแตกแยกทางความคิดในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาล

จนทำให้แผนลากยาวอำนาจของใครบางคนไม่เป็นจริงในทางปฏิบัติ

นับตั้งแต่เหตุการณ์ปราบม็อบเสื้อแดงเดือนเม.ย.-พ.ค.53 จนมีคนตาย 91 ศพ บาดเจ็บอีกเกือบ 2,000 คน

กระแสรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ก็วูบวาบเจียนอยู่เจียนไปมาตลอด

กระทั่งผ่านพ้นคดียุบพรรคประชาธิปัตย์มาได้ 2 คดีซ้อน แม้จะมีข้อกังขาจากสังคมแต่รัฐบาลก็ดูเหมือนจะมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น

ทยอยปล่อยนโยบายประชาวิวัฒน์ออกมาเป็นระลอกใหญ่เพื่อเอาใจชาวรากหญ้า ทั้งยังแสดงอาการมือเติบขึ้นเงินเดือนให้ข้าราชการทั้งระบบ ตลอดจนนักการเมืองส.ส. ส.ว. ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา

ทุกอย่างดูเหมือนกำลังจะไปได้ด้วยดีสำหรับรัฐบาล ถ้าไม่ดันมาเกิดเรื่องนายพนิช และความขัดแย้งกับพรรคร่วมในประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขึ้นมาเสียก่อน

นอกจากนี้ยังมีนักวิเคราะห์การเมืองอีกส่วนหนึ่งมองว่า ถึงรัฐบาลหวังว่าจะได้คะแนนนิยมเพิ่มมากขึ้นจากนโยบายประชาวิวัฒน์

แต่ตราบใดที่รัฐบาลยังไม่สามารถตอบคำถามกรณี 91 ศพได้ชัดเจน ก็เป็นเรื่องยากที่รัฐบาลจะฝืนเดินหน้าต่อไปได้อย่างราบรื่น

ขณะที่พรรคเพื่อไทยก็เงื้อดาบรอที่จะยื่นเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในเรื่องนี้อยู่แล้วทันทีที่สภาเปิดสมัยประชุมปลายเดือนม.ค.นี้

ซึ่งอาจจะสร้างความบอบช้ำให้ กับรัฐบาล จนนายกฯอภิสิทธิ์ ไม่กล้า ตัดสินใจยุบสภาเพื่อไปวัดดวงในการเลือกตั้งครั้งใหม่ เนื่องจากอยู่ในสภาพที่เสียเปรียบ

ขณะเดียวกันการยื้ออยู่ในอำนาจต่อไป ก็ยิ่งจะทำให้รัฐบาลได้รับความบอบช้ำหนักขึ้นไปอีก ถึงขั้นไม่สามารถแน่ใจได้ว่าต่อให้ลากยาวอยู่ไปจนครบเทอมเดือนธ.ค. สถานการณ์จะดีขึ้นหรือจะเละๆ เทะๆ กว่าเดิม

เพียงก้าวแรกในการเข้าสู่ปีใหม่ 2554 ก็พอจะมองออกว่าไม่ใช่ปีที่ง่ายดายสำหรับรัฐบาลอภิสิทธิ์ แน่นอน