WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Wednesday, May 28, 2008

พันธมิตรแข็งกร้าว ระดมพล จากตจว.มาชุมนุม

กลุ่มชุมนุมพันธมิตรยังปักหลักอยู่ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ จนถึงเมื่อวันที่ 27 พ.ค. เป็นวันที่ 2 แล้ว ขณะที่ม็อบต่อต้านพันธมิตรปักหลักอยู่ที่ท้องสนามหลวง ท่ามกลางการเฝ้าจับตาดูของหลายฝ่ายและการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงตามเป้าหมายของผู้ที่ต้องการให้เกิด

“ชูศักดิ์” อัดพันธมิตรฯเลยเถิด

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 27 พ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีกลุ่มพันธมิตรประชาชนฯ เปลี่ยนท่าทีจากต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาเป็นขับไล่รัฐบาลว่า สุดแต่จะพิจารณาดูเอาก็แล้วกันว่าเป็นอย่างไร การเมืองเวลานี้แบ่งเป็นขั้วเป็นฝ่าย ส่วนที่มีการหยิบเรื่องนายจักรภพ เพ็ญแข รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไปเป็นประเด็นโจมตีขับไล่รัฐบาลนั้น ถือเป็นความรับผิดชอบของนายจักรภพ ที่บอกว่าเป็นดุลพินิจของประชาชนและสื่อในการพิจารณา เชื่อว่าสถานการณ์จะคลี่คลายไปในจุดที่ควรจะเป็น ประเทศชาติไม่ควรจะไปถึงขนาดนั้น เพราะบอบช้ำมามากแล้ว น่าจะช่วยกันให้ชาติเดินหน้าต่อไปได้ การที่กลุ่มผู้ชุมนุมโจมตีถึงขั้นไล่รัฐบาลตนว่าเลยเถิดไป ถ้าเป็นเช่นนี้ก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะเข้าไปแก้ไขปัญหา


เตือนกลุ่มผู้ชุมนุมอย่าละเมิดสิทธิคนอื่น

เมื่อถามว่า นายกฯไม่ใช่คนประนีประนอมเกรงว่าจะเกิดปัญหาหรือไม่ นายชูศักดิ์ตอบว่า ก็ดูว่าในอนาคตจะเป็นอย่างไร นายกฯคงจะมีการหารือกับฝ่ายความมั่นคง หากเหตุการณ์บานปลาย แต่อยากจะฝากเตือนสติว่าไม่ควรจะมีเหตุวุ่นวายรุนแรงในบ้านเมือง กลุ่มผู้ชุมนุมควรคำนึงถึงเรื่องการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลด้วย ที่ผ่านมาใช้วิธีการประนีประนอม ไม่ได้จัดการโดยเด็ดขาดถือว่าเป็นสิทธิตามระบอบประชาธิปไตย แต่ถ้าหากเกินเลยไป เป็นเรื่องที่ฝ่ายความมั่นคงจะเข้ามาดูแลความปลอดภัย รัฐบาลคงไม่นิ่งดูดายปล่อยให้สถานการณ์ บานปลายไปเรื่อยๆ เพียงแต่ที่ผ่านมาเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน บางทีอาจจะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว จึงต้องทำอะไรรอบคอบระมัดระวัง

“เหลิม” ข้องใจ “สนธิ” แค้นอะไร

ที่บ้านริมคลองบางบอน เช้าวันเดียวกัน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ในโอกาสวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 61 ปี ของขวัญที่อยากได้คือ อยากให้ ประชาชนสามัคคี ส่วนความเห็นที่แตกต่างนั้น ควรต่อสู้กันทางความคิด ไม่ควรกระทบกระทั่ง ประชาชนมีความทุกข์ยากในหลายเรื่อง รัฐบาลเข้ามาเพียง 3 เดือน จะแก้ปัญหาแบบพลิกฝ่ามือคงเป็นไปไม่ได้ การชุมนุมเรียกร้องของประชาชนทุกภาคส่วนสามารถทำได้ ถ้ามีเจตนารมณ์เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ แต่ถ้าใครมีเจตนาแอบแฝงสุดท้ายความจริงจะปรากฏ ที่ผ่านมาไม่เคยโกรธเคืองใคร แต่เมื่อยังคุยไม่รู้เรื่องก็ต่างคนต่างทำหน้าที่ สำหรับตนกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯนั้น นายสนธิไม่พูดความจริง บอกว่าเพิ่งรู้จักตน แต่ความจริงรู้จักกันมานานและผูกพันกัน วันนี้ยังอยากคุยกับนายสนธิว่าที่ทำอย่างนี้ต้องการอะไร มีปัญหาคับแค้นใจอะไร

ปัดใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงจับแกนนำ

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวบนเวทีปราศรัยว่า รัฐบาลเตรียมใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรจับกุมแกนนำพันธมิตรฯ ร.ต.อ.เฉลิมตอบว่า ไม่เป็นความจริง ไม่อยากแสดงความเห็นคัดค้าน พล.ต.จำลอง เพราะเป็นคนต้นทุนทางสังคมสูง ยืนยันไม่มีรัฐบาลในระบอบประ-ชาธิปไตยที่ไหนคิดจับคนชุมนุม เว้นแต่ไปทำความผิดอย่างอื่นแล้วตำรวจต้องเข้าไปดำเนินการ สิ่งที่รัฐบาลเป็นห่วงคือชุมนุมกีดขวางทางจราจร ทำไมไม่ไปแสดงความเห็นที่มุมใดมุมหนึ่งของ กทม. ไม่ว่าจะเป็นลานพระบรมรูปทรงม้า ฝั่งธนบุรี หรือสวนลุมพินี การจราจรก็ไม่ติดขัด ประชาชนก็ไม่เดือดร้อน ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ใช้ ความรุนแรง เพราะเป็นรัฐบาลจากการเลือกตั้ง ทำตามใจชอบไม่ได้ พันธมิตรฯจะชุมนุมก็ทำไป แต่บอกว่ารักบ้าน เมืองแล้วไปชุมนุมข้างยูเอ็น ภาพออกไปทั่วโลกจะไม่ดี ประเทศชาติจะเสียหาย เมื่อถามถึงข่าวจะมีการตั้งหน่วยล่าสังหารแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ รมว.มหาดไทยตอบว่า ขอถามว่าพันธมิตรฯมีศัตรูที่ไหนบ้าง ถ้าเกิดอะไรขึ้นก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับรัฐบาล

ย้ำชัดไม่เคยคิดใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง

ขณะที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ตอบข้อถามผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่ารัฐบาลจะใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯจัดการกับแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ เพื่อสลายม็อบว่า “เคยตอบไปแล้วว่าผมแม้แต่คิดยังไม่เคย”

ให้ออกระเบียบการใช้ห้องแถลงข่าว

ส่วนกรณีที่นายสุชาติ นาคบางไทร กลุ่ม นปก.เดิม เกิดปะทะคารมเดือดกับบรรดาผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภา จนผู้สื่อข่าวมีการไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่ สน. ดุสิตนั้น ที่รัฐสภา วันเดียวกัน ตัวแทนผู้สื่อข่าวประจำ รัฐสภาเข้ายื่นหนังสือต่อนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา เพื่อให้ออกระเบียบเรื่องการอนุญาตให้สมาชิกรัฐสภานำบุคคลภายนอกมาใช้ห้องสื่อมวลชนแถลงข่าว พร้อมกับแนบรายชื่อผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภาทั้ง 36 คนด้วย โดย ในหนังสือระบุถึงเหตุการณ์ที่กลุ่ม นปช. ประกอบด้วยนายจรัล ดิษฐาอภิชัย นพ.เหวง โตจิราการ นายชินวัตร หาบุญพาด และนายสุชาติ นาคบางไทร แถลงข่าวเมื่อวันที่ 26 พ.ค. และนายสุชาติได้แสดงความไม่พอใจพร้อมกับนำกล้องดิจิตอลส่วนตัวขึ้นมาถ่ายภาพผู้สื่อข่าว โดย เฉพาะผู้สื่อข่าวที่ยิงคำถาม โดยอ้างว่าต้องการรู้จักใบ หน้าและศึกษาประวัติ และช่วงคืนวันที่ 26 พ.ค. แกนนำกลุ่มต่อต้านพันธมิตรฯได้ขึ้นเวทีพร้อมกล่าวปราศรัยใน ทำนองว่า ถ้าเห็นหน้ากลุ่มผู้สื่อข่าวที่ซักถามที่รัฐสภาจะหวดทันที

ใครพามาต้องรับผิดชอบพฤติกรรม

จากพฤติการณ์ของกลุ่มบุคคลดังกล่าว ผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภาจากสำนักต่างๆได้หารือกันเห็นว่าขณะนี้ สถานการณ์การเมืองมีความขัดแย้งแบ่งเป็นขั้ว และมีแนวโน้มจะนำไปสู่ความรุนแรงได้ จึงอยากให้ทุกฝ่ายเคารพการทำหน้าที่ซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะการเคารพต่อการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชนตามหลักจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ แต่พฤติกรรมดังกล่าวข้างต้นเห็นว่าเข้าข่าย การคุกคามข่มขู่สิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน ทำให้ไม่ปลอดภัยในการทำงาน และจะส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ที่จะรายงานข้อเท็จจริงให้ประชาชนได้รับทราบ ดังนั้น จึงขอให้ประธานรัฐสภากำชับสมาชิกรัฐสภาที่จะนำบุคคลภายนอกมาใช้ห้องแถลงข่าว ต้องแสดงความรับ ผิดชอบต่อพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของผู้แถลงข่าวที่อาจเกิดขึ้นได้ และขอให้สร้างหลักประกันในการทำหน้าที่ ของสื่อมวลชนว่าจะไม่ถูกคุกคามใดๆ

สภาออกระเบียบทันที 3 ข้อรวด

ทั้งนี้ นายชัยได้รับเรื่องและสั่งให้นายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร รับไปดำเนินการ โดยให้ออกระเบียบ 3 ข้อ คือ 1. ให้สมาชิกรัฐสภาต้องรับ ผิดชอบในการนำบุคคลภายนอกเข้ามาแถลงข่าวในห้องสื่อมวลชน และต้องอยู่รับฟังการแถลงข่าวจนจบ 2. ห้ามบุคคลที่มาแถลงข่าวนำกล้องถ่ายรูปขึ้นมาถ่ายภาพสื่อมวลชน 3. ให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรัฐสภาดูแลความเรียบร้อยอย่างใกล้ชิด

เตือนทุกฝ่ายอย่าใช้อารมณ์ใส่กัน

น.ส.นาตยา เชษฐโชติรส นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์ถึงกรณีที่เกิดขึ้นว่า สมาคมเชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ของนักข่าวรัฐสภาว่าได้ทำหน้าที่ในการหาข้อมูลข่าวสาร ด้วยความเที่ยงธรรมต่อวิชาชีพสื่อ ดังนั้น ขอให้กำลังใจ ในการยืนหยัดทำหน้าที่ให้ดีที่สุดต่อไป ขณะเดียวกัน จากสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง ที่รุนแรงมากในขณะนี้ เป็นที่คาดหมายว่าการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชน จะมีความลำบากมากยิ่งขึ้น รวมทั้งอาจเกิดการกระทบ กระทั่งกับบางฝ่ายที่ไม่เข้าใจบทบาทหน้าที่ของสื่อได้ จึงใคร่ขอให้เพื่อนพ้องน้องพี่ผู้สื่อข่าว ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง และที่สำคัญในการซักถามแหล่งข่าว ที่เป็นคู่กรณีความขัดแย้ง ซึ่งอาจจะเจอกับการใช้อารมณ์ รุนแรงดังกรณีที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ก็ขอให้ใช้ท่าทีที่สุภาพ อย่าใส่อารมณ์และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกัน ต้องยืนหยัดในหลักการที่จะแสวงหาความจริงจากผู้ที่ให้สัมภาษณ์ให้ได้มากที่สุด

“ชัย” ไม่หวั่นถูกถอดถอนตำแหน่ง

จากนั้นนายชัยให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯ เสนอให้ถอนญัตติเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญของสมาชิกรัฐสภาเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ว่า ไม่มีสิทธิไปบังคับให้สมาชิกถอนชื่อออกจากญัตติ เพราะเป็นสิทธิตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯ ยื่นถอดถอนประธานรัฐสภา ข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ นายชัยกล่าวว่า ตนไม่มีลายเซ็น แต่ก็ดีใจที่เขาถอดถอน ไม่ได้รู้สึกกังวลอะไร เพราะทำทุกอย่างตามกฎหมาย ไม่ได้ทุจริตคิดมิชอบต่อบ้านเมือง ไม่ได้ทำผิดระเบียบรัฐสภา เมื่อถามว่าหากยังเดินหน้าบรรจุญัตติต่อไป จะเป็นชนวนทำให้การเมืองนอกสภาร้อนแรงขึ้น นายชัย กล่าวว่า ก็ร้อนกับคนบางคนที่เสียประโยชน์เท่านั้น เมื่อถามว่ามี ส.ส.พรรคพลังประชาชน ระบุจะยื่นถอดถอน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ข้อหามีส่วนร่วมกับกลุ่มพันธมิตรฯ เพื่อล้มล้างการปกครอง นายชัยกล่าวว่า เป็นสิทธิของเขา เหมือนนักมวยปล่อยให้ต่อยฝ่ายเดียวก็เจ็บ เขาก็ต้องต่อยคืนบ้าง แต่ตนจะไม่ร่วมหารือด้วย เพราะไม่อยากให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น อยากให้เกิดความสมานฉันท์ ส.ส.ไม่ว่าจากพรรคไหน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ควรคิดถึง การแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนก่อน

กลุ่มชุมนุมปิดถนนคนเดือดร้อน

ที่ บช.น. พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปฏิบัติหน้าที่ รอง ผบ.ตร. (มค.1) เปิดเผยหลังประชุมตำรวจผู้เกี่ยวข้อง ในการดูแลความสงบเรียบร้อยกลุ่มผู้ชุมนุมว่า การปฏิบัติงานของตำรวจ ในการควบคุมสถานการณ์ได้แยกกลุ่มผู้ชุมนุมทั้ง 2 ฝ่ายออกจากกัน เพื่อป้องกันการปะทะ พร้อมทั้งตรวจค้นอาวุธและป้องกันบุคคลที่ 3 ไม่ให้เข้ามาสร้างสถานการณ์ ท่าทีของกลุ่มผู้ชุมนุมยังไม่มีแนวโน้มว่าจะเลิกชุมนุม ขณะนี้ยังไม่ใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงเข้าไปจับแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ทั้ง 5 คน จากการตรวจสอบเมื่อคืนวันที่ 26 พ.ค. ยังไม่มีกลุ่มรถจักรยานยนต์เข้ามาป่วนการชุมนุม ทั้งนี้ การชุมนุมส่งผลกระทบให้เกิดปัญหาการจราจรอย่างมาก อยากขอร้องให้กลุ่มผู้ชุมนุมเข้าใจการทำงานของตำรวจว่าปฏิบัติงานตามกฎหมาย และจะไม่ขัดขวางการใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ หากไม่ไปละเมิดสิทธิของผู้อื่น

ผบ.ทร.บ่นเหนื่อยใจ

วันเดียวกัน เมื่อเวลา 15.30 น. ที่กองทัพเรือ พล.ร.อ. สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผบ.ทร. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯ ออกมาชุมนุมจนมีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้นว่า เหนื่อยใจว่าทำไมเราไม่รักกันจริง ถึงได้ทะเลาะกันอยู่เรื่อย ไม่รู้จะพูดอย่างไร รู้สึกเหนื่อยใจ อยากให้ คิดถึงประเทศมากที่สุดว่าเกิดอะไรขึ้นมาจะเสียหายทั้งประเทศแล้วจะคุ้มหรือไม่ ส่วนสถานการณ์จะบานปลายหรือไม่ ตนตอบไม่ได้ เพราะอยู่ที่คนที่ไปชุมนุม การชุมนุมทำให้ภาพของบ้านเมืองเราดูไม่ดี ข่าวจากหนังสือพิมพ์ ทราบว่าไทยติดอันดับ 100 ต้นๆ ของประเทศที่ไม่มีความสงบ

“เจ็บคอ” พูดเรื่องปฏิวัติ

เมื่อถามว่าเป้าหมายของการชุมนุม อยากให้จบลงที่ทหารออกมาปฏิวัติหรือไม่ พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม พร้อมกับกระแอมก่อนพูดสั้นๆว่า “เจ็บคอ” เมื่อถามว่า ทหารจะออกมาดูแลความเรียบร้อยต่อเมื่อรัฐบาลสั่งการใช่หรือไม่ ผบ.ทร. ตอบว่า ตามกฎหมายถือว่าใช่ ส่วนเหตุการณ์จะไปถึงตรงจุดนั้นหรือไม่ ตนไม่ทราบขึ้นอยู่ที่ทั้ง 2 ฝ่าย และกลุ่มคนที่สร้างเหตุการณ์ในขณะนี้ เมื่อถามว่า ก่อนเกษียณอายุราชการ จะมีการปฏิวัติอีกหรือไม่ ผบ.ทร. กล่าวติดตลกว่า “ผมต่ออายุไม่รู้หรือ” เมื่อถามว่ามองอย่างไรกรณีที่นายกรัฐมนตรีเสนอให้ลงประชามติในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พล.ร.อ.สถิรพันธุ์กล่าวสั้นๆว่า เจ็บคอ เมื่อถามว่า การชุมนุมครั้งนี้กับเมื่อปี 2549 มีความแตกต่างกันอย่างไร พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ตอบว่า น่าจะนำบทเรียนมาทบทวน ทุกคนน่าจะตั้งสติทบทวนของเก่าว่ามีบทเรียนอย่างไร จะเดินไปแบบเก่าหรือไม่ เมื่อถามว่า ขั้นไหนที่ทหารจะออกมาควบคุมสถานการณ์ พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ ตอบว่า มีขั้นตอนของกฎหมายอยู่ ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะต้องประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพื่อควบคุมสถานการณ์

ยันไม่มีการเคลื่อนกำลัง

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่า หน่วยบัญชาการนาวิกโยธินเคลื่อนกำลังเข้าสู่กรุงเทพฯ พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ตอบว่า ไม่มี ผู้บัญชาการทหารนาวิกโยธิน (ผบ.นย.) อยู่กับตน แล้วใครจะนำกำลังทหารเข้ามา ผบ.นย.โทร.มาหาทุกวัน ช่วงที่มีข่าวลือว่ามีการเคลื่อนกำลัง ผบ.นย.ก็อยู่ข้างตน ไม่มีอะไร ทหารอยากทำมาหากิน งานของทหารเยอะแยะ เมื่อถามว่า ในการประชุมสภากลาโหมในวันที่ 28 พ.ค.นี้จะมีการนำเรื่องสถานการณ์การชุมนุมเข้าหารือในที่ประชุมหรือไม่ พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ตอบว่า ในระเบียบวาระการประชุมยังไม่มี เมื่อถามถึงกรณีที่นายจักรภพ เพ็ญแข รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาแก้ต่างกรณีที่ถูกกล่าวหาว่าหมิ่นสถาบันเบื้องสูง พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ ปฏิเสธตอบคำถามกล่าวเพียงสั้นๆว่า “พอแล้ว เจ็บคอ”

“เสนาะ” ขอให้กลุ่มชุมนุมกลับบ้าน

ด้านนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช กล่าวเรียกร้องให้กลุ่มพันธมิตรฯยุติการชุมนุมเพื่อค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า อยากให้แยกย้ายกลับบ้านและขอให้ความมั่นใจกับพันธมิตรฯว่า คนไทยทุกคนรักสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ คงไม่มีใครสามารถแตะต้องได้ การประกาศต่อสู้กันเหมือนจะไปสู้กับ “อริราชศัตรู” ไม่ว่าใครจะแพ้หรือใครจะชนะ สุดท้ายก็คือคนไทยด้วยกัน ตนไม่ได้มาพูดเอาหน้า แต่มาพูดในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ที่มีความรับผิดชอบต่อบ้านเมืองคนหนึ่ง ตนพูดในฐานะผู้ใหญ่หวังดีต่อบ้านเมือง ไม่ใช่ว่าอยู่ในรัฐบาลแล้ว จะมาพูดแบบนี้ลองคิดดูถ้าคนไม่หวังดีปาระเบิดเข้าไปสักลูก บ้านเมืองจะเป็นอย่างไร จะอยู่อย่างไร เอาเป็นว่าขอร้องทุกฝ่ายจะให้กราบเท้าก็ได้

แจ้งกองปราบฯดำเนินคดีพันธมิตร

ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 17.00 น. นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ นายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี พล.ท.มะ โพธิ์งาม ส.ส.กาญจนบุรี และนายสากล ม่วงศิริ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชาชน เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.สมยศ พรหมนิ่ม รอง ผบก.ป. แจ้งความดำเนินคดีกับนายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายพิภพ ธงชัย นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ นายอมร อมรรัตนนานนท์ นายเทิดภูมิ ใจดี นายสุริยะใส กตะศิลา นายสนธิ ลิ้มทองกุล และ พล.ต. จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ขัดขวางกระบวนการใช้อำนาจนิติบัญญัติของ ส.ส.

ขัดขวางการใช้อำนาจนิติบัญญัติของ ส.ส.

นายวรวัจน์กล่าวว่า แจ้งความดำเนินคดีกลุ่มพันธมิตรฯ ในฐานะที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หลังจากกลุ่มพันธมิตรฯได้จัดชุมนุมสร้างความปั่นป่วนให้กับประเทศ มีการใช้อาวุธ ใช้กำลัง สร้างความเสียหายให้กับภาพลักษณ์ของประเทศ อีกทั้งกลุ่มพันธมิตรฯได้ยื่นเรื่องให้ถอดถอน ส.ส. และ ส.ว.ที่ยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ทั้งที่การดำเนินการเป็นไปตามกฎหมาย และขั้นตอนก็ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรว่าจะรับร่างหรือไม่ แต่กลุ่มพันธมิตรฯกลับมีการใช้กำลัง วาจา และจัดชุมนุมเพื่อขัดขวางกระบวนการดังกล่าว ตนในฐานะที่เป็น ส.ส.จึงขอใช้สิทธิของตนเอง แจ้งความกับตำรวจกองปราบฯให้ดำเนินการตามกฎหมายเพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตย และอยากให้ตำรวจตรวจสอบทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเรื่องการใช้กำลังและความรุนแรงเพื่อให้มีการดำเนินการตามกฎหมาย

กลุ่มชุมนุมอยู่ว่างๆเอาผ้าโพกหัวให้จำลองเซ็น

สำหรับบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ ช่วงเช้าวันที่ 27 พ.ค. กลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนมากยังปักหลักอยู่ในพื้นที่ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายร้อยนายผลัดเปลี่ยนดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ป้องกันไม่ให้กลุ่มพันธมิตรฯบุกเข้าไปยังทำเนียบรัฐบาล ส่วนเส้นทางรอบนอกที่จะผ่านไปยังทำเนียบ ตำรวจใช้แผงเหล็กปิดกั้น ส่วนบนเวทีตลอดทั้งวันบรรดาแกนนำคนสำคัญไม่มีใครขึ้นปราศรัย ขณะเดียวกัน บรรดา ผู้ชุมนุมต่างนำผ้าโพกหัวสีเหลืองไปให้ พล.ต.จำลอง ศรี- เมือง แกนนำพันธมิตรฯเซ็นชื่อจำนวนมาก

เตรียมระดมคนจาก ตจว.มาอีกเพียบ

ต่อมาเวลา 16.00 น. นายสุริยะใส กตศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรฯ แถลงว่า กลุ่มพันธมิตรฯยืนยันจะต่อต้านการลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 ให้ถึงที่สุด ขณะนี้รวบรวมรายชื่อได้เกิน 2 หมื่นรายชื่อแล้ว และในวันที่ 28 พ.ค. ช่วงบ่าย จะนำเอกสารส่วนหนึ่งไปยื่นต่อประธานวุฒิสภา ส่วนอีกชุดหนึ่งจะยื่นในวันที่ 30 พ.ค. เพื่อให้มีการตรวจสอบและถอดถอน ส.ว. ส.ส.ที่เข้าชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ กลุ่มพันธมิตรฯยืนยันว่าจะยืดเยื้อต่อไปอย่างไม่มีกำหนด ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจะมีการระดมมวลชน ทั้งเครือข่ายองค์กรและจากต่างจังหวัดเข้ามาสมทบ ส่วนเรื่องขบวนเสด็จฯในวันที่ 28 พ.ค. นั้น ทางกลุ่มพันธมิตรฯจะตั้งขบวนรับเสด็จฯ ซึ่งเคยทำมาแล้วเมื่อ 2 ปีก่อน คงไม่มีปัญหาอะไร

ตั้งโต๊ะล่าชื่อไล่นักการเมืองหนุนแก้ รธน.

ส่วนการชุมนุมในช่วงเย็นเริ่มคึกคักขึ้น เมื่อมีประชาชนที่ให้การสนับสนุนทยอยกันมารวมตัวฟังการปราศรัย เมื่อมาถึงบริเวณเต็นท์ของกองทัพธรรม หลายคนได้ร่วมลงชื่อการถอดถอน ส.ส.และ ส.ว.ที่ยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นที่น่าสังเกตว่าเสื้อกู้ชาติรวมทั้งซีดีขับไล่อดีตนายกฯ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตั้งแต่ปี 2549 นั้น มีการนำมาวางขายกันบนฟุตปาทริมถนนหน้าสำนักงานองค์การสหประชาชาติ ส่วนของการปราศรัยบนเวทีก็เริ่มอย่างดุเดือด ส่วนใหญ่เป็นการโจมตีการทำงานที่ผิดพลาด เรื่องปัญหาเศรษฐกิจ และการไม่จงรักภักดีต่อสถาบัน เป็นต้น

แจกโล่ไม้รับมือฝ่ายต่อต้าน

สำหรับการรักษาความปลอดภัยรอบบริเวณการชุมนุม มีเสริมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 500 นาย กระจายตรึงพื้นที่ทางเข้าออกชุมนุมทุกด้าน ป้องกันการปะทะกับฝ่ายต่อต้าน ที่ยังคงปักหลักตั้งเวทีที่ท้องสนามหลวง ด้านฝ่ายรักษาความปลอดภัยของพันธมิตรเองก็เริ่มเตรียมการป้องกัน ด้วยการคุมเข้มผู้ที่ผ่านเข้าออกภายในบริเวณการชุมนุม เนื่องจากพบว่ามีแนวร่วมของกลุ่มต่อต้าน แฝงตัวเข้ามาบันทึกภาพและข้อมูลการชุมนุมทั้งยังแจกจ่ายหมวกกันน็อกพร้อมโล่ไม้อัดให้กับฝ่ายรักษาความปลอดภัย มีการเตรียมไม้ เหล็กแป๊บ ขวดโซดา ไว้ด้วย นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรเผยว่า โล่และหมวกกันน็อกนั้น ไม่ได้แจกไว้เพื่อไปสู้รบกับฝ่ายต่อต้าน แต่มีไว้เป็นแนวปะทะ เนื่องจากเมื่อวันที่ 25 พ.ค. แนวปะทะอ่อนมาก จนทำให้กลุ่มต่อต้านเข้ามาขว้างปาทำร้ายผู้ชุมนุม จึงต้องเตรียมพร้อมไว้เท่านั้น

ขณะที่อีกฟากหนึ่ง กลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ นำโดยนายสุชาติ นาคบางไทร ยังคงปักหลักเปิดเวที ปราศรัย “สภาสนามหลวงต่อต้านพันธมิตรฯ” ท่ามกลางประชาชนผู้สนใจและให้การสนับสนุนกว่า 500 คนเข้าฟัง มุ่งประเด็นปราศรัยโจมตี 5 แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนฯ อย่างเผ็ดร้อนว่า เป็นพวกอันธพาล แสดงอำนาจถ่อย เพื่อล้มล้างรัฐบาลประชาธิปไตย โดยไม่คำนึงว่าสร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนหรือไม่ และตราบใดที่กลุ่มพันธมิตรฯยังไม่เลิกการชุมนุมปิดถนนราชดำเนิน กลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการก็จะจัดเวทีชุมนุม ต่อต้านต่อไป ขณะที่นายสรรเสริญ ศรีอุ่นเรือน อดีต แกนนำ นปก. 2 กล่าวว่า จะให้เวลากับรัฐบาลในการดำเนินการจัดการกลุ่มพันธมิตรฯให้สลายการชุมนุมปิดถนนราชดำเนินสักระยะ หากรัฐบาลทำไม่ได้ พวกสภาสนามหลวงจะไปจัดการให้กลุ่มพันธมิตรฯพ้นจากสะพานมัฆวานฯเอง แต่ถ้ากลุ่มพันธมิตรฯยอมเปิดถนนย้ายไปชุมนุมต่อต้านรัฐบาลที่สวนลุมพินี เราสัญญาจะไม่ไปก่อกวนเด็ดขาด

โวย ตร.เปิดเพลงประชันเวทีปราศรัย

กระทั่งเวลา 21.00 น. ระหว่างที่เวทีปราศรัย ที่มีนายเจิมศักดิ์ ปิjนทอง อดีต ส.ส.ร. เป็นผู้ดำเนินรายการและได้มีการเปิดวีดิโอเทปการปราศรัยของนายจักรภพ เพ็ญแข รมต. ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระหว่างการเดินทางไปบรรยายที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ระหว่างที่มีการเปิดเทปดังกล่าว จู่ๆรถกระจายเสียงเคลื่อนที่ของ บช.น. ที่จอดอยู่หลังแนวเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็เปิดเพลงปลุกใจสวนเข้ามาเสียงดังสนั่น กลบเสียงปราศรัยของเวทีของฝ่ายพันธมิตรฯ สร้างความไม่พอใจให้กับผู้ชุมนุมถึงกับมีการกรูกันมาที่แนวรั้วเหล็กของตำรวจบนสะพานมัฆวาน พร้อมขว้างขวดน้ำใส่และตะโกนด่าทอว่าตำรวจต้องการรบกวนการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ จนสถานการณ์เริ่มชุลมุนขึ้น

“อัศวิน” บอกเหมือนยั่วยุตำรวจ

ก่อนที่สถานการณ์จะบานปลาย พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. ซึ่งมาควบคุมกำลังตำรวจอยู่หลังแนวแผงเหล็ก ได้เดินมาเกาะรั้วพร้อมกล่าวอย่างมีอารมณ์ กับตัวแทนของฝ่ายพันธมิตรว่า ได้ขอร้องแล้วว่าให้ พันธมิตรฯหันลำโพงบนรถที่จอดบนสะพานมัฆวานไปทางฝั่งของการชุมนุม ไม่ใช่หันมาทางตำรวจที่รักษาการณ์อยู่ ขอร้องมา 2 วันแล้ว ทำแบบนี้เหมือนเป็นการยั่วยุ ตำรวจ หากเสียงดังไปถึงในวังจะทำอย่างไร ขณะนั้นนายสุริยใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ ได้เข้ามาเจรจาและยอมสั่งให้ทีมงานหันลำโพงรถกระจายเสียงบนสะพานมัฆวานไปทางกลุ่มผู้ชุมนุม และในที่สุดรถกระจายเสียงของ บช.น.ก็ยอมปิดเพลง สถานการณ์ตึงเครียดจึงยุติลง

“โคราช” เตรียมเคลื่อนพลเข้ากรุง

ที่จังหวัดนครราชสีมา ช่วงบ่าย กลุ่มชาวโคราชที่อ้างตัวว่าเป็นพวกรักความสงบกว่า 500 คน เดินทางมาชุมนุมที่หน้าศาลากลางจังหวัด ยื่นหนังสือให้กำลังใจการทำงานของรัฐบาล และนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี นายอินทร์ เพชรมาก ผู้ใหญ่บ้านใหม่ ต.บ้านใหม่ อ.เมืองนครราชสีมา แกนนำชาวบ้าน กล่าวว่า กลุ่มพันธมิตรออกมาเคลื่อนไหวสร้างความแตกแยกให้แก่ คนในชาติ ถือเป็นการกระทำไม่ถูกต้อง กระทบต่อความเจริญและความสงบเรียบร้อยของประเทศ จึงขอเรียกร้องให้กลุ่มพันธมิตรยุติการเคลื่อนไหว ปล่อยให้รัฐบาลบริหารบ้านเมืองไปตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย ให้รัฐบาลได้แก้ไขปัญหาต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ หากพันธมิตรยังไม่ยุติการชุมนุมจะเดินทางไปคัดค้านที่กรุงเทพฯต่อไป

ไม่เพิกถอนคำสั่งปล่อยตัวชั่วคราว

ที่ศาลจังหวัดเชียงราย วันเดียวกัน นายอาวุธ ปรีชาวุฒิ ทนายความของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้พิจารณาเพิกถอนคำสั่งปล่อยตัวชั่วคราวของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ที่ถูกฟ้องข้อหาหมิ่นประมาท ร.ต.อ.เฉลิม เนื่องจากปฏิบัติตัวผิดเงื่อนไขการให้ประกันตัวชั่วคราว ต่อมาเวลา 14.30 น. นายมโน เทอดจิตธรรมผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดเชียงราย ร่วมกับนายสุพัฒน์ หน่อแหวน ผู้พิพากษา ร่วมกันพิจารณาคำร้องของนายอาวุธแล้วลงความเห็นว่าพฤติกรรมของจำเลยยังไม่เห็นควรต้องเพิกถอนคำสั่งปล่อยตัวชั่วคราว