WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Friday, May 14, 2010

ACHR ร้องรัฐหยุดปราบแดง ชี้เข้าข่ายอาชญากรสงคราม

ที่มา ประชาไท


ศูนย์สิทธิมนุษยชนเอเชีย (ACHR) ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับกรณีที่ทางกองทัพยิงปืนใส่ผู้ชุมนุมเสื้อแดงเมื่อเย็นวันนี้ (13 พ.ค.) โดยมี ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง และคนอื่น ๆ อีก 2 รายถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งเป็นผลมาจากการที่กองพันทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ประกาศใช้ "ปฏิบัติการราชประสงค์" เพื่อสลายการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงที่ราชประสงค์

โดย ACHR ได้ส่งจดหมายเปิดผนึกให้แก่นายกรัฐมนตรี เตือนให้หยุดใช้กำลังทหารสลายการชุมนุมที่ราชประสงค์ มิเช่นนั้นแล้วนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะตกเป็นผู้รับผิดชอบตามมาตรา 25(3)(a) ของธรรมนูญกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ (Rome Statute of the International Criminal Court) ในการจงใจใช้กำลังจู่โจมผู้ชุมนุมที่เป็นประชาชนโดยตรง ซึ่งการใช้กำลังกับผู้ชุมนุม นปช. ที่ราชประสงค์นั้นถือเป็นการกระทำที่ละเมิดต่อมาตราที่ 8 (2)(e)(i) ของ ธรรมนูญกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ

ทาง ACHR เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรียกเลิกการใช้กำลังทหาร และกลับมาใช้วิธีการเจรจากับผู้ชุมนุม เนื่องจากไม่อยากให้เกิดเหตุการที่มีการสังหารผู้ชุมนุมเช่นวันที่ 10 เม.ย. อี

ที่มา
http://www.achrweb.org/press/2010/THAI02-2010.html


ข้อมูลเพิ่มเติม

ธรรมนูญกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ

มาตราที่ 25 ว่าด้วย "ความรับผิดชอบต่อความผิดในฐานะปัจเจกบุคคล"
ข้อ 3 ระบุว่า อ้างจากธรรมนูญนี้แล้ว ผู้ที่จะถือว่าต้องรับผิดชอบและต้องโทษทางอาญาภายใต้การตัดสินของศาลก็ต่อเมื่อ:

วรรค a ระบุถึง กระทำความผิดทางอาญา ไม่ว่าจะโดยปัจเจกบุคคลหรือร่วมมือกับผู้อื่น หรือดำเนินการผ่านทางผู้อื่น โดยไม่ว่าบุคคลอื่นๆ นั้นจะต้องรับผิดชอบต่อความผิดด้วยหรือไม่

มาตรา 8 ว่าด้วย "อาชญากรรมสงคราม"
ข้อ 2 ระบุถึง "อาชญากรรมสงคราม" หมายความว่า:

วรรค e ระบุถึง การละเมิดอย่างร้ายแรงต่อกฏหมายและวิถีปฏิบัติที่ใช้ในเรื่องความขัดแย้งที่มีการใช้อาวุธโดยไม่ใช่เรื่องความขัดแย้งระหว่างประเทศ แต่อยู่ภายใต้ขอบข่ายของกฏหมายข้อตกลงนานาชาติ อาทิ

วรรคย่อย i ความจงใจใช้กำลังโจมตีประชาชนโดยตรงหรือกับปัจเจกบุคคลเป็นราย ๆ โดยที่พวกเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวกับสงครามโดยตรง

อ้างอิงจาก
http://untreaty.un.org/cod/icc/statute/romefra.htm
http://untreaty.un.org/cod/icc/statute/99_corr/3.htm

ยิงผู้ชุมนุมที่สวนลุม บาดเจ็บระนาว ยิงศีรษะเสียชีวิตแล้ว1

ที่มา ประชาไท


เกิดเหตุทหารยิงผู้ชุมนุมแถบสวนลุม เจ็บระนาว มีประชาชนรายหนึ่งถูกยิงศีรษะอาการสาหัส 1 ราย ล่าสุดเสียชีวิตแล้วเมื่อเวลาประมาณ 02.20 น


ที่มาภาพ:เว็บไซต์มติชน

เวลาประมาณ 23.20 น. สำนักข่าวสปริงนิวส์รายงานการสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่กู้ภัยของหน่วยแพทย์วชิระพยาบาลซึ่งนำคนเจ็บบริเวณสีลม หน้าอาคารอื้อจือเหลียง ถ.พระราม 4 ส่ง รพ.จุฬาฯ โดยระบุว่าเกิดเหตุยิงผู้ชุมนุมเมื่อราวครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา ขณะนี้นำผู้บาดเจ็บคือนายชาติชาย ชาเหลา อายุประมาณ 25 ปี สวมกางเกงขายาวสีดำ เสื้อสีแดง บาดเจ็บสาหัสถูกยิงที่ศีรษะ ส่งโรงพยาบาลจุฬาฯ แล้ว โดยเบื้องต้นรายงานว่าหัวใจหยุดเต้น แต่เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยแจ้งว่าแพทย์สามารถปั๊มหัวใจขึ้นมาได้

เวลาประมาณ 02.20 น. ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวสปริงนิวส์รายงานเพิ่มเติมจากรพ.จุฬาฯ ว่า นายชาติชายเสียชีวิตแล้ว ญาติอยู่ในอาการเศร้าสลด พร้อมระบุว่านายชาติชายนั้นมาร่วมชุมนุมทุกวันหลังจากเสร็จจากการขับแท็กซี่ และญาติไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น

ด้าน UDDThailand รายงานว่า ผู้ถูกยิงดังกล่าวเป็นช่างภาพอิสระ คอยถ่ายภาพเหตุการณ์ชุมนุมและการสลายการชุมนุม ทั้งนี้มีรายงานว่า บริเวณดังกล่าวถูกทหารดับไฟจนมืด และไม่มีใครกล้าเดินผ่าน

ด้านเจ้าหน้าหน่วยกู้ภัยกล่าวด้วยว่า ก่อนหน้านี้มีผู้ชุมนุมบริเวณดังกล่าวประมาณ 100 คน จากนั้นมีเหตุการณ์วุ่นวายโดยมีการนำข้าวของปาใส่กลุ่มทหาร ซึ่งตั้งบังเกอร์อยู่ห่างออกไปประมาณ 150 เมตร จากนั้นเกิดเสียงปืนดังขึ้น หน่วยกู้ภัยซึ่งอยู่บริเวณดังกล่าวจึงได้เข้าไปช่วยผู้บาดเจ็บในที่เกิดเหตุ ขณะเข้าไปยังมีเสียงปืนดังขึ้นเป็นระยะ ซึ่งคาดว่าเป็นการยิงจากฝั่งทหาร ทั้งนี้ หน่วยกู้ภัยระบุว่ายังมีคนเจ็บอีกคนหนึ่งที่ถูกยิงจากบริเวณดังกล่าวเช่นเดียวกันนำส่งโรงพยาบาลจุฬาฯ แล้วแต่ยังไม่ทราบชื่อ

ด้านเว็บไซต์มติชนรายงานว่าเวลา 23.00 น.สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสรายงานว่า มีกลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงที่ได้เดินเท้าจากแยกวิทยุผ่านหน้าสวนลุมพินีมุ่งหน้าไปสี่แยกศาลาแดงซึ่งมีด่านเจ้าหน้าที่ตั้งอยู่ จากนั้นได้มีเสียงปืนดังขึ้นหลายนัดมีกลุ่มเปลวไฟจากทางฝั่งเจ้าหน้าที่ ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมวิ่งย้อนกลับไปพบว่ามีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุพบชายถูกยิงที่ศีรษะ เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำร่างส่งโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์แล้ว รวมทั้งผู้บาดเจ็บจำนวนมากถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเช่นเดียวกัน

มีรายงานข่าวแจ้งเพิ่มเติมว่า ในเหตุการณ์นี้ยังมีผู้บาดเจ็บคือนายรังษี ลาช้อน ซึ่งเป็นวินมอเตอร์ไซด์ที่มาส่งผู้โดยสารแล้วแวะสอบถามสถานการณ์กับผู้ชุมนุมบริเวณแยกวิทยุ หันหน้าเข้าทางสวนลุมซึ่งมีทหารประจำการอยู่ จากนั้นมีเสียงปืนดังขึ้นโดยมีทิศทางมาจากสวนลุม และระหว่างนั้นเอามือไว้ที่ออก ปรากฏว่าโดนกระสุนจริงยิงทะลุมือ กระสุนถากใต้ราวนมซ้าย รักษาตัวที่รพ.จุฬาฯ อีกคนหนึ่งคือนายสมผัด ถาปัน โดนกระสุนยางเข้าที่ลำคอด้านซ้าย รักษาตัวที่ รพ.จุฬาฯ เช่นกัน

การ์ด นปช. ถูกวางยาในกาแฟกว่า 30 ราย

ที่มา ประชาไท


01.00 น. ของวันที่ 14 พ.ค. 53 ผู้สื่อข่าวประชาไทรายงานจากแยกสารสินว่า การ์ด นปช. ที่รักษาพื้นที่ประมาณ 30 ราย ส่วนใหญ่เป็นการ์ดจากจังหวัดขอนแก่นมีอาการอ่อนเพลีย แขนขาไม่มีแรง หลังดิ่มกาแฟที่บรรจุในแก้วของร้านสะดวกซื้อซึ่งมีคนนำมาแจก จากการสอบถามจากการ์ดคนอื่นๆ ระบุว่า ก่อนหน้านี้ มีคนนำกาแฟใส่แก้วดังกล่าวมาแจกจ่ายการ์ด นปช. เพื่อให้กำลังใจ ก่อนจะมีอาการดังกล่าว โดยระบุด้วยว่า ผู้ที่นำมาแจกจ่ายนั้น มีบัตรนักข่าวช่อง 3 ด้วย จึงไม่มีใครสงสัยแต่อย่างใด ทั้งนี้การ์ดทั้งหมดได้นำตัวส่งโรงพยาบาลตำรวจแล้ว เบื้องต้นสันนิษฐานว่า ถูกวางยานอนหลับอย่างแรง

สหรัฐฯสั่งปิดสถานทูตในกรุงเทพฯ

ที่มา ประชาไท


13 พ.ค.53 สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า นายฟิลิป โครว์ลีย์ โฆษกกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐฯ แถลงในกรุงวอชิงตันว่า สหรัฐฯ ได้สั่งปิดสถานทูตในกรุงเทพฯ เพราะตั้งอยู่ใกล้สถานที่เกิดเหตุรุนแรง สหรัฐฯ รู้สึกเป็นห่วงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก และกำลังจับตาอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ คำแถลงของนายโครว์ลีย์ มีขึ้นหลังสถานทูตอังกฤษและเนเธอร์แลนด์ในกรุงเทพฯ สั่งระงับบริการเกี่ยวกับวีซ่าด้วยเหตุผลความกังวลเกี่ยกับเหตุความรุนแรงในประเทศไทย

รายงานของ 'ไมดันส์' ผู้สื่อข่าวที่สัมภาษณ์ เสธ.แดง ก่อนถูกยิง

ที่มา ประชาไท


เซธ ไมดันส์ ผู้สื่อข่าวของอินเตอร์เนชั่นแนล เฮอราด ทริบูน (International Herald Tribune-IHT) ซึ่งเป็นส่วนนำเสนอเรื่องราวต่างประเทศของนิวยอร์กไทม์ คือนักข่าวที่กำลังสัมภาษณ์เสธ.แดง หรือพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล เวลาเดียวกับที่เสธ.แดง ถูกยิงโดยลูกกระสุนปริศนาเข้าที่ศรีษะ

เซธ รายงานข่าวชิ้นนี้ใน IHT โดยระบุว่า เสธ.แดง ถูกยิงที่ศรีษะขณะที่ผู้สื่อข่าวของ IHT กำลังสัมภาษณ์เขาอยู่ในช่วงเวลาราว 1 ทุ่,

โดยหลังจากที่ได้ยินเสียงปืนที่ไม่เหมือนเสียงประทัดดังปัง เสธ.แดง ก็ล้มลงที่พื้น ตาเขาเบิกกว้าง มีผู้ชุมนุมพยายามแบกร่างที่ไม่รู้สึกตัวของเขาไปที่โรงพยาบาล พร้อมตะโกนว่า "เสธ.แดง ถูกยิง เสธ.แดงถูกยิง" ขณะที่กำลังวุ่นวาย

หลังจากนั้นอีกไม่กี่นาทีก็มีเสียงปืนดังขึ้นอีกนัด มีรายงานว่ามีผู้ได้รับบkดเจ็บ 20 ราย อาจจะจากกระสุนปืน จากการล้มเหยียบกัน หรือจากสาเหตุอื่นที่ยังไม่มีการระบุ ภายในไม่กี่ชั่วโมงต่อมาผู้ชุมนุมก็ปะทะกับเจ้าหน้าที่ที่สวนลุมพินี

IHT รายงานอีกว่า ในขณะที่เสธ.แดงถูกยิงนั้น เขาใส่ชุดทหารลายพรางเช่นปกติ และกำลังให้สัมภาษณ์ตอบคำถามเรื่องที่ว่า ทหารไทยจะสามารถเจาะทะลวงเข้ามาในพื้นที่ชุมนุมได้หรือไม่ โดยคำพูดสุดท้ายที่เขาพูดก่อนถูกยิงคือ "ทหารเข้ามาในนี้ไม่ได้หรอก" (The military cannot get in here) ซึ่งเขากล่าวเป็นภาษาไทย โดยบางครั้งเขาก็พูดภาษาอังกฤษแบบผิดๆ ถูกๆ

จากการสัมภาษณ์ในวันอาทิตย์ มีการถามถึงเรื่องเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ และชายเสื้อดำลึกลับ เสธ.แดง ปฏิเสธว่า เขาไม่มีส่วนรับผิดชอบใดๆ กับความรุนแรงที่เกิดขึ้น โดยกล่าวเป็นภาษาอังกฤษว่า "I deny!" จากนั้นก็หัวเราะ

ในวันนี้ (13) ก่อนหน้าที่เขาจะถูกยิงเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง เขากำลังพูดคุยกับนักข่าวที่รุมล้อมอยู่ใกล้ ๆ กับด่านตรวจ หลายคนผละตัวออกไปจนเหลือแต่ผู้สื่อข่าวของ IHT ที่มีโอกาสได้สัมภาษณ์

เสธ.แดง กล่าวเกี่ยวกับชุดยูนิฟอร์มของเขา บอกว่ามันเป็นตัวเดียวกับที่เขาเคยใส่ต่อสู้กับคอมมิวนิสต์เมื่อราว 30 ปีที่แล้ว เขาได้พูดคุยเกี่ยวกับบทบาทในการทำงานร่วมกับผู้ชุมนุมและบอกว่า มันต่างจากการปฏิบัติภารกิจในกองทัพที่เขาเคยทำมาก่อนอย่างไร

เขาเรียกตัวเองว่าเป็น "กองทัพประชาชน" (People's army) ที่เตรียมพร้อมป้องกันการสลายการชุมนุม

เสธ. บอกอีกว่า การปะทะในครั้งนี้อาจจะ "ไร้รูปแบบ" และ "ไร้กติกา"

ที่มา
Dissident Thai General Shot; Army Moves to Face Protesters, Seth Mydans, International Herald Tribune
http://www.nytimes.com/2010/05/14/world/asia/14thai.html?ref=global-home

ลูก เสธ.แดง ไม่ยื้อพ่อหากหมดหวัง - มะกันฟันธงยิงโชว์แกนนำ

ที่มา ประชาไท


ย้าย "เสธ.แดง" รักษาที่วชิระ ลูกสาวชี้หากหมดหวัง ไม่ขอยื้อชีวิตพ่อ ที่ปรึกษากลาโหมสหรัฐฟันธงยิง เสธ.แดง โชว์แกนนำ – ด้านดีเอสไอ ขออายัดตัวแม้โคม่า ‘ทักษิณ’ ทวิตประณามรัฐ

ทหารยิงกระสุนยางไล่ม็อบ หลังระดมคนปิดทางไม่ให้เจ้าหน้าที่ออกจากสวนลุมพินี
ทีวีไทยรายงานว่า บริเวณแยกสวนลุมพินี เมื่อเวลา 20.40 น.มีการกระทบกระทั่งกันระหว่างเจ้าหน้าที่กับกลุ่มผู้ชุมนุม หลังจากที่ผู้ชุมนุมนำกรวยสีส้มที่เจ้าหน้าที่นำมาปิดเส้นทางการจราจรออก เพื่อเปิดเส้นทางให้ประชาชนสัญจรไปมา พร้อมกับนำกระถางต้นไม้มาขวางประตูทางออกสวนลุมพินี และผลักดันเจ้าหน้าที่ทหารไม่ให้ออกมาจากสวนลุมพินี

หลังจากนั้นไม่นานได้มีเสียงปืนดังติดต่อกันหลายนัด โดยเจ้าหน้าที่ได้ยิงกระสุนยางใส่ผู้ชุมนุม ทำให้มีผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บหลาย มีรายหนึ่งถูกยิงด้วยกระสุนยางเข้าที่ต้นคอ ผู้ชุมนุมได้นำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว

เวทีประกาศขอรับบริจาคเลือด กรุ๊ป AB ช่วยเสธ.แดง
เวลา 20.50 น.พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) และ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้บังคับการกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 (ผบก.น.1) เดินทางไปที่โรงพยาบาลหัวเฉียว ซึ่งมีผุ้ชุมนุมรอรับทราบอาการของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบกที่ถูกยิงในช่วงค่ำ

ผู้สือข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนหน้าการเดินทางมาถึงของ ผบช.น.และผบก.น.1 เพียงเล็กน้อย มีเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจปราบจราจลจำนวนหนึ่งเข้ามาบริเวณโรงพยาบาลและได้เกิดการปะทะคารมกับผุ้ชุมนุม จนเกือบเกิดการปะทะ ทั้งนี้ ผู้ชุมุนได้ร้องขอให้ทางเจ้าหน้าที่ออกห่างจากบริเวณดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ยินยอมโดยออกไปตั้งจุดตรวจอยู่บริเวณหน้าโรงพยาบาล

พล.ต.ท.สัณฐานและพล.ต.ต.วิชัยได้เดินทางเข้าไปในอาคารโรงพยาบาลและขึ้นลิฟท์ไป ขณะที่หน้าโรงพยาบาลมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 1 กองร้อย และ ตำรวจปจ.1กองร้อย ทหารจำนวน 10 นายและหน่วยอรินทราช 5 คน สังเกตุการอยู่หน้า รพ.เพื่อดูแลความเรียบร้อย

ส่วนเวทีที่ราชประสงค์มีการประกาศขอรับบริจาคเลือด กรุ๊ป AB ที่โรงพยาบาลหัวเฉียว เพื่อใช้ในการผ่าตัดเสธ.แดง และมีการเปิดรับบริจาคหลังเวที

ทั้งนี้ เหตุการณ์ความวุ่นวายครั้งนี้ เบื้องต้นมีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 22 คน โดยเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลหัวเฉียว 20 คน โรงพยาบาลตำรวจ 1 คน โรงพยาบาลจุฬาฯ 1 คน แต่ยังไม่มีรายงานความคืบหน้าจากหน่วยงานรักษาความปลอดภัยในพื้นที่

ย้าย "เสธ.แดง" รักษาที่วชิระ
เมื่อเวลา 23.00 น.พ.ค.นพ.เพชรพงษ์ กำจรกิจการ ผู้อำนวยการศูนย์เอราวัณ สำนักการแพทย์ฉุกเฉิน กทม.เปิดเผยว่า จะทำการย้าย พล.ต.ขัตติยะไปยังวชิระพยาบาล เพื่อทำการรักษาต่อไป ทั้งนี้ แพทย์ของวชิระพยาบาลจะทำการพิจารณาเพื่อรักษาอาการเนื้อสมองตาย เนื้อสมองบวมของ พล.ต.ขัตติยะ

เวลา 23.45 น. คณะแพทย์โรงพยาบาลหัวเฉียว ได้นำตัว พล.ต.ขัตติยะ ส่งไปรักษาตัวที่วิชรพยาบาล โดยขนย้ายผู้ป่วยออกทางด้านหลังของอาคารรักษา โดย นพ.ชัยวัน เจริญโชคทวี ผอ.วชิรพยาบาล เดินทางมารับตัวผู้ป่วยด้วยตนเอง

ด้าน น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล ลูกสาวพล.ต.ขัตติยะ ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านทางสถานีสปริงนิวส์ ถึงอาการบาดเจ็บของ พล.ต.ขัตติยะ ว่า อาการค่อนข้างสาหัส และหากไม่ไหวจริงๆ คงต้องตัดสินใจกันอีกทีว่าจะยื้อต่อไปหรือไม่

ข่าวแจ้งว่าการย้าย พล.ต.ขัตติยะ ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลวชิระ เนื่องจากอุปกรณ์การแพทย์ในการช่วยชีวิตเร่งด่วน แม้ว่าแพทย์จะประเมินอาการแล้วว่า พล.ต.ขัตติยะ มอาการสาหัส จากเนื้อสมองที่ถูกกระสุนยิงเข้าไปทำลาย ทั้งนี้ เหตุผลในการย้ายโรงพยาบาล คนใกล้ชิด พล.ต.ขัตติยะ อ้างว่า เพื่อความปลอดภัยและให้คณะแพทย์ได้รักษาอาการเสธแดงอย่างใกล้ชิด

ก่อนหน้านี้ เวลา 23.30 น.มีการเคลื่อนไหวของกองกำลังทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้สนธิกำลังเพื่อดูแลพื้นที่โรงพยาบาลหัวเฉียว ได้เคลื่อนย้ายกำลังพล โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนย้าย พล.ต.ขัตติยะ ไปโรงพยาบาลวชิระกองกำลังทหารและตำรวจก็ได้ถอนตัวออกไปเหลือเพียงเจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเวลาประมาณ 22.20 น.บริเวณหน้าโรงพยาบาลหัวเฉียว มีคนจำนวนมากทะยอยกันมา เพื่อให้กำลังใจเสธแดงจนเกิดเหตุชุลมุน ทั้งนี้ได้มีการตั้งด่านของเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร โดยทหารได้ตรวจค้นรถยนต์ที่วิ่งผ่านหน้าโรงพยาบาลอย่างเข้มงวด อ้างว่าเพื่อป้องกันคนร้ายที่อาจแฝงตัวเข้ามา เป็นเหตุให้ผู้ขับขี่รถยนต์ไม่พอใจและมีปากเสียงกันช่วงหนึ่ง ทำให้ทหารนายหนึ่งยิงปืนขึ้นฟ้า ทำให้ผู้คนที่อยู่หน้าโรงพยาบาลหัวเฉียวและย่านใกล้เคียงต่างตกใจพากันหลบเพื่อความปลอดภัย

รอยเตอร์ฟันธง แผนเด็ดหัว หลังยิงเสธ.แดง
เว็บไซต์ไทยรัฐ รายงานอ้างสำนักข่าวรอยเตอร์ ที่เผยแพร่คำกล่าวของนายแอนโธนี เดวิีส์ ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงประจำวารสารด้านกลาโหม "ไอเอชเอส-เจน’ส" ระบุว่า เหตุการณ์ที่ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ถูกยิง เป็นความพยายามที่เห็นได้ชัดว่า มุ่งกำจัดผู้นำฝ่ายทหารของกลุ่มคนเสื้อแดง และถือเป็นกลยุทธ์ที่ชาญฉลาด เพื่อสร้างความสับสนในแกนนำฝ่ายทหารและส่งสารถึงแกนนำอื่นๆ ของฝ่ายเสื้อแดงให้ทราบว่า ถ้าไม่ต้องการเจรจาและยุติการชุมนุม ก็จะเผชิญผลลัพธ์ร้ายแรง

ขณะที่สำนักข่าวเอพี ได้เผยแพร่บทสัมภาษณ์ของ พล.ต.ขัตติยะ ซึ่งมีขึ้นประมาณ 90 นาทีก่อนถูกยิง โดย พล.ต.ขัตติยะ คาดว่าจะมีการใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในเร็วๆ นี้ โดยอาจเป็นช่วงค่ำของวันที่ 13 พ.ค. หรือช่วงเช้าตรู่วันที่ 14 พ.ค. นอกจากนี้กล่าวหากลุ่มแกนนำคนเสื้อแดง รับสินบนจากรัฐบาลเพื่อให้ยอมรับแผนสมานฉันท์ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แต่เมื่อตัวเขาเข้ามาแล้วและจะกลายเป็นคนสำคัญทันที โดย ณ เวลานี้ กองทัพประชาชนจะต่อสู่กับกองทัพ โดยไม่จำเป็นต้องสอนวิธีการต่อสู่ เพราะจะเป็นการต่อสู้ที่ไม่มีรูปแบบหรือแผนการ กลุ่มคนเสื้อแดงจะต่อสู้ด้วยกลยุทธ์ของตัวเอง

ส่วนที่มาที่ไปของคนลงมือยิง พล.ต.ขัตติยะ นั้น คนสนิทที่ไม่เปิดเผยชื่อคนหนึ่งของ พล.ต.ขัตติยะ อ้างว่า พล.ต.ขัตติยะ ถูกยิงโดยสไนเปอร์ หรือพลแม่นปืน แต่ยังไม่มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายไหนยืนยันในเรื่องนี้

เที่ยงคืน บึมหน้า รร.ดุสิตฯ -รพ.จุฬาฯประกาศปิด 14 พ.ค.
ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อเวลา 00.02 น. 14 พ.ค. เกิดเสียงดังคล้ายระเบิดขึ้นบริเวณลาดจอดรถโรงแรมดุสิตธานี 1 ครั้ง จากนั้นได้มีการตอบโต้กันด้วยปืนอีกจำนวนกว่า 10 นัด ก่อนจะสงบลง ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

ขณะที่โรงพยาบาลจุฬาฯ ได้ออกมาปฏิเสธตามที่มีข่าวลือว่า มีทหารเข้าไปประจำการอยู่ภายในโรงพยาบาลนั้น ไม่เป็นความจริง มีเพียงเจ้าหน้าที่ที่ถอยกำลังเข้ามาหลบจากเหตุปะทะข้างต้นเท่านั้น อย่างไรก็ดีในวันที่ 14 พ.ค. ทางโรงพยาบาลประกาศปิดให้บริการเป็นเวลา 1 วัน

‘จตุพร’ ไม่หวั่น ขอสู้ต่อไป
ต่อมาเมื่อเวลา 00.30 น. กลุ่มคนเสื้อแดงได้ทำการยึดรถน้ำจากทหารจำนวน 2 คัน จากบริเวณถนนสาทรนำไปยังที่เวทีราชประสงค์ ขณะที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำเสื้อแดง ได้ขึ้นปราศรัยว่า จากการเหตุการลอบยิง พล.ต.ขัตติยะ ไม่ทำให้กลุ่ม นปช.ยุติการชุมนุมแน่นอน แต่จะขอต่อสู้ต่อไป จากนี้คนนามสกุล "เวชชาชีวะ" และ "เทือกสุบรรณ" จะอยู่อย่างลำบาก

ดีเอสไออายัด "เสธ.แดง" แม้โคม่า – ปณิธานแจงไม่ใช่ฝีมือรัฐ
รายงานข่าวจากเว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์เมื่อเวลา 01.00 น. ระบุว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เตรียมอายัดตัว "เสธ.แดง" ขณะที่อาการยังโคม่า ก่อนหน้านี้ เวลา 23.30 น. นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก หรือ เสธ.แดง ถูกลอบยิง ที่บริเวณพื้นที่การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า เบื้องต้นคงต้องสอบสวนและนำคนผิดมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป แต่คงไม่ใช่เป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่รัฐ เนื่องจากรัฐบาลได้สั่งการอย่างชัดเจนว่า จะไม่ใช้แนวทางความรุนแรง

ทั้งนี้ ส่วนจะมีการสลายการชุมนุมในคืนนี้หรือไม่ คงต้องขึ้นอยู่หลายองค์ประกอบ และเจ้าหน้าที่มีการประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และ ศอฉ.ได้มีการสั่งกระชับกำลังโดยรอบพื้นที่แยกราชประสงค์ นอกจากนี้ ยังได้วางมาตรการเพิ่มมากขึ้น เพื่อไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางเข้า-ออก เพราะจะเป็นการเพิ่มจำนวนของผู้ชุมนุม

“ทักษิณ” ทวิตประณามใช้อาวุธหนักกับผู้ชุมนุม
14 พ.ค. เวลาประมาณ 2.43 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทวีตข้อความผ่านเว็บไซต์ทวิตเตอร์ (http://twitter.com/Thaksinlive) ระบุ "ผมขอประณามการใช้กำลังทหารและการใช้อาวุธหนักกับพี่น้องผู้ชุมนุมอย่างสันติจนเสียชีวิตไปหลายคนอีกครั้งหนึ่งของรัฐบาลที่อ้างว่าเป็นประชาธิปไตย" "ผมเคยบอกว่าการปรองดองไม่ใช่เป็นเพียงภาษาสวยๆ ต้องอยู่บนพื้นฐานของใจเป็นธรรมมีเมตตาธรรม มีความจริงใจที่จะปรองดอง เห็นแล้วยังความโหดเหี้ยมใจดำ" พ.ต.ท.ทักษิณกล่าว

'อำมาตย์ภาคประชาชน' เสนอปฏิรูปประเทศไทยบนกองศพวีรชนไพร่

ที่มา ประชาไท


ถ้าความทรงจำยังมิลืมเลือน ราวหนึ่งเดือนที่ผ่านมา TPBS สภาพัฒนาการเมือง สถาบันพระปกเกล้า สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย มูลนิธิชุมชนไท และสภาองค์กรชุมชนแห่งประเทศไทย มีบุคคลสำคัญ อย่างนายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รองนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับการแต่งตั้งจากอำนาจเผด็จการทหารคมช. นายบวรศักดิ์ อุวรรณโน เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า และนายสน รูปสูง ประธานสภาองค์กรชุมชนแห่งประเทศไทย ได้ออกมาเคลื่อนไหวให้ปฏิรูปประเทศไทย แก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง

และพวกเขาอ้างว่า พวกเขาเป็น “ภาคประชาชน” ผู้บริสุทธิ์ผุดผ่องทางการเมือง ?

เมื่อสามวันที่ผ่านมา นายประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส นายบรรเจิด สิงคเนติ มูลนิธิสถาบันเพื่อสังคมที่เป็นธรรม และนายไพโรจน์ พลเพชร คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน ได้เสนอสมัชชาปฏิรูประเทศไทย เพื่อปฏิรูปประเทศไทย

พวกเขาอ้างว่า เนื่องจากที่ผ่านมาสังคมค่อนข้างสิ้นหวังกับนักการเมือง ดังนั้นจึงต้องเปลี่ยนแปลงกันขนานใหญ่ และในวันที่ 20 พฤษภาคม นี้เขาจะจัดเวทีใหญ่ มีนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ร่วมงานด้วย

และพวกเขาก็ชอบอ้างว่า พวกเขาเป็น “ภาคประชาชน” ผู้เป็นกลางทางการเมือง ?

แต่พวกเขาก็หาได้เป็นรากหญ้าตัวจริงไม่ พวกเขาไม่ได้ทำการผลิต ไม่ได้ใช้แรงงานทำมาหากิน พวกเขาไม่จบเพียงชั้น ป.4 เหมือนมวลชนผู้ยากไร้ที่พวกเขาชอบเอ่ยอ้าง แต่พวกเขาทำโครงการ หางบประมาณ และ “สถาปนาตนเอง” เป็น “ผู้นำรากหญ้า” เป็น “ผู้นำภาคประชาชน” เป็น “ผู้นำภาคประชาสังคม” นั่นเอง โดยที่มวลชนผู้ยากไร้ก็ไม่ได้เลือกตั้งเขา

และพวกเขาก็ไม่เคยเปิดเผยบัญชีทรัพย์สิน เหมือนนักการเมืองที่พวกเขาจงเกลียดจงชังว่าเชื่อถือไม่ได้ มีเล่ห์เหลี่ยมไม่ควรคบหาสมาคมด้วยยิ่งนัก

สำหรับผู้ที่สนใจการเคลื่อนไหวอย่างเกาะติดการเมืองในห้วงสามสี่ปี่ที่ผ่านมา ก็จะเห็นได้ว่า พวกเขาทั้งหลายล้วนเป็นผู้สนับสนุนรัฐประหาร 19 กันยายน 49 เป็นผู้สนับสนุนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นผู้สนับสนุนรัฐบาลสุรยุทธ์ เป็นผู้ต่อต้านรัฐบาลทักษิณ เป็นผู้ต่อต้านรัฐบาลสมัครและรัฐบาลสมชาย ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ทั้งเปิดเผยและแนบเนียน ทั้งทางตรงและทางอ้อม

สรุปได้ว่า พวกเขาเหล่านี้ล้วนเป็นเครือข่ายอำมาตย์ทั้งสิ้น แม้ว่าพวกเขาไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้เป็นองคมนตรี ไม่ได้เป็นผู้นำกองทัพ ไม่ได้เป็นท่านตุลาการ

แต่พวกเขาเป็น “ภาคประชาชน” ที่ไม่ชอบประชาธิปไตย ไม่นิยมให้ผู้ปกครองผู้บริหารมาจากการเลือกตั้ง พวกเขาไม่ชอบให้ประชาชนเลือกพวกเขา แต่ชอบการแต่งตั้งจากชนชั้นนำ ชนชั้นสูง บางคนได้รับการแต่งตั้งจากคณะมนตรีความมั่งคงแห่งชาติ(คมช.) เป็นคตส. บางคนลงสมัครคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแต่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง

พวกเขายังคิดว่า “ประชาชนโง่ ถูกซื้อ” จึงเลือกผู้แทน ได้แต่นักการเมืองที่ไม่ดี ทำให้การเมืองไทยสกปรก

พวกเขาจึงมองว่า การเลือกตั้ง ไม่ใช่ประชาธิปไตย เนื่องเพราะ “คนดี มีคุณธรรม” อย่างพวกเขาไม่มีโอกาสได้รับการเลือกตั้งเป็นแน่

“ภาคประชาชน” ของพวกเขา จึงเห็นว่า คนเราไม่เท่ากัน คนจนยังโง่อยู่จะให้เท่ากับคนชั้นกลาง คนชั้นสูง ผู้มีการศึกษา ได้อย่างไรกัน

พวกเขาชวนกันเชื่อว่า หนึ่งสิทธิ์หนึ่งเสียง คนเราเท่ากัน ของระบอบประชาธิปไตย ใช้กับสังคมไทยไม่ได้ เพราะเรามีประชาธิปไตยแบบไทยๆ ไงท่านทั้งหลาย

“ภาคประชาชน” ของพวกเขา มีความรักชาติยิ่งชีพ ครั้งหนึ่ง พวกเขาจึงต้องทวงคืนเขาพระวิหาร เพราะพวกเขมรปล้นไป เราคนไทยจึงยอมไม่ได้

“ภาคประชาชน” ของพวกเขา มีมาตรฐานยิ่งนัก ช่วงรัฐบาลสมชายต้องการให้ผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยออกจากทำเนียบ ออกจากสนามบิน พวกเขาเคลื่อนไหวอย่างเอาการเอางานไม่ให้รัฐบาลสมชายใช้อาวุธปราบปรามผู้ชุมนุม พวกเขาต้องการ “สิทธิมนุษยชน”

แต่เมื่อรัฐบาล อภิสิทธิ์ คนดีของพวกเขา “ขอพื้นที่คืน” โดยการใช้กำลังทหารพร้อมอาวุธปราบปรามคนเสื้อแดงที่เรียกร้องประชาธิปไตยให้รัฐบาลยุบสภา และทำให้คนเสื้อแดงต้องถูกสังหารสูญเสียชีวิต 25 ชีวิต และบาดเจ็บนับพัน พวกเขาไม่ได้เรียกร้องต้องการ “สิทธิมนุษยชน” อีกแล้ว พวกเขาบอกว่า “ยุบสภาไม่ได้แก้ไขปัญหา สังคมไทยต้องปฏิรูปประเทศไทย” ซึ่งเป็นข้ออ้างหนึ่งของนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ที่บอกต่อสังคมว่าได้คุยกับภาคประชาชนแล้วเช่นกัน

พวกเขาจึงเป็นส่วนหนึ่งทางการเมืองของนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์อย่างปฏิเสธไม่ได้

พวกเขาบอกว่า “แปรวิกฤตเป็นโอกาส” หรือว่า พวกเขา ”ฉวยโอกาสบนกองศพวีรชนไพร่” ผู้สละแม้กระทั่งชีวิตเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งสังคมต้องร่วมกันทวงถามหาความรับผิดชอบจากรัฐบาลและฆาตรกรสั่งฆ่าประชาชนก็ต้องถูกลงโทษ มิใช่หรือ?

พวกเขาทั้งหลายจึงเป็นได้เพียง “อำมาตย์ภาคประชาชน” นั่นเอง

ข้อเสนอการยกร่างจัดตั้งองค์การเพื่อการปฏิรูปประเทศไทยเป็นองค์การมหาชนอิสระของพวกเขานั้น มีกำหนดระยะดำเนินงาน 5 ปี มีกรรมการไม่เกิน 21 คน ประกอบด้วยผู้มีความรู้หรือมีประสบการณ์ด้านพัฒนาประชาธิปไตย การพัฒนาสังคม และการพัฒนาเศรษฐกิจในทุกภาคส่วนของสังคม

จะเป็นเช่นเดียวกับองค์กรมหาชนทั้งหมดที่มีอยู่ในปัจจุบันหรือไม่ ? ซึ่งล้วนแต่มีคำถามและถูกวิจารณ์จากสังคมกันว่า เป็นองค์กรมียุทธศาสตร์คับแคบ มีแนวทางที่นิยมเผด็จการรวมศูนย์อำนาจ เสนอทางออกต่อชาวบ้านให้รู้จักพอเพียงพึ่งตนเอง การบริหารจัดการองค์กรที่ไม่โปร่งใส ตรวจสอบไม่ได้ ไม่มีส่วนร่วม ขัดกับหลักธรรมาภิบาลที่พวกเขาชอบอ้างอิงทั้งสิ้น

แต่กลับเป็นองค์กรที่พิจารณางบประมาณให้เฉพาะพรรคพวกที่เป็นพวกนิยมอำมาตย์ เอางบประมาณอุปถัมป์ผู้นำชาวบ้านบางคนให้เชื่องเชื่อฟังตน เพื่อสร้างภาพลักษณ์ นำงบประมาณใช้เคลื่อนไหวขัดขวางระบอบประชาธิปไตย เล่นพรรคเล่นพวกไม่มีหลักการ มีแต่หลักกู และใช้เงินงบประมาณที่เป็นภาษีประชาชนเพื่อครอบงำชาวบ้านให้ขึ้นตรงต่อองค์กรมหาชนที่ชอบระบอบอำมาตยาธิปไตยมากกว่าสร้างสรรค์ประชาธิปไตย

สภาประชาชนปฎิรูปการเมืองที่พวกเขาเสนอมา ผู้เข้าร่วมก็คงเป็นเครือข่ายอุปถัมป์ค้ำชูของพวกเขา หน้าเดิมๆ คนเก่าๆ ที่ทำมาหากินกับพวกเขาเสมอมา และห่างเหินคนในหมู่บ้านตนเอง เป็นผู้นำลอยจากฐานมวลชน เพราะต้องยุ่งกับการประชุมสัมมนากินกาแฟ โรงแรมหรู ค่าเบี้ยเลี้ยงคุ้ม ที่พักอย่างดีมีทั้งแอร์และน้ำอุ่น มีคาเฟ่ฟังเพลงยามค่ำคืน ไม่ใช่ตากแดดทนฝน นอนตากยุงเหมือนคนเสื้อแดงที่ราชประสงค์

และก็คงล็อบบี้กันเองภายใน เลือกกันเองว่าจะเอาใครเป็นกรรมการ 21 คน ประชาชนนอกเครือข่ายอำมาตย์ไม่เกี่ยว ยิ่งประชาชนคนเสื้อแดง คงต้องถอยไปเลยไปไกลๆ แม้ว่าคนเสื้อแดงจะมีมวลมหาชนทั้งปริมาณและคุณภาพมากกว่ามวลชนพวกเขานับร้อยพันเท่าก็ตามเถิด

ส่วนผู้มีความรู้ด้านการพัฒนาประชาธิปไตยที่พวกเขาว่า ก็คงจะกลายเป็นผู้มีความรู้ในการพัฒนาระบอบอำมาตยาธิปไตยให้เข้มแข็ง โกหกพกลม หลอกลวงโลกได้ทุกสมัยของสังคมมากกว่าการพัฒนาประชาธิปไตยอย่างที่กล่าวอ้าง... แต่ที่แน่ๆ งบประมาณคงไหลมาเทมาจากรัฐบาลอภิสิทธิ์เป็นแน่

เพราะการปฏิรูปประเทศไทยครั้งนี้นำโดยรัฐบาลอำมาตย์ เครือข่ายอำมาตย์ และอำมาตย์ภาคประชาชน

คงต้องติดตามดูกันต่อไปว่า “ปฏิรูปประเทศไทยบนกองศพวีรชนไพร่” จะเป็นเช่นไร ?

และ “กาลเวลาจะพิสูจน์ผู้คนด้วยเช่นกัน”

มาร์คอุ้มเทือก เลือกสลาย‘แดง’

ที่มา บางกอกทูเดย์



ใครเป็นกุนซือ หรือใครอยู่เบื้องหลังวิธีคิดของทั้งรัฐบาล ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และกลุ่มคนเสื้อแดงทั้งหลายก็ตาม ต้องบอกตรงๆ ว่า เป็นวิธีคิดที่ห่วยแตกเอามากๆ เพราะกลายเป็นการลากแผนเจรจาโดยสันติ เข้าไปอยู่ในจุดอับ ติดล็อก และกลายเป็นสภาพที่ขึงพืดกันอีกครั้งทันทีที่ “เสธ.ไก่อู” พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ.ออกมาเจื้อยแจ้วว่าศอฉ.จำเป็นต้องใช้มาตรการกดดันพื้นที่การชุมนุมอย่างเต็มรูปแบบ โดยเริ่มต้นตั้งแต่กำหนดที่จะตัดน้ำประปา ไฟฟ้า สาธารณูปโภค โทรศัพท์ การเดินทางสาธารณะ ตั้งแต่ รถเมล์ รถไฟฟ้า เส้นทางน้ำในคลองแสนแสบ บริเวณพื้นที่ชุมนุมทั้งหมด แปล

ง่ายๆ ว่า ต้องการปิดเส้นทางเข้าออก เส้นทางส่งกำลังบำรุงสู่ผู้ชุมนุมแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ในยุทธศาสตร์ทหาร หากเป็นการประกาศภาวะสงคราม บรรดาเสธ. ที่ผ่านโรงเรียนเสนาธิการมาแล้ว ย่อมรู้ดีว่านี่คือแผนล้อมกรอบศัตรู… ปัญหาก็คือพื้นที่ราชประสงค์เป็นสนามรบหรือไม่???และกลุ่มคนเสื้อแดงที่มาชุมนุมเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยเป็นศัตรูที่ต้องใช้ยุทธศาสตร์ทางทหารทำลายล้างหรือไม่???เพราะต้องไม่ลืมว่า นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช.แดงทั้งแผ่นดิน

ได้ออกมาสวนกลับการประกาศมาตรการของ ศอฉ. ทันควันว่า นปช.ได้ตอบรับวันเลือกตั้ง 14 พฤศจิกายน และวันยุบสภาไปแล้ว ที่ยังติดค้างคาใจในเวลานี้ เหลือเพียงแค่เรื่องนายสุเทพต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามขั้นตอน ถ้ามีการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมที่ถูกต้อง เพราะมี 2 มาตรฐานมันหลอกหลอนสังคมไทยมานับตั้งแต่รัฐประหาร 19 กันยายน 49 จนไม่สามารถจะเชื่อจะไว้วางใจอะไรได้อีกถ้ามีการดำเนินคดีกรณีสั่งสลายการชุมนุมจนกระทั่งมีผู้เสีย

ชีวิตมีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก มีการออกหมายเรียก มีการออกหมายจับ แล้วนายสุเทพไปมอบตัวเมื่อไหร่ กลุ่มคนเสื้อแดงยืนยันว่าจะประกาศยุติการชุมนุมทันที!!!พูดง่ายๆว่าต้องการให้มีการดำเนินคดีในเรื่องนี้ เพราะไม่ต้องการให้กลายเป็นเรื่อง “ตายฟรี” แล้วทุกอย่างจางหายเป็นคลื่นกระทบฝั่งในขณะที่นายอภิสิทธิ์เอง ก็กลับมามีทีท่าไม่ลดราวาศอกอีกครั้ง หลังจากที่เห็นว่าสามารถโหนกระแสแผนปรองดองจนได้รับการยอมรับจากแทบทุกฝ่าย ก็เลยเกิดอาการเอาแต่ใจ

กำเริบขึ้นมาอีกรอบไม่เจรจาแล้ว... ต้องยอมรับเท่านั้น ถ้าไม่อย่างนั้นก็ล้มวันเลือกตั้ง 14 พฤศจิกายนไปเลย อ้างว่าเลยเส้นตายที่ขีดเอาไว้แล้ว...ต้องถามว่าการปิดประตูใส่หน้ากันของทั้ง 2 ฝ่ายแบบนี้ มันช่วยให้ประเทศชาติพ้นวิกฤติหรือไม่ มันทำให้หลุดพ้นจากปลักหลุมที่ตกลงไปได้หรือไม่???สิ่งที่บางกอก ทูเดย์ อยากจะขอสะกิดเตือนทั้งนายอภิสิทธิ์ และแกนนำ นปช. หรือทั้งรัฐบาลและกลุ่มคนเสื้อแดงก็คือ ณ วินาทีนี้ การข่มขู่ว่าจะสลายการชุมนุม การกำหนด

มาตรการต่างๆ ไม่ได้ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมยอมสยบแน่นอนในขณะที่การเพิ่มเงื่อนไขในเรื่องโน้นเรื่องนี้เข้าไป โดยบุคลิกเฉพาะตัวของนายอภิสิทธิ์ก็เห็นฤทธิ์กันมาแล้ว ว่าดื้อรั้นขนาดไหน... ตำแหน่ง ผบ.ตร. ขนาดเชื่อกันว่ามี “สัญญาณพิเศษ” กระซิบมา แต่จนวันนี้นายอภิสิทธิ์สนใจที่ไหนไม่มี ผบ.ตร.ตัวจริงมา 7 เดือนครึ่งแล้ว... มีปัญหาอะไรมั้ยบรรดาแกนนำ นปช. และกลุ่มคนเสื้อแดง ยังมองบุคลิกของนายอภิสิทธิ์ไม่ออกอีกหรือฉะนั้นการขึงพืดการเจรจามีแต่จะทำให้

โดนด่าจากสังคมระงมไปหมด ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนเสื้อแดง หรือเป็นนายอภิสิทธิ์และรัฐบาลก็ตามประเด็นสำคัญที่ทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายหวาดระแวง ไม่ไว้วางใจที่จะเจรจาได้อย่างสนิทใจ ก็คือ ทั้ง 2 ฝ่ายยังขาดซึ่งความจริงใจต่อกันกลุ่มคนเสื้อแดงนั้นระแวงว่าจะมีการสลายการชุมนุมตามคำข่มขู่ของ ศอฉ. อยู่ตลอดเวลา และนี่เองที่เป็นสาเหตุให้มีการกำหนดเงื่อนไขต่างๆ เพิ่มขึ้นมา ซึ่งรัฐบาลต้องยอมรับความจริงว่า ก็เพราะท่าทีของ ศอฉ.เป็นเช่นนั้นจริงๆเมื่อผสมผสานกับท่า

ทีและวิธีคิดของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ที่ขานรับอำนาจกลุ่มอำมาตย์ เพื่อฉวยโอกาสทำลายล้างคู่แข่งทางการเมืองด้วยแล้ว... จะให้กลุ่มคนเสื้อแดงไม่หวาดระแวงก็ใช่ที่เพราะตลอดมาดูเหมือนในกลุ่มนักวิชาการที่เป็นกลางจะวิเคราะห์ว่า ยุทธศาสตร์ของ ศอฉ. มุ่งที่จะดำเนินแผนหลักๆ อยู่ 4 ประการเท่านั้น1.โจมตีในเรื่องการล้มเจ้า ล้มสถาบัน เพื่อทำลายภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของกลุ่มคนเสื้อแดง และพรรคเพื่อไทยให้สิ้น

ซาก จะได้หมดโอกาสมาเป็นคู่แข่งทางการเมืองในอนาคตได้อีก2. การกล่าวอ้างในเรื่องของการก่อการร้าย ว่าปะปนหรือแอบแฝงอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง เพราะฐานความผิดนี้เป็นข้อหาฉกาจฉกรรจ์ที่ทำให้ผู้ที่ถูกป้ายสีโดนโทษสูงสุดคือประหารชีวิตได้เลย3.เมื่อมีการกล่าวหาในเรื่องก่อการร้ายแล้ว ก็หนีไม่พ้นที่จะต้องกล่าวหาต่อในเรื่องของการมี การใช้ซึ่งอาวุธสงคราม... ซึ่งแน่นอนว่านี่คือข้อหาที่ร้ายแรงอีกเช่นกันและสุดท้ายข้อ 4 คือข้อกล่าวหาในเรื่องของ

การข่มขู่รัฐบาลเพื่อให้เปิด พีทีวี ซึ่งรัฐบาลอ้างว่า เป็นช่องทางการสื่อสารเพื่อล้มสถาบันและเพื่อก่อการร้าย ในขณะที่กลุ่มคนเสื้อแดงมองว่า พีทีวี หรือพีเพิลแชนแนล เป็นช่องทางในการสื่อสารความจริงอีกด้านหนึ่งที่สังคมถูกรัฐบาลปิดหูปิดตาเป็นแค่ช่องทางกระบอกเสียงเพื่อโพนทะนาให้สังคมไทยได้รู้ความจริงเท่านั้นเองซึ่งจะว่าไปตลอดมารัฐบาล โดยเฉพาะ ศอฉ. ก็แสดงท่าทีให้เชื่อได้ว่าเป็นแบบนี้จริงๆ เสียด้วย... จึงทำให้แผนปรองดองของนายอภิสิทธิ์

ถูกกลุ่มคนเสื้อแดงสแกน และตั้งการ์ดสูงเข้าใส่ยิ่งหากเป็นไปตามข้อกล่าวหาทั้ง 4 ข้อ ภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่รัฐบาลใช้เป็นเหมือนเกราะเหล็กป้องกันตัวด้วยแล้ว จะกลายเป็นว่าแม้แต่กลุ่มคนเสื้อแดงที่ตายก็จะตายฟรี... เพราะ พ.ร.ก.ฉุกเฉินให้อำนาจในการสั่งสลายการชุมนุมได้ยิ่งถ้าโมเมพ่วงเข้าไปให้สังคมเชื่อได้ว่า คนที่ตายนั้นเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายด้วยแล้ว ยิ่งโป๊ะเชะ ตายฟรีแหงๆ... แถมคนสั่งการก็ลอยตัวได้สบายๆมีทั้งข้อหาก่อการร้าย และมีทั้ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

ช่วยอุ้มเช่นนี้ ใครจะเอาผิดอะไรได้เพราะต้องไม่ลืมว่า แม้แต่สถาบันตุลาการที่กลุ่มคนเสื้อแดงหวังพึ่งพิง แต่เมื่อรัฐบาลมีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน สถาบันตุลาการยังต้องเข้าเกียร์ว่าง ยุ่งเกี่ยวด้วยไม่ได้ กี่คำร้องฉุกเฉินแล้วที่ได้รับการวินิจฉัยว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินให้อำนาจรัฐบาลทำได้ ตุลาการจึงทำอะไรไม่ได้ เพราะไม่ใช่สภาวะที่บ้านเมืองใช้กฎหมายตามปกติเจอเข้าสารพัดดอกติดต่อกันเช่นนี้ จะไม่ให้คนเสื้อแดงระแวงได้อย่างไรก็เหมือนกับนายอภิสิทธิ์เองนั่นแหละ ที่ทุก

วันนี้ก็หวาดระแวงว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจะไม่ยอมสลายการชุมนุมจริงๆ ก็เลยใช้การยื่นคำขาด ใช้การขีดเส้นไปเรื่อยๆเพราะที่ผ่านมานายอภิสิทธิ์ รู้สึกว่าเสียหน้า อุตส่าห์ได้เป็นนายกรัฐมนตรีทั้งทีกลับทำงานไม่ได้เต็มที่ แถมยังถูกมองว่าไม่สามารถแก้ไขปัญหาของชาติได้สำเร็จแต่ที่รู้สึกว่าเสียหน้ามากที่สุดก็คือ การที่ไม่สามารถที่จะขอคืนพื้นที่ชุมนุมได้ จึงทำให้เป็นปมลึกในใจเวลาที่จะเจรจาหรือเสนอแผนปรองดอง ก็จะมีเงื่อนไขในเรื่องการยุติการชุมนุมเข้าไปด้วยเสมอ

ทั้งๆที่จะว่าไปแล้ว การมัวแต่ขีดเส้นตาย การมัวแต่คิดจะข่มขู่ว่าจะสลาย ว่าจะตัดน้ำตัดไฟ แล้วสุดท้ายไม่สามารถที่จะทำได้จริง... ตรงนั้นต่างหากที่เสียหน้ามากกว่าเยอะยิ่งคำขู่ตัดน้ำตัดไฟ จนทำให้บรรดาสถานทูต หรือผู้แทนนานาประเทศต้องหันมามองว่า รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ จะยอมปล่อยให้ ศอฉ.ทำอย่างนี้ได้อย่างไร... กลายเป็นยิ่งเสียหน้ามากกว่าดังนั้นในวันนี้ หากทั้งนายอภิสิทธิ์และรัฐบาล กับทั้งแกนนำ นปช.และกลุ่มเสื้อแดง จะถอยมาตั้งสติ และใช้ความจริง

ใจในฐานะที่ล้วนแล้วแต่เป็นคนไทยด้วยกัน มาเจรจากันโดยสันติเพื่อปลดล็อกวิกฤติให้กับบ้านเมืองจริงๆ น่าจะเป็นประโยชน์มากกว่าที่จะมาชิงความได้เปรียบกับแบบงี่ๆ เง่าๆ อย่างที่ผ่านมาวันนี้นายอภิสิทธิ์ และรัฐบาลต้องตัดสินใจแล้วว่า จะยอมให้นายสุเทพเข้ามอบตัวกับตำรวจตามกระบวนการยุติธรรมหรือไม่??? หรือจะยังคงเลือกปกป้องนายสุเทพคนเดียว แล้วหันไปใช้การสั่งให้ทหารเข้าสลายมวลชนที่แยกราชประสงค์ทั้งๆ ที่เสี่ยงสูงต่อความสูญเสียชีวิต

ทรัพย์สิน และความปลอดภัยของคนจำนวนมากในเมื่อแกนนำเสื้อแดง ก็บอกแล้วว่า “เราตัดสินใจแล้วว่าเราจะปักหลักสู้อยู่ที่นี่จนกว่าจะได้รับความยุติธรรม ถ้าหากเราจะลงจากเวทีการต่อสู้ โดยไม่อาจอธิบายกับคนเสื้อแดงที่เสียชีวิตไปกว่า 21 ชีวิตได้ ว่าจะทวงถามความยุติธรรมอย่างไร เราก็จะอยู่ที่นี่ เป็นไงเป็นกัน เรายินดีที่จะเอาอิสรภาพของเราเป็นเดิมพันเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมต่อไป เราจะรอพวกท่านอยู่ที่นี่ด้วยมือเปล่าๆ สันติวิธี นี่เป็นท่าทีสุดท้าย เราจะไม่

แสดงท่าทีนี้อีก”วันนี้แทนที่นายอภิสิทธิ์จะตัดรอนการเจรจาเพราะเชื่อคำยุยงของคนรอบข้าง น่าจะลองคิดดูใหม่ว่า ให้กระบวนการยุติธรรม ได้ทำหน้าที่ตามที่ทุกฝ่ายเรียกร้องไม่ดีกว่าหรือระหว่างการสลายม็อบที่จะทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศชาติเสียหาย กับการเดินเข้าสู่กระบวนการประชาธิปไตยที่แท้จริง ทั้งในเรื่องของคดีความและการเลือกตั้งตรงนี้ต้องบอกว่า เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญที่นายอภิสิทธิ์ต้องใช้สติเลือกแล้วหลายๆ คนบอกว่าถ้านายอภิสิทธิ์ใช้ความ

สามารถที่เรียนจบออกซ์ฟอร์ดในระดับเกียรตินิยม และใช้กลิ่นไอประเทศอังกฤษที่เป็นต้นแบบประชาธิปไตยที่แท้จริง ซึ่งนายอภิสิทธิ์ไปอยู่ไปร่ำเรียนมาตั้งแต่เด็ก นำมาใช้กับสถานการณ์ขณะนี้ ชิงยุบสภาให้เร็วที่สุดไปเสียเลย เพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่รับรองได้ว่าคะแนนนิยมนายอภิสิทธิ์จะยิ่งมากขึ้น ดีไม่ดีจะกวาดที่นั่งในกรุงเทพฯ แบบแลนด์สไลด์เลยก็เป็นได้อยู่เพียงแค่ว่า “คิดเป็น” และ “ทำเป็น” หรือไม่เท่านั้นเอง?!?