WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, July 20, 2010

กรณี น้ำผึ้งหยดเดียว อาทิตย์สีแดง ราชประสงค์ ตำรวจยิ่งห้าม ก็ยิ่งยุ

ที่มา ข่าวสด


เหตุการณ์ "วันอาทิตย์สีแดง" ที่สี่แยกราชประสงค์ กำลังจะเป็น "บทเรียน" อันมีค่ายิ่งในทางการเมือง

ไม่ว่าจะต่อรัฐบาล ไม่ว่าจะต่อศอฉ. ไม่ว่าจะต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ

น่าแปลกที่ 3 ฝ่ายอันเป็นผู้กุมอำนาจกำลังมองข้ามพังเพยโบราณของไทย ไม่ว่าจะเป็นในหัวข้อเรื่อง

น้ำผึ้งหยดเดียว ไม่ว่าจะเป็นในหัวข้อเรื่อง ยิ่งห้ามยิ่งยุ

แม้ว่าในวันอาทิตย์ที่ 18 กรกฎาคม กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 200 นายจะสามารถปิดกั้นการติดผ้าสีแดง ณ ป้ายสี่แยกราชประสงค์ได้

แต่ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ

แม้ว่าจะไม่มีผ้าสีแดงติด ณ ป้ายสี่แยกราชประสงค์ แต่ภาพข่าวการปิดกั้นมิให้กระทำโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ปรากฏบนหน้าแรกของหนังสือพิมพ์เกือบทุกฉบับ

นี่ไม่ยิ่งเท่ากับเป็นการติดผ้าสีแดงออกไปทั่วประเทศละหรือ คุณตำรวจ



ทั้งหมดนี้เท่ากับแสดงว่า ไม่ว่าจะเป็นคนของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นคนของ ศอฉ. ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ล้วนไม่ได้อ่านบทความพิเศษ "คึกฤทธิ์ ปราโมช ประลองคารมเหมาเจ๋อตง"

ตีพิมพ์ใน มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับหน้าปก บ.ก.ลายจุด พร้อมข้อความยาวเหยียด

"ห้ามฉันพูด ฉันก็จะพิมพ์ ห้ามฉันพิมพ์ ฉันก็จะเขียน ห้ามฉันเขียน ฉันก็จะยังคิด หากจะห้ามฉันคิด ก็ต้องห้ามลมหายใจฉัน"

แต่ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ เหมาเจ๋อตง สอน คึกฤทธิ์ ปราโมช สู้กับ "คอมมิวนิสต์"

นั่นก็คือ "หนึ่ง อย่าไปด่ามัน สอง อย่าไปฆ่ามัน พวกมันอยากเป็นวีรบุรุษ ฆ่าไปคนหนึ่ง คนอื่นก็โผล่มาอีก สาม อย่าส่งกองกำลังไปล้อมไปปราบ พวกมันหนีได้เร็ว ทหารไปถึงก็หนีไปหมดแล้ว ทหารถอนกลับคอมมิวนิสต์ก็หวนมาอีก"

แม้การชุมนุม ณ แยกราชประสงค์ มิได้เป็นเรื่องของคอม มิวนิสต์ แต่ถ้ามีความเฉลียวก็อาจปรับประยุกต์กระบวนการจัดการได้

เว้นแต่รัฐบาล เว้นแต่ศอฉ. เว้นแต่ตำรวจ ไม่เชื่อ "เหมาเจ๋อตง" เท่านั้น



ถามว่ากระบวนการจัดการกับกิจกรรมและการเคลื่อนไหวใน "วันอาทิตย์สีแดง" เช่นนั้นสามารถกำราบให้คนเสื้อแดงสยบยอมหรือไม่

เด่นชัดอย่างยิ่งว่าไม่

ไม่เพียงแต่ไม่ยอมยุติ ตรงกันข้าม นายสมบัติ บุญงามอนงค์ ยืนยันจะเคลื่อนไหวต่อไปอีกทุกวันอาทิตย์

ยิ่ง นายนที สรวารี ซึ่งถูกจับและถูกเปรียบเทียบปรับ 100 บาท ยิ่งไม่กลัว

เห็นได้จากคำยืนยันภายหลังการปล่อยตัว "หากมีกิจกรรมลักษณะนี้ก็จะขอใช้สิทธิกลับมาร่วมงานอีก ไม่กลัวว่าจะถูกตำรวจจับ"

ตำรวจจะจับไหวหรือ ถ้าคนที่เข้าร่วมกิจกรรมไม่กลัวเสียแล้ว

สภาพจึงดำเนินไปเหมือนกับความเชื่อของคนโบราณที่ว่า ยิ่งห้ามก็เหมือนกับยิ่งยุ ไม่ว่าจะเป็น นายสมบัติ บุญงามอนงค์ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนนับร้อยที่เข้าร่วมกิจกรรม

อีกไม่นานการเคลื่อนไหวนี้ก็จะกลายเป็นดั่ง "น้ำผึ้งหยดเดียว"



ถามว่าอะไรทำให้รัฐบาล ทำให้ศอฉ. ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องใช้มาตรการแข็งกร้าวเช่นนี้

ตอบได้เลยว่าท่านไม่ต้องการความสงบเรียบร้อย ตอบได้เลยว่าท่านต้องการความสงบราบคาบ ต้องการเห็นคนไทยยอบลงกับพื้น งอก่องอขิงเหมือนคนไม่มีกระดูกสันหลัง

ตอบได้เลยว่า ความสงบราบคาบ คือ เป้าหมายของนักเผด็จการมิใช่นักประชาธิปไตย