ที่มา ข่าวสด
เวลา 09.30 น. วันที่ 11 ส.ค. ที่ศาลฎีกา สนามหลวง นายสบโชค สุขารมณ์ ประธานศาลฎีกา เป็นประธานประชุมใหญ่ผู้พิพากษาศาลฎีกา พิจารณาอุทธรณ์ในคดีหมายเลขแดงที่ อม.1/2553
ระหว่างอัยการสูงสุด ผู้ร้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ถูกกล่าวหา คุณหญิงพจมาน ชินวัตร (นามสกุลก่อนหย่า) ผู้คัดค้านที่ 1 กับพวก รวม 22 คน ผู้คัดค้าน
เรื่องขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน (ชั้นพิจารณาอุทธรณ์) ว่าจะรับไว้พิจารณาหรือไม่ โดยพิจารณาจากคำร้องอุทธรณ์ว่าจำเลยมีพยานหลักฐานใหม่สมควรให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกามีคำสั่งรับอุทธรณ์หรือไม่
การประชุมครั้งนี้ ผู้พิพากษาศาลฎีกาและผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกามีสิทธิ์ลงมติ 142 คน แต่มีผู้พิพากษามาประชุม 119 คน ขาด 23 คน เนื่องจากลาป่วยและลากิจล่วงหน้า
ที่ประชุมใหญ่ใช้เวลาพิจารณาและลงมติ 2 ชั่วโมง จึงมีมติเสียงข้างมากดังนี้
กรณีอุทธรณ์ของพ.ต.ท.ทักษิณ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกามีมติเสียงข้างมากไม่เห็นควรให้รับอุทธรณ์ 103 เสียง เห็นควรให้รับอุทธรณ์ 4 เสียง งดออกเสียง 12 เสียง
กรณีคุณหญิงพจมาน ผู้คัดค้านที่ 1 เห็นควรไม่รับอุทธรณ์ 101 เสียง เห็นควรให้รับ 4 เสียง
กรณี นายพานทองแท้ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่สมควรรับอุทธรณ์ 99 เสียง เห็นควร 2 เสียง
ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาประชุมพิจารณาแล้วมีมติว่า อุทธรณ์ของผู้ถูกกล่าวหาและผู้คัดค้านที่ 1-5 ไม่ต้องด้วยบทบัญญัติของรัฐ ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 278 วรรค 3
ประกอบกับระเบียบที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์อุทธรณ์พิพากษา ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทาง การเมืองในกรณีมีพยานหลักฐานใหม่ ซึ่งอาจทำให้ข้อเท็จจริงเปลี่ยน แปลงไปในสาระสำคัญ พ.ศ.2551 ข้อ 3-6 จึงไม่รับไว้พิจารณา
คดีเป็นอันยุติตามกฎหมาย
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 26 ก.พ.53 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาให้เงินที่ได้จากการขายหุ้น และเงินปันผลหุ้นของบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
จำนวน 46,373,678,454.70 บาท พร้อมดอกผล เฉพาะ ดอกเบี้ยที่ได้รับจากบัญชีเงินฝาก นับตั้งแต่วันฝากเงินจนถึงวันที่ธนาคารส่งเงินจำนวนดังกล่าว ตกเป็นของแผ่นดิน
วันที่ 26 มี.ค.53 ผู้ถูกกล่าวหา และผู้คัดค้านที่ 1-5 ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา
วันที่ 27 เม.ย.53 ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเลือกองค์คณะพิจารณาอุทธรณ์ 5 คน ประกอบด้วย นายพีรพล พิชยวัฒน์ รองประธานศาลฎีกา นายสมศักดิ์ จันทรา ประธานแผนกคดีล้มละลายใน ศาลฎีกา
นายมานัส เหลืองประเสริฐ ประธานแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจในศาลฎีกา นายดิเรก อิงคนินันท์ ประธานแผนกคดีแรงงานในศาลฎีกา และ นายฐานันท์ วรรณโกวิท ประธานแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา
โดยองค์คณะผู้พิพากษาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ทำบันทึกความเห็นสรุปสำนวนเสนอที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเพื่อพิจารณาไม่รับอุทธรณ์ดังกล่าว
เปิดบัญชี 4.6หมื่นล้านที่ถูกยึด
สืบเนื่องจากศาลมีมติเมื่อ 26 ก.พ.53 ยึดทรัพย์พ.ต.ท. ทักษิณที่ได้จากการขายหุ้นชินคอร์ป และเงินปันผล 46,373,678,454.70 ล้านบาท ตกเป็นของแผ่นดิน จากวงเงินที่ถูกอายัด 76,621 ล้านบาท
โดยบังคับเอาจากทรัพย์สินที่อายัดตามคำสั่งคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ประกอบด้วย
คำสั่งคณะกรรมการตรวจสอบที่ คตส.016/2550 ลงวันที่ 11 มิ.ย.50 ได้แก่
ธ.กรุงเทพ สาขาซอยอารีย์ บัญชี 127-2-37287-9 ชื่อบัญชี น.ส.พินทองทา ชินวัตร
ธ.กรุงเทพ สาขาราชวัตร บัญชี 146-2-31081-2 น.ส.พินทองทา ชินวัตร
ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาชิดลม บัญชี 001-0-55188-2 น.ส.พิน ทองทา ชินวัตร
ธ.ไทยพาณิชย์ สำนักรัชโยธิน บัญชี 111-2-414524-4 น.ส. พินทองทา ชินวัตร
ธ.ไทยพาณิชย์ สำนักรัชโยธิน บัญชี 111-1-12631-3 น.ส. พินทองทา ชินวัตร
ธ.ไทยพาณิชย์ สำนักรัชโยธิน บัญชี 111-1-12222-0 น.ส.พินทองทา ชินวัตร
ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาพหลโยธิน บัญชี 014-1-11300-9 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาพหลโยธิน บัญชี 014-2-41335-5 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ธ.ไทยพาณิชย์ สำนักรัชโยธิน บัญชี 111-2-78188-1 นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์
ธ.ไทยพาณิชย์ สำนักรัชโยธิน บัญชี 111-1-11188-9 นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์
ธ.ไทยพาณิชย์ สำนักรัชโยธิน บัญชี 111-1-13095-6 นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์
ธ.ไทยพาณิชย์ สำนักรัชโยธิน บัญชี 111-2-27722-2 คุณหญิงพจมาน ชินวัตร
ธ.กรุงเทพ สาขาซอยอารีย์ บัญชี 127-2-37342-2 นายพานทองแท้ ชินวัตร
ธ.กรุงเทพ บัญชี 127-2-37343-0 นายพานทองแท้ ชินวัตร
ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาชิดลม บัญชี 001-1-55232-5 นายพานทองแท้ ชินวัตร
ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาย่อยเซ็นจูรี บัญชี 208-1-00022-9 นายพานทองแท้ ชินวัตร
ธ.ไทยพาณิชย์ สำนักรัชโยธิน บัญชี 111-2-31008-8 นายพานทองแท้ ชินวัตร
ธ.ไทยพาณิชย์ สำนักรัชโยธิน บัญชี 111-1-13092-2 นายพาน ทองแท้ ชินวัตร
ธ.ไทยพาณิชย์ สำนักรัชโยธิน บัญชี 111-1-12632-1 พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร
หน่วยลงทุนของน.ส.พินทองทา ในบัญชีกองทุนเปิดไทยพาณิชย์สะสมทรัพย์ตราสารหนี้ เลขทะเบียน 111-8-0226591-6 จำนวน 13215,843.1522 หน่วย
หน่วยลงทุนของนายพานทองแท้ ในบัญชีกองทุนเปิดไทยสะสมทรัพย์ ตราสารหนี้ เลขที่บัญชี 001-8-0283005-7 จำนวน 70,815,404.7729 หน่วย
คำสั่งคณะกรรมการตรวจสอบที่ คตส.017/2550 ลงวันที่ 11 มิ.ย.50 ได้แก่
ธ.กรุงเทพ สาขาราชวัตร บัญชี 146-0-63930-3 ชื่อบัญชี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาชิดลม บัญชี 001-1-1-55021-8 คุณหญิงพจมาน ชินวัตร
ธ.ไทยพาณิชย์ สำนักรัชโยธิน บัญชี 111-1-03165-7 คุณหญิงพจมาน ชินวัตร
ธ.ไทยพาณิชย์ สำนักรัชโยธิน บัญชี 111-1-04128-8 คุณหญิงพจมาน ชินวัตร
ธ.ไทยพาณิชย์ สำนักรัชโยธิน บัญชี 111-1-04129-6 คุณหญิงพจมาน ชินวัตร
ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาซอยอารีย์สัมพันธ์ บัญชี 056-2-00065-1 คุณหญิงพจมาน ชินวัตร
ธ.กรุงเทพ สาขาถนนสุขสวัสดิ์ บัญชี 164-2-28388-9 คุณหญิงพจมาน ชินวัตร
ธ.กรุงเทพ สาขาราชวัตร บัญชี 146-0-44839-0 คุณหญิงพจมาน ชินวัตร
ธ.กรุงศรีอยุธยา สาขาสะพานควาย บัญชี 013-2-08229-9 คุณหญิงพจมาน ชินวัตร
ธ.ทหารไทย สาขาย่อยเพนนินซูลา บัญชี 202-3-00330-0 คุณหญิงพจมาน ชินวัตร
ธ.นครหลวงไทย สาขาสะพานควาย บัญชี 108-3-09761-3 คุณหญิงพจมาน ชินวัตร
คำสั่งคณะกรรมการตรวจสอบที่ คตส.029/2550 ลงวันที่ 23 ก.ค.50
ธ.ยูโอบี สาขาย่อยถนนพหลโยธิน 8 บัญชี 084-3-02118-9 นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์
ธ.ยูโอบี สาขาย่อยถนนพหลโยธิน 8 บัญชี 084-3-02187-4 นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์
คำสั่งคณะกรรมการตรวจสอบที่ คตส.028/2550 ลงวันที่ 16 ก.ค.50
หน่วยลงทุนของคุณหญิงพจมาน ในบัญชีกองทุนเปิดไทยพาณิชย์สะสมทรัพย์ตราสารหนี้ เลขทะเบียน 001-8-266016-6 จำนวน 57,799,458.9970 หน่วย
หลังมีคำพิพากษาของศาลเมื่อ 30 เม.ย.53 ธนาคาร 6 แห่ง โอนเงินของพ.ต.ท.ทักษิณและครอบครัว 46,373 ล้านบาท เข้าเป็นรายได้ของแผ่นดิน
กรมบัญชีกลางมีหนังสือขอให้ทั้ง 6 ธนาคารโอนเงินในบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้ถูกยึดทรัพย์ ซึ่งคตส.มีคำสั่งอายัดไว้แล้วพร้อมดอกเบี้ยที่ได้รับจากบัญชีเงินฝาก นับตั้งแต่วันฝากเงินจนถึงวันที่ธนาคารส่งเงินจำนวนดังกล่าว เพื่อนำส่งเป็นรายได้ของแผ่นดิน
ใช้วิธีโอนเงินระหว่างสถาบันการเงินด้วยกันแทนการถอนเงินจากบัญชี เข้าบัญชีเงินคงคลังบัญชีที่ 1 ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกอบด้วย
ธ.ไทยพาณิชย์ 39,000 ล้านบาท, ธ.กรุงเทพ 8,500 ล้านบาท, ธ.ยูโอบี 508 ล้านบาท, ธ.กรุงศรีอยุธยา 21 ล้านบาท, ธ.ทหารไทย 10 ล้านบาท, ธ.นครหลวงไทย 1 ล้านบาท
รวมเป็นเงิน 49,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินต้น 46,200 ล้านบาท และดอกเบี้ยอีก 2,800 ล้านบาท
ในส่วนของเงินต้นยังไม่ครบตามคำพิพากษาที่ระบุเป็นเม็ดเงิน 46,373 ล้านบาท บวกผลประโยชน์ ยังขาดอีกประมาณ 163 ล้านบาท
กรมบัญชีกลางเร่งประสานกับสำนักงานอัยการสูงสุด และกรมบังคับคดี ให้อัยการสูงสุดยื่นคำร้องขอให้ศาลออกหมายบังคับคดี และตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี ขายหน่วยลงทุนตามคำ พิพากษาให้ได้เงินครบ 163 ล้านบาท ที่ยังกระจายอยู่ในหน่วยลงทุน 3 รายการ ได้แก่
หน่วยลงทุนของน.ส.พิณทองทา ในบัญชีกองทุนเปิดไทยพาณิชย์สะสมทรัพย์ตราสารหนี้ 13,215,843.15 หน่วย ประมาณ 218 ล้านบาท
หน่วยลงทุนของนายพานทองแท้ ในบัญชีกองทุนเปิดไทยพาณิชย์สะสมทรัพย์ตราสารหนี้ 70,815,104.77 หน่วย ประมาณ 1,218 ล้านบาท
และหน่วยลงทุนของคุณหญิงพจมาน ในบัญชีกองทุนเปิดไทยพาณิชย์สะสมทรัพย์ตราสารหนี้ 57,799,458.99 หน่วย ประมาณ 1,000 ล้านบาท
เพื่อไทย

เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ
Thursday, August 12, 2010
ศาลไม่รับอุทธรณ์คดียึดทรัพย์"แม้ว"
คอลัมน์ รายงานพิเศษ