WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, July 7, 2011

บทความพิเศษ:ถึงเวลาทำ “วัฒนธรรมแห่งชาติ” ให้เป็น “วัฒนธรรมของประชาชน”

ที่มา Thai E-News



รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง จำเป็นต้องปฏิรูปวัฒนธรรมแห่งชาติเสียใหม่ ให้เป็นวัฒนธรรมประชาชน

โดย วิสา คัญทัพ


“แดงคือชาติประชาชน บนไตรรงค์ธงชาติไทย หยัดยืนไม่ยอมให้ผู้ใด

ประชาธิปไตยธำรงมั่น รัฐประหารเจอกันในทันที”

ผมเคยเขียนเพลงอธิบายสีแดงบนธงชาติ ตามความหมายที่เคยร่ำเรียนมาตั้งแต่เด็กว่า แตงคือชาติ ขาวคือศาสนา และน้ำเงินคือพระมหากษัตริย์

เพียง แต่ผมขยายความคำว่า “ชาติ” ซึ่งฟังดูเป็นนามธรรม ไม่มีตัวตน ให้มีตัวตน มีจิตวิญญาณขึ้น โดยชี้ชัดว่า “ชาติคือประชาชน” ถ้าไม่มีมีประชาชนก็ไม่มีชาติ

เรื่องนี้เป็นเรื่องรูปการจิตสำนึก เป็นวัฒนธรรม ที่คนไทยทุกคนได้รับการบ่มเพาะ ปลูกฝังมาแต่เยาว์วัยไม่รู้ความ ไม่ว่าผู้ที่คิดให้ความหมายของ “ธงชาติ” ในอดีตจะมีเจตนาหรือไม่มีเจตนาที่จะอธิบายว่าสีแดงคือ “ชาติ” บัดนี้ผมคิดว่าไม่ถูก เพราะเมื่อชาติคือประชาชน และประชาชนคือชาติ

การไม่ใช้คำว่า “ประชาชน” ตรงๆ ก็เหมือนกับความพยายามเลี่ยงบาลี

หาก เราจะอธิบายเสียใหม่ว่า แดงคือประชาชน ขาวคือศาสนา และน้ำเงินคือพระมหากษัตริย์ ย่อมจะได้จิตวิญญาณอันมีตัวตน ดูเป็นรูปธรรม และเพิ่มน้ำหนักแห่งความรู้สึกเชิงจิตสำนึกได้มากกว่า คำปฏิญาณต่างๆก็จะเปลี่ยนไปเป็น

“ข้าฯจะจงรักภักดีต่อประชาชน ศาสนา และพระมหากษัตริย์”

การ เปล่งคำขวัญดังกล่าวย่อมเตือนให้ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่รัฐฯอื่นๆรู้สึกผิดชอบชั่วดีได้บ้างในยามที่กระทำการไม่ดีใดๆ ต่อประชาชน ประชาชนที่เป็นรูปธรรม ไม่ใช่ชาติที่เป็นนามธรรม

วัฒนธรรม เป็นเรื่องลึกซึ้ง ละเอียดอ่อน เมื่อฝังอยู่ในจิตใจ ตกผลึกเป็นความเชื่อความศรัทธาแล้วย่อมยากจากการรื้อถอน กว่าจะได้ข้อมูลใหม่ กว่าจะผ่านการถกเถียงทางวิชาการอย่างกว้างขวาง กว่าจะเปลี่ยนความเชื่อจึงต้องใช้เวลา

การบริหารจัดการรัฐกิจของ สังคมไทยที่ผ่านมา ข้างที่ให้ความสนใจกับเรื่องเหล่านี้ไม่ใช่นักการเมืองในระบอบประชาธิปไตย เพื่อประชาชน หากเป็นนักการเมืองในระบอบศักดินาอำมาตย์ที่ครอบงำความคิด กระทำต่อเนื่องยาวนานมาตลอด

เมื่อเรามีกระทรวงวัฒนธรรม รัฐบาลก็ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับกระทรวงนี้สักเท่าไร ปล่อยให้ข้าราชการประจำในระบบความคิดแบบเก่า แผ่อิทธิพลครอบงำดำเนินงาน

กระทรวงนี้จึงขาดกลิ่นไอของวัฒนธรรมประชาชน ไม่มีบรรยากาศแห่งวัฒนธรรมประชาธิปไตย กระแสทั่วไปที่ครอบคลุมวัฒนธรรมของชาติจึงเป็น พาณิชย์วัฒนธรรม กับอำมาตย์วัฒนธรรม

พื้นที่ของสังคมไทยวันนี้จึงปกคลุมไปด้วยกระแสของสองวัฒนธรรมดังกล่าว

สถาบัน การศึกษา ตลอดจนสื่อสารมวลชนทุกสาขาทั้งประเทศ เกิน 70 % สนองงานเผยแพร่วัฒนธรรมเช่นที่ว่ามายาวนานต่อเนื่อง ครอบงำรูปการจิตสำนึกของคนไทยโดยทั่วไป

มอมเมาให้หลงเชื่อเรื่องกรรม เรื่องเวร บุญทำกรรมแต่ง ยอมรับความต่ำต้อยด้อยค่า กระทั่งบิดเบือนสาระสำคัญต่างๆทางประวัติศาสตร์ กลับดำเป็นขาว กลับขาวเป็นดำ มากมายหลายเรื่อง

ผ่านสีสันรูปแบบการนำเสนอต่างๆอันหลายหลาย เพราะฉะนั้นจึงควรมีการทบทวน สำรวจตรวจสอบ ปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้องสอดคล้องกับความจริง

รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง จำเป็นต้องปฏิรูปวัฒนธรรมแห่งชาติเสียใหม่ ให้เป็นวัฒนธรรมประชาชน

วัฒนธรรม ประชาธิปไตย ด้านหนึ่ง สนับสนุนส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมภาคประชาชนให้มีพื้นที่แสดงออกเพิ่มขึ้น ในอีกด้านหนึ่ง ต้องถอดรื้อความคิดผิดๆ ทัศนะคติอันไม่ชอบต่างๆที่มีต่อประชาชนในกระบวนการแห่งวัฒนธรรมของชาติ

เนื่อง จากความเป็นนามธรรมของชาติ หรือชาติที่ให้ความรู้สึกไม่มีตัวตนดังที่กล่าวเกริ่นนำมาแต่ต้นบทความ ทำให้โครงการยกย่อง สดุดี สรรเสริญ “ศิลปิน” ว่ามีความสำคัญต่อชาติบ้านเมือง กลายเป็นเรื่องเลื่อนลอยห่างไกลจากรากเหง้าประชาชนไปไกล

คำว่า “ศิลปินแห่งชาติ” แม้แลดูยิ่งใหญ่ ทว่าก็โน้มเอียงไปในทางพาณิชย์ศิลปิน และอำมาตย์ศิลปินมากไป สมควรได้รับการปรับแก้กระบวนการ และเหตุผลของการมอบตำแหน่งเสียใหม่ให้สมบูรณ์ และกินความไปหมายรวมเอาศิลปินที่สร้างสรรค์เพื่อประชาชนด้วย

ที่ สำคัญ การแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าวก็ควรคัดสรรให้มีที่มาอันหลากหลาย ได้กรรมการที่มีความเป็นธรรม เป็นนักประชาธิปไตย ไม่เอนเอียงข้างใดข้างหนึ่ง เมื่อให้นโยบายไปแล้ว กรรรมการจึงสามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างดี

กล่าวโดยสรุป งานสำคัญเร่งด่วนที่สุดคือ การปฏิรูปวัฒนธรรมเสียใหม่ ปรับให้ทันสมัย ก้าวทันสังคมประชาธิปไตยที่เคารพสิทธิเสรีภาพประชาชน ไม่เร่อร่า ล้าหลัง ออกมาหยิบจับประเด็นเล็กประเด็นน้อยไปขยายความแล้วควบคุมห้ามปรามโดยไม่เข้า ใจรากเหง้าอันแท้จริง

กระทรวงวัฒนธรรมต้องทำงานคู่ขนานไปกับกระทรวง ศึกษาธิการ สร้างงานในเชิงรุก ถอดรื้อลักษณะโบราณแบบอำมาตย์ศักดินาที่ยึดกุมครอบงำหลักคิดของกระทรวงนี้มา ยาวนานให้หลุดพ้น

ถึงเวลาต้องเอาคนที่รู้เรื่องเข้าไปกำกับ ดูแลกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อวางรากฐานและคุมทิศทางในการสร้างรูปการจิตสำนึกใหม่ เพื่อประโยชน์ของมวลประชาอย่างแท้จริง.


********
เรื่องเกี่ยวเนื่อง:แถลงการณ์ของวิสา คัญทัพ และไพจิตร อักษรณรงค์ เรื่อง นปช.แตก