WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, February 7, 2012

"ชวน" แนะใช้เงินทักษิณชดเชยเสื้อแดง เพราะมาชุมนุมเพื่อทักษิณ

ที่มา ประชาไท

พร้อมเสนอให้ชดเชยผู้เสียชีวิตกรณีภาคใต้ด้วย เพราะความเสียหายเกิดจาก "ระบบฆ่าทิ้ง" และ "นโยบายโจรกระจอก" สมัยทักษิณ ชี้กรณีชดเชยเสื้อแดงต้องแยกให้ออก ไม่ใช่เอาถาษีชาวบ้านไปชดเชยพวกที่ทำเพื่อตัวเอง ด้าน "อภิสิทธิ์" ชี้งานเลี้ยง ศปภ. กระทบความรู้สึกคนจำนวนมาก หลายคนยังรอการเยียวยา แต่คนมีหน้าที่การงานกลับมาเลี้ยงฉลองกัน

ชวนแนะใช้เงินทักษิณจ่ายเสื้อแดง เพราะมาชุมนุมเพื่อทักษิณ

เว็บไซต์พรรคประชาธิปัตย์ รายงานเมื่อวานนี้ (6 ก.พ.) ว่า นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว ณ ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ ถึงกรณีคณะกรรมการอิสลามประจำ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้เตรียมเคลื่อนไหวเรียกร้องให้รัฐบาลเยียวยาผู้เสียชีวิต จากเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เท่าเทียมการจ่ายเงินเยียวยาคนเสื้อแดง 7.5 ล้านบาทว่า

รัฐบาลต้องแยกแยะเพราะผู้เสียหายจากการชุมนุมที่กรุงเทพนั้นคนละเรื่อง กัน เพราะกรณีของภาคใต้นั้นเป็นเรื่องความเสียหายจากนโยบายที่ต้องย้อนกลับไปใน ปี 2544 ที่ผิดพลาดจากนโยบายที่ใช้ระบบฆ่าทิ้ง และนโยบายโจรกระจอก แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯถ้าจะมีการชดเชยก็ต้องเอาเงินของพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯมาชดเชยเพราะผู้ชุมนุมมาเพื่อพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งต้องแยกกันให้ออก ไม่ใช่เอาภาษีชาวบ้านไปชดเชยพวกที่ทำเพื่อตัวเอง เพราะฉะนั้นความเสียหายจากเหตุการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ไม่ใช่เฉพาะเหตุการณ์ ที่กรือเซะและตากใบเท่านั้น ซึ่งมีผลพวงจนถึงวันนี้ 5 พันกว่าคน ที่มาจากผลพวงของนโยบายรัฐบาลไม่ใช่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ในกรุงเทพฯ

"เพราะฉะนั้นเราต้องแยกประเด็นให้ออก ไม่ใช่จะใช้วิธีช่วยพรรคพวกตัวเอง แล้วเอาที่อื่นมากลบเกลื่อน ทำไม่ได้ และการที่รัฐบาลอ้างว่า กรณีภาคใต้ไม่เกี่ยวกับนโยบายรัฐแต่ในกรุงเทพฯรัฐต้องเข้าไปรับผิดชอบนั้น เห็นว่าเป็นเรื่องนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่เขามาก็เพื่อเรียกร้องให้มาเพื่อ ล้มรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ แต่กรณีภาคใต้ ก็ถือเป็นนโยบายโจรกระจอก ซึ่งเรื่องนี้พ.ต.ท.ทักษิณก็ได้ยอมรับด้วยตัวเองในการให้สัมภาษณ์หนังสือ พิมพ์เสตรทไทม์ที่ประเทศสิงคโปร์เมื่อเดือนพ.ย.54 ว่าผิดพลาด ซึ่งเรื่องนี้คนที่ทำก็ยอมรับแล้วจะให้แก้ตัวแทนก็คงฟังไม่ขึ้น และย้ำจุดยืนของพรรคไม่เห็นด้วยที่จะจ่ายชดเชย 7.5 ล้านบาทให้กับคนเสื้อแดง เพราะเขามาเพื่อพ.ต.ท.ทักษิณและพรรคเพื่อไทย เงินของท่านเยอะแยะต้องไปใช่เป็นส่วนตัวไม่ใช่เอาเงินภาษีประชาชนมาจ่ายแทน สิ่งที่เขาทำก็เพื่อพวกท่านทั้งหลาย" นายชวนกล่าว

อภิสิทธิ์ชี้งานเลี้ยง ศปภ. กระทบความรู้สึกคนจำนวนมาก ไม่ทราบจริงๆ มีเป้าประสงค์อะไร

ขณะเดียวกันในวันนี้ (7 ก.พ.) เว็บไซต์พรรคประชาธิปัตย์ รายงานว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ในรายการฟ้าวันใหม่ ทาง Blue Sky Channel กรณีงานเลี้ยงที่ทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 10 ก.พ.นี้ มีการได้เชิญผู้นำฝ่ายค้านด้วยหรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ไม่ได้รับเชิญ และตนไม่ทราบว่าการจัดเลี้ยงครั้งนี้มีเป้าประสงค์อะไร ซึ่งหากเป็นการเลี้ยงเพื่อตอบแทนคนทำงานแล้วก็สามารถทำได้ในรูปแบบที่ไม่จำ เป็นต้องหรูหรา แต่การจัดงานเลี้ยงนี้เพื่อแสดงให้เห็นความสำเร็จของการทำงานของ ศปภ.แล้ว ตนก็เห็นว่าอาจกระทบความรู้สึกของคนจำนวนมาก

“ผมไม่ทราบจริง ๆ นะครับว่าการจัดครั้งนี้เป้าประสงค์จริง ๆ คืออะไร ผมคิดว่าถ้าจะเป็นการตอบแทนคนทำงานก็สามารถทำได้ในรูปแบบซึ่งไม่หรูหรา และไม่ใช่เรื่องที่จะต้องไปเลี้ยงบุคคลภายนอก แต่ถ้าการจัดงานเลี้ยงนี้เหมือนแสดงให้เห็นว่า ศปภ. ได้ทำงานมาแล้วประสบความสำเร็จ ผมว่ามันก็กระทบความรู้สึกของคนจำนวนมาก เพราะหลายคนที่เดือดร้อนกับปัญหาการบริหารจัดการปีที่แล้ว หลายคนที่ยังรอคอยความช่วยเหลือการเยียวยา แต่คนที่มีหน้าที่ในการทำงานกลับเหมือนกับมาเลี้ยงฉลองกัน ผมว่าก็เป็นความคิดที่ไม่ดี”

ส่วนเรื่องการเชิญ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษมาเป็นประธานในงานนี้จะเป็นการส่งสัญญาณอย่างไรนั้น นายอภิสิทธิ์ตอบว่าไม่ทราบว่าแนวคิดเรื่องการเชิญนั้นเป็นมาอย่างไร ตนเห็นว่าประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่าเราคิดว่างานเลี้ยงนี้เหมาะสมที่จะจัดหรือ ไม่อย่างไร

“ผมไม่ทราบว่าแนวคิดเรื่องการเชิญประธานองคมนตรีนั้นเป็นมาอย่างไร จะมีนัยยะหรือมีผลทางการเมืองหรือไม่นั้น ผมคิดว่าประเด็นสำคัญยังอยู่ที่ว่า เราคิดว่างานเลี้ยงนี้เหมาะสมที่จะมีหรือเปล่า ก่อนที่จะเชิญบุคคลมาเป็นประธาน ผมมองว่าขณะนี้ไม่ใช่สถานการณ์ที่จะมาจัดเลี้ยงอะไรกันอย่างนี้ การจะขอบคุณคนทำงานผมคิดว่าทำได้หลายรูปแบบแต่ถ้าเกิดมาเป็นงานเลี้ยงที่ทำ ให้เกิดความเข้าใจว่า อ๋อ นี่จะเป็นการเฉลิมฉลองความสำเร็จแล้ว ผมคิดว่าไม่น่าทำเลย”