WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Sunday, December 16, 2007

ถ้าชนะ..ยุบแน่!! ถ้าแพ้..ก็แล้วไป


'ผมจบปริญญาเอกด้านกฎหมายดุษฎีนิพนธ์ ทำเรื่องหน้าที่ของ กกต. ทั่วโลก ซึ่ง กกต. มีอำนาจเพียงพนักงานสอบสวน ถ้าสงสัยว่าใครผิดก็ตั้งกรรมการมาสอบ ส่งอัยการสูงสุดมาพิจารณา ถ้าอัยการไม่เห็นด้วยก็ต้องส่งกลับมา กกต. ตั้งร่วมกัน 2 ฝ่าย ก่อนเข้าสู่กระบวนการตุลาการรัฐธรรมนูญ ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2 ปี ไม่ใช่ง่ายๆ ฉะนั้นที่บอกว่าจะยุบนั้นเราไม่กลัว ยิ่งพูดคะแนนเรายิ่งเพิ่ม และถึงจะยุบก็ตั้งใหม่ได้อีก'

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ผู้สมัคร ส.ส.ระบบสัดส่วน กลุ่ม 6 พรรคพลังประชาชน (พปช.) ปราศรัยหาเสียงที่บริเวณแฟลตดินแดง พร้อมระบุว่าเพิ่งกลับจากภาคอีสาน ชาวบ้านทั้งภาคบอกว่าเลือกพรรคประชาธิปัตย์ไม่เกิน 5 คน ฉะนั้นถ้านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะจัดตั้งรัฐบาลต้องรอชาติหน้า


ตั้งคณะอนุกรรมการสอบ พปช.


ส่วนกรณีวีซีดี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่พรรคพลังประชาชนนำไปแจกในการปราศรัยหาเสียงในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งอาจมีผลให้พรรคพลังประชาชนต้องถูกยุบพรรคนั้น คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เห็นชอบแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาสอบสวนเรื่องดังกล่าว 5 คน มีนายไพฑูรย์ เนติโพธิ์ อดีตผู้พิพากษาศาลอาญา เป็นประธาน ทำการหาข้อเท็จจริงภายในระยะเวลา 1 เดือน


นอกจากนี้ กกต. ยังมีมติให้ร้องทุกข์กล่าวโทษพรรคพลังประชาชนต่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กรณีการปลอมแปลงเอกสารสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชาชนของนายสิทธิชัย โควสุรัตน์ ผู้สมัคร ส.ส.ระบบสัดส่วน กลุ่ม 4 พรรคเพื่อแผ่นดิน ถือว่ามีความผิดทางอาญา ซึ่งโทษการแอบอ้างชื่อผู้ใดสมัครเป็นสมาชิกเป็นพรรคการเมืองของตน ตามมาตรา 19 วรรค 2 ของ พ.ร.บ.พรรคการเมือง ระบุไว้ในมาตรา 106 ว่าหัวหน้าพรรคหรือนายทะเบียนสมาชิกพรรคการเมืองผู้ใดจัดทำทะเบียนสมาชิกอันเป็นเท็จ อาจต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ขณะที่นายสิทธิชัยก็ยื่นหนังสือถึง กกต. ให้ดำเนินการดังนี้ 1.ถอดชื่อออกจากการเป็นสมาชิกพรรคพลังประชาชน 2.ขอให้สอบสวนว่ามีการแอบอ้างชื่อนายสิทธิชัยหรือไม่ และพิจารณาว่าการกระทำดังกล่าวผิดหรือไม่ หากผิดขอให้ กกต. ดำเนินการสอบสวน 3.เมื่อนายทะเบียนพรรคพลังประชาชนรู้ว่าการแอบอ้างชื่อดังกล่าวก่อให้เกิดผลกระทบในการขาดคุณสมบัติเป็นผู้สมัคร ส.ส. รัฐมนตรี และผู้ดำรงตำแหน่งต่างๆ จะเข้าข่ายเป็นการกลั่นแกล้งตามมาตรา 104 หรือไม่


ตั้งธง 'ยุบ' และทำลาย


เมื่อ กกต. รับลูกตั้งคณะอนุกรรมการสอบทั้ง 2 ประเด็น จึงทำให้เชื่อว่าโอกาสที่พรรคพลังประชาชนจะถูกยุบก็มีอยู่ไม่น้อย เพราะก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเป็นกรณีเอกสารลับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ที่ กกต. เพิ่งมีมติว่าไม่มีความผิด หรือกระแสข่าวที่ออกมาตั้งแต่มีการเปิดตัวพรรคพลังประชาชนอย่างเป็นทางการก็มีแต่ข่าวการสกัดกั้นพรรคพลังประชาชนให้ได้ ส.ส. น้อยที่สุด หรือไม่มีโอกาสตั้งรัฐบาล


แต่กระแสของประชาชนในภาคอีสานและเหนือที่ยังมีต่อ พ.ต.ท.ทักษิณและนโยบายประชานิยมจึงทำให้เชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งนี้พรรคพลังประชาชนน่าจะได้ ส.ส. มากกว่า 200 เสียง


แม้แต่ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลที่ถือเป็นคนที่มีความรู้และมีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ผลการสำรวจของทุกสำนักยังสอดคล้องกันว่าคะแนนเสียงของพรรคพลังประชาชนและพรรคประชาธิปัตย์ค่อนข้างสูสี ดังนั้น กลุ่มอำนาจที่เคยต่อต้านระบอบทักษิณย่อมรู้ดีว่าการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าการล้มล้างระบอบทักษิณหรือการอ้างความชอบธรรมในการรัฐประหาร เพราะขนาดคนกรุงยังสนับสนุนพรรคพลังประชาชน


บ้านเมืองจะลุกเป็นไฟ


ดังนั้น หากปล่อยให้การเลือกตั้งเป็นไปตามปรกติ พรรคพลังประชาชนก็ต้องได้ ส.ส. มากที่สุด ซึ่งทุกฝ่ายก็เชื่อเช่นนั้น แต่ก็มั่นใจว่าพรรคพลังประชาชนไม่มีวันจะจัดตั้งรัฐบาลได้ ถ้าจัดตั้งได้ก็ต้องเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองจนต้องเลือกตั้งใหม่ หรือเกิดความรุนแรงจนกองทัพกลับมาอีกครั้ง


จึงมีคำถามว่าหากพรรคพลังประชาชนถูกยุบจริง บ้านเมืองจะเป็นอย่างไร



'เชื่อว่าแผ่นดินจะลุกเป็นไฟอย่างแน่นอน'


ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ผู้สมัคร ส.ส.ระบบสัดส่วน กลุ่ม 7 พรรคพลังประชาชน เรียกร้องให้ กกต. พิจารณากรณีวีซีดีโดยยึดหลักสิทธิมนุษยชนตามกฎบัตรของสหประชาชาติ และคำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เพราะโดยส่วนตัวแล้วไม่มีข้อความใดเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ไม่มีข้อความใดที่ก่อความไม่สงบในบ้านเมืองและศีลธรรมอันดีต่อประชาชน แต่คนบางกลุ่มขณะนี้อยู่ในอาการกลัวเงาตัวเอง กลัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะกลับมา 'การห้าม พ.ต.ท.ทักษิณพูดโดยสิ้นเชิงมันมากเกินไป สิทธิความเป็นมนุษย์สามารถพูดได้ แม้อดีตกรรมการบริหารพรรค 111 คนถูกตัดสิทธิ แต่ก็ไม่ควรทำกับเขาเหมือนเป็นสัตว์เดรัจฉาน ห้ามไม่ให้พูดเลยก็ไม่ถูกต้อง เชื่อว่า กกต. ทั้ง 5 คน จะมีวิจารญาณอย่างรอบครอบ'


พรรคพลังประชาชนยันไม่ผิด


ด้าน พ.ต.ท.กานต์ เทียนแก้ว รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน อดีตหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ชี้แจงกรณีการปลอมลายเซ็นนายสิทธิชัยว่า ในขั้นตอนการรับสมัครสมาชิกพรรคก่อนหน้านี้ไม่ต้องใช้ลายเซ็นรับรองสำเนาทะเบียนบ้านและบัตรประชาชน ทราบว่าคนของอดีตพรรคไทยรักไทยเดิมเป็นผู้รับใบสมัครจากนายสิทธิชัยเอง เรื่องนี้หากมีโทษก็ไม่ถึงขั้นต้องยุบพรรค


'หากต้องดำเนินคดีอาจต้องย้อนกันถึงพรรคการเมืองใหญ่พรรคหนึ่ง คิดว่าเรื่องนี้จะยุติลง และเห็นว่า กกต. ไม่ควรพูดเรื่องยุบพรรค ซึ่งเป็นลักษณะชี้นำ แต่ควรดำเนินการตรวจสอบเอกสารและสรุปเพื่อส่งศาลตามขั้นตอน และขอเรียกร้องให้ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ลาออกจากตำแหน่งประธานคณะกรรมการดำเนินการตามวาระแห่งชาติว่าด้วยการรณรงค์และแก้ไขปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียง (ครส.) เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นกลางจริงๆ และเพื่อความสมานฉันท์ของประเทศ' พ.ต.ท.กานต์กล่าว


ขณะที่นายสมาน เลิศวงศ์รัตน์ นายทะเบียนพรรคพลังประชาชน ยืนยันว่า พรรคมีลายมือชื่อหรือลายเซ็นของนายสิทธิชัยตั้งแต่ปี 2543 และในปี 2548 นายสิทธิชัยก็มีลายมือชื่อเหมือนกัน จึงไม่มีเหตุผลใดๆที่จะกลั่นแกล้ง เพราะที่ผ่านมาได้แจ้งนายสิทธิชัยให้มาลาออกแล้ว แต่ไม่ยอมมาดำเนินการให้ถูกตามขั้นตอน จึงพร้อมที่จะสู้คดี และหลักฐานก็ไม่ได้มีเฉพาะลายมือหรือลายเซ็นเท่านั้น แต่มีเอกสารหลักฐานอย่างอื่นเพิ่มเติมอีก


ใช้มาตรฐานเดียวกัน


ส่วน นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน ตัดพ้อกรณีนายสิทธิชัยว่าพรรคไม่มีโอกาสให้ข้อมูลกับ กกต. เลย


ส่วนเรื่องวีซีดีหากใช้มาตรฐานนี้มายุบพรรคพลังประชาชนก็ต้องใช้มาตรฐานเดียวกัน โดยต้องยุบพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา เนื่องจากนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ไปร่างนโยบายที่ใช้ในการหาเสียง รวมถึงนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ที่เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. ของพรรค และต้องยุบพรรคเพื่อแผ่นดินที่นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย ไปเป็นประธานสภายุทธศาสตร์ของพรรค และสนับสนุนให้ตั้งรัฐบาล 3 พรรค โดยให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯ ดังนั้น ต้องยุบพรรคประชาธิปัตย์ด้วย


ขณะที่นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวว่า ควรให้พิจารณาไปตามกรอบกฎหมาย เพราะเท่าที่ดูก็ผิดอยู่หลายเรื่อง


'แม้จะยุบพรรคพลังประชาชนก็ไม่น่าจะเกิดความวุ่นวาย รัฐบาลต้องดูแล อย่าไปเดาว่าจะเกิดความวุ่นวาย อะไรผิดก็ต้องว่าผิด ต้องพิจารณา อย่ารีรอ และผมไม่คิดว่าแผ่นดินจะลุกเป็นไฟ' นายบรรหารกล่าว


เอกสารลับยังไม่จบ


ส่วนกรณีเอกสารลับที่ กกต. มีมติ 4 ต่อ 1 เสียง ให้ยกคำร้องที่พรรคพลังประชาชนกล่าวหาว่าคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เป็นข้าราชการวางตัวไม่เป็นกลาง เนื่องจากรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 2549 และฉบับปัจจุบันก็ให้ความคุ้มครอง คมช. นั้น นพ.สุรพงษ์ถาม กกต. ว่ามั่นใจได้อย่างไรว่าการกระทำเหล่านี้ไม่เข้าข่ายของการวางตัวไม่เป็นกลาง เพราะหาก กกต. มีหลักฐานที่เป็นเอกสารว่ามีการยกเลิกคำสั่งในเอกสารลับจริงก็ควรเปิดเผยให้สาธารณชนได้รับรู้ ไม่เช่นนั้นจะเกิดความคลางแคลงใจต่อการปฏิบัติหน้าที่ของ กกต. อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะที่ผ่านมามีหลายเหตุการณ์ที่พรรคพลังประชาชนได้ประสบอยู่ ทั้งในส่วนกลางและต่างจังหวัด โดยเป็นเหตุการณ์ที่ไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมจึงเกิดขึ้นเฉพาะกับพรรคพลังประชาชน โดยไม่เกิดกับพรรคอื่น แต่ก็หวังว่า กกต. ที่ดูแลการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์นี้จะทำหน้าที่ของตัวเองให้สมกับที่ประชาชนไว้วางใจและประชาคมโลกเฝ้ามองอยู่


พปช. ดึงประชาชนปกป้อง


เมื่อ คมช. พ้นผิด แต่พรรคพลังประชาชนกลับถูกตรึงด้วย 2 ข้อกล่าวหา จึงไม่ต้องบอกว่าความรู้สึกลึกๆของพรรคพลังประชาชนเป็นอย่างไร อย่างนายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พรรคพลังประชาชน ที่แย้งทันทีหลังจาก กกต. มีมติยกคำร้องกรณีเอกสารลับ คมช. ว่า กกต. อาจไม่ได้พิจารณาไปตามอำนาจหน้าที่ในรัฐธรรมนูญ โดยเอกสารลับของ คมช. มีคำสั่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 14 กันยายน 2550 เช่น เรื่องการป้องกันคนชั้นกลางไม่ให้มีแนวคิดไปสนับสนุนฝ่ายตรงข้าม ชี้จุดด้อยของนโยบายประชานิยม สิ่งเหล่านี้พิสูจน์ได้อย่างไรว่าไม่มีการกระทำ เพราะมีคำสั่งตั้งแต่วันที่ 14 กันยายน รวมทั้งยังไม่มีการยกเลิกคำสั่งดังกล่าวอย่างเป็นทางการ จึงขอให้ประชาชนใช้วิจารณญาณว่าเรื่องที่เกิดขึ้น กกต. ให้ความเป็นธรรมกับพรรคพลังประชาชนหรือไม่


ตั้งกรรมการยุตินองเลือด


แต่ที่มาแปลกกว่าพรรคอื่นๆคือ นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ออกแถลงการณ์หัวข้อ 'พรรคเพื่อแผ่นดิน ยุติความขัดแย้ง ยุติการนองเลือด' โดยนำเสนอ 4 แนวทางยุติความแตกแยกทางการเมืองคือ 1.ยุติปัญหาทางการเมืองที่จะนำไปสู่ความรุนแรงและการนองเลือดหลังการเลือกตั้ง ซึ่งจะรับประกันความยุติธรรมให้ทุกฝ่าย โดยขอให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมาพิสูจน์ตัวเองตามกระบวนการยุติธรรม โดยรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อแผ่นดินเป็นแกนนำ


2.จัดตั้งคณะกรรมการระดับชาติและกรรมาธิการวิสามัญในรัฐสภา มีองค์ประกอบจากทุกภาคส่วน ทั้งภาคประชาชนและพรรคการเมือง เพื่อกำหนดโครงสร้างทางการเมืองใหม่ เสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข


3.แก้ไขรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องผ่านกระบวนการที่มาจากประชาชน เพื่อสร้างความมั่นคงและปกป้องสิทธิและเสรีภาพของประชน ให้สังคมไทยมีความโปร่งใส มีกลไกในการตรวจสอบ จนกระทั่งวางกระบวนการยุติความขัดแย้งภายใต้ระบอบประชาธิปไตย เพื่อป้องกันการรัฐประหารหรือความขัดแย้งที่จะนำไปสู่การจลาจลและการนองเลือดในอนาคต


4.สร้างวัฒนธรรมทางการเมืองใหม่ โดยปลูกฝังจิตสำนึกผ่านการศึกษา เพื่อสร้างวัฒนธรรมการอยู่ร่วมกันที่ต้องถือประโยชน์ของชาติเป็นหลัก


มือถือสาก ปากถือศีล


ปัญหาการเมืองขณะนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องของพรรคการเมืองเท่านั้นที่จะทำให้บ้านเมืองเกิดความสมานฉันท์ แต่ต้องขึ้นอยู่กับผู้ที่กุมอำนาจขณะนี้ว่าจะลดอคติและเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตยอย่างจริงใจหรือไม่ โดยเฉพาะกองทัพที่ทุกฝ่ายต่างยอมรับว่าจะยังมีอิทธิพลอีกนานในการเมืองไทย


ดังนั้น จึงไม่มีใครเชื่อเรื่อง 'โซ่ข้อกลาง' หรือรัฐบาลสมานฉันท์แห่งชาติที่บางพรรคเสนอขึ้นมา อย่างที่นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตประธานกรรมการสภานโยบายและยุทธศาสตร์พรรคเพื่อแผ่นดิน ที่ออกมาโต้ พ.ต.ท.ทักษิณที่เสนอให้ตั้งรัฐบาลแห่งชาติว่า เรื่องความสมานฉันท์หากใครผิดก็ต้องว่าไปตามผิด ว่าไปตามกฎหมาย ไม่ใช่คิดว่าเมื่อมีความสมานฉันท์แล้วเมื่อกระทำผิดจะไม่ต้องรับโทษ


เช่นเดียวกับนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ที่เชื่อว่าข้อเสนอรัฐบาลแห่งชาติมีนัยแอบแฝงทางการเมือง หวังประโยชน์ตัวเองมากกว่าประโยชน์ชาติ หรือเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณไม่มั่นใจว่าพรรคพลังประชาชนจะได้ตั้งรัฐบาล หรือกังวลว่านายสมัครจะไม่สามารถเป็นนายกฯได้


จุดชนวน 'อีแอบผมขาว'


ยิ่งล่าสุดนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ปราศรัยอย่างดุเดือด โดยยังย้ำว่าบ้านเมืองที่มีปัญหายุ่งยากขณะนี้เพราะมีอีแอบบางคนด่าอดีตนายกฯว่าไม่เคารพสถาบันและเอาสถาบันไปเหยียบย่ำเขา ไปพูดจากับไฮโซไฮซ้อจนทำให้เป็นชนวนนำไปสู่การรัฐประหาร


'คนประเภทอีแอบผมขาวเป็นคนเรียกร้องให้สื่อมวลชนเขียนข่าวด่าผม บ้านเมืองวุ่นวายเพราะเจ้าคนนี้' ความเข้มข้นทางการเมืองจึงเดินไปสู่การแตกหักข้างใดข้างหนึ่ง แต่จะลุกเป็นไฟอย่างที่ร.ต.ท.เชาวรินออกมาพูดหรือไม่นั้นก็อยู่ที่ทุกกลุ่มการเมืองที่ออกมาเคลื่อนไหวขณะนี้ ทั้งอย่างเปิดเผยและอีแอบ


อย่างนายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คปต.) ที่ยื่นหนังสือเรียกร้องให้ กกต. ตรวจสอบการเผยแพร่วีซีดีของ พ.ต.ท.ทักษิณในพื้นที่ภาคเหนือและภาคกลาง ก็เชื่อว่า กกต. จะยุบพรรคพลังประชาชนได้


คมช.ลั่นเช็กบิลหลังเลือกตั้ง


พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กระทรวงกลาโหม และหัวหน้าสำนักเลขาธิการ คมช. ก็ให้เหตุผลที่ไม่ฟ้องร้องนายสมัครกรณีเอกสารลับว่า เพราะท่าทีของนายสมัครและพรรคพลังประชาชนมอง คมช. เหมือนศัตรู ดังนั้น หากดำเนินการใดๆในขณะนี้ก็จะถูกกล่าวหาว่ากลั่นแกล้ง แต่หลังเลือกตั้งก็ยังไม่สายที่จะดำเนินการฟ้องร้อง


แต่นายบรรหารกลับออกมาเรียกร้องให้ กกต. เร่งพิจารณากรณีวีซีดี ผิดก็ว่าไปตามผิด ถูกก็ว่าไปตามถูก เพราะโดยหลักแล้ววีซีดีเป็นสิ่งไม่ถูกต้องที่แจกจ่ายไปทั่วภาคอีสาน ตำรวจก็ไม่จัดการ รัฐบาลก็เฉย ไม่ได้ทำอะไร หากเป็นสมัยก่อนถูกจับไปนานแล้ว


มั่นใจคุมสถานการณ์ได้


สถานการณ์ทางการเมืองวันนี้จึงไม่ใช่แค่ผลการเลือกตั้งในวันที่ 23 ธันวาคม ว่าพรรคพลังประชาชนหรือพรรคประชาธิปัตย์จะได้เป็นรัฐบาล เพราะสิ่งที่จะตามมานั้นไม่ใช่มหกรรมน้ำเน่าของพรรคการเมืองต่างๆที่จะโผล่ให้เห็นหลังการเมืองตั้ง แต่เป็นการผนึกกำลังเพื่อไม่ให้พรรคพลังประชาชนขึ้นมามีอำนาจ ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตาม ดังนั้น คำขู่หรือการวิเคราะห์จากหลายๆฝ่ายที่คาดว่าสถานการณ์หลังเลือกตั้งจะวุ่นวาย หรือหากยุบพรรคพลังประชาชนแล้วแผ่นดินจะลุกเป็นไฟนั้น แหล่งข่าวในกองทัพก็มั่นใจว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ และได้มีการประเมินสถานการณ์เพื่อเตรียมรับมือไว้แล้ว


โดยเฉพาะ คมช. ที่จะยังมีอำนาจต่อไปจนกว่าจะมีรัฐบาลอย่างเป็นทางการ ก็ได้กำชับแผนและยุทธการต่างๆร่วมกับทุกเหล่าทัพแล้ว ซึ่ง พล.อ.สนธิยังร่วมประชุมกับ คมช. ตามปรกติ แม้พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผู้บัญชาการทหารเรือ จะย้อนผู้สื่อข่าวที่ถามกรณีนายจาตุรนต์ ฉายแสง เรียกร้องให้ทหารยืนยันว่าจะไม่มีการปฏิวัติหลังการเลือกตั้งว่า “จะให้ยืนยันอย่างไร” เช่นเดียวกับที่ให้นักการเมืองยืนยันว่าจะดูแลบ้านเมืองให้เรียบร้อยได้หรือไม่ นักการเมืองจะยืนยันหรือไม่


มีเลือกตั้งแต่อาจไม่มี พปช.


กรณี กกต. พรรคพลังประชาชน และคมช. ที่ทำให้หลายฝ่ายวิตกว่าจะไม่มีการเลือกตั้งในวันที่ 23 ธันวาคมนั้นจึงแทบเป็นไปไม่ได้เลย นอกจากจะเกิดภัยพิบัติแผ่นดินถล่มทลายอย่างเหตุการณ์สึนามิ แต่ปัญหาที่วิตกกันมากที่สุดคือหลังการเลือกตั้งจะเกิดอะไรขึ้น


เพราะวันนี้ กกต. ได้ตั้งธงอย่างชัดเจนแล้วว่าจะดำเนินการพิจารณาว่าพรรคพลังประชาชนมีความผิดในกรณีวีซีดี พ.ต.ท.ทักษิณและกรณีปลอมลายเซ็นนายสิทธิชัยหรือไม่ ซึ่งความผิดทั้ง 2 กรณีสามารถนำไปสู่การยุบพรรคพลังประชาชนได้ทั้งสิ้น


สถานการณ์ของพรรคพลังประชาชนจึงนับว่าง่อนแง่นอย่างยิ่ง แม้จะได้ ส.ส. แบบถล่มทลายก็ตาม แต่


หาก 2 ข้อกล่าวหาที่นำขึ้นเขียงของ กกต. ก็เท่ากับความตายของพรรคพลังประชาชนเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา อย่างบทเรียนของสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ที่วันนี้ไม่ต่างอะไรกับผีดิบ


ขอขอบคุณ www.dailyworldtoday.com

จาก http://www.hi-thaksin.org/home.php