



เริ่มแล้ว! วันนี้ (4 พ.ค.) คณะกรรมการประชาชนเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ (คปพร.) เดินสายเปิดเวทีเสวนาวิชาการ “แก้ไขวิกฤต รัฐธรรมนูญ 2550” ที่ รร.ปาร์ควิว ห้องพิมพ์มาดา จ.ยะลา ตั้งแต่เวลา 13.00 – 16.00 น. หลังจากที่เดินทางไปในหลายภูมิภาคในหลายจังหวัด อาทิ เชียงใหม่ อุดรธานี พระนครศรีอยุธยา ฉะเชิงเทรา เป็นต้น โดยมีพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดยะลาให้ความสนใจเข้าฟังและสนับสนุนจำนวนมาก
พร้อมกันนี้ ได้เชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมลงชื่อ 50,000 ชื่อสนับสนุนแก้ไข รธน.50 ซึ่งมีผู้คนให้ความสนใจร่วมลงชื่อ และแสดงความคิดในเรื่องนี้อย่างเต็มที่
นพ.เหวง โตจิราการ หนึ่งในกรรมการ คปพร. กล่าวตอนหนึ่งถึงเหตุผลและที่มาของ รธน. 50 ว่า รธน.50 เป็นฉบับที่ 18 เป็นฉบับที่มาจากการทำรัฐประหารยึดอำนาจการปกครองเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 อันเกิดจากกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญประชาชนไม่มีส่วนร่วมเพียงพอ ดังจะเห็นได้จากการให้อำนาจสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) 150 คน ในจำนวน 76 คนที่มาจาก 76 จังหวัด ที่ไม่คำนึงถึงหลักการมติประชาชน เพราะแต่ละจังหวัดมีคนมากน้อยต่างกัน
ทั้งที่ รธน.ประชาธิปไตย การใช้อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน จึงต้องให้ประชาชนเลือก แต่ในขณะเดียวกันกับ ส.ว.จำนวน 74 คน รธน.50 ให้อำนาจคนเพียง 7 คนที่มาจากการแต่งตั้งสรรหาของศาลและองค์กรตาม รธน. ตามมาตรา 111, 112, 113 และ114 ซึ่งผิดในหลักการอย่างสิ้นเชิง
“คุณจะเอาอำนาจอธิปไตยไปให้คน 7 คนไม่ได้ มันเป็นอภิชนาธิปไตย เอาอำนาจอธิปไตยไปให้อภิสิทธิ์ชน มาใช้คำว่า ส.ว.สรรหา โหวตแค่ 4 คนจาก 7 คนก็ชนะแล้ว ผมฟังนักวิชาการที่ไม่ซื่อสัตย์สุจริตพูดในเรื่องนี้ค่อนข้างมาก ส.ว.มีอำนาจมากเกินไปหากเทียบในบางประเทศเช่นที่แคนาดา อีกทั้งการได้ ส.ว.เลือกตั้งจังหวัดละ 1 คนนั้น เท่ากับสะท้อนรากเหง้าทางความคิดของการเลือก ส.ว. มีที่มาจากไหน หลักการเช่นนี้ถือว่าขัดกับมาตรา 1 ที่ทำให้ประเทศถูกเฉือนแบ่งเป็น 76 จังหวัด กลายเป็น “พันธรัฐ สหรัฐ” ทำให้อำนาจอธิปไตยถูกแบ่งเป็น 76 อำนาจ ไม่ใช่หนึ่งเดียวที่ควรจะแบ่งแยกไม่ได้” นพ.เหวง กล่าว
นพ.เหวง กล่าวต่อว่า มาตรา 309 ที่ระบุเกี่ยวกับการใช้อำนาจรวมถึงการกระทำของพวกรัฐประหารเป็นสิ่งที่ถูกต้องชอบธรรมตาม รธน. ถูกต้องต่อหน้าที่ทั้งต่อหน้าประกาศใช้ รธน. และหลังจากที่ รธน. บังคับใช้แล้ว เท่ากับเป็นการปกป้องรัฐประหาร ทำให้เกิดความถูกต้องชอบธรรมตนจึงต้องขอประนามและฟ้องประชาชนในวันนี้ เราต้องเร่งแก้ รธน.50 โดยเร็ว
ทั้งนี้ ในระบอบประชาธิปไตย อำนาจสูงสุดเป็นของปวงชนชาวไทย ต้องแสดงออกโดยให้คนที่มีความคิดมารวมกันเป็นพรรคการเมือง ทำหน้าที่วิเคราะห์ปัญหาของประเทศเสนอเป็นนโยบาย โดยผ่าน ส.ส. ตัวแทนปวงชนชาวไทย แต่ในขณะที่มาตรา 266 ของ รธน. ฉบับนี้ กลับห้ามไม่ให้ ส.ส.ไปแทรกแซงข้าราชการของรัฐ พนักงานของรัฐ ลูกจ้างของรัฐ ทั้งทางตรงและทางอ้อม และเป็นไปเพื่อประโยชน์ตน และเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วจะเลือก ส.ส. มาทำไมกัน ยังมีมาตรา 237 ที่พวกพันธมารออกมากล่าวอ้างว่าเป็นการแก้เพื่อช่วยพรรคการเมืองบางพรรค มันเอาเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องมาพูด แล้วอย่างนี้พี่น้องประชาชนอยากจะเก็บ รธน. ฉบับนี้ไว้เช่นนั้นหรือ
นอกจากนี้ นพ.เหวง ยังชี้ให้เห็นถึงฝ่ายต่อต้านมักจะอ้างประชามติ 14 ล้านคนที่เห็นชอบ รธน. ฉบับนี้ ทั้งที่คนที่มีสิทธิในการโวตร่าง รธน.มีจำนวน 45 ล้านคน นั่นหมายความว่ายังมีส่วนที่ไม่เห็นด้วย 32 ล้านคน ไม่เห็นด้วย เท่าที่ได้ติดตามเอ็กซิทโพล (ทำการสำรวจความเห็นหน้าคูหาในขณะยั้น) ระบุชัดเจนว่ามี 30% ที่ให้เหตุผลสักถึงการลงประชามติกาเห็นด้วย ก็เพื่อให้มีการเลือกตั้ง เพราะขณะนั้นรัฐบาลรัฐประหารทำให้ชาวบ้าน ประชาชน เกษตรกรเดือดร้อนกันมาก เลือดมันหลังอยู่ในอก แต่น้ำตาไม่มี กาเห็นชอบเพื่อให้รัฐบาลรัฐประหารพ้นๆ ไป เพื่อไปแก้กันในอนาคต รวมทั้งนักวิชาการบางคนเห็นเช่นนั้นด้วย พอมาถึงวันนี้ ถึงเวลาที่เราต้องแก้ รธน. ฉบับนี้แล้ว หลังจากที่ทหารมายึดอำนาจ ซึ่งเป็นปฏิปักษ์ต่อครรลองประชาธิปไตย
