WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Wednesday, June 25, 2008

“สมัคร” สวน “มาร์ค” รอ 4 ปี ทนไม่ไหว

* ปชป. เพิ่งน้ำลายไหลทวงคืนเขาพระวิหาร
เวทีซักฟอกกร่อยสุดๆ ข้อมูลฝ่ายค้านที่เตรียมมาถล่ม นายกฯ-7รัฐมนตรี ไม่สมราคาคุย “อภิสิทธิ์ แค่งัดตำราประวัติศาสตร์แสดงโวหารกลางสภา แถมออกมาป้อง “ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช” อดีตหัวหน้าพรรค ที่ร่วมทีมทนายความแพ้คดีศาลโลก อย่างออกหน้าออกตา ชี้ผู้นำฝ่ายค้านบิดเบือนประวัติศาสตร์ นำไปสู่ความแตกแยก กระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แถมทำธุรกิจไทยในกัมพูชาเสียหาย “สมัคร” ย้อนแค่ 4 เดือนยังทนไม่ได้ อยากเป็นนายกฯ ใจจะขาด “กุเทพ” ซัดอภิปรายครอบจักรวาล ไร้แก่นสารเหมือน “น้ำท่วมทุ่ง ผักบุ้งโหรงเหรง”

* ห่วงปชป.ทำกระทบสัมพันธ์ไทย-เขมร
การประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดพิเศษเพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยรัฐมนตรีทั้ง 7 คน ของฝ่ายค้าน เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ที่ผ่านมา เริ่มต้นขึ้นเมื่อเวลา 13.30 น. โดยมี นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยเพียงแค่การเริ่มต้นฝ่ายค้านก็พยายามตีรวนในประเด็นการถ่ายทอดสดของสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ เอ็นบีที ที่ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคออกมาระบุว่าไม่ต้องการให้มีการตัดเข้ารายการข่าวระหว่างการอภิปราย

จนมี ส.ส.พรรคพลังประชาชนหลายคนลุกขึ้นประท้วงนายองอาจที่อภิปรายเรื่องสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ซึ่งต่างก็ระบุว่า เป็นวันเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ไม่ใช่เปิดอภิปรายสถานีเอ็นบีที โดยประธานสภาฯ ได้รับปากที่จะมีการประสานเรื่องดังกล่าวให้

* “มาร์ค” เล่าประวัติศาสตร์ในสภา
หลังจากนั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ได้ขึ้นกล่าวเปิดประเด็น และเริ่มอภิปรายในประเด็นเกี่ยวกับการขอขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก โดยส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นเรื่องราวประวัติศาสตร์ และเป็นการแก้ต่างแทน ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่เป็นหนึ่งในทีมทนายความ ที่แพ้คดีเขาพระวิหาร

นายอภิสิทธิ์ อ้างว่าการแพ้คดีแท้ที่จริงแล้วเป็นเพราะข้อมูลเรื่องแผนที่ ที่ไทยไม่ได้ทักท้วงก่อนหน้านี้ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์ นอกจากนี้ ในการเดินทางไปต่างประเทศ ของ ม.ร.ว.เสนีย์ ไม่ได้รับเงินจากรัฐบาล แม้แต่บาทเดียว

ป้องอดีต หน. พรรคออกนอกหน้า
ซึ่งประเด็นดังกล่าวได้ถูกนายสมคิด บาลไธสง ส.ส.หนองคาย พรรคพลังประชาชน ประท้วงว่า ผู้นำฝ่ายค้าน พูดเท็จในสภา เพราะตนเองเคยบริจาคเงิน 1 บาท ร่วมกับคนไทยทั้งประเทศสำหรับค่าทนายความเดินทางไปต่อสู้คดี ทำให้ นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นประท้วง ขอให้ประธานสั่งให้นายสมคิด ถอนคำพูด แต่นายสมคิด ไม่ยอมถอนและยืนยันในสิ่งที่พูด โดยยอมรับคำวินิจฉัยให้ออกจากห้องประชุมสภา

ช่วงท้ายของการอภิปรายของนายอภิสิทธิ์ ยังระบุว่า ตลอดระยะเวลา 4 เดือนที่ผ่านมา หากคนเป็นนายกรัฐมนตรีทดแทนบุญคุณประเทศพวกตนเองคงไม่มายืนตรงนี้ แต่ถ้าได้ทดแทนบุญคุณคนบางคน พวกตนยอมไม่ได้ แต่มีคนสงสัยว่ามีแรงจูงใจหรือมีผลประโยชน์แอบแฝงหรือไม่

นอกจากนี้นายอภิสิทธิ์ได้ระบุว่า นายสมัครเนรคุณ ม.ร.ว.เสนีย์ ในกรณีเขาพระวิหาร ทำให้ ส.ส.พรรคพลังประชาชนลุกขึ้นประท้วงให้ถอนคำพูด

เด็กขี้อิจฉา! อยากจะเป็นรัฐบาล
จากนั้น นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้ชี้แจงข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านในการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นการดูแคลนตนเองมากเกินไปโดยไม่มีเหตุผล พร้อมยืนยันการดำเนินการของรัฐบาลที่ผ่านมาเกี่ยวกับปราสาทเขาพระวิหารไม่ได้ทำให้เสียสิทธิ์ในการเรียกร้องดินแดนกลับคืนมา แต่เป็นการผูกไมตรีเพื่อสร้างความสัมพันธ์ของประเทศเพื่อนบ้านที่จะส่งผลดีกลับมายังประเทศไทย

"จะอบรมบ่มนิสัยอย่างไรก็ได้ จะดูถูกดูแคลนอย่างไรก็ได้ วันนี้ผมถูกคนอายุ 40 กว่าดูแคลน แต่ผมทนได้ ที่เขียนมา 9 ข้อ คนฟังทั้งบ้านทั้งเมือง เขาคิดหรือว่าผมเป็นคนแย่ขนาดนั้น มันน่าทุเรศขนาดนั้น" นายสมัคร กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านมาจากความต้องการที่จะเป็นรัฐบาล เพราะอิจฉาที่รัฐบาลชุดนี้ได้เข้ามาบริหารประเทศแล้วมีโอกาสที่จะทำโครงการขนาดใหญ่เป็นจำนวนมาก โดยพยายามที่จะหาเหตุมากล่าวอ้าง ตั้งแต่เรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ รมต.หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ปราสาทเขาพระวิหาร

*สั่งสอนอภิสิทธิ์อย่าดูถูกคนอื่น
"คนหน้าตาอย่างนี้อยู่ในการเมืองมาค่อนชีวิต อะไรจะไร้สมรรถภาพขนาดให้เด็กอายุ 40 กว่าพูดจากระแทกแดกดัน หน้ามันโง่ขนาดนี้เลยหรือ สติปัญญาไม่มีหรือครับ" นายสมัคร กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ข้อเท็จจริงเรื่องปราสาทเขาพระวิหารก็คือไทยแพ้คดีความ และยืนยันว่าจนถึงขณะนี้ผ่านมา 45 ปีก็ยังสงวนสิทธิ์ในการประท้วงเช่นเดียวกับในอดีต ซึ่งเรื่องนี้มีเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายดูแลอยู่จึงไม่น่าจะเป็นปัญหาตามที่มีข้อกังวล แต่หากฝ่ายค้านจะกล่าวหาว่ามีเรื่องผลประโยชน์มาเกี่ยวข้องก็ต้องพิสูจน์ให้ได้

"เราไม่ขึ้น เขาขึ้นเดี่ยว เขาจะเอาพื้นที่ทับซ้อนไปขึ้นด้วย เราบอกว่าไม่ได้ ทับซ้อนต้องเจรจาความ ถ้าขีดเอาปราสาทไปขึ้นได้ก็เอาไปคนเดียว แล้วถ้ายูเนสโกไม่รับก็ขึ้นไม่ได้ ปลุกระดมกันทั้งบ้านทั้งเมือง ตอนนี้มันร้อนฉ่าไปหมด คนไทยที่อยู่ที่โน่นนอนตาไม่หลับอีกแล้ว ไม่มีอะไรสูญเสีย" นายกรัฐมนตรี กล่าว

* “สมัคร”ยันไม่เคยเนรคุณใคร
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า แนวคิดในการแก้ไขปัญหาของแต่ละคนย่อมแตกต่างกัน แต่การตัดสินใจขึ้นอยู่กับสติปัญญาว่าอะไรควรทำอะไรควรเว้น อย่างเรื่องปัญหาราคาน้ำมันที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลกแต่โชคดีที่ได้รับผลดีจากการที่รัฐบาลชุดก่อนเตรียมการรองรับไว้ หรือราคาสินค้าเกษตรที่รัฐบาลช่วยให้มีราคาสูงขึ้น

"ผมทำงานทุกอย่าง ผมไม่เก่งอย่างหลายคนในพรรคประชาธิปัตย์ แต่ผมก็รู้จักที่จะฟังความข้าราชการประจำว่าจริงๆ ต้องเป็นอย่างไร เหมือนผมไม่ตีกอล์ฟ แต่นั่งดูได้ เข้าใจ" นายสมัคร กล่าว

ทั้งนี้นับตั้งแต่ตนเองเข้ามารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้รับความร่วมมืออย่างดีจากประเทศเพื่อนบ้านและมิตรประเทศ เช่น สหรัฐ ซึ่งไม่ได้เป็นไปอย่างที่ผู้นำฝ่ายค้านดูแคลน แต่ต้องยอมรับว่ารัฐบาลชุดนี้เข้ามารับหน้าที่ในช่วงหลังการปฏิวัติทำให้บ้านเมืองมีปัญหา อย่างรัฐธรรมนูญทำไมถึงแก้ไขไม่ได้ และไม่ได้ต้องการที่จะไปช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพราะในที่สุดก็ต้องขึ้นศาลอยู่ดี

นายกฯ เย้ยแค่ 4 เดือนยังรอไม่ไหว
"นักฟุตบอล ถ้าเล่นไม่เก่งก็คงไม่ได้เล่นในสนาม แต่คนที่เก่งกว่านั่งอยู่ข้างนอกคอยตะโกนบอก แต่บางครั้งโค้ชก็ไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เหมือนกับนักการเมืองฝ่ายค้านเฝ้าดูรัฐบาล ไม่รู้หรอกครับในการประชุม ครม.คนคาบมาเล่า คาบมาไม่หมด คนที่ไม่มีความสามารถมีอยู่ รัฐมนตรีไม่ลงตัว แต่อยู่ที่หัวหน้ารัฐบาลจะเป็นคนดูแล" นายสมัคร กล่าว

นายกรัฐมนตรี ยังยืนยันว่า ตนเองไม่เคยเนรคุณ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรี และไม่จำเป็นต้องไปตอบแทนบุญคุณ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะตนเองเป็นผู้ที่มีบุญคุณต่ออดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่อดีตนายกรัฐมนตรีมีบุญคุณกับตนเอง

นายสมัคร ยังทิ้งท้ายด้วยว่าที่พรรคประชาธิปัตย์กล่าวหาว่า 4 เดือนยังเกิดความเสียหายขนาดนี้ 4 ปีจะเสียหายขนาดไหน แล้ว 4 เดือนยังทนไม่ไหว 4 ปีจะเป็นยังไง

* “อ.ใจ” ฉะบิดเบือนประวัติศาสตร์
ด้านนายใจ อึ๊งภากรณ์ อาจารย์ภาควิชารัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า การที่พันมิตรฯ และพรรคฝ่ายค้านนำเรื่องเขาพระวิหารขึ้นมาเป็นประเด็นถกเถียงอยู่ในขณะนี้นั้น เป็นการนำเรื่องไร้สาระขึ้นมาพูดกันทั้งสิ้น เพราะเรื่องได้ผ่านเลยมาถึง 45 ปี ซึ่งใครก็รู้อยู่แล้วว่าปราสาทเขาพระวิหารเป็นของเขมร

นายใจ กล่าวว่า ในส่วนของตัวปราสาทก็เป็นศิลปะของมอญ ตรงนี้ก็ชี้ชัดอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าภายหลังมีเรื่องของการขีดเส้นแบ่งเขตแดนขึ้นมาเท่านั้นเอง ถึงแม้ว่าตัวปราสาทจะอยู่ในเขตของเขมร ส่วนทางขึ้นอยู่ในเขตฝั่งไทย ซึ่งก็เป็นเรื่องของผลประโยชน์ของทั้ง 2 ฝ่ายทั้งสิ้น น่าที่จะมีการร่วมมือกันเพื่อที่จะหาประโยชน์กันมากกว่า แทนที่จะนำเรื่องเหล่านี้มาเป็นประเด็นถกเถียงกันเรื่องชาตินิยม ซึ่งมันไร้สาระสิ้นดี

“สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่พวกพันธมิตรฯ และฝ่ายค้านรื้อฟื้นขึ้นมาหยิบยกและนำมาเป็นชนวนเหตุในการขับไล่รัฐบาล ซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับรัฐบาลเลยแม้แต่น้อย เปรียบเทียบได้เหมือนการถกเถียงของเด็กทารก”

ใช้อดีตกดดันรัฐบาลไม่มีเหตุผล
นายใจ กล่าวต่ออีกว่า การที่ตนได้เขียนบทความเรื่องดังกล่าวเพราะตนทนไม่ได้ที่เห็นพวกไร้สาระขุดเรื่องไร้สาระขึ้นมาพูด ทั้งที่มันผ่านเลยไปนานแล้ว ซึ่งก็มีกลุ่มบุคคลบางส่วนที่ทนเรื่องนี้ไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นคัดค้าน เพราะพวกนั้นกำลังรู้สึกเหมือนโดนขัดผลประโยชน์ของการใช้เรื่องนี้ขึ้นมาโจมตี โดยที่ไม่ได้สนใจข้อพิสูจน์ใดๆ เลยแม้แต่น้อย

“การที่พันธมิตรฯ และฝ่ายค้านนำเรื่องดังกล่าวมาเป็นประเด็นนั้น ไม่ได้มีความสนใจเรื่องที่น่าจะรีบแก้ไขอย่างเช่นปัญหาปากท้องประชาชนแม้แต่น้อย มัวแต่จะหยิบอดีตขึ้นมาเป็นตัวกดดันรัฐบาลโดยไม่คำนึกถึงเรื่อง ใดๆ เลย ผมคิดว่าเรื่องที่มีการกล่าวหาว่าอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ได้ประโยชน์จากการทำธุรกิจเรื่องเขาพระวิหารนั้น ไม่ได้เป็นเรื่องที่ผิดอะไร เพราะเรื่องดังกล่าวมีข้อตกลงกันมาตั้งนานแล้ว” นายใจ กล่าว

สร้างเรื่องไร้สาระให้ดูมีราคา
ด้าน นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท หนึ่งในคณะกรรมการประชาชนเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 (คปพร.) กล่าวชื่นชมนายกรัฐมนตรีในการชี้แจงข้อกล่าวหาของพรรคฝ่ายค้านอย่างถึงแก่น มีการพูดชี้แจงที่รวบรัดได้ใจความ และตรงประเด็นในทุกข้อกล่าวหาที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พยายามสร้างเนื้อหาที่ไม่มีสาระให้กลายเป็นคดีความอันแสนสาหัส และเป็นความผิดเต็มประตูของรัฐบาล ตามความรู้สึกของตนเอง ทั้งๆ ที่รัฐบาลบริหารราชการแผ่นดินมาเพียง 4 เดือนเท่านั้น

นายวิภูแถลง กล่าวว่า เรื่องคดีปราสาทเขาพระวิหาร ที่พรรคฝ่ายค้านหยิบยกขึ้นมาเปิดเป็นประเด็นหลักในการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น พรรคฝ่ายค้านต้องการปลุกระดม เนื่องจากเรื่องดังกล่าวกระเทือนต่อความรู้สึก โดยพยายามสร้างภาพให้ประชาชนเห็นว่าเรื่องนี้ประเทศไทยต้องเสียดินแดนปราสาทเขาพระวิหารให้กับกัมพูชา ซึ่งหากใครที่ไม่ได้ศึกษาประวัติศาสตร์ ก็อาจจะเข้าใจผิดได้ว่ารัฐบาลนายสมัครเป็นปฐมเหตุแห่งการเสียดินแดน ทั้งๆที่ประเทศไทยได้สูญเสียเขาพระวิหารไปร่วม 46 ปี ตั้งแต่สมัย ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

* ห่วงความสัมพันธ์ไทย-เขมร
ทั้งนี้ สิ่งที่น่าเป็นห่วงในลำดับต่อไปคือ ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับประเทศกัมพูชา ร่วมถึงการลงทุนระหว่างประเทศ เพราะเรื่องดังกล่าวกระทบต่อความรู้สึกของประชาชน เป็นเรื่องละเอียดอ่อน การที่พรรคประชาธิปัตย์ พยายามหยิบยกเอาเรื่องเดิมๆมากล่าวโจมตีรัฐบาลในครั้งนี้จะเป็นการสร้างความเสียหายระหว่างประเทศด้วยวาทกรรมในครั้งนี้

“ ในวันนี้เห็นได้ว่าฝ่ายค้าน โดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ พยายามสร้างวาทกรรมอันจะนำไปสู่การทำลาย และนำไปสู่ความกระทบกระเทือนต่อทัศนคติของชาวเขมร และการลงทุน ซึ่งเอกลักษณ์ของหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านคือ การมีท่าทีวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น โดยไม่ได้คิดว่าจะเกิดความเสียหายต่อประเทศชาติ มิตรภาพระหว่างประเทศเพื่อนบ้านอย่างไรบ้าง รวมทั้งการที่นายอภิสิทธิ์ทำการกล่าวหานายสมัครว่า เนรคุณ ซึ่งก็เป็นการพยายามสร้างภาพให้นายสมัครเป็นคนเลวเพราะอาศัยหม้อข้าวของพรรคประชาธิปัตย์เติบโต การเอาเรื่องเดิมๆ มาพูดในครั้งนี้นับว่าไม่มีสาระ” นายวิภูแถลงกล่าว

“เอ็งเคยนึกถึงชาติบ้างไหม?”
พร้อมกันนี้จากกรณีที่ ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ ผู้ซึ่งในอดีตเคยเป็นก้อนเดียวกับพันธมิตรฯ แต่ปัจจุบันมีทัศนคติที่ต่างไปจากเดิม และเขียนบทความที่มีชื่อว่า “เอ็งเคยนึกถึงชาติบ้างไหม?” ผ่านเว็บไซต์ของตนเอง นั้น นายวิภูแถลงกล่าวว่า เป็นการชี้ให้เห็นว่า คนที่เคยเห็นด้วยกับกลุ่มพันธมิตรฯ เริ่มจะรับไม่ไหวกับการพยายามนำเรื่องเขาพระวิหารมาปลุกระดม ทำให้ประเทศเกิดความเสียหาย จนกลายเป็นปัญหาใหญ่โต ซึ่งโดยส่วนตัวแม้ไทยจะเสียดินแดนจริง แต่ประโยชน์ก็ขึ้นอยู่กับไทยไม่ใช่น้อย ดังนั้นในวันนี้เกมทางการเมืองอาจจะทำให้ไทยเสียโอกาส

อย่างไรก็ตาม แกนนำ คปพร. กล่าวเสริมว่า ขณะนี้รัฐบาลพยายามทำทุกอย่างถูกต้องและดีที่สุด โดยการทำลายเงื่อนไขอันจะนำไปสู่การยึดอำนาจ โดยการยอมให้เปิดอภิปราย ทั้งๆที่ไม่ใช่ประเพณีปฏิบัติในการประชุมสภาสมัยวิสามัญ โดยจะชี้ให้เห็นอีกครั้งว่าพรรคประชาธิปัตย์กับกลุ่มพันธมิตรฯที่เคลื่อนไหวอยู่นี้แบ่งความรับผิดชอบกันโจมตีรัฐบาล

“น้ำท่วมทุ่ง ผักบุ้งโหรงเหรง”
ขณะที่ ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน กล่าวว่า การขอยื่นอภิปรายในครั้งนี้มีหัวข้อญัตติที่กว้าง แบบครอบจักรวาล แต่ละประเด็นที่จะนำมาอภิปรายก็ดูไม่มีน้ำหนัก และแก่นสารมากเพียงพอ เหมือน น้ำท่วมทุ่ง ผักบุ้งโหรงเหรง

แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม้การอภิปรายจะดูไม่มีน้ำหนักเท่าไร แต่รัฐบาลก็จะตั้งใจฟังเพื่อที่หลังจากนี้ ทางพรรคพลังประชาชนจะได้ศึกษาข้อมูลที่พรรคประชาธิปัตย์นำมาอภิปรายว่ามีความเหมือน หรือเชื่อมโยงกับการปราศรัยของกลุ่มพันธมิตรฯ หรือไม่อย่างไร

“ขณะนี้เราได้เตรียมคณะทำงานเอาไว้ติดตามศึกษาเรื่องนี้โดยเฉพาะแล้ว ซึ่งหากพบว่ามีความเกี่ยวข้องกันทางพรรคก็จะได้นำเสนอข้อมูลดังกล่าวต่อสื่อมวลชนต่อไป ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วผมมีความเห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์น่าจะมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มพันธมิตรฯ อยู่อย่างแน่นอน และหลายคนในพรรคพลังประชาชนก็คิดเหมือนกันกับผม จนตอนนี้พวกเราในพรรคเรียกกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า พันธมิตรประชาธิปัตย์กันแล้ว”