ความตั้งใจของคณะปฏิวัติรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ที่จะทำให้พรรคการเมืองและการเมืองทั้งระบบอ่อนแอ กำลังออกฤทธิ์ให้เห็นอยู่ในขณะนี้
ด้วยเครื่องมือของเผด็จการนับตั้งแต่รัฐธรรมนูญ 2550 ไปจน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญต่างๆ รวมทั้งองค์กรและตัวบุคคลซึ่งเป็นสมุนเผด็จการ ทำให้พรรคการเมืองหลายพรรคต้องเข้าคิวรอการถูกยุบ แม้ตัวนายกฯ และรัฐมนตรีบางคนก็กำลังรอการถูกพักงาน หรือการถอดถอนอยู่หน้าดำคร่ำเครียด
ความเข้าใจผิดว่า ถ้ากำจัด พรรคไทยรักไทย เสียได้ การเมืองไทยจะดีขึ้น
(คือทำให้อำมาตยาธิปไตยดีขึ้น) พอไทยรักไทยหายไปก็เกิด พลังประชาชน ก็คิดกันต่อไปว่า ถ้ากำจัดพลังประชาชนเสียได้ การเมืองไทยจะดีขึ้น หารู้ไม่ว่าถ้าพลังประชาชนแตกดับไป ก็จะมีพรรคการเมืองใหม่ชื่ออะไรไม่รู้เกิดขึ้นมาแทนอีก
ยิวกับโรมันร่วมมือกันกำจัดพระเยซู เพราะคิดว่าถ้าเอาไปตรึงกางเขนให้ตายเสียได้ สาวกพระเยซูก็จะเลิกนับถือ แต่ครั้นพระเยซูสิ้นชีพไปจริงๆ สาวกพระเยซูกลับลงใต้ดินและแพร่ขยายเข้มแข็งจนมีศูนย์กลางอยู่กลางกรุงโรม และทำให้พระเยซูเป็นอมตะตราบเท่าทุกวันนี้
ศาสนาพุทธเราอุบัติขึ้นในชมพูทวีป แต่ต่อมาถูกทำลายด้วยวิธีการต่างๆ จนสูญหายไป แต่ สัจธรรม ที่พระพุทธองค์ประกาศไม่ยอมตายตาม กลับไปเจริญงอกงามในลังกาและสุวรรณทวีป คือ พม่า ไทย ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ดังที่เราได้เห็นกัน
อะไรที่เป็นสัจธรรม-ความจริง และเป็นวิทยาศาสตร์ ย่อมดำรงคงอยู่และเจริญงอกงามหมุนไปตามกงล้อประวัติศาสตร์ ระบอบประชาธิปไตยอุบัติขึ้นในประเทศไทยเมื่อปี 2475 แม้จะถูกเผด็จการและอำมาตยาธิปไตยร่วมกันกลบฝังเท่าไรๆ ก็ไม่สำเร็จ ในที่สุดก็แตกหน่อต่อยอดงอกงามขึ้นมาอีกจนได้
พวก อวิชชา ทางการเมือง คิดว่าตนเองและหมู่คณะสามารถจัดการกับการเมืองได้ตามใจชอบ เพราะประชาชนส่วนใหญ่ไม่สนใจว่าประชาธิปไตยจะมีรูปแบบสถาปัตยกรรมที่แท้จริงเป็นอย่างไร ดังนั้นพวกเขาจึงทำตัวเป็นสถาปนิก ออกแบบประชาธิปไตยมาให้
แต่ในเมื่อนั่นไม่ใช่ประชาธิปไตยแท้ ประชาชนก็รับไม่ได้ การต่อสู้ ต่อต้าน จึงเกิดขึ้นจนหาความสงบสุขได้ยาก การดื้อแพ่ง แข็งข้อ ก่อกบฏ จะติดตามมาราวกับว่าบทละครที่ถูกผู้เขียนบทหรือผู้กำกับกำหนดไว้ล่วงหน้า
แท้จริงมันคือบทบาทของสัจธรรมทางการเมืองนั่นเอง
พรรคการเมืองของประชาชนจะไม่มีวันตาย!
ไม่ว่าคุณจะใช้อาวุธชนิดใดเข่นฆ่า ทำลายมัน
ยิ่งคุณทำลายหัวใจ คือ ผู้นำพรรคที่ประชาชนศรัทธา คุณก็จะได้รับการตอบโต้จากประชาชนด้วยการโอบอุ้ม หรือปฏิบัติตรงข้ามกับแนวทางที่คุณต้องการ
พูดให้เป็นรูปธรรม คุณใช้อำนาจเผด็จการจัดการกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มากเท่าไร พรรคการเมืองที่สืบทอดแนวคิด พ.ต.ท.ทักษิณ จะเติบโตขึ้นมากเท่านั้น
คุณใช้อำนาจเผด็จการจัดการกับพรรคการเมืองที่สืบทอดแนวคิด พ.ต.ท.ทักษิณ หนักเท่าใด คุณจะพบว่าพรรคการเมืองนั้นจะได้รับการโอบอุ้มมากเท่านั้น
ยิ่งคุณใช้อำนาจไม่เป็นธรรมรังแกเขาบนดินมากเท่าใด เขาจะหลบลงสู้คุณใต้ดินลึกเท่านั้น
มีแต่หนทางประชาธิปไตยและหลักนิติรัฐ นิติธรรม เท่านั้น ที่จะแก้ปัญหาความสงบหรือไม่สงบของการเมืองไทยได้ ไม่มีหนทางที่สอง ไม่ว่าหนทางนั้นจะได้แก่ เผด็จการ หรือ อำมาตยาธิปไตย ก็ตาม
การนั่งกระหยิ่มยิ้มย่องว่า พวกคุณทำงานได้สำเร็จ คือทำลายฐานทางเศรษฐกิจของ พ.ต.ท.ทักษิณ ลงได้ด้วยการอายัดทรัพย์ และกำลังจะกลายเป็นยึดทรัพย์ รวมทั้งการทำลายหัวใจของพรรคคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ลงได้ด้วยวิธีการบีบให้เขาต้อง ลี้ภัยการเมือง นั้นเป็นความเข้าใจผิดพอๆ กับจักรพรรดิโรมันและชาวยิวบางส่วน พึงพอใจที่จับพระเยซูตรึงกางเขนสำเร็จ
จริงอยู่ พรรคการเมืองไม่ใช่ศาสนา
แต่พรรคการเมืองก็มีลักษณะหลายอย่างสอดคล้องกับศาสนา
พรรคการเมืองที่ดีจะต้องมีนโยบายสอดคล้องกับความต้องการของประชาชน
พรรคการเมืองที่ดีจะต้องมีทรัพยากรบุคคล (ระดับนำ) จำนวนมาก และกระจายครอบคลุมพื้นที่ของประเทศ แต่ละคนต้องมีความรู้ความสามารถเป็นที่ศรัทธาของชาวบ้าน
พรรคการเมืองที่ดี (ควร) ต้องมีเวลาทำงาน และมีผลงานพิสูจน์ฝีมือ เพราะไม่มีอะไรเป็นหลักประกันว่าพรรคการเมืองนั้นสามารถทำงานได้ ไม่ใช่เก่งแต่พูด เก่งแต่วิจารณ์เท่ากับผลงานที่มีโอกาสได้ทำขึ้นไว้
พรรคการเมืองใหญ่ๆ ของไทยทุกวันนี้ เคยมีโอกาสทำงานแสดงฝีมือกันมาแล้วทุกพรรค ไม่ว่าจะเป็น ประชาธิปัตย์ ชาติไทย หรือ พลังประชาชน (ซึ่งมองกันว่าสืบเชื้อสายมาจากไทยรักไทย) ผลงานในอดีตจึงเป็นตัวฟ้องว่าใครมีฝีมือแค่ไหน และพรรคใดอยู่ในหัวใจของคนทั้งแผ่นดิน
ในหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมานี้ ต้องยอมรับว่าไม่มีพรรคการเมืองใดมีผลงานยิ่งใหญ่เท่ากับ พรรคไทยรักไทย นโยบายแก้ปัญหาความยากจน เรื่องกองทุนหมู่บ้าน 30 บาทรักษาทุกโรค SML OTOP การปราบปรามยาเสพติด การปราบปรามผู้มีอิทธิพล ฯลฯ เหล่านี้คือสิ่งที่ประชาชนชาวรากหญ้าตอบรับและถวิลหา
ส่วนหัวใจของพรรคคือ หัวหน้าพรรคนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ประกาศแล้วว่า ตัวท่านไม่ใช่คนดีสมบูรณ์ แต่รับรองได้ ไม่เลวร้ายดังคำกล่าวหาของเผด็จการและเหล่าปฏิปักษ์อนาธิปไตย บนสะพานมัฆวานฯ และ ASTV แน่นอน
พ.ต.ท.ทักษิณ จึงยังเป็นผู้นำทางการเมืองที่ ส.ส. ส่วนใหญ่ยอมรับและประชาชนส่วนใหญ่ก็ไม่ปฏิเสธ เมื่อเทียบกับผู้นำพรรคต่างๆ เท่าที่มีอยู่ เห็นจะยังไม่มีใครได้รับการยอมรับเทียบเท่า
การปฏิบัติการใดๆ ที่มีลักษณะเป็นการข่มเหงรังแก โดยใช้กฎหมายเผด็จการและองค์กรเผด็จการเป็นเครื่องมือ รวมตลอดถึงกระบวนการยุติธรรมที่ไม่เป็นสากล จึงเท่ากับเป็นการส่งเสริมบารมีของ พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคไทยรักไทย ให้สูงเด่นยิ่งขึ้น และเป็นอันตรายต่อความสงบสุขของสังคมและประเทศชาติมากยิ่งขึ้น
สำนวนจีนว่า ‘เบื้องหน้าคือทะเลลึก หันหลังกลับก็เจอฝั่ง’ อธิบายขยายความว่า การตัดสินใจผิดที่นำมาแต่ความทุกข์และความยุ่งยากจนมองไม่เห็นทางออกนั้น เพียงแต่หันกลับมาเดินทางถูกเสียก็จะง่ายดาย และประสบความสำเร็จ ปลอดภัย
ประเทศไทยในเวลานี้ไม่ได้อยู่ในยุคเผด็จการแล้ว
เผด็จการจากไปตั้งแต่วันที่ 23 ธันวาคม 2550
วันนี้เราเป็นประชาธิปไตย เพียงแต่เครื่องมือร้ายๆ ของเผด็จการและสมุนเผด็จการ ตามมาทำลายความสงบสุขของบ้านเมืองเรื่อยไป เราจะปล่อยให้มันเป็นไปเช่นนั้นตามลัทธิสยบสมยอม หรือจะกล้าหาญพอที่จะแก้ไขมันเสียให้เป็นประชาธิปไตย เริ่มต้นชีวิตกันใหม่ด้วยหลัก เสรีภาพ-เสมอภาค และภราดรภาพ
โปรดใช้สติปัญญาตรองดู
