WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, January 27, 2009

อย่าลืมปัจจัยการเมือง

ที่มา ไทยรัฐ

ความริเริ่มที่จะเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และภาษีมรดก กลายเป็นข่าวที่สร้างความตื่นเต้นฮือฮา ในวงการเมืองไทย เมื่อนายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นผู้เปิดประเด็นขึ้นมา และได้รับการขานรับทันที จากนายกรัฐมนตรีและนักวิชาการบางส่วน แสดงว่ารัฐบาลนี้ไม่ได้มุ่งที่จะใช้นโยบายอภิมหาประชานิยมเท่านั้น แต่ยังคิดที่จะปฏิรูประบบภาษีด้วย

การเก็บภาษีที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง และภาษีมรดก เป็นหลักการที่ดี นอกจากจะทำให้รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณปีละ 7 หมื่นล้านบาทแล้ว ยังเป็นการสร้างความเป็นธรรมในสังคม ลดช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจน และอาจป้องกันไม่ให้นายทุนทั้งไทยและต่างชาติกว้านซื้อที่ดินมากักตุนเพื่อเก็งกำไร โดยไม่ได้ทำประโยชน์ใดๆ ในขณะที่มีคนไทยมากมายที่ต้องการที่ดิน

แต่การเก็บภาษีที่ดินและภาษีมรดก เป็นเรื่องที่พูดง่ายแต่ทำได้ยาก บางรัฐบาลเคยพยายามทำมาแล้ว ตั้งแต่หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองใหม่ๆ เมื่อกว่า 76 ปี แต่ไม่สำเร็จ แม้แต่ รมว.การคลังคนปัจจุบันก็ยอมรับว่าที่ผ่านมา เมื่อมีการเสนอเก็บภาษีดังกล่าวทีไร รัฐบาลมักล้มทันที เพราะการต่อต้านจากกลุ่มผู้มีอำนาจ เจ้าของที่ดินรายใหญ่ๆ ซึ่งมีรัฐ-มนตรี ส.ส. และ ส.ว.อยู่ด้วย

แม้นโยบายการเก็บภาษีที่ดินและมรดก จะเป็นหลักการที่ถูกต้อง และมีกว่า 53 ประเทศทั่วโลก ที่ออกกฎหมายมาบังคับใช้ แต่ปัจจัยที่จะมองข้ามไม่ได้โดยเด็ดขาด คือปัจจัยทางการเมือง รัฐบาลจะต้องมั่นใจว่ามีความเข้มแข็งพอ ที่จะรับมือกับการต่อต้านได้ อย่าลืมว่ารัฐบาลปัจจุบัน เป็นรัฐบาลผสมหลายพรรค ขาดเอกภาพ และไม่มั่นใจในการสนับสนุนทั้งในและนอกสภา แค่องค์ประชุมสภาก็คุมไม่ได้

รัฐบาลจะต้องใช้ความกล้าหาญทางการเมืองอย่างยิ่ง ในการริเริ่มนโยบายใหม่ๆ ที่สำคัญๆและมีผลกระทบต่อกลุ่มคนผู้มีอำนาจ ทั้งในและนอกสภา รัฐบาลจะต้องจัดอันดับความสำคัญของนโยบายต่างๆและเร่งดำเนินนโยบายที่เชื่อว่าจำเป็นเร่งด่วนเสียก่อน นั่นก็คือการป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจของประเทศถดถอย จนมีคนตกงานนับล้านๆคน และการสร้างบรรยากาศความสมานฉันท์

ส่วนนโยบายใหม่ๆ ที่เสี่ยงต่อการถูกต่อต้าน จากกลุ่มผู้มีอำนาจ จะต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบ ไม่บุ่มบ่ามหรือรีบเร่ง อาจจะโยนหินถามทาง เปิดเวทีให้มีการแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง จนมั่นใจว่ามีเสียงสนับสนุนพอ โดยปกตินโยบายที่สำคัญและใหม่เช่นนี้ รัฐบาลที่เหมาะสมที่จะดำเนินการ น่าจะเป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ และได้รับความนิยมในระดับสูง

เรื่องที่รัฐบาลจะต้องคำนึงมากที่สุด คือ ความเป็นจริงทางการเมืองในปัจจุบันแม้พรรคร่วมรัฐบาลจะมีเสียงข้างมากเด็ดขาดในสภา แต่ก็เป็นเสียงข้างมากที่ง่อนแง่น ซ้ำยังมีความแตกแยกในสังคมไทยรุนแรง มีการแบ่งฝ่ายแบ่งสี ไล่ด่า ปาไข่และตีนตบ แทบจะเป็นรายวัน จึงไม่มั่นใจว่ารัฐบาลจะต้านทานเสียงคัดค้านได้ ความจริงทางการเมืองก็คือถ้ารัฐบาลอยู่ไม่ได้ ก็ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง.

บทบรรณาธิการ