WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Monday, December 14, 2009

วันนี้สุขใจจัง ......ทีมไทยแพ้ !!!

ที่มา Thai E-News


โดย คุณRomancini
ที่มา กระทู้ยอดนิยม ห้องศุภชลาศัย เวบพันทิป
13 ธันวาคม 2552

ใคร " ง้าง " มาแต่ไกล

จะหาว่าผม....ตัวเป็นไทย แต่ใจเป็น......" มาเลย์ , อินโด , ลาว , พม่า , บรูไน , กัมพูชา , เวียดนาม , ติมอร์ เลสเต้ ..."ได้โปรดสละเวลาอันมีค่าของท่าน อ่านความคิดของผมก่อน...



ผมเชียร์ทีมชาติไทย มาไม่น้อยกว่า 30 ปี เริ่มเชียร์มันตั้งแต่สมัย พลเอกอนุ รมยานนท์ เป็นนายกสมาคมเลยก็ว่าได้ สมัยที่ทีมไทย ยังมี..." สิงห์สนามศุภฯ " นิวัฒน์ ศรีสวัสดิ์ " ดาวยศ ดารา เจษฏาพร ณ.พัทลุง ศิริศักดิ์ แย้มแสง นาวี สุขยิ่ง อำนาจ เฉลิมชวลิต เป็นดาราของทีม

ผมเริ่มเข้าไปเชียร์ในสนามศุภฯ เมื่อประมาณปี 2523 - 2524 ยุคเริ่มแรกของ ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน มาด๊าซ ทองท้วม วรวรรณ ชิตะวณิชย์ เฉลิมวุติ สง่าพล สมปอง นันทประภาศิลป์ สุรัก สุทิน ชัยกิตติ เริ่มที่จะโ่ด่งดัง

มันคือยุคเรืองรองของนายกสมาคมฟุตบอลไทยนาม ชลอ เกิดเทศ

ผมจำได้ว่ากระโดดตัวลอยแค่ไหน ในวันที่นั่งดูทีวีช่อง 7 ถ่ายทอดสดฟุตบอลนัดชิงชนะเลิศซีเกมส์ที่สิงค์โปร์ ปี 2526 แล้วเห็นปิยะพงษ์ ผิวอ่ิอน นำทีมชาติไทย ดับซ่าทีมเจ้าภาพสิงค์โปร์ ที่พยายามปั้น ฟานดี้ อาหมัด มาเทียบรัศมีกับเจ้าตุ๊ก ไป 2 - 1 คาสนามกีฬาแห่งชาติสิงค์โปร์

ผมจำได้ถึงความแน่นแทบจะไม่มีที่ยืน บนสแตนด์หลังโกล์ ที่สนามศุภฯ ในวันที่ทีมชาติไทย ถล่ม อินโดนีเซีย 7 - 0 ในรอบรองชนะเลิศซีเกมส์ปี 2528

และผมยังจำได้ว่าแอบขโมยเงินพ่อ 200 บาท เพื่อไปดูไทยดับสิงค์โปร์ 2 - 0 หยิบเหรียญทองซีเกมส์ ปีนั้นมาครองได้อย่างยิ่งใหญ่

ในวันชิงชนะเลิศฟุตบอลชายกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 17 ที่สิงค์โปร์ปี 2536 นั้น ผมยังจำความระทึกใจที่เห็นทีมชาติไทย ( ชุดที่มีแต่นักเตะพรสวรรค์สูงแต่แรงกายน้อย ) ดวลเพลงเตะอย่างสุดมันกับทีมพม่า เป็นเกมที่เหล่าขุนพลทีมชาติไทย ทั้งดาวรุ่ง และ เก๋าเกม
ต่างวิ่งไล่บอลกันจนลืมตาย

มันเป็นวันที่ผมได้เห็น นักเตะเทวดาจอมเท้าเอวอย่างปิยะพงษ์ ผิวอ่อน วิ่งจนหอบลิ้นห้อย ผมได้เห็นนักเตะที่ชอบเดินเล่นบอลอย่างวิทูรย์ ใส่ไม่ยั้ง ไล่บอลทุกลูกอย่างลืมตาย เวลาใกล้จะหมด เกมบีบอารมณ์ทั้งนักเตะ และคนดูกองเชียร์ชาวไทยที่หน้าจอทีวี
สกอร์ที่เสมอกันอยู่ที่ 3 ประตูต่อ 3 นั้น ประตูต่อไปมันคือการการันตีเหรียญทองสุดท้าย ทันที !!!

และทันใดที่ลูกโหม่งส่งต่อของนักเตะหน้าใหม่ที่ชื่อ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ดันพุ่งวาบเข้าประตูพม่าไป ....4 - 3 มันคือสกอร์ที่สุดสวยงาม ของ " คนไทยทั้งประเทศ "

มันคือ " ความสุข " ที่เหล่าขุนพลนักเตะทีมชาติไทย ใช้มันเป็นเครื่องตอบแทนเหล่าแฟนฟุตบอลชาวไทย ที่ทุ่มแรงใจเชียร์พวกเขามาตลอดทั้งทัวนาเม้นต์ มันคือความประทับใจ และหึกเหิมที่เราทั้งหมดเป็น...." คนไทยร่วมชาติ "

สิ่งเหล่านี้ มันมากกว่าคำว่า......" เหรียญทองฟุตบอลชาย ของกีฬาซีเกมส์ "

และใครหลายๆคนในนี้ คงจะยังจำได้เหมือนกันกับผม ถึง บรรยากาศที่มีแต่ความสุข ในวันที่ ทีมชาติไทยของเรา ผ่านเข้าไปชิงเหรียญทองกีฬาซีเกมส์ ที่เ้ชียงใหม่ เมื่อปี 2538 วันนั้นทีมเวียดนาม หมายมั่นปั้นมือมากที่จะสยบทีมฟุตบอลของเราให้ได้

แต่เมื่อเกมส์จบลงด้วยสกอร์ 4 - 0 ทั้งเนติพงษ์ , เกียรติศักดิ์ , ตะวัน , ดุสิต และเพื่อนร่วมทีมทุกคน ทำให้เวียดนามได้รู้และจำใส่ใจว่า.....เหรียญทองฟุตบอลนี้เป็นของ " คนไทยทั้งประเทศ " เหล่านักเตะไทยทุกๆคน จะไม่มีวันให้..ใครหน้าไหนมาสยบ และเอามันไปต่อหน้าต่อตาคนไทย

ทั้งที่สนามเชียงใหม่ และหน้าจอทีวีทั่วประเทศได้ ......ไม่มีวัน !!!!


คุณยังจำได้ไหมว่า.......คุณรู้สึก " ภาคภูมิใจที่ได้เป็นคนไทย ร่วมกับเหล่าขุนพลนักเตะทีมชาติไทย " แค่ไหน ???
มันไม่ได้เป็นเพียงแค่....." เหรียญทองฟุตบอลในกีฬาซีเกมส์ เท่านั้น !!! " " ตำนาน " ความยิ่งใหญ่เหล่านี้ที่เขียนขึ้นมาด้วย .....หยาดเหงื่อ เลือด และแรงกาย แรงใจ ของเหล่านักฟุตบอลไทยรุ่นแล้ว รุ่นเล่า

บางครั้ง มันก็กลายเป็นดาบสองคม ที่สะสมเอาไว้ รอวันและเวลาที่จะย้อนกลับมาทำลายเราได้ หากว่าเราตกอยู่ใน " ความประมาท " ความหลง เพ้อพก ว่าทีมฟุตบอลไทยของเรานั้น เก่งกล้า และยิ่งใหญ่ เหนือกว่าใครๆ

" ความประมาท ทะนงตน มันคือหนทางของความเสื่อม " ใครๆก็รู้ แต่เราก็เลือกที่จะหลงลืมมันไป .....หลังจากที่ผมนั่งมองพัฒนาการของทีมชาติไทย มาไม่น้อยกว่า 30 ปีแบบนี้

มันทำให้ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลง อย่างช้าๆ แต่มั่นคงที่นำพาเอา " ความประมาท " เข้ามาสู่ทีมชาติไทย มันมาอย่างเงียบๆ .....

มันมาทีละนิด............

แต่มันมาอย่างเป็นขั้น เป็นตอน........

มันใช้เวลา มันรอคอยอย่างเยือกเย็น ........

" ความเสื่อม " ของฟุตบอลไทยมันเริ่มขึ้น หลังจากวันที่สวยงามที่สุด สงบที่สุดในประวัติศาสตร์ของฟุตบอลไทย เราเก่งกล้าสามารถ จนก้าวกระโดดขึ้นไปเล่นได้อย่างสูสีกับยอดทีมของเอเซีย

หลังจากการมาของปีเตอร์ วิธ และการได้ที่ 4 ในกีฬาเอเซี่ยนเกมส์ที่กรุงเทพปี 2541 หลังจากนั้น เราได้เข้าไปเล่นในรอบ 10 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลกโซนเอเซีย ในปี 2544 มันคือการพัฒนาที่คนในรุ่นผมรอคอยมาอย่างแสนนาน มันคือ แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ที่ทีมชาติไทย เดินมาอย่างถูกที่ถูกทาง

แต่แล้วความเสื่อมก็มาถึง.....

ปีเตอร์ วิธ ทำงานด้วยความโดดเด่นเกินหน้าเกินตาของคนในสมาคมฟุตบอลไทย ความหมั่นไส้ มีมาจากคำตำหนิที่ออกจากปากของนายกสมาคมฟุตบอลไทยในเวลานั้น " เป็นผู้ฝึกสอนทีมชาติไำทย ใส่กางเกงขาสั้นยืนข้างสนามได้อย่างไร ??? ผมจะต้องเรียกเขาเข้ามาคุยแล้ว "

หลังจากวันนั้น ปีเตอร์ วิธ กับการพัฒนาของทีมชาติไทย ก็โดนกระตุกกลับ ปีเตอร์ วิธ ไม่มีสมาธิกับการทำงานคุมทีมชาติ ทั้งเรื่องราว ที่ขวางหูขวางตาสมาคม ทั้งเรื่องราวของการต่อสัญญาที่เริ่มจะเป็นปัญหา ข้อแม้ที่สุดหินโดนสร้างขึ้นมา เพียงเพื่อที่จะใช้มันเตะตัดขาโค้ชจากแดนผู้ดีคนนี้

เอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 14 ต้องเข้ารอบรอง เอเชี่ยนคัพ ต้องเข้ารอบ 2 และอื่นๆอีกมากมาย จนวันที่ปีเตอร์ วิธ พลาดก็มาถึง เมื่อไทยพ่ายต่อเกาหลีเหนือ คาราชมังคลา ปีเตอร์ วิธ ก็ต้องเก็บกระเป๋าลาจากไป.....

แผนการดำเนินไปอย่างมีระบบ โค้ชชัชชัย โดนดึงเข้ามาเป็นหนังหน้าไฟได้ไม่เท่าไหร่ ก็รู้ชะตากรรมของตัวเอง การสละเรือกลางอากาศ และบอกเลิกศาลา กับสมาคมฟุตบอลไทย มันคือ สิ่งที่โค้ชจอมขัดตาทัพทำเป็นครั้งแรก...." ต่อไปนี้ หากสมาคมหาใครคุมทีมไม่ได้ ก็อย่ามาเอาผมไปทำอีกเลย ผมพอแล้ว "

มันคือ " รหัสลับ " ที่โค้ชชัชชัยเผยออกมาให้แฟนฟุตบอลชาวไทยได้รู้ถึงการทำงานภายในของสมาคมฟุตบอลไทย จนถึงวันหนึ่งนายกคนเก่าก็แพ้ภัยตัวเอง ถอยหลังมายืนดูอยู่ในมุมมืด นายกสมาคมฟุตบอลไทยคนใหม่ก็มาถึง แต่มันคือ " เหล้าเก่าในขวดใหม่ " ที่มีรสกร่อยอย่่างเหลือรับ

การตั้งโค้ชหรั่งที่ว่านอนสอนง่าย เป็นคนของสมาคมมาครึ่งชีวิต ทำให้การพัฒนาของฟุตบอลทีมชาติไทยหยุด และเริ่มที่จะถอยหลังกลับ

เรายังเป็นเบอร์ 1 ของอาเซี่ยน เราเป็นแชมป์ซีเกมส์ อย่างผูกขาดแม้ว่าเราจะใช้ชุดเด็กลงไปเล่น เราจะมีวิสัยทัศน์ใหม่เพื่อการพัฒนาอย่างมีเป้าหมาย เราจะมีโน่น เราจะไปนี่ เราจะ ........แล้ว ก็ " เราจะ "

มันเป็นเพียงแต่คำพรํ่าเพ้อ ของนักสร้างภาพชั้นดี ที่มีดีกรีฟีฟ่าเมมเบอร์ติดอยู่ที่ด้านหลัง แต่ในความเป็นจริงแล้วสุดขมขื่น....

เรา แพ้สิงค์โปร์ ในฟุตบอลไทยเกอร์ คัพ !!!

เรา แพ้รวดแบกประตูจนหลังตุง ในการคัดเลือกฟุตบอลโลก !!!

ทีมไทยที่สุดแข็งแกร่งและเล่นอย่างมีระบบ ในยุคปีเตอร์ วิธ ได้สาบสูญไปแล้ว !!!

เมื่อทีมชาติไทยมีผลงานที่ถอยหลังลงคลองไปเรื่อยๆ โค้ชหรั่ง ก็ทนต่อคำสาบส่งจากทุกสารทิศไม่ได้ การลาจากก็เป็นทางเลือก แต่สมาคมฟุตบอลไทย ก็ยังเป็นของกลุ่มคนหน้าเดิม ที่นั่งกอด " ผลประโยชน์ " อย่างเหนียวแน่นเป็นกลุ่มเป็นก้อน

การมาถึงของปีเตอร์ รีด กุนซือตกงาน ที่มาพร้อมกับสัญญาที่เป็นปริศนาดำมืด อาจจะทำให้กระแสที่ถล่มใส่สมาคมฟุตบอลไทย ซาลงไปบ้าง

แต่เวรกรรมมันมีจริง สมาคมฟุตบอลไทย ที่มีจุดกำเนิดจากเบื้องสูง ใครมาอาศัย เพื่อใช้ในการกอบโกยผลประโยชน์เข้าสู่พวกพ้องมักมีอุปสรรค จู่ๆ ฟ้าก็ผ่าเปรี้ยงลงมากลางสมาคมฟุตบอลไทย

ปีเตอร์ รีด ประกาศการไปร่วมงานกับทีมสโต๊ค ลอยแพทีมชาติไทยไปอย่างไม่ใยดี คราวนี้ตาเหลือกกันทั้งสมาคม " จะหาใครมาเป็นหนังหน้าไฟแทนดีหว่า " อุตส่าห์บินไปใช้ตำแหน่งเมมเบอร์ฟีฟ่าบีบ ปีเตอร์ รีดก็แล้ว

ยอมเสนอให้คุม 2 จ๊อบโดยมีทีมชาติไทยเป็นลูกเมียน้อยก็กล้าเสนอ แต่ก็เจอเซยโน ลูกเดียว ไหนๆก็ไหน เอาคนข้างตัวขาประจำแมนยู คาเฟ่ สุขุมวิท 11 แต่ดีกรีบารมีเก่าเหลือล้นนี่ล่ะว๊า

แฟนฟุตบอลไทยคงหูตั้ง ตาตั้งกันทั้งประเทศ ที่ได้กับตันมาร์เวลมาคุมทีมชาติ แต่บอกแล้วว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง หลังจากที่ชนะสิงค์โปร์ได้แบบนำไปก่อน เกมเลยเปลี่ยน ที่บ้านของเขา

ก็มาดวงแตก แพ้มันคากรุงเทพฯแบบหน้าตาแหกหมอไม่รับเย็บ

โดนด่าเรื่องบอลแพ้ไม่พอ ไหนจะโดนคนดูก่นด่า สปอนเซอร์ใหม่ของทีมชาติไทย ที่ห้ามกระทั่งเอาหมูปิ้งเข้่าสนาม เวรกรรมกำลังทำหน้าที่ของมันอย่างมั่นคง.....

สิ่งเดียวที่เหลืออยู่ ที่หวังจะใช้ดึงวิกฤติ ให้กลับมาเป็นโอกาส อีกครั้งก็คือ......" ของตาย " เหรียญทองฟุตบอลในกีฬาซีเกมส์ !!!

สิ่งที่..... เคยช่วย ต่ออายุ ยืดชะตา สร้างภาพ ให้แก่สมาคมฟุตบอลไทยมาโดยตลอด แต่วันนี้ไม่เหมือนวันวาน ในเมื่อ ความประมาท และเวรกรรม กำลังตามเอาคืน เกมแรกกับเวียดนาม เราก็โดนจุดโทษในนาทีสุดท้าย .....เสมอเหมือนแพ้

เกมที่สองกับกัมพูชา เราก็ชนะแบบไม่มีใครในเมืองไทยประทับใจ....

เกมที่สามกับติมอร์ ไม่ชนะก็บ้าแล้ว....

และแล้ว ....

หลังจากขึ้นนำมาเลเซียไปก่อน ดวงเราก็แตก เมื่อนักฟุตบอลของเราเล่นแบบ " ไม่มีใจ " การที่เรา..... ประมาท , ทะนงตน ว่า เราคือเบอร์ 1 อาเซี่ยน มาตลอด เราโดน มาเลเซียยิงตีเสมอ เราจึงตกตะลึงทำอะไรไม่เป็น

และแล้ววินาทีที่ช่วยดึงเรากลับมาสู่ความเป็นจริงก็มาถึง ไทย 1 - มาเลย์ 2 เราแพ้แล้ว !!!

เราไม่ใช่เบอร์ 1 ของอาเซี่ยนแล้วหรือ เราหลอกตัวเองมาตลอดหรือไร ???

สิ่งเดียวที่จะทำให้สมาคมฟุตบอลไทยใช้สร้างภาพต่อ มันได้สลายหายไปกับแดดยามเย็นของเวียงจันท์หมดสิ้นแล้ว

.....

การพ่ายแพ้ครั้งนี้ มันมีข้อดีมหาศาล มันเป็นการ ดึงเรากลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงได้สักที มันจะเป็นจุดสิ้นสุดของผลงาน " ผักชีโรยหน้า 8 สมัย ที่สมาคมฟุตบอลไทยใช้หากินมาเป็น สิบๆปี "

มันเป็นเวรกรรม ที่ทุกๆคนในสมาคมฟุตบอลไทยต้องร่วมกันรับ คุณต้องหยุดสร้างภาพ กอบโกย ผลประโยชน์ แลัวหันกลับมานั่งหาวิธีการที่จะนำพาศรัทธาที่สูญเสียไปกลับมา จริงๆสักที

และการพ่ายแพ้ในครั้งนี้ มันเป็นสิ่งที่ดี ที่ทำให้นักฟุตบอลไทยรุ่นหลัง ที่ทนงตน ว่าเราเก่ง เราเหนือกว่าใคร ได้รู้ว่า....สิ่งเหล่านี้ กว่าที่จะได้มันมา ต้องใช้เวลาที่จะสร้างสม ที่คุณจะต้องร่วมกันสานต่อมันเอาไว้ แทนคนรุ่นก่อนที่เขาพากเพียรสร้างมันมา

ในทุกครั้ง....ที่ " ธงไตรรงค์อยู่บนอกข้างซ้ายของพวกคุณ " จำมันเอาไว้เถอะครับ เพราะมันไม่ใช่แค่เพียง " เหรียญทองฟุตบอลในกีฬาซีเกมส์ " เท่านั้น

แต่มันคือ......" ศรัทธาของคนไทยทั้งประเทศ " ที่มีต่อคุณ !!!

นี่ละครับ ผมถึงสุขใจ ที่ทีมชาติไำทยที่ผมรัก ....." พ่ายแพ้ในวันนี้ "