WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, November 17, 2009

จากสงครามตัวแทนที่กำลังจะกลายเป็นสงครามตัวจริง

ที่มา thaifreenews

บทความโดย...ปูนนก

ไปๆ มาๆ การรัฐประหารวันที่ 19 กันยายน 2549 ที่ผ่านมาน่าจะไม่ใช่เพียงแค่การยึดอำนาจจากรัฐบาลประชาชนคือ พรรคไทยรักไทย ไปสู่อำนาจเผด็จการอมาตย์ศักดินา เพื่อปรับดุลอำนาจใหม่แต่เพียงอย่างเดียวเหมือนดังในอดีตที่ผ่านมาเสียแล้ว ระยะเวลากว่า 3 ปีที่ผ่านมาหลังการรัฐประหาร ได้มีสิ่งบอกเหตุหลายอย่างที่สำแดงให้เห็น และชัดเจนขึ้นในการเมืองระดับโลกว่า “การรัฐประหารวันที่ 19 กันยายน 2549” นี้ดูท่าจะไม่เป็นเรื่องธรรมดาอีกต่อไป.... ซึ่งถ้าผู้ติดตามข่าวสาร และนำมาวิเคราะห์สักเล็กน้อยก็จะพอมองเห็นภาพ หรือเค้าลางที่ค่อย ๆ เปิดเผยชัดเจนขึ้นมาทีละเล็กละน้อย

ความขัดแย้งทางด้านสังคมการเมืองและเศรษฐกิจที่ส่งผลมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่สมัยปฏิวัติอุตสาหกรรมในยุโรป ทุกวันนี้ก็ยังไม่จางหายไปแม้แต่น้อยประเทศในโลกที่สามที่เป็นแหล่งทรัพยากรอย่างเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ก็ไม่อาจจะพ้นไปจากความขัดแย้งระดับโลกนี้ได้....

ทุกวันนี้ดูเหมือนโลกจะแคบลงอดีตเมื่อสัก 100 ปีที่แล้วถ้าพูดถึงอเมริกา หรือยุโรป นั่นหมายความว่าต้องเดินทางกันแรมเดือนแรมปี กว่าจะไปถึงได้ ดังนั้นอิทธิพลทางการเมืองผลประโยชน์หรือความขัดแย้งใด ๆ ไม่อาจจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยมากนัก ประเทศไทยจึงอยู่ได้อย่างสมบูรณ์พูนสุข ชนิดที่เรียกว่าในน้ำมีปลาในนามีข้าว...ด้วยวัฒนธรรมแบบไทย ๆ มีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ เชื่อในเรื่องบุญกรรม, กุศลบารมี ฯลฯ ประเทศจึงร่มเย็นเป็นสุขมาช้านานอย่างน้อยก็ในระดับประชาชนโดยทั่วไป....

ความขัดแย้งที่เริ่มเข้ามาเกี่ยวข้องสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศไทย โดยหลาย ๆ ชาตินั้นเป็นที่น่าสังเกตและจับตามองอย่างยิ่ง....ทำไมรัฐบาลกัมพูชาโดยท่านนายกฮุนเซน ได้แสดงท่าทีแข็งกร้าวกับรัฐบาลนายกอภิสิทธิ์เช่นนั้น ทั้ง ๆ ที่ในช่วงเริ่มต้นตั้งรัฐบาล นายกอภิสิทธิ์ ก็ยกคณะไปเยี่ยมเยียนอีกทั้งยังนำเอาวัตถุโบราญของชาติไปมอบให้จำนวนหลายรายการ เรียกว่า “บรรณาการ” กันถึงที่ ซึ่งก็น่าจะเป็นที่พออกพอใจนายกฮุนเซนมิใช่น้อย... แม้ว่าจะมีปัญหาเรื่องเขาพระวิหาร แต่ก็ดูเหมือนว่าฝ่ายรัฐบาลไทยโดยนายกอภิสิทธิ์จะเป็นผู้หลีกเลี่ยงการปะทะในความขัดแย้งเสียมากกว่า ยอมแม้กระทั่งให้รัฐบาลกัมพูชาตัดถนนล้ำเขตแดนเข้ามากว่า 250 เมตร ในพื้นที่ทับซ้อน โดยไม่ยื่นประท้วงแต่อย่างใด....

สิ่งที่น่านำมาพิจารณาก็คือทำไมกัมพูชาและประเทศอาเซียนรอบบ้านเราหลายประเทศแสดงท่าทีไม่ให้การสนับสนุนรัฐบาลนายกอภิสิทธิ์ นี่ยังไม่รวมถึงประเทศในแถบตะวันออกกลางที่ให้การสนับสนุนท่านนายกทักษิณอย่างชัดเจน.... ขณะที่ประเทศที่ไกลออกไปอย่างอังกฤษ และอเมริกากลับแสดงท่าทีตรงกันข้าม....

อังกฤษถอนวีซ่าท่านนายกทักษิณ ทูตอังกฤษประจำประเทศไทยเข้าพบอมาตย์เฒ่าสี่เสาอย่างต่อเนื่อง...อเมริกานำกองเรือมาจอดที่พัทยาและภูเก็ตในช่วงที่มีกระแสการรัฐประหารรัฐบาลนายกอภิสิทธิ์อย่างหนาหู.... กองกำลังพิเศษของอเมริกาเดินทางโดยเครื่องบินจากอ่าวเปอร์เซียเพื่อจะมาปฏิบัติการบางอย่างในประเทศไทย (แต่ถูกสกัดจับได้ที่น่านฟ้าอินเดีย)....

ภาพเหล่านี้เหมือนตัวจิกซอว์ที่เริ่มต่อกันเป็นรูปร่างเห็นชัดมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่า “การรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 มิใช่เพียงการยึดอำนาจธรรมดา ๆ เสียแล้ว” แต่เป็นการปะทะกันของขั้วอำนาจสองขั้วอำนาจที่มีอิทธพลทางการเมืองของสองมหาอำนาจสองขั้วเป็นผู้อยู่เบื้องหลังและคอยบงการอยู่.... ซึ่งเมื่อเราเริ่มมองเห็นภาพ Puzzle ที่ค่อย ๆ ต่อโดยจิกซอว์ มากขึ้นเรื่อย ๆ ในฐานะประชาชนธรรมดาทั่ว ๆ ไป ก็จะเริ่มเข้าใจการต่อสู้ทางการเมืองในครั้งนี้แล้วว่า เกิดขึ้นได้อย่างไรและจะดำเนินไปจนจบในหนทางใด....


ทำไมภายหลังรัฐประหารแล้ว อเมริกาไม่ออกมาประนามหรือมีปฏิกริยาใด ๆ กับการทำรัฐประหารโดย คมช. ขณะที่การรัฐประหารในฮอนดูรัส “องการรัฐอเมริกา (OSA) กลับประกาศให้คณะรัฐประหารคืนอำนาจให้ประธานาธิบดีเซเลยาภายใน 72 ชั่วโมง” ขณะที่รัฐบาลจีนได้ทำเรื่องขอตัวท่านนายกทักษิณอย่างเป็นทางการไปร่วมงานในพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิค ทั้งๆ ที่เวลานั้นท่านนายกทักษิณ กำลังถูกพิจารณาดำเนินคดีที่ดินรัชดาเป็นเหตุและช่องทางให้ท่านนายกทักษิณหลบหนีจากการถูกพิจารณาคดีอันไม่เป็นธรรมนี้ไปได้อย่างฉิวเฉียด....

รัฐบาลในกลุ่มประเทศอาเซียนต่างก็มีสัมพันธ์อันดีและแนบแน่นอยู่กับประเทศจีนไม่ทางตรงก็ทางอ้อม... ทั้งความช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจ การเมือง และการทหาร ภายหลังจากที่อิทธิพลของอเมริกาจางหายไปจากภูมิภาคนี้หลังสงครามเวียดนาม และประเทศจีนซึ่งปัจจุบันนี้ได้กลายเป็นประเทศที่ก้าวกระโดดอย่างรวดเร็วในการพัฒนาประเทศและมีศักยภาพสูงมากทัดเทียมกับประเทศอเมริกาและยุโรป จึงพยายามที่จะเข้ามามีอิทธิพลในฐานะผู้นำทางอำนาจแห่งเอเซียโดยเฉพาะภูมิภาคนี้เพราะเป็นจุดยุทธศาสตร์ทั้งทางเศรษฐกิจ และทางทหาร....

การที่รัฐบาลพรรคพลังประชาชนที่มีสายสัมพันธ์เป็นน้ำเนื้อเดียวกับพรรคไทยรักไทยที่ถูกยุบไปได้เข้ามาเป็นรัฐบาลถึง 2 รัฐบาล แต่ก็ถูกอำนาจลึกลับจัดการจนกระเด็นตกจากอำนาจทางการเมืองของไทยไปทั้ง 2 รัฐบาลนั้น...แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าอำนาจลึกลับที่ครอบคลุมประเทศนี้อยู่นั้นไม่ต้องการให้รัฐบาลที่มีสายสัมพันธ์กับท่านนายกทักษิณ ขึ้นมามีอำนาจในการทางการเมืองของประเทศไทย ทั้งๆ ที่เป็นรัฐบาลที่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ.. ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น...

แม้ในขณะนี้ก็ยังมีกระแสสร้างความเกลียดชังให้กับท่านนายกทักษิณ และรัฐบาลไทยรักไทยที่ผ่านมา ทำไมท่านนายกทักษิณจึงเป็นที่เกลียดชังของเหล่าอมาตย์ศักดินาในประเทศไทยได้มากมายขนาดนี้...ทั้ง ๆ ที่อดีตมาก็มีรัฐบาลหลายรัฐบาลถูกรัฐประหารยึดอำนาจ แล้วก็จบกันไปไม่มีใครโจมตีรัฐบาลก่อนมากมายดังนี้มาก่อน... สิ่งนี้จึงเป็นสิ่งที่น่าพิจารณามิใช่น้อย....

นโยบายเดินตามสหรัฐอเมริกา แลยุโรปที่อมาตย์ศักดินาดำเนินอยู่เพื่อแลกกับการปกป้องผลประโยชน์ของตนเองเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้วตั้งแต่อดีต ตั้งแต่สมัยสงครามอินโดจีน, สงครามเวียดนาม ประเทศไทยดำเนินนโยบายเอาตัวรอดด้วยการอิงแอบกับมหาอำนาจตะวันตกตลอดมา...พอปัจจุบันดุลอำนาจเริ่มเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ของโลก และท่านนายกทักษิณ มิได้มีนโยบายอิงแอบกับมหาอำนาจตะวันตกดังเดิมทำให้เกิดความขัดแย้งเชิงนโยบายขึ้นกับดุลอำนาจของภูมิภาคทันที...พูดง่าย ๆ ก็คือเกิดการปะทะกันของดุลอำนาจเดิมคือ ตะวันตก และดุลอำนาจใหม่คือ ตะวันออก...โดยมีสงครามตัวแทนระหว่างท่านนายกทักษิณ และอมาตย์ศักดินาในประเทศไทย โดยที่จะมีผลตอบแทนก็คือ “ใครจะได้เข้ามามีอิทธิพลทางอำนาจเศรษฐกิจ, การเมือง, และการทหารในภูมิภาคนี้”

เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนที่รัฐบาลกัมพูชา, ฟิลิปปินส์, บรูไน, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย จะพร้อมใจกัน “มาสาย” ในงานประชุมอาเซียนซัมมิท ทั้งๆ ที่เป็นการประชุมระดับภูมิภาคของโลก ซึ่งถือว่า “ยิ่งใหญ่” ไม่น้อยกว่า “เอเปค” ทีเดียว.... ถ้าไม่ได้รับสัญญาณพิเศษจากผู้ที่มีอิทธิพลตัวจริงของภูมิภาคนี้ เพื่อส่งสัญญาณเตือนให้รัฐบาลนายกอภิสิทธิ์ที่ดำเนินนโยบายแบบอมาตย์คืออิงแอบกับมหาอำนาจตะวันตก ได้รับทราบว่าถ้ายังคงดำเนินนโยบายไล่ล่าท่านนายกทักษิณและอิงแอบมหาอำนาจตะวันตก โดยที่ไม่ยอมประนีประนอมกับเพื่อนบ้าน และรักษาผลประโยชน์ร่วมกันอย่างที่ท่านท่านนายกทักษิณเคยกระทำ ก็อาจจะต้องได้รับการต่อต้านที่รุนแรงขึ้นกว่าที่เป็นอยู่....

และแน่นอนว่ามหาอำนาจตะวันตกก็คงจะไม่ยอมให้ดุลอำนาจของตนเองหลุดมือไปจากภูมิภาคนี้ง่าย ๆ เช่นกัน... ด้วยเหตุนี้การปะทะกันทางอำนาจขณะนี้จึงมิใช่เพียงแค่ “เสื้อแดง...เสื้อเหลือง...เสื้อน้ำเงิน” อีกต่อไปแล้ว แต่มันหมายถึงสงครามแห่งดุลอำนาจในภูมิภาคเพื่อแย่งชิงผลประโยชน์, ทรัพยากร, และอิทธิพลทางทหารกันอย่างเข้มข้น “ระหว่างดุลอำนาจใหม่คือจีน...กับดุลอำนาจเดิมคือมหาอำนาจตะวันตก” โดยมีสงครามตัวแทนอยู่ในประเทศไทยนี่เอง....

ปูนนก