WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, December 11, 2007

เขียนด้วยตีนต้อง...ลบด้วยมือ

ผ่านพ้นวันรัฐธรรมนูญไปแล้ว ท่ามกลางความกังวลใจของหลายๆ ฝ่าย

...ว่าทำไม 75 ปีที่ผ่านมา รัฐธรรมนูญแบบไทยๆ จึงไม่มีพัฒนาการไปเท่าที่ควรจะเป็น จนดูเสมือนว่า ย่ำอยู่กับที่ หรือเสมือนเพิ่งเริ่มต้น

โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550

หลายฝ่ายมองว่ายิ่งเป็นการ ย้ำ ความไม่พัฒนา หรือยิ่งเป็นการ ถอยหลังลงคลอง

ทำไมนักวิชาการบางคนจึงวิพากษ์ว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่ เขียนด้วยตีน

หรือทำไมนักวิชาการอีกบางคนจึงมองว่า เส้นทางเดินของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ มีอาการเหมือนคนที่ ฉี่ไม่สุด

ทุกความกังวลใจ ทุกการทักท้วงนั้น สะท้อนชัดถึงความ มีปัญหา ในมุมมองที่แตกต่างกันออกไป

ด้านหนึ่งหากเป็นการมองเทียบเคียงกับรัฐธรรมนูญปี 2540 ที่อาจยิ่งทำให้เพิ่มความน่ากังวลมากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ

เพราะรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ได้ชื่อว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย

เป็นรัฐธรรมนูญที่ประชาชนได้มีส่วนร่วมมากที่สุด มีบทบัญญัติที่ว่าด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชนมากที่สุด

จนเรียกได้ว่าเป็น รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน

อีกด้านหนึ่งอาจเป็นการมองด้วยความกังวลถึงความ เร่งรีบ ในการร่างรัฐธรรมนูญ ตลอดจนการ เร่ง ออกกฎหมายลูกตามมาร่วมร้อยฉบับ ในระยะเวลาอันสั้น

และในจำนวนกฎหมายหลายต่อหลายฉบับเหล่านั้น เป็นกฎหมายที่ ซ่อน ความน่ากังวลใจอาไว้

โดยเฉพาะกฎหมายบางฉบับมีประเด็นของการ ลิดรอน สิทธิเสรีภาพ หรือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน

กฎหมายบางฉบับเป็นการต่อท่ออำนาจให้กับฝ่าย ทหาร เมื่อให้สามารถคงอำนาจอยู่ได้ในบ้านเมือง แม้จะมีรัฐบาลชุดใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งแล้วก็ตาม

ดังนั้น ความกังวลต่างๆ เหล่านั้นจึงอาจมองได้ในอีกมุมหนึ่งว่า รัฐธรรมนูญที่มีเจตนารมณ์แต่ดั้งเดิม ในการกำหนดหรือนิยามสิทธิเสรีภาพของประชาชน

ว่าทำอะไรได้บ้าง หรือทำอะไรไม่ได้บ้างนั้น

ถึงวันนี้กลับถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือของผู้มี อำนาจ ในการจะสานต่ออำนาจ และความพยายามที่จะมีบทบาททางการเมืองต่อไปในอนาคต

ตลอดระยะเวลา 75 ปีที่ผ่านมา กับการที่มีรัฐธรรมนูญประกาศใช้ถึง 17 ฉบับ กลับไม่ได้เป็นตัวชี้วัดการ พัฒนา

แต่กลับกลายเป็นว่าเหตุที่มีรัฐธรรมนูญประกาศใช้ออกมามากมาย

เป็นเพราะว่าประเทศไทย ขยัน ฉีกรัฐธรรมนูญกันเป็นว่าเล่น

สะท้อนถึงการไม่เคารพกฎ กติกา และธรรมนูญอันเป็นแก่นในการบริหารบ้านเมือง

ไม่เคารพในวิถีทางตามระบอบประชาธิปไตย ที่บัญญัติไว้ตามรัฐธรรมนูญ

เพราะการ ฉีก รัฐธรรมนูญนั้น เกิดขึ้นทุกครั้งที่มีการ ยึดอำนาจ โดย ทหาร

ในขณะที่ในอดีตที่ผ่านมา ทหาร เอง ก็มักจะตัดสิน ชะตา บ้านเมือง ด้วยการใช้อาวุธ ใช้กำลังกองทัพเข้ายึดอำนาจบ่อยครั้ง

ด้วยคิดว่าเป็นหนทางที่ง่าย และรวดเร็วที่สุดแล้ว

เป็นวิธีคิดแบบใช้ กำลัง เป็นที่ตั้ง มากกว่าการใช้ สมอง

และเป็นการคิดที่มองปัญหาเพียง หน้าเดียว ไม่ได้คิดถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามมาในอนาคต

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเศรษฐกิจ ชีวิต ความเป็นอยู่ หรือปัญหาปากท้องชาวบ้าน ไปจนถึงปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

อย่างไรก็ดี เมื่อโลกพัฒนามากขึ้น

กระแสโลกาภิวัตน์ได้เชื่อมโลกให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมากขึ้น

เมื่อสิ่งที่เกิดขึ้นในมุมโลกหนึ่ง สามารถรับรู้ไปถึงอีกมุมโลกหนึ่งได้เพียงเสี้ยวนาที

หรือผลกระทบในมุมหนึ่งมุมใดของโลก ย่อมส่งผลเกี่ยวพันกันไปทั้งหมด

กระแสการ ปฏิวัติ หรือการใช้กำลังเข้าตัดสินปัญหาก็ลดน้อยลง และหันไปใช้กลไกทางการเมือง กระบวนการตามระบอบประชาธิปไตย เป็นทางออกของปัญหามากขึ้น

เพราะเป็นที่รู้กันดีว่าการทำ ปฏิวัติรัฐประหาร เป็นผลร้ายมากกว่าผลดี

รู้ว่าการใช้กำลังเข้าแก้ไขปัญหา ไม่เป็นที่ชื่นชมหรือยอมรับจากผู้คนทั้งโลก

ดังนั้นตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่เหตุการณ์ เดือนพฤษภา ทหารก็กลับเข้ากรมกอง และอยู่ในที่ตั้ง

ในระยะ 10 กว่าปีดังว่านั้น เราได้มี ประชาธิปไตยเต็มใบ ดังที่มีการเรียกร้องมาตั้งแต่เหตุการณ์ เดือนตุลา ในอดีต

ที่อยากจะมีนายกรัฐมนตรีจากคนที่ผ่านกระบวนการเลือกตั้ง

ในห้วงเวลาดังกล่าว บ้านเมืองเริ่มฟื้นตัวจากวิกฤติเศรษฐกิจ ที่สะสมมาตั้งแต่ช่วงปี 2539-2540 และกำลังก้าวเดินไปข้างหน้า

ประชาชนระดับรากหญ้ากำลังมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จากการกระจายรายได้ และการเข้าไปจัด รัฐสวัสดิการ ผ่านโครงการต่างๆ มากมาย

ไม่ว่าจะเป็น 30 บาทรักษาทุกโรค การพักชำระหนี้เกษตรกร OTOP หรือแม้แต่การให้ทุนเพื่อการศึกษาอีกหลากหลาย ฯลฯ

รวมไปถึงเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ก็เปิดช่องให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมทางการเมือง ทั้งการออกสิทธิ ออกเสียง และกระบวนการในการตรวจสอบฝ่ายบริหาร

ดังนั้นการยึดอำนาจในห้วงที่บ้านเมืองกำลังมีความเป็นอยู่ที่ดี

การยึดอำนาจในห้วงที่กระแสโลกไม่ยอมรับการกระทำย้อนยุคเช่นนี้อีกแล้ว

จึงเสมือนเป็นการ เดินถอยหลัง และนำพาบ้านเมือง ล้าหลัง ไปอีกหลายก้าวอย่างตั้งใจ และมองเห็นผลเสียหายอยู่แล้ว

รวมทั้งความพยายามที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ชนิดที่เรียกว่า ใหม่หมดจด ก็ยิ่งเป็นการสร้างความเสียหาย

ในเมื่อรัฐธรรมนูญเดิมได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่ดี ทำไมจึงไม่เลือกเอาการ ปรับแก้ ในบางมาตราที่ยังมี จุดอ่อน

หรือทำไมไม่แก้ไขบางมาตรา เฉพาะที่มีความ ล้าหลัง

ไม่ว่าจะ จงใจ หรือไม่ก็ตาม ทำไมจึงต้องมีการร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่ แล้วปรากฏเนื้อหาที่สร้างปัญหาทางการเมืองตามมามากมาย

ทั้งที่เกิดเป็นปัญหาแล้ว และกำลังจะเกิดเป็นปัญหาในอนาคต

และทำไมจึงมีการร่างกฎหมายลูกออกมามากมายหลายฉบับ และบางฉบับมีเนื้อหาที่ ซ่อนเงื่อน บางอย่างเอาไว้

รวมถึงบทเฉพาะกาลหลายประเด็น ก็สะท้อนชัดว่าเจตนาที่ร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่ก็ เพื่อ ปกป้อง” ตัวเองและพวกพ้องเป็นสำคัญ

หากผู้มีอำนาจในบ้านเมือง โดยเฉพาะคนที่มีกองกำลัง มีอาวุธ ยังมีความคิดแก้ปัญหา ไดโนเสาร์ เช่นนี้

ยังคงคิดถึงตัวเองมากกว่าประชาชนและชาติบ้านเมืองเช่นนี้ ประเทศชาติก็คงจะพัฒนาไปได้ลำบาก

และไม่ว่าจะครบรอบ 75 ปี หรือครบรอบ 100 ปี รัฐธรรมนูญก็คงไม่มีพัฒนาการไปได้มากกว่านี้สักเท่าไร

จนกว่าเราจะช่วยกันทำให้ คนพันธุ์นี้ และบรรดาผู้ที่ให้การสนับสนุน หมดอำนาจไปจากบ้านเมือง...!!

บทความการเมือง

จาก http://www.prachatouch.com/