WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Sunday, November 1, 2009

ไทยกัดกันไม่เลิก ฆาตกรรมประเทศ

ที่มา ไทยรัฐ
Pic_43530

ภารกิจในเวทีนานาชาติ ผ่านพ้นไปแล้ว

ภาระของประเทศไทยในฐานะประธานอาเซียนถือว่า เสร็จสิ้นสมบูรณ์ หลังเป็นเจ้าภาพจัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่ชะอำ-หัวหิน

สามารถจัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนนัดล้างตาผ่านพ้นไปได้ พร้อมทั้งส่งไม้ต่อให้ประเทศเวียดนามรับหน้าที่ประธานอาเซียนต่อไป

ดับฝันร้ายประชุมล่มที่พัทยา

กู้เครดิตในสายตากลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน ทั้งลาว พม่า กัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ บรูไน ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย

รวมไปถึงประเทศคู่เจรจาอย่าง จีน ญี่ปุ่น อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ตลอดจนนานาชาติทั่วโลกที่เฝ้าจับตาความเคลื่อนไหวของกลุ่มอาเซียนในครั้งนี้

ที่สำคัญ ในแง่ของการเมืองเมื่อรัฐบาลภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ดำเนินภารกิจในการจัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนเสร็จสิ้นไปแล้ว

ก็ถือว่าหมดความกังวลในเรื่องการรักษาภาพลักษณ์ของประเทศที่อาจเกิดเหตุขยายไปสู่เวทีนานาชาติ

แม้ว่าเกิดปัญหาคลื่นแทรก กรณีสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกมาเปิดปมร้อนในห้วงการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน

ประกาศตัวเป็นเพื่อนแท้ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ

โหมประเด็นเตรียมสร้างบ้านหรูให้ "ทักษิณ" พักอาศัยในกรุงพนมเปญ

เล่นบทเห็นอกเห็นใจอดีตนายกฯ ที่ทำงานให้กับประเทศ แต่ไม่ได้รับความเป็นธรรม และไม่มีแผ่นดินอยู่

แถมประกาศกร้าวจะไม่ส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณให้ทางการไทยในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน เพราะมองว่าเป็นคดีการเมือง

จนนายกฯอภิสิทธิ์ต้องออกมาตอบโต้ ขอให้สมเด็จฮุน เซน ไตร่ตรองให้ดีระหว่างความสัมพันธ์ของบุคคล กับความสัมพันธ์ระหว่าง
ประเทศและผลประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศ จะเลือกอะไร

พร้อมส่งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ชี้แจงทำความเข้าใจกับ "ฮุน เซน"

ว่ากันไปตามเหลี่ยมคูการเมืองระหว่างประเทศ

ไม่มีอะไรรุนแรงถึงขั้นกระทบกับความสัมพันธ์ทางการทูต

ที่แน่ๆ ภารกิจของรัฐบาลภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ในห้วงต่อจากนี้ไป คือการเดินหน้าแก้ไขปัญหาต่างๆในประเทศ

ทั้งปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจที่รุมเร้าอย่างหนัก กระทบถึงความเดือดร้อนปัญหาปากท้องของประชาชน

ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรม ปัญหาสังคมทั้งหลายแหล่

แต่ละเรื่อง แต่ละปัญหา สาหัสสากรรจ์ทั้งสิ้น

แม้ในห้วงที่ประเทศอยู่ในสภาวะปกติ ถึงจะระดมความร่วมไม้ร่วมมือจากทุกฝ่ายในการแก้ปัญหาต่างๆเหล่านี้ ก็ยังยากที่จะฝ่าไปได้ง่ายๆ

ยิ่งในสภาวะปัจจุบัน มีปัญหาความแตกแยกแบ่งฝ่ายของคนในชาติ ที่กำลังขยายวง ขยายความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

จนแทบหาจุดร่วมในการสร้างความสมานฉันท์กันไม่เจอ

การเดินหน้าภารกิจในการแก้ไขปัญหาประเทศของรัฐบาล ก็ต้องเผชิญกับความยากลำบากยิ่งขึ้นไปอีก

ทั้งนี้จากสถานการณ์ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า อุปสรรคสำคัญที่รัฐบาลของนายกฯอภิสิทธิ์จะต้องเจอแน่ๆ ก็คือ

"วิกฤติทักษิณ"

ไล่ตั้งแต่ยุทธการเปิดเกมลุยของ พ.ต.ท.ทักษิณที่ขยายช่องทางสื่อสารกับมวลชน โหมทำสงครามโฆษณาชวนเชื่อ
ดิสเครดิตรัฐบาลทุกรูปแบบ

โฟนอินจากดูไบตรงเข้าพื้นที่เป้าหมายทุกจังหวัด ปลุกระดมฐานมวลชนที่ให้การสนับสนุนเป็นรายวัน

ส่งวีดิโอลิงค์รุกคืบเข้าไปถึงที่ประชุมพรรคเพื่อไทย ให้นโยบาย บริหารจัดการ สั่งการขับเคลื่อนแนวทางการเมืองของพรรคด้วยตัวเอง

เปิดเว็บทวิตเตอร์เขียนข้อความโต้ตอบ โจมตีรัฐบาล "อภิสิทธิ์" ทุกดอกทุกประเด็นตลอดทั้งวัน

ตามด้วยการสื่อสารระบบเอสเอ็มเอส ส่งข้อความผ่านโทรศัพท์มือถือ ยิงตรงถึงตัวบรรดาแฟนคลับทั่วประเทศ

ยังไม่รวมถึงการเปิดโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมโชว์หน้าโชว์ตัวพูดจากับพี่น้องประชาชนที่ให้การสนับสนุนถึงครัวเรือน

แน่นอน ทุกช่องทางสื่อสารของ "ทักษิณ" มีเป้าหมายหลักในการโจมตีหวังโค่นล้มรัฐบาลเต็มที่

เป็นอุปสรรคที่ลิดรอนความมั่นคงของรัฐบาลเต็มๆ

เหนืออื่นใด นอกจาก พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินเกมใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ส่วนตัวโหมโฆษณาชวนเชื่อถล่มรัฐบาลมาจากต่างประเทศแล้ว

อีกทางหนึ่งก็ใช้กลไกตัวแทนอย่าง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ขับเคลื่อนเดินเกม "เพื่อนบ้านล้อมประเทศไทย"

ดิสเครดิต กดดันรัฐบาลไปพร้อมๆกัน

โชว์ผลงานชิ้นแรกให้เห็นกันมาแล้ว จากการเดินทางไปพบสมเด็จฮุน เซน นายกฯกัมพูชา ช่วงก่อนการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน

จุดประเด็นข่าวฮือฮา "ฮุน เซน" เพื่อนแท้ "ทักษิณ"

เปิดช่องให้นายกฯเขมร แขวะประเทศไทยไม่ให้ความเป็นธรรมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ

ประกาศกร้าว ถ้า "ทักษิณ" เข้าไปพำนักอยู่ในประเทศกัมพูชาจะไม่ส่งตัวให้ทางการไทยในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน เพราะเป็นคดีการเมือง

สร้างความปั่นป่วนให้รัฐบาลในช่วงจัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนพอสมควร

ที่สำคัญ พล.อ.ชวลิตยังได้วางโปรแกรมที่จะเดินสายไปพบปะผู้นำประเทศเพื่อนบ้านทั้งมาเลเซีย พม่า เวียดนาม ตามคำสั่งการของ "นายใหญ่"

ทำตัวเหมือนเป็นนายกฯเงาของประเทศไทย

ทั้งนี้ จากการเดินเกมไปพบนายกฯฮุน เซน ของ พล.อ.ชวลิต ถือว่ามีผล เป็นการเขย่าเวทีประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ส่งผลกระทบด้านจิตวิทยา ทำลายสมาธิของผู้นำประเทศต่างๆในระดับหนึ่ง

ดังนั้น เมื่อ พล.อ.ชวลิตมีคิวที่จะไปพบปะกับผู้นำประเทศ เพื่อนบ้านอื่นๆอีก จึงเป็นเรื่องที่ต้องจับตาว่า

จะทำให้เกิดปัญหาที่มีผลกระทบต่อรัฐบาลตามมาอีกหรือไม่

ขณะเดียวกัน พรรคเพื่อไทยในฐานะฝ่ายค้าน ก็เดินเกมในสภาฯตามแนวทางของ พ.ต.ท.ทักษิณอย่างเต็มที่

โดยเฉพาะการขวางลำแก้ไขรัฐธรรมนูญ 6 ประเด็นตามแนวทางของคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ ประกาศไม่ร่วมสังฆกรรมกับฝ่ายรัฐบาลและสมาชิกวุฒิสภา

บีบให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องกลายเป็นหมันไปโดยปริยาย

ในขณะที่แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ที่เป็นฝ่ายปฏิบัติการมวลชนของ "ทักษิณ" ก็เดินเกมขับเคลื่อนการเมืองนอกสภาอย่างต่อเนื่อง

ประกาศเป้าหมายชัดเจน "ล้มล้างรัฐบาล"

กำหนดปฏิทินเคลื่อนไหวเป็นช็อตๆ อุ่นเครื่องด้วยการจัดงานระดมทุนขับไล่รัฐบาลในวันที่ 14 พฤศจิกายน

ต่อจากนั้นจะจัดกิจกรรมสัมมนาแกนนำคนเสื้อแดง กำหนดยุทธศาสตร์ในการต่อสู้กับรัฐบาล ภายใต้สโลแกน "เปิดโรงรบแดงทั้งแผ่นดิน"

เตรียมนัดชุมนุมใหญ่เผด็จศึกรัฐบาล ปลายเดือนพฤศจิกายนนี้

ล่าสุด เมื่อมีข่าวสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะพิจารณาถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์

ยิ่งเป็นชนวนที่จะชูขึ้นมาเป็นประเด็นปลุกระดมได้ง่ายขึ้น

ที่สำคัญ นอกจากมีการกำหนดปฏิทินนัดระดมพลเคลื่อนไหวใหญ่แล้ว ยังมีการใช้วิธีจรยุทธ์

คอยขัดขวางไม่ให้รัฐบาลทำงานได้อย่างสะดวก

อย่างที่เห็นๆกัน ไม่ว่านายกฯอภิสิทธิ์ หรือรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ลงพื้นที่ปฏิบัติภารกิจก็มักเจอกองกำลังคนเสื้อแดงชูตีนตบ โห่ร้องขับไล่

หันมาทางซีกรัฐบาลเอง การเป็นรัฐบาลผสมหลายพรรคปกติก็มีปัญหาเรื่องความเป็นเอกภาพอยู่แล้ว

ยิ่งแต่ละพรรคจ้องปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง ทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้ง เกิดปัญหาปีนเกลียวกันอยู่บ่อยๆ

ความเป็นเอกภาพในการทำงานแก้ปัญหาของประเทศก็ยิ่งถดถอย

แถมมีปัญหาส่อทุจริตคอรัปชันในโครงการต่างๆผุดขึ้นมาตลอดเวลา ความเชื่อมั่นและเสถียรภาพก็ยิ่งสั่นคลอน

ขณะเดียวกันเมื่อมองไปที่สภาผู้แทนราษฎร ที่ถือเป็นเวทีในการแก้ปัญหาของประเทศในระบอบประชาธิปไตย

ยิ่งมองไม่เห็นความหวัง เพราะแทนที่จะเป็นเวทีแก้ปัญหา กลับกลายเป็นเวทีเพิ่มปัญหา

ไม่มีบรรยากาศในการทำงานร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ ระหว่าง ฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้าน ประชุมเกือบทุกนัดมีแต่ฟาดฟันกันแบบเอาเป็นเอาตาย

ระบายความแค้น ความเกลียดชังใส่กันเป็นหลัก

จากสถานการณ์ทั้งหมด สะท้อนให้เห็นถึงสภาวะของประเทศไทย ที่เปรียบเสมือนคนป่วยหนักเข้าขั้นโคม่า

คนไทย 60 กว่าล้านคนอาศัยอยู่ในประเทศที่กำลังโคม่า

แต่คนไทยด้วยกันเองก็ยังแบ่งฝ่ายฟาดฟันกันไม่ลืมหูลืมตา ซ้ำเติมทำร้ายประเทศ

ฉะนั้น คนไทยต้องไปคิดกันเอาเอง

จะจมอยู่ในภาวะร่วมกันฆาตกรรมประเทศอย่างนี้หรือ.

"ทีมข่าวการเมือง"