ที่มา Thai E-News
โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
19 ธันวาคม 2552
*โปรเจ็กต์หมื่นล้านในมือเทพเทือก กำหนดดึงอำนาจมาคุมไว้ที่ส่วนกลาง
กระตุ้นเศรษฐกิจใคร?-โครงการก่อสร้างโรงพักและแฟลตตำรวจหมื่นล้านที่สตช.เสนอนายกฯอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯเป็นผู้อนุมัติให้ประมูลหนเดียว ผูกขาดรับเหมาก่อสร้างทั่วประเทศ ทำให้มีข้อกังขาว่าเปิดช่องให้นักการเมืองคอรัปชั่น
*เทพเทือกผุดแฟลตตร.-โรงพักหมื่นล้าน พิลึกกู้มาสร้าง แต่ขอเก่ายังใช้งานได้ไม่ให้รื้อ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้อนุมัติโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจ และแฟลตตำรวจทั่วประเทศในวงเงิน10,007.88ล้านบาท โดยใช้เงินงบประมาณจากเงินกู้ อ้างว่าเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยนายสุเทพได้ระบุในการอนุมัติว่า
"
ให้กำชับห้ามรื้อทุบทิ้งอาคารเดิม ให้เก็บไว้เพื่อใช้ประโยชน์ต่อไป เพราะในอนาคตของบฯสร้างใหม่ยาก"
*โปรเจ็คต์หมื่นล้านภายใต้เงื้อมมือของเทพเทือกส่อไม่โปร่งใส
โครงการก่อสร้าง1หมื่นล้านบาทในเงื้อมมือนายสุเทพนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า นำไปสู่การตั้งคำถามเรื่องความโปร่งใส เนื่องจากการจัดซื้อจัดจ้างกันด้วยวงเงินสูงเกินปกติจากส่วนกลาง ทำเป็นสัญญาเดียวทั่วประเทศ โดยความร่วมมือของสำนักงบประมาณ ชงลูกเป็นงบประมาณผูกพันหลายปีงบประมาณ เพื่อให้หน่วยงานอ้างว่าจะต้องจ้างรวมรายเดียว สัญญาเดียวทั่วประเทศ
โครงการที่นายสุเทพอนุมัตินี้ อ้างว่าเป็นการโครงการก่อสร้างกระตุ้นเศรษฐกิจ ประกอบด้วยการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทนทั่วประเทศ 396 แห่ง วงเงิน6,298 ล้านบาท และการสร้างแฟลตตำรวจขนาด 30 ครอบครัว 163 แห่ง วงเงิน 3,709.88 ล้านบาท
ทั้งที่นายสุเทพ ได้อนุมัติให้ สตช.ทำการประกวดราคาจัดซื้อจัดจ้าง งานสองโครงการข้างต้นโดยวิธีประมูลทางอิเล็คทรอนิกส์ แบบโครงการเดียว ทุกสถานที่ก่อสร้างทั่วประเทศให้หน่วยงานหนึ่งของสตช.จัดจ้างทุกอาคารรวมกันในครั้งเดียว ทำให้มีการตั้งข้อสังเกตว่า นายสุเทพอาจจะมีเจตนารวบอำนาจไว้ที่ส่วนกลาง และมีการกล่าวหาว่าโครงการเช่นนี้อาจจะเปิดช่องให้มีการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนลดจากผู้รับเหมารายใหญ่ได้ง่ายขึ้น
วงการรับเหมาก่อสร้างได้กล่าวหาว่า ราคากลางโครงการก่อสร้างแฟลตตำรวจทั่วประเทศ ได้ตั้งไว้สูงกว่าราคากลางที่ผู้รับเหมาทำอยู่ปัจจุบัน 20 % จึงน่าสงสัยว่าอาจจะเป็นเจตนาแอบแฝงที่สำนักงบประมาณรวมกับ สตช. และนายสุเทพ วางแผนไว้ หรือ ไม่ ? เนื่องจากการก่อสร้างสร้างสถานีตำรวจ 396 แห่งทั่วประเทศ และสร้างอาคารแฟลต 30 ครอบครัว ที่อยู่กระจัดกระจายอยู่ทั่วประเทศ นั้นไม่มีผู้รับเหมารายหนึ่งรายใดทำได้แน่นอน เพราะต้องใช้กำลังมหาศาล ในทางปฏิบัติ จึงต้องจ้างเหมาช่วงแก่ผู้รับเหมาช่วงในพื้นที่ เป็นทอดๆ กันไป โดยผู้รับเหมาที่ถือสัญญาชนะประมูลได้ก็คงจะเอาเปรียบสารพัด ผู้รับเหมารายย่อยมีโอกาสล้มละลายสูง เพราะถูกโกงกันเป็นทอดๆ
ดังนั้นจึงน่าตั้งข้อสงสัยว่า ประการแรก หากนายสุเทพแทงหนังสืออนุมัติว่า อาคารเก่ายังใช้งานได้ให้เก็บไว้ใช้งาน แล้วทำไมต้องกู้เงินมาทำโครงการถึง 10,000 ล้านบาทอีกให้ประเทศไทยแบกภาระหนี้
ประการที่สอง การอ้างว่า กู้เงินมาทำโครงการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น เจตนาการรวบอำนาจอนุมัติไว้ที่ส่วนกลาง และเจตนาจะป้อนงานให้ผู้รับเหมารายเดียว จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างไร นอกจากกระตุ้นเศรษฐกิจบริษัทรับเหมายักษ์ใหญ่ นายทุนของพรรคประชาธิปัตย์ และกระตุ้นเศรษฐกิจของนักการเมืองที่คุมโครงการ
ดังนั้น สังคมจึงควรต้องตรวจสอบโครงการนี้ให้รอบคอบ และเฝ้าระวัง เพราะตัวโครงการเองก็ส่อไปในทางเปิดช่องให้มีการฉ้อราษฎร์บังหลวงได้ง่ายแล้ว