WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Wednesday, December 23, 2009

ทักษิณ คิดอะไร?

ที่มา บางกอกทูเดย์

เมื่อได้มีโอกาสพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ยอมรับว่า เปลี่ยนแปลงไปจากช่วงที่ทำธุรกิจ หรือช่วงที่เป็นนายกรัฐมนตรีพอสมควรทีเดียว ดังนั้น คำถามแรกของการสัมภาษณ์ทักทายก็คือ สบายดีหรือไม่?พ.ต.ท.ทักษิณ ตอบว่า “ก็โอเค. อาจจะลำบากนิดหน่อย แต่ก็พร้อมที่จะสู้ ทั้งเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยที่แท้จริงให้กลับคืนมาสู่ประเทศไทย และเพื่อพิสูจน์ความจงรักภักดีและเทิดทูนสถาบัน ดังนั้นก็ต้องทำหน้าที่ต่อไปเรื่อยๆ ให้ดีที่สุด”

การที่จะได้รับความสนใจจากสื่อให้เป็นข่าว และสามารถช่วงชิงพื้นที่ข่าวได้นั้น หากไม่มีคุณค่าข่าว (News Values) และมีความโดดเด่นน่าสนใจ (Human Interest) รวมทั้งหากไม่ใช่บุคคลซึ่งเป็นที่รู้จักของคนอ่านแล้ว ไม่ง่ายเลยที่สื่อจะให้ความสนใจอย่างต่อเนื่องดังนั้น ด้วยหลักของวิชาวารสารศาสตร์ ในชั่วโมงนี้ต้องยอมรับความจริงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คือ บุคคลที่เข้าหลักการสื่อข่าว ที่สามารถกลับมาช่วงชิงพื้นที่ข่าวของสื่อต่างๆ ได้อย่างร้อนแรงและต่อเนื่องสารพัดข้อกล่าวหาของทั้งจากขั้วอำนาจอำมาตยาธิปไตย ทั้งจาก คมช.พฤติกรรมการไล่ล่าของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดย

เฉพาะจากนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแม้กระทั่ง “เทือกรายวัน” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ที่ให้สัมภาษณ์ถึง พ.ต.ท.ทักษิณแทบจะทุกวันที่สำคัญก็คือ การกล่าวหารายวันของบรรดานายกองร้องด่าท้าทาย ที่นายอภิสิทธิ์ ตั้งขึ้นมาเป็นโฆษกรายรอบตัว ที่ยิ่งพูดยิ่งเหมือนเติมไฟ ยิ่งทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นประเด็นข่าวฉะนั้นวันนี้รัฐบาลจึงไม่ควรที่จะแปลกใจ หากข่าว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาช่วงชิงพื้นที่ข่าวได้

อย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสื่อหนังสือพิมพ์ สื่อวิทยุ สื่อโทรทัศน์ และเคเบิ้ลต่างๆระหว่างผลงานที่จืดชืดของรัฐบาล ที่ระยะเวลา 1 ปี พิสูจน์ชัดว่าไม่สามารถทำได้ตามที่แถลงนโยบายเอาไว้ จนต้องใช้กลไกให้โพลสำนักหนึ่ง ที่เป็นขาประจำออกมาอุ้มว่า สอบผ่านสวนทางความรู้สึกของประชาชนส่วนใหญ่หน้าตาเฉยนั้นกับเรื่องราวของอดีตนายกรัฐมนตรี ที่ล่าสุดเอกสารกระทรวงต่างประเทศ ที่มีลายเซ็นของนายกษิต และส่งให้นายอภิสิทธิ์นั้น ไม่เพียงจะเป็นข่าวดัง

เฉพาะในประเทศไทย แม้แต่ภูมิภาคอาเซียน และอารยะประเทศทั่วโลกต่างก็ให้ความสนใจกับข่าวนี้ไปตามๆกัน เพราะไม่เข้าใจว่ากระทรวงการต่างประเทศของไทยทำเอกสารแบบนี้ออกมาได้อย่างไรเมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ถือเป็นแหล่งข่าวฮอตในสถานการณ์นี้ ซ้ำจากการข่าวชัดเจนว่ามาพักอยู่ที่ประเทศกัมพูชา บางกอก ทูเดย์ จึงพิจารณาว่า แหล่งข่าวมาจ่ออยู่ที่ปลายจมูกเช่นนี้ จึงควรจะต้องหาทางไปทำข่าวมารายงานความจริงเพราะกัมพูชาสามารถไปได้ง่ายกว่าดู

ไบ หรือที่ลอนดอนตั้งเยอะ ด้วยเหตุผลดังกล่าว จึงเป็นที่มาของการเดินหน้าไปทำสัมภาษณ์พิเศษ พ.ต.ท.ทักษิณ ฉบับนี้ทีมข่าวอาวุโสตัดสินใจคว้าเป้คว้ากระเป๋าตีตั๋วเดินทางไปกัมพูชา ไปกันเองง่ายๆ เพื่อเก็บข้อมูลรายทางด้วย พบว่ากัมพูชาในเวลานี้ยังล้าหลังกว่าไทยมาก สภาพบ้านเมืองเป็นเมืองเก่า คล้ายกับในต่างจังหวัดในชนบทของไทย แม้จะมีร่องรอยของความพยายามที่จะพัฒนาเมืองปรากฏให้เห็นโดยเฉพาะการพัฒนาเกาะบางเกาะ การทำสะพานเชื่อม

ต่อ เพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจพร้อมๆ กับร่องรอยของความเจริญ ของการค้าสมัยใหม่ต่างๆ ที่เริ่มทยอยเข้าไปลงทุนเข้าไปเปิดกิจการบ้างก็ตาม แต่ดูแล้วไล่กวดหรือแซงไทยลำบาก... แตกต่างจากเวียดนามซึ่งฉวยโอกาสที่ประเทศไทยหยุดนิ่งและปั่นป่วนต่อเนื่อง นับตั้งแต่ คมช.ทำรัฐประหารเมื่อ 19 กันยายน 2549 เป็นต้นมาถึงปัจจุบัน จนขณะนี้ปฏิเสธความจริงไม่ได้ว่า เวียดนามแทบจะไล่จี้มาหายใจรดต้นคอประเทศไทยอยู่รอมร่อแล้วการคลำหาทางไปยังบ้านพัก

ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในกัมพูชาไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่กังวลมาล่วงหน้า เพราะปรากฏว่าถามคนกัมพูชาก็รู้จักกันหมด และชี้ทางให้ด้วยอัธยาศัยไมตรีที่ดีแม้ที่พักจะมีเจ้าหน้าที่ของกัมพูชามาดูแลรักษาการณ์ ตรวจตราเพื่อความปลอดภัย ที่สำคัญเมื่อเข้าไปแล้วก็ต้องงงเพราะเจอคนไทยมากมายทักกันไม่หวาดไหว... ล้วนแล้วแต่บอกว่าเดินทางมาเพื่อให้กำลังใจ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งสิ้นที่น่าทึ่งก็คือ คนที่มานั้นหลากหลายอาชีพ มีทั้งมารถบัส รถทัวร์ นั่งเครื่อง เรียกว่ามากันทุก

รูปแบบ ทำให้ประเมินเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากว่าเป็นการมากันเอง โดยไม่มีการกะเกณฑ์กันมาอย่างที่มีการครหาเมื่อได้มีโอกาสพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ยอมรับว่าเปลี่ยนแปลงไปจากช่วงที่ทำธุรกิจ หรือช่วงที่เป็นนายกรัฐมนตรีพอสมควรทีเดียว ดังนั้นคำถามแรกของการสัมภาษณ์ทักทายก็คือ สบายดีหรือไม่?พ.ต.ท.ทักษิณ ตอบว่า “ก็โอเค. อาจจะลำบากนิดหน่อย แต่ก็พร้อมที่จะสู้ ทั้งเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยที่แท้จริงให้กลับคืนมาสู่ประเทศไทย และเพื่อพิสูจน์ความจง

รักภักดีและเทิดทูนสถาบัน ดังนั้นก็ต้องทำหน้าที่ต่อไปเรื่อยๆ ให้ดีที่สุด”ระหว่างที่พูด แม้ว่าจะพยายามให้เห็นถึงความเข้มแข็งมั่นคง มีรอยยิ้ม แต่เมื่อจับสังเกตลึกๆ จากแววตาแล้ว บอกได้เลยว่า มีอาการที่บ่งบอกถึงอาการ “คิดถึงบ้าน”ให้เห็นเป็นระยะๆสำหรับคำถามถึงแนวทางการต่อสู้ ซึ่งรัฐบาลนายอภิสิทธิ์มองว่าดิ้นรนสู้เพื่อตัวเอง ในขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ยืนยันว่าสู้เพื่อประชาธิปไตยที่แท้จริงให้ประเทศไทย แล้วแบบนี้จะกำหนดแนวทางในการต่อสู้ต่อไปอย่างไรพ.

ต.ท.ทักษิณ ตอบด้วยสีหน้ามั่นคงว่า เท่าที่มองในขณะนี้น่าจะมี 2-3 แนวทางที่สามารถจะทำได้“แนวทางแรกก็คือ การได้ผู้มีบารมี และเป็นที่เคารพเชื่อถือของทุกฝ่ายเข้ามาช่วยเจรจา คืนความยุติธรรมให้ ถือเป็นแนวทางในการประนีประนอมที่ดีที่สุด ซึ่งผมเองก็พร้อมที่จะเจรจาเพื่อให้ประเทศชาติบ้านเมืองเดินหน้าได้เสียที”สำหรับแนวทางที่ 2 พ.ต.ท.ทักษิณ ยังมองว่า การให้มีการเลือกตั้งใหม่เกิดขึ้น เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะยุติปัญหาในขณะนี้ได้ เพราะคือการคืน

อำนาจการตัดสินใจให้กับประชาชน โดยการใช้กฎหมายรัฐธรรมนูญที่เป็นธรรมและเป็นกลาง ไม่ใช่กฎหมายที่มาจากการทำรัฐประหาร“ซึ่งการเลือกตั้งใหญ่ จะต้องให้มีความยุติธรรม มีการแก้กฎหมาย มีการแก้ไขในสิ่งที่ คมช.ทำเอาเมื่อครั้งทำรัฐประหาร จะต้องลบล้างในเรื่อง 2 มาตรฐานออกไปให้หมด ซึ่งหากทำตรงนี้ได้ ไม่เพียงเป็นชัยชนะของประเทศชาติและประชาชน ยังทำให้ประเทศชาติพ้นจากความขัดแย้งแล้วเดินหน้าไปได้ด้วย”แต่ที่อึ้งก็คือ แนวทางที่ 3 เพราะคำ

ตอบจากปาก พ.ต.ท.ทักษิณ ก็คือ......“เดินเข้ามาเลย!! เพื่อให้ความเป็นจริงพิสูจน์ ให้ทุกคนพิสูจน์ว่าใครทำเพื่ออะไรกันแน่”ส่วนเรื่องของการได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาให้กับรัฐบาลกัมพูชา และที่ปรึกษาส่วนตัวให้สมเด็จฯ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชานั้น พ.ต.ท.ทักษิณ มองว่าเป็นความตั้งใจของสมเด็จฯ ฮุน เซน ที่จะพัฒนาประเทศกัมพูชา จึงต้องการที่จะได้รับความคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่หลากหลาย เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เคยสร้างผลงานในการบริหาร

ประเทศไทยให้ก้าวหน้ามาแล้ว เป็นที่รับรู้และยอมรับของนานาประเทศทั้งในภูมิภาคและทั่วโลก จึงต้องถือว่าคำแนะนำปรึกษาของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์เพราะอย่างที่ได้ทำไปก็คือ ไปพูดให้กับภาคธุรกิจของกัมพูชาฟัง ซึ่งจริงๆ สำหรับประเทศที่พัฒนาแล้วการปาฐกถาพิเศษลักษณะนี้ถือเป็นเรื่องธรรมดาประเทศด้อยพัฒนา หรือประเทศกำลังพัฒนา จะนิยมเชิญนักเศรษฐศาสตร์ หรือนักธุรกิจ หรือผู้นำประเทศที่ประสบความสำเร็จ และได้รับการยอมรับมา

บรรยายให้ฟัง แม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายเป็นล้านบาทก็ตามประเทศไทยก็เคยทำมาไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ อย่างการเชิญพอล ครุกแมน เชิญศาสตราจารย์ไมเคิล อี พอร์เตอร์ หรือเชิญโจเซฟ สติกลิตซ์ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นนักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบิล ไพร์ส ให้มาบรรยายให้ฟังธนาคารกสิกรไทยของนายบัณฑูร ล่ำซำ จ่ายเป็นล้านบาทเพื่อเชิญไมเคิล อี พอร์เตอร์ มาบรรยายในไทยนักธุรกิจไทยตีตั๋วฟังกันแน่นเอี๊ยดแต่สิ่งที่สมเด็จฯ ฮุน เซน ทำก็คือ นักธุรกิจกัมพูชาที่กัมป

งโสมได้ฟังประสบการณ์ วิธีคิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ กันแบบฟรีๆ แค่เอาเฮลิคอปเตอร์บินไปส่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ที่กัมปงโสมก็เท่านั้นฉะนั้นนี่คือความฉลาดของสมเด็จฯ ฮุน เซน ที่พิสูจน์ว่า แม้ถูกมองว่าเป็น ออกซ์ ฟาร์ม จากท้องไร่ท้องนา แต่วิธีคิดยังเหนือกว่าหลายๆ คนที่จบจากออกซ์ฟอร์ดมากมายนักดังนั้น หากกระทรวงการต่างประเทศ นายกษิต หรือแม้แต่นายอภิสิทธิ์ ยืนกรานจะเล่นเกมกับสมเด็จฯ ฮุน เซน ในเรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณแล้ว จะต้องรอบคอบกว่านี้

เพราะดีไม่ดี เกิดสมเด็จฯ ฮุน เซน ให้สัญชาติกับ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้วอยู่ถาวรขึ้นมาในกัมพูชา จะยุ่ง รัฐบาลนายอภิสิทธิ์จะยิ่งเสียมากขึ้นไปอีกที่สำคัญเจ้าหน้าที่ด่านชายแดนคงเหนื่อยน่าดูเพราะทีมข่าวบางกอก ทูเดย์ที่ไป บอกว่า เช้าวันรุ่งขึ้นตื่นขึ้นมาในโรงแรม นึกว่าอยู่เมืองไทย นึกว่าอยู่โรงแรมเรดิสัน... เพราะเจอคนไทยใส่เสื้อแดง ใส่เสื้อ truth today พรึ่ดเต็มโรงแรมไปหมด การที่ไปบีบให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องบินอ้อมอย่างทุลักทุเล ทั้งเที่ยวบินเข้ากัมพูชา

และเที่ยวบินกลับออกจากกัมพูชา เกิดทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ฮึดที่จะอยู่กัมพูชาถาวรขึ้นมา คงไม่สนุกแน่ เพราะเท่ากับมาจ่ออยู่ริมจมูกกันเลยทีเดียวในขณะที่กัมพูชาไม่มีอะไรจะเสีย เพราะอย่าลืมว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนมีความสามารถ สามารถให้คำแนะนำปรึกษาที่เป็นประโยชน์ได้ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เอ่ยปากพูดถึงคำพังเพยโบราณที่บอกไว้ว่า.....สังคมไทยสั่งสอนกันมาช้านานว่า อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย ปั้นวัวปั้นควายให้ลูกท่านเล่นพ.ต.ท.ทักษิณ แค่ช่วยบรรยาย ช่วย

แนะนำ นักธุรกิจกัมพูชาก็ยิ้มไปเท่านั้น พรรค CPP (Cambodia People Party) ของสมเด็จฯ ฮุน เซน ก็ได้คะแนนไปเท่านั้นฉะนั้นประเด็นนี้นายอภิสิทธิ์ จะต้องคิดดูให้ดี อย่าไปคล้อยตามแรงยุจากนายกษิตที่ให้ไล่บี้จนไม่ลืมหูลืมตา เพราะนายกษิตนั้นเส้นทางหรืออนาคตการเมืองนั้น ด้วยอายุและพฤติกรรม ต้องบอกว่าโอกาสส้มหล่นคงไม่มีง่ายๆ อีกแล้ว... แต่นายอภิสิทธิ์นั้นอายุยังไม่มาก อนาคตทางการเมืองยังมีอย่าด่วน ฆ่าตัวตายทางการเมืองนักเลย!!!