ที่มา มติชน ที่ พรรคเพื่อไทย (พท.) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพท. แถลงเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ว่า น.ส.อมรวัลย์ เจริญกิจ อายุ 41 ปีได้เข้ามาร้องเรียนต่อพรรค พท.เนื่องจากถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจของ จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งนำโดยพล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รรท.ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.จารุวัฒน์ ไวศยะ รรท.ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา เป็นต้น ได้จับกุมและให้รับทราบข้อกล่าวหาจากการขายรองเท้าแตะที่มีรูปนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ซึ่งเป็นการแสดงออกในเชิงสัญลักษณ์ที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐได้แจ้งข้อหาว่า ร่วมกันจำหน่ายและทำให้แพร่หลายสิ่งพิมพ์ที่อาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาด กลัวในช่วงสถานการณ์ฉุกเฉินกระทบความมั่นคงรัฐทั้งพื้นที่ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือทั่วราชอาณาจักรนั้น โดยวันนี้ น.ส.อมรวัลย์ได้ยื่นหนังสือต่อ พท.ให้ช่วยเหลือว่าการที่ตำรวจกระทำในลักษณะนี้ พท.มองว่าจ.พระนครศรีอยุธยาไม่ใช่พื้นที่พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้ว จึงจะอ้างอีกไม่ได้ เมื่อดูถึงการค้าขายก็ไม่เห็นมีความผิดอะไร เนื่องจากเป็นการใช้สิทธิตามปกติ เพราะเมื่อประชาชนไม่เห็นด้วยนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพทำรูปและข้อความเป็น สินค้าแล้ว นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพก็อาจฟ้องหมิ่นประมาทได้ "การ ที่นายตำรวจจับกุมประชาชนที่ขายรองเท้าเหมือนสร้างผลงานเอาใจนาย ก่อนประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.)ในวันที่ 15 ตุลาคมเพื่อแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจ ถือเป็นการเอาใจนายเกินเหตุไม่ดูข้อกฎหมายครบถ้วนเป็นการกระทำมิชอบประมวล กฎหมายอาญามาตรา 157 และมาตรา 200 วรรคสองกรณีกลั่นแกล้งเพื่อให้บุคคลอื่นได้รับโทษหรือรับโทษสูงขึ้น โดยพรรคพท.จะช่วยเหลือประชาชนที่มาร้องเรียนและพร้อมจะดำเนินการฟ้องร้องนาย ตำรวจกลุ่มดังกล่าวทั้งทางศาลและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่ง ชาติ (ป.ป.ช.) ต่อไป" ด้านน.ส.อมรวัลย์ กล่าวว่า ขอฝากนายกฯอยากถามว่าคุกไว้ขังคนจนและเป็นสีแดงเท่านั้นใช่หรือไม่ ตนเป็นคนจ.ตรัง แต่เป็นคนเสื้อแดง โดยในวันที่ 11 ตุลาคมนี้ ตนจะไปให้ปากคำเพิ่มเติมที่จ.พระนครศรีอยุธยา ขณะนี้หากินลำบากเพราะชีวิตที่เป็นอยู่ก็แย่อยู่แล้ว ที่ผ่านมาเคยค้าขายผักแต่รายได้ไม่พอจึงต้องมาขายรองเท้าแตะ ผู้สื่อ ข่าวรายงานว่า น.ส.อมรวัลย์ได้ถือป้ายผ้าสีแดงมีข้อความระบุว่า "ที่จำหน่ายวัตถุอันตรายเป็นภัยต่อความมั่นคง" นอกจากนี้ ยังนำภาพพรมเช็ดเท้าที่มีใบหน้าของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มอบให้นายพร้อมพงศ์แถลงข่าว เพื่อแสดงให้เห็นว่าที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ไม่เคยดำเนินคดีในลักษณะดังกล่าว