WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Saturday, January 2, 2010

2 มกราคม 2553

ปีทอง 2 มาตรฐานอย่างหนา (29 ธ.ค. 52)

ใจดีสู้เสือ

อภิสิทธิ์กับอภิสิทธิ์

จากก.ย.49 ถึงม.ค.53

ผู้นำม้งลาวในสหรัฐปูดไทย"ชอร์ตไฟฟ้า"ผู้อพยพชายกว่า 300 คน ทำหนังสือถึง"โอบามา"ช่วยขวางการส่งคืน

"ณัฐวุฒิ"นัด15ม.ค.แดงถกชุมนุมใหญ่ เผยไม่หวังผลนิรโทษกรรม"แม้ว"

โชคชะตาพยากรณ์ ปี 2553

ที่มา ประชาไท

โดย การะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์


สวัสดีปีใหม่ค่ะ :-) เริ่มปีใหม่ด้วยไพ่พยากรณ์ของปี 2553 ลงให้อ่านกันเต็มๆ อีกครั้งนะคะ เผื่อเช็คดวงชะตาของคนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย หรือดูประเด็นสำคัญๆ ที่จะครอบคลุมไปตลอดปี ฝากคำอวยพรจากใจน้องออง มามี้ และพี่โด้ ให้ทุกๆ คนด้วยค่ะ
พบกับแม่นไหมฯ รายสัปดาห์ได้เช่นเคย ตั้งแต่ 9 มกราคม แต่ส่งคำทักทาย-พูดคุยกันได้เสมอนะคะ

ราศีเมษ
เกิดระหว่าง 13 เมษายน ถึง 13 พฤษภาคม หรือลัคนาสถิต
ไพ่สำคัญของคุณในปีนี้ ได้แก่ Three of Swords

ความหมายโดยทั่วไป
แสดงถึงบุคคลที่มีลักษณะแข็งแรง ใจร้อน ดุเดือดเลือดพล่านได้เชียวแหละ อาจจะระดับโผงผางเสียงดังด้วยซ้ำไป ในทางอาชีพเกี่ยวพันกับเครื่องแบบ ตำรวจทหาร ตลอดจนงานอุตสาหกรรมขนาดเล็ก งานที่ต้องใช้วัสดุอุปกรณ์เป็นแร่เหล็ก เป็นของแข็งของมีคมต่างๆ

ในปี 2552 นี้
จึงทายว่าคุณจะพบปัญหาเล็กๆ แต่นำความหนักใจมาให้เกือบตลอดทั้งปี จะมีช่วงที่ต้องรบราฆ่าฟันกับคนอื่น มีปัญหาคาใจ ถ้าควบคุมอารมณ์ไม่ได้อาจนำไปสู่ความรุนแรงได้ง่าย
ให้ระวังการบาดเจ็บ อุบัติเหตุจากของแข็ง ของมีคม ความร้อนความเร็วต่างๆ แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไรมาก มักเป็นง่ายหายเร็ว ที่สำคัญคือเรื่องถ้อยคำและท่าทีที่จะนำไปสู่ความขัดแย้ง

และในปีนี้
ประกบด้วยไพ่ Four of Cups คุณอาจพบเรื่องผิดหวังซ้ำซ้อน ไม่แน่อาจเป็นเรื่องรัก บางคนได้รักที่ไม่สมหวังเสียทีเดียว จะมีเหตุให้คุณไม่ค่อยเป็นสุขนัก (ทางใจ) ด้านความรักขอให้ระวังให้ดี อาจมีเรื่องท้าทายให้คุณต้องหัดมองโลกแง่บวกไว้ หรืออยู่ดีๆ มาได้ ถึงกลางปีจึงเริ่มพบปัญหา

เรื่องควรระวังของคุณในปีนี้
Two of Wands เกี่ยวกับหุ้นส่วน เพื่อนร่วมงาน คนสนิทที่เข้ามาช่วยเหลือกิจการต่างๆ ข้อระวังนี้เป็นได้ทั้งสองแง่ คือ
1) คุณเองไม่มีความไว้วางใจคนอื่น ทำอะไรตามลำพังไปหมดทุกอย่าง เรื่องง่ายเลยกลายเป็นยาก ถึงคราวคับขันก็หาความช่วยเหลือไม่ได้
2) คุณมีหุ้นส่วนเพื่อนร่วมงานที่ดูน่าจะดี เหมือนเข้ากันได้ดีทุกอย่าง มีความสอดคล้องกัน ต่างสนับสนุนกัน) และกัน แต่ไปๆ มาๆ กลับมีข้อขัดข้องต่อกันเสียเอง

คำแนะนำสำหรับคุณในปีนี้
King of Cups ไม่ว่าจะทำเรื่องใด ให้ใช้ความนุ่มนวลเป็นหลัก คุณอาจเป็นคนที่มีความอ่อนโยนอยู่ในส่วนลึก หรือปรารถนาความสุข ความสบายใจ ให้ค่ากับความรัก ความสุข ในชีวิตส่วนตัว บางคนอาจให้ความสำคัญกับวัตถุที่ตอบสนองจิตใจมากๆ ด้วย ฉะนั้นดูอารมณ์ปรวนแปรของตัวเองให้ดี ชีวิตจะสุขจะทุกข์ หรืออ่อนไหวไปทางใด ก็ขึ้นอยู่กับการควบคุมจิตใจของตัวคุณเอง


ราศีพฤษภ
เกิดระหว่าง 14 พฤษภาคม ถึง 13 มิถุนายน หรือลัคนาสถิต

ไพ่สำคัญของคุณในปีนี้ ได้แก่
Ace of Wands

ความหมายโดยทั่วไป
แสดงถึงการงานที่เริ่มต้นใหม่ ความคิดสร้างสรรค์ บุคคลที่เป็นคนเก่ง ชอบทำงาน นิยมคนเก่ง นิยมคนทำงานมีประสิทธิภาพ เรียกว่ามองคนที่ผลของงานเป็นหลัก คนแบบนี้เวลาทำอะไรก็จะทำเต็มที่ มีความคิดสร้างสรรค์ เป็นผู้นำทีมได้ แต่บางครั้งอาจขาดการยืดหยุ่นไปบ้าง ไม่ค่อยอ่อนไหวต่ออารมณ์คนอื่น

ในปี 2552 นี้
จึงทายว่าคุณจะได้รับผิดชอบ หรือทำงานใหม่ๆ มีโครงการใหม่ที่แจ่มใส มีข่าวดีเรื่องการงาน อาจเป็นปีทองของคุณในด้านการงาน ใครที่จะลงทุนทำธุรกิจส่วนตัวก็ถือว่ามีนิมิตหมายที่ดี สำหรับงานที่น่าสนใจ เกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์ทุกรูปแบบ งานด้านสื่อ งานที่เป็นโปรเจ็คท์นำร่อง หรือต้องร่วมมือกับคนอื่นเป็นทีม แต่คุณจะเป็นตัวหลัก

และในปีนี้ ประกบด้วยไพ่
Ace of Wands คุณจะมีเรื่องใหม่ๆ ในชีวิตด้วยค่ะ อาจเป็นการงานใหม่ โครงการใหม่ สิ่งที่ใช้ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์เป็นพิเศษ การเริ่มต้นธุรกิจใดๆ ถือว่าให้ผลดีมาก ใครที่ทำธุรกิจส่วนตัวยิ่งดีค่ะ เป็นไพ่ของการเริ่มต้น การก้าวไปข้างหน้า ชีวิตใหม่หลังจากผ่านพายุหนักมา

เรื่องควรระวังของคุณในปีนี้
Ten of Wands ในเมื่อเป็นปีทองของการงาน ก็แน่นอนค่ะ (แหม มาแบบกำปั้นทุบดินเลยนะนี่) ปัญหาหลักๆ ของคุณก็จากเรื่องงานอีกเช่นกัน เน้นที่กลุ่มคนซึ่งร่วมงานกัน งานที่ต้องทำเป็นทีม ตลอดจนงานที่ไปเร่งเอาตอนปิดโครงการ หรือปลายปี นับไล่ไปจากเดือนกันยายน 2553 เป็นต้นไปคุณจะยุ่งถึงยุ่งมาก อาจมีความซ้ำซ้อนในเรื่องภาระต่างๆ มีเหตุให้เครียดมากกว่าปกติ กับครอบครัวคนรักอาจไม่ค่อยมีเวลาให้กัน

คำแนะนำสำหรับคุณในปีนี้
The Hierophant เอาทางพระเข้าข่มค่ะ ใจเย็น อดกลั้นเข้าไว้ สิ่งที่ดีคือคุณจะได้รับความเมตตาหรือผู้ใหญ่ให้ความรัก ให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ หากมีปัญหาความขัดแย้งต่างๆ ถึงที่สุดจะมีคนเข้ามาไกล่เกลี่ยช่วยเหลือ แต่ในปีนี้คุณอาจต้องฝืนใจสักนิดกับวัฒนธรรมเฉพาะขององค์กรหรือหน่วยงาน หรือเข้าร่วมในกิจกรรมที่ล้าสมัย เกี่ยวข้องกับบุคคลที่มีลักษณะอนุรักษ์นิยม ดีไม่ดี ตัวคุณเองก็มีแฝงอยู่ในตัวโดยไม่รู้ตัว จึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องใช้สติให้มากในปีนี้


ราศีเมถุน
เกิดระหว่าง 14 มิถุนายน ถึง 14 กรกฎาคม หรือลัคนาสถิต

ไพ่สำคัญของคุณในปีนี้ ได้แก่
Ace of Cups

ความหมายโดยทั่วไป การเริ่มต้นที่มีความสุข การได้รับสิ่งดีๆ เข้ามาเติมเต็มจิตใจ ที่อยู่อาศัยอันสะดวกสบาย หากเป็นบุคคลแสดงถึงความคนที่มีความสุข ชอบความบันเทิง ไม่ว่าภายนอกของคุณจะดูผิวพรรณแห้งกร้านมีน้ำมีนวลหรือไม่ แต่จิตใจของคุณชุ่มฉ่ำด้วยการรับรู้รสชาติที่หลากหลาย เป็นคนให้ความสำคัญกับการกินดื่ม กับเรื่องความสุขส่วนตัว ชอบที่สุดเวลาตกหลุมรักใหม่ๆ (แต่จะยาวนานแค่ไหนอันนี้ก็ไม่ทราบได้)

ในปี 2552 นี้ จึงทายว่า คุณอาจะพบรักใหม่ หรือมีการเริ่มต้นชีวิตรักใหม่ๆ อีกครั้ง แต่จะเป็นคนใหม่ หรือได้คืนดีไปดินเนอร์น้ำพริกกับแฟนเก่าก็คงมีแต่คุณเท่านั้นจะรู้ :-) โดยทั่วไปจะมีชีวิตที่ผาสุก อาจได้ตบแต่งบ้านช่องห้องหอ ประดับประดาของสวยงาม การเงินการงานเป็นไปตามที่ปรารถนา เรียกว่าเป็นบุคคลที่จะมีความสุขอย่างมากในปี 2553 นี้ ที่สำคัญจะมีการเริ่มต้นใหม่ (จริงๆ) ในเรื่องที่สำคัญต่อชีวิตจิตใจของคุณ

และในปีนี้ ประกบด้วยไพ่ Page of Swords แต่ที่คงต้องระวังสักนิดก็คือสถานการณ์รอบตัว อาจเป็นญาติมิตรเพื่อนฝูง คนข้างบ้าน หรือคนในสังคมเดียวกัน นำเรื่องรกหูรกใจมาให้เป็นระยะ จะมีสิ่งที่คุณไม่สามารถควบคุมได้ อาจประสบปัญหาข่าวลือ ข่าวลวง มีคนติฉินนินทา ในส่วนบุตรหลานบริวารก็ไม่ค่อยดีนัก อาจนำปัญหามาให้เป็นระยะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่ก็ก่อความรำคาญไม่น้อย

เรื่องควรระวังของคุณในปีนี้ Nine of Wands การตกลงใจที่ไม่เด็ดขาด การตัดสินใจกลับกลับมา ตลอดจนอารมณ์ที่แปรปรวน ส่วนหนึ่งอาจมาจากปัญหาที่สะสม สร้างความไม่พอใจมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่อีกส่วนก็อยู่ที่ตัวคุณเองมักจะรู้สึกไม่ค่อยพอใจอะไรง่ายๆ บางเรื่องก็ไม่นิยมให้คนอื่นเข้ามาเกี่ยว เป็นประเภททำคนเดียวสบายใจกว่ามาก แต่ก็ย่อมเหนื่อยมากด้วยเช่นกัน

อีกเรื่องหนึ่งที่ให้ระวังคือ จะเป็นปีที่คุณอาจต้องพัวพันกับงาน หรือบุคคล หรือสถานการณ์อย่างใดอย่างหนึ่งที่ดูติดพันพิลึก ปลีกตัวยาก เปลี่ยนแปลงแก้ไขลำบาก ถึงจุดหนึ่งก็จะต้องบอกตัวเองว่า เอาน่า ทนๆ กันไป รอจังหวะอีกสักพัก

คำแนะนำสำหรับคุณในปีนี้ Temperance เน้นที่การเดินสายกลาง การมองทุกอย่างบนพื้นฐานความจริง ฝันน้อยลง ประนีประนอมกับคนอื่นมากขึ้น หรือบางเรื่องอาจจำเป็นต้องใช้คนกลางเข้ามาร่วมมองและตัดสินปัญหา การเงินไม่ว่าจะดีแค่ไหนก็ต้องประหยัดให้ดี เพราะมีโอกาสวูบไปวูบมาอยู่ไม่น้อย

ในปีนี้อาจมีการเดินทางมากขึ้น ถ้าเป็นระยะใกล้ๆ ในประเทศก็ถือว่าไปบ่อย แต่ถ้าเป็นต่างประเทศก็มีแนวโน้มไปไกล ไปนาน ต้องปรับตัวกับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ใช้ชีวิตระมัดระวังอย่างมาก สิ่งสำคัญของคุณในปีนี้คือการ "ปรับตัว"

ราศีกรกฎ
เกิดระหว่าง 15 กรกฎาคม ถึง 16 สิงหาคม หรือลัคนาสถิต

ไพ่สำคัญของคุณในปีนี้ ได้แก่ Death

ความหมายโดยทั่วไป หากเป็นสายอาชีพ มักเกี่ยวข้องกับแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยฉุกเฉินต่างๆ หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับพิธีศพ พิธีกรรมทั้งการเกิดและการตาย อีกด้านหนึ่งหมายถึงบุคคลที่มีความเด็ดขาดในตัว เมื่อต้องตัดสินใจในเรื่องสำคัญมักจะตกลงใจได้เด็ดขาดในที่สุด แม้ว่าช่วงหนึ่งจะเป็นดูเป็นคนเจ้าทุกข์ ไร้สุข หรือพบปัญหาวิกฤติอยู่เนืองๆ

ในปี 2553 นี้ จึงทายว่าคุณจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ อาจเป็นการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต การโยกย้าย การตัดขาดความสัมพันธ์กับผู้คนเดิมๆ หรือพบความสูญเสียที่ต้องใช้เวลานานในการทำใจ แต่ความทุกข์ทั้งปวงที่เกิดขึ้นจะนำคุณไปสู่ชีวิตใหม่ ไพ่ใบนี้ยังเกี่ยวกับทางออกที่สำคัญของชีวิต การเดินทางผ่านอุโมงค์ที่มืดมิดด้วยกำลังใจแรงกล้า การมุ่งมั่นไปสู่แสงสว่างไม่ว่าจะยากลำบากแค่ไหน

และในปีนี้ ประกบด้วยไพ่ Seven of Swords เป็นปีที่คุณต้องใช้วิธีพลิกแพลงหลากหลายรูปแบบเพื่อความอยู่รอด ที่ควรระวังคือการพัวพันกับบุคคลที่มีเล่ห์เหลี่ยม คนมีเลศนัย ผู้ที่ใช้เทคนิคต่างๆ ในทางลบ อีกอย่างที่สำคัญคือการรักษาความลับส่วนตัว การพาตัวเองให้รอดพ้นปากเหยี่ยวปากกา

เรื่องควรระวังของคุณในปีนี้ The World เป้าหมายเกี่ยวกับความสำเร็จของคุณ ชีวิตครอบครัว ความพยายามจัดระเบียบให้กับชีวิตใหม่ การโยกย้าย การตั้งหลัก ร่วมถึงการเลือกคู่ครองเพื่อหวังยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีกว่าเดิม ระมัดระวังว่าจากจุดหนึ่งที่ยุ่งยาก คุณจะพาตัวเองไปสู่ความยุ่งยากกว่า

คำแนะนำสำหรับคุณในปีนี้ Queen of Cups ใกล้เคียงกับไพ่ King of Cups แสดงถึงบุคคลที่ปรารถนาความรัก ความสุข การใช้ชีวิตที่สะดวกสบาย อยากมีครอบครัวผาสุก อยากมีรักโรแมนติค แต่ดูเหมือนบางครั้งใครๆ ก็ไม่อาจเติมเต็ม สิ่งที่จะนำความสุขแท้จริงมาให้คุณยากจะจับต้องได้เป็นรูปธรรม หลายครั้งไพ่ใบนี้จึงแนะนำให้รักตัวเองมากๆ อย่าเหงาบ่อย อย่าเอาใจไปผูกกับคนอื่นเกินควร อยู่ให้ได้ด้วยตัวเอง คุณสามารถมีจังหวะชีวิตที่นุ่มนวลและสวยงามได้โดยไม่ต้องรอไออุ่นจากใคร



ราศีสิงห์
เกิดระหว่าง 17 สิงหาคม ถึง 16 กันยายน หรือลัคนาสถิต

ไพ่สำคัญของคุณในปีนี้ ได้แก่ Eight of Pentacles

ความหมายโดยทั่วไป แสดงถึงคนที่มีทักษะอาชีพ มีฝีมือในการสร้างสรรค์งานศิลปะ เป็นคนขยันหมั่นเพียร หนักเอาเบาสู้ สามารถพัฒนาตนเองได้ดี แต่บางครั้งก็อาจเป็นคนเห็นแก่ผลประโยชน์ จะลงมือทำงานต่อเมื่อรู้แน่ชัดว่าจะได้ค่าตอบแทน ไม่นิยมทำงานอดิเรกที่ไม่ก่อรายได้ หรือทำงานให้ใครฟรีๆ แต่ก็เป็นคนใจกว้างกับเพื่อนฝูงคอเดียวกัน ถือว่าเป็นคนทำมาหากินคนหนึ่ง

ในปี 2553 นี้ จึงทายว่าคุณจะงานเข้า งานเยอะ และจะเป็นงานซึ่งต้องลงเหงื่อลงแรง ต้องใช้ฝีไม้ลายมือเฉพาะ มีคนเห็นค่าของงาน หรือมีการจ้างงานเกิดขึ้น คาดหวังได้ถึงค่าตอบแทนงามๆ หากทำธุรกิจส่วนตัวจะทำกำไร ได้ออเดอร์เข้ามา อย่างไรก็ดี เป็นปีที่ต้องบริหารเวลา ต้องจับจังหวะให้ถูก แล้วจะได้ความสำเร็จอย่างที่คุณต้องการ

และในปีนี้ ประกบด้วยไพ่ Nine of Pentacles นอกจากจะเป็นปีแห่งการงานแล้ว ดูเหมือนยังเป็นปีแห่งการเงินด้วยค่ะ ท่าทางคุณจะล่ำซำไม่เบา หรือจะมีผู้เข้ามาสนับสนุนอย่างเป็นทางการ อาจเป็นญาติผู้ใหญ่ เป็นเจ้านาย โดยเฉพาะสตรีที่มีศักดิ์มีฐานะ ใครที่คาดหวังถึงความมั่งคั่ง การได้เงินทองของประดับต่างๆ จะสมหวังค่ะ

เรื่องควรระวังของคุณในปีนี้ King of Swords หากเป็นบุคคล หมายถึงคนผิวสี ผิวคล้ำ โครงร่างสูง มีความแข็งแกร่ง ใจแข็งใจเด็ด มักเป็นระดับหัวหน้า เจ้าของกิจการ หรือผู้ที่มีอำนาจมีอิทธิพลเหนือคุณขึ้นไป อาจต้องเกี่ยวข้องกับบุคคลนี้ เช่น เข้าทำงานด้วยกัน เข้ามามีอิทธิพลแก่ชีวิต หรือนำคุณไปสู่ปัญหาความยุ่งยากหลายๆ ประการ ส่วนถ้าเป็นด้านสถานการณ์ก็แสดงถึงความไม่ราบรื่นต่างๆ ที่สอดแทรกได้ตลอดเวลา จะต้องใช้กำลังกายกำลังใจเข้าต่อสู้อย่างมาก

คำแนะนำสำหรับคุณในปีนี้ The Tower ปีนี้ แม้จะดูแนวโน้มการเงินการงานราบรื่น แต่คุณมีโอกาสเผชิญกับเรื่องท้าทาย สิ่งที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดฝัน การพังทลายของเหตุการณ์ที่นำความประหลาดใจมาให้ หรือมีเหตุ "รื้อ" เพื่อ "สร้าง" ต้องพบกับการกะเทาะของเปลือกนอกก่อนนำไปสู่คุณค่าของเนื้อใน ไพ่ใบนี้จะช่วยเตือนให้คุณระมัดระวังอุบัติเหตุต่างๆ ให้มีสติในเวลาคับขัน และตระหนักถึงความไม่แน่นอนของชีวิต

ราศีกันย์
เกิดระหว่าง 17 กันยายน ถึง 16 ตุลาคม หรือลัคนาสถิต

ไพ่สำคัญของคุณในปีนี้ ได้แก่ Page of Pentacles

ความหมายโดยทั่วไป หมายถึงเด็ก คนอายุน้อย ผู้ที่อายุน้อยกว่า 25 ปีลงมา เป็นไพ่ธาตุดินเกี่ยวข้องกับทรัพย์สิน การเงิน การเก็บออม ช่วงเวลาของการตั้งเนื้อตั้งตัว กระแสเงินที่ทยอยไหลเข้ามาทีละนิด แต่ก็หวังได้ถึงความมั่นคงในระยะยาว หากเป็นบุคคลแสดงถึงคนที่มีสไตล์ช้าๆ นุ่มนวล แม้จะกระตือรือร้นหรือฉลาดเฉียบแหลมแต่ก็ไม่ค่อยแสดงออกนัก

ในปี 2553 นี้ จึงทายว่าคุณจะมีเรื่องสำคัญเกี่ยวกับการเงิน การแสวงหารายได้ การมองหาช่องทางใหม่ๆ ตลอดจนการวางแผนทางการเงิน มีลักษณะของการเริ่มต้น การไต่ระดับจากน้อยไปหามาก มีความอดทนรอผลลัพธ์ที่มั่นคงในระยะยาว สิ่งที่เด่นอีกอย่างคือโอกาสดีที่จะทยอยเข้ามาเรื่อยๆ ตลอดปี คุณอาจมีรายได้ไม่หวือหวา ไม่ใช่เงินก้อนใหญ่ แต่ถ้าตั้งใจจริงเรื่องการเก็บออม การวางแผนอนาคตดีๆ ก็มีโอกาสจับเงินก้อนโต

และในปีนี้ ประกบด้วยไพ่ Two of Pentacles แต่อย่างไรก็ดีค่ะ อย่าประมาทกับค่าใช้จ่าย มีแนวโน้มของความฝืดเคืองช่วงสั้นๆ หรือการขาดแคลนเงินสดในมือ ต้องหมุน ต้องโยก หรือหยิบจับสิ่งต่างๆ เข้ามาประกอบกันเพื่อผ่านวิกฤติการณ์ไปให้ได้ ดูจากไพ่ 2 ใบที่ประกบกันแล้ว แสดงว่ารายรับของคุณน่าจะมีมาไม่ขาดสาย แต่รายจ่ายยังต้องระวังให้มาก เผลอไม่ได้ค่ะ อีกเรื่องที่ต้องระวังคือการกู้ยืม การใช้เครดิต ไม่ว่าเราจะเป็นลูกหนี้หรือเจ้าหนี้ก็ตาม



ราศีตุลย์
เกิดระหว่าง 17 ตุลาคม ถึง 15 พฤศจิกายน หรือลัคนาสถิต

ไพ่สำคัญของคุณในปีนี้ ได้แก่
Knight of Pentacles

ความหมายโดยทั่วไป หมายถึงคนหนุ่มคนสาว ผู้ที่กำลังมองหาช่องทางความก้าวหน้า การพัฒนาตนเอง ในสายอาชีพเกี่ยวข้องกับการเงิน ธุรกิจ โดยเฉพาะผู้ที่ทำธุรกิจส่วนตัว มักมีความคิดดีๆ เกี่ยวกับการแสวงหารายได้ แต่ก็ไม่ใช่คนหวือหวา ทำอะไรช้าๆ พอสมควร จังหวะชีวิตมักมีความมั่นคงสม่ำเสมอ หรือนิยมทำอะไรไปช้าๆ เงียบๆ มีความอดทนมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าไปเรื่อยๆ

ในปี 2553 นี้ จึงทายว่าคุณจะมีความคิดดีๆ เกี่ยวกับการเงิน รายได้ การทำธุรกิจที่ค่อยๆ ไต่ระดับไปช้าๆ แต่ในการเรื่องทำมาหาเงินคุณอาจต้องเดินทางมากขึ้น เหน็ดเหนื่อยพอสมควร แต่กระแสก็ถือว่าอยู่ในจังหวะที่ดี หากปีที่ผ่านมาการเงินมีปัญหาก็จะกลับมากระเตื้องขึ้น มีโอกาสแก้ไขความผิดพลาดที่ผ่านมา ชีวิตคุณจะไม่หกคะเมนตีลังกาอะไรมาก ยิ่งถ้าวางแผนดีๆ มีความมั่นคงในระยะยาวอย่างมาก

และในปีนี้ ประกบด้วยไพ่ Queen of Wands ความสำเร็จทางการงาน การเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จในเส้นทางอาชีพ ได้รับความยกย่องนับถือ อาจได้ปรับตำแหน่งสูงขึ้น การจัดการชีวิตด้านต่างๆ เป็นระบบมากขึ้น แสดงแนวโน้มที่โดดเด่นด้านการงาน หรือได้คนเข้ามาสนับสนุนให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น ในปีนี้ ถือว่าการงานของคุณเด่นมาก บวกกับการเงินที่ค่อยเป็นค่อยไป น่าจะเป็นปีทองสำหรับคนที่ขยันขันแข็ง คิดเรื่องทำมาหากิน ต้องการสร้างเนื้อสร้างตัว หรือมองเห็นการเงิน-การงานมีความสำคัญสูงในชีวิต แต่ถ้าคุณยังอายุน้อย ยังเป็นวัยรุ่นวัยเรียน ก็จะเป็นช่วงมีวุฒิภาวะเกินตัว คิดเรื่องเส้นทางชีวิตลึกซึ้งกว่าคนวัยเดียวกัน

เรื่องควรระวังของคุณในปีนี้ Queen of Swords ไพ่ของอุปสรรคที่สำคัญ การเผชิญหน้ากับบุคคลที่มีความแข็งแกร่ง โดยเฉพาะเพศหญิง ผู้ที่มีบุคลิกแข็งกร้าว มีความเฉียบขาดในที อยู่ในตำแหน่งสูงกว่าคุณ หรือมีอำนาจทางใดทางหนึ่งมากกว่าคุณ มีแนวโน้มจะปะทะกันได้ง่าย และแผ่อิทธิพลความเครียดมาสู่คุณชนิดที่ต้องเตรียมรับมือไว้ดีๆ

คำแนะนำสำหรับคุณในปีนี้ The Star ไพ่แห่งศรัทธาและความหวัง ความรักในเพื่อนมนุษย์ มิตรภาพ การมองโลกในแง่ดี การช่วยเหลือเกื้อกูลกัน การได้กัลยาณมิตร สิ่งเหล่านี้จะมีความสำคัญสำหรับคุณและเป็นสิ่งที่จะเข้ามาหนุนเสริมดวงชะตา แม้ว่าเจอเรื่องร้ายๆ มีเรื่องร้อนรุ่มกลุ้มใจ แต่สุดท้ายก็จะได้รับการเยียวยารักษา การฟื้นฟูจิตใจ ที่สำคัญอีกอย่างของไพ่ใบนี้คือการมีความหวังไว้เสมอ ว่ากันว่าเป็นไพ่ของคำพรและคำอธิษฐาน คุณจะสมปรารถนาในสิ่งที่ต้องการ

ราศีพิจิก
เกิดระหว่าง 16 พฤศจิกายน ถึง 15 ธันวาคม หรือลัคนาสถิต

ไพ่สำคัญของคุณในปีนี้ ได้แก่ King of Cups

ความหมายโดยทั่วไป หากเป็นลักษณะบุคคล หมายถึงคนอายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไป คนวัยกลางคน ผู้ที่มีประสบการณ์รักมาก่อนพอสมควร อาจเคยสมรส หย่าร้าง หรือยังมีครอบครัวอยู่ด้วยก็ได้ เป็นคนเจ้าชู้เงียบๆ ชอบเด็ก หรือชอบคนที่อ่อนอาวุโสกว่า มักเป็นคนมีรสนิยมดีเชิงศิลปะ จิตใจละเอียดอ่อน มีน้ำใจ ให้ความอบอุ่นแก่คนอื่นได้ดี แต่ก็มีอารมณ์แปรปรวนไม่น้อย ส่วนสถานการณ์คือการเกี่ยวพันเรื่องรัก อยู่ในตำแหน่งที่ดี มีความสุข ได้ทำในสิ่งที่ตนเองรัก-ชอบ

ในปี 2553 นี้ จึงทายว่าคุณจะมีความรัก ความสุข มีความพึงพอใจต่อสิ่งที่ตนเองได้ครอบครอง อาจมีเรื่องรักเข้ามาเกี่ยวพัน หรือได้ร่วมรักร่วมเรือน ได้มอบความอบอุ่นแก่ใครสักคน แต่ก็ไม่แน่ อาจหมายถึงคนที่จะเข้ามาในชีวิตคุณก็ได้ด้วยนะ :-) ขึ้นอยู่กับว่าคุณมีวัย มีฐานะ สอดคล้องกับหน้าไพ่หรือเปล่า ถ้ายังอายุน้อยมีแนวโน้มจะมีผู้ใหญ่มาให้ความเมตตา ส่วนสถานการณ์ทั่วไปก็มักหมายถึงความสุข ความสมหวัง หกมีแผนการเกี่ยวกับชีวิตครอบครัว เรื่องของบ้านเรือน จะได้รับความพึงพอใจ

และในปีนี้ ประกบด้วยไพ่ Wheel of Fortune ไพ่ใบนี้หมายถึงโชคลาภ จังหวะชีวิตที่เปลี่ยนแผลงในทางที่ดี การได้ประโยชน์จากมรดกทรัพย์สิน อสังหาริมทรัพย์ หรือมีครอบครัวเข้ามาหนุนส่งในธุรกิจการงาน ในภาพรวมแสดงถึงจังหวะชีวิตที่จะเคลื่อนไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากปีที่ผ่านมาคุณอยู่ขาลง คราวนี้โอกาสดีๆ จะเริ่มทยอยเข้ามา อีกอย่างหมายถึงสิ่งที่คุณไม่ได้คาดฝัน แต่จะได้รับด้วยความสุขอย่างมาก

เรื่องควรระวังของคุณในปีนี้ Ace of Wands การงานใดๆ ก็ตามที่เป็นการเริ่มต้นใหม่ โครงการใหม่ ความคิดใหม่ๆ ในเมื่อหมายเลขหนึ่งคือการตั้งต้น ไม้เท้าแสดงถึงการงาน อาชีพ การเรียนการสอนต่างๆ เมื่ออยู่ในตำแหน่งนี้ขอให้คุณรอบคอบให้มาก โดยเฉพาะสิ่งที่ "ริเริ่ม" เป็นครั้งแรก หรือก่อตั้งขึ้นในปี 2553 นี้

คำแนะนำสำหรับคุณในปีนี้ Three of Cups ไพ่ใบนี้เกี่ยวข้องกับความรื่นรมย์ ความยินดี โอกาสในการเฉลิมฉลอง การมอบความรักความสุขในหมู่เพื่อนสนิทมิตรสหาย แสดงถึงช่วงเวลาดีๆ ที่น่าจะรับเอาไว้ด้วยความขอบคุณ หมายเลขสามนั้นเกี่ยวข้องกับการขยาย การเติบโต จำนวนที่เพิ่มมากกว่าเดิม ความอิ่มหนำสำราญ ความร่วมมือหรือพบปะกันมากกว่าสองคนขึ้นไป ในที่นี้อาจเป็นการบอกคุณให้เปิดใจ เปิดตัว ต้อนรับมิตรภาพใหม่ๆ รักษามิตรภาพเก่าๆ มีความสุขความชื่นชมยินดีต่อสิ่งที่ผู้อื่นมอบให้ และหาโอกาสมอบสิ่งดีๆ ให้แก่ผู้อื่นด้วย

ไพ่ใบนี้เป็นตอกย้ำด้วยว่า ในปีนี้ คุณจะมีโชคลาภ มีความสุข มีความสมหวัง แม้ว่าหน้าไพ่จะไม่ใช่ใบใหญ่ จังหวะดีๆ ของคุณอาจมาเร็วไปเร็ว ด้านความรักความสัมพันธ์ก็ยังมีความปรวนแปรอยู่บ้าง แต่หากแต่ละวันของคุณดำเนินไปด้วยความเบิกบาน ก็เหมือนเส้นทางแห่งความสุขที่จะทอดยาวออกไปไม่ขาดตอน

ราศีธนู
เกิดระหว่าง 16 ธันวาคม ถึง 13 มกราคม หรือลัคนาสถิต

ไพ่สำคัญของคุณในปีนี้ ได้แก่ Queen of Pentacles

ความหมายโดยทั่วไป หากเป็นลักษณะบุคคล หมายถึงคนที่มีอายุมากกว่า 25 ปีขึ้นไป เป็นคนมีฐานะ ตรงตัวเลยคือผู้หญิงที่มีฐานะ มีอำนาจทางการเงิน ซึ่งอาจจะเป็นตัวเจ้าชะตาเอง หรือคนที่มีอิทธิพลต่อเจ้าชะตาก็ได้ ไพ่ใบนี้มักเน้นที่การจัดการทรัพย์สิน การบริหารอย่างมืออาชีพ การมีอำนาจทางเศรษฐกิจ ให้คุณให้โทษผู้อื่นได้ ทำงานด้านการเงิน การบริหารจัดการสินทรัพย์ ส่วนด้านสถานการณ์หมายถึงช่วงเวลาที่ดีในเรื่องของค่าตอบแทน รายรับ รายได้ มักเกี่ยวพันกับเงินก้อนโต โครงการใหญ่ๆ ที่ต้องใช้เงินจำนวนมาก ใช้ความละเอียดรอบคอบเข้าจัดการ

ในปี 2553 นี้ จึงทายว่าคุณจะได้เกี่ยวพันกับเงินก้อนใหญ่ อาจได้แหล่งทุนหรือผู้สนับสนุนโครงการต่างๆ ที่มีกำลังเงิน มีอำนาจทางเศรษฐกิจ ในระดับชีวิตส่วนตัวถือว่าเป็นเข้าช่วงมือทอง นักธุรกิจจะทำกำไร หากทำงานเป็นลูกจ้างพนักงานก็จะได้ค่าตอบแทนสูง มีงานที่ทำรายได้งามๆ แม้แต่ตกงานก็จะได้คนเข้ามาช่วยเหลือเจือจุน เป็นที่น่าสังเกตด้วยว่า คนที่ได้ไพ่ใบนี้มักมีบุพการีอุปถัมภ์ หรือผู้หลักผู้ใหญ่ โดยเฉพาะผู้หญิง ให้ความเมตตาช่วยเหลือ เดือดร้อนเรื่องเงินหนักๆ ก็ไม่เกิน 1 อาทิตย์จะได้รับข่าวดีทันที

และในปีนี้ ประกบด้วยไพ่ Page of Swords แต่สำหรับไพ่ใบนี้ หมายถึงเด็ก บุตรหลานบริวาร คนอายุน้อยกว่า บุคคลอายุต่ำกว่า 25 ปีลงมา หรือหากเป็นสถานการณ์ก็คือสิ่งที่เพิ่งเริ่มต้นได้ไม่นาน ความคิดที่ปรวนแปรเอาแน่นอนอะไรไม่ได้ สถานการณ์แวดล้อมที่มักนำเรื่องรกหูรกใจมาให้ ดาบในไพ่ใบนี้มักแสดงถึงปัญหาเกี่ยวกับข่าวร้ายต่างๆ แต่ก็เป็นข่าวลือเสียส่วนใหญ่ มีผลต่อความรู้สึก หากไม่มั่นคงพอก็จะโอนเอนจิตตกไปตามๆ กัน เป็นปีที่จะมีเรื่องวุ่นวายเข้ามาเป็นช่วงๆ ที่สำคัญคือการทำจิตใจให้มั่นคง ฟังหูไว้หู หรือตรวจสอบข้อมูลข่าวสารต่างๆ ให้ชัดเจน อย่าเพิ่งตื่นตระหนกไป

เรื่องควรระวังของคุณในปีนี้ Eight of Cups การพลัดพรากจากสิ่งที่รัก อาจเป็นบุคคลใกล้ชิด คนรัก หรือหมายถึงที่อยู่อาศัยก็ได้ หากมีการโยกย้ายก็จะเป็นไปด้วยความทุกข์มากกว่าความสุข การเดินทางไม่ค่อยราบรื่น จะมีช่วงที่คุณรู้สึกตัวเองลำบาก ตกในที่ๆ ทุรกันดารหรือแห้งแล้งเปล่าเปลี่ยว อย่างไรก็ตาม หลายครั้งไพ่ใบนี้แสดงถึงอารมณ์ภายในมากกว่าสถานการณ์ภายนอก ความผิดหวังที่เกิดขึ้นอาจเป็นเพราะคาดหวังมากเกินไป แค่ 10% ที่คุณสูญเสียก็อาจทำให้คุณเสียศูนย์ได้แล้ว

คำแนะนำสำหรับคุณในปีนี้ The Moon เมื่อไพ่พระจันทร์เปิดในตำแหน่งนี้ เป็นคำเตือนเกี่ยวกับจิตใจของคุณโดยตรง ไม่ว่าชีวิตคุณจะได้รับสิ่งที่ดีหรือร้าย มีแนวโน้มว่าคุณจะจิตวิตกง่าย มีความทุกข์เป็นเจ้าเรือน หวาดระแวงผู้อื่น มักรู้สึกโดดเดี่ยว มองอะไรไม่แจ่มชัด บางครั้งรู้สึกตัวเองขาดวิสัยทัศน์ อ่านสถานการณ์ไม่ออก มีความกังวลอย่างลึกซึ้ง เข้ากับคนอื่นได้ยาก มักมีโลกส่วนตัวที่ตัวเองก็ไม่ได้ต้องการ

เมื่อไพ่ใบนี้เปิดขึ้น จึงหมายถึงคำแนะนำขอให้คุณพยายามทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม มองหาแสงสว่างเข้าไว้ มุ่งหน้าไปยังทางที่ทำให้คุณเป็นสุข พยายามจับดูอารมณ์ตนเอง เมื่อไหร่ที่รู้สึกจิตตกให้รีบแสวงหาตัวช่วยซึ่งอาจจะเป็นกิจกรรมใหม่ๆ กัลยาณมิตร หรือข้อเท็จจริงที่จะนำคุณไปพ้นจากความคลุมเครือต่างๆ หากเกิดเรื่องเศร้าหมอง อย่าปล่อยให้ตัวเองอยู่ตามลำพังนานๆ ความอ่อนแอจะยิ่งพาคุณไปสู่ความมืดมน ให้รีบตั้งสติ รีบประคองจิตใจตัวเอง แต่ก็ให้ยอมรับธรรมชาติตัวเอง รู้เท่าทันสภาวะอารมณ์ เพื่อการก้าวไปข้างหน้าด้วยความพยายามไปสู่ทิศทางที่แจ่มใสให้ได้



ราศีมังกร
เกิดระหว่าง 14 มกราคม ถึง 12 กุมภาพันธ์ หรือลัคนาสถิต

ไพ่สำคัญของคุณในปีนี้ ได้แก่ Ten of Wands

ความหมายโดยทั่วไป การงานที่สุมรุมเร้า ภาระความรับผิดชอบที่เพียบแปล้ ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานกลุ่มใหญ่ ทีมขนาดใหญ่ การเร่งรุดไปสู่เป้าหมายในทางอาชีพ หากเป็นบุคคลมักเป็นคนที่บ้างานกว่าใครๆ ยุ่งจัด เรื่องรักเรื่องใคร่เอาไว้ภายหลัง มีความจริงจังต่อสิ่งที่เป็นความรับผิดชอบ บางครั้งอาจดูเครียดจนคนอื่นๆ ไม่กล้ารบกวน ไม่ค่อยมีเวลาส่วนตัว แต่ถ้าเป็นเรื่องงานใครๆ ก็ไว้ใจได้

ในปี 2553 นี้ จึงทายว่าคุณคงจะต้องอยู่กับงาน งาน งาน ทุกอย่างคูณ 10 เท่าเข้าไปอีก เหนื่อยยิ่งกว่าปีนี้ อาจมีโครงการที่ต้องปิดลงให้ได้ หรือภาระที่พยายามให้ถึงฝั่งเสียที การทำงานนั้นถือว่าหาความสบายได้ยากอยู่แล้ว ที่ระวังก็จะเป็นปัญหาสุขภาพ ซึ่งต่อเนื่องมาจากความเครียด ความล้า บางคนนั้นรู้ว่าตัวเองเหนื่อยสุดๆ แล้วแต่ก็ยังใจอ่อนแบกรับภาระใหม่ๆ เข้ามาอีก บ้างก็แบกอุ้มคนอื่นจนหลังไหล่ลู่ไปตามๆ กัน เป็นปีที่ต้องอึดมากๆ แต่สำหรับคนที่กลัวตัวเองตกงาน สบายใจได้ค่ะ มีอะไรให้ทำจนเหนื่อยแน่นอน

และในปีนี้ ประกบด้วยไพ่ Seven of Cups ไพ่หมายเลขเจ็ดใบนี้ สะท้อนความปรารถนาภายในจิตใจ การมองดูสิ่งที่คุณต้องการ โหยหา หรือมีภาพฝันสวยงามต่อสิ่งนั้นๆ อาจเป็นวัตถุ ของมีมูลค่า ความรักความสัมพันธ์ อะไรก็ได้ที่คุณรู้สึกว่ามันสวยงามจับใจ อยากได้ อยากครอบครอง ดูเหมือนจะมีช่องทางได้มาเสียด้วย แต่สิ่งที่มักประกบไพ่ใบนี้อยู่คือภาพลวงตา คำถามภายในจิตใจลึกซึ้งว่าคุณ "อยากได้" จริงไหม เพื่ออะไร เอามาทำไม ฯลฯ เป็นต้น เป็นได้ที่คุณจะพบสถานการณ์เช่นนี้อยู่เสมอๆ ด้านการเงินก็จะมีเหตุใช้จ่ายมากขึ้น ส่วนมากเพื่อตอบสนองความพึงพอใจของคุณนั่นเอง

เรื่องควรระวังของคุณในปีนี้ Ace of Cups ไพ่ใบนี้หมายถึงรักใหม่ ความรู้สึกใหม่ สิ่งที่เข้ามาเติมเต็มในชั้นต้น แต่เมื่ออยู่ในตำแหน่งนี้ ขอให้คุณรอบคอบต่อความสัมพันธ์ที่เพิ่งก่อเกิด หรือความรักความเสน่หาที่มาอย่างดูดดื่มลึกซึ้ง ไพ่ใบนี้เกี่ยวข้องกับความรักและเซ็กซ์ที่เต็มเปี่ยม ความเร้าใจ ความสุขในช่วงแรกรัก บางคนอกหักเอาดื้อๆ เมื่อได้ไพ่ใบนี้อยู่ในตำแหน่งแสดงด้านลบ หรือค้นพบในที่สุดว่าความแห้งแล้งทารุณคือสิ่งที่ต้องเผชิญเนิ่นนาน

คำแนะนำสำหรับคุณในปีนี้ The Hermit คุณได้ไพ่ใบเดียวและตำแหน่งเดียวกันกับราศีกันย์ แต่หน้าไพ่ที่เกี่ยวข้องมีความแตกต่างกันอยู่บ้าง อย่างที่บอกไว้แล้ว สิ่งสำคัญเกี่ยวกับไพ่ใบนี้คือความสงบ ความสันโดษ การปลีกตัวออกห่างจากสังคมหรือความวุ่นวาย แต่ไม่ใช่ความเหงาหรือความโดดเดี่ยวเสมอไป

สำหรับคุณ จะหมายถึงช่วงเวลาที่ต้องอยู่ตามลำพังมากขึ้น มีเส้นทางของตัวเอง อาจใช้เวลากับตำรับตำรา การค้นคว้า การแสวงหาความหมายให้กับชีวิตตนเองมากขึ้น หรือเลือกหยุดความสัมพันธ์กับใครบางคน หลายครั้งการกระทำของคุณจะไม่มีใครเข้าใจ แต่คุณก็ไม่เรียกร้องให้ใครมาเข้าใจเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม หากคุณปรับตัวได้กับสภาพแวดล้อมดังกล่าว หรือค้นพบมุมที่ใช่สำหรับตัวเอง คุณจะมีความสุข ความสงบ ความแจ่มใส ที่เกิดขึ้นภายในอย่างลึกซึ้ง

ราศีกุมภ์
เกิดระหว่าง 13 กุมภาพันธ์ ถึง 13 มีนาคม หรือลัคนาสถิต

ไพ่สำคัญของคุณในปีนี้ ได้แก่ Queen of Cups

ความหมายโดยทั่วไป ความอบอุ่น ความอ่อนหวาน ความอ่อนไหว ไพ่ตัวแทนผู้หญิงที่เป็นภรรยา ลักษณะของแม่บ้านแม่เรือน ความเป็นอยู่ในบ้าน ความสุขส่วนตัว การเกี่ยวพันกับความรัก เป็นที่รักหรือถูกรัก แสดงถึงความสะดวกสบายในชีวิต

ในปี 2553 นี้ จึงทายว่าคุณจะมีความสุขความพึงพอใจไม่น้อยในด้านที่เกี่ยวกับชีวิตส่วนตัว อาจเป็นชีวิตรักที่แสนสุข มีการหมั้นหมาย การแต่งงาน ครองรักครองคู่ มีชีวิตในบ้านที่อบอุ่น สะดวกสบาย ด้านการงานหมายถึงการทำงานที่บ้าน งานภายในครอบครัว การเป็นแม่บ้านพ่อบ้าน หรือได้รับแรงสนับสนุนจากคนในครอบครัวด้วยดี อย่างไรก็ดี ไพ่ใบนี้เกี่ยวข้องกับโลกส่วนตัวด้วยค่ะ บางคนอาจมีความเหงาอยู่ลึกๆ ไม่ค่อยได้ออกนอกสถานที่ มีชีวิตอยู่กับคนใกล้ชิดไม่กี่คน หรือส่วนลึกมีจินตนาการถึงสิ่งที่หวือหวากว่าเป็นอยู่ แต่ก็ไม่ได้เป็นความทุกข์เสียทีเดียว อนึ่ง ใครที่ทำงานด้านศิลปะ งานจากความคิดจินตนาการส่วนตัว จะมีพลังสร้างสรรค์ ทำงานได้ดังปรารถนา

และในปีนี้ ประกบด้วยไพ่ Seven of Wands ความมานะบากบั่น ความอดทนฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ จะนำคุณไปสู่จุดหมาย ได้รับชัยชนะ ได้ความสำเร็จตามที่มุ่งหวัง ไพ่ใบนี้หมายถึงปัญหาเฉพาะหน้าที่จะมีเข้ามาอยู่เรื่อยๆ ต้องตื่นตัว ต้องยืนหยัด โดยเฉพาะการงานจะเจอเรื่องวุ่นๆ อยู่ทุกระยะ ที่สำคัญคือความเข้มแข็งของตัวคุณเอง หากยืนสู้จนครบยก คุณจะไปถึงจุดที่การงานก้าวหน้าชนิดก้าวกระโดดทีเดียว

เรื่องควรระวังของคุณในปีนี้ Page of Swords มักหมายถึงข่าวร้าย ข่าวลือ เรื่องที่สร้างบรรยากาศไม่ค่อยดีให้แก่คุณ หากเป็นบุคคลมีชื่อเสียงให้ระวังเรื่องอื้อฉาวไม่ว่าจะเป็นจริงหรือไม่ก็ตาม การลงนามในเอกสารสัญญาใดๆ ให้รอบคอบให้มาก เน้นความโปร่งใสเข้าไว้ แต่ไพ่ใบนี้มักหมายถึงสถานการณ์เล็กๆ ชวนรำคาญใจ สร้างความขุ่นมัวบ้าง แต่ไม่ใช่เรื่องที่มีอิทธิพลอะไรมากนัก หากคุณมั่นคงมั่นใจในจุดที่ตัวเองทำหรือเป็นก็จะเป็นการดี อนึ่ง บุคคลอายุต่ำกว่า 25 ปีลงมาอาจสร้างปัญหาให้คุณได้มากกว่าเพื่อน ลองสังเกตดูค่ะ

คำแนะนำสำหรับคุณในปีนี้ Ace of Pentacles ไพ่การเงินที่โดดเด่น การเริ่มต้น การได้รับข่าวดี เกี่ยวข้องกับวัตถุทรัพย์สินเงินทอง แสดงถึงปีทองในแง่ของรายได้ การลงทุน อาจมีการริเริ่มธุรกิจ มีช่องทางรายได้ใหม่ๆ บางครั้งเรียกว่าไพ่เรียกเงิน แสดงถึงโชคลาภที่กำลังเดินทางมา

ดูในภาพรวมของปีนี้ ชีวิตคุณน่าจะได้รับความสะดวกสบายเป็นพิเศษในแง่วัตถุ ชีวิตส่วนตัวมีความสมบูรณ์พร้อมแทบทุกอย่าง มีงาน มีเงิน มีความรัก (แม้จะเหงาบ้าง หรือมีคู่รักแบบไปๆ มาๆ) หรือต้องแก้ปัญหาหน้างานไปเรื่อยๆ บรรยากาศแวดล้อมขึ้นๆ ลงๆ มีเรื่องให้จิตตกตามประสา แต่ก็จะเป็นปีที่มีสุขมากกว่าทุกข์ พิเศษสำหรับคนที่อยากจัดสรรชีวิตด้านการเงิน อยากทำธุรกิจส่วนตัว จะมีจังหวะให้คุณประสบความสำเร็จค่ะ

ราศีมีน
เกิดระหว่าง 14 มีนาคม ถึง 12 เมษายน หรือลัคนาสถิต

ไพ่สำคัญของคุณในปีนี้ ได้แก่ Seven of Pentacles

ความหมายโดยทั่วไป การเก็บออมทรัพย์สิน การตั้งตัว การมุ่งสู่ความสำเร็จจากรากฐานที่หนักแน่น ค่อยๆ สร้าง ค่อยๆ สะสม เป็นไพ่ของความเหน็ดเหนื่อยที่จะนำไปสู่ความก้าวหน้าและความมั่นคงค่ะ

ในปี 2553 นี้ จึงทายว่าจะเป็นปีของการจัดสรรการเงิน การเก็บออม การต่อยอดจากทุนเก่าๆ ที่รองรังไว้ การงานของคุณมักมุ่งเป้าที่รายได้หรือค่าตอบแทนเป็นหลัก มีเป้าหมายการเงินที่แน่วแน่ รู้ว่าจะต้องเหน็ดเหนื่อย แต่ดูตัวเลขบัญชีก็จะมีกำลังใจ นอกจากนั้นไพ่ใบนี้ยังแสดงถึงความก้าวหน้าที่ค่อยเป็นค่อยไป จังหวะชีวิตเรียบๆ แต่สม่ำเสมอ ความอดทนจะพาคุณไปสู่จุดที่ฝันถึง งานที่เกี่ยวข้องกับเกษตร ที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ จะให้ผลดีเป็นพิเศษ เน้นเลยว่าเป็นปีของความเหน็ดเหนื่อยแต่จะนำคุณไปสู่ความสำเร็จ โดยเฉพาะด้านวัตถุเงินทอง

และในปีนี้ ประกบด้วยไพ่ Knight of Wands อาจต้องเดินทางมากขึ้นในปีนี้ หรือถ้าเดินทางมากอยู่แล้วปีนี้จะชีพจรลงเท้ามากกว่าเดิม ส่วนใครที่ทำงานอยู่ในสถานที่ ไม่มีบทบาทต้องออกเดินทางเลยไม่ว่าในกรณีใดๆ ก็จะหมายถึงการทำงานเชิงรุก การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่กระตุ้นให้กระฉับกระเฉง ต้องแข่งขันกับผู้อื่น ต้องมุ่งพิชิตเป้าหมายที่ต้องการการดำเนินการอย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ ในบางคนจะแสดงถึงเพื่อนร่วมงานใหม่ๆ ที่เข้ามาสร้างบรรยากาศคึกคัก อีกอย่างหนึ่งหมายถึงการเปลี่ยนแปลงบรรยากาศในการทำงาน ข่าวดีด้านธุรกิจ โอกาสใหม่ๆ ที่เปิดกว้างท้าทายคุณ

เรื่องควรระวังของคุณในปีนี้ Eight of Wands ไพ่ของการงานที่แตกยอดออกไปไม่หยุดยั้ง ปกติแล้วไพ่ใบนี้เกี่ยวข้องกับการขยายงาน ความก้าวหน้า ความเจริญเติบโต การพัฒนาทักษะส่วนบุคคลชนิดที่ก้าวขึ้นเป็นผู้นำทีมได้อย่างง่ายดาย แต่ในตำแหน่งนี้เตือนให้คุณระวังการขยายงานที่ผิดพลาด งานที่หนักมากเกินรับมือไหว งานมากแต่ค่าตอบแทนไม่สมเหตุผล รวมถึงการไม่สามารถควบคุมสิ่งที่ตัวเองรับผิดชอบได้ โดยเฉพาะคนที่เป็นผู้นำทีม ต้องทำงานสัมพันธ์กับคนจำนวนมาก หรือมีธุรกิจส่วนตัว การวางแผนขยายงานใดๆ รอบคอบไว้ให้มาก

คำแนะนำสำหรับคุณในปีนี้ Ace of Swords การตัดสินใจให้เด็ดขาดจะเป็นประเด็นสำคัญในชีวิตคุณ การฝ่าทะลุปัญหาในดาบเดียวด้วย หมายถึงความเข้มแข็ง ความเฉียบขาด การไม่ย่อท้อที่จะสู้กับอุปสรรคต่างๆ เหมือนมองไปข้างหน้ามีกำแพงทึบตัน เมื่อคุณเชื่อว่าคุณข้ามไปได้ หาทางข้าม และทำตามที่วิธีต่างๆ อย่างไม่ย่อท้อ ถึงที่สุด คุณจะข้ามไปได้จริงๆ

ผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน : ประมวลสถานการณ์สื่อทั่วโลกในปี 2009

ที่มา ประชาไท

องค์กรผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน (RSF) รายงาน เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 2009 ถึงสถานการณ์ความโหดร้ายที่เกิดขึ้นกับผู้สื่อข่าวทั่วโลกในปี 2009 บอกว่ามีการสังหารนักข่าวเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 26% ขณะที่แม้สื่อใหม่อย่างเว็บบล็อกหรือเว็บเครือข่ายทางสังคมจะเติบโต แต่ก็มีการสอดส่องและปราบปรามผู้ใช้อินเตอร์เน็ตมากขึ้นด้วย

ตัวเลขผลสรุปเรื่องเสรีภาพสื่อในปี 2009 โดย ผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน
ผู้สื่อข่าวถูกสังหาร 76 ราย
ถูกลักพาตัว 33 ราย
ถูกจับกุม 573 ราย
ถูกทำร้าย 1456 ราย
สื่อถูกเซนเซอร์ 570 แห่ง
ผู้สื่อข่าวหนีออกจากประเทศตนเอง 157 ราย
บล็อกเกอร์ 1 รายเสียชีวิตในคุก
บล็อกเกอร์และผู้ใช้อินเตอร์เน็ตถูกจับกุม 151 ราย
ถูกทำร้ายร่างกาย 61 ราย
มี 60 ประเทศ ที่ได้รับผลกระทบจากการเซนเซอร์

ภาวะสงครามและความขัดแย้งจากการเลือกตั้ง : อันตรายร้ายแรงที่สุดสำหรับนักข่าว
องค์กรผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน (RSF) เปิดเผยว่า เหตุการณ์สังหารหมู่ในฟิลิปปินส์เมื่อปีที่ผ่านมาถือเป็นเหตุการณ์ที่มีผู้สื่อข่าวถูกสังหารมากที่สุดภายในวันเดียวคือ 30 ราย ขณะที่ในประเทศอิหร่านที่มีความขัดแย้งด้านผลการเลือกตั้งของประธานาธิบดีมาห์มูด อาห์มาดิเนจาด ก็ทำให้ผู้สื่อข่าวและบล็อกเกอร์ในอิหร่านถูกจับกุมและลงโทษเป็นจำนวนมาก

โดยมีนักข่าวราว 160 รายที่ออกจากประเทศเพื่อหนีจากการจับกุมหรือการถูกขู่ลอบสังหาร เช่นในประเทศอิหร่านและโซมาเลีย

ผู้สื่อข่าวไร้พรมแดนระบุว่า ภาวะสงครามและความขัดแย้งเรื่องการเลือกตั้งเป็นภัยร้ายแรงสำหรับนักข่าวสำหรับปี 2009 ทำให้นักข่าวเสี่ยงต่อการถูกสังหารหรือลักพาตัว โดยความรุนแรงจากก่อนและหลังการเลือกตั้งในปี 2009 นั้นส่วนหนึ่งมาจากประเทศที่มีความน่าเชื่อถือทางประชาธิปไตยต่ำ

และแม้ว่าบล็อกเกอร์กับเว็บไซต์ต่าง ๆ จะเติบโตเบ่งบานมากขึ้นในอินเตอร์เน็ต แต่การเซนเซอร์และปราบปรามก็มีมากขึ้นตามไปด้วย โดยแทบจะไม่มีประเทศใดเลยที่หนีพ้นจากปรากฏการณ์ดังกล่าวในทุกวันนี้ หลังจากที่อินเตอร์เน็ตและสื่อใหม่ (เว็บไซต์เครือข่ายทางสังคม, โทรศัพท์มือถือ ฯลฯ) มีบทบาทสำคัญในการแพร่กระจายข้อมูลข่าวสาร ก็มีการปราบปรามอย่างจริงจังตามมา โดยบล็อกเกอร์ในตอนนี้ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดเทียบเท่ากับผู้สื่อข่าวในสื่อเก่า

เรื่องที่องค์กรผู้สื่อขาวไร้พรมแดนให้ความสำคัญเป็นอย่างมากในปี 2009 คือการอพยพของนักข่าวจำนวนมากในประเทศที่มีปราบปรามเช่น ศรีลังกา หรือ อิหร่าน ซึ่งกลุ่มผู้มีอำนาจในประเทศเข้าใจว่าการผลักดันให้นักข่าวต้องหลบหนีจากประเทศจะสามารถทำให้ความหลากหลายทางความคิดและการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลลดลง ซึ่งเลขาธิการของผู้สื่อข่าวไร้พรมแดนเห็นว่า เป็นเรื่องอันตราย และต้องมีการประณามอย่างแข็งขัน

ตัวเลขนักข่าวถูกสังหารพุ่ง 26 เปอร์เซนต์ จากปีที่แล้ว
เลขาธิการผู้สื่อข่าวไร้พรมแดนเปิดเผยอีกว่า ผู้สื่อข่าวท้องถิ่นที่เป็นที่รู้จักน้อยกว่ามักเป็นผู้รับเคราะห์มากที่สุดในทุก ๆ ปี หากพวกเขารายงานเกี่ยวกับเรื่องการทำลายสิ่งแวดล้อม การคอร์รัปชั่น และสงคราม

ต้นปี 2009 เริ่มต้นด้วยความเลวร้ายจากกรณีการส่งกองทัพโจมตีฉนวนกาซาของอิสราเอล ซึ่งห้ามไม่ให้ผู้สื่อข่าวต่างประเทศเข้าไปทำข่าว นอกจากนี้รัฐบาลอิสราเอลยังได้สั่งทหารโจมตีอาคารสำนักงานสื่อซึ่งถือเป็นการละเมิดกฏมนุษยธรรมของนานาชาติ มีผู้สื่อข่าวสองรายถูกสังหารในการโจมตีครั้งนี้ ขณะที่สื่อและนักสิทธิมนุษยชนในรัสเซียก็มีการลักพาตัวและถูกสังหารโดยไม่สามารถเอาผิดผู้ใดได้

ขณะเดียวกันก็มีนักข่าวที่ถูกสังหารโดยกลุ่มหัวรุนแรง อัล-ชาบับ ในโซมาเลีย 9 ราย ใน 4 รายนี้มีผู้สื่อข่าวของสถานีวิทยุชาเบลซึ่งพยายามรายงานข่าวอย่างดีที่สุดท่ามกลางความขัดแย้ง ส่วนผู้สื่อข่าวในปากีสถานก็ตกเป็นเป้าของกลุ่มตอลิบานมากขึ้น

การลักพาตัวนักข่าวก็มีจำนวนสูงขึ้น โดยกรณีส่วนใหญ่เกิดขึ้นในประเทศ อัฟกานิสถาน, เม็กซิโก และโซมาเลีย มีเหตุการณ์ที่ผู้สื่อข่าวของนิวยอร์กไทม์ เดวิด โรด สามารถหนีออกจากที่กักกันของกลุ่มตอลิบานได้ ขณะที่ผู้สื่อข่าวของอัฟกานิสถาน ซุลตาน มุนาดี ถูกสังหารในปฏิบัติการทางทหารที่ส่งไปเพื่อช่วยเหลือตัวเขา

องค์กรผู้สื่อข่าวไร้พรมแดนกล่าวว่า สามปีมาแล้วที่สหประชาชาติอาศัยมติ 1738 ในการคุ้มครองผู้สื่อข่าวในพื้นที่ที่มีความขัดแย้ง แต่ก็ยังไม่สามารถคุ้มครองผู้สื่อข่าวได้มากพอ

ด้านตัวเลขของการใช้ความรุนแรงอื่น ๆ เช่น การทำร้ายร่างกาย และการข่มขู่ เพิ่มสูงขึ้นจาก 929 รายในปี 2008 เป็น 1,456 รายในปี 2009 ผู้สื่อข่าวที่มีความเสี่ยงสูงสุดคือในทวีปอเมริกา มีจำนวน 501 ราย เนื่องจากการเปิดโปงเรื่องยาเสพติดและการใช้อำนาจจากรัฐบาลท้องถิ่น ทวีปเอเชียพบความเสี่ยงเป็นลำดับสองที่ 364 ราย โดยเฉพาะในประเทศปากีสถาน, ศรีลังกา และ เนปาล

เรื่องการเซนเซอร์สื่อ มีหนังสือพิมพ์ สถานีวิทยุ สถานีโทรทัศน์ ราว 570 รายถูกแบนหรือถูกสั่งปิด สื่อเหล่านี้รวมไปถึง นิตยสารแนวเสียดสีของมาเลเซีย, หนังสือพิมพ์ของฝ่ายปฏิรูปในอิหร่าน, สถานีวิทยุ ฟรานซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล ของประเทศคองโก และ บีบีซี เวิร์ดเซอร์วิส ใน รวันดา

ขณะที่จำนวนผู้สื่อข่าวที่ถูกจับกุมตัวมีจำนวนลดลงเล็กน้อย (ในปี 2008 มี 673 ราย ในปี 2009 มี 573 ราย) เนื่องจากมีจำนวนผู้สื่อข่าวถูกจับในเอเชียลดลง ขณะที่ในตะวันออกกลางมีมากขึ้น

ความรุนแรงจากฤดูเลือกตั้ง
องค์กรผู้สื่อข่าวไร้พรมแดนยังได้ยกตัวอย่างเหตุการณ์การสังหารหมู่นักข่าว 30 รายในฟิลิปปินส์ ว่าเป็นฝีมือของคู่แข่งทางการเมืองในท้องถื่น โดยฟิลิปปินส์จะมีการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นในปี 2010 นี้ การเลือกตั้งในตูนีเซียและกาบอนมีนักข่าวถูกจับกุม ถูกข่มขู่ ถูกทำร้าย มีบางรายที่ถูกทำร้ายอย่างสาหัส การประท้วงการเลือกตั้งในอิหร่านก็ทำให้เกิดการปิดสื่อเป็นจำนวนมาก

โดยผู้สื่อข่าวไร้พรมแดนบอกว่า แม้การเลือกตั้งหลายพรรคการเมืองจะเป็นสัญลักษณ์ของประชาธิปไตย
แต่ทางสื่อของรัฐก็มักไม่เอื้อให้เกิดการเลือกตั้งที่เป็นธรรมกับหลาย ๆ ฝ่าย เช่นในอัฟกานิสถาน หรือในกินี ขณะที่บางพื้นที่ก็มีการสำรวจโพลล์ที่ไม่ได้ทำตามแบบแผน เช่นโพลล์ในเขตพื้นที่ทมิฬของศรีลังกา

หลังจากการเลือกตั้งไปแล้วสถานการณ์ก็ยิ่งเลวร้าย เช่น ในอิหร่านมีกลุ่มต่อต้านรัฐบาลอาห์มาดิเนจาดที่ชนะการเลือกตั้ง โดยบอกว่ามีการโกงการเลือกตั้ง และผู้ประท้วงต่างมีสื่อของตนเองทั้งสื่อสิ่งพิมพ์และสื่ออินเตอร์เน็ต ผู้สนับสนุนอาห์มาดิเนจาด ก็ทำการปราบปรามผู้สื่อข่าวและบล็อกเกอร์ที่ต่อต้านอย่างหนัก กล่าวหาว่าพวกเขาเป็นสายลับจากต่างชาติที่มาทำลายความมั่นคงของประเทศ

สื่อที่พยายามเปิดโปงการทุจริตเลือกตั้งมักจะถูกดำเนินคดี กุมขัง หรือถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม ทางผู้สื่อข่าวไร้พรมแดนจึงคิดว่าน่าจะมีวิธีการที่ดีกว่าในการปกป้องคุ้มครองผู้สื่อข่าวในการทำข่าวการทุจริตเลือกตั้ง ซึ่งในปี 2010 นี้จะมีการเลือกตั้งในประเทศพม่า ศรีลังกา และในเขตปาเลสไตน์ ซึ่งประเทศเหล่านี้มักมีการคอยสอดส่องสื่อในช่วงที่มีการเลือกตั้ง


บล็อกเกอร์และผู้ใช้อินเตอร์เน็ตกว่า 151 รายถูกจับกุม

เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่อินเตอร์เน็ตถือกำเนิดมา ที่มีบล็อกเกอร์และผู้ใช้อินเตอร์เน็ตทั่วโลกถูกจับกุมรวมแล้ว 151 ราย จากการที่พวกเขาโพสท์ความเห็นในอินเตอร์เน็ต มีประเทศที่ปราบปรามเรื่องนี้อย่างหนักราว 10 ประเทศ ขณะที่ประเทศอื่น ๆ ทำให้การแสดงความเห็นทางอินเตอร์เน็ตกลายเป็นอาชญากรรม

โดยปีที่ผ่านมาอินเตอร์เน็ตเป็นพลังขับเคลื่อนหลักของผู้ที่เรียกร้องประชาธิปไตย ทั้งในอิหร่าน จีน และที่อื่น ๆ ทำให้รัฐบาลอำนาจนิยมออกมาจัดการกับผู้ใช้อินเตอร์เน็ตอย่างหนัก มีบล็อกเกอร์สองรายในประเทศอาเซอร์ไบจันถูกสั่งจำคุกสองปี เนื่องจากพวกเขาสร้างภาพยนตร์ล้อเลียนนักการเมืองระดับสูง

ประเทศจีนยังคงเป็นประเทศที่เซนเซอร์อินเตอร์เน็ตอย่างหนักที่สุดในปี 2009 โดยมีประเทศ อิหร่าน, ตูนิเซีย, ซาอุดิอารเบีย, เวียตนาม, อุซเบกิสถาน และไทย ที่คอยสอดส่องการแสดงความเห็นตามอินเตอร์เน็ต ทั้งยังมีการบล็อกเว็บไซต์หรือเว็บบล็อกอยู่เนือง ๆ

ขณะที่วิกฤติเศรษฐกิจก็มีผลต่อการปิดกั้นสื่อออนไลน์ เช่นในเกาหลีใต้ บล็อกเกอร์รายหนึ่งถูกจับกุมตัวจากการที่เขาวิพากษ์วิจารณ์สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ที่กำลังประสบปัญหา มีชาวอินเตอร์เน็ตหกรายในประเทศไทยที่ถูกจับกุมหรือข่มขู่ จากการที่พวกเขาโยงเรื่องตลาดหุ้นกับพระอาการประชวรของพระเจ้าอยู่หัว ส่วนที่ดูไบก็มีการเซนเซอร์การรายงานถึงเรื่องที่รัฐบาลไม่สามารถจ่ายหนี้คืนได้

ส่วนในประเทศที่เป็นประชาธิปไตยก็ไม่แพ้กัน หลายประเทศในแถบยุโรปก็มีมาตรการใหม่ในการควบคุมอินเตอร์เน็ตภายใต้ข้ออ้างเรื่องการปราบปรามภาพอนาจารเด็กและการดาวน์โหลดอย่างผิดกฏหมาย ออสเตรเลียมีระบบกรองข้อมูลอินเตอร์เน็ตที่เป็นภัยต่อเสรีภาพในการแสดงความเห็น ศาลของทางการตุรกีก็สั่งบล็อกเว็บไซต์จำนวนมากรวมถึงยูทิวบ์ (Youtube) ที่มีการวิจารณ์ผู้ก่อตั้งสาธารณรัฐ

ทางผู้สื่อข่าวไร้พรมแดนบอกว่าพวกเขาจะเริ่มต้นโครงการ "ศัตรูของอินเตอร์เน็ต" (Enemies of the Internet) ในวันที่ 12 มี.ค. ที่จะถึงนี้ เพือจัดการกับปัญหาการเซนเซอร์อินเตอร์เน็ตทั่วโลก

การดำเนินคดีกับสื่อ
สิ้นปี 2009 ที่ผ่านมายังคงมีนักข่าว 167 ราย ต้องอยู่ในห้องขัง การจับกุมนักข่าวจำนวนมากเช่นนี้เคยเกิดขึ้นนับย้อนไปได้ในช่วงทศวรรษที่ 1990s โดยรัฐบาลหลายประเทศยังคงมีกฏหมายที่อนุญาตให้พวกเขาสั่งกุมขังนักข่าวได้ และมีการลงโทษที่ไม่เหมาะสม ในประเทศเช่น คิวบา, จีน, ศรีลังกา และอิหร่าน การลงโทษนักข่าวมีความรุนแรงในระดับผู้ก่อการร้าย หรือ ผู้ก่ออาชญากรรมอุกฉกรรจ์

มีนักข่าวถูกจับกุมไม่ก็ถูกทำร้ายร่างกายมากกว่า 60 ราย ในอิรัก ในเขตปาเลสไตน์มีนักข่าวมากกว่า 50 ราย ถูกจับกุมโดยกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา และโดยกลุ่มฟาตาห์ในเวสท์แบงค์

ขณะที่ในแอฟริกาและเอเชีย มีจำนวนนักข่าวถูกจับกุมไล่เลี่ยกัน และแม้จำนวนในเอเชียจะลดลง แต่ในประเทศจีนและปากีสถานก็ยังมีการจับกุมนักข่าวทั้งในประเทศและจากต่างประเทศ เนื่องจากพวกเขาล่วงละเมิดเส้นกั้นที่รัฐบาลขีดไว้

การรัฐประหารเมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 2009 ในฮอนดูรัสก็มีสื่อหัวอนุรักษ์นิยมเป็นเบื้องหลังสนับสนุน ทำให้เกิดการดำเนินคดีกับผู้สื่อข่าวที่มีท่าทีว่าจะอยู่ฝ่ายเดียวกับมานูเอล เซลายา อดีตประธานาธิบดีที่ถูกทำรัฐประหาร โดยยังได้มีการระงับหรือปิดสื่อบางแห่งด้วย

บางแห่งแม้จะยังไม่การจับขังนักข่าว แต่ก็มีการใช้อำนาจข่มนักข่าวด้วยกระบวนการศาล เช่น บรรณาธิการคนหนึ่งในอัลจีเรีย ถูกศาลเรียกตัวถึง 15 ครั้งในปี 2009 ด้านสื่อที่ต่อต้านทางการตุรกีและโมรอคโคถูกฟ้องร้องในหลายข้อหา

เลือกอพยพหนีตาย
เป็นครั้งแรกที่องค์กรผู้สื่อข่าวไร้พรมแดนสำรวจจำนวนผู้สื่อข่าวที่อพยพออกจากประเทศตนเนื่องจากถูกทางการสั่งเนรเทศ หรือจากการถูกข่มขู่ มีผู้สื่อข่าวทั้งหมด 157 รายที่ต้องอพยพออกจากประเทศ ในอิหร่านมีถึงมากกว่า 50 ราย ทั้งนักข่าวและบล็อกเกอร์ที่ต้องอพยพออกจากประเทศ ในศรีลังกามีจำนวน 29 ราย ส่วนในแอฟริกามีนักข่าวราว 50 รายอพยพจากความวุ่นวายในโซมาเลีย ส่วนในประเทศเอริเทรียนมีราว 20 รายที่ อพยพเนื่องจากกลัวตกเป็นเป้าของเผด็จการที่เลวร้ายที่สุดในทวีป นอกจากนี้ยังมีการอพยพของนักข่าวจาก กินี, อาฟกานิสถาน, ปากีสถาน, เม็กซิโก, โคลัมเบีย และ เอธิโอเปีย

นักข่าวบางคนต้องประสบกับอันตรายจากการอพยพและมีอนาคตที่ไม่แน่นอน บางคนต้องรอคอยเป็นเดือน จนถึงเป็นปี เพื่อให้ได้รับการคุ้มครอง และได้ตั้งรกรากแห่งใหม่

....

รายงานฉบับเต็ม
http://www.rsf.org/IMG/pdf/Bilan_2009_GB_BD.pdf

ทักษิณวิดิโอลิงค์ในงานปีใหม่เสื้อแดง เทพเทือกบอกปีขาลนี้อาจเจอป่วนแบบไร้กติกา

ที่มา ประชาไท

ทักษิณวีดิโอลิงค์ในงานปีใหม่ บอกเสื้อแดงให้สู้ด้วยอหิงสา
เว็บไซต์มติชนออนไลน์ รายงานเมื่อวันที่ 1 ม.ค. ถึงเรื่องที่ พ.ต.ท. ทักษิณกล่าวผ่านวิดีโอลิงก์มายังงานส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ของกลุ่มเสื้อแดงทั่วประเทศที่สนามกีฬาสมโภชจังหวัดเชียงใหม่ 700 ปี ว่า "ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ แม้ผมจะอยู่ไกลบ้าน แต่ว่าเราอยู่ใกล้กัน จะเห็นภาพผมแบบนี้เมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว แต่เป็นภาพที่ทำงานรับใช้ท่าน ต่อไปนี้เป็นภาพที่ผมไม่มีโอกาสทำงาน แต่เป็นภาพต่างคนต่างให้กำลังใจกัน และเรียกร้องความถูกต้อง ผ่านกระบวนการประชาธิปไตย ผ่านโอกาสที่ให้ความเสมอภาคเท่าเทียมกัน ซึ่งชาวเสื้อแดงร่วมต่อสู้กันมา บางคนต่อสู้ตั้งแต่ปลายปี 2548 นับตั้งแต่พันธมิตรก่อตัว เป็นสปิริตและน้ำใจที่ยาวนาน ที่เสียสละ ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ซึ่งประวัติศาสตร์ต้องจารึก"

"จากนี้ไปจะหนักมากทั้งการแก้ปัญหาและสร้างปัญหา ถึงเวลาแล้วที่จะคืนประชาธิปไตย ความเป็นธรรม โอกาสให้กับประชาชน ปล่อยกระบวนการประชาธิปไตยเดินหน้าต่อไป เพื่อประชาชนจะได้มีความสุขเสียที อยากบอกพี่น้องเสื้อแดงว่าขอให้พร้อมแบบอหิงสา พร้อมแบบสันติ ที่พวกเราจะแสดงพลังให้รับรู้กันว่าพวกเราไม่กลัว แต่พวกเราไม่ใช่อันธพาล พวกเราอยากบอกว่าพอเถอะ ระบบไม่เป็นระบบ ระบบที่โยงใยกันอยู่ แต่ประชาชนในแผ่นดินเป็นทุกข์ เขาต้องการประชาธิปไตย ไม่ต้องการเผด็จการในสังคม" พ.ต.ท.ทักษิณกล่าว

อภิสิทธิ์ บอกการเมืองเป็นเรื่องประชาชนช่วยกันคนละไม้ละมือ ชวนสร้างสิ่งดี ๆ เพื่อปีใหม่
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวให้สัมภาษณ์เรื่องการเมืองในปี 2553 ว่า การเมืองเป็นเรื่องที่ประชาชนต้องร่วมกันสร้าง รัฐบาลต้องการเห็นบ้านเมืองเดินหน้าบนหลักการของความถูกต้องไปสู่ความสงบสุขและสมานฉันท์หาก ประชาชนส่วนใหญ่ช่วยกันคนละไม้คนละมือทำบรรยากาศบ้านเมืองให้ดีก็ทำได้ แต่หากปล่อยให้คนที่ต้องการให้บ้านเมืองมีความวุ่นวาย ให้มีอำนาจและอิทธิพลเข้ามาครอบงำสังคมได้ เรื่องนี้อยู่ที่ประชาชน ไม่ใช่สิ่งที่ถูกกำหนดล่วงหน้า ตนจึงขอเชิญชวนให้สร้างสิ่งที่ดีสำหรับปีใหม่

นอกจากนี้นายอภิสิทธิ์ ยังได้กล่าวถึงความขัดแย้งทางการเมืองในปี 2553 ว่า แม้ไม่มีใครอยากให้บรรยากาศของความขัดแย้งดำรงอยู่ แต่ต้องอยู่กับความจริงว่าความขัดแย้งยังคงอยู่ แต่นายกฯ มั่นใจว่าจะเอาความตั้งใจของคนเกือบทั้งประเทศที่ต้องการให้ประเทศเดินหน้าเป็นตัวนำสังคม นอกจากนี้ยังกล่าวอีกว่าการเคลื่อนไหวมีสิทธิกระทำในขอบเขตที่ไม่เกิดความรุนแรง และรัฐบาลในฐานะผู้รักษากฏหมายขอย้ำว่าใครจะคิดว่าความรุนแรงจะนำไปสู่เป้าหมายของตัวเองได้นั้น คิดผิด เพราะจะไม่มีใครได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการโดยใช้ความรุนแรง เนื่องจากสังคมไทยไม่ยอมรับ

นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า จะเน้นแก้ไขปัญหาโดยเคารพในสิทธิเสรีภาพของประชาชนตามรัฐธรรมนูญและเน้นให้ทุกคนปฏิบัติตามกฏหมาย ไม่ปล่อยให้บ้านเมืองเข้าสู่สภาพไร้กฏหมาย บอกว่าพร้อมพูดคุยเจรจากับทุกคน รวมถึง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย และยืนยันว่าจะหาทางนำ พ.ต.ท. ทักษัณมาดำเนินคดี แต่ต้องดูตามเงื่อนไขข้อเท็จจริงและกฏหมาย โดยบอกว่ารัฐบาลไม่ได้ต้องการให้ประเทศหมกมุ่นอยู่กับ พ.ต.ท. ทักษิณ เพียงแต่อดีตนายกรัฐมนตรีเองที่ยังไม่หยุดเคลื่อนไหว

สุเทพบอกกลุ่มหนุนทักษิณป่วนหนัก แต่คงไม่ชนะอำมาตย์
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง วิเคราะห์สถานการณ์ปี 2553 ว่า พ.ต.ท. ทักษิณ และผู้สนับสนุน จะต่อสู้เพื่อโค่นล้มรัฐบาลหรือทำเกินเลยกว่านั้น โดยเป็นการต่อสู้แบบไม่มีกติกา ทำให้บ้านเมืองปั่นป่วนวุ่นวาย โดยบอกอีกว่ามีการกระทำควบคู่ไปกับทั้งในสถา นอกสภา และในต่างประเทศ ซึ่งสุเทพให้ความเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการทำร้ายประเทศไทย

แต่อย่างไรก็ตาม นายสุเทพเชื่อว่าการประกาศสงครามครั้งสุดท้ายของผู้สนับสนุน พ.ต.ท. ทักษิณ จะไม่ได้รับชัยชนะเพราะเชื่อว่าคนไทยไม่เห็นด้วยกับวิธีการรุนแรง เช่นที่พวกเขาต้องการจะกระทำ และมองว่าการบอกสงครามครั้งสุดท้ายเ็ป็นการพูดเพื่อปลุกอารมณ์ร่วมของประชาชนมากกว่า โดยหลังจากนี้คงมีการปลุกระดมประชาชนให้เกลียดชังรัฐบาล เกลียดชังระบบต่างๆ ในประเทศเป็นระยะๆ หากใครเชื่อจะได้ออกมาร่วมกับฝ่ายเขา คงจะมีความพยายามทำลายชื่อเสียงบุคคลสำคัญๆ ที่เรียกว่าพวกอำมาตย์ แต่คิดว่าบุคคลสำคัญเหล่านั้นได้สั่งสมคุณงามความดีไว้ในบ้านเมืองมาก ไม่ได้เลวร้าย เป็นอันตรายกับบ้านเมืองตามที่มีการกล่าวหา เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ก็คงคิดได้

ที่มา : มติชนออนไลน์

ผ ล ง า น รั ฐ บ า ล อำ ม า ต ย์ ( อ ภิ สิ ท ธิ์ ) ค ร บ ๑ ปี

ที่มา thaifreenews

โดย Porsche



จากคุณ : hollowpig

โดย ธิดา ถาวรเศรษฐ
จาก นสพ. ความจริงวันนี้ ฉบับวันที่ ๒๙ - ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๒

จากข้อเขียนที่ได้ที่ผ่านมาได้ตั้งคำถามไว้กับรัฐบาลอำมาตย์ชุดนี้
และรัฐบาลฝ่ายเศรษฐกิจที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเป็นหัวหน้าทีมว่าการบริหารงานเศรษฐกิจ การเมือง สังคม ทำให้รัฐไทยกลายเป็นรัฐที่ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง
และทำให้ประเทศถอยหลังในทุกปริมณฑล ออกกฎหมาย
และใช้ตุลาการภิวัฒน์ เผด็จการ อนุรักษ์นิยมทางการเมอง ให้นโยบายอนุรักษ์นิยมทางเศรษฐกิจ ปิดประเทศไปแล้ว ยังไม่รู้หรือไร วางท่าบรรยายสรุปผงานรัฐบาลราวกับนักวิชาการสำคัญระดับโลกมาปาฐกถาวิชาการในที่ประชุมระหว่างประเทศ อุตส่าห์ใช้เทคโนโลยีเต็มที่ มีวิธีการแสดงภาพ กราฟ ใช้รูปแบบเว่อร์สุด ๆ

ถามว่ามีรัฐบาลที่ไหนในโลกนี้ที่นายกรัฐมนตรีหรือประมุขรัฐบาลแถลงผลงานแบบนี้
เขานั่งแถลงสั้น ๆ เรียบ ๆ กันทั้งนั้น หลายประเทศเขาไม่แถลงเสียด้วย ให้รัฐมนตรีทำแผ่นพับเอกสาร แจกผู้สื่อข่าวเท่านั้น

มีแต่รัฐบาลนี้เท่านั้นที่เน้นประชาสัมพันธ์โฆษณาใช้งบสูงติดอันดับบริษัทที่ทำการโฆษณาสูง รวมแล้วหลายพันล้านบาท เอาเป็นว่าวิธีการแถลงผลงานรูปแบบก็แสดงออกว่าเน้นโฆษณาด้วยรูปแบบ
ที่ใส่การแสดงออกของหัวหน้ารัฐบาลแต่เป็นทอล์คโชว์ หรือบรรยายโชว์ ทำให้รู้เลยว่า รัฐบาลที่ไม่มีเนื้อหาดีพอที่จะแถลงจำเป็นต้องใช้รูปแบบเทคนิคเช่นนี้ น่าตลกมา มาดเช่นนี้ไม่ใช่มาดของหัวหน้ารัฐบาลหรอก

มาดูที่เนื้อหาที่บรรยาย

ความจริงผู้เขียนจะเน้นที่ผลงานเศรษฐกิจ
แต่ขอวิพากษ์หัวข้อใหญ่ที่แถลงผลงาน หัวข้อหนึ่งคือ
หัวข้อการปกป้องสถาบันพระมหา... คุณเอามาเป็นผลงานที่แถลงกับประชาชนได้อย่างไร ไม่มีอะไรจะอวดอ้างว่าทำงานแล้วหรือ คุณแถลงเช่นนี้จริง ๆแล้วน่าจะเป็นการลบหลู่สถาบันมากกว่าการปกป้องสถาบัน คุณลองไปคิดดูว่าหมายความว่าอะไร ?

มาพูดเรื่องผลงานเศรษฐกิจ อภิสิทธิ์เริ่มจากปัญหาที่คลุมเครือ แล้วพูดเอาดีใส่ตัวทันที ปัญหาการว่างงานในประเทศไทยที่อวดอ้างว่าตัวเลขดีขึ้น
ถ้าคุณอภิสิทธิ์เป็นคนที่ติดตามตัวเลขแรงงานในประเทศไทย
และตัวเลขผู้ว่างงานในประเทศไทยคุณจะไม่อวดอ้างตัวเลข
เพราะนี่ไม่เกี่ยวกับผลงานคุณเลย
ที่สำคัญสังคมไทยมีตัวเลขผู้ว่างงานไม่ชัดเจน
มีผู้ว่างงานแฝงอันเนื่องมาจากการทำงานในครอบครัว ธุรกิจในครอบครัว การเกษตรในครอบครัว ที่ไม่ถูกรายงานเป็นผู้ว่างงานเพราะช่วยงานในครอบครัวเป็นบางวันในสัปดาห์
ก็ไม่ถูกนับเป็นคนว่างงาน แรงงานที่อยู่ในอุตสาหกรรมการเกษตร อุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร
และใช้แรงงานไร้ฝีมือ ยังมีความต้องการมากจนต้องนำเข้าแรงงานจากเพื่อนบ้านกว่า ๒ ล้านคน

แรงงานเกษตรที่ปีหนึ่งทำนาเพียง ๒๐ วัน ก็ไม่ถูกนับเป็นผ็ว่างงาน คนที่ไม่มีงานทำไปช่วยงานเล็กน้อยในบ้านก็ไม่ถูกนับว่าว่างงาน

ดังนั้นแรงงานที่ถูกนับว่าว่างงานน้อยลงก็เกิดจากภาคอุตสาหกรรม
ที่การจ้างเพิ่มเพราะได้รับคำสั่งผลิตเพิ่ม แต่ถ้าคำสั่งซื้อลดลงแรงงานก็ถูกเลิกจ้าง ดังนั้นปัญหาเรื่องตัวเลขคนว่างงานที่ลดลงตอนปลายปี เป็นเรื่องที่คุณคุยโม้โอ้อวดเสียมากกว่า ที่นักวิชาการทั้งหลายเขารู้กันทั้งนั้น

เรื่องจีดีพี ที่พยายามแสดงกราฟให้ดูคล้ายตัววี
ท่านแสดงภาพจีดีพีที่เปรียบเทียบกับปีก่อน ที่ตอนปลายปีตัวเลขส่งออกที่ลดอยู่แล้ว
ได้รับผลสะเทือนจากการปิดสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ ตัวเลขส่งออกวูบสุด ๆ ดังนั้นไตรมาสสี่ปีนี้เปรียบเทียบกับปีก่อนมันก็ต้องดีขึ้นแน่ ๆ ใคร ๆ เขาก็รู้กันนะคุณมาร์ค

คุณอภิสิทธิ์ทำไมไม่บอกละว่าปีนี้รวมแล้วประเทศแถบนี้ส่วนมากจีดีพีไม่ติดลบ มีแต่ไทยนี่แหละที่ยังติดลบอยู่ประมาณร้อยละ ๓ ตอนครึ่งปีแรก
ลดลงถึงร้อยละ ๗ มากกว่าใคร ๆ กราฟมันจึงดิ่งลงแล้วเพิ่งเชิดหัวปลายปี เพราะเปรียบเทียบกับปีก่อนที่เหตุการณ์ที่บ้าที่สุดในโลกเกิดขึ้นในประเทศไทย
ในเวลาปลายปี
(จนบัดนี้ยังไม่จับตัวผู้กระทำผิด ยังไม่กล่าวหาด้วยซ้ำ แต่ผู้ที่ไปร้องทุกข์กล่าวโทษ
เรื่องยึดสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิของพันธมิตรกลับถูกฟ้องร้องกลับให้เป็นจำเลย)

กรุงเทพโพลล์สำรวจไว้เรื่อง ๑ ปีที่ผ่านมา
ประชาชนส่วนใหญ่ไม่พอใจผลงานของ รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
โดยให้คะแนนเฉลี่ยในภาพรวม ๓.๘๗ คะแนนจากคำแนนเต็ม ๑๐
และคะแนนการแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ ๔.๔๑ คะแนน
บรรดาคอลัมนิสต์หลายคนยังวิจารณ์ว่ามากไป
ยิ่งมาตบท้ายที่โครงการมาบตาพุดที่คำสั่งศาลปกครองให้เขตเมืองระยอง
และมาบตาพุดเป็นเขตควบคุมมลพิษตั้งแต่เดือนมีนาคม
แต่รัฐบาลทิ้งเวลาไว้เฉย ๆ ไม่ทำอะไร คิดอุทธรณ์อย่างเดียว ไม่แก้ปัญหา
ตั้งแต่เดือนมีนาคม (คือทิ้งเวลาเปล่า ๆ ไปเกือบ ๙ เดือน)

ล่าสุดปัญหาที่แสดงถึงอนุรักษ์นิยมทางเศรษฐกิจคือ
การรบราฆ่าฟันกับผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีคดีคั่งค้างรวม ๆ กันเป็นร้อยคดี และมูลค่าฟ้องร้องสูงมากไม่รู้จะเขียนตัวเลขไหน เพราะเพิ่มขึ้นทุกวัน ผู้เขียนก็ไม่สนับสนุนให้คนดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเห็นด้วยที่ต้องรณรงค์ให้หนักโดยเฉพาะอย่างยิ่งการก่อให้เกิดอุบัติเหตุและอาชฌากรรม แต่การรณรรงค์ต้องมีเหตุผล เชิงสติปัญญา ใช้กฎหมายให้ถูกต้อง ทั้งต่อผู้ผลิตและผู้บริโภค และต้องไม่เลือกปฏิบัติ ถ้าเป็นเครือข่ายกลุ่มอำมาตย์ก็ใช้มาตรฐานอีกอย่าง สำหรับผู้เขียนส่วนตัวไม่สนับสนุนอุตสาหกรรมผลิตสุรา แต่ในความเป็นจริงของโลกมนุษย์ ก็มีการผลิในประเทศและนำเข้าจากต่างประเทศ ถ้าคุณเล่นบนผู้ผลิตบางราย
ผู้ผลิตรายื่น ๆ และผู้ผลิตในต่างประเทศ ก็ขายกันเปรมอุรา รูปธรรมเรื่องนี้สะท้อนถึงวิธีทำงานและวิสัยทัศน์ของกลุ่มอำมาตย์ ทำให้ประเทศถอยหลังลงคลองทั้งการเมืองเศรษฐกิจสังคม

ในเวลาครึ่งปีแรกผ่านไป ผู้เขียนได้วิพากษ์ผลงานเศรษฐกิจไว้มากมาย
โครงการเช็คช่วยชาติ ต้นกล้าอาชีพ โครงการชุมนุมเศรษฐกิจพอเพียง ที่เละเทะ เหลวไหล ลอกแบบมาจากโครงการัฐบาลพลังประชาชนและไทยรักไทยเดิมอย่างไม่อาย
ที่เคยด่าว่าเขาเป็นประชานิยม กลับเอามาทำทุกอย่าง ซ้ำทำเสีย ๆ หาย ๆ โกงกินเละเทะ

ผู้เขียนได้วิพากษ์โครงการเหล่านี้มามากจนคร้านที่จะพูดถึงซ้ำซาก แต่การก่อหนี้มากมายมหาศาลเป็นประวัติการณ์ของชาติไทย
ถามว่าจะหาเงินมาใช้หนี้อย่างไร
ไม่เห็นพูดถึงผลงานการกู้หนี้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด
พูดฉอด ๆ เรื่องเอาเงินมาแจกโครงการนั่นโครงการนี่ ไม่ได้มีวิธีการหาเงินเลย
เอาเงินมากู้มาใช้จ่ายเรียกว่า “กระตุ้นเศรษฐกิจ” แทนคำว่าประชานิยม
ทั้งที่ไปลอกเขามาทำทั้งดุ้น แถมโฆษณาว่าจะก้าวข้ามไปสู่รัฐสวัสดิการ
คุณมาร์คที่รัก คุณจะเอาเงินที่ไหนมาทำ แล้วเราจะมาวิพากษ์กันต่อไป


http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P8719453/P8719453.html

นักข่าว CNN เคยปรามาสอภิสิทธิ์ไว้ว่า..อ่อนหัดเกินไป...ผมเชื่อแล้วครับว่าจริง

ที่มา thaifreenews

โดย Porsche



Posted by พยับหมอก


โดย คุณ ขนมต้ม
ที่มา เวบบอร์ด พันทิปราชดำเนิน
30 สิงหาคม 2552

อ้างถึง

นั่งนึกถึงตอนที่มาร์คเข้ามาเป็นนายกใหม่ๆ นักข่าวจาก CNN คุณแดน ริเวอร์ส์
ได้เขียนบทความลงใน blog ว่า อภิสิทธิ์อ่อนหัดเกินไป ? ...

ตอนนั้น ผมเข้าไปอ่านความเห็นของคนที่เข้าไปโพส "เถียง" แทนมาร์ค หลายคนพูดว่า"
คุณ (แดน) ไม่รู้เรื่องเี่กี่ยวกับเมืองไทย ..ทักษิณมันเลว ...อภิสิทธิ์ดี.."

ในบทความนั้น มีอยู่หลายประโยค ที่เขาเขียน ผมเห็นว่าน่าสนใจ ขอตัดมาบางส่วนเช่น

"His privileged background and lack of "real world"
experience will leave many in Thailand wondering
whether he really can empathize with their daily
difficulties."

แปลว่า ด้วยชาติตระกูลของเขา (อภิสิทธิ์)
รวมทั้งการขาดประสบการณ์ในชีวิตจริง
จะทำให้คนไทยหลายคนกังวลว่า เขา(อภิสิทธิ์)
จะจัดการกับปัญหาที่เข้ามาทุกวันได้หรือไม่
(ภาษาชาวบ้านก็คือ พวกเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ)

ในบทสรุปเขาเขียนว่า

"The problem is he has no mandate from
the people at the moment and has only
risen to the top,
after horse trading and
deal making in parliament. Sooner or
later he must face that test and go to
the nation; and without some quick
footwork to prove his mettle I fear he
will fail.."

แปลว่าปัญหาคือ เขาไม่ได้รับอำนาจจากประชาชน
แต่ได้เป็นนายก
เพราะการแลกเปลี่ยนข้อตกลงกันในรัฐสภาเท่านั้น
หลังจากนี้เขาจะต้องเจอกับการทดสอบ
และต้องเดินอยู่ในเวทีนานาชาติ
และด้วยความมัวแต่ไหว้ครูอยู่
เพื่อที่จะพิสูจน์ความกล้าหาญของเขาที่ผมเกรงว่า
เขาจะล้มไม่เป็นท่า

(ที่มา www.cnn.com )

เรื่องของเรื่องก็คือว่า ในตอนหลังจากรัฐบาลสมชายล้มไป
เพราะศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคนั้น กลุ่มพันธมิตรและสาวก
ปชป. ต่างไชโยโห่ร้องว่า นี่แหละ นายกคนใหม่ จะสู้ทักษิณ

พอตั้งรัฐบาลอะไรเสร็จเรียบร้อย เรื่องฉาวโฉ่ ก็เข้ามาทันที
นั่นคือ คน ปชป.หลายคน ไปเต้นร้องคาราโอเกะที่เกาะสมุย
เมากันสุดเหวี่ยง เพื่อ "ฉลอง" กับการได้เป็นรัฐบาล

เราก็ไม่อยากจะว่า เพราะเขาก็เป็นฝ่ายค้านมานาน เขาก็คงจะดีใจ

ต่อมา มีเรื่องอีกแล้ว ...นั่นคือ การโกงปลากระป๋องชาวบ้าน
จนรัฐมนตรีต้องลาออก เพื่อโชว์ว่า ข้ามีสปิริตนะ
(สปิริตตรงไหน)

เอ้า..เราก็ไม่ว่า พวกสื่อทั้งหลายก็บอกว่า เอาน่า ..ไม่เกี่ยวกัน
อภิสิทธิ์ได้โกอินเตอร์ ไปประชุมที่ดาวอส
(เพราะสมัยรัฐบาลสมัคร เขาเชิญไป)
นักข่าวจากฟาร์อีสเทิร์นอีโคโนมิคส์ ขอสัมภาษณ์
เขายังเอามาเขียนบอกว่า อภิสิทธิ์ "ไม่ให้เกียรติ"
ในการกินข้าวกับเขาเลย มัวแต่ล่อกแล่กไปมา

ส่วนรัฐมนตรีต่างประเทศ
ก็เกะกะระรานกับประเทศเพื่อนบ้านไปทั่วอย่างที่รู้กัน
คงไม่ต้องเล่า เพราะกระทู้นี้จะเกี่ยวข้องกับอภิสิทธิ์คนเดียว

จนมาตอนช่วงสงกรานต์ ที่กลุ่มเสื้อน้ำเงินสร้างเรื่อง
(อันนี้อย่ามาเถียงว่าไม่จริง)
เพื่อเป็นเงื่อนไขในการสลายการชุมนุม
และมาถึงสิ่งที่เป็นจุดเสื่อมมากที่สุดของรัฐบาลเทพประทานชุดนี้
ก็คือ "ความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง" ในการป้องกันไข้หวัด 2009

พอตอนไข้หวัด 2009 ระบาดใหม่ๆ ผมดู CNN
ข่าวเขารายงานกันที่เม็กซิโก ห่างกันเป็นหมื่นกิโลฯ
แต่แป๊บเดียว ประเทศไทยติดหวัด และจนถึงทุกวันนี้
ก็ยังตายกันเป็นร้อยศพแล้ว ที่น่าสงสารที่สุดก็คือ
หญิงมีครรภ์ที่ตายไป สองคนนั่นแหละ

รัฐบาลยังไม่ยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง
ไปโทษคนอื่นหน้าตาเฉย

พูดไปก็คงจะไร้ประโยชน์
เพราะรัฐบาลชุดนี้ คงเป็นอย่างที่นักข่าวซีเอ็นเอ็นเขาว่าไว้จริงๆ คือ
ไม่ใยดีกับความทุกข์ยากของประชาชน

ในขณะที่รัฐบาลตั้งหน้าตั้งตากู้เงิน
เพื่อเป็นหนี้ประเทศมากขึ้น สำนักบริหารหนี้สาธารณะ
(จำชื่อไม่ค่อยได้)
ได้ออกมาแถลงว่า หนี้สาธารณะเกือบถึงขีดแดงแล้ว
เพราะเขาคิดคำนวณว่า
ถ้ายอดหนี้ใกล้ตัวเลข 50% ของ GDP ถือว่าอันตราย
ของเราปาเข้าไป 40 กว่าเปอร์เซ็นต์
รัฐบาลชุดนี้ ก็ยังใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายเหมือนเดิม

ภาคเอกชน ที่นักข่าวไปสัมภาษณ์
ก็ไปสัมภาษณ์แต่ประธานสภา ฯ โน่นนี่ ..
ไม่เคยลงไปถามชาวบ้านร้านตลาดดูบ้างว่า เขา "เชื่อมั่น" แค่ไหนกับรัฐบาล

นอกเหนือจากความอ่อนด้อยทางเศรษฐกิจแล้ว
ยังอ่อนด้อยเรื่องการบริหารปกครอง

ดูอย่างกรณีโผตำรวจนี่ไง ...
ตอนเป็นฝ่ายค้าน
พูดจากระแนะกระแหนเขา บอกว่า ไปแทรกแซงข้าราชการประจำ

ตัวเองเป็นรัฐบาล ย้ายปลัดกระทรวงไม่เป็นธรรม
ย้ายคนโน้น ข้ามคนนี้ .. การปลด ผอ.สถานีวิทยุแห่งประเทศไทย การย้ายข้าราชการแบบคนไม่คิด ...เอาคนตัวเองเข้าแทน ฯลฯ

ผมจาระไนไม่หมดครับ สำหรับความบ้อท่าของมาร์ค

จนกระทั่งมาเมื่อวาน ..
ผมเห็นคุณณัฐวุฒิแถลงข่าว ...
ฝากรอยยิ้มไปให้อภิสิทธิ์ ...และคำพูดว่า "รักนะ..เด็กโง่"

ผมรู้สึก "ขายหน้า" แทนอภิสิทธิ์ครับ ..

ประโยคของนักข่าว CNN ที่บอกว่า
"ผมเกรงว่า เขาจะล้มไม่เป็นท่า" นั้น,
มันดูท่าจะเป็นจริงเสียแล้วล่ะ

ฝากบอกอภิสิทธิ์ด้วยคนว่า
ถ้าคุณคิดจะเป็นนายกรัฐมนตรี บริหารประเทศไทยแล้วล่ะก็ ...
กลับไปทบทวน ให้ดวงตาเห็นธรรม ...
ว่าคุณขาดอะไร ...อย่ามัวแต่เล่นลิ้น โทษคนอื่นครับ

---------------------------------------------------------------

ปล. ใครยังไม่เห็นรอยยิ้มของคุณณัฐวุฒิ หาดูได้นะครับ
คิดว่า คงมีคนเอามาไว้อยู่ ผมดูแล้ว
เป็นรอยยิ้มที่เรียกว่า sincere smiling
คือการยิ้มแบบจริงใจ
ไม่ใช่ยิ้มแล้วผงกหัว เหมือนผู้นำประเทศบางคน

นักจิตวิทยาหลายคน อย่าง ดร.วัลลภ
ผมเคยฟังเขาพูดถึงบุคคลิกของคนว่า
คนไหนจริงใจ คนไหนลวงโลก ...ผมเลยได้พิจารณาว่า เขาพูดถูกแฮะ..



http://thaienews.blogspot.com/2009/08/cnn-too-posh.html

มาร์คหลอนล่องใต้คุ้มกันแน่น ทั้งที่โดนกราบตีน

ที่มา Thai E-News



ติดใจขอเบิ้ล-ปีกลายนายกฯหุ่นเชิดอภิสิทธิ์ล่องใต้มาเที่ยวปีใหม่ที่กระบี่ มีชาวกระบี่รายหนึ่งทรุดก้มกราบเท้ากับพื้นหาดทราย ปีนี้ติดใจล่องใต้อีกไปที่พังงา ส่วนจะมีชาวพังงาทรุดก้มกราบเท้าอีกหรือไม่ ข่าวไม่แจ้ง แต่ผู้ว่าฯ ตำรวจผู้ใหญ่ ตำรวจน้ำสารพัดตามไปต้อนรับเอิกเกริกอย่างกับว่าเดินทางไปภาคเหนือหรืออีสานที่เผชิญแรงต้านจากประชาชน ยังไงยังงั้น


โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
2 มกราคม 2552


ขณะที่คนกรุงเทพฯพากันเคาต์ดาวน์กันที่เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ และเสื้อแดงขึ้นเหนือไปเคาต์ดาวน์กันที่เชียงใหม่ แต่อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีระบอบหุ่นเชิดเลือกชายทะเลภาคใต้ เป็นสถานที่พักผ่อนช่วงวันหยุดปีใหม่ปีนี้ เช่นเดียวกับเมื่อปีที่แล้ว

โดยเมื่อวันสิ้นปี (31 ธ.ค.)ราว 11.00 น.อภิสิทธิ์กับครอบครัว เดินทางไปพักผ่อนที่อำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด และจะเดินทางกลับกรุงเทพฯในวันเสาร์ที่ 2 มกราคม 2553 นี้

เมื่อปีที่แล้วอภิสิทธิ์ก็ล่องใต้พาครอบครัวมาพักผ่อนที่กระบี่ในช่วงปีใหม่ แม้อ้างว่าต้องการความเป็นส่วนตัว แต่สื่อมวลชนคือหนังสือพิมพ์ข่าวสดก็ไม่วายถ่ายภาพช็อตเด็ดเอาไว้ได้ เป็นภาพอภิสิทธิ์เดินเล่นบนชายหาด แล้วมีชาวกระบี่วัย 65 ปีคนหนึ่ง ตรงเข้ามาก้มกราบกับพื้นหาดทราย บอกว่า "ผมเคารพนับถือนายกฯ อภิสิทธิ์มาก ถ้าเจอจะเข้าไปกราบทันที" เจ้าตัวได้แต่ยิ้มเขินๆ พร้อมออกตัว

"มาพักผ่อนครั้งนี้เหนื่อยมาก แต่ดีใจที่มีคนต้อนรับกันเป็นอย่างดี ที่สำคัญไม่มีกลุ่มคนเสื้อแดงมาต้อนรับแม้สักคนเดียว ไม่งั้น จะเหนื่อยมากกว่านี้"

Friday, January 1, 2010

1 มกราคม 2553

แลหน้าการเมือง 2553 ปีเปลี่ยนวิกฤต

ผ่าดวงการเมืองปีเสือผยอง

ไม่หลักลอย

"เพื่อไทย"เตรียมยื่นซักฟอกนายกฯ ปมไทยเข้มแข็ง สธ. แทน"วิทยา"

ปีใหม่ใหม่ไหม?

แก็งค์ 18 มงกุฏโผล่ที่อเมริกา!!

ที่มา thaifreenews

โดย ป้าพลอย

เราเข้ามายืนในพุทธศักราชใหม่อย่างโก้หรู2010 แถมเป็นปีเสือที่ดุร้าย แต่อาจจะดุร้ายแค่ในประเทศไทยประเทศเดียว ประเทศอื่นๆก็คงอยู่กันอย่างสงบสุข ความผาสุขที่จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ ยื่นความยุติธรรมให้ซี่งกันและกัน หากประเทศใดไม่มีความยุติธรรม ประเทศนั้นๆ จะหาความ

สมานฉันท์ จะหาความสุขสงบไม่ได้อย่างแน่นอน เพราะในเมื่อใช้ความอยุติธรรมเห็นแก่ตัวต่อประชาชน ประชาชนไม่สามารถทนการถูกข่มเหงรังแกแบบนี้ตลอดไป ไม่วันใดวันหนึ่งประชาชนต้องร่วมใจกันลุกขึ้นต่อสู้ สู้เพื่อเอาความยุติธรรมกลับคืนมาให้พี่น้องชาวไทย ต่อสู้เพื่อให้ได้มา

ซึ่งความถูกต้อง และเพื่อกอบกู้ประเทศชาติที่สลักหักพังเพราะถูกโจรปล้นทำลายทรัพย์สินเสียหาย แม้แต่ชื่อเสียงประเทศก็ไม่มีเหลือใว้อีกเลย เราถูกกลุ่มโจรสลัดปล้น..จนป่านนี้โจรสลัดมันยังลอยนวลเย้ยกฏหมายไทยอยู่เลย แถมเดินเข้าออกประเทศไทย ต่างประเทศอย่าง

คนธรรมดา ไม่มีใครกล้าจับกุม ไม่มีใครกล้าขัดขวาง แถมตั้งพรรคการเมืองได้ ขณะนี้กำลังสถาปนาตัวเองสมมุติอยู่ที่อเมริกาว่า ตัวเองเป็นนายกในเวลาอันใกล้นี้ อ่านข่าวนี้แล้วให้สลดใจ และสมเพชพวกที่สนับสนุน ที่อยู่กระทั่งถึงต่างประเทศกินขนมปังชั้นสูง แต่ไหงยังเสพหญ้า

อยู่เหมือนเดิม แถมยังมีหูมีตาที่มืดบอดสนิทอยู่อีก ทั้งที่ระบบต่างประเทศนั้นแอนตี้พวก 18 มงกุฏที่หากินผิดกฏหมาย แต่ไม่ทราบว่าทำไมที่อเมริกาจึงอนุญาติ ให้พวก 18 มงกุฏไปเย้วๆได้ แถมมีพวกตาสี ตาสา ที่อยู่ที่เจริญแล้วคอยสนับสนุนพวก 18 มงกุฏ บ้านเราประเทศไทย

พวก ตาสี ตาสา ปัจจุบันนี้ฉลาดกันทุกคน ตาสว่างกันทุกคน ไม่หลงคารมพวก 18 มงกุฏอีกต่อไป ฉะนั้นพวก 18 มงกุฏจึงยกโขยงไปหากินถึงต่างประเทศ ให้งงกับพฤติการณ์นี้ แถมหัวหน้ายังพูดจากร้าวร้าวพลาดพิงถึงใครๆเป็นการบอกนัยๆถึงคนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ที่ปกป้องตน

ให้ออกนอกประเทศไปก่อน แล้วเดือนมกราคมจึงค่อยกลับมาใหม่ ความหมายคำพูดนี้ หากเป็นของฝ่ายคนเสื้อแดงพูดละก็รับรอง พวกฝ่ายตรงกันข้ามกับเสื้อแดง สื่อจะนำเอามาตีฆ้องร้องเป่าประโครมให้เป็นเรื่องเป็นราว เอาความผิดหาว่าหมิ่นทันที แต่พวก 18 มงกุฏกระทำทุกๆคนต่าง

นิ่งเงียบปล่อยให้คนเหล่านี้กระทำตามอำเภอใจ เหมือนที่เคยทำเมื่อครั้งปี 2551 ตลอดทั้งปี มันช่างอนาถแท้ประเทศไทยเราที่สนับสนุนคนชั่วให้กระทำความผิด แทนที่จะให้พวกเขายุติรับกรรมที่ก่อเอาใว้มากมาย ที่ปลุกระดมให้คนในชาติต้องแตกแยกกัน ก็เพราะพวก 18 มงกุฏกลุ่มนี้

ที่ต้องเกิดมีสี 2 สีขึ้นในประเทศไทย ความเลวร้ายที่เกิดขึ้นก็เพราะ ผู้คนไปหลงสนับสนุนคนผิดนั่นเอง กว่าจะรู้ตัวว่าถูกหลอกให้เสพหญ้า บ้านเมืองก็แตกเป็นเสี่ยงๆไปแล้วเวลานี้ รอยร้าวมีทุกหัวระแหงในแผ่นดิน ความยากจนคืบคลานครอบครองไปทั่วแผ่นดิน ประเทศไทยกำลัง

ไม่มีอะไรเหลือ แม้แต่น้ำใจหยดหนึ่งก็ยังไม่มีให้ต่อกัน มันแห้งแล้งไปทุกอย่าง แล้วเราจะทนอยู่กับความใจดำอำมหิตแล้งน้ำใจของคนพวกนี้อีกนานเท่าใดหนอ? ฮืม

ผู้อ่านไทยอีนิวส์ปรารถนาพรปีใหม่..ขอให้ประเทศชาติมีประชาธิปไตย สังคมไทยมีความยุติธรรม

ที่มา Thai E-News



โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
1 มกราคม 2553


ในวาระส่งท้ายปีเก่า ย่างเข้าสู่ปีใหม่ 2553 มาทำความรู้จักกันหน่อยว่า ท่านผู้อ่านของเราคือใคร? จากการจัดสำรวจพบว่า ท่านผู้อ่านส่วนใหญ่เป็นเพศชาย วัยผู้ใหญ่อายุระหว่าง40-60ปีมากที่สุด จบการศึกษาระดับปริญญาตรีมากที่สุดคือ 49%จบสูงกว่าปริญญาตรี 33 % เป็นผู้อาศัยในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลมากที่สุดคือ44% อาศัยในต่างประเทศ11% มีอาชีพเป็นนักธุรกิจ,เจ้าของกิจการมากที่สุด ทัศนะทางการเมืองเป็น"นักปฏิรูป"มีความปรารถนาอยากให้ไทยมีระบอบการปกครองประชาธิปไตยที่มีกษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญแบบอังกฤษ-ญี่ปุ่นมากที่สุด ส่วนใหญ่ต้องการแก้วิกฤตประเทศ โดยเสนอให้นำรัฐธรรมนูญปี40กลับมาใช้ แล้วจัดเลือกตั้งใหม่ และต้องเคารพผลตัดสินของประชาชนอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตามท่านผู้อ่านของเราได้ก้าวข้ามพ้นประเด็น"ทักษิณ"ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท่านผู้อ่านของเราอยากให้ไทยอีนิวส์เป็นสื่อที่มีจุดยืนฝ่ายประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการ แต่นำเสนอข่าวอย่างรอบด้าน ส่วนความหวังในปีใหม่2553นั้น ท่านผู้อ่านปรารถนาขอให้ประเทศมีประชาธิปไตยขอให้ประเทศมีประชาธิปไตย สังคมไทยมีความยุติธรรมมากที่สุด


ไทยอีนิวส์ เป็นสื่อกระแสทวนของภาคพลเมือง โดยทีมข่าวอาสาที่มีจุดยืนประชาธิปไตย ไม่แสวงหารายได้ และไม่รับการอุดหนุนจากใคร เริ่มเปิดตัวครั้งแรกเมื่อ 5 พฤศจิกายน 2549 เราเริ่มนับยอดจำนวนท่านผู้อ่านอย่างเป็นทางการครั้งแรกเมื่อเดือนเมษายน 2550ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2552 มียอดผู้เข้าอ่านทั้งสิ้น 13.75 ล้านคลิ้ก

ผู้อ่านไทยอีนิวส์ปรารถนาให้ประเทศเป็นประชาธิปไตยสังคมไทยมีความยุติธรรมในปีใหม่2553

ในการสำรวจความคิดเห็นท่านผู้อ่านไทยอีนิวส์ล่าสุดในหัวข้อ ท่านปรารถนาพรใดที่สุดในปีใหม่ 2553 มีผู้ตอบแบบสอบถามทั้งสิ้น 3,841 ท่าน ผลเป็นดังนี้

-ขอให้ประเทศมีประชาธิปไตย สังคมไทยมีความยุติธรรม 3,132 ท่าน (81%)
-ขอให้ครอบครัวและตัวเองสุขภาพดีมั่งคั่ง คนไทยมีความสุข 264 ท่าน (6%)
-ขอให้ในหลวงพระพลานามัยดี ประเทศมีความสงบสุข 244 ท่าน (6%)
-ขอให้คนไทยหยุดความแตกแยก ในหลวงจะได้มีความสุข คนไทยรู้รักสามัคคี 160 ท่าน (4%)
-อื่นๆ 41 ท่าน (1%)


ท่านผู้อ่านอยากให้ไทยอีนิวส์เป็นสื่อที่มีจุดยืนประชาธิปไตย ต้านเผด็จการ แต่รอบด้าน

ผลการสำรวจในครั้งก่อนนี้ ในหัวข้อเรื่อง ท่านอยากเห็นไทยอีนิวส์ก้าวไปทางใดที่สุดมีท่านผู้อ่านตอบสอบถามทั้งสิ้น 2,096 ท่าน ผลสำรวจเป็นดังนี้

-ให้เป็นสื่อที่มีจุดยืนข้างประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการ แต่นำเสนออย่างรอบด้าน จำนวน1,311ท่าน คิดเป็น62%
-ต้องมีความน่าเชื่อถือตรวจสอบอย่างรอบด้านก่อนนำเสนอข่าว 298 ท่าน คิดเป็น14%
-ไม่ต้องปรับปรุงอะไร แบบปัจจุบันนี้ก็โอเคดีอยู่แล้ว 217 ท่าน คิดเป็น 10%
-อยากให้วางตัวเป็นกลาง ไม่เลือกข้าง เสนอข่าวรอบด้าน 138 ท่าน คิดเป็น6%
-อยากให้นำเสนอข่าวเรียลไทม์ฉับไวทันสถานการณ์เช่นส่งข่าวทางSMSจำนวน65ท่าน คิดเป็น 3%
-อยากให้เลิกซะเถอะ เพราะเป็นแค่สื่อเทียม ขี้ข้าเหลี่ยมรับเงินแม้ว จำนวน 53 ท่าน คิดเป็น 2%
-อื่นๆ 2 ท่าน ไม่ถึง 1%


ไทยอีนิวส์ขอกราบขอบพระคุณท่านผู้อ่านที่กรุณาสละเวลาตอบแบบสอบถาม ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อทีมงานจะได้น้อมรับมติของท่านผู้อ่านของเราเพื่อนำไปปรับปรุงพัฒนาการนำเสนอของเราต่อไป หากท่านผู้อ่านมีข้อเสนอแนะใดๆเพิ่มเติมกรุณาแจ้งมาที่ thaienews99@googlegroups.com


ใครคือผู้อ่านไทยอีนิวส์?

ไทยอีนิวส์ได้สำรวจพื้นฐานท่านผู้อ่านของเราในเรื่องเพศ วัย การศึกษา อาชีพ ที่อยู่อาศัยปัจจุบัน โดยมีผลสำรวจเป็นดังนี้

1.ผู้อ่านไทยอีนิวส์เป็นเพศชายมากที่สุด ส่วนมากเป็นผู้ใหญ่อายุระหว่าง40-60ปี

ไทยอีนิวส์สำรวจฐานท่านผู้อ่านล่าสุดระหว่างวันที่ 7-11 ก.ย.2552 ในเรื่องเพศและอายุ มีผู้ตอบแบบสำรวจทั้งสิ้น 3,292 ท่านผลการสำรวจเป็นดังนี้

-เป็นเพศชายมากที่สุด 1,553 ท่าน
-รองลงมาเป็นเพศหญิง 661 ท่าน
-เพศที่สาม 27 ท่าน

อายุระหว่าง41-50ปีมากที่สุด จำนวน 1,175 ท่าน
อายุระหว่าง 51-60ปีรองลงมา จำนวน 915 ท่าน
อายุระหว่าง 31-40ปีรองลงมา จำนวน 627 ท่าน
อายุระหว่าง20-30ปีรองลงมา จำนวน 245 ท่าน
อายะระหว่าง61-70ปี จำนวน 222 ท่าน
อายุต่ำกว่า 20 ปีลงมา จำนวน 45 ท่าน
อายุเกิน 70 ปีขึ้นไป จำนวน 35 ท่าน


2.ผู้อ่านไทยอีนิวส์เป็นนักธุรกิจมากที่สุด ตามมาด้วยข้าราชการ นักวิชาชีพ ปัญญาชน

ผลการสำรวจเรื่องอาชีพของผู้อ่านไทยอีนิวส์ระหว่างวันที่ 28 สิงหาคม -1 กันยาน 2552 มีผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 2,580 ตัวอย่าง มีผู้ประกอบอาชีพมากที่สุดเรียงตามลำดับ ดังต่อไปนี้

-มากที่สุดอันดับ 1 คือนักธุรกิจ เจ้าของกิจการ 589 ตัวอย่าง คิดเป็น 22% ของผู้อ่านทั้งหมด
-รองลงมาเป็นอาชีพข้าราชการในระดับปฏิบัติงาน 330 ตัวอย่าง คิดเป็น 12 %
-ตามมาด้วยนักวิชาชีพด้านแพทย์ วิศวกร สถาปนิก นักบัญชี นักวิทยาศาสตร์ 232 ตัวอย่าง หรือ 8%
-พนักงานบริษัทเอกชนในระดับปฏิบัติงาน 189 ตัวอย่าง คิดเป็น 7%
-นักวิชาการ อาจารย์สถาบันการศึกษา 179 ตัวอย่าง คิดเป็น 6%
-เกษียณแล้ว 180 ตัวอย่าง คิดเป็น 6%
-นักบริหารระดับกลางในธุรกิจภาคอกชน 139ตัวอย่าง คิดเป็น 5%
-นักบริหารระดับกลางในภาคราชการ 134 ตัวอย่าง คิดเป็น5%
-นักเรียน นักศึกษา 103 ตัวอย่าง คิดเป็น 3%
-นักบริหารระดับสูงในภาคธุรกิจเอกชน 61 ตัวอย่าง คิดเป็น 2%
-ผู้ใช้แรงงาน 76 ตัวอย่าง คิดเป็น 2%
-ผู้ว่างงาน 73 ตัวอย่าง คิดเป็น 2%
-เกษตรกร 43 ตัวอย่าง คิดเป็น 1%
-นักบริหารระดับสูงในภาครัฐบาล 32 ตัวอย่าง คิดเป็น 1%
-ศิลปิน นักแสดง นักเขียน นักวิจารณ์ 33 ตัวอย่าง คิดเป็น 1%
-สื่อมวลชน 26 ตัวอย่าง คิดเป็น 1%
-ที่ไม่แจงนับถึง1%ได้ มีNGO นักสิทธิมนุษยชน องค์การมหาชน 12 ตัวอย่าง,ตุลากร อัยการ องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ 13 ตัวอย่าง และอาชีพอื่นๆนอกจากขางต้นนี้ 136 ตัวอย่าง คิดเป็น 5%


3.ผู้อ่านของเรามีการศึกษาระดับปริญญาตรีสูงที่สุด ตามมาด้วยจบสูงกว่าปริญญาตรี

ไทยอีนิวส์มีการนำเสนอผลการสำรวจระดับการศึกษาของผู้อ่านไทยอีนิวส์ที่ที่จัดสำรวจระหว่างวันที่ 12-15 สิงหาคม 2552 มีผู้ตอบแบบสอบถามทั้งสิ้น 1,534 คน ผลเป็นดังนี้


-มีการศึกษาต่ำกว่าระดับปริญญาตรี จำนวน 257 ตัวอย่าง คิดเป็น 16 %
-มีการศึกษาในระดับปริญญาตรี จำนวน 766 ตัวอย่าง คิดเป็น 49 %
-มีระดับการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรี จำนวน 511 ตัวอย่าง คิดเป็น 33 %


4.มีที่อยู่ในกรุงเทพฯเป็นส่วนใหญ่ และอยู่เมืองนอกอีกไม่น้อยกว่า10%

ไทยอีนิวส์ยังได้เปิดเผยผลสำรวจที่อยู่ปัจจุบันของผู้อ่านไทยอีนิวส์ระหว่างวันที่ 20-24 สิงหาคม 2552 มีผู้ตอบแบบสอบถามทั้งสิ้น 3,182 ท่าน ผลการสำรวจเป็นดังนี้


-อาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 1,420 ตัวอย่าง คิดเป็น 44 %ของผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด
-รองลงมาอาศัยในเขตภาคเหนือ 529 ตัวอย่าง คิดเป็น 16 %
-ตามมาด้วยอาศัยอยู่ในภาคอีสาน 352 ท่าน คิดเป็น 11 %
-อาศัยอยู่ในเขตภาคกลางและตะวันออก 299 ท่าน คิดเป็น 9%
-อาศัยอยู่ในต่างประเทศโซนทวีปอเมริกา 210 ท่าน คิดเป็น 6 %
-อาศัยอยู่ในเขตภาคใต้ 153 ท่าน หรือคิดเป็น 4 %
-อาศัยอยู่ต่างประเทศ โซนทวีปยุโรป 118 ท่าน คิดเป็น 3 %
-อาศัยอยู่ในต่างประเทศโซนเอเชีย 55 ท่าน คิดเป็น 1 %
-อาศัยอยู่ในต่างประเทศ โซนออสเตรเลีย 36 ท่าน คิดเป็น 1%
-อาศัยอยู่ในต่างประเทศโซนอาฟริกา 3 ท่าน ไม่แจงนับเป็นร้อยละได้
-อาศัยอยู่ในที่อื่นๆนอกจากข้างต้น 7 ท่าน ไม่แจงนับเป็นร้อยละได้


เมื่อพิจารณาโดยสรุปแล้ว มีผู้อ่านไทยอีนิวส์เป็นผู้มีที่อยู่ปัจจุบันในประเทศไทยเป็นส่วนใหญ่ และมากที่สุดในกรุงเทพฯและปริมณฑล รองลงมาคือภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลางและตะวันออก และภาคใต้ ตามลำดับ

ขณะที่มีผู้อ่านซึ่งมีที่อยู่อาศัยปัจจุบันอยู่ในต่างประเทศ 11 % มากที่สุดคือโซนอเมริกา รองลงมาคือยุโรป ทวีปออสเตรเลีย เอเชีย และอาฟริกา ตามลำดับ

5.ผู้อ่านไทยอีนิวส์ก้าวพ้นประเด็นทักษิณไปแล้ว แต่อำมาตย์ยังงมโข่ง

ผลการสำรวจของไทยอีนิวส์โพลล์ ชี้แนวโน้มคนเสื้อแดงก้าวข้ามประเด็น"ทักษิณ"ไปแล้ว โดยกว่า50%ชูข้อเรียกร้องหลักเรื่องผลประโยชน์แห่งชาติ เร่งนำรธน.40กลับมาใช้เร่งจัดเลือกตั้งใหมให้เสียงประชาชนชี้ขาด ขณะที่ฝ่ายอำมาตย์และสมุนบริวารยังงมโข่งท่องคาถาเดิมว่าสู้"เพื่อทักษิณคนเดียว"


ไทยอีนิวส์ได้สำรวจความคิดเห็นท่านผู้อ่านของเราในหัวข้อ"ภารกิจใดที่แกนนำเสื้อแดงควรเร่งทำก่อน?"ในช่วงกลางเดือนตุลาคม 2552 มีผู้ตอบแบบสำรวจทั้งสิ้นจำนวน 2,085 ท่าน ผลการสำรวจเป็นดังนี้

-เร่งนำรัฐธรรมนูญปี2540กลับมาใช้ และเร่งจัดการเลือกตั้งใหม่ให้ประชาชนชี้ขาด จำนวน1,006 ท่าน คิดเป็น 48%
-รองลงมาเร่งเอาผิดพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ และสมุนบริวารที่ทำลายประชาธิปไตย 330 ท่าน คิดเป็น 15%
-เร่งเอาผิดผู้ก่อการร้ายพันธมิตรยึดสนามบินและยึดทำเนียบรัฐบาลเพราะจวนครบ1ปีแล้ว 244 ท่าน คิดเป็น 11%
-เร่งสร้างสื่อครบวงจรเพื่อให้สามารถสู้ในสงครามข่าวสารกับสื่อเหลืองและสื่อหลักได้ 172 ท่าน คิดเป็น 8%
-เร่งสร้างเอกภาพในหมู่แกนนำเสื้อแดงให้เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน 167 ท่าน คิดเป็น 8%
-เร่งติดตามฎีกาพระราชทานอภัยโทษให้พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาบริหารประเทศ 60 ท่าน คิดเป็น 2%
-เร่งยกเลิกพรบ.ความมั่นคงและยกเลิกการบังคับใช้กฎหมายหมิ่นฯและปลดปล่อยเหยื่อคดีหมิ่นฯ 57 ท่าน คิดเป็น2%
-เร่งประนีประนอมสมานฉันท์กับทุกฝ่ายยุติความขัดแย้งภายในชาติ 49 ท่าน คิดเป็น 2%


ผลการสำรวจครั้งนี้มีข้อที่น่าสังเกตว่า ท่านผู้อ่านไทยอีนิวส์ได้"ก้าวข้าม"ประเด็นทักษิณไปแล้ว คือการที่อดีตนายกฯทักษิณจะได้รับพระราชทานอภัยโทษแล้วกลับมาบริหารประเทศหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ และน่าจะเป็นการตอบข้อครหาที่ฝ่ายเหลืองและอำมาตย์โจมตีว่าเสื้อแดงสู้เพื่อ"ทักษิณคนเดียว"นั้นประเมินผิดพลาด

ผลสำรวจนี้มีแนวโน้มที่จะชี้ให้เห็นว่า ฝ่ายเสื้อแดงนั้นก้าวข้ามพ้น"ทักษิณ"ไปเป็นการต่อสู้ในเชิงหลักการ เพื่อผลประโยชน์แห่งชาติ นั่นก็คือการเรียกร้องให้นำรัฐธรรมนูญประชาธิปไตยปี40กลับมาใช้ และเร่งจัดการเลือกตั้งใหม่ให้ประชาชนชี้ขาดอนาคตของประเทศ

อนึ่งอดีตนายกฯทักษิณได้โฟนอินเข้ามายังที่ชุมนุมเสื้อแดงเมื่อวันที่17ต.ค.2552ว่า เขาไม่อยากให้แกนนำเสื้อแดงหวังเกินไปว่าฎีกาพระราชทานอภัยโทษครั้งนี้จะสำเร็จ แต่ขอให้คนไทยทุ่มเทการต่อสู้ไปที่การนำรัฐธรรมนูญปี40กลับมา และสร้างประชาธิปไตยขึ้นในประเทศเป็นหลัก อันสอดคล้องกับผลการสำรวจล่าสุดของไทยอีนิวส์

ศ.นพ.ประเวศ วะสี นักคิดปัญญาชนสำคัญของฝ่ายอำมาตย์ได้ออกจดหมายเปิดผนึกถึงทักษิณครั้งล่าสุด โดยคงเนื้อหาสาระสำคัญว่าอดีตนายกฯทักษิณมีอิทธิพลชี้เป็นชี้ตายทำให้เกิดความสงบหรือปั่นป่วนในประเทศได้ หากทักษิณหวังดีต่อบ้านเมืองจริง ก็ต้องยุติความเคลื่อนไหวทางการเมืองเสีย(อ่านจดหมายเปิดผนึกประเวศ วะสีถึงทักษิณ คลิ้ก )

6.ท่านผู้อ่านไทยอีนิวส์เป็นนักปฏิรูปอยากให้นำรธน.40มาแก้ไขวิกฤตประเทศ

เรายังได้จัดทำโพลล์สำรวจความคิดเห็นของท่านผู้อ่านในหัวข้อเรื่อง"ประเทศไทยควรมีหนทางออกจากวิกฤตการเมืองอย่างไร?" โดยมีผู้ตอบแบบสอบถามทั้งสิ้น 2,261 ท่าน ผลการสำรวจเป็นดังนี้

-กลับไปใช้รัฐธรรมนูญปี40แล้วจัดเลือกตั้งใหม่ และต้องเคารพเสียงตัดสินของประชาชน971ท่าน คิดเป็น42%
-แก้รัฐธรรมนูญเพื่อขจัดอำนาจผู้มีบารมีนอกรธน.แล้วจัดเลือกตั้งใหม่ และเคารพเสียงตัดสินประชาชน633ท่าน หรือ27%
-แก้รธน.ให้ไทยเป็นสหพันธรัฐ มีรัฐบาลท้องถิ่น กับมีรัฐบาลกลางตามเสียงประชาชนเลือกตั้ง 297ท่าน หรือ13%
-แบ่งแยกประเทศเป็นไทยเหนือ+อีสาน,ไทยใต้+ไทยกรุงเทพฯ เป็นต้น 123 ท่าน คิดเป็น5%
-ทำสงครามกลางเมืองแบบแตกหักให้รู้แพ้ชนะกันไปข้าง 82 ท่าน คิดเป็น 3%
-ยุบสภาแล้วจัดเลือกตั้งใหม่ตามรธน.ปี50และต้องเคารพเสียงตัดสินของประชาชน63ท่าน คิดเป็น2%
-อภิสิทธิ์ลาออก จัดตั้งรัฐบาลปรองดองแห่งชาติ ยกเลิก2มาตรฐาน 60 ท่าน คิดเป็น2%
-เห็นว่าที่เห็นอยู่แบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว ไม่ต้องทำอะไร 12 ท่าน ไม่แจงนับเป็นเปอร์เซ็นต์ได้
-อื่นๆอีก20ท่าน ไม่แจงนับเป็นเปอร์เซ็นต์ได้


ผลสำรวจนี้น่าจะชี้ว่า ท่านผู้อ่านของไทยอีนิวส์เป็นนักปฏิรูปการเมืองปฏิรูปสังคม มากกว่าที่จะต้องการเปลี่ยนแปลงปฏิวัติอย่างถอนรากถอนโคน รวมทั้งผลสำรวจในหัวข้อถัดไปก็ชี้แนวโน้มไปในทิศทางเดียวกันนี้ด้วย

7.ปรารถนาระบอบประชาธิปไตยที่มีกษัตริย์ใต้รธน.แบบอังกฤษ-ญี่ปุ่น

ก่อนหน้านี้ เราได้สุ่มสำรวจความเห็นของท่านผู้อ่านของเราในหัวข้อ"ท่านมีความปรารถนาอยากให้ประเทศไทยปกครองแบบใดที่สุด?" โดยมีผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด 1,956 ท่าน ผลการสำรวจ เป็นดังนี้

-ประชาธิปไตยที่มีกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญ แบบเดียวกับอังกฤษ และญี่ปุ่น จำนวน 843 ท่าน คิดเป็น 43%
-รองลงมาคือประชาธิปไตยแบบสหพันธรัฐ แบบเดียวกับสหรัฐอเมริกา หรือสวิตเซอร์แลนด์ จำนวน 370 ท่าน คิดเป็น18%
-รัฐสวัสดิการที่มีกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญแบบสแกนดิเนเวีย(สวีเดน เดนมาร์ค นอรเวย์)จำนวน 340 ท่าน คิดเป็น 17%
-ประชาธิปไตยแบบสาธารณรัฐฝรั่งเศส หรือเยอรมนี จำนวน 340 ท่าน คิดเป็น 15%
-สังคมนิยมที่มีเศรษฐกิจเสรีนิยมแบบจีน จำนวน 34 ท่าน คิดเป็น 1%
-ประชาธิปไตยแบบไทยๆเหมือนในปัจจุบัน จำนวน 26 ท่าน คิดเป็น1%
-กลับไปเป็นราชาปไตยเหมือนก่อนปีพ.ศ.2475 จำนวน 22 ท่าน คิดเป็น1%
-เผด็จการแบบเกาหลีเหนือ หรือพม่า คิวบา จำนวน 6 ท่าน ไม่สามารถแจงนับเป็น%
-อื่นๆ จำนวน 11 ท่าน ไม่สามารถแจงนับเป็น%ได้


8.ท่านผู้อ่านของเราเทใจให้พรรคเพื่อไทยท่วมท้น

และเมื่อสำรวจภายใต้หัวข้อว่า "ถ้ามีการจัดเลือกตั้งในวันพรุ่งนี้ ท่านจะเลือกพรรคใด?" มีผู้ตอบแบบสำรวจทั้งสิ้น 4,122 ท่าน ผลสำรวจออกมาเป็นดังนี้

-พรรคเพื่อไทย 3,856 ท่าน คิดเป็น 93%ของผู้ตอบแบบสำรวจทั้งหมด
-พรรคประชาธิปัตย์ 107 ท่าน คิดเป็น 2% ของผู้ตอบแบบสำรวจทั้งหมด
-พรรคการเมืองใหม่ 50 ท่าน คิดเป็น 1% ของผู้ตอบแบบสำรวจทั้งหมด
-ใช้สิทธิ์ไม่ลงคะแนนให้พรรคใด 57 ท่าน คิดเป็น 1%
-ไม่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง 22 ท่าน ไม่ถึง1%
-พรรคภูมิใจไทย 9 ท่าน พรรคเพื่อแผ่นดิน 3 ท่าน พรรคชาติไทยพัฒนา 2 ท่าน พรรคอื่นๆ 16 ท่าน ไม่ถึง 1%


ผลการสำรวจนี้ ชี้แนวโน้มไปในทิศทางที่ว่าท่านผู้อ่านไทยอีนิวส์ เป็นกลุ่มที่นิยมพรรคเพื่อไทยอย่างท่วมท้น ขณะที่นิยมพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคการเมืองใหม่รองลงมา แต่ในสัดส่วนที่ห่างกันลิบลับ

วันพฤหัสบดี, ธันวาคม 31, 2009

"เหลิม"ประกาศเปิดศึก กกต.ทุกรูปแบบ ขู่ฟ้องกลับ"ประชัย"

ที่มา มติชน

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน และประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย(พ.ท.) กล่าวตั้งข้อสังเกตถึงการพิจารณาคดียุบ ปชป.ของ กกต.ว่า เรื่องดังกล่าวสังคมรู้ความจริงกันทั้งหมด แต่เหตุใด กกต.ถึงไม่เคยเอ่ยถึงเงินจำนวน 23 ล้านบาท ที่เป็นเงินสำหรับพัฒนาการเมือง นอกจากนี้สำนวนที่ดีเอสไอ (กรมสอบสวนคดีพิเศษ) ส่งมานายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองเคยอ่านหรือไม่ หรืออนุกรรมการตัดตอน เพราะในสำนวนระบุชัดว่า เงินที่อ้างว่าบริจาค 258 ล้าน ไม่ใช่เงินของนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ อดีตผู้บริหารบริษัท ทีพีไอโพลีน จำกัด (มหาชน) แต่มาจากตลาดหลักทรัพย์ โดยนำเงินบางส่วนไปทำป้ายหาเสียงให้กับสภากรุงเทพฯ สภาเขต และผู้ว่าฯกทม.ของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งสามารถประเมินเป็นทรัพย์สินได้ จึงไม่ทราบว่าเหตุใด กกต.ถึงระบุว่า ปชป.ไม่ได้ประโยชน์ในเรื่องนี้โดยตรง


"ผมไม่ยอมหรอก จากนี้ต่อไปจะเปิดศึกทุกรูปแบบกับ กกต. ส่วนที่นายประชัยฟ้องผมและศาลยกฟ้องนั้น ผมจะฟ้องกลับนายประชัยข้อหาฟ้องเท็จ และเรียกค่าเสียหายจำนวน 500 ล้านบาท โดยไม่มีการรอมชอมโดยเด็ดขาด รบกันให้เต็มพิกัดไปเลย" ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว

NGOsที่รักภาคพิสดาร(5):ราชสีห์อีสานกับขบวนการภาคประชาชน

ที่มา Thai E-News


*บำรุง บุญปัญญา ผู้ได้ฉายา"ราชสีห์อีสาน"นักพัฒนาอาวุโสผู้ทรงอิทธิพลต่อแวดวงขบวนการเอ็นจีโอ และภาคประชาชนในอีสาน

โดย คุณรักเอ็นโตดี ห่วงประชาชน
31 ธันวาคม 2552

หมายเหตุ:อันเนื่องมาจากผู้ใช้นามสุรีย์ มิ่งวรรณลักษณ์ ได้เขียนบทความเรื่อง"ขุนนาง NGO กป.อพช.และวิธีคิดอำมาตยาธิปไตย"ลงในหนังสือพิมพ์ออนไลน์ประชาไท เป็นการวิพากษ์วิจารณ์บทบาทของขบวนองค์การพัฒนาภาคเอกชน หรือ(NGOs)ว่าอยู่ตรงกันข้ามกับฝ่ายประชาธิปไตย

ต่อมาผู้ใช้นาม"รักเอ็นโตดี ห่วงประชาชน"ได้เขียนวิพากษ์ขบวนการNGOsอย่างเผ็ดร้อนเพิ่มเติม ไทยอีนิวส์เห็นว่าเป็นการวิพากษ์ในลักษณะของ"คนวงใน"ตอมกันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จึงน่าจะเป็นประโยชน์ต่อสาธารณชนให้ได้เข้าใจว่าเพราะเหตุใด NGOs จึงมีบทบาทความเคลื่อนไหวในลักษณะต่อต้านประชาธิปไตย อิงแอบแนบชิดกับอำมาตย์เผด็จการ ทั้งนี้ผู้อ่านพึงใช้วิจารณญาณ และไทยอีนิวส์ยินดีเผยแพร่ในอีกมุมหนึ่งให้ หากผู้ที่ถูกพาดพิงจะมีปฏิกริยาโต้ตอบกลับมา


รางวัลจากลิ้มให้หัวหน้าสายยอดขายเข้าเป้า-ลิ้มมอบรางวัลทัวร์อียิปต์10วันให้พันธมิตรสายNGOไปทัวร์อียิปต์ หลังปิดสนามบินโค่นรัฐบาลจากการเลือกตั้งของประชาชนสำเร็จ ในภาพนี้ก็มีสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ สมศักดิ์ โกศัยสุข พิภพ ธงชัย สุริยะใส กตะศิลา นิติรัตน์ ทรัพย์สมบูรณ์ สุริยันต์ ทองหนูเอียด เป็นอาทิ



กรูยังไม่ได้หายปายหนายดอก.....พอดีกรูก็ต้องไปทำมาหารับประทานดั่งเช่นชาวบ้านชาวช่องเค้าเหมียลล์กัลล์อะนะ...อย่างว่าอะนะ กรูมันประเภทปากหมาอะนะ จะให้ไปปากหวานเลียกะโปกแหล่งทุนหน้าโง่ทั้งหลาย กรูทำไม่ได้....และทำไม่เป็น ไม่เหมือนพวก "นักล่าโครงการ" ตัวพ่อ!!! อย่างพวก ไอ้เหี้ยมเปี๊ยก แมวเหมียว กับ ลูกกะโปก กป.อพช.อีสานของมัน!!!.....

เกิดมาแมร่งพวกมันไม่เคยทำมาหาแดกอะไรกับเค้าเป็น....แมร่งพวกมันวัน ๆ เอาแต่ปั่นโครงการและเข้า "เน็ต" หาข้อมูลแหล่งทุนทั้งในและต่างประเทศ.....

ใน "ย่าม" ผ้าฝ้ายเนื้อดิบของมันอุดมไปด้วย "โปรเจค" มันพกติดย่ามไปร่วมประชุมกับทั้งภาครัฐและเอกชน ปะเหมาะเคราะห์ดีของพวกมัน แต่เป็นประเหมาะเคราะห์ร้ายของ "แหล่งทุนหน้าโง่" พอปิดประชุมสัมมนา พวกแมร่งก็ควัก "โปรเจค" สด ๆ ร้อน ๆ ยัดใส่มือแหล่งทุนทันที....

นัยว่า แมร่งพร้อมที่จะจำ MOU บัดเดี๋ยวนั้น....ไม่ต้องห่วงเพือกมันนะฮะ เพราะในยามใบเก๋าของมัน ไม่ว่าจะเป็นสำเนาทะเบียนบ้านเอย สำเนาบัตรประชาชนเอย ส่วนบัญชีธนาคารอะนะ....แมร่งเปิดมาเรียบร้อยแล้ว เปิด 2 ใน 3 ด้วยนะเฟ้ย.....

แหมพวกเมริงเนี่ยะแมร่งมืออาชีพเข้าขั้น "ชั้นเทพ" จริง ๆ นะสาดดด!!! (แต่ก็มีพลาดบ้างบางครั้งอะนะ....เนื่องจากแมร่งงานเยอะเลยรีบปริ้นต์ "โปรเจค" กลัวเดี๋ยวไม่ทันเที่ยวบินไฟล้ต์บ่าย.....แมร่งควักโปรเจคที่เตรียมไว้เสนอแหล่งทุนอื่น แต่เสือกลืมเปลี่ยนหัวโครงการและชื่อแหล่งทุนเก่า.....อายเค้ามั้ยละเมริง.....แสดงว่าพวกมันชั้นเทพจริง ๆ ครือว่า โปรเจคอันเดีนวเนี่ยะแมร่งเสนอไปหลายแหล่งทุน กะฟลุ้คอะนะ....จะได้เคลียร์บิลแบบเหนาะๆ อุไรวรรณ ๆ ๆ งัยสาดดด..ฮา ๆๆๆ)

นี่เห็นว่าไม่กี่วันมาเนี่ยะนะ...แมร่งพวกมันได้กระทำการ "อัตนิบาตรกรรมรวมหมู่" จัดทำโครงการล็อตโต เงินแมร่งรวมกันสัก 5- 6 ล้านอะนะ...แล้วไป "กรรโชกทรัพย์" งบประมาณ "ภาคประชาสังคม" ของ "พอช.ภาคอีสาน" จนโดน NGOs อื่น ๆ ต่างรวมกันสหบาทาซะงอมพระราม....และ "สำนักข่าวผ้าปูเตียง" ยังรายงานมาด้วยว่า กฐินสามัคคีกองนี้มีคนเข้าชื่อจองเยอะ.....ดี ๆๆๆ สมน้ำหน้าแมร่งพวกมัน

*เดชา เปรมฤดีเลิศ

กป.อพช.อีสาน เนี่ยะแมร่งมันชอบชี้หน้าด่าคนอื่น ๆ ทั่วทั้งอีสานว่า เป็น "นักล่าโครงการ" บ้างหละ "มิสเตอร์โปรเจค" บ้างหละ....แท้จริงแล้วเพราะพวกมันต้องการ "สร้างราคา" ให้กับตัวเอง...และข่มทับคนอื่นให้กลายเป็น คนชั่ว คนไม่ดี หากินกับโครงการ......

คนอื่นเมื่อถูกกราดหน้าอย่างนั้น จะไม่กล้าเขียนโครงการขอเงินแหล่งทุนแข่งกับพวกมัน....ครานี้ก็เข้าทางตีนพวกมันซิครับพี่น้อง พวกแมร่งได้โครงการคนเดียวสบายใจเฉิบ.....สาดดด

และไอ้ "พื้นที่ตำบลหมู่บ้าน"ที่มันขอเงินเค้ามาทำเนี่ยะนะ แมร่งก็ไม่เคยเปลี่ยนไปที่อื่นเลยอะนะ.....พัฒนาพ่อพัฒนาแม่มรึงเหรอ? ตั้ง 20 - 30 ปี ชาวบ้านยังยากจนอยู่อย่างเก่า ส่วนพวกเมริงแข่งกันออกรถใหม่ เปลี่ยนมือถือ มีโน้ตบุ๊คใช้กันทุกคน...อ้ายฉิบหาย!!!

ตอนก่อน ๆ กรูได้ร่ายยาวเกี่ยวกับการปฏิสนธิของ กป.อพช.ไปแว้ววว.....ทีนี้จะของเช็คหน้าตักพวก กป.อพช.อีสาน ดูซักหน่อย....ก็กรูสงสัยมานานว่าพวกแมร่งไม่เห็นมันทำอะไร วัน ๆ เห็นแต่แมร่งโผล่หน้าไปประชุมกับหน่วยงานนั่นหน่วยงานนี่ แล้วแมร่งเอาเงินที่ไหนใช้จ่าย แล้วแมร่งเอาเงินที่ไหนไปแดกข้าวต้มรอบดึกที่ร้าน "ไอ้ก๊ก 24 น." ได้ทุกวัน ๆอะนะเชี่ย.......

หากจะว่าไปแว้ววว ..... "ขาใหญ่" ของ กป.อพช.อีสาน ก็ต้องยกให้เค้าหละ เปี๊ยก แมวเหมียว เอ้ยหามิได้เค้าครือ...... "ราชสีห์อีสาน" เปี๊ยก บำรุง บุญปัญญา ..ก็เป็นคนสุรินทร์ หมอนี่มันเป็นคนเรียนเก่งอะนะ ในราว ๆ ปี 2511 มันจบด้วยคะแนนเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง จากคณะกสิกรรมและสัตวบาล สาขาปฐพีวิทยา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.....

หลังจากนั้นก็ไปรับราชการที่กรมพัฒนาที่ดินอยู่ 2 ปี พอปี 2513 เปี๊ยก แมวเหมียว ก็ไปเริ่มชีวิตนักพัฒนาอาชีพที่ชัยนาทกับ "มูลนิธิบูรณะชนบทแห่งประเทศไทย" ที่ก่อตั้งโดย NGOs โลกตัวพ่อครือ "ป๋วยปีแปกอ" อันถือเป็นบิดาของมันทางความคิด มันบอกว่า..... คนอื่น ๆ โดยเฉพาะพวกฝ่ายซ้ายเค้าจะใช้ทฤษฎีชี้นำครือ "มาร์กซิสต์"ก็เรื่องของเค้า .....แต่ของกรูขอใช้ "ทฤษฎ๊ป๋วย" เป็นเบ้าหลอมสำคัญทางความคิดและการปฏิบัติจนตัวตายอะนะ....

เปี๊ยก แมวเหมียว เนี่ยถือเป็นหนึ่งในขาใหญ่ไม่กี่คนของ "สำนักวัฒนธรรมชุมชน" อันเป็นแนวคิดกระแสหลัก ที่ถือเป็น "คัมภีร์มรณะ" ของพวก NGOs โลก มากว่า 3 ทศวรรษ

เปี๊ยก-บำรุงเคยเขียนหนังสือชื่อ "ศรัทธาพลังชุมชน" ในนามปากกา "บุญเพรง บ้านบางพูน" ....ส่วนคนอื่น ๆ หนะหรือมีใครบ้างหนอ.?...อ้าว ก็นี่งัย "เสี่ยญัค" อภิชาต ทองอยู่ เจ้าของหนังสือ "จารึกไว้ในยุคสมัยที่ผุกร่อน" และ "สายธารสำนึกและความทรงจำ" ที่เมื่อก่อนเสี่ยญัคเนี่ยะเปล่งคำขวัญ "คำตอบอยู่ที่หมู่บ้าน"

แต่ปัจจุบันเค้าหันมาเปล่งคำขวัญ "คำตอบอยู่ที่รัฐสภา" ตะแกได้สวิง ผันตัวเองมาเป็น "นักการเมือง" เคยเป็นเลขาธิการและโฆษกพรรคมหาชน...แล้วก็สอบตกกราวรูดยกพรรคไปแล้วนั่นไง.....

นี่อีกคนเจ้าของหนังสือ "แนวคิดวัฒนธรรมชุมชนในการพัฒนา" ก็ บาทหลวงนิพจน์ ทียนวิหาร ยังงัยละ....เอ้อ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว แถมให้อีกคนครือ จารย์เสรี พงษ์พิศ อะนะนี่ แกก็เขียนหนังสือไว้เยอะแยะคัมภีร์ยุคแรก ๆ ก็นี่เลย "คืนสู่รากเหง้า" อะนะ.....ในสายนักวิชาการก็ "สำนักฉัตรทิพย์" จารย์ฉัตรทิพย์ นาถสุภา เข้าร่วมผสมปนแจม "ผลิตซ้ำทางความคิด" กันอยู่ตลอดเวลา......

การผลิตซ้ำทางความคิดของไอ้พวกสำนักแนวคิดวัฒนธรรมชุมชน....ก็ใช้ทุกวิถีทางแหละ ทั้งอบ ทั้งรมสานุศิษย์อย่าได้คิดนอกคอก....ไม่งั้นกรูไม่ให้เงินทุนเมริงนะเฟ้ย....ฮา ๆๆๆ พวกสำนักคิดนี้มันยังฝันหวานถึงอดีตอันหอมหวนลำดวนดง ยังคิดว่า ในหมู่บ้านยังมีความรักความเอื้ออาทรต่อกัน มีวัฒนธรรมประเพณี "ฮีต 12" "ครอง 14" กันอยู่....

ไม่เคยยอมรับความจริงหรอก.....ไปดูเถอะในหมู่บ้านทุกวันนี้ กรูว่า "ฮีต 12" อาจจะเหลือแค่ "ฮีต 1 ฮีต 2" เท่านั้น ส่วน "ครอง 14" กรูรูรูรรร์คิดว่า คงจะเหลือซัก คลอง 16 นครนายก เฮ้ยไม่ใช่ "ครอง 1 ครอง 2" อะนะ.....ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้วโว้ยเปี๊ยกโว้ย....แหกตาดูข้อเท็จจริงกันบ้างว่ะ.....

นอกจากจะเพ้อฝันโรแมนติกอยู่กับวัฒนธรรมชุมชน ซึ่งไม่สอดคล้องกับโลกยุคโลกาภิวัฒน์แล้ว แนวคิดของสำนักนี้ก็ยังปฏิเสธ "รัฐ" ไม่เอา "รัฐ" ด้วย โดยเสนอให้คนในชนบทต้องพึ่งตนเอง มี"สิทธิชุมชน"อะไรเทือกนี้แหละ...ท่องกันเข้าไป...ความจริงก็ออกแนว "อนาธิปัตย์"หน่าแหละ

สำนักนี้ชอบถวิลหาระบบอุปถัมภ์ ระบบอาวุโสในชนบท เวลาชาวบ้านมีข้อพิพาทกัน หรือผู้ชายไปหล๋อย "ตอกดาก" ชาวบ้านผู้หญิงหรือลูกเค้าเมียใคร มันก็ชอบให้ "สภาผู้เฒ่าผู้แก่" พวกเขียดตะปาด เอ๊ย!ปราชย์ชาวบ้านทั้งหลายมาแก้ไขปัญหา เป็นผู้ไกล่เกลี่ย ไม่ต้องไปถึงกลไกรัฐ แความจริงก็คือแมร่งก็มุบมิบ ๆ อะนะหยวน ๆ กันไป......

กรูว่าก็คงจะเหมือนเวลาที่ พวกเอ็นโตดีขาใหญ่ไปหลอก"ล่อ"เด็กอาสาฝึกงานหรือน้อง ๆ เอ็นโตดีรุ่นใหม่ที่ศรัทธาในตัวเอ็นโตดีขาใหญ่อะนะ.... สภาขุนนางน้อย "กป.อพช.อีสาน" ของพวกมันก็มุบมิบ ๆๆๆ หยวน ๆ กันไปงัยสัดด.....ตัวจริงของเอ็นโตดีขาใหญ่ทางอีสานบางรายเนี่ย แมร่งคงจะชอบพอกับ "เสี่ยชูวิทย์"อะนะ.....เอ้า.... ก็ครือชอบ "ลงอ่าง" งัย.. คนที่ดูแลจัดการเรื่องนี้อย่างดีและมิดชิด "ปิดลับ" ก็ครือ "ไอ้เชี่ยเอ๋"ลูกชายหัวแก้วหัวขวดของ ครูเสียว เอ๊ย! ครูสน รูปสูง ยังงัยหละสาดดดด....จริงไม่จริงไอ้เอ๋ชี้แจงมาเลยมรึง.....

เอ้อ.....เรื่องไอ้เอี้ยมเอ๋ ลูบต่ำ เนี่ยะ กร้อมีเรื่องเล่าสักเล็กน้อย ฟามจริงไอ้เอี้ยมเอ๋เป็นเด็กดีอะนะ...เรียนหนังสือเก่งจบวิด'วะ มอ.ขอ. อะนะ การงานก็ดีอยู่ แลนด์แอนด์เฮาส์ ขอนแก่นอะนะ เงินทองก็ไม่อดไม่อยากอะนะ.....แต่เวลาเมาทีไรก็ใกล้เคียงสุนัขอะนะ แมร่งพอตื่นมาวันใหม่แมร่งจะจำอะไรไม่ได้ ดีน๊า...แมร่งยังจำชื่อพ่อแมร่งด้ายยยสาดดด.....

เพื่อนรุ่นใกล้ ๆ กันที่เป็นแอ๊กติวิสต์ใน มอ.ขอ. สมัยนั้นก็มี อุทาน ออมอด ทินกร อ่อนประทุม เทือก ๆ นี้แหละ....และที่สำมะคัญไอ้เอี้ยเอ๋เนี้ยะก็สนิทสนมกับไอ้เอี้ยมยะไส อะนะ....และเอี้ยมบวกเอี้ยม ก็เป็นที่มาของ "โคตรเอี้ยม" งายยยสาดดด....

ช่วงต้นปี 2549 พันธมารฯ เพิ่งรวมตัวใหม่ ๆ มีการระดมพลครั้งใหญ่เพื่อไปชุมนุมใหญ่สนามหลวงอะนะ....เผอิญว่า ส.วา หรือ ครูสน รูปสูง เนี่ยะนะ แกเป็นสหายเก่า เขตงาน 196 (หนองบัวแดง ภูเขียว ฯ ล ฯ) ที่ หมอพลเดช ปิ่นประทีป เข้าไปอยู่ในป่าด้วยกัน...สองคนเค้าก็รักกัน ผูกพันกันมาอะนะ...

หมอพลเดช เนี่ยก็คือน้องเล็กของ เสด็จพ่อเอ็นโตดีประเวศ วะสี นั่นไง...ก็พวกเหลืองทั้งน้านอะนะ....เรื่องเงินไม่ต้องห่วงมีเยอะแต่กำลังคนของหมอพลเดชไม่มีอะนะ.....จึงประสานงานมายัง ส.วา ให้ระดมพลภาคอีสานครั้งใหญ่ โดยให้เงินมา 1,000,000 บาท (อ่านว่าหนึ่งล้านบาทถ้วน) คือให้จัดระดมคนไปสัก 100 คันรถบัสอะนะ.....

ไอ้เอี้ยมเอ๋ ลูกครูสนก็ได้รับภารกิจครั้งยิ่งใหญ่ให้ไปรับเงินล้านที่โคราชอะนะ.....โดยจะมีคนของหมอพลเดชจากกรุงเทพฯนำมาส่ง....รู้สึกคุ้น ๆ หน้าอะนะ น่าจะเป็นพวก "สโหย" เอ้ย สหายเก่าอะนะ.....ผมขาว ๆ บาง ๆ หัวเถิก ๆ มีอายุแล้วอะนะ.....พวกเมริงอยากรู้รายละเอียดให้ถามไปยัง Thai YT กร้อแล้วกัน เห่อ เห่อ เห่อ.....

ไอ้เอี้ยมเอ๋ นัยว่าตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ.....นี่นับเป็นครั้งแรกที่กรูได้รับเกียรติเข้าร่วมแบกรับ "ภารกิจอันยิ่งใหญ่ของประชาชน".....กรูต้องทำเป้าหมายให้บรรลุให้ได้.....ว่าแล้วก็ตื่นแต่เช้ามืด อาบน้ำ แต่งตัวเรียบร้อย เตรียมเดินทางจากขอนแก่นไปโคราชจุดนัดพบ.....เฮ้ย ไปคนเดียวแมร่งไม่ปลอดภัยแน่ ๆ เดี๋ยวมีเสียวว๊อยยย.....มันจึงโทรตามนักดนตรีเพื่อชีวิตเหลืองอ๋อยผู้ตกทุกข์ได้ยากอยู่ขอนแก่นมาหลายปี...ก็เค้าหละ ไอ้เอี้ยมสุทธี ปุราทะกา นั่นงัยสาดดด....

เมื่อรับเงินมาแล้วก็ประสานงานทั่วภาคอีสานทันใด....อย่างว่าน่าแหละ ส.วา แม้จะเป็น "กระบี่มือหนึ่งของอีสาน" แต่ช่วงหลังเกิดวิกฤติศรัทธาภายในองค์กรของแกมาหลายระลอกจึงไม่มีกำลังมวลชนอยู่ในมือมากนัก.....เห็นไปใหนมาใหนก็ไม่เคยเกินสองสามคนอะนะ....ส่วน ไอ้เอี้ยมเอ๋ เนื่องจากขาดประสบการณ์ทางการเคลื่อนไหว "ใต้ดิน" และ "ในรู" (แมร่งถนัดแต่เคยเอาเอ็นแหย่รู.....ฮ่า ๆ ล่าสุดเคลื่อนไหวกับ "ไอ้หมอ คณะแพทย์ มอ.ขอ." หัวหน้าแก๊งเหลืองอ๋อยจังหวัดขอนแก่น แมร่งกร้อไปหลอก"ล่อ"เลขาฯสาว ของ ไอ้เชี่ยหมอเหลืองอ๋อย จนเมียที่บ้านต้องหอบผ้าหอบผ่อนหนีไปแว๊วว...แมร่งเลวจริง ๆ...)....

ดังนั้น ไอ้เอี้ยมเอ๋จึงถูกเค้าหลอกแดกเงินไปหลายพื้นที่ เรื่องนี้ให้ไปถามจำพวกก หินชนวน อโศกตระกูล รัฐสภา นามเหลา อวยชัย วะทา คำตา แคนบุญจันทร์ จะได้คำตอบเด็ด ๆ อะนะ.....ก็แมร่งเพรียกนี้ เสือหิวทั้งนั้น และบางคนกร้อไปรับ "จ๊อบ" ทักษิณมาแว๊วว....เพรียกมันส์กร้อให้ไอ้เอี้ยมเอ๋โอนเงินไปให้...

แต่อนิจจา เมื่อถึงเวลานัดหมาย....แมร่งไม่มีหมาโผล่มาสักตัว.....สาดดดด....รถบัสที่เค้าให้ไปหามาขนาดทำแบบ "อม ๆ เงิน" กันแล้วอะนะ รถบัสก็ยังมีมา 32 คัน แต่โทษทีว่ะคุณหมอพลเดชขา....ในแต่ละคันมีคนอยู่สองสามคน...ว่ากันว่า พวกไอ้เอี้ยมสุทธี ทั้งนอนทั้งตีลังกาไปจนถึงสนามหลวงแบบสบายดากอะนะ....งานนี้กรูถูกตุ๋นซะเปื่อยหนอกรูหนอ....ไอ้เอี้ยมเอ๋...ได้แต่รำพึงรำพันกับขวดเบียร์....เชี่ย แมร่ง ถูกตุ๋นนะดีแว๊ววว ดีกว่าถูกตุ๋ย ฮา ๆๆๆ (ยังมีนิทานเกี่ยวกับพ่อลูกคู่หูดูโออีกหลายเรื่องแต่ขอเก็บไปเล่าที่หลังอะนะ....ก็กรูบอกแล้วงัยสาดดด แมร่ง เรื่องมันยาว!!!)

อ้าว...แล้วเรื่องที่รำลือกันว่า "ราชสีห์อีสาน" เปี๊ยก แมวเหมียว เป็น "บ้า" หรือว่า "เพี้ยน" ไปแล้วช่วงหนึ่งมันเป็นยังงัยกันแน่...เป็นแค่ข่าวลือ การปล่อยข่าวของคู่อริฝ่ายตรงข้ามหรือป่าววว.....เอ้า พวกเมริงอยากรู้นัก นั่งฟังเงียบ ๆ นะเฟ้ย ห้ามถามห้ามแย้งเดี๋ยวกรูจะหลงประเด็น...เพราะเรื่องมันนานมาแล้ว...


*ครูสน รูปสูง

ในโจกโหลกฟ้ายุทธจักรอีสานเนี่ยะ ที่ว่า "ขาใหญ่" ฝ่ายประชาชนนี่นะในรอบ 25 ปี หลังป่าแตกมาเนี่ยะก็ต้องยกให้ "สามมือกระบี่" ครือ หนึ่ง เปี๊ยก แมวเหมียว สอง เสียว ลูบต่ำ เอ้ย สน รูปสูง สาม "ไอ้เพิก ประชาธิปัติย์"-สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ (.....เหตุที่จารย์สมเกียรติมีชื่อ"เพิก"ก็มาจากยุคสมัยคอมมูนิสต์กำลังคึกคัก บังเอิญมีหนังไทยเรื่อง "ชุมแพ" โด่งดังในช่วงนั้นพอดี พระเอกก็เก่งฉิบหายอะนะ พระเอกเรื่องนี้ชื่อ ไอ้เพิก ชุมแพ ไง... จำหนังตอนจบไอ้อะป่าว....."ผมร้อยตำรวจเอกปลอมตัวมาาาา"...เอ้า ฮา ๆๆๆ.....

ความจริงไอ้เอี้ยมเพิกเหลืองอ๋อยเนี้ยะอะนะ ไม่ได้เข้าป่าเป็นสโหย สหายเชี่ยอะไรกะเค้าหรอก....แมร่งเคยขอเข้า "พรรค" อะนะ...ก็สาย "ประสานมิตร" ที่มีขาใหญ่ "จารย์ศิลปเสริฐ โพธิ์แก้ว" ดูแลอยู่น่าแหละเค้าไม่เอา พวกเค้าเห็นว่า แมร่งทฤษฎีก็ไม่ชัดเจน เคลื่อนไหวโฉ่งฉางมาตั้งแต่เป็นแอ๊คติวิสต์แว้ววว.....

เผอิญช่วงหลัง 14 ตุลาคม 2516 กระแสสังคมนิยมพุ่งสูงปริ๊ดส์ มีการจัดตั้ง "พรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทย" (พสท.) ก็เห็นหน้าแอ๊คติวิสต์สำคัญหลายคนเข้าร่วมก่อตั้งด้วย อาทิ ธีรยุทธ บุญมี ชำนิ ศักดิเศรษฐ์ ฯ ล ฯ.....เป็นงัยละแต่ละตัว ตอนหลังแมร่งมาเป็นลูกกะโปกไอ้ลิ้มโกเต๊กซ์ทั้งน้านเลยสาดดด....

พรรค พสท. เนี่ยะ เมื่อเข้าป่าก็ไปเป็นแค่ "แนวร่วม" ของ พคท. อะนะ.....แต่พวกมันก็ต้องมี "ชื่อจัดตั้ง" ด้วยอะนะ....ความจริงหากใครสนใจประวัติศาสตร์ฝ่ายซ้ายกร้อจะรู้ดีว่า พวก พสท. เค้าจัดตั้ง "หน่วยพรรค" ของเค้า และมีชื่อจัดตั้งกัน ตั้งแต่ตอนอยู่ในเมืองแว้ว......ด้วยเหตุดังนั้น จึงเป็นที่มาของชื่อจัดตั้ง "ส.เพิก ชุมแพ" ยังงายละอ้ายยยสาดดด.....แมร่ง ดูที่มาของชื่อจัดตั้งแล้ว ช่างโคตรเป็น "วิทยาศาตร์สังคม" เหลือเกินนะอ้ายเอี้ยยยยม ....

เอาละ.....ทั้งสามพระหน่อเนี่ยะ เค้าได้แบ่งบันตำแหน่งแห่งที่ในสำนักตักศิลาเอ็นจีโออีสานอีสานกันไปตั้งนานแว้ววว....ห้ามใครมาแย่งอะนะ..ไม่งั้นมีเคือง ฮา ๆๆๆ

ไอ้ตำแหน่ง "ประธานสำนักอีสาน" มอบให้ เปี๊ยก แมวเหมียว เนื่องจากอาวุโสมีอายุมากกว่าเพื่อน "รองประธานสำนัก" ก็ต้องเป็น สน รูปสูง เอาไว้คอยเลื่อยขาเก้าอี้เปี๊ยกงัยสาดดด....ส่วน "นายกรัฐมนตรีอีสาน" นี่มันต้องเป็นของ เพิก ชุมแพ แหง๋มอยู่แว๊ววว....

ขอรวบรัดตัดตอนหละกัลล์....(เพราะแมร่งเรื่องมันยาวขอเก็บเอาไว้เล่าอย่างละเอียดในตอนที่พูดถึงขบวนการประชาชนอะนะ).....เมื่อตกลงตำแหน่งกันเสร็จสรรพก็เคลื่อนไหวทันที.....เผอิญช่วง 2533-34 มีการต่อสู้เรื่อง "คจก." หรือโครงการจัดสรรที่ทำกินที่ทหารเข้าไปทำ ไปไล่ชาวบ้านที่บุกรุกเขตป่าสงวนออกจากพื้นที่ แล้วเอาไปทิ้งๆขว้างๆไว้ตามที่ดินที่ทหารจัดสรรให้ ส่วนใหญ่ก็เป็นที่ไม่เหมาะแก่การปลูกพืชทำไร่ไถนาหรอก เช่น มีแต่กรวดมีแต่หิน ส่วนที่เดิมก็ดันเอาไปให้นายทุนปลูกไม้ยูคาฯ แล้วอ้างหน้าตาเฉยว่าปลูกป่า

พวกเอ็นโตดีก็เลยเข้าไปเคลื่อนไหวต่อต้านโครงการ คจก. ซึ่งข้อเท็จจริงเรื่องนี้ มันก่อรูปการเคลื่อนไหวโดย "กลุ่มกิจกรรมนักศึกษาจาก 5 ค่าย ม.รามคำแหง" ร่วมกับ "กลุ่มครู" (ที่ต่อมาก่อรูปเป็น "สภาองค์การครูเพื่อสังคม"-สคส.) ที่มี ส.วา กับ ส.เพิก ดูแลอยู่ ภายใต้การหนุนช่วยอย่างใกล้ชิดจากทีมงานสลัมคลองเตย "มูลนิธิดวงประทีป" อะนะ...

สู้กันยังไม่ทันรู้แพ้รู้ชนะกร้อต้องหยุดพักรบ...เดินทางเข้าเมืองหลวงเพื่อช่วยกันขับไล่ "รสช." อะนะ...หลังชัยชนะของฝ่ายประชาชนในเหตุการณ์ "พฤษภาทมิฬ 2535" การเมืองเปลี่ยนทิศทาง ฝ่ายประชาชนเป็นใหญ่ใครจะต่อสู้เรื่องอะไรก็ง่ายละทีนี้.....

เปี๊ยก แมวเหมียว ประเมินสถานการณ์แย๊วว....ชนะแน่ ๆๆๆๆ!!!! จึงเรียกระดมไพร่พลขนานใหญ่....อย่างว่าอะนะ พรรคพวกของเปี๊ยกเนี่ยะร้อยวันพันปี แมร่งไม่เคยออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องประท้วงเหี้ยอะไรกับเค้ามาก่อน...ก็แมร่งมันทำตัวเป็น "แหล่งทุนชั้น 2" ครือ หาเงินจากแหล่งทุนแล้ว มาจัดสรรผลประโยชน์ลงไปให้ชาวบ้านอีกที แล้วจึงส่ง "นักพัฒนา" ลงไปฝังตัวทำงานในพื้นที่ที่ได้เงินตาม "โครงการขนาดเล็ก" ที่ช่วงหลังรู้จักกันดีในนาม PRC. อันโด่งดัวยังงัยละสาดดด....

PRC. ก็เป็นคนพิจารณาว่าจะให้เงินกับใคร อันนี้กรูให้คำนิยามว่า แนวทาง "เอาเงินล่อ แล้วตามด้วยกะดอเสียบ" อะนะ ฮา ๆๆๆ..... ครือ ใครไม่เชื่อฟังกรู ต่อไปกรูไม่ให้อะนะ....และแนวทางการทำงานก็คือ งานพัฒนาชุมชนจ๋าอะนะ เค้าเรียกว่าแนวพวก "งานเย็น" กรูเห็นแล้วไม่ใช่เย็นธรรมดาอะนะ...แต่แมร่งเย็นเป็น "น้ำแข็ง" เลยละ.....

ทีนี้เมื่อ ราชสีห์อีสาน ส่งเสียงคำรามแล้ว.....องค์กรไหน หรือเอ็นจีโอคนไหนถ้าไม่มาร่วมม็อบ คจก.ช่วยกรู ครั้งต่อไปกรูจะไม่ให้เงินพวกเมริงไปทำโครงการพัฒนา.....

หลังเสร็จศึก คจก. เปี๊ยก แมวเหมียว ก็ถูกรุมวิจารณ์จากหลายส่วนว่า สั่งการบีบบังคับชาวบ้านด้วยเงินอะนะ...แมร่งกร้อเลยเริ่ม เพี้ยน ๆ กลับไปอยู่บ้างบางวันเกิดเฮี้ยนขึ้นมาก็นึกว่าตัวกรูเป็น "ลี้คิมฮวง" ซ้อม "ซัดมีดสั้น" ใส่ต้นกล้วยหลังบ้านอะนะ.....จนต่อมาเมียทนไม่ไหวหอบลูกหนีไปเลยสาดดด....คราวนี้แมร่งจึงเป็น "บ้า"จริง ๆ เพิ่งมาฟื้นคืนชีพก็ตอนได้เอ๊าะ ๆ มาไม่กี่ปีนี่หรอก).....

*สุนทรี เซ่งกิ่ง
ดอกผลจากการเคลื่อน คจก. ของกวกมันครือได้องค์กรภาคประชาชนมา 1 องค์กรอะนะ คือ สดท. โดยมี เปี๊ยก สะด๊วบตำแหน่ง ประธาน องค์กรเองแมร่งซะเลย....ส่วนเลขาธิการนะหรือก็คือไอ้เอี้ยมนก-ภาคภูมิ นั่นไง.....(เรื่องนี้จะนำไปเล่าพร้อมกับองค์กรประชาชนภาคอีสานอื่น ๆ ภายภาคหน้าหากมีโอกาส....และยังมีเรื่องเด็ด ๆ ระหว่างม็อบ คจก. และหลังจากนั้นที่เกี่ยวข้องกับ เปี๊ยก แมวเหมียว และขบวนการ กป.อพช.อีสาน อีกเพียบ มันส์พะยาค่ะ....)

....เอ้อ.....เนื่องเพราะประชาชนเรียกร้องเรื่องเกี่ยวกับ เปี๊ยก แมวเหมียว กันมามากเหลือคณานับ....กรูขอแถมท้ายเป็นของขวัญปีใหม่พวกเมริงแล้วกัลลล์......ก็เพราะเปี๊ยก แมวเหมียว กับ ลูกกะโปก กป.อพช.อีสาน เนี่ยะนะชอบเพลงสายัณห์ สัญญามัก ๆๆ....ก็ "ไอ้หนุ่มรถไถ" ยังงายสาดด....ช่วงที่กระแสการเคลื่อนไหวฝ่ายประชาชนอีสานกระแสสูงเหมือนผีพุ่งไต้ เป็นช่วงหลัง "ม็อบ 9 ปัญหา ยกที่ 1" ของ "สกย.อ."(สมัชชาเกษตรกรรายย่อยภาคอีสาน ซึ่งมีโย-บำรุง คะโยธา เป็นแกนนำ) แล้วเสร็จหมาด ๆ อะนะ.....

อยู่มาวันหนึ่งมี "แหล่งทุนฝรั่งหน้าโง่" เข้ามาตามหา "หัวหน้า สกย.อ" อะนะ เพื่อจะให้การสนับสนุนเป็นเงินจำนวนโขอยู่.....แมร่งพอไอ้ฝรั่งตัวแทนเค้ามา เปี๊ยก-บำรุง แล้วก็ไอ้เอี้ยมเดชา ไอ้เอี้ยมป๋า-สมภพ และลูกสมุน กป.อพช.อีสาน ก็พาไอ้ฝรั่งตัวแทนแหล่งทุนขับรถตระเวณไปทั่วอีสานเกือบทุกจังหวัดอะนะ....แมร่งพาไปดูโน่นดูนี่กะสร้างภาพหลอกแดกอะนะ....

จนในที่สุดไอ้ฝรั่งดังกล่าวก็หมดความอดทน พูดขึ้นว่า....."ยู ยู ยู.. ไอ อยากเจอกับหัวหน้าม็อบ สกย.อ. ที่ชื่อ บำรุงๆ เมื่อไหร่จะได้เจอซะทีหา?" ฝรั่งก็ถามบ่อยอะนะ พวกนี้พานั่งรถไปไหนแมร่งก็ถามแต่คำเดิม....อยากเจอ บำรุง อยากเจอบำรุง ไอ จะให้มันนี่ ไออยากกลับบ้านแว้ววว.....ไอ้เอี้ยมเดชา ไอ้เอี้ยมป๋าสมภพ กับไอ้เอี้ยมต๋อม เลยพูดและชี้ไปที่ เปี๊ยก-บำรุง บุญปัญญา เกือบจะพร้อมกันว่า.....ยู ยู ก็นี่ไง"บำรุง" ก็นั่งรถมาด้วยกันตั้งหลายวันแล้ว เอ้าสัญญามาเซ็นโอนเงินได้เลย.....

ไอ้ฝรั่งมันเลยหันไปถลึงตาใส่พร้อมตะคอก แปลเป็นไทยว่า....."ไอ้เอี้ยยยย ไอ้สาดดด ที่ ไอ ยากเจอและจะให้เงิน คือ บำรุง คะโยธา โว้ย ไม่ช่ายบำรุง บุญปัญญา!"

*บำรุง คะโยธา

....เอ้า พวกเมริงช่วยกรู "ฮา" ดัง ๆ หน่อยเถอะว่ะ เชี่ยสัดดดๆ......

กระนั้นก็ดี ในใต้หล้ายุทธจักรบู้ลิ้มเอ็นจีโออีสาน.....จึงกล่าวได้ว่า พวก กป.อพช.อีสาน ครอบครองความเป็นเจ้ามาเกือบ ๆ 30 ปีอะนะ.....โดยมี "ราชสีห์อีสาน" เปี๊ยก แมวเหมียว เป็นกุนซือตัวพ่อ รุ่นไล่ ๆ กันที่ทำตัวป็นเสนาธิการก็ที่เค้าเรียกมันว่า "ป๋า" สมภพ บุนนาค มีอดีตเป็นแอ๊คติวิสต์ มศว.บางแสน รุ่น ๆ สุวิทย์ วัดหนู น่าแหละ เข้าดงเข้าป่าไปเป็นสหายกะเค้าเหมือนกันทางภาคใต้อะนะ....พอออกจากป่ามา ก็มาเป็น "สโหย"อยู่แถวอีสาน ทำงานกับแหล่งทุนคือ"แพลน"แถว ๆ ขอนแก่น......

*"ป๋า"-สมภพ บุนนาค

ป๋าสมภพคือตัวเดินเกมในอีสานให้กับพันธมารฯ... พวกเหี้ยมเนี่ยะนะก็ลูกกะโปกไอ้ลิ้มโกเต๊กซ์ทั้ง กป.อพช.อีสาน น่าแหละ......ไอ้เหี้ยมป๋าเนี่ยะ หลังจากที่พาตัวเองไปรับใช้ไอ้ลิ้มโกเต๊กซ์ยังไม่พอ ยังช่วยกันเชียร์ทหารให้ออกมาทำรัฐประหาร พอ คมช. ยึดอำนาจ 19 กันยายน 2549....ข่าวว่าพวกนี้ฉลองกันยันสว่างเลย......

แหะ ๆๆๆ เอาละมรึง ถึงทีกรูแล้ว เจ้านายคงตบรางวัลกรูชิ้นใหญ่เป็นแน่แท้.....นายลิ้มฯ นายบัง คงไม่ทอดทิ้งกรูแน่ ๆ ก็กรูอุตสาห์เอาเกียรติภูมิของกรูที่สั่งสมมาตลอดชีวิตทั้งในแวดวงฝ่ายซ้ายคนเดือนตุลา กับแวดวงเอ็นโตดี กรูต้องได้ตำแหน่งสำคัญ ๆ ในรัฐบาล คมช.แหง๋ม ๆๆ เลย.....โหย!แมร่งไปเสนอตัวเป็น สว.ลากตั้ง เหมือนพวกเอ็นโตดีหลายคนในตอนนั้นแห่กันไปเสนอชื่อกับอำมาตย์ขอเป็นสว.มั่ง เป็นสนช.มั่ง แมร่งคิดว่าเค้าจะลากตั้งให้เป็น....

ผลปรากฏว่าไอ้เหี้ยมป๋าเนี่ยะวื้ดอะนะ....ส่วนพวกเอ็นโตดีอีกหลายคนที่เสนอหน้าด้านๆขอเป็นสว.ลากตั้งก็มีศยามล ไกรยูรวงศ์ เมียไอ้นก-ภาคภูมิ ,วิฑูรย์ เพิ่มพงศาเจริญ,เรวดี ประเสริฐเจริญสุข ตอนนั้นเป็นประธานกป.อพช.ชาติ แล้วก็เอ็นโตดีขี้เหลือง บรรจง นะแส

สรุปแดกแห้วเรียบ อุตส่าห์เป็นนั่งร้านให้คณะรัฐประหาร เป็นบันไดให้โกเต๊กซ์ลิ้ม เขาไม่เอาพวกแม่งซักตัว...เห็นแล้วสังเวช พวกเมิงยังจะมาแหกปากเรียกหาประชาธิปไตยหาพ่องทำไมอี๊ก...กรูอายแทน!!


กล่าวสำหรับไอ้ป๋าป่านนี้มันยังงงไม่หาย อุตส่าห์รับใช้เจ้าจนตัวจะตาย รับใช้นายจนจะหมดแรง....แมร่งทำกรูด้ายยยย ฮา ๆๆๆ อิอิอิ เฮี่ย ๆๆๆ.....อย่ากระนั้นเลย กรูเก็บกระเป๋าเข้ากรุงเทพฯจะได้ไปอยู่ใกล้ ๆ ศูนย์กลางอำนาจ คราวหน้ากรูจะได้ไม่หน้าแตกหมอไม่รับเย็บอีก......แมร่งจึงไปกินตำแหน่ง "ผู้จัดการ" ของ "สมาคม/สหพันธ์เกษตรกรเพื่อการพัฒนา" (สกพ.) องค์กรในคาถาของ ส.ชิต กรมการเมืองขี้เหลืองอ๋อยคู่ปรับของ ส.ดิน เลขาธิการใหญ่ พคท. คนนั้น.....

นอกเหนือจากคนระดับ "สโหยป๋าสมภพ" แล้ว....มือกระบี่รอง ๆ ในทางอีสาน ก็ อาทิ เดชา เปรมฤดีเลิศ ตอนนี้กำลังศึกษากำลังภายใน เอ๊ย! หามิได้กำลังอินกับการค้นหาตัวตน "ด้านใน" ตาม เสี่ยประชา หุตานุวัตร ณ อาศรมวงศ์สนิท

นอกนั้นก็มี จรินทร์ บุญมัธยะ คนมีเมียเป็นด๊อกเตอร์ทางมานุษยวิทยานี่ก็แหร่มเลย....เอียด ดีพูน นี่ก็ผสมผสานยั่งยืนพอเพียงมาจนหงำเหงือกแล้ว......

*สมพันธ์ เตชะอธิก เอ็นจีโอนักวิชาการเหลืองอ๋อย

....โกวิทย์ กุลสุวรรณ ยังมั่นยืนอยู่ที่ เนท สุรินทร์..... "เสธหนั่น" สนั่น ชูสกุล นี่เอ็นโตดีคนใต้แต่มาอยู่สุรินทร์ตั้งแต่จบธรรมศาสตร์ ตอนนี้กำลังงง ๆ กับเงิน 700 ล้านบาทที่เดอะมาร์ค ปชป.โยนมาให้ชาวเขื่อนราศีไศลแย่งกันอีก ยังไม่รู้จะออกหัวออกก้อย คอยดูฝีมือพวกเมริงอยู่นะว้อย.....เสน่ห์ วิชัยวงษ์ ผันตัวเองไปอยู่กองทุนฟื้นฟูฯ วันดีคืนดีก็ลงสมัคร ส.ส. กะเค้าบ้างเผื่อฟลุค เพราะสมัยทำเอ็นโตดีเนี่ยะหว่านเงินไว้เยอะในพื้นที่คะแนนน่าจะมาบ้างว่ะ ผิดคาดสอบตกครือเก่า.....เจ๊สุนทรี เซ่งกิ่ง เอ็นโตดีตัวแม่ นางนี่อะนะ รับใช้ไอ้แป๊ะลิ้มออกหน้าออกตา... "โตหัวล้าน" พูลสมบัติ นามหล้า นี่อีกคนก็หารับประทานในการวิจัยประเมินผล .....

.....โอ้ พระเจ้า"ยอร์ช" อกนิษฐ์-ปรียานุช ป้องภัย สองคนผัวเมีย โดยเฉพาะเจ๊เตยเอ็นโตดีตัวแม่อีกอนงค์หนึ่งเนี่ยะ ชอบเจ้ากี้เจ้าการทำตัวเป็นเจ้าของแหล่งเงินอะนะ ทำตัวเป็นคนจัดสรรผลประโยชน์ให้ลงตัวภายในอะนะ...แน่ละ คุณผัวของกรูก็ต้องได้มากกว่าคนอื่น...สาดดดด.....ขรรค์ชัย หงส์คำมี นี่ก็คนป่าเก่าแถว ๆ ภูซางอะนะ ก็เหลืองอ๋อยอีกตัว....."จารย์เป๋ง" - สมพันธ์ เตชะอธิก ก่อนนี้เป็นนักวิจัย RDI. หรือสถาบันวิจัยพัฒนา มข. ก็เป็น เอ็นโตดี เวียนว่ายอยู่ในยุทธจักรบู้ลิ้มสังกัดเจ้าสำนักแมวเหมียวเหมียนกัลล์ ทุกวันก็แทงหวยเสื้อเหลืองอีกคน......

*ภาคภูมิ วิธานติรวัฒน์

.....ส่วนรุ่นถัดมาหน่อยก็มี จอมยุทธหลอก"ล่อ" ไอ้เอี้ยมนก-ภาคภูมิ วิธานติรวัฒน์ คนภาคใต้ทำกิจกรรมนักศึกษาค่ายอาสาพัฒนา ม.รามคำแหงมาทำงานอีสานในนาม มอส.รุ่นที่ 8 ก็อยู่ยาว ตอนนี้กลับไปอยู่ปักษ์ใต้บ้านเราแว้ว.....เห็น เสี่ยเสน่ห์ วิชัยวงษ์ บอกเป็นนัย ๆ ว่า....ไอ้นกเสน่ห์มันแรง เพราะออกแนวสูงยาวขาวตี๋เกาหลีญี่ปุ่น เลยได้หลอก"ล่อ"ไปทั่วจนไก่จะหมดวัดแล้ว ไม่เหลือมาถึงพวกกรูบ้างเลย พวกกรูเลยไล่แมร่งกลับปักษ์ใต้บ้านเราไปซะอ้ายยยสาดดด......

ตามมาติด ๆ กร้อ ไอ้เอี้ยมต๋อม จักรพงษ์ ธนวรพงศ์ นี่ก็มีปูมหลังเป็นนักกิจกรรมจากค่ายชาวเขา ม.รามคำแหง เหมือนไอ้เอี้ยมนกหน่าแหละ มาเดินหิ้วกระเป๋าตามก้นไอ้เอี้ยมเดชา ตั้งแต่สมัยต่อสู้เรื่อง คจก. โน่นจนบัดเดี๋ยวนี้ยังไม่ไปไหนมาไหน ปักหลักทำเรื่องป่า เรื่องสิ่งแวดล้อมแถว ๆ สุรินทร์อะนะ.....

.....เอ้อ.....เกือบลืมไป ประธาน กป.อพช.อีสาน คนปัจจุบัน เสี่ยวิพัฒนาชัย พิมพ์หิน นี่ก็ทำงานต่อเนื่องแถว ๆ ป่าดงลาน.....หมอนี่เหลืองกระทั่งกางเกงในจริง ๆ เค้าเป็นเจ้าของยุทธศาสตร์ "คู่ขนาน" คือหากภาครัฐมีนโยบายออกมาเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาประชาชนอะไรก็แล้วแต่....กป.อพช.อีสานยุคของวิพัฒนาชัย ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะเห็นด้วยกับนโยบายของรัฐบาล ไม่ว่าจะรัฐบาลหน้าใหน ยกเว้น รัฐบาลเด็กดื้อมร์ค ปชป. (ก็จะให้คัดค้านได้ไง ในเมื่อพวกมันผลักดันไอ้มาร์คเข้ามาเอง ก็ต้องทนหวานอมขมกลืน ช่วยแมร่งไม่ได้จริง ฮา ๆๆๆๆ)

....ดังนั้นจึงเห็นประเด็นการเคลื่อนไหวภาคประชาชนในแนวทาง "คู่ขนาน" บ่อย ๆ ปะเดี๋ยวก็มี.... "ร่าง รธน.คู่ขนาน" "เศรษฐกิจคู่ขนาน" "ร่าง พรบ.นั่น พรบ.นี่คู่ขนาน".....อีกหน่อยหาอะไรเล่นไม่ได้ก็คงจะมีประเด็นการเคลื่อนไหวระดับ..."การหลอก"ล่อ"คู่ขนาน"แหง๋มเลย.....

แล้วอ้ายเพือกมีชื่อข้างบนแมร่งสลับกันเป็น "ประธาน" กป.อพช.อีสาน บ้าง สลับกันเป็น "เลขานุการ" บ้าง เลขาธิการบ้าง แล้วแต่แมร่งจะแต่งตั้งตำแหน่งกันเอง บางคนเคยเป็นประธาน เดี๋ยวกลับมาเป็นเลขาฯแมร่งมั่ว...ก็มันมีคนอยู่แค่เนี้ยะจริง ๆ .....ดูอย่างวิพัฒนาชัยเนี่ยะ เป็นมาซะ 2 สมัยแล้ว...สมัยหน้าเป็นไม่ได้แล้ว.....อ้าว มองไปทางไหนก็มีแต่คนเคยเป็นหมดแล้ว คราวหน้าตำแหน่ง "ประธาน" กป.อพช.อีสาน คงจะวนรอบถึงคิว "ราชสีห์อีสาน" เปี๊ยก แมวเหมียว อีกซักรอบกระมัง!!!.....อย่ากระนั้นเลย ให้ เปี๊ยก แมวเหมียว เป็นไม่ได้ ๆ ๆ เดี๋ยวถูกถล่มเละเทะ....ถ้าอย่างนั้น ก็เอาไอ้เอี้ยมต๋อม หละกัน มันไม่มีใครอีกแว้ว ( เอ้าช่วยกัน ฮา ).....

หรือเอาให้สุด ๆ ไปเลยวะ ใหน ๆ พวกเมริงก็สวามิภักดิ์มหาอำมาตย์ใหญ่อยู่แว้วว....ก็แก้ "กฎกติกามณเทียนบาน" ของพวกเมริงให้ "ตำแหน่งประธาน กป.อพช.อีสาน" สามารถสืบสายโลหิตได้ซะเลยก็ดี.....ลูกไอ้เอี้ยมยร์อช-เจ๊เตย จะได้เป็น "ทายาท" ตั้งแต่วัยเยาว์ไปเลย....

พูดแบบไม่เกรงใจกันนะ....กป.อพช.อีสาน ในวันนี้ก็แค่ "เสือกระดาษ" หรือว่าแค่แมวเชื่อง ๆ ที่เป็นหางเครื่องให้พวกพันธมารฯตามว่ามา ก็มันมีแต่หัวไม่มีหาง.....หรือ จริง ๆ แม้แต่หัวที่เห็น ๆ รายชื่อก็มีแค่นั้นแหละ ก็แมร่งเล่นใช้ "เงินล่อ" แล้ว "กะดอเสียบ" เมื่อหมดเงินชาวบ้านที่ใหนเค้าจะอยู่กะเมริง เพราะเมริงไม่เคยยกระดับความคิดให้ชาวบ้านเค้าเข้าใจในปัญหาโครงสร้าง ความเหลื่อมล้ำทางสังคม การกดขี่ขูดรีดของชนชั้นปกครองให้กับชาวบ้านเลย แต่ในทางกลับกันเสือกพร่ำบ่น พร่ำสอน แต่เรื่องเพ้อเจ้อ ไสยศาสตร์ที่ไม่สอดคล้องสถานการณ์ มุ่งสร้างลัทธิขุนนางใหม่ในหมู่พวกเมริงกันเอง.....ถุ๊ย!

...ไอ้พวก กป.อพช.อีสาน ทั้งหลายทั้งปวงที่กรูบรรยายมาเสียยืดยาวเนี่ยะ มันก็หาแดกกับแหล่งทุนหน้าโง่ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น พอช. สสส. สกว. ปปส. สปสช. สวรส. ฯ ล ฯ ... ถ้าหาแดกเพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตัวเอง หรือลูกเมียอย่างเดียว กรูไม่ว่าอะไรหรอก !!!....แต่เป็น "นักล่าโครงการ" ยังไม่พอ ยังเอาเงินภาษีประชาชนไปปู้ยี่ปู้ยำรับใช้ "เผด็จการ คมช." กับไปเลียกะโปกเหล่า "เสนามหาอำมาตย์ใหญ่" นี่ซิ.....แมนรับบ่ได้ๆๆ...มันบ่ใช่ ๆ ๆ ....

คอยดูนะ ไอ้พวกเหี้ยมเนี่ย เมื่อฟ้าสีทองเมื่อไหร่ พวกเมริงจดจำและตราไว้ หรือ จารไว้ในบัญชีหนังหมาด้วยว่า ประชาชนคนไทยจะไม่ละเว้นโทษตายพวกมันโดยเด็ดขาด !!!!!

มหาอำมาตย์และสมุนของมันจงฉิบหาย ประชาชนจงเจริญ......

*******
บทความชุดนี้ตอนที่ผ่านมา:NGOsที่รักภาคพิสดาร(4):จตุรเทพเหลืองอื๋อ