WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Monday, December 31, 2007

สมัคร​ ​สุนทรเวช​ ​มีลักษณะ​ต้อง​ห้าม​เป็น​นายกรัฐมนตรีจริง​หรือ

จาก มติชน
31 ธค 50

โดย​ ​กิตติศักดิ์​ ​ปรกติ​ ​อาจารย์ประจำ​คณะนิติศาสตร์​ ​มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์


สรุป:

"ผลก็คือ​ ​ตราบ​ใด​ก็ตามที่ศาล​ยัง​ไม่​มีคำ​พิพากษา​ถึง​ที่สุด​ให้​จำ​คุกนายสมัคร​ ​นายสมัครย่อม​ยัง​ไม่​ขาดคุณสมบัติ​หรือ​มีลักษณะ​ต้อง​ห้าม​เป็น​รัฐมนตรี​ ​และ​เมื่อ​เป็น​รัฐมนตรี​แล้ว​ ​หากต่อมาศาลพิพากษา​ให้​จำ​คุกนายสมัคร​เพราะ​ความ​ผิดฐานหมิ่นประมาท​ ​นายสมัครก็​ไม่​ต้อง​พ้น​จาก​ตำ​แหน่งรัฐมนตรี​อยู่​ดี​ ​เนื่อง​จาก​นายสมัคร​ได้​รับประ​โยชน์​จาก​ข้อยกเว้น​ใน​มาตรา​ 182 (3) ​อัน​เป็น​กรณีที่รัฐธรรมนูญกำ​หนด​ให้​รัฐมนตรี​ซึ่ง​ต้อง​คำ​พิพากษา​ให้​จำ​คุก​ ​ไม่​ว่าคดี​จะ​ยัง​ไม่​ถึง​ที่สุด​ ​หรือ​จะ​มีการรอการลงโทษ​หรือ​ไม่​ต้อง​พ้น​จาก​ตำ​แหน่งไป"



มาตรา 182(3)

มาตรา​ 182 (3) ​กำ​หนด​ให้​ความ​เป็น​รัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวเมื่อ

"​ต้อง​คำ​พิพากษา​ให้​จำ​คุก​ ​แม้คดี​นั้น​จะ​ยัง​ไม่​ถึง​ที่สุด​ ​หรือ​มีการรอการลงโทษ​ ​เว้นแต่​เป็น​กรณีที่คดี​ยัง​ไม่​ถึง​ที่สุด​หรือ​มีการรอการลงโทษ​ใน​ความ​ผิดอัน​ได้​กระทำ​โดย​ประมาท​ ​ความ​ผิดลหุ​โทษ​ ​หรือ​ความ​ผิดฐานหมิ่นประมาท"


อ่านต่อ บทความเต็มที่นี่

2550...​ปี​แห่งการเสียโอกาส


ความ​จริง​แล้ว​เรื่องราวที่​จะ​สรุปต่อไปนี้ล้วน​เป็น​เรื่องที่​ “​ทีมเศรษฐกิจ​” ​ได้​ ​วิ​เคราะห์ผ่านตาท่าน​ผู้​อ่าน​ ​มา​แล้ว​ตลอด​ทั้ง​ปี

เรา​ได้​ลำ​ดับภาพรวมเศรษฐกิจของประ​เทศ​ ​ปัญหา​ความ​วุ่นวาย​ใน​สนามบินสุวรรณภูมิ​ ​ความ​ล่าช้าของการก่อสร้างรถไฟฟ้า​ ​รวม​ถึง​การยกเลิกโครงการประชานิยมต่างๆ​

ไม่​ว่า​จะ​เป็น​ ​โครงการแปลงสินทรัพย์​เป็น​ทุน​ ​กองทุนหมู่บ้าน​และ​ชุมชนเมืองแห่งชาติ​ ​โครงการหนึ่งตำ​บล​ ​หนึ่งผลิตภัณฑ์​ (โอทอป) ​ที่ล้วนแต่​เป็น​โครงการที่ประสบ​ความ​สำ​เร็จ​ ​และ​ช่วย​พลิกฟื้นเศรษฐกิจ​ใน​ระดับรากหญ้า​

ที่รัฐบาลขิงแก่กลับมีนโยบายยกเลิก​และ​เปลี่ยนแปลงโครงการไป​ ​อย่างหน้ามือ​ ​เป็น​หลังมือไปหมด​

การดำ​เนินการเช่นนี้​ ​ทำ​ให้​ประ​เทศ​และ​คนไทยเสียโอกาสไป​ ​และ​ทำ​ให้​ต้อง​เดินถอยหลังไปหลายก้าว​ ​ทั้ง​เป็น​เรื่องยุ่งยากสำ​หรับ​ ​รัฐบาล​ใหม่​ที่​จะ​เข้า​มา​แก้​ไข​ ​ไม่​ว่า​ใคร​จะ​เข้า​มาก็ตาม​

เหมือนเช่นที่มีการเปรียบเปรยว่า​ ​เรือเจาะรู​ให้​ล่มง่ายนิดเดียว​ ​การกู้​เรือกลับมา​ใหม่​ยุ่งยากแสนเข็ญ​

ฉัน​ใด​ก็ฉัน​นั้น​ ​ใน​เรื่องของภาวะ​เศรษฐกิจของประ​เทศ​ ​ถ้า​ทุกฝ่าย​ช่วย​กัน​คนละ​ไม้​ ​คนละมือ​ ​ทำ​ลายมัน​ ​ก็ยากที่​เรา​จะ​ทำ​กลับคืนมา​ได้​ ​และ​ไม่​รู้​จะ​กลับมา​ได้​เมื่อ​ใด​

เรา​ถึง​เรียกว่า​ “​ปี​ 2550” ​เป็น​ “​ปี​แห่งการเสียโอกาส​” เพราะ​เมื่อเศรษฐกิจของประ​เทศถูกฉุดลงมา​แล้ว​ ​ยากยิ่งนักที่​จะ​ดึงขึ้นมา​ได้

เลิกประชานิยม​ไม่​สนชาวบ้าน

นโยบายประชานิยมที่สร้าง​ความ​คึกคัก​ให้​เศรษฐกิจของชาวบ้าน​ใน​ระดับรากหญ้า​ ​แต่ถูก​ “​รัฐบาลสุรยุทธ์​” มอง​ใน​ทางตรง​ ​กัน​ข้ามว่า​เป็น​ปัญหาของประ​เทศ​ ​การยกเลิก​ “​โครงการแปลงสินทรัพย์​เป็น​ทุน​” ​จึง​เกิดขึ้น​เป็น​ลำ​ดับแรก​

ทั้งๆ​ที่​เป็น​โครงการ​ช่วย​ให้​ประชาชนที่คิดทำ​มาหากิน​ ​แต่​ไม่​มีหลักทรัพย์​ไปค้ำ​ประ​กัน​การกู้​เงิน​สามารถ​นำ​สิทธิต่างๆ​ที่ธนาคาร​ ​ไม่​เคยยอมรับ​ ​เช่น​ ​สิทธิ​ใน​แผงลอย​ ​สิทธิ​ใน​ที่ดิน​ ​นส​. 3 ​สิทธิ​ใน​ทรัพย์สินทางปัญญา​ ​หรือ​สิทธิการ​เป็น​เจ้าของเครื่องจักรไปค้ำ​ ​ประ​กัน​การกู้​เงิน​ได้

ขณะที่​โครงการหนึ่งตำ​บล​ ​หนึ่งผลิตภัณฑ์​ ​หรือ​โอทอป​ ​ได้​เปลี่ยนชื่อ​เป็น​ “​ผลิตภัณฑ์​ ​ชุมชน​และ​ท้องถิ่น​” ​แม้​ไม่​ได้​ถูกยกเลิก​ ​แต่ภาย​ใต้​การบริหารอย่าง​ไม่​เอา​ใจ​ใส่​ ​ทำ​ให้​ ​การยกระดับสินค้าของชาวบ้านไปสู่ตลาด​ทั่ว​โลกที่​เคยวิ่งฉิว​เป็น​อัน​ต้อง​สะดุดลง

ด้านโครงการพัฒนาศักยภาพหมู่บ้าน​/​ชุมชน​ ​หรือ​หมู่บ้านเอสเอ็มแอล​ ​ถูกเปลี่ยน​ ​ชื่อ​เป็น​หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง​ ​เมื่อเริ่มโครงการ​ ​ไป​ได้​ไม่​นาน​ ​จัดสรรเงินลงหมู่บ้าน​ ​ไป​ 18,253 ​หมู่บ้าน​ ​ภาย​ใต้​งบประมาณ​ 4,149 ​ล้านบาท​ ​และ​ยัง​ใช้​ไม่​หมดอีก​ 850 ​ล้านบาท​

พอ​ถึง​ต้นปีงบประมาณ​ 2551 ​ใน​เดือน​ ​ต​.​ค​. 2550 ​รัฐบาลก็ตัดสินใจยกเลิกโครงการนี้อีก​ ​ด้วย​เหตุผลว่า​เป็น​โครงการลักษณะ​เดียว​ ​กับ​ยุทธศาสตร์​อยู่​ดีมีสุขของรัฐบาลชุดนี้​ ​โดย​ไม่​ได้​มองว่าการเบิกจ่ายงบประมาณของยุทธศาสตร์​อยู่​ดีมีสุข​ไม่​มี​ความ​คืบหน้า​เลย​

ส่วน​กองทุนหมู่บ้าน​และ​ชุมชนเมืองแห่งชาติ​ ​ที่​เคยวางอนาคต​ให้​ยกระดับ​เป็น​ธนาคารชุมชน​ ​แม้รัฐบาลนี้​จะ​ให้​เดินหน้าต่อ​ ​แต่ตลอด​ 1 ​ปีที่ผ่านมา​ไม่​มี​ความ​คืบหน้า​เช่น​กัน​

นอก​จาก​นั้น​ ​รัฐบาลนี้​ยัง​ได้​พยายามบอนไซศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ​หรือ​ทีซีดีซี​ ​ที่รัฐบาลก่อนปลุกปั้น​ให้​เกิดขึ้นมา​ ​เพื่อ​เป็น​ ​ศูนย์กลาง​ความ​รู้ด้านการออกแบบ​และ​ความ​คิดสร้างสรรค์​ ​อัน​จะ​นำ​ไปสู่การพัฒนา​ “​เศรษฐกิจแบบสร้างสรรค์มูลค่า​” ​ให้​เกิดขึ้น​ใน​ประ​เทศไทย​

โดย​สั่งยุบรวม​กับ​สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้​แห่งชาติ​ (เอ็นดี​เอ็มไอ) ​ภาย​ใต้​ชื่อ​ใหม่​ว่า​ ​สถาบันการเรียนรู้​และ​สร้างสรรค์​ (ไอดีซี​แอล) ​ทั้งๆ​ที่​ไม่​มี​แผนรองรับว่า​จะ​ดำ​เนินงาน​กัน​อย่างไรต่อ​ ​พร้อม​ยัง​สร้างปัญหาคาราคาซังมากมาย​

ด้วย​เหตุ​เพียง​ความ​กลัวว่า​ยัง​มี​เงาของคน​ใน​รัฐบาลทักษิณ​ยัง​ครอบงำ​อยู่​เท่า​นั้น​เอง​!!

ชักเนื้อยึดสัมปทานไอทีวี​

อีกหนึ่งผลงานโบดำ​ที่ทำ​ให้​รัฐสูญเสียโอกาส​ ​แทนที่​จะ​ได้​ “​ค่าต๋ง​” ​ผลประ​โยชน์​เข้า​รัฐ​ 25,000 ​ล้านบาท​ ​ตลอดอายุสัมปทาน​ 30 ​ปี

กลับ​ต้อง​ชักเนื้อ​ 5% ​ของภาษีสรรพสามิตสุรา​-​ยาสูบ​ ​ใน​วงเงิน​ไม่​เกิน​ 2,000 ​ล้านบาทต่อปี​ไปหล่อเลี้ยง​ ​ทีวีสาธารณะ​แทน​

ปัญหายุ่งๆ​นี้​เกิดขึ้นเมื่อสถานี​โทรทัศน์​ไอทีวีถูกรัฐบาลยกเลิกสัญญาสัมปทาน​และ​ให้​ ​โอนทรัพย์สินของไอทีวีมา​เป็น​ของรัฐ​ ​โดย​เปลี่ยนชื่อ​เป็น​สถานี​โทรทัศน์ที​ไอทีวี​ ​และ​กำ​ลัง​จะ​กลาย​ ​เป็น​ทีวีสาธารณะ​ใน​เร็วๆ​นี้

ภายหลัง​จาก​มี​ความ​ขัดแย้งระหว่างคู่สัญญา​ ​คือ​ ​สำ​นักงานปลัดสำ​นักนายกรัฐมนตรี​ (สปน​.) ​และ​บริษัทไอทีวี​ ​จำ​กัด​ (มหาชน) ​เรื่องการจ่ายค่าสัมปทาน​และ​การปรับผังรายการเพิ่มสัด​ส่วน​ของรายการบันเทิง

จน​ใน​ที่สุด​ ​สปน​.​ได้​ไล่​เบี้ยค่าปรับอภิมหา​โหด​ ​เล่นเอา​ไอทีวี​ “​ล้ม​ทั้ง​ยืน​”

แต่​เรื่อง​ไม่​ได้​จบลงแค่​นั้น​ ​เมื่อรัฐบาลทำ​งานแบบสุกเอา​เผากิน​ ​และ​รวบรัดออกร่าง​ ​พ​.​ร​.​บ​. ​องค์การกระจายเสียง​และ​แพร่ภาพ​ ​สาธารณะ​แห่งประ​เทศไทย​ ​หรือ​ ​พ​.​ร​.​บ​.​ทีวีสาธารณะ​ ​ที่ผ่านการพิจารณาของสภานิติบัญญัติ​แห่งชาติ​ (สนช​.) ​ไป​ทั้ง​ 3 ​วาระ​แล้ว​

โดย​หวังว่า​เมื่อพระบาทสมเด็จพระ​เจ้า​อยู่​หัวทรงลงพระปรมาภิ​ไธย​ ​และ​มีการประกาศกฎหมายนี้​ใช้​ใน​หนังสือราชกิจจานุ​เบกษา​แล้ว​ ​ก็​จะ​ผลักดันสถานี​โทรทัศน์ที​ไอทีวี​เป็น​ทีวีสาธารณะ​ได้

แต่​แล้ว​ก็​ไป​ไม่​รอด​ ​เมื่อศาลปกครองสูงสุด​ได้​สั่งจำ​หน่ายคดีที่​ ​สปน​.​ยื่นฟ้อง​ ​บมจ​.​ไอทีวี​ ​ชำ​ระ​เงิน​ 101,865 ​ล้านบาท

ประกอบ​ด้วย​ ​ค่าปรับผังรายการ​ 97,760 ​ล้านบาท​ ​ค่าสัมปทาน​ส่วน​ต่าง​ 2,887 ​ล้านบาท​ ​ค่าดอกเบี้ยของค่าสัมปทาน​ส่วน​ต่าง​ 562 ​ล้านบาท​ ​และ​มูลค่าทรัพย์สินที่ส่งมอบ​ไม่​ครบ​ ​หลังการบอกเลิกสัญญาสัมปทาน​ 656 ​ล้านบาท​ ​พร้อมดอกเบี้ย​ 7.5% ​ต่อปี​

ทำ​ให้​ข้อขัดแย้ง​ทั้ง​หมด​ต้อง​กลับไปสู่กระบวนการอนุญา​โตตุลาการ​ใหม่​

มาตรา​ 190 ​อุปสรรคการค้า​

มาตรา​ 190 ​แห่งรัฐธรรมนูญ​ ​พ​.​ศ​. 2550 ​เป็น​อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำ​ให้​ไทยสูญเสียโอกาส​ใน​การเจร​จากา​รค้าระหว่างประ​เทศ​ ​เพราะ​กำ​หนด​ให้​การทำ​สนธิสัญญา​ ​และ​ความ​ตกลงระหว่างประ​เทศ​ ​ต้อง​เสนอรัฐสภา​ให้​ความ​เห็นชอบ​ ​และ​หากมีผลกระทบ​ ​มาก​ต้อง​ทำ​ประชาพิจารณ์​

ซึ่ง​ทำ​ให้​เกิด​ความ​ยุ่งยาก​ใน​ทางการปฏิบัติมาก​ ​เพราะ​การเจรจาทุกครั้ง​จะ​ต้อง​ขอ​ความ​ ​เห็นชอบ​จาก​สภา​ ​ขณะที่การเจร​จากา​รค้า​ ​ทั่ว​ไป​ ​ไม่​ได้​เกิดขึ้นภาย​ใน​ครั้งเดียว​แล้ว​สำ​เร็จ​

หาก​ต้อง​ขอ​ความ​เห็นชอบทุกครั้ง​ ​แน่นอนว่า​ ​การเจรจา​จะ​มี​ความ​คืบหน้า​ ​ยาก​ ​ประ​เทศคู่​เจรจาอาจเกิด​ความ​เบื่อหน่าย​ ​ที่สำ​คัญ​ ​หากสภา​ไม่​เห็นชอบก็​จะ​ไม่​สามารถ​เจรจาต่อ​ได้

ถึง​แม้​ใน​รัฐธรรมนูญ​จะ​กำ​หนดต่อว่า​ ​ต้อง​มีกฎหมายลูกที่กำ​หนด​ ​หลักเกณฑ์​และ​วิธีการ​ใน​การเจรจาที่ชัดเจนเพื่อ​เป็น​หลักปฏิบัติ​ ​ิสำ​หรับ​ผู้​เจรจา​ ​แต่​ใน​ระหว่างที่กฎหมายลูก​ยัง​ไม่​มีผลบังคับ​ใช้​การเจรจาข้อตกลงการค้า​เสรีของไทย​ ​กับ​ประ​เทศ​ใหม่ๆ​ก็​ต้อง​หยุดชะงักไป​โดย​ปริยาย

มาตรา​ 190 ​จึง​อาจทำ​ให้​ไทยตกขบวนการค้า​เสรี​ ​สุดท้าย​จะ​กระทบต่อเศรษฐกิจ​โดย​รวมของประ​เทศ​ ​รวม​ถึง​ความ​เชื่อถือ​ ​และ​ความ​สัมพันธ์ระหว่างไทย​กับ​ประ​เทศคู่​เจรจา​ด้วย

ผลงาน​ “​ที​โอที​” ​เหลว​ไม่​เป็น​ท่า​

ปี​ 2550 ​ถือว่า​เป็น​ปี​แห่งการเสียโอกาสของบริษัท​ ​ที​โอที​ ​จำ​กัด​ (มหาชน) ​อย่างหนักหนา​ ​สาหัส​ ​เพราะ​นอก​จาก​ไม่​มีพัฒนาคุณภาพการ​ให้​บริการ​ ​ไม่​สร้างราย​ได้​เพิ่ม​แล้ว​ ​ยัง​เกิด​ความ​วุ่นวาย​และ​ขัดแย้ง​กัน​เอง​ไม่​เลิกรา​

นับตั้งแต่​ ​พล​.​อ​.​สพรั่ง​ ​กัลยาณมิตร​ ​รองปลัดกระทรวงกลา​โหม​ ​มานั่งแท่น​เป็น​ประธานคณะกรรมการ​ ​มีการเปลี่ยนกรรมการ​ผู้​จัดการ​ใหญ่​ถึง​ 4 ​คน​ ​เริ่มตั้งแต่นายสมควร​ ​บูรมินเหนทร์​ ​นายวุฒิพงษ์​ ​เพรียบจริยวัฒน์​ ​พ​.​อ​.​นที​ ​ศุกลรัตน์​ ​และ​นายกิตติพงศ์​ ​เตมียะประดิษฐ์​ ​จนทำ​ให้​ขาด​ความ​ต่อ​เนื่อง​ใน​การบริหารงาน

ที​โอทีมี​ทั้ง​ปัญหาภาย​ใน​ ​ขั้นตอนการทำ​งานล่าช้า​ ​ประกอบ​กับ​บอร์ด​ไม่​มีนโยบายชัดเจน​ ​จนพนักงานที​โอทีถอดใจ​ใน​การทำ​งาน​ ​จึง​ส่ง​ให้​ผลดำ​เนินงาน​ไม่​เป็น​ไปตามเป้าหมาย​ ​เช่น​ ​จาก​ที่กำ​หนด​ใน​ปี​ 2550 ​จะ​มี​ผู้​ใช้​อินเตอร์​เน็ต​ความ​เร็ว​สูงทะลุ​ 1 ​ล้านราย​ ​กลับทำ​ได้​ 400,000 ​ราย​เท่า​นั้น​

ขณะที่ตลอด​ทั้ง​ปีนี้ที​โอที​จึง​มีกำ​ไรเพียง​ 1,000 ​ล้านบาท​ ​ลดลง​จาก​เดิมมีกำ​ไร​ 6,981.22 ​ล้านบาท​

ล่าสุดสำ​นักงานนโยบาย​และ​แผนรัฐวิสาหกิจ​ได้​ทำ​หนังสือ​ ​ถึง​กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ​และ​การสื่อสาร​ (ไอซีที) ​ให้​เร่งจัดทำ​แผนยุทธศาสตร์ปรับโครงสร้างเพื่อฟื้นฟูฐานะการเงินอย่างเร่งด่วน​

เพราะ​ที​โอทีมี​แนวโน้มที่​จะ​ประสบปัญหาด้านการเงิน​ใน​อนาคตอัน​ใกล้​นี้​

หวยบนดินสูญ​ 5.2 ​หมื่นล้าน

คำ​สั่งยุติหวยบนดิน​ ​แบบเลขท้าย​ 3 ​ตัว​ ​และ​ 2 ​ตัว​ ​ตั้งแต่ปลายเดือน​ ​พ​.​ย​.2549 ​ยาวนานมาตลอดปี​ 2550 ​ยัง​ไม่​เห็นวี่​แวว​ใด​ออกมา​เรียกเสียงฮือฮา​กับ​นักเสี่ยงโชค​ได้​อีกครั้ง​

หนำ​ซ้ำ​ยัง​ปล่อย​ให้​หวย​ใต้​ดินระบาด​ ​จน​ ​บรรดา​เจ้ามือหวย​ใต้​ดินออกอาการลิงโลดดี​ใจ​ ​ฟันกำ​ไรเหนาะๆ​เข้า​กระ​เป๋านับ​ไม่​ถ้วน​

หากคำ​นวณ​เป็น​ตัวเลขแบบคร่าวๆ​ ​แต่ละงวดมียอดจำ​หน่ายหวยบนดินงวดละ​ 2,000 ​ล้านบาท​ ​ฉะ​นั้น​ ​ตั้งแต่รัฐบาลสั่งหยุดจำ​หน่ายหวยบนดินจน​ถึง​งวดปัจจุบัน​ (30 ​ธ​.​ค​. 2550) ​รวม​ 26 ​งวด​

รัฐบาลเสียโอกาส​จาก​การหาราย​ได้​ถึง​ 52,000 ​ล้านบาทที​เดียว

น่า​เสียดาย​ ​เพราะ​แทนที่​เงินเหล่านี้​จะ​ถึง​มือเด็กยากจน​ ​เช่น​ ​โครงการ​ 1 ​อำ​เภอ​ 1 ​ทุน​ ​ที่​เป็น​โอกาส​ให้​เด็กไทยที่ยากจนไปเล่า​เรียน​ใน​ต่างประ​เทศฟรีๆ​ ​แต่ดันทะลึ่ง​ ​ไป​อยู่​ใน​กระ​เป๋าของเจ้ามือหวย​ใต้​ดินแทน​

แผนก่อสร้างรถไฟฟ้าบิดเบี้ยว​

จน​แล้ว​จนรอดรถไฟฟ้า​ 5 ​สายทางที่หลายรัฐบาลวาดฝัน​ให้​ประชาชนชาวกรุงเทพฯ​ ​หลงเคลิ้มว่า​จะ​เดินทาง​ได้​อย่างสะดวกรวด​เร็ว​ ​ก็​ยัง​ไม่​ขับเขยื้อนไปไหน​ ​มี​เพียง​ 2 ​สาย​ ​ที่​ ​ครม​.​เห็นชอบ​ ​แต่​ยัง​ไม่​ได้​เริ่มก่อสร้าง​ใดๆ​ทั้ง​สิ้น

เริ่มต้น​จาก​สายสี​แดงที่​แบ่งออก​เป็น​ 2 ​ช่วง​ ​คือ​ ​บางซื่อ​-​ตลิ่งชัน​ ​ระยะทาง​ 15 ​กม​. ​และ​บางซื่อ​-​รังสิต​ ​ระยะทาง​ 26 ​กม​. ​วงเงินลงทุน​ 68,000 ​ล้านบาท

แม้ที่ประชุม​ ​ครม​.​จะ​เปิดไฟเขียว​ให้​เดินหน้า​โครงการไป​แล้ว​ ​พร้อมกำ​หนดว่าภาย​ใน​เดือน​ ​ต​.​ค​.2550 ​จะ​ได้​ผู้​รับเหมา​เพื่อดำ​เนินการก่อสร้าง​ใน​ช่วงบางซื่อ​-​ตลิ่งชัน​ ​เพื่อลงมือก่อสร้างต้นปี​ 2551 ​แต่จน​แล้ว​จนรอด​ถึง​บัดนี้ก็​ยัง​ไม่​สามารถ​เปิดประกวดราคาหา​ผู้​รับเหมา​

ขณะที่ช่วงบางซื่อ​-​รังสิต​ ​จะ​ต้อง​รอ​ให้​เงินค่าก่อสร้าง​ใน​ช่วง​ ​แรกเหลือก่อน​จึง​จะ​ลงมือ​ได้​

อีก​ทั้ง​มีปรากฏการณ์พิ​เศษของรถไฟฟ้าสายสี​แดงที่​จะ​เอารถไฟแบบดี​เซลรางวิ่งไปพลางๆ​ก่อน​ ​เมื่อเห็นว่ามี​ความ​พร้อมเพิ่มขึ้นค่อยหารถไฟฟ้ามาวิ่งบนรางเดียว​กัน​

สำ​หรับรถไฟฟ้าสายสีม่วง​ ​ช่วงบางซื่อ​-​บาง​ใหญ่​ ​ระยะทาง​ 23 ​กม​. ​วงเงิน​ 55,000 ​ล้านบาท​ ​จาก​นโยบายของรัฐบาลก่อน​ ​จะ​เป็น​ลำ​ดับแรกที่​ได้​ก่อสร้างก่อน​ ​แต่​ด้วย​หลักเกณฑ์ที่รัฐบาลชุดนี้กำ​หนด​ให้​ผ่าน​ ​พ​.​ร​.​บ​.​การ​เข้า​ร่วมการงานระหว่างรัฐบาล​และ​เอกชน​ ​พ​.​ศ​. 2535 ​จึง​ต้อง​ถูกพิจารณากลั่นกรองหลายขั้นตอน

เมื่อ​ ​ครม​.​ให้​เดินหน้า​โครงการ​ได้​ ​ก็​ยัง​ติดปัญหา​เงินค่า​เวนคืนที่ดินที่สูงขึ้น​ถึง​หนึ่ง​เท่า​ตัว​ ​จนกระทรวงคมนาคม​ต้อง​นำ​กลับไปพิจารณา​ใหม่​ ​และ​เพิ่งเสนอ​ให้​ ​ครม​.​เห็นชอบ​ใน​วงเงิน​ 9,209 ​ล้านบาท​

ส่วน​กำ​หนดเวลาที่วาง​ไว้​ว่า​จะ​เริ่มหา​ผู้​รับเหมา​และ​ก่อสร้าง​ได้​ใน​ต้นปี​ 2551 ​ก็​ยัง​เป็น​ปัญหา​อยู่​

เพราะ​ธนาคารเพื่อ​ความ​ร่วมมือระหว่างประ​เทศของญี่ปุ่น​ (เจบิก) ​ผู้​ให้​เงินกู้​ ​เห็นว่ารูปแบบโครงการเปลี่ยนแปลงไป​จึง​ขอทบทวนการ​ให้​กู้​ใหม่​ทั้ง​หมด​

ทอท​.​ราย​ได้​ลดกำ​ไรหล่นวูบ

บริษัทท่าอากาศยานไทย​ ​จำ​กัด​ (มหาชน) ​หรือ​ ​ทอท​. ​ใน​ฐานะ​ผู้​กำ​กับ​ดู​แลสนามบินนานาชาติ​ ​ใน​ประ​เทศไทย​ ​มีผลงาน​ใน​อดีตโกยกำ​ไร​เป็น​กอบ​เป็น​กำ​ปีละกว่า​ 10,000 ​ล้านบาท​ ​เพราะ​เป็น​ธุรกิจผูกขาด

แต่ตลอด​ทั้ง​ปี​ 2550 ​นี้​ ​กลับมีกำ​ไรลดลงเหลือ​ไม่​ถึง​ 1,000 ​ล้านบาท

มา​จาก​สา​เหตุสำ​คัญ​ 2 ​ประการ​ ​ประการแรก​จาก​การเปิดสนามบินสุวรรณภูมิ​ ​ทำ​ให้​ต้อง​หักค่า​เสื่อมราคา​ใน​ปี​แรก​ 5,000-6,000 ​ล้านบาท

แต่ประการที่​ 2 ​ถือ​เป็น​ผลของการบริหารงานของคณะกรรมการ​ ​ทอท​. ​ที่มี​ ​พล​.​อ​.​สพรั่ง​ ​เป็น​ประธาน​ ​โดย​เฉพาะ​ใน​กรณีที่​เข้า​มาล้างบางกลุ่มบริษัทคิง​ ​เพา​เวอร์​ ​ที่​ได้​รับสัมปทานการ​ ​บริหารพื้นที่​เชิงพาณิชย์​และ​ร้านค้าปลอดภาษี​ ​ด้วย​การประกาศยกเลิกสัญญาสัมปทาน​

ทำ​ให้​ราย​ได้​ของ​ ​ทอท​.​ที่​ได้​รับ​จาก​กลุ่มบริษัทคิง​ ​เพา​เวอร์​ ​เดือนละ​ 300 ​ล้านบาท​ ​หรือ​ปีละกว่า​ 3,000 ​ล้านบาทหายไป​

ซ้ำ​ร้ายไปกว่า​นั้น​ ​ทอท​.​ยัง​ถูกกลุ่มคิง​ ​เพา​เวอร์​ ​ฟ้องร้องต่อศาลแพ่งเพื่อเรียกค่า​เสียหาย​ ​กว่า​ 68,000 ​ล้านบาท​ ​พร้อมขอ​ความ​คุ้มครอง​จาก​ศาล​ไม่​ให้​ ​ทอท​.​เข้า​มารื้อถอน

เท่า​กับ​สิ่งที่คณะกรรมการ​ ​ทอท​.​ตัดสินใจไปมี​แต่​เสีย​กับ​เสีย​ ​จึง​เป็น​ที่มาของ​ ​ปี​แห่งการเสียโอกาส​โดย​แท้​!!!

ทีมเศรษฐกิจ ไทยรัฐ


จาก ไทยรัฐ 31/12/50

เหลียวหลังการเมือง​2550 ​ปีปฏิ​เสธเผด็จการ


เรื่องของกาลเวลา​ ​มีการกำ​หนดช่วง​จาก​ชั่วโมง​เป็น​วัน​ ​จาก​วัน​เป็น​เดือน​ ​จาก​เดือน​เป็น​ปี

ใน​ห้วงรอยต่อแห่งกาลเวลาที่​เวียนมาบรรจบครบปี​ ​ถือ​เป็น​ช่วงเหมาะสมที่สุด​ ​สำ​หรับการทบทวนสิ่งต่างๆ​ที่​เกิดขึ้น​ใน​รอบปี

“​ทีมข่าวการเมืองไทยรัฐ​” ​จึง​ขอ​ใช้​โอกาส​ใน​วันสุดท้ายของปี​ 2550 ​เหลียวหลังย้อนกลับไปมองร่องรอยปรากฏการณ์ทางการเมือง​ ​ใน​ช่วงขวบปีที่กำ​ลัง​จะ​ผ่านพ้นไป

เริ่ม​จาก​ฝ่ายนิติบัญญัติ​ ​ที่ปีนี้มีสภานิติบัญญัติ​แห่งชาติ​ (สนช​.) ​ทำ​หน้าที่​แทนสภา​ผู้​แทนราษฎร​ ​วุฒิสภา​ ​และ​รัฐสภา​

โดย​ตั้งแต่ช่วงต้นปี​ ​เป็น​เรื่องของการออกแบบรัฐธรรมนูญ​ฉบับ​ใหม่​ ​มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ​ ​และ​คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ​ ​เป็น​หัวหอก​ใน​การยกร่างฯ​ ​ตามปฏิทินเวลาที่วาง​ไว้

ทั้ง​นี้​ ​ใน​ช่วงยกร่างฯ​ ​มีการตั้งธง​กัน​เอา​ไว้​หลายประ​เด็น​ ​เช่น​ ​มีการเสนอ​ให้​นายกรัฐมนตรี​ ​มา​จาก​คนนอก​ ​ไม่​จำ​เป็น​ต้อง​เป็น​ ​ส​.​ส​. ​เสนอ​ให้​ ​ส​.​ว​.​มา​จาก​การสรรหา

แต่สุดท้ายก็ต้านกระ​แสสังคม​ไม่​ไหว​ ​ต้อง​ยอมกำ​หนด​ให้​ ​นายกฯ​ ​มา​จาก​ ​ส​.​ส​. ​ส่วน​ที่มาของ​ ​ส​.​ว​.​ให้​มา​จาก​การเลือกตั้ง​และ​สรรหาผสม​กัน

ขณะ​เดียว​กัน​ ​ก็ยกเลิกการเลือกตั้ง​ ​ส​.​ส​. ​แบบวันแมนวันโหวต​ ​มา​ใช้​แบบรวมเขตเรียงเบอร์

อย่างไรก็ตาม​ ​ต้อง​ถือว่า​เป็น​ครั้งแรก​ใน​ประวัติศาสตร์การเมืองไทย​ ​ที่มีการจัดลงคะ​แนนเสียง​ ​ประชามติร่างรัฐธรรมนูญ​ ​โดย​คน​ส่วน​ใหญ่​ให้​ความ​เห็นชอบ

สำ​หรับการทำ​หน้าที่ของสภานิติบัญญัติ​แห่งชาติ​ ​ตลอดปี​ ​มีกฎหมายที่สำ​คัญ​ ​จำ​เป็น​ต่อการบริหารประ​เทศออกมาน้อยมาก

แต่มีปรากฏการณ์​ใหม่​เกิดขึ้น​ให้​เห็น​ ​นั่นก็คือสมาชิก​ ​สนช​.​เปิดอภิปราย​ ​ทั่ว​ไปรัฐบาล​โดย​ไม่​มีการลงมติ​ ​ซึ่ง​ถือ​เป็น​ครั้งแรก​ ​ของสภา​ ​ที่มา​จาก​การแต่งตั้ง​ใน​ยุครัฐประหาร

ดู​แล้ว​ก็คล้ายบรรยากาศแบบประชาธิปไตย​ ​แต่​ใน​ความ​เป็น​จริง​ ​เป็น​เรื่องอำ​นาจ​และ​ผลประ​โยชน์​ ​ที่​ไม่​ลงตัวของคนฝ่ายเดียว​กัน​ ​ที่​แบ่งกลุ่มแบ่งพวก​อยู่​ใน​ ​สนช​.

มา​ถึง​ช่วงปลายปีก็​เกิดเหตุการณ์ม็อบที่​ไม่​พอใจการพิจารณาร่างกฎหมาย​ ​ใน​ช่วง​ใกล้​เลือกตั้งปีนรั้วรัฐสภาบุก​เข้า​ไป​ถึง​หน้าห้องประชุม​ ​สนช​.

ปรากฏการณ์​เหล่านี้​ ​สะท้อน​ให้​เห็น​ถึง​การชิงการนำ​ของกลุ่มพลังภาย​ใน​ ​สนช​.​ที่มี​ทั้ง​สายพันธมิตร​ ​สายเอ็นจี​โอ​ ​สายข้าราชการพลเรือน​ ​และ​สายทหาร

สรุปภาพรวม​ 12 ​เดือนที่ผ่านมาของฝ่ายนิติบัญญัติ​ ​มีสภาพ​ไม่​ต่าง​จาก​คำ​เปรียบเปรย

ไก่ตรุษจีน​ใน​เข่งที่รอเชือด​ ​จิกตี​กัน​เอง

หันมาที่ฝ่ายตุลาการ​ ​เป็น​ที่ชัดเจนว่าช่วงกลางปีที่ผ่านมา​ ​มีปรากฏการณ์การ​ใช้​อำ​นาจของตุลาการรัฐธรรมนูญ​ ​สั่นสะ​เทือนเลื่อนลั่นไป​ทั้ง​เมือง

เมื่อตุลาการรัฐธรรมนูญมีคำ​ตัดสินยุบพรรคไทยรักไทย​ ​พร้อมสั่งเพิกถอนสิทธิ​ ​เลือกตั้งอดีตกรรมการบริหารพรรค​ 111 ​คน​

ส่งผล​ให้​เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองตามมามากมาย​ ​อาทิ​ ​ทำ​ให้​ขาดแคลนบุคลากร​ ​ทางการเมือง​ ​เนื่อง​จาก​นักการเมืองระดับแกนนำ​ถูกเว้นวรรคการเมือง​ 5 ​ปี​

ทำ​ให้​เกิดการเมือง​ใน​รูปแบบร่างทรง​ ​ทั้ง​หัวหน้าพรรคที่​เป็น​ร่างทรง​ ​กรรมการบริหารพรรคร่างทรง​ ​และ​ผู้​สมัคร​ ​ส​.​ส​.​ร่างทรง

ทำ​ให้​มีพรรคการเมืองเกิดขึ้น​ใหม่​หลายพรรค​ ​ส่วน​ใหญ่​ ​ป้อมค่ายที่​แตกตัวออกมา​จาก​พรรคไทยรักไทย

ขณะที่ทางด้านศาลยุติธรรม​ ​ใน​ปีนี้​ได้​มีคำ​พิพากษาตัดสินคดี​ ​ที่​เกี่ยวข้อง​กับ​นักการเมืองหลายคดี​ ​อาทิ

ศาลอาญามีคำ​พิพากษา​ให้​จำ​คุกนายสมัคร​ ​สุนทรเวช​ 2 ​ปี​ ​โดย​ไม่​รอลงอาญา​ ​ใน​คดีหมิ่นประมาทนาย​สามารถ​ ​ราชพลสิทธิ์​ ​อดีตรอง​ผู้​ว่าฯ​ ​กทม​. ​แต่​ให้​ประ​กัน​ตัวสู้คดี​ใน​ชั้นอุทธรณ์

ศาลอาญาพิพากษาจำ​คุกนายประชัย​ ​เลี่ยวไพรัตน์​ 3 ​ปี​ ​โดย​ไม่​รอการลงโทษ​ ​ใน​คดีปั​�​นหุ้นทีพี​ไอโพลีน​ ​และ​มีคำ​พิพากษา​ให้​จำ​คุกนายประชัย​ 1 ​เดือน​ ​โดย​ไม่​รอลงอาญา​ ​ใน​คดีละ​เมิดอำ​นาจศาล​ ​แต่อนุญาต​ให้​ประ​กัน​ตัวสู้คดี

ศาลอาญาพิพากษา​ให้​จำ​คุกนายสมหมาย​ ​ภาษี​ 2 ​ปี​ ​โดย​ไม่​รอลงอาญา​ ​ใน​คดีปฏิบัติหน้าที่​โดย​มิชอบกรณีสั่งพักงานอดีตรอง​ ​ผอ​.​บริษัทไทยเดินเรือทะ​เล​ (บทด​.) ​ใน​สมัย​เป็น​รองปลัดกระทรวงการคลัง​ ​แต่​ให้​ประ​กัน​ตัวสู้คดี​ใน​ชั้นอุทธรณ์​ ​ส่งผล​ให้​นายสมหมายหลุด​จาก​เก้าอี้​ ​รมช​.​คลังทันที

ศาลฎีกามีคำ​พิพากษา​ให้​จำ​คุกนายบุญมาก​ ​ศิริ​เนาวกุล​ ​อดีต​ผู้​สมัคร​ ​ส​.​ส​.​ราชบุรี​ ​พรรคประชาธิปัตย์​ 1 ​ปี​ ​เพิกถอนสิทธิ​เลือกตั้ง​ 10 ​ปี​ ​ใน​คดีทุจริตเลือกตั้งเมื่อปี​ 2543 ​แต่​โทษจำ​คุก​ให้​รอลงอาญา​ ​ส่งผล​ให้​ขาดคุณสมบัติพ้น​จาก​การ​เป็น​ผู้​สมัคร​ ​ส​.​ส​.​ก่อน​ถึง​วันเลือกตั้ง

ศาลสถิตยุติธรรม​ ​ใช้​กฎหมายเข้ม

สำ​หรับกระบวนการยุติธรรมเบื้องต้น​ใน​การนำ​คดีขึ้นสู่การพิจารณา​ใน​ชั้นศาล

โดย​เฉพาะคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำ​ที่ก่อ​ให้​เกิด​ความ​เสียหายแก่รัฐ​ (คตส​.) ​ที่​เป็น​ผลพวงมา​จาก​การรัฐประหาร​

มีการตรวจสอบเรื่องการทุจริต​ใหญ่ๆ​ของรัฐบาลชุดที่​แล้ว​ 15 ​เรื่อง​ ​ปรากฏว่า​ใน​รอบปีนี้​ ​สามารถ​ส่งสำ​นวน​เข้า​สู่การพิจารณา​ใน​ชั้นศาล​ได้​เพียง​ 2 ​คดี​ ​คือ

คดีหลีกเลี่ยงภาษีการซื้อขายหุ้นชินคอร์ป​ ​และ​คดี​ใช้​อำ​นาจ​ ​โดย​มิชอบซื้อที่ดินย่านถนนรัชดาภิ​เษก​

และ​มีคดีที่ส่งสำ​นวน​ให้​อัยการสูงสุดพิจารณา​เพื่อส่งฟ้องศาล​ 1 ​คดี​ ​คือ​ ​คดีออกสลากพิ​เศษ​ 3 ​ตัว​ 2 ​ตัว​ ​ทำ​ให้​รัฐเสียหาย

ส่วน​ที่​เหลืออีก​ 10 ​กว่า​เรื่อง​ยัง​อยู่​ใน​ขั้นตอนของคณะกรรมการไต่สวน​ ​คตส​. ​โดย​ผู้​ถูกกล่าว​ส่วน​ใหญ่​ขอเลื่อนการ​เข้า​ชี้​แจงหลายครั้งหลายหน​ ​ทำ​ให้​การพิจารณายืดเยื้อมาจน​ถึง​ทุกวันนี้

อย่างไรก็ตาม​ ​คตส​.​ได้​มีคำ​สั่งอายัดเงิน​ใน​บัญชี​เงินฝาก​และ​ทรัพย์สินที่ครอบครัว​ ​บุตร​ ​และ​บริวาร​ ​ของ​ ​พ​.​ต​.​ท​.​ทักษิณ​ ​ชินวัตร​ ​อดีตนายกฯ​ ​ได้​รับ​จาก​การขายหุ้นชินคอร์ป​ ​หลายระลอกรวมวงเงินกว่า​ 72,000 ​ล้านบาท

ใน​ขณะที่ฝ่าย​ผู้​ถูกกล่าวหาที่หลบไปตั้งหลัก​อยู่​ต่างประ​เทศ​ ​อ้างเหตุที่​ยัง​ไม่​มาชี้​แจงข้อกล่าวหา​ ​ว่า​เป็น​เพราะ​ไม่​มั่นใจ​ใน​ความ​ยุติธรรมของอำ​นาจรัฐปัจจุบัน​ ​และ​ไม่​มั่นใจ​ใน​ความ​ปลอดภัย​ ​แต่ยืนยันหลังเลือกตั้งมีรัฐบาล​ใหม่​แล้ว​จะ​กลับมา

หันมาทางฝ่ายบริหาร​ ​ใน​รอบปีนี้ชัดเจนว่า​ “​รัฐบาลขิงแก่​” ​ภาย​ใต้​การนำ​ของ​ ​พล​.​อ​.​สุรยุทธ์​ ​จุลานนท์​ ​นายกรัฐมนตรี​ ​เกิดปัญหา​เครื่องรวนมาตลอด

ช่วงต้นปี​ ​ม​.​ร​.​ว​.​ปรีดิยาธร​ ​เทวกุล​ ​ลาออก​จาก​ตำ​แหน่งรองนายกฯ​และ​ ​รมว​.​คลัง​ ​เพราะ​ไม่​พอใจที่นายกฯ​ ​แต่งตั้งนายสมคิด​ ​จาตุศรีพิทักษ์​ ​มา​เป็น​ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจระหว่างประ​เทศ

ทำ​ให้​ต้อง​มีการปรับ​ ​ครม​.​ดึงนายฉลองภพ​ ​สุสังกร์กาญจน์​ ​เข้า​มา​เป็น​ ​รมว​.​คลังคน​ใหม่

ถัดมา​ไม่​นาน​ ​นายประสิทธิ์​ ​โฆวิ​ไลกูล​ ​ลาออก​จาก​ ​รมต​.​ประจำ​สำ​นักนายกฯ​ ​ทำ​ให้​ต้อง​ปรับ​ ​ครม​.​อีกครั้ง

ผ่านมา​ถึง​ช่วงปลายปี​ ​เมื่อรัฐธรรมนูญ​ฉบับ​ใหม่​มีผลบังคับ​ใช้​ ​ข้อห้ามรัฐมนตรีถือหุ้นเกิน​ 5 ​เปอร์​เซ็นต์​ ​พ่นพิษ​ ​ส่งผล​ให้​นายอารีย์​ ​วงศ์อารยะ​ ​ต้อง​ลาออก​จาก​ ​รมว​.​มหาดไทย​ ​นายเกษม​ ​สนิทวงศ์​ ​ณ​ ​อยุธยา​ ​ลาออก​จาก​ ​รมว​.​ทรัพยากรธรรมชาติฯ​ ​นายสิทธิชัย​ ​โภไคยอุดม​ ​ลาออก​จาก​ ​รมว​.​ไอซีที​ ​นายสวนิต​ ​คงสิริ​ ​ลาออก​จาก​ ​รมช​.​ต่างประ​เทศ​ ​และ​นางอรนุช​ ​โอสถานนท์​ ​ลาออก​จาก​ ​รมช​.​พาณิชย์​

ทำ​ให้​ ​พล​.​อ​.​สุรยุทธ์​ต้อง​ปรับ​ ​ครม​. ​นั่งควบเก้าอี้​ ​รมว​. ​มหาดไทย​ ​ท่ามกลาง​ ​กระ​แสถล่ม​ ​เรื่อง​เขา​ยายเที่ยง​ ​ทำ​ให้​เสียรังวัดไปพอสมควร

ใน​ด้านผลงานของรัฐบาลชุดนี้​ ​ไม่​ต้อง​พูด​ถึง​ ​เพราะ​ไม่​มีอะ​ไร​เข้า​ตาประชาชน​ ​ถึง​ขนาดถูกตั้งฉายาว่า​เป็น​รัฐบาลฤาษีขี่​เต่า

สำ​หรับ​ผู้​นำ​รัฐบาลมีจุดแข็ง​อยู่​จุดเดียว​ ​ก็คือ​ ​เรื่องการคืนอำ​นาจ​ให้​ประชาชน​ ​ประกาศเปรี้ยง​จะ​ให้​มีการเลือกตั้งวันที่​ 23 ​ธันวาคม

แม้มี​แรงยื้อ​จาก​บางฝ่ายที่อยาก​ให้​เลื่อนการเลือกตั้งออกไป​ ​ถึง​ขั้นมีข่าวว่า​จะ​เปลี่ยนตัวนายกฯ​ ​แต่​ ​พล​.​อ​.​สุรยุทธ์ก็​ยัง​มั่นคง​ใน​จุดยืนเดิม​ ​ไม่​เปลี่ยนแปลง

สรุป​แล้ว​รัฐบาลชุดนี้​ ​เป็น​แค่รัฐบาลเฉพาะกาล​ ​ที่​เข้า​มาดู​แลประ​เทศเพื่อรอเวลา​เปลี่ยนผ่าน​ ​ให้​มีการเลือกตั้งกลับไปสู่ระบอบประชาธิปไตย

เป็น​แค่รัฐบาลคั่นเวลาจริงๆ

ส่วน​อีกอำ​นาจหนึ่งที่ซ้อน​อยู่​กับ​อำ​นาจฝ่ายบริหาร​ ​นั่นก็คือ​ ​คมช​.

เมื่อ​ ​พล​.​อ​.​สนธิ​ ​บุญยรัตกลิน​ ​ประธาน​ ​คมช​. ​เกษียณอายุราชการ​จาก​เก้าอี้​ ​ผบ​.​ทบ​. ​ฐานอำ​นาจ​ ​ที่​เคยมี​อยู่​เต็มเปี่ยมก็มีอัน​ต้อง​เปลี่ยนมือ​ ​เกิดอาการตีนลอย​ ​อำ​นาจเบ็ดเสร็จหมดไป​ ​สุดท้ายก็​ต้อง​โดด​เข้า​มา​เป็น​รองนายกรัฐมนตรี​ ​ดู​แลด้าน​ความ​มั่นคง

ตรงนี้​เป็น​ปกติของระบบ​ ​เมื่ออำ​นาจปกติ​เปลี่ยนผ่าน​เข้า​มา​ ​อำ​นาจพิ​เศษก็​ต้อง​ถอยไป

สำ​หรับอำ​นาจสำ​คัญอีกอันหนึ่ง​ ​ใน​สถานการณ์ที่ปีนี้​เป็น​ปี​เปลี่ยนผ่าน​ ​เพื่อคืนอำ​นาจประชาธิปไตย​ ​ให้​ประชาชน​ ​คณะกรรมการการเลือกตั้ง​ (กกต​.) ​จึง​มี​ความ​สำ​คัญมาก

เพราะ​ต้อง​ทำ​งานท้าทาย​ใน​การควบคุมการเลือกตั้ง​ให้​เกิด​ความ​บริสุทธิ์ยุติธรรม​ ​ท่ามกลางการต่อสู้​แข่งขัน​กัน​อย่างรุนแรงของพรรคการเมือง​และ​ขั้วอำ​นาจ

แม้ก่อนการเลือกตั้งวันที่​ 23 ​ธันวาคม​ ​กกต​.​ยัง​ไม่​สามารถ​แจกใบเหลืองใบแดง​ผู้​สมัคร​ ​ส​.​ส​.​ที่มีพฤติกรรมทุจริตกระทำ​ผิดกฎหมายเลือกตั้ง​ได้​ ​เพราะ​เวลากระชั้นชิด

แต่มา​ถึง​วันนี้​ ​ผลคะ​แนนเลือกตั้งอย่าง​ไม่​เป็น​ทางการออกมา​แล้ว​ว่า​ ​พรรคพลังประชาชน​ได้​ ​ส​.​ส​.​เข้า​มา​เป็น​อันดับหนึ่ง​ 233 ​คน​ ​พรรคประชาธิปัตย์ตามมา​เป็น​อันดับสอง​ 165 ​คน

พรรคพลังประชาชน​ได้​สิทธิ​เป็น​แกนนำ​รวบรวมเสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาลผสม​ ​ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ก็ประกาศพร้อมจัดตั้งรัฐบาล​ ​ถ้า​พรรคพลังประชาชนรวบรวมเสียงข้างมาก​ไม่​สำ​เร็จ

ช่วงชิงอำ​นาจรัฐ​กัน​จน​ถึง​เฮือกสุดท้าย

ท่ามกลางการร้องเรียนทุจริตเลือกตั้ง​และ​คัดค้านผลการเลือกตั้งนับร้อยเรื่อง​จาก​ทั่ว​ประ​เทศ​ ​ก็​ต้อง​รอดูว่า​ ​กกต​.​จะ​ใช้​อำ​นาจตามกฎหมายเลือกตั้ง​ ​เพื่อรักษา​ความ​สุจริต​ ​ความ​ยุติธรรม​ ​และ​ความ​เที่ยงธรรม​ ​เข้มข้นมากขนาดไหน

ว่าที่​ ​ส​.​ส​.​จะ​โดนเชือด​ ​แจกใบเหลือง​ ​ใบแดง​ ​ทั้ง​หมดกี่ราย

ทางด้านตัวแปรสำ​คัญทางการเมืองตลอดปีนี้​ ​ก็​ยัง​คง​เป็น​ ​พ​.​ต​.​ท​.​ทักษิณ​ ​ชินวัตร​ ​อดีตนายกฯ​ ​หัวขบวนกลุ่มอำ​นาจเก่า​

แม้ว่าตัว​อยู่​นอกประ​เทศ​ ​แต่ก็มีนอมินีทางการเมือง​อยู่​ใน​เมืองไทย​ ​มีการต่อสายบัญชาการ​ ​มีบทบาท​อยู่​เบื้องหลังการขับเคลื่อนทางการเมืองมาตลอด

และ​มีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ​ใน​ช่วงสิ้นปีที่มีการเลือกตั้ง​ ​แถมกำ​ลัง​จะ​มีบทบาทต่อ​เนื่อง​ข้ามปี​ไปอีก​ด้วย​ ​หลัง​จาก​พรรคพลังประชาชนชนะ​เลือกตั้ง​ได้​เป็น​แกนนำ​จัดตั้งรัฐบาล

จาก​ปรากฏการณ์ทางการเมืองที่​เกิดขึ้น​ใน​รอบปี​ 2550 ​ชี้​ให้​เห็นว่า​ ​ผล​จาก​การรัฐประหาร​ ​สามารถ​ยึดอำ​นาจ​ได้​ ​แต่​ ​ปกครอง​ไม่​ได้​ ​บริหารประ​เทศ​ไม่​ได้

การทำ​งานของรัฐบาลเฉพาะกาล​ ​เชื่องช้า​ ​ไม่​กล้าตัดสินใจ​ ​ทำ​ให้​ชาวบ้านยี้

สิ่งที่​เกิดขึ้น​ทั้ง​หมดเหล่านี้​ ​ถือ​เป็น​บทเรียนของพวกเผด็จการ​ ​ที่​ต้อง​ควรรู้ว่า

ชาวบ้านรับ​ไม่​ได้​กับ​รัฐบาลที่​ไม่​ได้​มา​จาก​การเลือกตั้ง

ทีมของเรา​จึง​ขอบอกว่า​ ​ปีนี้คือ​ ​ปีปฏิ​เสธเผด็จการ​.


ทีมการเมือง ไทยรัฐ

จาก ไทยรัฐ 31/12/50

เผย​ ​สมชัย​ ​ไม่​ร่วมลงมติ​แจกแดง​

เมื่อเวลา​ 17.00 ​น​. ​วานนี้​ (30 ​ธ​.​ค​.) ​นางสดศรี​ ​สัตยธรรม​ ​กกต​. ​ด้านกิจการพรรคการเมือง​ ​กล่าว​ถึง​การพิจารณา​เรื่องร้องคัดค้านการเลือกตั้ง​ ​ส​.​ส​. ​ว่า​ ​วันนี้คาดว่าคง​ยัง​ไม่​มีอะ​ไรชัดเจน​ ​ใน​การพิจารณา​ให้​ใบเหลืองใบแดง​ ​โดย​ใน​วันที่​ 31 ​ธ​.​ค​. ​กกต​.​จะ​หยุดพักการพิจารณา​ 1 ​วัน​ ​และ​จะ​เริ่มพิจารณาต่อ​กัน​ใน​วันที่​ 1 ​ม​.​ค​. 2551 ​ที่มีสำ​นวนเรื่องร้องเรียนที่ฝ่ายสืบสวนสอบสวนของสันติบาล​ ​เตรียมรอ​เข้า​สู่การพิจารณาอีกกว่า​ 100 ​สำ​นวน​ ​เป็น​ที่น่าสังเกตว่าสำ​นวนที่สันติบาลเสนอ​เข้า​สู่การพิจารณาของ​ ​กกต​. ​จะ​ไม่​มีการยกคำ​ร้องมี​เพียง​ให้​ไปสอบสวนเพิ่มเติม​เท่า​นั้น​ ​นอก​จาก​นี้​ใน​วันที่​ 1 ​ม​.​ค​. ​นายประสพ​ ​บุษราคัม​ ​ว่าที่​ ​ส​.​ส​.​อุดรธานี​ ​เขต​ 3 ​พรรคพลังประชาชน​ ​จะ​นำ​พยานหลักฐาน​เข้า​ชี้​แจงต่อ​ ​กกต​.​กรณีที่ถูกร้องคัดค้านว่าปราศรัย​ใส่​ร้าย​ ​และ​กรณี​แจกซีดี​

นางสดศรีกล่าว​ถึง​กรณีที่พรรคพลังประชาชนเรียกร้อง​ให้​ ​กกต​. ​ตรวจสอบ​ความ​เป็น​กลางของ​ ​พล​.​ต​.​ต​. ​ชัยยะ​ ​ศิริอำ​พันธ์กุล​ ​รอง​ ​ผบช​.​ส​. ​ใน​ฐานะหัวหน้าฝ่ายสืบสวนสอบสวน​ ​ที่​ได้​รับการแต่งตั้ง​จาก​ ​กกต​. ​ให้​ช่วย​สืบหาข่าวการทุจริตเลือกตั้งว่า​ ​หากพรรคพลังประชาชน​ต้อง​การ​ให้​ ​กกต​.​ตรวจสอบ​ ​ก็​สามารถ​ยื่นเรื่อง​เข้า​มา​ได้​ ​กกต​.​จะ​ส่งเรื่องไป​ยัง​ ​ผบ​.​ตร​.​ให้​ช่วย​ตรวจสอบ​ ​อย่างไร​ ​ก็ตาม​ ​ตามปกติ​ ​พล​.​ต​.​ต​.​ชัยยะก็​เป็น​คณะอนุกรรมการสืบสวนของ​ ​กกต​.​อยู่​แล้ว​ ​เมื่อถาม​ถึง​การแจกใบปลิวโจมตี​ ​กกต​. ​นางสดศรีตอบว่า​ ​ทราบ​แล้ว​ว่า​เป็น​ฝีมือใคร​ ​แต่​ ​ไม่​อยากพูด​ ​เราก็ทำ​หน้าที่​ไปตามปกติ​ ​ส่วน​มติ​ ​กกต​.​ใน​การพิจารณา​ใบแดงที่​ ​จ​.​บุรีรัมย์​ ​เขต​ 1 ​ของพรรคพลังประชาชน​ ​ที่นายสมชัย​ ​จึง​ประ​เสริฐ​ ​กกต​. ​ด้านสืบสวนสอบสวน​ ​ไม่​เข้า​ร่วมประชุม​และ​ไม่​ร่วมลงมติพิจารณา​ด้วย​นั้น​ ​ก็ขอ​ให้​ไปถามเจ้าตัวเอง​ ​ปกติหาก​ ​พล​.​ต​.​ต​.​ชัยยะ​เข้า​ชี้​แจงเรื่องร้องเรียนต่อที่ประชุม​ ​กกต​. ​นายสมชัยก็​จะ​ไม่​ร่วมประชุม​ด้วย​

ด้าน​ ​พล​.​ต​.​ต​.​ชัยยะพยายามหลีกเลี่ยงที่​จะ​ตอบคำ​ถาม​ ​กรณีพรรคพลังประชาชนร้องเรียนว่ามีพฤติกรรม​ไม่​เป็น​กลาง​ ​โดย​กล่าวเพียงว่า​ “​ผมทำ​หน้าที่​ ​เพื่อมารักษา​ความ​สงบเรียบร้อย​เท่า​นั้น​”

นายอภิชาต​ ​สุขัคคานนท์​ ​ประธาน​ ​กกต​. ​กล่าวว่า​ ​ยัง​ไม่​ทราบเรื่องที่พรรคพลังประชาชนระบุว่า​ ​พล​.​ต​.​ต​. ​ชัยยะ​ ​ศิริอำ​พันธ์กุล​ ​รอง​ ​ผบช​.​ส​. ​ที่​ได้​รับการแต่งตั้ง​เป็น​หัวหน้าฝ่ายสืบสวนของ​ ​กกต​.​มีพฤติกรรม​ไม่​เป็น​กลาง​ ​ยัง​ไม่​เห็นเรื่องร้องเรียนอะ​ไร​เข้า​มา​ ​แต่การแต่งตั้ง​เป็น​มติของที่ประชุม​ ​กกต​. ​เพราะ​เห็นว่า​เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน​ ​กกต​.​มี​ไม่​เพียงพอ​ ​เมื่อ​ ​ผบช​.​ส​.​ส่ง​ ​พล​.​ต​.​ต​.​ชัยยะ​เข้า​มา​ ​ก็ถือ​เป็น​มติ​ให้​เป็น​หัวหน้าทีมสอบสวน​ ​ยืนยัน​ได้​ว่า​ไม่​ได้​ ​แต่งตั้ง​จาก​คำ​สั่งใคร​ ​หรือ​มี​ใครมา​แทรกแซง​ ​เพราะ​คนอย่างตน​ไม่​มี​ใครแทรกแซง​ได้​ ​เมื่อถามว่า​ ​หากปัญหา​ความ​ขัดแย้งส่งผลไป​ถึง​ขั้นที่นายสมชัยลาออก​จาก​ตำ​แหน่ง​จะ​มีปัญหา​ใน​การทำ​งานของ​ ​กกต​.​หรือ​ไม่​ ​นายอภิชาตกล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า​ “​อย่ามาถามผมเรื่องนี้​ ​ผม​ไม่​เคยคิดว่าการทำ​งาน​จะ​มีปัญหาอย่างไร​ ​ตอนนี้ทุกคนทำ​งาน​ ​คำ​ถามนี้ผม​ไม่​ตอบ​ ​เพราะ​ไม่​อย่าง​นั้น​ก็​จะ​นำ​ไปโยง​กับ​เรื่อง​นั้น​เรื่องนี้​ ​แล้ว​ก็​จะ​ส่งผลเสียหาย​ได้​” ​นายอภิชาตกล่าว​ถึง​การงดประชุม​ ​กกต​.​ใน​วันที่​ 31 ​ธ​.​ค​.​นี้​ ​ว่า​ ​ต้อง​ยอมรับว่าตอนนี้​เหนื่อยกายมาก​ ​หาก​ต้อง​ทำ​งานต่อ​เนื่อง​ ​จะ​ต้อง​ทำ​งานอีก​ 20 ​กว่าวันที่ผ่านมาก็​ไม่​ได้​หยุด​

นายสุทธิพล​ ​ทวีชัยการ​ ​เลขาธิการ​ ​กกต​.​แถลงภายหลังการประชุมเพื่อพิจารณา​เรื่องร้องคัดค้านการเลือกตั้งว่า​ ​กกต​.​ได้​พิจารณา​เรื่องคัดค้านที่ร้องเรียน​เข้า​มาตั้งแต่วันที่​ 25-30 ​ธ​.​ค​. ​ที่มี​ทั้ง​สิ้น​ 117 ​เรื่อง​ ​โดย​ใน​วันที่​ 30 ​ธ​.​ค​.​นี้​ ​ได้​พิจารณา​ไป​แล้ว​ 33 ​เรื่อง​ ​โดย​แยก​เป็น​การแจกเงิน​และ​ทรัพย์สิน​ 15 ​เรื่อง​ ​หลอกลวง​ ​ใส่​ร้าย​ 4 ​เรื่อง​ ​เจ้าหน้าที่วางตัว​ไม่​เป็น​กลาง​ 4 ​เรื่อง​ ​การติดตั้งป้ายผิดหลักเกณฑ์​จาก​ที่​ ​กกต​.​กำ​หนด​ 5 ​เรื่อง​ ​และ​เรื่อง​อื่นๆ​ 5 ​เรื่อง​ ​ซึ่ง​จะ​เป็น​เรื่องการฝ่าฝืนระ​เบียบการหา​เสียง​ ​เช่น​ ​การหา​เสียง​ใน​ช่วงการเลือกตั้ง​ ​โดย​เรื่องร้องเรียน​ทั้ง​ 33 ​เรื่อง​นั้น​ ​แบ่งตามรายภาค​ได้​แก่​ ​ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ​ 14 ​เรื่อง​ ​ภาคกลาง​ 12 ​เรื่อง​ ​ภาค​ใต้​ 3 ​เรื่อง​ ​ภาคเหนือ​ 4 ​เรื่อง​ ​ซึ่ง​เป็น​เรื่องร้องเรียนต่อพรรคพลังประชาชน​ 11 ​เรื่อง​ ​นอก​นั้น​เป็น​เรื่องร้องเรียนพรรคชาติ​ไทย​ ​พรรคประชาธิปัตย์​ ​พรรคเพื่อแผ่นดิน​และ​พรรคประชาราช​ ​ทั้ง​นี้​ ​กกต​.​ได้​มีมติมอบหมาย​ให้​มีการสอบสวนเพิ่มเติม​ 3 ​เรื่อง​ ​และ​ ​มอบหมาย​ให้​คณะกรรมการสอบสวนหาข้อมูล​ ​หลักฐาน​ ​โดย​เฉพาะพยานบุคคล​ ​มา​เพิ่มเติมอีก​ 9 ​เรื่อง​ ​นอก​จาก​นี้​ยัง​ได้​ยกคำ​ร้องไป​ 21 ​เรื่อง​ ​ใน​การพิจารณา​เรื่องร้องคัดค้านที่ผ่านมา​ ​กกต​.​ได้​พิจารณายกคำ​ร้อง​ ​พิจารณา​ให้​ยุติ​เรื่อง​และ​ไม่​รับ​ไว้​พิจารณา​ ​รวม​ทั้ง​สิ้น​ 60 ​เรื่อง

ที่มา ไทยรัฐ [31 ​ธ​.​ค​. 50 - 05:22]


ข่าวที่เกี่ยวข้อง
5 เสือ กกต. กฎหมายปราบมาร ( ข้อมูลใครเป็นใครและทำหน้าที่อะไรใน กกต.) จาก ไทยรัฐ
อำนาจมืดคุกคาม กกต. ( อะไรเกิดขึ้นที่ กกต. ทำไม คุณสมชัย ไม่เข้าประชุม ) โดย ประดาบ
หมอเลี้ยบ ชี้แจกใบแดง 3 ว่าที่ สส. พปช. ไม่โปร่งใส

สมัครชิงแถลงตั้งรบ​.4​พรรค​ '​งู​เขียว​'​เพื่อแผ่นดินแจม​

ผู้​สื่อข่าวรายงานว่า​ ​ที่​ ​โรงแรมเอสซี​ ​ปาร์ค​ ​วันนี้​ (31 ​ธ​.​ค​.) นายสมัคร​ ​สุนทรเวช​ ​หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ​เตรียมแถลงพร้อม​ 3 ​พรรคการเมือง​ ​ประกอบ​ด้วย​ ​พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา​ ​พรรคมัชฌิมาธิปไตย​ ​และ​พรรคประชาราช​ ​ร่วมจัดตั้งรัฐบาลร่วม​กับ​พรรคพลังพลังประชาชน

ผู้​สื่อข่าวรายงาน​ด้วย​ว่า​ ​การแถลงครั้งนี้​ ​นอก​จาก​แกนนำ​ทั้ง​ 4 ​พรรคการเมืองดังกล่าว​แล้ว​ ​พรรคพลังประชาชน​ ​ได้​เชิญว่าที่​ ​ส​.​ส​.​ของพรรคเพื่อแผ่นดิน​ ​ที่พร้อม​จะ​ให้​การสนับสนุนพรรคพลังประชาชน​ใน​การจัดตั้งรัฐบาลมาร่วมแถลง​ด้วย​ ​จาก​เดิมพรรคพลังประชาชนนัดแถลงประกาศจัดตั้งรัฐบาล​ใน​ต้นปีหน้า

จาก ไทยรัฐ [31 ​ธ​.​ค​. 50 - 08:37]

‘​สุ​เทพ​'​มั่นใจ​‘​กกต​.'​แจกใบเหลือง​- ​แดงกว่า​60​ใบ


​ที่พรรคประชาธิปัตย์​ ​นายสุ​เทพ​ ​เทือกสุบรรณ​ ​เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์​ ​กล่าว​ถึง​กรณีการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคพลังประชาชนว่า​ ​ตนคิดว่าท้ายสุด​แล้ว​การจัดตั้งรัฐบาลที่พรรคพลังประชาชนบอกว่ามีพรรคการเมืองต่างๆ​ ​เข้า​ร่วม​แล้ว​จะ​ยัง​มีการเปลี่ยนแปลง​ได้​อีก​ ​เนื่อง​การคณะกรรมการการเลือกตั้ง​ (กกต​.) ​ยัง​ไม่​ได้​รับรองผลการเลือกตั้ง​ ​และ​ยัง​ไม่​ประกาศว่า​ผู้​สมัครรับเลือกตั้งคน​ใด​ ​จะ​ได้​เป็น​ผู้​แทน​ ​ทั้ง​นี้ตนเชื่อ​ด้วย​ว่า​ ​ผู้​สมัครที่คิดว่า​จะ​ชนะมีจำ​นวนหลาย​ 10 ​คน​ ​และ​ ​ใน​หลาย​ 10 ​คน​นั้น​จะ​ถูก​ ​กกต​.​แจกใบเหลือง​ ​ใบแดง​ ​เพราะ​จาก​การติดตามการเลือกตั้งที่ผ่านมา​ผู้​สมัครหลายคนก็มีพฤติกรรมที่​ไม่​สุจริต​ ​ดัง​นั้น​ใน​สถานการณ์อย่างนี้คิดว่า​ถ้า​ตน​เป็น​พรรคเพื่อแผ่นดิน​ ​พรรคชาติ​ไทย​ ​และ​พรรค​เล็ก​ ​จะ​ไม่​พลีพล่าม​ ​ต้อง​รอ​ให้​ ​กกต​.​พิจารณา​ใบเหลือง​ ​ใบแดงของ​ ​เสร็จสิ้นเสียก่อน​ ​แต่ที่มีการประกาศว่า​จะ​ร่วม​กับ​พรรคพลังประชาชน​แล้ว​ ​ก็ถอนตัวออกมา​ได้​ ​ไม่​ถือว่า​เป็น​การเสียหน้า​
"สมมุติว่า​ถ้า​เขา​แถลงรัฐบาลร่วม​กัน​ ​ตัวเลขเปลี่ยนไป​ ​แต่วัน​เข้า​สภา​ผู้​แทนราษฏร​ ​ยัง​มีสถานการณ์​เปลี่ยนแปลง​ได้​อีก​ ​เชื่อเถอะการเมืองตอนนี้​เปลี่ยนไปมาก​ ​วันนี้ผมภาวนาอย่างเดียวว่า​ให้​บ้านเมืองเรียบร้อย​ ​เพราะ​สิ่งที่กลัวคือว่าบ้านเมือง​จะ​ไป​ไกล​ ​ผม​ถึง​ไม่​ตื่นเต้นอะ​ไร​ ​ยัง​นั่งฟัง​ได้​ทุกวัน​ ​เหมือนดูละครสนุก​ ​ออกมา​แต่ละฉาก​ ​โศกสลด​ ​เช้า​ด่า​เย็นส่งเทียบเชิญ" ​นายสุ​เทพ​ ​กล่าว​
​ถามย้ำ​ถึง​การแจกใบเหลือง​-​ใบแดงของ​ ​กกต​. ​มีผลต่อการจัดตั้งรัฐบาล​ ​นายสุ​เทพ​ ​กล่าวว่า​ ​ตนเชื่อว่ามีผล​ ​หากสมมุติว่าพรรคพลังประชาชนโดนใบแดงสัก​ 60 ​ใบ​ ​อาจ​จะ​เหลือ​ 160 ​ที่นั่ง​ ​ก็สู่สี​กับ​พรรคประชาธิปัตย์​ ​พรรคการเมืองที่​จะ​มาร่วมรัฐบาล​จะ​มาร่วม​กับ​พรรคพลังประชาชน​หรือ​ไม่​ ​ผม​ไม่​ได้​สมมุติอย่างเลื่อนลอย​ ​แต่​เห็นว่า​เขา​ทำ​ความ​ผิดมากจริงๆ​ ​และ​ทำ​ความ​ผิด​โดย​ไม่​คิดว่าวันหนึ่ง​จะ​ถูกจับ​
​ผู้​สื่อข่าวถาม​ถึง​กรณีที่มีกระ​แสการกดดันการทำ​งานของ​ ​กกต​. ​นายสุ​เทพ​ ​กล่าวว่า​ ​กกต​.​ชุด​ใหญ่​จะ​ทำ​งานยากพอสมควร​ ​เพราะ​กลุ่มอำ​นาจเก่า​ยัง​มีอิทธิพลมาก​ใน​ระดับล่าง​ ​ซึ่ง​อาจ​จะ​ทำ​ให้​การทำ​งานของกกต​. ​เป็น​ไปอย่างล่าช้า​ ​ทั้ง​นี้ตน​ได้​รับรายงานว่าขณะนี้มี​ความ​พยายามว่าจ้างประชาชน​ใน​ต่างจังหวัด​ให้​มาล้อม​ ​กดดันการทำ​งานของ​ ​กกต​. ​อย่างไรก็ตามเชื่อว่าการกดดันต่างๆ​ ​จะ​ไม่​ทำ​ให้​ ​กกต​. ​หวั่นไหว​
​เมื่อถาม​ถึง​กรณีที่นายยงยุทธ​ ​ติยะ​ไพรัช​ ​ว่าที่​ ​ส​.​ส​.​เขต​3 ​จ​.​เชียงราย​ ​พรรคพลังประชาชน​ ​ไม่​เข้า​มาชี้​แจงข้อกล่าวหาต่อ​ ​กกต​. ​กรณีทุจริตการเลือกตั้ง​ ​เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์​ ​กล่าวว่า​ ​ผู้​กระทำ​ความ​ผิด​จะ​ไม่​ไปชี้​แจง​หรือ​ขอเลื่อนถ่วงเวลา​ไป​ ​กกต​.​ก็คง​จะ​พิจารณา​ได้​หากปรากฎพยานหลักฐานที่ทำ​ให้​ ​กกต​.​เชื่อ​ได้​ว่า​ ​ผู้​นั้น​กระทำ​ความ​ผิดจริงก็ตัดสิน​ได้​ ​ส่วน​จะ​พิจารณา​ไป​ถึง​พรรคว่ารู้​เห็น​เป็น​ใจ​หรือ​สมคบ​กัน​หรือ​ไม่​นั้น​ ​กกต​.​จะ​ต้อง​เป็น​ผู้​พิจารณา​
​ผู้​สื่อข่าวถาม​ถึง​การคเตรียม​ความ​พร้อม​ใน​การเลือกตั้ง​ใหม่​ใน​บางพื้นที่​ ​นายสุ​เทพ​ ​กล่าวว่า​ ​หาก​ต้อง​มีการเลือกตั้ง​ใหม่​ใน​บางพื้นที่ที่ถูกใบเหลือง​หรือ​ใบแดง​ ​พรรค​ได้​มีการเตรียม​ความ​พร้อม​ไว้​แล้ว​ ​ซึ่ง​ตน​ได้​บอก​กับ​ผู้​สมัครที่​ได้​คะ​แนน​เป็น​อันดับ​ 2 ​ให้​เตรียม​ความ​พร้อม​โดย​เฉพาะภาคเหนือ​ ​ภาคกลาง​ ​ทั้ง​นี้ก็​จะ​มีการสั่งการ​เป็น​รายบุคคลไป​ ​โดย​ให้​ว่าที่ส​.​ส​.​เข้า​ไป​ช่วย​ใน​การรณรงค์หา​เสียง​ด้วย

จาก hi-thaksin.org 30/12/07

เรียนชี้​แจง​...​กรณีที่​เพื่อนๆ​กังวลใจเรื่อง​ ​ใบเหลือง​ -​ใบแดง​..

ข้อความต่อไปนี้ คัดลอดจาก กระทู้ความเห็นใน www.pantip.com
โดยคุณ นางฟ้ามหาโหด ซึ่งเป็นผู้ให้ข้อมูลเชิงลึก และวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองได้แม่นยำ
คาดว่าน่าจะเป็นผู้หนึ่งที่มีส่วนเกี่ยวข้องใน พรรค พปช.
ดังนี้
================================

ที่ดิชั้น​ ​ได้​ขออนุญาต​ ​ลา​เพื่อนๆ​ (ชั่วคราว) ​ไป​แล้ว​.​นั้น​..

แต่​เห็นพี่ๆ​ ​เพื่อน​ ​เป็น​กังวล​ ​ต่อกรณี​ ​ใบแดง​ ​ที่​เพิ่งออกมา​เมื่อวานนี้​ ​ให้​กับ​ว่าที่​ ​สส​ ​พลังประชาชน​ (แบบมีพิรุธ)
และ​ทำ​ให้​เกิดการกังวลใจ​ ​กัน​เป็น​อย่างมากว่า​ ..

ว่าที่​ ​สส​ ​พลังประชาชน​ ​อาจ​จะ​โดนกลั่นแกล้ง​ ​ใน​ลักษณะนี้​ ​ตามมาอีก​เป็น​จำ​นวนมาก​ ​นั้น​....


ขอเรียน​ให้​ทราบว่า​...



.... ​ถ้า​ ​กกต​ ​(​ซึ่ง​ก้อรู้​กัน​ดีว่า​ใคร) ​พยายามที่​จะ​ให้​ ​ใบแดง​ ​แบบ​ไม่​เป็น​ธรรม​( ​ตามแผน​ 4 ​ขั้น​ ​ของ​ ​คมช) ​ใน​ลักษณะ​ ​ของ​ ​บุรีรัมย์​ ​เช่นนี้อีก​....

ก้อ​ไม่​ต้อง​กังวลค่ะ​.....​ทางพลังประชาชน​ ​ได้​รับทราบ​ ​เรื่องนี้มานาน​ ​ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง​แล้ว​...​ว่า​ ​สส​ ​อีสาน​ ​จะ​โดนแบบนี้​...


มองภาพตามนี้นะคะ​...​คือ​ ​สส​ ​ทางอีสานเนี่ย​...​อันดับ​ ​ที่​แข่งไล่ๆ​ ​ตาม​กัน​มา​ ​เป็น​ ​สส​ ​ระหว่าง​ ​สส​ ​ของพรรคพลังประชาชน​ ​และ​ ​สส​ ​ของพรรคเพื่อแผ่นดิน​ ​ซะ​เป็น​ส่วน​ใหญ่​...( ​ตามมา​ ​ก้อ​เป็น​ ​ของรวมใจไทยชาติพัฒนา​ - ​มัชฌิมา​....)

ส่วน​ ​สส​ ​ที่​เป็น​ ​ของประชาธิปัตย์​ ​ได้​คะ​แนน​ใน​แต่ละ​แห่ง​ ​มาน้อย​...


และ​ ​การโดนใบแดง​ ​นั้น​....​จริง​อยู่​ที่​..​ว่าที่​ ​สส​ ​ของ​ ​พรรคที่​โดน​ ​ใบแดง​ ​จะ​ถูกตัดสิทธิ์​ ​ไม่​ให้​เข้า​มาลงเลือกตั้ง​ใหม่​

ดัง​นั้น​ ​จึง​จะ​เป็น​ ​การแข่ง​กัน​ต่อสู้​กัน​ ​ของว่าที่​ ​สส​ ​พรรค​ ​เพื่อแผ่นดิน​ - ​รวมใจไทยชาติพัฒนา​ -​มัชฌิมา​ - ​ชาติ​ไทย​ - ​ประชาธิปัตย์​...

และ​อย่างที่​เคยเรียน​ให้​ทราบว่า​ ​บรรดาอดีต​ ​สส​ ​ไทยรักไทย​ ​ที่ออกไป​ ​แล้ว​ไป​อยู่​กับ​ ​พรรคต่างๆ​ ​เหล่านี้​ ​นั้น​...
ตอนนี้​ ​เค้ารวม​กัน​ติดหมด​แล้ว​.....

ใน​ใจแทบทุกคน​ ​ถ้า​ตอนนี้​ ​ย้ายพรรค​ได้​ ​ย้ายมา​แล้ว​.
(ยกเว้น​ ​คนที่ตั้งใจทรยศพรรค​ ​ตั้งแต่​แรก​ ​ซึ่ง​ก้อมี​อยู่​ประมาณ​ 4-5 ​คน)..
แต่การย้ายพรรค​ ​ยัง​ทำ​ไม่​ได้​ ​จนกว่า​จะ​มีการรับรอง​ ​สส​ ​อย่าง​เป็น​ทางการ

สส​ (ที่​ได้​ออกไป​จาก​ ​ไทยรักไทย​ ​ตอนถูกยุบพรรค​ )​เหล่านี้​นั้น​....​เค้าออกไป​ ​เพราะ​เห็นว่า​ ​พรรคถูกยุบ​ ​คุณทักษิณเอง​ ​ใน​ตอน​นั้น​ ​ก้อ​ไม่​ได้​แสดงท่าทีว่า​ ​จะ​สู้ต่อ​ ​ด้วย​ซ้ำ​...


มันเหมือนเรือแตก​ ...​ที่​ ​กัปตัน​ ​ก้อถูกจับมัด​ ​โยนทะ​เลไป​....
มองไป​แล้ว​ ​หาอนาคต​ไม่​มี​....

จะ​ไปว่าพวกเค้า​ ​ไม่​มีอุดมการณ์​ ​ก้อ​ ​ไม่​ถูกนัก​ ....​เพราะ​ ​อย่างที่บอก​ ​คุณทักษิณเอง​ ​ก้อ​ ​แสดงท่าที​ ​ไม่​แน่นอนว่า​จะ​สู้ต่อ​ ​หรือ​ไม่​อย่างไร​ ​ใน​ตอน​นั้น​...
(ตอน​นั้น​ ​คุณทักษิณ​ ​ก้อกำ​ลัง​ hurt ​ขนาดหนัก​....​จาก​คน​ใกล้​ชิด​ ​ที่​ให้​ใจไปเกิน​ 100)


หลัง​จาก​นั้น​ ​ก้อมีการตั้งพรรคพลังประชาชนขึ้น​...​จนการเลือกตั้งผ่านไป​...​และ​ ​พรรคพลังประชาชน​ ​ที่​เพิ่งตั้งขี้นมา​เพียง​6 ​เดือน​ ​และ​ ​เป็น​พรรคที่​โดนโจมตี​ ​ใส่​ร้าย​ ​จาก​ ​การประชาสัมพันธ์ของค่าย​ ​คมช​ ​มาตลอด​....

กลับ​ได้​รับ​ ​การต้อนรับ​จาก​ ​ชาวอีสาน​ ​ถล่มทลาย

ไม่​มี​ใครรู้กระ​แส​ความ​นิยม​ ​ใน​ตัว​ ​คุณทักษิณ​ ​ว่า​ ​มากมายขนาดไหน​ได้​ดี​ไปกว่า​ ​สส​ ​เหล่านี้​....


ตอนนี้​ ​สส​ ​เหล่านี้​...​เค้า​ไม่​ได้​รู้สึก​ ​ไม่​มีอนาคต​ ​แบบเมื่อก่อน​....​เค้ารู้ดี​...​ว่า​ ​ต่อ​ให้​ ​แจกใบเหลือง​ -​ใบแดง​ ​อีกสัก​ 100 ​ใบ​....​ประชาชนอีสาน​ ​ก้อ​ ​ไม่​เลือกพรรคประชาธิปัตย์​ ​และ​ ​ไม่​เลือกพรรคที่​แสดงท่าที​อยู่​ตรงข้าม​ ​กับ​ ​ฝ่ายคุณทักษิณ​...

ดัง​นั้น​....​ถ้า​ ​พลังประชาชน​ ​โดนใบแดง​ 60 ​ใบ​ (อย่างที่คนหน้าดำ​ ​บางคนพูด)...
สส​ ​ที่​จะ​ได้​กลับ​เข้า​มา​ ​ก้อ​ ​ไม่​ใช่​ ​สส​ ​พรรคประชาธิปัตย์​ ​อยู่​ดี​...
แต่​ ​จะ​เป็น​ ​สส​ ​เพื่อแผ่นดิน​ - ​ชาติ​ไทยรวมใจพัฒนา​ ​และ​ ​อื่นๆ​....​ซึ่ง​ ​ก้อคือ​ ​สส​ ​อดีตลูกหม้อ​ ​ไทยรักไทย​ ​นั่นเอง​...


และ​ ​ก้อ​ไม่​ต้อง​กังวล​ ​นะคะ​...​ว่า​ ​ถ้า​เป็น​ ​เช่นนี้​ ​สส​ ​ใน​ ​เพื่อแผ่นดิน​ ​ก้อ​ ​จะ​มากขึ้น​...
และ​ ​นายสุรเกียรติ​ ​จะ​นำ​พรรคไป​เข้า​กับ​ขั้ว​ ​ประชาธิปัตย์​...


บอก​ได้​เลยว่า​....​ไม่​เป็น​เช่น​นั้น​ ​แน่นอนค่ะ​....
เพราะ​ ​นายสุรเกียรติ​ ​หรือ​ ​แม้​แต่นายวัฒนา​ ​คุมเสียง​ ​สส​ ​สายอีสาน​ ​ไม่​ได้​แล้ว​...

ถ้า​ยัง​ขืน​ ​แสดงท่าที​ ​ฝักใฝ่​ ​ฝ่ายประชาธิปัตย์​ ...
หลังวันที่​ 13 ​ที่​เลือกตั้งซ่อมเสร็จ​ ​และ​ ​กกต​ ​ประกาศรับรองผล​......​จะ​ได้​เห็นการ​ ​ย้ายพรรค​ ​แน่นอน​...
( ​เพราะ​สส​ ​เหล่านี้​...​มองข้ามช๊อต​ ​ไป​ถึง​ ​การเลือกตั้ง​ ​ใน​ครั้งหน้า​ด้วย)

อีกกรณีนึงคือ​...​ถ้า​ยัง​ติดปัญหา​ ​เรื่อง​ ​เงื่อนไข​ ​ด้านเวลา​ ​ที่ทำ​ให้​ ​การย้ายพรรค​ ​ยัง​ไม่​สามารถ​ทำ​ได้​...


เราก้อ​ ​จะ​ได้​เห็น​ ​การที่​ ​สส​ ​สายอีสาน​ (อดีตลูกหม้อ​ ​ไทยรักไทย) ​ที่กระจาย​อยู่​ ​ตามพรรคต่างๆ​....
ยกมือ​ ​โหวต​ให้​ ​คุณ​ ​สมัคร​ ​สุนทรเวช​ ​เป็น​ ​นายกรัฐมนตรี​...

เพราะ​ ​ตาม​ ​รธน​. 50 ​นี้​....​มีมาตรา​เด็ด​ ​ที่​ ​คนฟันข๊าวขาว​ ​ตั้งใจ​ ​และ​ ​หวัง​ไว้​ว่า​ ​จะ​เอา​ไว้​ปราบ​ ​พรรคพลังประชาชน​...​แต่กลับกลายมา​เป็น​ ​กุญแจ​ ​ดอกสำ​คัญ​ ​ที่ทำ​ให้​ ​พรรคพลังประชาชน​ ​แก้ปัญหา​ได้​ใน​ทุกเรื่อง​...​และ​ ​ทำ​ให้​สามารถ​ ​ตั้งรัฐบาลสำ​เร็จ​....

นั่นก้อคือ​...." ​การฟรี​โหวต" ( ​ที่​ ​สส​ ​มีอิสระ​เต็มที่​ ​ใน​การ​ ​จะ​ออกเสียงแบบ​ใด​ ​ก้อ​ได้​ ​ไม่​ต้อง​ปกฏิบัติ​ ​ตาม​ ​มติพรรคนั่นเอง​...)


ดัง​นั้น​...​ขอ​ให้​เพื่อนๆ​ ​พี่ๆ​ ​ทุกท่าน​ ​โปรดสบายใจ​ได้​..
การที่​ ​พลังประชาชน​ ​โดนกลั่นแกล้ง​ ​เรื่อง​ ​ใบแดง​ ​เช่นนี้​ ​ไม่​ได้​ทำ​ให้​ ​เรา​ไม่​สามารถ​ ​จัดตั้งรัฐบาล​ได้​...
เราจัดตั้ง​ได้​แน่นอน​ ​เพียง​ ​แต่​ ​อาจมี​ความ​ยุ่งยาก​ ​ขึ้นบ้าง​เท่า​นั้น​...


เรื่อง​ทั้ง​หมด​ ​ที่​ ​คนเหล่านี้​ ​พยายาม​นั้น​...​ก้อทำ​ได้​แค่​ ​การกวนน้ำ​ ​ให้​ ​ขุ่น​.....​คอยแหย่​ ​คอยยุ​ ​พรรค​อื่นๆ​ ​หวัง​จะ​ทำ​ให้​ขาด​ความ​เชื่อมั่น​เท่า​นั้น​...

แต่​ ​ไม่​สำ​เร็จหรอกค่ะ​....

ขอ​ให้​พี่ๆ​ ​เพื่อนๆ​ ​ทุกคน​....​ไม่​ต้อง​เป็น​กังวลใจ​ ​ไม่​ต้อง​ไปเต้นตามเกม​ ​ของเค้า​...​อย่างที่​เคยบอก​ไว้​....​ว่านี้​เป็น​แค่การดิ้นเฮือกสุดท้าย​ ​ของ​ ​ประชาธิปัตย์​ ​แอน​ ​เดอะ​ ​แกงค์​ ​แค่​นั้น​....

ขอ​ให้​พี่ๆ​ ​เพื่อนๆ​ ​ทุกคน​ ​มี​ความ​สุข​ ​กับ​ ​ปี​ใหม่​ 2551 ​ค่ะ​....

แก้ไขเมื่อ 31 ธค. 50

========

ที่มา pantip 31/12/50

โพลชี้​‘​ทักษิณ​'​นักการเมืองที่ปชช​.​ชอบมากที่สุด


​เมื่อวันที่​ 30 ​ธันวาคม​ ​มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต​ (มสด​.) ​เปิดเผยสำ​รวจ​ความ​คิดเห็นประชาชน​ ​กรณี​ "ที่สุดแห่งปี​ 2550" ​ใน​กลุ่มตัวอย่าง​ 8,367 ​คน​ ​ทุกสาขาอาชีพ​ ​ระหว่างวันที่​ 10-30 ​ธันวาคม​ ​พบว่า​ ​ความ​หวัง​ใน​ปีหน้าที่ประชาชนอยาก​ให้​ประ​เทศไทย​เป็น​ ​อันดับ​ 1 ​ร้อยละ​ 49.36 ​คือประ​เทศไทยมี​ความ​สงบสุข​ ​ปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาค​ใต้​สงบ​ ​รองลงมาร้อยละ​ 30.45 ​คือเศรษฐกิจ​ใน​ประ​เทศดีขึ้น​ ​และ​อันดับ​ 3 ​ร้อยละ​ 20.19 ​มี​ผู้​นำ​ประ​เทศที่ดี​ ​มีรัฐบาลที่ดี​ ​ส่วน​เหตุการณ์ที่ทำ​ให้​ประชาชนมี​ความ​สุขมากที่สุด​ ​คือพระบาทสมเด็จพระ​เจ้า​อยู่​หัวทรงหาย​จาก​พระอาการประชวร​ ​คิด​เป็น​ร้อยละ​ 71.12 ​รองลงมาร้อยละ​ 20.89 ​มีการเลือกตั้ง​เข้า​สู่ระบอบประชาธิปไตย​ ​และ​อันดับ​ 3 ​ร้อยละ​ 7.99 ​บ้านเมืองสงบสุข​

​ส่วน​นักการเมืองที่ประชาชนชื่นชอบมากที่สุด​ ​คือ​ ​พ​.​ต​.​ท​.​ทักษิณ​ ​ชินวัตร​ ​ร้อยละ​ 47.53 ​รองลงมาร้อยละ​ 43.28 ​นายอภิสิทธิ์​ ​เวชชาชีวะ​ ​และ​อันดับ​ 3 ​ร้อยละ​ 9.19 ​นายชวน​ ​หลีกภัย​ ​นักการเมืองหญิงที่ประชาชนชื่นชอบมากที่สุด​ ​คือ​ ​นางปวีณา​ ​หงสกุล​ ​ร้อยละ​ 45.95 ​รองลงมา​ ​คุณหญิงสุดารัตน์​ ​เกยุราพันธุ์​ ​และ​อันดับ​ 3 ​ร้อยละ​ 13.50 ​น​.​ส​.​จณิสตา​ ​ลิ่วเฉลิมวงศ์​ ​คิด​เป็น​ร้อยละ​ 13.50
​สำ​หรับดารา​-​นักร้องที่ประชาชนชื่นชอบมากที่สุด​ ​ยัง​คง​เป็น​ "​เบิร์ด" ​ธงไชย​ ​แมคอินไตย์​ ​นักร้องเพลงไทยสากลหญิง​ ​คือ​ ​ดา​ ​เอ็นโดรฟิน​ ​นักร้องลูกทุ่งชาย​ ​คือ​ ​ไมค์​ ​ภิรมย์พร​ ​นักร้องลูกทุ่งหญิง​ ​คือ​ ​ต่าย​ ​อรทัย​ ​ดาราชาย​ ​ได้​แก่​ "​เคน" ​ธีรเดช​ ​วงศ์พัวพันธ์​ ​ดาราหญิง​ ​คือ​ "​แพนเค้ก" ​เขมนิจ​ ​จามิกรณ์​ ​นักกีฬาชาย​ ​คือ​ ​นักฟุตบอล​ "ลีซอ" ​ธีรเทพ​ ​วิ​โนทัย​ ​นักกีฬาหญิง​ ​ได้​แก่​ ​ปลื้มจิตร์​ ​ถินขาว​ ​นักวอลเลย์บอล

จาก hi-thaksin.org 30/12/50

‘​ทักษิณ​' ​ปลื้มสมาชิกพปช​.​แห่​เยี่ยม​-​ยันกลับเมืองไทยแน่


ร​.​ต​.​ท​.​เชาวริน​ ​ลัทธศักดิ์ศิริ​ ​ว่าที่​ ​ส​.​ส​.​ระบบสัด​ส่วน​ ​พรรคพลังประชาชน​ ​กล่าววานนี้​ (29 ​ธ​.​ค​.) ​กรณีว่าที่​ ​ส​.​ส​.​และ​อดีต​ ​ส​.​ส​. ​พรรคพลังประชาชนกว่า​ 60 ​คน​ ​ยกคณะ​ไปเยี่ยม​ ​พ​.​ต​.​ท​. ​ทักษิณ​ ​ชินวัตร​ ​นายกรัฐมนตรี​ ​ที่ฮ่องกง​ ​เมื่อวันที่​ 27 ​ธ​.​ค​. ​ที่ผ่านมาว่า​ ​พ​.​ต​.​ท​.​ทักษิณ​ได้​เลี้ยงอาหารกลางวันที่​โรงแรมรอยัล​ ​การ์​เดนท์​ ​ฝั่งเกาลูน​ ​โดย​คุณหญิงสุดารัตน์​ ​เกยุราพันธุ์​ ​อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย​ ​ได้​นำ​พวงมาลัยมอบ​ให้​ ​พ​.​ต​.​ท​.​ทักษิณ​ ​ส่วน​ตน​เป็น​ตัวแทนกลุ่มกล่าวอวยพรปี​ใหม่​ ​และ​ขอบคุณ​ ​พ​.​ต​.​ท​.​ทักษิณที่สร้าง​ความ​เจริญ​ให้​ประ​เทศไทย​ ​ทำ​ให้​ประชาชน​ส่วน​ใหญ่​ยัง​รัก​และ​ศรัทธาต่อผลงานที่​เคยทำ​ไว้​ ​ส่งผล​ให้​พรรคพลังประชาชนชนะ​เลือกตั้งเมื่อวันที่​ 23 ​ธ​.​ค​. ​ขณะที่​ ​พ​.​ต​.​ท​. ​ทักษิณกล่าวแสดง​ความ​ยินดี​กับ​พวกเราที่กำ​ลัง​จะ​ได้​เป็น​ ​ส​.​ส​. ​และ​อวยพรปี​ใหม่​ ​พร้อมระบุว่าคณะปฏิวัติมี​แผนบันได​ 4 ​ขั้นคือ​ ​ยุบพรรค​ ​ยึดทรัพย์​ ​สลายขั้ว​ ​และ​สนับสนุนพรรคการเมือง​อื่น​ให้​ได้​รับชัยชนะ​ ​เขา​ใช้​ความ​พยายามขจัดพวกเรา​ ​แต่ก็​ไม่​สามารถ​สกัด​ได้​ ​เพราะ​พวกเรา​ยัง​รวมตัว​กัน​อย่างเหนียวแน่น​ ​ทั้ง​ยัง​มีคน​ใหม่ๆ​ไหล​เข้า​มารวมตัว​กัน​

​ร​.​ต​.​ท​.​เชาวรินกล่าวอีกว่า​ ​จาก​นั้น​ ​พ​.​ต​.​ท​.​ทักษิณ​ ​ได้​กล่าวพร้อมมีน้ำ​ตาคลอเบ้าว่า​ "ทรัพย์สินของผมที่ถูกอายัด​นั้น​ ​ล้วนหามา​จาก​การประกอบธุรกิจจนประสบ​ความ​สำ​เร็จ​แล้ว​จึง​มา​เล่นการเมือง​ ​ผม​ไม่​เคยคิดมาก่อนว่า​เมื่อ​เข้า​สู่การเมือง​แล้ว​ต้อง​มา​เจอะ​เจอ​กับ​เหตุการณ์​เยี่ยงนี้​ใน​ชีวิต​ ​ผมทำ​ธุรกิจจนมั่นคง​แล้ว​จึง​เข้า​สู่การเมือง​ ​ไม่​เคยแม้​แต่​จะ​คิดว่าทุกวันนี้​ต้อง​ขอยืมเงินคน​อื่น​มา​ใช้​จ่าย​ ​ไม่​เคยคิดว่าครอบครัว​ต้อง​ถูกกระทำ​จน​ต้อง​แยก​กัน​อยู่​ ​ทั้ง​ลูก​ ​เมีย​ไม่​มี​โอกาส​จะ​อยู่​ด้วย​กัน"​ ​ทำ​ให้​คุณหญิงพจมาน​ ​ชินวัตร​ ​ภริยา​ ​พ​.​ต​.​ท​.​ทักษิณที่ฟัง​อยู่​ใกล้ๆ​ถึง​น้ำ​ตา​ไหลร้องไห้ออกมา​

"ผม​ต้อง​กลับประ​เทศไทยแน่​ ​เพราะ​นั่นคือบ้านเกิดเมืองนอนของผม​ ​ถ้า​เป็น​ไป​ได้​ผม​จะ​ใช้​ความ​รู้​และ​ประสบการณ์​ช่วย​เหลือรัฐบาล​ให้​ทำ​งานเพื่อประ​เทศชาติ​เข้มแข็งประชาชนมี​ความ​สุข​ ​เมื่อสักครู่มีพวกเราถามผมว่า​จะ​กลับวันที่​ 14 ​กุมภาพันธ์​ ​จริง​หรือ​ ​ตอบ​ได้​เลยว่า​ไม่​กลับ​ ​เพราะ​จะ​มีผลกระทบ​กับ​คนหนุ่มสาว​ ​ราคาดอกกุหลาบ​จะ​แพงมาก​ ​คร่าวๆ​น่า​จะ​เป็น​เดือนเมษายน​ ​ช่วง​ใกล้​สงกรานต์​ ​จะ​ได้​ไปทำ​บุญ​ ​ผมขอขอบคุณที่มา​เยือน​ ​ขอเอา​ใจ​ช่วย​ให้​ทุกคนประสบ​ความ​สำ​เร็จ​ ​สมประสงค์​ใน​สิ่งที่ปรารถนาทุกประการ" ​ร​.​ต​.​ท​.​เชาวรินอ้างคำ​พูด​ ​พ​.​ต​.​ท​.​ทักษิณ

จาก hi-thaksin.org 30/12/07

นพ​.​สุรพงษ์​ ​ชี้มี​ความ​พยายามสกัด​ ​พปช​.​ตั้งรัฐบาล





นพ​.​สุรพงษ์​ ​สืบวงศ์ลี​ ​ติงการ​ให้​ใบแดงว่าที่​ ​ส​.​ส​.​บุรีรัมย์​ ​เขต​ 1 ​พรรคพลังประชาชน​ ​น่า​จะ​แค่​ใบเหลือง​ ​ยันใบเหลือง​-​แดงเยอะ​ ​ไม่​กระทบพรรคการเมืองที่​จะ​เข้า​ร่วมรัฐบาล​กับ​พรรคพลังประชาชน​ ​ชี้มี​แผน​ให้​บันไดขั้น​ 4 ​สกัดพรรคตั้งรัฐบาล​

​นพ​.​สุรพงษ์​ ​สืบวงศ์ลี​ ​เลขาธิการพรรคพลังประชาชน​ ​ตั้งข้อสังเกต​ถึง​การที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง​ (กกต​.) ​ให้​ใบแดงว่าที่​ ​ส​.​ส​.​บุรีรัมย์​ ​เขต​ 1 ​พรรคพลังประชาชน​ ​ว่า​ ​ช่วงเวลา​ใน​การจัดตั้งรัฐบาลขณะนี้​อยู่​ใน​สภาวะที่​ไม่​ปกติ​ ​และ​ไม่​เคยมีพรรคการเมืองที่​จะ​จัดตั้งรัฐบาลรอผลการเลือกตั้ง​ให้​ชัดเจน​เท่า​นี้มาก่อน​ ​รวม​ถึง​มีการสร้างข่าวว่า​จะ​มีการแจกใบเหลือง​-​ใบแดง​ ​จำ​นวนมาก

​อย่างไรก็ตาม​ ​นพ​.​สุรพงษ์​ ​กล่าวว่า​ ​พรรคพลังประชาชนเห็นว่า​ ​การทำ​งานของ​ ​กกต​. ​ขณะนี้มี​ 2 ​มาตรฐาน​ ​คือ​ ​เป็น​การทำ​ตามขั้นตอนที่ถูก​ต้อง​ผ่านฝ่ายสืบสวนสอบสวน​ ​และ​มีการตั้งคณะอนุกรรมการฝ่ายสืบสวนสอบสวนพิ​เศษขึ้นมาพิจารณา​ ​สรุป​เป็น​สำ​นวนส่ง​ให้​ ​กกต​.​ชุด​ใหญ่​ ​พิจารณา​ได้​ทันที​ ​โดย​ไม่​ต้อง​ผ่านฝ่ายสืบสวนสอบสวน​ ​ซึ่ง​ถือ​เป็น​ช่องทางพิ​เศษ​ ​จึง​ต้อง​จับตาดู​ถึง​ความ​เที่ยงธรรม​ ​ซึ่ง​ขณะนี้ฝ่ายกฎหมายของพรรคกำ​ลังรวบรวมข้อมูลขอ​ความ​เป็น​ธรรม​อยู่

"พรรคพลังประชาชนพบว่า​ ​บุคคลที่มาทำ​หน้าที่​เป็น​ประธานคณะอนุกรรมการชุดดังกล่าว​ ​มี​ความ​สนิทสนม​กับ​กลุ่มที่​เคยเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลของ​ ​พ​.​ต​.​ท​.​ทักษิณ​ ​ชินวัตร​ ​อดีตนายกรัฐมนตรี​ ​มาก่อน​ ​จึง​อาจ​ไม่​เป็น​กลาง​ ​อีก​ทั้ง​การ​ให้​ใบแดงว่าที่​ ​ส​.​ส​.​ของพรรค​ทั้ง​ 3 ​คน​ ​ก็ผ่านทางช่องทางพิ​เศษมา​จาก​คณะอนุกรรมการชุดนี้​ ​ซึ่ง​พรรคเห็นว่า​ ​ว่าที่​ ​ส​.​ส​.​ทั้ง​ 3 ​คน​ ​ควร​ได้​แค่​ใบเหลือง​เท่า​นั้น" ​นพ​.​สุรพงษ์​ ​กล่าว

​นพ​.​สุรพงษ์​ ​กล่าวว่า​ ​ส่วน​ตัว​ยัง​คงเชื่อมั่น​ใน​การทำ​งานของ​ ​กกต​.​ชุด​ใหญ่​ ​ว่า​จะ​จัดการเลือกตั้ง​ให้​ดีที่สุด​เท่า​ที่ทำ​ได้​ ​แม้​จะ​มีการข่มขู่​และ​ถูกแทรกแซงทุกรูปแบบ​ ​แต่ก็​ต้อง​การเห็น​ ​กกต​.​ทุกคนทำ​หน้าที่​ด้วย​ความ​บริสุทธิ์ยุติธรรม​ ​และ​ ​กกต​.​ทุกคนก็​จะ​ได้​รับการยกย่อง​ให้​เป็น​บุคคลแห่งปี

​นอก​จาก​นี้​ ​นพ​.​สุรพงษ์​ ​ยัง​เรียกร้อง​ให้​ ​กกต​.​ตรวจสอบกระ​แสข่าวว่า​ ​การเลือกตั้งล่วงหน้ามี​ผู้​มาลงคะ​แนนเลือกตั้งมากกว่า​ผู้​ใช้​สิทธิ​เลือกตั้ง​ใน​พื้นที่กรุงเทพมหานคร​ ​เพราะ​ที่ผ่านมา​ได้​เคยขอข้อมูลไป​ยัง​ ​กกต​.​แล้ว​ ​แต่​ยัง​ไม่​ได้​รับ​ ​โดย​ ​กกต​.​อ้างว่าคอมพิวเตอร์​เสีย​ ​ไม่​สามารถ​ให้​ข้อมูล​ได้​ ​ซึ่ง​ผิด​กับ​ต่างจังหวัดที่มีการทำ​ข้อมูลเสร็จ​แล้ว

​ต่อกรณีที่นายสุ​เทพ​ ​เทือกสุบรรณ​ ​เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์​ ​ระบุว่า​ ​พรรคพลังประชาชนอาจโดนใบเหลือง​-​ใบแดงกว่า​ 60 ​ใบ​ ​นพ​.​สุรพงษ์​ ​กล่าวว่า​ ​เป็น​การปล่อยข่าว​ ​และ​แสดง​ให้​เห็น​ถึง​ความ​พยายาม​เข้า​ไปแทรกแซงการทำ​หน้าที่ของ​ ​กกต​. ​และ​มี​ผู้​ที่กำ​ลัง​จะ​หมดอำ​นาจพยายาม​เข้า​ไปแทรกแซงกระบวนการนี้​ ​ซึ่ง​เป็น​เรื่องที่​ต้อง​จับตาดู​ ​อย่างไรก็ตาม​ ​ไม่​รู้สึกกังวลว่า​ ​การ​ให้​ใบแดงว่าที่​ ​ส​.​ส​.​ของพรรค​ ​จะ​กระทบต่อพรรคการเมืองที่​จะ​เข้า​มาร่วมรัฐบาล​กับ​พรรคพลังประชาชน​ ​โดย​พรรคการเมือง​ 3 ​พรรคที่​เคยติดต่อไป​ ​ยัง​คงยืนยัน​จะ​ร่วมงาน​กับ​พรรคเหมือนเดิม​ ​ส่วน​การตัดสินใจของพรรคชาติ​ไทย​และ​พรรคเพื่อแผ่นดิน​ ​คง​จะ​มี​ความ​ชัดเจน​ใน​การแถลงอย่าง​เป็น​ทางการ​ ​วันที่​ 2 ​ม​.​ค​.​นี้

"ผมขอตั้งข้อสังเกตต่อไป​ถึง​การสกัด​ไม่​ให้​พรรคพลังประชาชนจัดตั้งรัฐบาลว่า​ ​มี​ความ​พยายามที่​จะ​ให้​บันไดขั้นที่​ 4 ​บรรลุผล​ ​กำ​หนดตัวนายกรัฐมนตรีตามที่​ผู้​มีอำ​นาจ​ต้อง​การ​ ​โดย​เป็น​การแจกใบเหลือง​-​ใบแดง​ให้​กับ​พรรคพลังประชาชนจำ​นวนมาก​ ​เพื่อ​ให้​พรรคที่​เหลือไหลไปร่วมงาน​กับ​พรรคประชาธิปัตย์​" ​นพ​.​สุรพงษ์​ ​กล่าว

​ที่มา​ : ​สำ​นักข่าวไทย

จาก hi-thaksin.org 31/12/50

3​ว่าที่ส​.​ส​.​บุรีรัมย์​‘​พปช​.'​ยันสู้ต่อหลังถูกใบแดง


​นายประกิจ​ ​พลเดช​ ​ผู้​สมัคร​ ​ส​.​ส​.​เขต​ 1 ​บุรีรัมย์​ ​พรรคพลังประชาชน​ ​เป็น​ผู้​ที่​ได้​คะ​แนน​เป็น​อันดับ​ 1 ​และ​เป็น​ว่าที่​ ​ส​.​ส​.​เขตเลือกตั้งที่​ 1 ​บุรีรัมย์​ ​ซึ่ง​ถูกกกต​.​กลางประกาศ​ให้​ใบแดง​ ​บอกว่ารู้สึกตกใจ​ ​แต่ตนมีพยานยืนยันพร้อมว่า​ไม่​ได้​แจกเงินซื้อเสียงตามที่มี​ผู้​ร้องเรียน
​โดย​นายหนู​ไกล​ ​สุดมี​ ​ซึ่ง​ถูกอ้างว่า​เป็น​แกนนำ​และ​รับเงินก็ยืนยัน​กับ​ ​กกต​.​จังหวัด​ ​แล้ว​ว่า​ไม่​ได้​รับเงินแต่อย่าง​ใด​ ​ส่วน​นายจรุญ​ ​กองกิจ​ ​อดีต​ผู้​ใหญ่​บ้าน​ ​ม​.5 ​ต​.​เสา​เดียว​ ​อ​.​หนองหงส์​ ​ที่อ้างว่า​ได้​รับเงินก็​เป็น​หัวคะ​แนน​ให้​กับ​นายหนู​แดง​ ​วรรณกลางซ้าย​ ​ผู้​สมัคร​ ​ส​.​ส​.​เขต​ 1 ​บุรีรัมย์​ ​พรรคเพื่อแผ่นดิน​ ​ซึ่ง​เป็น​ผู้​ร้องเรียนพวกตน​ ​ใน​เมื่อพวกตน​ทั้ง​ 3 ​คน​ซึ่ง​ไม่​เคยแจกเงินซื้อเสียงเลย​ ​แต่​ต้อง​มาถูกลงโทษแบบนี้​ ​ก็​ไม่​อยากเรียกร้องอะ​ไรอีก​ ​คงพูด​ได้​เพียงว่า​ถ้า​ยัง​มี​ ​กกต​.​ที่ขาด​ความ​เป็น​ธรรมก็​ไม่​ควร​จะ​มีกกต​.​เลยน่า​จะ​ดีกว่า​ ​อย่างไรก็ตามตนพร้อม​จะ​ต่อสู้​กับ​ความ​อยุติธรรมต่อไป​ ​เคียงคู่​กับ​พี่น้องประชาชนที่​ให้​โอกาส​และ​ตัดสินใจเลือกตน​ ​อย่างที่​เห็น​ได้​จาก​ผลการเลือกตั้ง
​ด้านนายพรชัย​ ​ศรีสุริยันโยธิน​ ​และ​นายรุ่งโรจน์​ ​ทองศรี​ ​ผู้​สมัคร​ ​ส​.​ส​.​เขต​ 1 ​บุรีรัมย์พรรคพลังประชาชน​ ​ที่มีคะ​แนน​เป็น​ลำ​ดับที่​ 2 ​และ​ลำ​ดับ​ 3 ​ซึ่ง​ถูก​ให้​ใบแดงเช่น​กัน​ ​กล่าวว่า​ ​ยัง​ไม่​ทราบเรื่อง​และ​ยัง​รู้สึกสับสน​กับ​ข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้​ ​ตอนแรกก็​ไม่​อยาก​จะ​เชื่อกระ​แสข่าวที่ออกมา​ ​เพราะ​รู้สึกว่าตนบริสุทธิ์​ ​ไม่​ได้​กระทำ​ผิดก็คง​ไม่​โดนใบแดงแน่นอน​ ​ประกอบ​กับ​ยัง​ไม่​ได้​เข้า​ไปชี้​แจงที่​ ​กกต​.​กลาง​ ​จึง​เห็นว่าคง​จะ​ยัง​ไม่​มีการตัดสินวินิจฉัย​ ​อย่างไรก็ตาม​ยัง​ไม่​รู้ว่า​จะ​ดำ​เนินการอย่างไรต่อไป​ ​คง​ต้อง​รอหารือ​กับ​ทางแกนนำ​พรรคพลังประชาชนก่อน

จาก hi-thaksin.org 30/12/50

จับตาสมัครรื้อกองทัพเช็กบิล​ ​คมช​.​ปมจัดซื้ออาวุธ


​จับตา​'​สมัคร​ 1' ​จัดระ​เบียบอำ​นาจ​ใหม่​ '​ทหาร​ ​ตร​. ​มท​. ​ยุติธรรม​ ​สื่อ​ ​นักวิชาการ​ ​กลุ่มทุน​' ​เผยวาระ​เร่งด่วน​ ​รื้อโครงสร้างกองทัพ​ ​รุ่น​ 10 ​ฟื้นอีกหน​ ​พร้อมส่งสอบคอรัปชั่น​

​แหล่งข่าว​จาก​พรรคพลังประชาชนที่​เดินทางไปพบ​ ​พ​.​ต​.​ท​.​ทักษิณ​ ​ชินวัตร​ ​อดีตนายกรัฐมนตรี​ ​ที่ฮ่องกง​ ​กล่าวว่า​ ​พ​.​ต​.​ท​.​ทักษิณ​ ​มี​ความ​พอใจผลการเลือกตั้งที่พรรค​ได้​ ​ส​.​ส​.233 ​คน​ ​พร้อม​กัน​นั้น​ได้​ปลอบใจ​ผู้​สมัคร​ ​ส​.​ส​.​ที่สอบตก​ ​และ​ให้​คำ​สัญญาว่า​ ​ผู้​ที่สอบตก​จะ​มีตำ​แหน่งทางการเมือง​ให้​ ​เช่น​ ​ที่ปรึกษา​และ​เลขานุการรัฐมนตรี​

​แหล่งข่าวกล่าวว่าพ​.​ต​.​ท​.​ทักษิณ​ ​รู้สึกแปลกใจที่อดีตส​.​ส​.​กทม​.​ของพรรค​ส่วน​ใหญ่​สอบตก​ ​โดย​แกนนำ​พรรคบางคน​ได้​แจ้ง​ให้​ ​พ​.​ต​.​ท​.​ทักษิณ​ ​ทราบว่า​ ​เหตุที่​ ​ส​.​ส​.​กทม​.​สอบตก​นั้น​มา​จาก​การเคลื่อนไหวของ​ ​นปก​.​ที่กระทำ​การหลายอย่างเกินกว่า​เหตุ​

​แหล่งข่าวบอก​ด้วย​ว่า​ใน​การฟอร์มรัฐบาล​ ​สมัคร​ 1 ​นั้น​ ​มี​ 4 ​แกนนำ​พรรคดำ​เนินการ​ ​โดย​ ​พ​.​ต​.​ท​.​ทักษิณ​ ​เห็น​ด้วย​ที่​จะ​ตั้งรัฐบาลผสม​ 6 ​พรรค​ ​มี​เสียง​ 315 ​เสียง​ ​และ​ขณะนี้กำ​ลังพิจารณารายชื่อบุคคลที่​จะ​มา​เป็น​รัฐมนตรี​ ​รวม​ทั้ง​รายชื่อรัฐมนตรี​และ​ตำ​แหน่งต่างๆ​ ​ของพรรคร่วมรัฐบาล​อื่น​ว่า​เหมาะสม​หรือ​ไม่​

​แหล่งข่าวรายเดิมบอกว่า​เมื่อรัฐบาลสมัคร​ 1 ​เข้า​บริหารประ​เทศ​แล้ว​ ​สิ่งที่พรรค​จะ​ทำ​ใน​ลำ​ดับถัดไปคือ​ ​การจัดระ​เบียบอำ​นาจ​ใหม่​ ​ของข้าราชการประจำ​ ​ทหาร​ ​ตำ​รวจ​ ​มหาดไทย​ ​กระบวนการยุติธรรม​ ​นักวิชาการ​ ​นักธุรกิจ​และ​สื่อ​ ​โดย​ใช้​เครือข่ายของอำ​นาจ​ใหม่​ทั้ง​หมด​

'​ที่​ต้อง​ทำ​อย่างเร่งด่วนคือ​ ​รื้อโผทหาร​ใหม่​ให้​เร็ว​ที่สุด​ ​โดย​จะ​ดึงนายทหาร​และ​เตรียมทหารรุ่น​ 10 ​ที่สนับสนุน​ ​พ​.​ต​.​ท​.​ทักษิณ​ ​กลับมา​อยู่​ใน​สายกำ​ลังหลัก​ ​และ​ได้​มอบ​ให้​เพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหารรุ่น​ 10 ​บางคนไปหารือต่อ​ ​พล​.​อ​.​อนุพงษ์​ ​เผ่าจินดา​ ​ผบ​.​ทบ​.​บ้าง​แล้ว​ ​เบื้องต้น​จะ​ให้​ ​พล​.​อ​.​อนุพงษ์​ ​อยู่​ใน​ตำ​แหน่งต่อไปก่อน​ ​แต่ตำ​แหน่ง​อื่นๆ​ ​ต้อง​เปลี่ยนแปลงทันที​' ​แหล่งข่าวระบุ​

​ส่วน​การเช็กบิลคมช​.​และ​องค์กรต่างๆ​ ​คง​ไม่​มี​ ​จะ​มีก็​เพียงการ​เข้า​ไปตรวจสอบว่ามีการคอรัปชั่น​หรือ​ไม่​ ​โดย​เฉพาะการจัดซื้ออาวุธ​

'​เรื่องยกเลิก​ ​คตส​.​นั้น​ ​พ​.​ต​.​ท​.​ทักษิณ​ ​ได้​ย้ำ​ว่า​ ​จะ​ไม่​ยกเลิกแน่​ ​ไม่​อย่าง​นั้น​สังคม​จะ​ประณาม​ ​พรรคพลังประชาชน​ ​แต่ก็​จะ​ใช้​วิธีตรวจสอบคู่ขนานว่า​ ​การทำ​งานของ​ ​คตส​.​นั้น​ยึดหลักกฎหมาย​ ​หลักนิติธรรม​และ​กลั่นแกล้ง​กัน​หรือ​ไม่​ ​หากพบข้อบกพร่อง​ ​พรรคก็​จะ​เสนอ​ให้​สังคมรับรู้​เช่น​กัน​' ​แหล่งข่าว​ ​กล่าว

‘​เฉลิม​'​แนะกกต​.​ส่งสำ​นวนฯ​ให้​ศาลฎีกา



​ร​.​ต​.​อ​.​เฉลิม​ ​อยู่​ยำ​รุง​ ​ว่าที่​ ​ส​.​ส​.​ลำ​ดับที่​ 2 ​กลุ่ม​ 6 ​กทม​. ​พรรคพลังประชาชน​ ​กล่าวว่า​ ​ขณะนี้คณะกรรมการการเลือกตั้ง​ (กกต​.) ​กำ​ลังมีการพิจารณา​ใบเหลือง​-​ใบแดง​ ​ที่ค่อนข้างเร่งรีบ ​ซึ่ง​ตนเห็นว่า​ ​หาก​ ​กกต​.​ไม่​สามารถ​พิจารณา​ให้​เสร็จทันกำ​หนดก็ควรที่​จะ​ส่งเรื่อง​ทั้ง​หมดไป​ให้​ศาลฎีกา​เป็น​ผู้​พิจารณาตัดสิน​ ​รวม​ถึง​เชื่อว่าการสืบสวนการพิจารณา​ใบเหลือง​-​ใบแดง​ ​ซึ่ง​มีคณะอนุกรรมการตรวจสอบสำ​นวนคดีการทุจริตการเลือกตั้งของ​ ​กกต​.​มีตำ​รวจยศ​ ​พล​.​ต​.​ต​.​คนหนึ่ง​ ​ที่มี​ความ​ใกล้​ชิด​กับ​กลุ่มพันธมิตรเดิมที่​เคยขับไล่อดีต​ ​พ​.​ต​.​ท​.​ทักษิณ​ ​ชินวัตร​ ​นายกรัฐมนตรี​ ​เข้า​มาทำ​งานรับผิดชอบ

​อย่างไรก็ตาม​ ​ร​.​ต​.​อ​.​เฉลิม​ ​กล่าวว่า​ยัง​คงเชื่อมั่น​ใน​ ​กกต​.​ทั้ง​ 5 ​คนพร้อม​ทั้ง​อยาก​ให้​ ​กกต​.​ทำ​งานอย่างละ​เอียดรอบคอบ​ไม่​ควรที่​จะ​เร่งรีบ​ใน​การพิจารณา​

จาก hi-thaksin.org 30/12/50

‘​หมอเลี้ยบ​'​ชี้​แจกใบแดง​3​ว่าที่ส​.​ส​.​พปช​.​ไม่​โปร่งใส


​นายแพทย์สุรพงษ์​ ​สืบวงศ์ลี​ ​เลขาธิการพรรคพลังประชาชน​ ​เปิดเผย​ถึง​กรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง​ (กกต​.)​ให้​ใบแดงแก่​ผู้​สมัครของพรรค​ใน​เขตที่​ 1 ​จังหวัดบุรีรีมย์ว่า​ ​การสืบสวนข้อมูล​นั้น​มี​ถึง​ 2 ​มาตราฐาน​ ​และ​การพิจารณาข้อมูล​และ​สืบสวน​ยัง​ได้​ใช้​ช่องทางพิ​เศษที่​ให้​คณะอนุกรรมการชุด​ใหม่​ส่งข้อมูลการสืบสวน​ให้​กกต​.​พิจารณา​โดย​ไม่​ผ่านการพิจารณาของคณะอนุกรรมการสืบสวน​ ​ทั้ง​นี้​ยัง​ตั้งข้อสังเกตุ​ด้วย​ว่า​ผู้​ที่​เป็น​ประธานคณะกรรมการชุด​ใหม่​ที่ตั้งขึ้นมานี้มี​ความ​ใกล้​ชิด​กับ​ผู้​ที่ขับไล่รัฐบาลชุดที่​แล้ว​ด้วย​

​นายแพทย์สุรพงษ์​ ​กล่าวว่า​ ​พรรคพลังประชาชน​ยัง​เชื่อมั่น​ใน​การทำ​งานของกกต​. ​ว่า​จะ​เป็น​ไป​ด้วย​ความ​บริสุทธ์​ ​ยุติธรรม​ ​และ​พรรคเองก็​เคารพ​ใน​กติกา​ ​ของบ้านเมือง​ ​เพราะ​ที่ผ่านมาตลอด​ 2-3 ​เดือนนี้มีกระ​แสข่าวที่มี​ความ​พยายาม​จะ​แจกใบเหลืองใบแดงจำ​นวนมาก​ ​ทั้ง​นี้​ยัง​เชื่อว่าข่าวลือดังกล่าว​เป็น​การพยายามที่​จะ​ทำ​ให้​พรรคพลังประชาชน​ไม่​สามารถ​จัดตั้งรัฐบาล​ ​แต่ก็ถือว่า​ความ​พยามดังกล่าว​นั้น​ไร้ผล​

​สำ​หรับว่าที่​ ​ส​.​ส​.​พรรคพลังประชาชน​ ​เขต​ 1 ​จ​.​บุรีรัมย์​ ​ที่ถูกพิจารณา​ให้​ใบแดง​ ​คือ​ ​นายประกิจ​ ​พลเดช​ ​นายพรชัย​ ​ศรีสุริยันโยธิน​ ​และ​นายรุ่งโรจน์​ ​ทองศรี

จาก hi-thaksin.org 30/12/50

Sunday, December 30, 2007

ด่วน อำนาจมืด คุกคาม กกต

แม้การเลือกตั้งจะผ่านพ้นไปแล้ว และ ประชนได้ตัดสินใจแล้วว่าต้องการให้พรรคพลังประชาชนจัดตั้งรัฐบาลและเป็นผู้ บริหารประเทศ ด้วยการเลือกผู้สมัครของพรรคพลังประชาชนมากเป็นอันดับ 1 ถึง 233 เสียง แต่กระบวนการสกัดกั้น พรรคพลังประชาชน ไม่ให้ได้เป็นรัฐบาล ที่มีมาตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง และรุนแรงที่สุดในช่วง 7 วันสุดท้ายก่อนลงคะแนนเลือกตั้ง ยังไม่หยุดปฏิบัติการ เพื่อจะบรรลุเป้าหมายของผู้บงการและขับเคลื่อนขบวนการนี้ ที่อาศัยอยู่ในบ้านสี่เสาเทเวศร์

เป้าหมายของ จอมบงการก็คือ ทำอย่างไรก็ได้ให้พรรคพลังประชาชน ไม่ได้เป็นรัฐบาล และให้พรรคประชาธิปัตย์ ได้เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล บริหารประเทศต่อไปภายใต้การชี้นำของขบวนการสี่เสาเทเวศร์

ล่าสุด จอมบงการแห่งบ้านสี่เสาเทเวศร์ ได้ส่งหัวหน้าคณะรัฐประหาร ที่มีอาการอกหัก เครียดจัด แค้นจัด จนแทบบ้าคลั่งเต็มที เมื่อได้เห็นผลการเลือกตั้งที่ออกมาจากการตัดสินใจของประชาชน ไปเจรจากับ กกต. ท่านหนึ่ง เพื่อให้เจ้าร่วมขบวนการสกัดกั้นพรรคพลังประชาชน เป็นรัฐบาล หลังจากที่ กกต.อีก 4 คน ตกลงรับแผนแล้ว แต่มีเงื่อนไขที่จะต้องทำให้ กกต.ฝ่ายสืบสวนสอบสวน ที่ชื่อ สมชัย จึงประเสริฐ ยอมรับและเข้าร่วมแผนงานนี้ด้วย เนื่องจาก สมชัย จึงประเสริฐ เป็นผู้ที่รับผิดชอบสำนวนคดีร้องเรียนทั้งหมด

หาก สมชัย ไม่เสนอให้ที่ประชุมกกต. พิจารณา ตามจำนวนที่จอมบงการต้องการ หรือ ไม่เสนอตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้ ก็ไม่มีทางที่จะสกัดกั้นพรรคพลังประชาชนได้

ข่าวชิ้นนี้ ยังเป็นที่รับรู้กันอยู่ในวงแคบเฉพาะกกต.5 คน และคนใกล้ชิดอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งถูกเรียกไปพบ และออกมาพร้อมกับใบสั่ง และนายทหารระดับสูงของคมช. ที่เพิ่งประชุมกันไปเมื่อวันที่ 26 – 27 ธันวาคม ที่ผ่านมา

ทั้งประชุมกันเองในหมู่สมาชิกคมช. ที่มีพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เป็นหัวหน้าทีม ทั้งการประชุมร่วมกับ พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตัวแทนของพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ การประชุมร่วมกับ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เอง รวมไปถึงการยกทีมไปพบพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เพื่อหารือถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากประชาชนลงคะแนนให้พรรคพลังประชาชน มากที่สุด และจะได้เป็นรัฐบาล เพราะเป็นสถานการณ์ที่คมช. ไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าประชาชนจะเทคะแนนให้พรรคพลังประชาขนมากขนาดนี้

ประดาบ ได้รับการบอกเล่าเรื่องนี้จากเจ้าหน้าที่ระดับสูงในฝ่ายสืบสวนสอบสวนสำนักงานคณะ กรรมการการเลือกตั้งท่านหนึ่ง ว่าเมื่อเร็วๆ นี้ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ได้แจ้งไปยังนายอภิชาติ สุขัคคานนท์ ประธานกกต. ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของพล.อ.สนธิ ที่ถูกวางตัวให้มาเป็นประธานกกต. เพื่อปฏิบัติภารกิจสกัดกั้นพรรคพลังประชาชนเป็นการเฉพาะ ว่า พล.อ.เปรม ต้องการให้กกต.ออกใบแดง ให้พรรคพลังประชาชนอย่างน้อย 20 ใบ ซึ่งตรงกับที่หนังสือพิมพ์มติชน เคยเสนอข่าวไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่มีใครเชื่อว่าจะเป็นไปได้ เพราะไม่เคยมีครั้งใดที่พรรคการเมืองพรรคเดียว จะถูกใบแดงถึง 20 ใบ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง

หลังจากได้รับแจ้งความประสงค์ของพล.อ.เปรม นายอภิชาติ ในฐานะเพื่อนร่วมรุ่นวปรอ. ของพล.อ.สนธิ และในฐานะประธานกต. ก็แจ้งให้กกต.อีก 4 คนทราบ ปรากฎว่ามีนางสดศรี สัตยธรรม เพียงคนเดียวที่ รับใบสั่งด้วยความยินดีและพร้อมใจปฏิบัติตาม โดยไม่มีคำถามและข้อสงสัย ในขณะที่กกต.อีก 3 คน คือ นายประพันธ์ นัยโกวิท นายสุเมธ อุปนิสากร และ นายสมชัย จึงประเสริฐ ไม่เห็นด้วย และต้องการทราบเรื่องจากปากของพล.อ.สนธิ โดยตรง ก่อนตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

ข่าวชิ้นนี้ สอดคล้องกับท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์ และ พรรคชาติไทย พรรคเพื่อแผ่นดิน ที่มีความมั่นใจว่ากกต.จะออกใบเหลือง ใบแดง มากจนเป็นเงื่อนไขให้การจัดตั้งรัฐบาลของพรรคพลังประชา ชน เป็นไปไม่ได้ ทั้งๆ ที่ได้รับการเลือกตั้งมากกว่าพรรคประชาธิปัตย์ ถึง 68 เสียง มากกว่าพรรคชาติไทยกับพรรคเพื่อแผ่นดิน รวมกันเสียอีก

อาการ มั่นใจว่าจะมีโอกาสได้จัดตั้งรัฐบาลของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และเชื่อว่าพรรคพลังประชาชนจะตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ เพราะติดปัญหาใบเหลืองใบแดง ในขณะที่ พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มั่นใจว่าถึงที่สุดแล้วพรรคประชาธิปัตย์ จะได้เป็นรัฐบาลและนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี เช่นเดียวกับที่นายวารินทร์ โหรคมช. ทำนายว่านายสมัคร จะไม่ได้เป็นนายกรัฐฒนตรี และพรรคประชาธิปัตย์ จะได้เป็นรัฐบาล เป็นอาการผิดปกติอย่างมากสำหรับการเมืองการปกครองระบอบประชาธิปไตย ที่พรรคการเมืองที่ได้คะแนนมากเป็นอันดับ 1 จะต้องเป็นฝ่ายค้าน และพรรคที่แพ้การเลือกตั้งจะได้เป็นรัฐบาล

แต่ทว่า ความมั่นอกมั่นใจของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย และ ท่าทีของนางสดศรี สัตยธรรม กกต. ที่ออก มาเด้งรับความต้องการของคมช. ด้วยการโวยวายว่านายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ฝ่ายสืบสวนสอบสวน ทำงานช้า และจงใจทำสำนวนอ่อน เพื่อไม่ให้มีการออกใบเหลือง ใบแดง

นางสดศรี สัตยธรรม ยังกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่กกต.ปล่อยเอกสารการสอบสวนรั่วไปถึงพรรคพลังประชาชน พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนหน้าที่ของกกต. โดยเสนอตัวมาเป็นกกต.ฝ่ายสืบสวนสอบ สวน แทนนายสมชัย เอง อีกทั้งยังออกมาให้ข่าวล่วงหน้าว่าจะมีการแจกใบแดง จนทำให้เกิดการพลิกขั้วตั้งรัฐบาล

ปรากฎการณ์ ที่เกิดขึ้นในซีกฝั่ง พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทย คมช. และ กกต.บางคน โดยเฉพาะนางสดศรี สัตยธรรม สอดรับกันเป็นเนื้อเดียว อย่างไม่น่าเชื่อว่าจะไม่ได้มีการวางแผนร่วมกันไว้ล่วงหน้า

หลังการเลือกตั้งผ่านไป 3 วัน กกต.เพิ่งออกใบเหลืองให้แก่พรรคพลังประชาชนได้แค่ 3 ใบ ทำให้จอมบงการแห่งบ้านสี่เสาเทเวศร์ และ ลูกสมุนในคมช. เริ่มอึดอัด หายใจติดขัด เพราะกกต.ให้คำตอบไม่ชัดเจนว่าจะทำตามใบสั่งที่ส่งมาหรือไม่ ในขณะที่ใบแดงที่รออยู่ กลับจะตกแก่พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งถูกจับซื้อเสียงพร้อมเงิน 1.3 ล้านบาท ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ส่งผลให้จอมบงการและคมช. ยิ่งไม่สบายใจ ว่ากกต.จะทำงานด้วยความเที่ยงตรงต่อหลักการของกฎหมาย หรือ ทำงานด้วยความซื่อสัตย์ต่อคมช.กันแน่

เมื่อไม่มั่นใจในกกต. ก็ทำให้ไม่มั่นใจในอนาคตของตนเอง พล.อ.สนธิ จึงต้องลงมือด้วยตนเอง ด้วยการเรียกกกต. ทั้ง 5 คน มาพบอีกรอบหนึ่ง ซึ่งข่าวนี้ก็รั่วไปถึงหนังสือพิมพ์อีก และมีการรายงานข่าวกันอย่างเปิดเผย แต่มีนางสดศรี สัตยธรรม เพียงคนเดียวที่ออกมาปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง ในขณะที่กกต.อีก 4 คนปิดปากเงียบ ไม่รับและไม่ปฏิเสธ

การพบปะของกกต. กับ พล.อ.สนธิ ไม่ได้เป็นการพบกันอย่างเป็นทางการในฐานะรองนายกรัฐมน ตรี กับ คณะกรรมการการเลือกตั้ง หากแต่เป็นการเรียกพบทีละคน ในฐานะหัวหน้าคณะรัฐประหาร กับ กกต.แต่ละคน ที่ได้รับการแต่งตั้งจากหัวหน้าคณะรัฐประหาร เพื่อทวงถามบุญคุณ และสั่งให้ปฏิบัติตามใบสั่งของจอมบงการแห่งบ้านเสี่เสาเทเวศร์ ที่เป็นนายใหญ่ของคมช.

พล.อ.สนธิ สามารถเจรจาหว่านล้อมให้กกต. 2 คน คล้อยตามได้ด้วยการข่มขู่ จนเกิดความหวาดกลัวในชีวิตตนเองและครอบครัว ได้แก่ นายประพันธ์ นัยโกวิท และ นายสุเมธ อุปนิสากร ในขณะที่ กกต.อีก 2 คน คือ นายอภิชาติ สุขัคนานนท์ และ นางสดศรี สัตยธรรม พร้อมใจกันรับปฏิบัติเต็มที่ แต่ท่าทีของนายอภิชาติ ไม่โฉ่งฉ่างแจ่มชัดเท่ากับนางสดศรี เพราะเก็บอาการได้ดีกว่า

แต่ การข่มขู่ของพล.อ.สนธิ ที่ใช้ได้ผลกับคนอื่น กับไม่ได้ผลเมื่อนำมาใช้กับนายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ฝ่ายสืบสวนสอบสวน ซึ่งเป็นคนสำคัญในการนำเสนอสำนวนการร้องเรียน ให้กกต.ทั้งคณะพิจารณา เนื่องจากนายสมชัย ยึดหลักของกฎหมาย และความต้องการของประชาชนเป็นสำคัญ ไม่ยอมยึดหลักกู และความต้องการของคมช. เป็นหลัก

ผลที่เกิดขึ้นกับนายสมชัย จึงประเสริฐ เมื่อไม่ยอมรับใบสั่งของคมช. ก็คือ ข้อ เสนอเชิงบังคับให้หยุดงานด้วยการลาพักร้อน 10 วัน ซึ่งนายสมชัย ก็ไม่ยินยอมอีก จึงได้รับข้อเสนอใหม่ ให้ออกไปจากฝ่ายสืบสวนสอบสวน เพื่อเปิดทางให้นางสดศรี สัตยธรรม มาทำหน้าที่กกต.ฝ่ายสืบสวนสอบสวน แทน

1 สัปดาห์ก่อนการเลือกตั้ง จนถึงทุกวันนี้ นางสดศรี พูดกับนักข่าวหลายครั้งว่าการทำงานของฝ่ายสืบสวนสอบสวนมีปัญหาล่าช้า และอยากจะทำงานฝ่ายสืบสวนสอบสวนแทนนายสมชัย และได้ยื่นข้อเสนอไปที่ ประธานกกต. แล้ว ซึ่งนายอภิชาติ ในฐานะประธานกกต. ก็มีท่าทีตอบรับกับข้อเสนอนี้ อย่างน่าประหลาดใจ เพราะเท่ากับไม่ไว้วางใจการทำหน้าที่ของนายสมชัย

นอกจากนี้ ยังมีการแต่งตั้งพล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอำพันธุ์กุล รองผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล ซึ่งเป็นตำรวจรับใช้ในบ้านของนายสนธิ ลิ้มทองกุล มี หน้าที่หลักคือเปิดปิดประตูบ้านสุโขทัยของนายสนธิ และดูแลความปลอดภัยของสำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ มาเป็นประธานอนุกรรมการสอบสวนสอบสวนของกกต. อีกด้วย ซึ่งไม่ต้องบอกว่าสำนวนการสอบสวนจะออกมาในทิศทางใด และเป็นคุณหรือเป็นโทษต่อพรรคพลังประชาชน

แรงกดดันที่นายสมชัย ในขณะนี้หนักหน่วงและรุนแรงมาก และกำลังจะลุกลามไปถึงบุคคลในครอบครัวของนายสมชัย อีกทั้งยังมีการขัดขวางไม่ให้นายสมชัย เข้าร่วมการประชุมกกต.ทั้งคณะ เพื่อไม่ให้นายสมชัย มีส่วนร่วมในการลงมติ เพื่อให้การออกใบเหลืองใบแดง เป็นไปตามที่คมช. และจอมบงการแห่งบ้านสี่เสาเทเวศร์ต้องการ

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เจ้าหน้าที่ระดับสูงในกกต. ฝ่ายสืบสวนสอบสวน ได้รู้ระแคะระคาย และกลเกมของฝ่ายคมช. แล้ว ว่ากำลังบีบบังคับนายสมชัย อย่างไร จึงทำให้การทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสอบสวน เป็นไปด้วยความตึงเครียด และระมัดระวังตัวสูง เพราะไม่มั่นใจความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว

มีการยกตัวอย่างการทำหน้าที่ของกกต.จังหวัดที่ผิดปกติอย่างชัดเจน ก็คือ ที่ จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งประธานกกต. เป็นรองผู้ว่าราชการจังหวัด คือ นายเกษม วัฒนธรรม ยื่นสำนวนสอบสวนให้ออกใบแดงแก่ผู้ได้รับการเลือกตั้งของพรรคพลังประชาชนทั้ง 9 คน เนื่องจาก นายเนวิน ชิดชอบ ไปยืนฟังการปราศรัยหาเสียงของพรรคพลังประชาชน

ฝ่ายสืบสวนสอบสวน เห็นว่าเป็นการยื่นคำร้องให้ใบแดงที่ไม่มีเหตุผล และไม่น่าเชื่อว่าคนระดับประธานกกต. จะให้เหตุผลเช่นนี้ เพราะในการปราศรัยหาเสียงของพรรคพลังประชาชนที่สนามหลวง มีอดีตกรรมการบริหารพรคไทยรักไทย หลายคนไปร่วมสังเกตการณ์และฟังการปราศรัย เป็นเรื่องปกติ และเป็นสิทธิในฐานะพลเมือง แต่ ประธาน กกต.บุรีรัมย์ กลับใช้เหตุผลนี้เสนอให้ใบแดงแก่พรรคพลังประชาชน แบบยกจังหวัด หากกกต.เห็นด้วยกับนายเกษม ก็คงเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า กกต.คณะนี้อยู่ใต้การบัญชาการของคมช. และทำงานใบสั่ง ไม่ได้เป็นองค์กรอิสระ

ในขณะที่คมช. กล่าวหาว่ารัฐบาลทักษิณ แทรกแซงกกต. องค์กรอิสระ และเป็นเหตุแห่งการรัฐประหารยึดอำนาจ แต่ คมช.เองกลับทำเลวร้ายกว่าหลายพันเท่า และทำกันโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ไม่เกรงกลัวสายตาประชาชนที่ตัดสินเลือกพรรคพลังประชาชนเป็นรัฐบาล แม้แต่น้อย

สถานการณ์ในขณะนี้ จึงทำให้นายสมชัย จึงประเสริฐ และครอบครัว ตกอยู่ในอันตราย อย่างน่าเป็นห่วง ทั้งแรงกดดันในกกต.ด้วยกันเอง และคำข่มขู่คุกคามจากคมช. และจอมบงการแห่งบ้านสี่เสาเทเวศร์

กำลัง ใจจากประชาชน คือ สิ่งที่น่าจะช่วยให้นายสมชัย ยืนหยัดอยู่เพื่อความถูกต้อง และความดำรงอยู่ของพรรคพลังประชาชน ที่กำลังถูกหาเหตุ หาเรื่องออกใบเหลือง ใบแดง และยุบพรรค ไม่เว้นแต่ละวันในขณะนี้

มีแต่กำลังใจจากประชาชนเท่านั้น ที่จะต่อต้านอำนาจมืด อำนาจเผด็จการที่กำลังเข้าครอบงำกกต. ได้

เช่นเดียวกับ มีแต่พลังประชาชนเท่านั้น ที่จะต่อต้านเผด็จการครอบงำประเทศไทย และชีวิตคนไทย ได้

จึงขอเชิญชวนพวกเราทุกคนร่วมกันให้กำลังใจนายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ผู้ยืนหยัดอยู่กับความถูกต้อง ด้วยครับ


โดย ประดาบ hi-thaksin.org

30/12/50

กกต. แจก 3 ใบแดง พปช.

เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา (30 ธ.ค.) นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กกต. มีมติให้ใบแดงกับว่าที่ ส.ส.เขต 1 จ.บุรีรัมย์ พรรคพลังประชาชน คือ นายประกิจ พลเดช นายพรชัย ศรีสุริยันโยธิน และนายรุ่งโรจน์ ทองศรี ข้อกล่าวหาเรื่องของการแจกเงิน และการขนคนใบฟังการปราศรัย กกต.เห็นว่ามีการกระทำผิดจริงตามข้อกล่าวหา จึงต้องเพิกถอนสิทธิ์เป็นเวลา 1 ปี และให้จัดการเลือกตั้งใหม่ และให้ผู้ที่ถูกเพิกถอนสิทธิ์ทั้ง 3 ราย ชดใช้ค่าเสียหาย รวมถึงจะถูกดำเนินคดีอาญาด้วย

ด้านนายสุเมธ อุปนิสากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ปฏิเสธกระแสข่าวที่ว่าสำนวนการสอบสวนใบเหลือง-ใบแดงมีการรั่วไหล และว่า กกต.จะทยอยตรวจสอบใบเหลือง-ใบแดงให้แล้วเสร็จโดยเร็ว คาดว่าภายใน 2-3 วันจะทราบผลว่ามีใบเหลือง-ใบแดงจำนวนเท่าใด ทั้งนี้ วันที่ 3 ม.ค. 2551 จะทราบจำนวนผู้ร้องเรียนทั้งหมดว่ามีจำนวนเท่าใด และจะประกาศผลในส่วนที่ไม่มีผู้ร้องเรียน

นายสุเมธ ยังปฏิเสธว่าไม่มีการดักฟัง กกต.ในการพิจารณาใบเหลือง-ใบแดง แต่หากมีการดักฟังจริงก็ไม่เกิดปัญหาขึ้น เพราะ กกต.ทำงานอย่างโปร่งใส จึงไม่มีความกังวลในเรื่องนี้ และขณะนี้มีเรื่องร้องเรียนมายัง กกต.แล้วกว่า 100 เรื่อง

ที่มา ไทยรัฐ 30/12/50

ถึงเวลาสมานฉันท์กันอย่างยุติธรรม

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ถึงเวลาสมานฉันท์กันอย่างยุติธรรม ฉบับนี้ประจำวันอาทิตย์ที่ 30 ธันวาคม 2550............

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ถึงเวลาสมานฉันท์กันอย่างยุติธรรม ฉบับนี้ประจำวันอาทิตย์ที่ 30 ธันวาคม 2550............

เปรียบเทียบ รัฐธรรมนูญฉบับประชาชนปี 40 กับ รัฐธรรมนูญฉบับ คมช.ปี 50 ความเข้มแข็งของพรรคการเมืองช่างห่างไกลกันลิบลับ เห็นได้จากหลังเลือกตั้งนับจากปี 40 เป็น ต้นมา พรรคการเมืองมีแนวโน้มจัดตั้ง รัฐบาลที่แข็งแกร่ง ได้มากขึ้น โดยเฉพาะยุค รัฐบาลทักษิณ สามารถเริ่มทำงานช่วยเหลือประชาชน ได้ตั้งแต่วันแรกที่รู้ผลการเลือกตั้งเลยทีเดียว!!!.............

แต่รัฐบาลภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับ คมช.ที่ พวกเผด็จการเสียงข้างน้อย คุย นักคุยหนาว่าดีที่สุดในโลก จนป่านนี้แล้ว การจัดตั้งรัฐบาล ยังไม่มีอะไรแน่นอน ข้อสำคัญ พรรคการเมืองที่ได้รับการความไว้วางใจจากประชาชนทั่วประเทศเป็นอันดับ 1 ต้องทำตัวไม่ต่างจาก ขอทาน เที่ยววิ่งไปขอความเมตตาปรานีจากพรรคเล็กพรรคน้อย ซึ่งมีอำนาจต่อรองเหนือพรรคอันดับ 1 ไปแล้ว และนี่ก็คือ สิ่งที่ พวกเผด็จการเสียงข้างน้อย ต้องการเห็นมากที่สุด!!!.............

ภาวะกลับตาลปัตรที่เกิดขึ้น ก็เพราะมี ใครบางคน ต้องการหมุนทวนเข็มนาฬิกาให้สถานการณ์ย้อนยุคกลับไป เนื่องจากกลัวว่า อำนาจทางอ้อม ที่ประชาชนมอบให้พรรคการเมืองจะมีมากเกินไปจนไปกระทบ โครงสร้างอำนาจดั้งเดิมทั้งหมด ด้วยเหตุนี้ ก็เลยต้องแก้ด้วยการ พบกันครึ่งทาง ใช้อำนาจเก่าแก่ถ่วงดุลอำนาจใหม่ตามวิถีประชาธิปไตย!!!.............

เรื่องนี้ เห็นได้จากข้อเสนอ 5 ข้อของ พรรคชาติไทย และ พรรคเพื่อแผ่นดิน ที่ยื่นให้กับ พรรคพลังประชาชน ส่งต่อไปให้ ใครบางคนในต่างประเทศ รายละเอียดทั้ง 5 ข้อเป็นอย่างไร พ่อแม่พี่น้องประชาชนลองไปอ่านจากข่าวให้ดีๆก็จะพบได้เองว่า เป็นข้อเสนอที่สะท้อนมุมมองของ อำนาจเก่าแก่ ที่มีต่อ อำนาจใหม่ ได้ อย่างชัดเจนที่สุด!!!.............

“เห่าไฟ” มองว่า พรรคชาติไทย กับ พรรคเพื่อแผ่นดิน เป็นเพียง ทูต ในการเจรจาหย่าศึก เพื่อนำไปสู่การปกครองแบบ ถ่วงดุลซึ่งกันและกัน ไม่ให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงขึ้นมาอีก หากพรรคพลังประชาชน ไม่รับข้อเสนอ ก็จะมีการงัดแผน 2 ขึ้นมาใช้ นั่นก็คือ ให้ พรรคชาติไทย กับ พรรคเพื่อแผ่นดิน ไปจับขั้วกับ พรรคประชาธิปัตย์ แล้วรอฟังผลใบแดงใบเหลืองจาก กกต. !!! .............

จริงๆแล้ว อำนาจเก่าแก่ ไม่ต้องเจรจากับ พรรคพลังประชาชนก็ได้ “เห่าไฟ” เชื่อว่า พวกฮาร์ดคอร์ หรือ พวกซาดิสต์ ในกลุ่มอำนาจเก่าแก่ ก็คงจะลุ้นให้ใช้วิธี แตกหัก ผลักพรรคพลังประชาชนไปเป็นฝ่ายค้าน แต่โชคดีที่ยังพอมี กุนซือ ที่สุขุมรอบคอบ เตือนว่า แผ่นดินอาจไม่สงบสุข วิธีหักดิบเอาพรรคอันดับ 2 ขึ้นมาเป็นรัฐบาล ก็เท่ากับ ทำร้ายจิตใจประชาชน ที่ออกไปใช้สิทธิเลือกพรรคอันดับ 1 อย่างรุนแรง บ้านเมืองมีหวังไม่ได้อยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุขแน่นอน!!!.............

ด้วยเหตุนี้ สถานการณ์การเมือง จึงปรากฏออกมาอย่างที่เห็นกันอยู่นี่แหละ ส่วนจะเป็นอย่างไรต่อไป ก็ขึ้นอยู่กับพี่น้องประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศต้องการจะให้เป็นอย่างไร “เห่าไฟ” ขอบอกว่า อย่าได้ดูถูกดูแคลนตัวเองเด็ดขาด ใครจะดูถูก รากหญ้า อย่างไรก็ช่างเขา แต่ รากหญ้า อย่าได้ดูถูกตัวเอง เพราะ พลังของรากหญ้า ก็คือ พลังของแผ่นดินนั่นเอง!!!.............

หากจำกันได้ ตอนปฏิวัติ เป้าหมายก็คือต้องการเล่นงาน พรรคตัวแทนรากหญ้า ให้ถึงตายใช่หรือไม่ แต่มาวันนี้ ผู้มีอำนาจรู้แล้วว่า ยิ่งทำลายก็ยิ่งเติบโต ก็เลยยอมเจรจาด้วย สันติวิธี พรรคที่เป็นตัวแทนรากหญ้าก็ขอให้จดจำใส่ใจเอาไว้ให้ดี ถ้าวันใดไม่มี ชาวรากหญ้า ให้การสนับสนุน รับรองได้เลยว่า ต้องตายไร้แผ่นดินไทยกลบหน้าแน่นอน!!!.............

หลังจากนี้ ก็ ต้องตามไปดูกันต่อว่า เมื่อยื่นข้อเสนอ 5 ข้อมาแล้ว จะมีข้อเสนออะไรติดตามมาอีกระหว่างการจัดตั้งรัฐบาล รวมไปถึงการบริหารราชการแผ่นดิน ที่ผ่านมา ประชาชนชาวรากหญ้า ซึ่งเป็นเสียงส่วนใหญ่ของแผ่นดินก็ยอม อ่อนข้อ ให้มากพอแล้ว หากต้องการ สมานฉันท์ กันจริงๆ ก็ต้องยึดหลักความเป็นธรรมด้วย ไม่ใช่สมานฉันท์แบบเอาแต่ ได้ฝ่ายเดียว โดยเฉพาะ เอาดีเข้าตัว เอาชั่วให้คนอื่น เห็นแล้วไร้ความเป็นธรรมสิ้นดี!!!.............

ส่วนคำขู่เรื่องปฏิวัติ “เห่าไฟ” ฟังแล้วรู้สึกเฉยๆ ไม่ใช่ท้าทาย แต่อยากเตือนให้กลับไปทำการบ้านเรื่อง ยุทธวิธี ให้ดีกว่านี้ เพราะก่อนหน้า 19 กันยายน 2549 คำว่า ปฏิวัติ หมายถึงการหย่าศึกนองเลือด ประชาชนถึงได้มอบดอกไม้ให้แทนก้อนอิฐ แต่หลังจากนั้น คำว่า ปฏิวัติ ในสายตาประชาชนหมายถึง การบริหารงานล้มเหลว ประชาชนยากจนถ้วนหน้า แถมยังใช้อำนาจรัฐแบบเลือกปฏิบัติ ใครขืนปฏิวัติอีก ก็จะกลายเป็น จำเลย ในประวัติศาสตร์ ไม่ใช่ วีรบุรุษ อีกต่อไป!!!.............

จริงๆแล้ว ใกล้ปีใหม่ “เห่าไฟ” ไม่น่าหยิบเอาเรื่องซีเรียสมาเขียน แต่ก็อดไม่ได้ เพราะมันเป็น ความจริง ที่คนไทยต้องเผชิญหลังจากเทศกาลปีใหม่ผ่านพ้นไป ยังไงก็ขออวยพรให้ ทุกคนประสบความสุขสมหวังในปีหน้า ชีวิตคนเราอยู่ได้ไม่ถึงร้อยปี ถ้าให้ดีก็รักกันไว้ให้มากๆดีกว่าจะมาทะเลาะเบาะแว้งฆ่าฟันกันเอง สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าครับ!!! .............



จาก ไทยรัฐ 30/12/50

5 เสือกกต. กฎหมายปราบมาร


เมื่อวันเวลาหมุนเปลี่ยนเวียนผัน ผ่านมาถึงสิ้นปี

ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ “ทีมข่าวการเมืองไทยรัฐ” ต้อง มานั่งประชุมปรึกษาหารือกันเพื่อเลือกบุคคลการเมืองแห่งปี

และแน่นอน ผู้ที่ได้ครองตำแหน่งบุคคลการเมืองแห่งปี จากการ พิจารณาของเราไม่ได้หมายความว่า

เขาผู้นั้นต้องเป็นบุคคลที่มีผลงานยอดเยี่ยม หรือมีความสามารถเก่งกาจเชี่ยวชาญการเมือง

เพราะเวทีแห่งนี้ ไม่ใช่เวทีประกวดบุคคลดีเด่นทางการเมือง

แต่บุคคลการเมืองแห่งปี ในนิยามของเรานั้น หมายถึงบุคคลที่มีบทบาท มีศักยภาพ สร้างความเปลี่ยนแปลง สร้างสีสันฉูดฉาด สร้างความสั่นสะเทือนให้เกิดขึ้นกับการเมืองไทยได้อย่างชัดเจน

สำหรับปีนี้ “ทีมข่าวการเมืองไทยรัฐ” ยอมรับว่า จากสถานการณ์การเมืองที่ไม่ปกติในรอบปี ซึ่งเป็นผลพวงมาจากการรัฐประหาร

ทำให้การพิจารณาคัดเลือกบุคคลการเมืองแห่งปี มีความคิดเห็นแตกต่างหลากหลาย จะหยิบใครมาพิจารณาก็มีข้อด้อย ข้อเสียข้อติติง มีริ้วรอยตำหนิ

ทั้งผู้นำรัฐบาล บิ๊ก คมช. อดีตผู้ก่อการยึดอำนาจ อดีตผู้นำที่ระหกระเหินไปอยู่ต่างประเทศ ที่มีการเสนอชื่อขึ้นมา ส่วนใหญ่โดดเด่นไปในเรื่องความขัดแย้ง ต่อสู้ ห้ำหั่น

หยิบยกใครมาพิจารณาก็เต็มไปด้วยเงื่อนไขหักล้าง มีทั้งเสียงเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย ไม่มีใครได้เสียงข้างมาก ไม่มีใครได้เสียงเอกฉันท์

สุดท้ายจึงต้องมีการทบทวน พิจารณากันอย่างรอบด้านในมุมที่กว้างออกไป และในที่สุด ทุกคนก็เห็นพ้องต้องกัน มีมติเป็นเอกฉันท์ให้

คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นบุคคลการเมืองแห่งปี 2550

ปีนี้จึงเป็นปีแรกที่บุคคลการเมืองแห่งปีเป็นคณะบุคคล ไม่ใช่บุคคลเพียงคนเดียวเหมือนที่ผ่านๆมา

สำหรับเหตุผลที่ทีมของเราลงมติให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้รับตำแหน่งบุคคลการเมืองแห่งปี

ก็เพราะปีนี้การเมืองไทยอยู่ในสถานการณ์พิเศษ เป็นปีแห่งการ เปลี่ยนผ่านจากห้วงรัฐประหาร กลับสู่ความเป็นประชาธิปไตย โดยผ่าน กระบวนการเลือกตั้งของประชาชน

ซึ่ง กกต.ถือเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในกระบวนการ เปลี่ยนผ่านครั้งนี้

โดยเฉพาะการควบคุมการเลือกตั้งในภาวะสงครามการเมือง ภาย ใต้สถานการณ์รัฐประหารไม่สะเด็ดน้ำ

สำหรับที่มาของคณะกรรมการการเลือกตั้งชุดนี้ ที่ประกอบด้วย

นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารการเลือกตั้ง นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย นายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง

ชัดเจน 5 เสือ กกต.ชุดนี้ ไม่ได้มาจากคณะรัฐประหาร แต่มีที่มา จากการสรรหาของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา และผ่านการลงมติคัดเลือกจากวุฒิสภาในช่วงวิกฤติการเลือกตั้งจากเหตุที่ กกต.ชุดอย่างหนา 3 คน ถูกศาลตัดสินจำคุกโดยไม่รอลงอาญา และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี

แต่ระหว่างที่รอกระบวนการโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง ได้เกิดปัญหาสะดุด เพราะมีการรัฐประหาร

จากนั้นคณะผู้ยึดอำนาจจึงมีประกาศแต่งตั้งให้ผู้ที่ได้รับการคัด เลือกจากวุฒิสภาทั้ง 5 คน เข้ามาทำหน้าที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง ถือเป็นการแต่งตั้งตามน้ำ

แน่นอน 5 เสือ กกต.ชุดนี้ ล้วนเป็นมือกฎหมาย เพราะเป็นอดีตผู้พิพากษาและอดีตอัยการระดับสูง ได้รับการยอมรับในเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต ตรงไปตรงมา

นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. สำเร็จการศึกษานิติศาสตรบัณฑิต เกียรตินิยมดี จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเนติบัณฑิตไทย

เคยเป็นผู้พิพากษาในแผนกคดีปกครองในศาลฎีกา อธิบดีผู้พิพากษาภาค 2 และภาค 5 ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา และประธานแผนกคดีสิ่งแวดล้อมในศาลฎีกา

นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารการเลือกตั้ง สำเร็จการศึกษานิติศาสตรบัณฑิต เกียรตินิยมดีจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเนติบัณฑิตไทย

เคยดำรงตำแหน่งอธิบดีอัยการคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร อธิบดีอัยการ คดีทรัพย์สินทาง ปัญญาและการค้าระหว่าง ประเทศ อธิบดีอัยการฝ่ายต่างประเทศ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอัยการสูงสุด และรองอัยการสูงสุด

นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต. ด้านสืบสวนสอบสวน และวินิจฉัย จบการศึกษานิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเนติบัณฑิตไทย

เคยเป็นผู้พิพากษาหัวหน้าแผนก คดีเยาวชนและครอบครัวในศาลอุทธรณ์ ภาค 3 อธิบดีผู้พิพากษา ภาค7 และภาค 9 ผู้พิพากษาศาลฎีกา และผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา

นายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน สำเร็จการศึกษานิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

เคยเป็นอธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่งธนบุรี ผู้พิพากษาหัวหน้าแผนกทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศในศาลฎีกา อธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ภาค 7 และผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอาญากรุงเทพใต้

นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง จบนิตศาสตรบัณฑิต จุฬาฯ และนิติศาสตรมหาบัณฑิตมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

เคยเป็นรองอธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ประธานแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลอุทธรณ์ภาค 9 ผู้พิพากษาศาลฎีกา และผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา

ระดับเปาบุ้นจิ้น ทั้งสิ้น

อย่างไรก็ตาม มีการมองกันว่า กกต.ทั้ง 5 คนเป็นมือกฎหมายถนัดเรื่องการตัดสินคดี แต่อาจไม่เชี่ยวชาญเรื่องการเมือง ในขณะที่ นักการเมืองมีสารพัดวิชามาร จะทันเกมกันหรือไม่

แต่ กกต.ก็ได้พิสูจน์ว่าด้วยความเป็นนักกฎหมาย สามารถใช้กฎหมายแก้ปัญหาได้ โดยเฉพาะ ในประเด็นนักการเมือง 111 คนที่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งจากคดียุบพรรคไทยรักไทย

กกต.ได้ตอบข้อหารือ ไม่ให้นักการเมืองทั้ง 111 คน เข้ามายุ่งเกี่ยว กับการหาเสียงเลือกตั้ง ย้ำชัดเรื่องนี้ไม่ใช่คำสั่ง เป็นเพียงคำแนะนำ แต่ถ้าใครฝ่าฝืนอาจมีคนอื่นไปฟ้องศาลดำเนินคดี

เพียงเท่านี้ ก็สามารถสยบความเคลื่อนไหวของคนในบ้านเลขที่ 111 ได้อย่างชะงัด

ทำให้นักเลือกตั้งที่สมัยก่อนไม่ค่อยเกรงกลัวกติกา ผวาไปตามๆกัน

นอกจากนี้ กกต.ยังวางระเบียบคุมเข้มการหาเสียง กำหนดจำนวน ขนาดแผ่นป้ายหาเสียง จุดติดแผ่นป้าย กำหนดจุดปราศรัยใหญ่ ป้องกันการทุ่มเงินโฆษณาหาเสียง สร้างความเท่าเทียมให้กับทุกพรรค

ส่งผลให้บรรยากาศการหาเสียงเป็นไปแบบราบเรียบ อยู่ในกรอบ ไม่คึกคักครึกโครมเหมือนที่ผ่านๆมา

แต่อีกมุมหนึ่ง การออกระเบียบคุมเข้ม ก็ช่วยทำให้การหาเสียงแบบผิดกฎหมายลดลงไป

เหนืออื่นใด ภารกิจสำคัญของ กกต.ชุดนี้ คือ การดูแลการเลือกตั้งให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งอย่างเคร่งครัด

เพื่อดำรงความบริสุทธิ์และยุติธรรมในการเลือกตั้ง

สำหรับภาคปฏิบัติในการจัดเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งนี้ กกต.ได้ประเดิมการทำหน้าที่ด้วยการตัดสิทธิผู้สมัคร ส.ส.ที่ขาดคุณสมบัติไปกว่า 30 คน

และในจัดการเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันที่ 15-16 ธันวาคม ที่มีประชาชนตื่นตัวออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้ามากเป็นประวัติการณ์ รวมทั้งสิ้น 2,965,279 คน

การดูแลในภาพรวมก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

นอกจากนี้ ก่อนการเลือกตั้งวันที่ 23 ธันวาคม คณะกรรมการการเลือกตั้งได้ตั้งแท่นพิจารณาเรื่องการกระทำผิดกฎหมายเลือก ตั้งหลายคดี อาทิ

กรณีการจ่ายเงินจ้างยานพาหนะขนคนไปฟังปราศรัยที่ อ.พระทองคำ จ.นครราชสีมา กรณีนายประแสง มงคลศิริ ผู้สมัคร ส.ส.อุทัยธานี พรรคพลังประชาชน หาเสียง โดยใช้รูปและวีซีดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จนที่สุดนายประแสงต้องชิงลาออกจากสมาชิกพรรค ถูกตัดสิทธิการเป็นผู้สมัคร ส.ส.

นอกจากนี้ กกต.ยังมีมติส่งเรื่องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนิน คดีอาญากรณีพรรคพลังประชาชนปลอมลายเซ็นในใบสมัครเป็นสมาชิกพรรคของนายสิทธิ ชัย โควสุรัตน์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน

สำหรับการเลือกตั้งใหญ่วันที่ 23 ธันวาคมที่ผ่านมาหมาดๆ กกต.ก็ทำหน้าที่ในการควบคุมดูแลการเลือกตั้งให้ผ่านไปได้ ด้วยความเรียบร้อย

โดยผลคะแนนเลือกตั้ง ส.ส.อย่างไม่เป็นทางการ พรรคพลังประชาชนได้รับเลือกเข้ามาเป็นอันดับหนึ่ง 233 คน พรรคประชาธิปัตย์ 165 คน พรรคชาติไทย 37 คน พรรคเพื่อแผ่นดิน 24 คน พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา 9 คน พรรคมัชฌิ-มาธิปไตย 7 คน และพรรคประชาราช 5 คน

พรรคพลังประชาชนประกาศตัวเป็นแกนนำเชิญพรรคเล็กจัดตั้งรัฐบาล ขณะที่ประชาธิปัตย์ก็ประกาศพร้อมจัดตั้งรัฐบาลถ้า พรรคพลังประชาชนรวบรวมเสียงข้างมากไม่สำเร็จ

เดินเกมจับขั้วกันฝุ่นตลบ

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ท้าทายคณะกรรมการการเลือกตั้งอย่างยิ่งก็คือ

มีการร้องเรียนว่าที่ ส.ส. จำนวนหลายสิบราย ใช้วิชามาร มีพฤติกรรมทุจริต ทำผิด กฎหมายการเลือกตั้ง

หวังผลให้มีการแจกใบเหลือง ใบแดง

โดยหลังการเลือกตั้ง กกต.ได้เริ่มพิจารณาเรื่องร้องเรียนและมีมติประเดิมแจกใบเหลืองว่าที่ ส.ส.นครราชสีมาไปแล้ว 3 คน ในกรณีจ้างรถขนชาวบ้านไปปราศรัยที่ อ.พระทองคำ

และยังมีเรื่องร้องเรียนและร้องคัดค้านผลการเลือกตั้งอีกเป็นร้อย สำนวนที่จ่อคิวรอการพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง

ตรงนี้ถือเป็นภารกิจสำคัญของ กกต.ที่ต้องตัดสินด้วยความ สุจริตและเที่ยงธรรม เพื่อให้ผลการชี้ขาดเป็นที่ยอมรับจากทุกฝ่าย

เพราะกฎหมายต่างๆที่ออกมาทั้งรัฐธรรมนูญและกฎหมายเลือกตั้ง เป็นเพียงตัวหนังสือ

แต่การนำกฎหมายไปใช้ในภาคปฏิบัติให้เป็นจริง ขึ้นอยู่กับ คนที่บังคับใช้กฎหมาย

โดยเฉพาะในสถานการณ์การเลือกตั้งหลังการรัฐประหาร การเมืองแบ่งเป็น 2 ขั้ว มีการต่อสู้ห้ำหั่นกันอย่างรุนแรง เพื่อช่วงชิงอำนาจรัฐ

กกต.จึงมีบทบาทสำคัญในการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อให้ทุกฝ่ายในสังคมยอมรับการตัดสินชี้ขาดผลการเลือกตั้ง

ฉะนั้น การที่จะทำให้การเลือกตั้งสามารถเปลี่ยนผ่านนำ พาประเทศชาติให้พ้นจากวิกฤติไปได้ จึงขึ้นอยู่ที่ กกต.ชุดนี้

เพราะหากผลการเลือกตั้งที่ออกมาไม่เป็นที่ยอมรับของสังคม ก็อาจจะนำไปสู่เหตุการณ์นองเลือดอย่างที่หมอดูบางราย ทำนายเอาไว้

เหนืออื่นใด ถ้าการบังคับใช้กฎหมายเป็นข้อยุติความขัดแย้ง ไม่ได้ ปัญหาก็ไม่จบ

ความสูญเสียจะกินลึก จนล่มจมหายนะ ประสบเคราะห์กรรม กันทั้งประเทศ

ด้วยบทบาทและหน้าที่ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเปลี่ยน ผ่านประเทศไทยในครั้งนี้ ความเข้มแข็งและเที่ยงธรรมของ กกต. จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก

ทีมของเราจึงยกให้ 5 เสือ กกต. เป็นบุคคลการเมืองแห่ง ปี 2550.


จาำก ไทยรัฐ ( 30/12/50)

'ชูวิทย์'ขู่มอบพวงหรีดให้ 'เติ้ง'หากเข้าร่วมรัฐบาลพปช.

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคชาติไทย ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวบริเวณหน้าที่ทำการพรรคชาติไทย เพื่อประท้วงนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ที่จะเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชน ซึ่งนายชูวิทย์ได้นำป้ายที่มีเนื้อหาการให้สัมภาษณ์ของนายบรรหาร เมื่อวันที่ 7 พ.ย.2550 ว่าจะไม่เข้าร่วมกับพรรคพลังประชาชน

โดยนายชูวิทย์ กล่าวว่า การที่พรรคชาติไทยนำเสนอแนวทาง 5 ประการเป็นการบังหน้าเพื่อเข้าร่วมรัฐบาล ตนขอถามว่าลืมคำพูดที่ว่าจะไม่ทำให้ผู้ใหญ่ที่เคารพมา 30 ปีผิดหวัง คำพูดนี้หายไปไหน คนเราต้องมีจุดยืน วันนี้ประชาชนไม่ต้องการรัฐบาลที่เข้มแข็ง แต่ต้องการฝ่ายค้านที่เข้มแข็ง จะปล่อยให้พรรคประชาธิปัตย ์เป็นฝ่ายค้านพรรคเดียวทำได้อย่างไร ซึ่งก่อนหน้าไปจับมือ กอดคอ ปรึกษาหารือกัน ทำให้ประชาชนเข้าใจว่าอยู่ขั้ว พรรคประชาธิปัตย์ แต่หลังวันที่ 23 ธ.ค.กลับไปร่วมกับพรรคพลังประชาชน

นายชูวิทย์ กล่าวว่า ท่านพูดเองว่าจะไม่ไปร่วมกับพรรคพลังประชาชน แต่การเอาสถาบันมาอ้าง ทำให้คนอื่นเลวหมดเพื่อจะได้ร่วมรัฐบาล แค่แย้มปากก็เห็นไรฟัน ดังนั้นนายบรรหารต้องมีจุดยืนบ้าง ไม่ใช่น้ำลายไหล อยากจะร่วมรัฐบาลอย่างเดียว อายุ 80 ปีแล้วจะลืมคำพูดง่ายเท่ากับหลอกลวงประชาชน ท่านให้ประชาชนไปโหวต ในวันที่ 23 ธ.ค. เสร็จแล้ววันนี้ก็พลิกไปอยู่กับพรรคพลังประชาชน

'ผมขอเรียกร้องให้นายบรรหารมาร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านเข้มแข็ง เพื่อตรวจสอบรัฐบาล พลังประชาชน ไม่เช่นนั้นวันที่ไปร่วมรัฐบาลผมจะนำพวงหรีดไปมอบให้ การเป็นนักการเมืองไม่ใช่ว่าจะต้องเป็นรัฐบาล เสมอไป ท่านเป็นฝ่ายค้านก็ทำหน้าที่ได้ดี ผมยอมรับทั้งสองพรรคใหญ่ แต่ไม่เข้าใจพรรคชาติไทยวิ่งจนตีนพลิก ไปบ้านคนนั้นคนนี้ ผมเคารพความอาวุโสของท่าน แต่ไม่เคารพจุดยืน เพราะท่านไม่มีจุดยืนทางการเมือง ดังนั้นผมจะไปมอบพวงหรีดเพื่อแสดงให้เห็นท่านได้ตายไปในทางการเมืองแล้ว แต่ถ้าไปจัดตั้งรัฐบาล กับพรรคประชาธิปัตย์ผมจะเอากระเช้าดอกไม้ไปให้”นายชูวิทย์ กล่าว



จาก Hi-Thaksin.org 29/12/07

ร้องศาลฏีกาขอเลือกตั้งใหม่

ผู้สมัครส.ส.ปชป.ร้องศาลฎีกา ขอเลือกตั้งใหม่ เพราะพปช.เป็นนอมีนีทักษิณ

นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ผู้สมัคร ส.ส.บุรีรัมย์ เขต 3 พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. ได้ยื่นฟ้อง คณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ทั้ง 5 คน พรรคพลังประชาชน และนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรค และผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 พรรคพลังประชาชน ต่อศาลฏีกา เนื่องจากรัฐธรรมนูญ ปี 50 มาตรา219 (3) กำหนดเป็นอำนาจหน้าที่ ศาลฏีกา มีอำนาจวินิฉัยคดีเกี่ยวกับเลือกตั้ง และการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ส.ส.และส.ว. โดยตนได้ยื่นให้ศาลฏีกา วินิจฉัย 4 ข้อ คือ

1. ขอให้ศาลมีคำสั่งว่า พรรคพลังประชาชน เป็นนอมินีของพรรคไทยรักไทย ไม่มีสิทธิ์ ส่งส.ส.ในนามพรรคพลังประชาชน ทั้งส.ส.สัดส่วน และเขต ให้ถือว่าเป็นโมฆะ หรือไม่เป็นผลทางกฎหมาย

2.มีคำสั่งให้นายสมัคร เป็นนอมินี หรือเป็นตัวแทนของหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ไม่มีสิทธิ์ลงนามส่งผู้สมัคร ลงรับเลือกตั้ง และการลงนามส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นโมฆะ

3.ขอให้มีคำพิพากษาว่า การเลือกตั้งล่วงหน้า เมื่อวันที่ 15-16 ธ.ค.ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้เพิกถอนการเลือกตั้งล่วงหน้า ตลอดจนการเอาบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าไป รวมนับคะแนนเสียง โดยให้เพิกถอนการนับคะแนน เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.2550 และจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่

4.ขอให้มีคำพิพากษาว่า การแจกซีดีให้กับประชาชนเป็นการผิดกฎหมาย ทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม และห้ามมิให้ กกต.ประกาศรับรองผลทั่วประเทศ หรือ เพิกถอนการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งของผู้สมัครพรรคพลังประชาชน ทั้งนี้ศาลฏีกานัดไต่สวนเวลา 16.00 น.วันที่ 3 ม.ค.2551


จาก Hi-Thaksin.org 29/12/07

Saturday, December 29, 2007

วีรบุรุษหลงสนาม



พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร รองปลัดกระทรวงกลาโหม และรองประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กลายเป็นที่รู้จัก และสนใจของผู้คนขึ้นมา ก็เมื่อหนังสือ พิมพ์ลงข่าวว่าเขาเรียกตัวเองว่า วีรบุรุษ

วีรบุรุษ ในความหมายของ พล.อ.สพรั่ง ไม่ใช่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงตายใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

แต่หมายถึงตัวเขาเอง ซึ่งไม่จำเป็นต้องตอบคำถามกับนักข่าวในเรื่องที่ ถูกโจมตีว่า เขาเบิกงบราชการไปสูงถึง 7.2 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการ นำบอร์ด 13 คน พร้อมลูกเมีย รวมถึงครอบครัวตัวเอง เดินทางไปดูงานด้าน การรักษาความปลอดภัย และการแบ่งการจราจรทางอากาศระหว่างท่าอากาศยานในประเทศ กับท่าอากาศยานระหว่างประเทศที่เยอรมนี และอังกฤษ หลังจากที่เพิ่งจะเข้าไปเป็นประธานบอร์ดบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ได้เพียงไม่กี่เดือน

ในขณะที่ผู้บริหารสนามบินที่ถูกอ้างถึงไม่ได้อนุญาตให้พวกเขาเข้าไป เสาะแสวงหาข้อมูลตามที่ต้องการ หรือแม้แต่ในกรณีที่จะขอไปพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่า ก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิมีการลอกเลียนแบบสนามบินจากประเทศเยอรมนีมาจริง หรือไม่

ความเป็นคนพูดจาโผงผาง และออกจะมีบุคลิกพิเศษของ พล.อ.สพรั่ง ดึงดูดให้ สื่อมวลชน และผู้คนทั่วไปต้องหันมาให้ความสนใจในตัวเขา และงานที่เขาทำมากขึ้น เมื่อเขาได้ แต่งตั้งผู้คนจำนวนมากเข้าไปเป็นคณะทำงาน และที่ปรึกษา ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นบอร์ด ทอท. หรือบอร์ดบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ที่เขานั่งเป็นประธานอีกตำแหน่ง แต่ละบอร์ดล้วนแต่มีวาระต้องดำเนินการตามธงที่ได้ตั้งไว้หลายเรื่องด้วยกัน

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า พล.อ.สพรั่ง และบอร์ดทั้งหมดจะดูกระตือรือร้นกับงานในภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้ทำอย่าง ไร แต่ผลการดำเนินงานของ ทอท. และทีโอที กลับออกมาในทางตรงกันข้าม

เส้นกราฟที่น่าจะวิ่งฉิวขึ้นไปสร้างสถิติใหม่ กลับดิ่งลงตามลำดับจากต้นปีจนถึงปลายปี

ว่าแต่เป็นเพราะอะไร? ทีมเศรษฐกิจ ขออนุญาตประเมินภาพรวม และผลงานในแต่ละด้านเป็นอนุสนธิว่า ครั้งหนึ่ง เมื่อรัฐวิสาหกิจต้องกลับไปอยู่ในมือทหาร หรือในมือของผู้ที่ไม่มีความรู้ความเข้าใจในกิจการนั้นๆ เหมือนเมื่อยี่สิบปีก่อน...ผลที่ได้จะเป็นเช่นไร

ขยันฟันเบี้ยประชุมแห่งปี

อย่างที่เกริ่นไว้แต่ต้นว่า นอกจากจะแต่งตั้งบุคคลจำนวนมากเข้าไปเป็นคณะทำงานในบอร์ด ทอท. และบอร์ดทีโอที แล้ว พล.อ.สพรั่ง ยังแต่งตั้ง พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน รองปลัดกระทรวงกลาโหม และประธานกรรมาธิการคมนาคม สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) “เพื่อนรัก” เข้าไปทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาประธานบอร์ด มีอำนาจเรียกตรวจสอบ และสั่งการกำกับดูแลกิจการภายในของ ทอท.แทนประธานบอร์ดได้ด้วย

ที่ ทอท.นับแต่วันที่ พล.อ.สพรั่งเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 17 พ.ย. 2549 พบว่า บอร์ด 15 คน ประชุมกันจนถึงวันที่ 17 ธ.ค. 2550 รวมแล้วกว่า 43-45 ครั้ง เฉลี่ยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง หรือเดือนละ 4 ครั้ง จากเดิมที่เคยมีการประชุมกันเดือนละครั้งเฉลี่ยทั้งปี 12-14 ครั้ง

ทั้งนี้ ทอท.จะต้องจ่ายค่าตอบแทนบอร์ดเป็นรายเดือน คนละ 20,000 บาท บวกค่าเบี้ยประชุมที่ขอปรับขึ้นอีกคนละ 15,000 บาทต่อครั้ง หากประชุมกันถี่ ทอท.ก็ต้องจ่ายถี่ จึงมีการทำข้อตกลงกันว่า ถ้าประชุมเกิน 2 ครั้งใน 1 เดือน ให้จ่ายค่าเบี้ยประชุมแค่เบี้ยประชุมเพียง 2 ครั้ง บอร์ดแต่ละคนจึงได้เงินเดือนรวมเบี้ยประชุมกันเดือนละ 50,000-60,000 บาท

15 คน ทอท.ต้องจ่ายเดือนละ 750,000-900,000 บาท

ยังไม่นับคณะทำงานด้านต่างๆที่แต่งตั้งกันเข้ามาอีกกว่า 5-6 คณะ และคณะอนุกรรมการทั้งจากคนในบอร์ด และคนนอกที่เข้ามาทำหน้าที่กลั่นกรองเรื่องต่างๆให้อีก 10-20 ชุด คนเหล่านี้มีค่าเบี้ยประชุมเฉลี่ยคนละ 3,000-5,000 บาทต่อการประชุมแต่ละครั้ง แต่ละเดือนมีการประชุม 2 ครั้ง คนเหล่านี้ก็จะได้ค่าตอบแทนอีก เฉลี่ยเดือนละ 6,000-10,000 บาท

ล่าสุด บอร์ดยังได้มีมติให้จ่ายเงินรางวัลหรือโบนัสแก่ตัวเองอีกคนละ 216,000 บาท เฉพาะประธานบอร์ดตั้งได้เพิ่มอีก 25% ก็จะตก 270,000 บาท ขณะ ที่รองประธานได้ 243,000 บาท ถ้านับรวมปี 2549 ที่เพิ่งเข้าไปนั่งเก้าอี้ได้ไม่นาน

ถ้าปี 2550 ทอท.มีรายได้ และกำไรดีเหมือนปี 2549 บอร์ดก็คงจะได้รับเงินรางวัลไปเต็มๆคนละ 1,200,000 บาท

เช่นเดียวกับบอร์ดทีโอทีที่ พล.อ.สพรั่งเรียกประชุมบอร์ดถี่ยิบไม่แพ้กันรวม 40 ครั้งใน 10 เดือน นับตั้งแต่เข้าไปรับตำแหน่งเมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2550 หรือเฉลี่ยเดือนละ 4 ครั้ง ครั้งละ 10,000 บาท ตกเดือนละ 40,000 บาท ยัง ไม่นับคณะกรรม- การย่อยที่บอร์ด แต่ละคนเข้าไปร่วมเป็นกรรมการด้วยอีก 5 ชุด แต่ละชุดได้เบี้ย ประชุมครั้งละ 10,000 บาท ประชุมกัน5 ครั้งใน 1 เดือน ก็ตก 50,000 บาท

ทีนี้ถ้ารวมกับการประชุมบอร์ดชุดใหญ่ด้วย บอร์ดแต่ละคนอาจ มีรายได้เหยียบเดือนละถึง100,000บาท

ชำเราสนามบินสุวรรณภูมิ

กลับมาที่ผลงานของบอร์ด ทอท.ที่ทำงานกันอย่างหัวปัก หัวปํา แต่สิ่งที่ได้รับนับแต่เริ่มภารกิจแรกของ พล.อ.สพรั่ง และบอร์ดที่เขาแต่งตั้งเข้าไป ก็คือ มีมติให้สัญญาสัมปทานที่ทำกับคิงเพาเวอร์ทั้งในส่วนที่ให้บริหารพื้นที่ เชิงพาณิชย์ และร้านค้าปลอดภาษี เป็นโมฆะ!

หลังจากนั้นก็ปฏิเสธไม่ยอมมีนิติ สัมพันธ์ใดๆ นับตั้งแต่ ไม่ยอมต่ออายุบัตรเข้า-ออกให้แก่เจ้าหน้าที่สาขาธนาคารไทยพาณิชย์ และทหารไทยที่ได้พื้นที่ในสนามบินสุวรรณภูมิ รวม ถึงพนักงานร้านค้าทั้งหมด พร้อมปฏิเสธไม่ยอมรับรายได้ ค่าเช่ารายเดือนที่คิงเพาเวอร์จัดเก็บจากร้านค้าไปส่งมอบให้

ในขณะที่สัญญาสัมปทานซึ่งมีอายุ 10 ปีดังกล่าว ระบุผลตอบแทนขั้นต่ำที่จะ ได้รับจากร้านค้าปลอดภาษี รวมตลอดสัญญา 16,700 ล้านบาท และมีส่วนแบ่งผลตอบแทนจากรายได้ในอัตรา 15-20% โดยคิงเพาเวอร์ได้ชำระค่าสัมปทานล่วงหน้าไปแล้ว 2 ปี เป็นเงิน 2,500 ล้านบาท

ส่วนสัญญาบริหารพื้นที่ร้านค้าเชิงพาณิชย์อายุ 10 ปี ระบุผลตอบแทนขั้นต่ำต่อปี เป็นเงิน 1,400 ล้านบาท และมีส่วนแบ่งผลประโยชน์อีก 15% ของรายได้ โดยสัญญานี้ คิงเพาเวอร์ได้ชำระค่าสัมปทานล่วงหน้าไปแล้ว 2,000 ล้านบาทเช่นกัน ประเมินมูลค่าผลตอบแทนโดยรวมในระยะ 10 ปีไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาท

ตามด้วยการฮาราคีรีตัวเองอีกครั้งด้วยการประกาศฉีกสัญญาสัมปทานที่ทอท. มอบให้แก่คิงเพาเวอร์ จนเป็นผลให้คิงเพาเวอร์ต้องนำเรื่องขึ้นฟ้องร้องต่อศาลของความเป็นธรรมต่อ ศาลแพ่ง พร้อมเรียกค่าเสียหายกับ ทอท.เป็นมูลค่าสูงถึง 68,000 ล้านบาท

ผลจากการไม่ยอมรับรู้รายได้ ทำให้ฐานะการเงินของ ทอท.ประสบภาวะขาดสภาพคล่องกำไรสุทธิในปี 2550 ลดลงอย่างฮวบฮาบจากปี 2549 ที่มีกำไรกว่า 9,379 ล้านบาท เหลือ เพียง 1,094 ล้านบาท

ในขณะที่รายได้ซึ่งควรจะได้จากหลายทาง เช่น ค่าเช่าพื้นที่ภายในศูนย์ขนส่งสาธารณะเพื่อสร้างช็อปปิ้ง มอลล์ รวมตลอดถึงค่าเช่าอาคารสำนักงาน และคลังสินค้า และค่าเช่าโครงข่ายระบบโทรคมนาคม ที่ควรจะบริหารจัดการรายได้อย่างเต็มรูปแบบ และจัดเก็บจากผู้ประกอบการรายอื่นๆได้

ก็กลับไม่ได้มีการจัดเก็บ หรือติดตามให้มีการจ่ายค่าตอบแทนแก่ ทอท.อย่างเต็มเม็ด เต็มหน่วย แต่กลับปล่อยทิ้งค้างไว้ให้เป็นภาระในอนาคต แทนที่จะเปิดให้รายอื่นที่มีศักยภาพกว่าเข้าไปเช่าพื้นที่ทำธุรกิจต่างๆ เหล่านั้นแทน

แปลว่า รายได้หลักก็ไม่เอา รายได้รองก็ไม่มีปัญญาจัดเก็บ!

นี่ยังไม่นับความพยายามบอร์ดของ พล.อ.สพรั่ง บอร์ดและที่ปรึกษาร่วมมือกันก่อการร้าย และกระทำชำเราสนามบินสุวรรณภูมิด้วยกรรมวิธีต่างๆ

ตั้งแต่กล่าวหาว่า การก่อสร้างสนามบินมูลค่ากว่า 130,000 ล้านบาท ซึ่งต้องเป็นไปตามมาตรฐานสากล และกฎของสมาคมการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) มีการทุจริตกันอย่างมโหฬาร จนเป็นเหตุให้รันเวย์ร้าว แท็กซี่เวย์ทรุดตัว หลังคา รั่ว ร้านค้าเกะกะทางเดิน ตลอดจนถึงเครื่องตรวจระเบิดไม่ทำงาน และสายการบินโลว์คอสต์ แอร์ไลน์ไม่ประสงค์จะลงจอด

ขณะที่ส้วมในอาคารยังสกปรก และมีจำนวนน้อยไม่เพียงพอรองรับผู้คนที่แห่ไปเยี่ยมชมสนาม บินหลายหมื่นคนในช่วงเปิดสนามบินแรกๆได้ ไม่เท่านั้น ยังมีการตามไปข่มขู่จะยกเลิกสัญญาบริหารโรงแรมโนโวเทลในสนามบิน

กระทั่งถึงการข่มขู่ว่า จะเปลี่ยนบริษัทรักษาความปลอดภัยในสนามบิน แต่จนแล้วจนรอด ก็กลับต่อสัญญาให้บริษัทเดิมออกไปอีก 5 ปี แถมยังเพิ่มกะของ รปภ.ให้ได้รับเงินมากขึ้นด้วย เป็นต้น

ไม่ใช่แต่เท่านี้ บอร์ด รวมถึงที่ปรึกษาประธานบอร์ด ยังผลักดันให้ ครม.มีมติให้เปิดใช้สนามบินดอนเมือง เป็นสนามบินคู่แฝด เพื่อให้เครื่องบินที่มีเส้นทางบินในประเทศ และสายการบินต้นทุนต่ำสามารถลดต้นทุนการบินมาใช้สนามบินดอนเมืองได้ ก่อนจะเตรียมการผลักดันให้เปิดดอนเมืองเป็นสนามบินนานาชาติ แข่งกับสุวรรณภูมิอีกครั้งในเวลาต่อมา

ยึดคืนสัมปทานโทรคมนาคม

หันมาดูทีโอที ที่ พล.อ.สพรั่ง นั่งเป็นประธานบอร์ดอยู่ หลังจากที่เข้าไปรับตำแหน่ง ในวันที่ 6 ก.พ. 2550 พล.อ.สพรั่งได้นำเสนอยุทธศาสตร์การผนวกรวมโครงข่ายสื่อสารทุกระบบเข้าด้วย กัน เรียกชื่อสั้นๆว่า “เทเลคอมพูล” ครั้งนั้น พล.อ.สพรั่งมองว่าโครงข่าย โทรคมนาคมเป็นเรื่องของความมั่นคง ไม่ควรจะตกไปอยู่ในมือเอกชน หากแต่ควรเป็น ของรัฐ จึงคิดจะเอาโครงข่ายที่มีอยู่ทั้งหมดกลับมารวมไว้ในที่เดียวกันยังทีโอที ตามเดิม

ยุทธศาสตร์ที่ว่านี้หมายความว่า สัมปทานมือถือของเอกชน ไม่ว่าจะเป็นระบบเครือข่ายของบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส, ของบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เครือข่ายของบริษัท โทเทิ่ล แอ๊คเซส คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค จะต้องถูกดึงกลับคืนมาเป็นของรัฐ

แม้สัญญาสัมปทานเหล่านี้จะยังไม่หมดอายุ แต่ พล.อ.สพรั่งก็คิดว่า อย่างไรเสียก็ต้องหมดสัญญาอยู่ดี จึงไม่ต่างตรงไหน ถ้าจะดึงกลับคืนมาก่อน

นี่ไม่เฉพาะแต่สัมปทานมือถือเท่านั้น หากแต่ยังรวมไปจนถึงสัมปทาน โทรศัพท์พื้นฐานที่ให้แก่บริษัททรู และทีทีแอนด์ทีไปทำด้วย

ว่าแต่ยุทธศาสตร์นี้มีอันต้องคว้าน้ำเหลว เพราะไม่มีเอกชนรายใดเห็นด้วย ที่แน่ๆ พล.อ.สพรั่งและบอร์ด อาจถูกเอกชนเหล่านี้ยื่นฟ้องต่อศาลได้ เช่นเดียวกับที่ถูกคิงเพาเวอร์ฟ้องมาแล้ว

อีกผลงานก็คือ โครงการจ้างเหมาติดตั้งอุปกรณ์ชุมสายเพื่อรองรับการให้บริการ อินเตอร์เน็ตความเร็วสูง (Broadband) มูลค่า 976 ล้านบาท ซึ่งเสนอให้มีการจัดซื้อโดยวิธีพิเศษ และเป็นรายการที่ พล.อ.สพรั่งขอมา ภายใต้ข้ออ้างเพื่อความมั่นคง และความจำเป็นเร่งด่วนที่จะนำไปใช้ในภาคใต้ เช่นเดียวกับที่ขอเครื่องซีทีเอ็กซ์ จากสุวรรณภูมิไปใช้ตรวจระเบิดที่ภาคใต้นั่นแหละ!!

จริงๆเดิมทีหน่วยข่าวกรองทางทหารได้ขอบริจาคเงินจากทีโอทีเพื่อ จัดซื้อ อุปกรณ์ดังกล่าว ถูกโจมตีมากว่า ทีโอทีมีกำไรเพียงปีละ 1,000 ล้านบาท ไม่สมควรจะบริจาคเงินในวงเงินที่สูงขนาดนั้นแก่ทหารได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม บอร์ดก็ยังคงยืนกรานต้องการจัดซื้ออุปกรณ์ดังกล่าวให้ จึงมีมติให้ทีโอทีจัด

ซื้อโดยวิธีพิเศษโดยการเปิดเจรจากับเอกชนเป็นการด่วน และตกลงจ้างเหมาไปเป็นเงินทั้งสิ้น 860 ล้านบาท

ผลงานของ พล.อ.สพรั่ง และบอร์ดทีโอที ยังไม่จบเท่านี้ หากแต่ในวันที่ 16 พ.ย. 2550 บอร์ดยังมีมติให้ทีโอทียื่นฟ้องร้องศาลแพ่งเรียกค่าเสียหายกรณีที่บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ดีแทค และทรูมูฟ ได้หยุดจ่ายค่าเชื่อมโยงโครงข่าย (Access charge) ในแบบเก่า ซึ่งเป็นการจ่ายในลักษณะที่ กสท และเอกชน เป็นผู้จ่ายอยู่ฝ่ายเดียว เพื่อจะไปจ่ายค่าเชื่อม โยงในแบบใหม่ (Interconnection charge) ที่กำหนดให้ผู้ให้บริการทุกรายเปลี่ยนระบบมาใช้ค่าเชื่อมโยงโครงข่ายที่ให้ ทั้ง ทีโอที กสท และเอกชน ต่างคนต่างจ่ายเมื่อโทร.เข้าหากัน ทั้งยังจ่ายในราคาที่ต่ำกว่าเพื่อประโยชน์ของผู้บริโภคด้วย

แต่เนื่องจากการเปลี่ยนระบบการจ่ายค่าเชื่อมโยงโครงข่ายดังกล่าว ทำให้ ทีโอทีสูญรายได้ในช่วงปี 2550 ไปเป็นจำนวนถึง 14,000 ล้านบาท

ขณะที่รายได้จากการให้บริการของทีโอที มีแนวโน้มจะลดลงตามลำดับด้วยเหตุที่คุณภาพการให้บริการต่ำ ไม่มีเลขหมายใหม่ๆเพิ่มแก่ลูกค้า อีกทั้งผู้บริโภคยังหันไปใช้บริการโทรศัพท์มือถือของเอกชนเพิ่มขึ้น ทำให้ทีโอทีต้องดิ้นทุกทางเพื่อให้รายได้ของตนกลับมา ขณะเดียวกันก็เพื่อจะรักษาสถานภาพของตนไว้ให้ได้ด้วย

หลังเลือกตั้ง และมีรัฐบาลใหม่เข้ามา เราต่างก็หวังว่า พล.อ.สพรั่ง และบอร์ดที่เขากอดคอเข้ามาด้วยกันในรัฐวิสาหกิจสำคัญข้างต้นนี้ จะเก็บกระเป๋ากลับบ้านไปด้วยดี หลังจากที่ “หลงสนาม” มานานเต็มทนแล้ว.


จาก ไทยรัฐ 29/12/50