การตัดสินใจปรับขบวนการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ จากเดิมที่ตั้งขบวนที่เรือนจำคลองเปรม และมุ่งหน้าไปที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
ล่าสุด แกนนำ "คนเสื้อแดง" ตัดสินใจเปลี่ยน "จุดเริ่มต้น" ใหม่
จาก "เรือนจำคลองเปรม" เป็นหน้า "ศาลอาญา"
แน่นอน เป้าหมายของ "คนเสื้อแดง" คือการเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับ "แกนนำ" ที่ไม่ได้รับการประกันตัว
การเคลื่อนไหวของ "จตุพร พรหมพันธุ์" และ "ธิดา ถาวรเศรษฐ์" ในช่วงหลังพุ่งเป้าไปที่กระบวนการยุติธรรมอย่างชัดเจน
ไม่ว่าจะเป็นการส่งจดหมายถึงผู้พิพากษา 1,300 คน
หรือการชุมนุมที่หน้าศาลอาญาในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ และอีกครั้งที่หน้าศาลฎีกาในวันที่ 19 กุมภาพันธ์
แม้จะบอกว่าเป็นการเรียกร้องความเป็นธรรม แต่ภาพที่ออกมาถือว่าเป็นการกดดันอำนาจศาลอย่างเปิดเผย
เพราะ "คนเสื้อแดง" รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมที่"แกนนำ"ถูกกุมขังมาเป็นเวลา 8 เดือน ไม่ได้รับการประกันตัว
ในขณะที่แกนนำ "เสื้อเหลือง" อย่าง "ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์-สมบูรณ์ ทองบุราณ" ซึ่งเจอข้อหาก่อการร้ายเหมือนกันได้รับการประกันตัวในวงเงินที่ต่ำมาก
แต่ในอีกมุมหนึ่งก็มีคนแย้งว่าแม้ "ข้อหา" จะเหมือนกัน แต่ "ความรุนแรง" ของคดีแตกต่างกัน
"เสื้อเหลือง" ยึดสนามบิน แต่ "เสื้อแดง" มีการใช้อาวุธและเผาบ้านเผาเมือง
ดุลพินิจของผู้พิพากษาจึงแตกต่างกัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อ "คณิต ณ นคร" อดีตอัยการสูงสุด ประธานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริง เพื่อการปรองดองแห่งชาติ(ศอป.) ออกมาให้ความเห็นว่าแกนนำ นปช.ควรได้รับการประกันตัว
"น้ำหนัก" ของ "คนเสื้อแดง" จึงเพิ่มขึ้น
วันนี้ "จตุพร-ธิดา" มั่นใจแล้วว่าพลังของ "คนเสื้อแดง" กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง
และเชื่อกว่าวันที่ 13 นี้ ปริมาณคนที่มาร่วมชุมนุมจะเพิ่มขึ้นกว่าครั้งก่อน
เขาจึงรุกฆาตไปยังที่ "อำนาจ" ซึ่งไม่มีใครกล้าวิพากษ์วิจารณ์มาก่อน
และเปิดประเด็นเรื่อง"2 มาตรฐาน"อีกครั้ง
........................
ในช่วงเดียวกัน "พงศ์เทพ เทพกาญจนา" อดีตผู้พิพากษา และแกนนำพรรคไทยรักไทยในอดีต ก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์แวดวงตุลาการอย่างรุนแรงในหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ
เขาเปิดประเด็นเรื่องเบื้องหลังการตัดสินคดีแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา สมัยที่ "นพดล ปัทมะ" เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
"ตอนหลังมีข้อมูลซี่งมีน้ำหนักว่ามีการจ่ายสำนวนไปแล้วโดยองค์คณะลงมติแล้ว 3 ต่อ 2 หลังจากนั้นมีการโอนสำนวนไปให้อีกคณะหนึ่ง ซึ่งประธานศาลศาลปกครองเป็นหัวหน้าคณะเอง แล้วตัดสินมาเป็นอีกอย่างหนึ่ง ผมทราบว่าผู้ที่เกี่ยวข้องไปขอคัดสำนวนนี้แล้วถูกกีดกันไม่ให้คัด ไม่ให้ดูบางส่วนของสำนวน มีการมาควบคุมเคร่งครัดซึ่งผิดปกติมาก ภายหลังทราบจากสื่อมวลชนว่าเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2553 ป.ป.ช. มีมติให้รับเรื่องกล่าวหาอดีตประธานศาลปกครองปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในการสั่งเปลี่ยนองค์คณะ"
หรืออีกเรื่องหนึ่ง คือเรื่องการยุบพรรคพลังประชาชน
เขาบอกว่าศาลรัฐธรรมนูญนัดเรื่องการสืบพยานในวันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน2551 เพื่อฟังว่าจะสืบพยานกี่ปาก จะได้กำหนดวันต่อไป
"แต่พอไปถึงศาลสั่งไม่ต้องสืบพยานแล้ว แล้วให้นัดแถลงการณ์ปิดคดีในวันอังคารที่ 2 ธันวาคม ให้เวลาในการเตรียมตัว 3 วัน ซึ่งเป็นวันหยุด 2 วัน ทั้งๆ ที่ทั้ง 3 พรรคไม่คิดว่าคดีจะเสร็จ คดีสำคัญที่มีผลยุบพรรคการเมือง 3 พรรค ซึ่งมีส.ส.ในสภา เยอะแยะ ลองไปถามผู้พิพากษาที่คุณเห็นว่าเที่ยงธรรม ดูซิว่ามีท่านใดเห็นควรให้เวลาเตรียมเพียง 3 วันบ้าง"
"พอคู่ความแถลงการณ์ปิดคดีเสร็จ ศาลประชุมปรึกษา ตุลาการแต่ละคนต้องแถลงความเห็นส่วนตน แล้วต้องมีการเขียนคำวินิจฉัยกลาง ศาลใช้เวลาประมาณ 40 นาที ในขั้นตอนนี้ แล้วออกไปอ่านคำวินิจฉัย"
นั่นคือ บทสัมภาษณ์ของ"พงศ์เทพ"
ในขณะเดียวกัน "วิกีลีกส์" ก็เปิดเอกสารลับของสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ฉบับวันที่ 6 พฤศจิกายน 2551
เอกสารนี้เผยแพร่ออกมาเมื่อประมาณ 1-2 เดือนก่อน
เอกสารลับฉบับนี้ระบุว่าทูตสหรัฐได้พบกับ "แหล่งข่าว" ที่เป็น "ชนชั้นสูง" คนหนึ่งที่บ้านพักทูตเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน
ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินคดียุบพรรคเกือบ 1 เดือน
"แหล่งข่าว" คนนั้นบอกทูตสหรัฐว่า "สมชาย วงศ์สวัสดิ์" นายกรัฐมนตรีคงไม่สามารถอยู่ในตำแหน่งได้นานนัก เพราะเขาคงจะถูกปลดโดยคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในคดียุบพรรคพลังประชาชน
ซึ่งเขาเชื่อว่าศาลจะมีคำตัดสินก่อนวันที่ 5 ธันวาคม
นี่คือ คำทำนายเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2551
ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะนัดเรื่องสืบพยานในวันที่ 28 พฤศจิกายน2551และเปลี่ยนใจไม่ต้องสืบพยาน
ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินคดีนี้ในวันที่ 2 ธันวาคม 2551
เป็นไปตาม "คำทำนาย" ของ "แหล่งข่าว"
.........................................................................
หลักฐานจากวิกีลีกส์
(1.)
Thursday, 06 November 2008, 07:30
S E C R E T SECTION 01 OF 03 BANGKOK 003317
NOFORN
SIPDIS
NSC FOR WILDER AND PHU
EO 12958 DECL: 11/06/2018
TAGS PGOV, KDEM, MOPS, ASEC, TH
เอกสารของสถานทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย ลงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2551 ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินประมาณ 1 เดือน (ข้อมูลจากเว็ปไซต์ การ์เดี้ยน www.guardian.co.uk )
(2.)
3. (C) Ambassador met privately at the Residence on November 4 with XXXXXXXXXXXX
เอกสารข้อ 3 ระบุว่าทูตสหรัฐได้นัดเจอกับ"แหล่งข่าว"คนนี้เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน (การ์เดี้ยน ปิดชื่อแหล่งข่าว)
(3.)
5. (C) XXXXXXXXXXXX claimed to have spoken to Prime Minister Somchai Wongsawat about the current standoff. XXXXXXXXXXXX told the Ambassador that Somchai had agreed that the government could meet with the PAD and reach a compromise, but the time was not yet ripe. In his conversation with the Ambassador, XXXXXXXXXXXX spoke highly of Somchai, saying he was "very good" and had many qualities that made him suitable to be Prime Minister, including a sense of fairness and a moderate temperament. Nevertheless, XXXXXXXXXXXX predicted that Somchai could not remain long in office because he would likely be forced out by an adverse Constitutional Court ruling in the People′s Power Party (PPP) dissolution case (ref A), which XXXXXXXXXXXX believed the Court might issue before the King′s birthday (December 5). XXXXXXXXXXXX guessed Somchai would dissolve the parliament before being forced from office.
5. (C) แหล่งข่าวอ้างว่าได้คุยกับนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการเผชิญหน้ากันในตอนนี้. เขาบอกทูตสหรัฐว่านายสมชายเห็นด้วยที่รัฐบาลจะนัดเจอกับตัวแทนพันธมิตรและตกลงประนีประนอมได้ แต่ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลา การสนทนาครั้งนี้ แหล่งข่าวกล่าวพูดถึงนายสมชายอย่างยกย่อง บอกว่านายสมชาย "ดีมาก" มีคุณสมบัติหลายอย่างที่ทำให้เขาเหมาะเป็นนายกรัฐมนตรี เช่น ความสำนักในเรื่องความเป็นธรรมและไม่เจ้าอารมณ์ อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวคาดว่านายสมชายคงอยู่ในตำแหน่งได้ไม่นานนักเพราะจะถูกปลดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโดยคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ในคดียุบพรรคพลังประชาชน (เอกสารอ้างอิง A)
แหล่งข่าวเชื่อว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินก่อนวันเฉลิมพระชนมพรรษา (5 ธันวาคม). แหล่งข่าวคาดว่านายสมชายอาจจะยุบสภาก่อนพ้นจากตำแหน่ง
ในเอกสารฉบับนี้ "แหล่งข่าว"ทำนายถูกต้องว่าพรรคพลังประชาชนจะถูกยุบพรรคก่อนวันที่ 5 ธันวาคม 2551 แต่คาดการณ์ผิดเพราะคิดว่านายสมชายจะยุบสภาฯก่อนถูกตัดสินยุบพรรค