ที่มา มติชนออนไลน์
"นพดล" โต้ข้อมูล "บอยซ์"คลาดเคลื่อน ยัน"ทักษิณ" ไม่ได้ฟอกเงินบนเกาะเคย์แมน "อ๋อย"จี้สอบองคมนตรี-ตุลาการยุ่งปว. วานฆ่า"แม้ว" ยึดอำนาจเพื่อให้กระจ่าง ส.ส.พท.หนุน"สุเมธ"คนกลางเจรจา เชื่อ ปชป.- เสื้อแดงยอมรับได้
"นพดล" โต้ข้อมูล "บอยซ์" คลาดเคลื่อน
นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและอดีตที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ไม่ขอก้าวล่วงองคมนตรี แต่ยืนยันได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้ฟอกเงินหรือมีเงินฝากและธุรกิจบนเกาะเคย์แมน ตามที่นายราล์ฟ แอล. บอยซ์ จูเนียร์ อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย กล่าวอ้าง เชื่อว่านายบอยซ์อาจจะได้ข้อมูลคลาดเคลื่อน หาก พ.ต.ท.ทักษิณมีเงินฝากเป็นแสนล้านจริง คงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องขายหุ้นในสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี้ เพื่อนำเงินมาใช้จ่ายหลังถูกอายัดเงิน
ส่วนกรณีที่ข่าวระบุว่า นายปรีดา พัฒนถาบุตร อดีต ส.ส.เชียงใหม่ เป็นผู้ทำหน้าที่คนกลางประสานกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อดำเนินการไกล่เกลี่ยนั้น พ.ต.ท.ทักษิณได้ยืนยันกับตนว่าข่าวดังกล่าวเป็นไม่มีมูลความจริง นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ และเครือญาติ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่มีญาติผู้ใหญ่ในต่างประเทศตามที่เป็นข่าว เชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์ต้องการสร้างข่าวให้สับสนขึ้นในสังคม ส่วนกรณีที่องคมนตรีให้ตรวจสอบการเงินของ พ.ต.ท.ทักษิณที่เกาะเคย์แมนนั้น เห็นว่าบางครั้งคนที่มีอายุมากๆ จะกลับกลายเป็นเด็กอีกครั้ง โดยการนำเรื่องเก่าๆ ขึ้นมาพูดขึ้นใหม่ ขอแนะนำว่าขณะนี้ถึงเวลาแล้วที่ผู้สูงอายุทั้งหลายจะพักผ่อน ทำใจให้ว่าง เข้าวัดเข้าวาจะดีกว่า "อ๋อย"จี้สอบองคมนตรี-ตุลาการยุ่งปว.
นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย แถลงที่โรงแรมเรดิสันว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งตรวจสอบ กรณีกล่าวหาพาดพิงบุคคลกลุ่มหนึ่ง ซึ่งมีทั้งองคมนตรีและตุลาการบางคนเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการยึดอำนาจ 19 กันยายน 2549 ร่วมประชุมกันที่บ้านนายปีย์ มาลากุล ซึ่งมีการซัดทอดกันว่ามีการหารือ 2 เรื่อง คือ 1.วานให้ฆ่าคน ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณหายตัวไป 2.การยึดอำนาจ เพื่อให้กระจ่างชัดรัฐบาลควรตั้งคณะกรรมการขึ้นหนึ่งชุดจากเจ้าหน้าที่รัฐที่เป็นกลางทั้งอัยการ ตำรวจ ผู้พิพากษา ทั้งนี้ ไม่ต้องการเอาผิดใคร แต่เพื่อมาตรวจสอบข้อเท็จจริงแก้ปัญหาความมัวหมองหรือความเสื่อมเสียที่เกิดขึ้น หากเรื่องดังกล่าวเป็นความจริงก็จะต้องแสดงความรับผิดชอบ
นายจาตุรนต์กล่าวว่า ข้อเสนอให้มีเจรจายุติความขัดแย้งนั้น เชื่อว่ารัฐบาลยังไม่มีความจริงใจ เพียงต้องการลดกระแสการชุมนุม หากจะเกิดขึ้นจริงก็ควรเป็นช่วงหลังสงกรานต์ ควรเน้นป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรง และหาคนเป็นกลางมาแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย และควรจะให้ใครเป็นรัฐบาล การเจรจาไม่ควรมีเนื้อหาเกี่ยวกับคดีความต่างๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ รวมถึงการนิรโทษกรรม ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตาม แต่เวลานี้ส่วนตัวยังมองไม่เห็นว่าใครจะมาทำหน้าที่เป็นคนกลางเจรจา
ส.ส.พท.หนุน"สุเมธ"คนกลางเจรจา นายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้ไปกัมพูชา แต่พำนักอยู่ในทวีปแอฟริกา โดยเดินทางไปมาในหลายประเทศ ทราบข่าวมาว่าบุคคลหนึ่งที่มีรายชื่อเป็นคนกลางเจรจาคือ นายสุเมธ ตันติเวชกุล ประธานมูลนิธิประเทศไทยใสสะอาด ซึ่งก็เห็นด้วยและเชื่อว่าพรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ รวมถึงคนเสื้อแดงจะยอมรับได้ แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่เงื่อนไขเจรจามากกว่า เช่น การจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย ถ้าเล่นกติกาเดิมคงยาก ส่วน พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองนั้น ฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยก็ต้องมาถกเถียงเหตุผลกัน ทั้งนี้ การเจรจาควรเกิดขึ้นก่อนวันที่ 8 เมษายน หรือถ้าอยากจะลองกำลังกันดูก่อนแล้วค่อยคิดเจรจาก็ได้
เพื่อไทย
Saturday, April 4, 2009
"อ๋อย"จี้สอบองคมนตรี-ตุลาการยุ่งปว. เคลียร์ปมวานฆ่า"แม้ว"ยึดอำนาจ ส.ส.พท.หนุน"สุเมธ"คนกลางเจรจา
"ทักษิณ"เล็งยื่นฟ้อง"บิ๊กเสือ"กล่าวหาล้มล้างสถาบัน วงเสวนาเชื่อม็อบยืดเยื้อผลัดกันรุกรับเป็นปี
ที่มา มติชนออนไลน์
"จตุพร"เผยทนาย "ทักษิณ"เตรียมยื่นฟ้อง พล.อ.พิจิตร กล่าวหา"แม้ว"ล้มล้างสถาบันเป็นความเท็จ ให้ข้อมูลสับสน จำข้อมูลคลาดเคลื่อนศาลไม่สั่งฟ้องในหลายคดี นปช.ชี้ม็อบสระบุรีแผนสกัดเข้ากรุง วงเสวนาเชื่อ2ฝ่ายสู้ยืดเยื้อผลัดกันรุกและรับยาวเป็นปี
ยื่นฟ้อง พล.อ.พิจิตร กล่าวหา"แม้ว"ล้มล้างสถาบัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มเสื้อแดง ที่ข้างทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 4 เมษายน ยังคงมีการปราศรัยโจมตีรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง และมีการปลุกระดมมวลชนให้มาร่วมขับไล่รัฐบาลในการชุมนุมครั้งใหญ่วันที่ 8 เมษายน นปช.ชี้ม็อบสระบุรีแผนสกัดเข้ากรุง
ส่วนความเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดง ที่สะพานชมัยมรุเชฐ เวลา 17.00 น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. แถลงว่า ขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้อยู่ที่กัมพูชา แต่อยู่ห่างไกลออกไปหลายร้อยไมล์ เวลาของ พ.ต.ท.ทักษิณช้าจากประเทศไทย 3 ชั่วโมง การโยงเข้ากับเหตุการณ์ปะทะของทหารกัมพูชาเป็นการป้ายความผิดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นความเท็จ 100 เปอร์เซ็นต์
นายณัฐวุฒิยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า ที่การชุมนุมประท้วงปิดถนนพหลโยธินที่ จ.สระบุรี เพื่อต้านโรงงานกำจัดขยะ ได้รับรายงานจากสายข่าวว่า มี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ที่ชื่อนก และกลุ่มพันธมิตรอยู่เบื้องหลัง โดยเอาเรื่องโรงงานขยะมาบังหน้าเพื่อสกัดพี่น้องจากทางภาคเหนือและภาคอีสานที่กำลังมาร่วมชุมนุมวันที่ 8 เมษายน ซึ่งตนส่งคนไปเจรจาให้เปิดเส้นทางแล้ว ถ้าไม่เปิดจะให้กลุ่มเสื้อแดงจากจังหวัดรอบข้าง อาทิ ลพบุรี พระนครศรีอยุธยาไปช่วยเปิดเส้นทาง
ถล่ม"พล.อ.พิจิตร"ให้ข้อมูลสับสน
นายณัฐวุฒิยังกล่าวถึงกรณี พล.อ.พิจิตรวิจารณ์ พ.ต.ท.ทักษิณว่ามุ่งล้มล้างสถาบันว่า ยังจำได้หรือไม่ ว่ามีพลเอกคนหนึ่งนั่งดื่มไวน์ แล้วฉี่ใส่กางเกงตัวเอง หมดสภาพมาก ตนไม่ทราบว่าใคร ไม่ทราบว่า พล.อ.พิจิตรทราบหรือไม่
"ท่านถูกถามนำตลอดและก็ไม่ทราบว่าสมองท่านพร้อมหรือไม่ ตนรู้สึกว่า พล.อ.พิจิตรจำข้อมูลคลาดเคลื่อน อย่างกรณีที่ออกมาพูดเรื่องการทำบุญประเทศ เรื่องนี้ที่จริงได้มีการทำหนังสือถามไปยังสำนักพระราชวังแล้ว ซึ่งได้อนุญาตให้เข้าไปทำ ที่ พล.อ.พิจิตรบอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณวิดีโอลิงก์มาบอกว่า ถ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกระซิบมาตนจะกลับประเทศ อันที่จริงคำพูดนี้ พ.ต.ท.ทักษิณพูดสมัยเป็นนายกรัฐมนตรีและพูดว่าตนมีความจงรักภักดีและถ้าในหลวงมากระซิบให้ออกตนก็จะออก เป็นคดีไปแล้ว แล้วศาลไม่สั่งฟ้อง"
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ส่วนกรณีวิจารณ์เรื่องการฟอกเงินที่เกาะเคย์แมน พล.อ.พิจิตรควรจะดูว่า พ.ต.ท.ทักษิณแสดงบัญชีให้ดูเท่าไหร่ แล้วก็ดูการเติบโตของตลาดหุ้นทั้งประเทศการกล่าวหาอันนี้ถือเป็นการใส่ร้าย ส่วนบัญชีเงินในเกาะเคย์แมน ใครๆ ก็มี แล้วที่ พล.อ.พิจิตรบอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณจ้องล้มล้างสถาบัน พล.อ.พิจิตรจงใจหรือไม่ ตนไม่ทราบ เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมมีปัญหาเฉพาะกับ พล.อ.เปรม ข้อมูลต่างๆ ที่ พล.อ.พิจิตรให้สัมภาษณ์คลาดเคลื่อน และเป็นเท็จ เหมือนสมองไม่ได้อยู่ในสถานะที่เป็นที่ปรึกษาให้ข้อมูลใครได้ ไม่สมควรอยู่เพื่อสร้างความระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท เมื่อเวลา 20.10 น. นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย แกนนำคนเสื้อแดงขึ้นเวทีปราศรัยกล่าวว่า ทีมกฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณกำลังปรึกษาเพื่อยื่นฟ้อง พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ องคมนตรี กรณีกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล้มล้างสถาบัน ซึ่งเป็นความเท็จ เสื้อแดงชม.บุกกองบิน41ไล่นายกฯ
ที่ จ.เชียงใหม่ เวลา 12.55 น. มีกลุ่มเสื้อแดงเชียงใหม่ ประมาณ 300 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์และรถยนต์บุกฝ่าด่าน 2 ชั้น ของตำรวจซึ่งประจำจุดอยู่บริเวณกลางถนนหน้าท่าอากาศยานเชียงใหม่ เข้าไปปราศรัยอยู่ที่หน้าทางเข้าท่าอากาศยานทหาร กองบิน 41 อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เพื่อประท้วงขับไล่คณะนายอภิสิทธิ์ นายกรัฐมนตรี ที่จะเดินทางมาจากกรุงเทพฯ เพื่อขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปยังสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ โดยมีหน่วยปราบจลาจลของตำรวจ ภ.จว.เชียงใหม่ และหน่วยปราบจลาจลเจ้าหน้าที่ทหารกองบิน 41 ใช้โล่และกระบอง ยินดูแลความปลอดภัย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แกนนำกลุ่มเสื้อแดงได้ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นปราศรัยโจมตีนายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ พร้อมทั้งแช่งให้เฮลิคอปเตอร์ตก ตลอดจนกล่าวพาดพิงถึงสถาบันเบื้องสูง พล.อ.เปรม พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี กระบวนการยุติธรรมและองค์กรอิสระด้วยถ้อยคำหยาบคาย
นอกจากนี้ชาวบ้านยังพบใบปลิวโจมตีประธานองคมนตรี รวมถึงองคมนตรีอีก 18 คน แจกจ่ายอยู่ในตัวเมือง จ.เชียงใหม่ ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน จึงแจ้งร้อยเวร สภ.เมืองทราบ ออกไปตรวจสอบ และเก็บใบปลิวไว้เป็นหลักฐาน ส่วนการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงมีการระดมตั้งแต่ช่วงเช้าผ่านสถานวิทยุชุมชน พร้อมเปิดรับบริจาคเงินและอาหารสนับสนุนการชุมนุม มีทั้งขอรับบริจาคตะปู ตีนตบ เพื่อส่งมอบให้นายกรัฐมนตรีแม้ว่าจะไม่เจอตัว
วงเสวนาเชื่อ2ฝ่ายสู้ยืดเยื้อเป็นปี
ก่อนหน้านี้ เวลา 14.00 น. ที่ห้องประชุม 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว มีการจัดเสวนาเรื่อง "ประชาธิปไตยในความหมายของคนวรรณกรรม " จัดโดยกลุ่มเครือข่ายนักเขียน-ศิลปินเพื่อประชาธิปไตย มีผู้เข้าร่วมเสวนา 40 คน และมีนักคิด-นักเขียนเข้าร่วมงานหลายคน อาทิ นายวัฒน์ วรรลยางกูร นักเขียนรางวัลศรีบูรพา จากนั้นทางกลุ่มเครือข่ายฯออกแถลงการณ์สนับสนุนการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยโดยสันติของกลุ่มคนเสื้อแดง ทั้งในกรุงเทพฯและทั่วประเทศ
นายวัฒน์กล่าวตอนหนึ่งว่า แถลงการณ์ครั้งนี้ต้องการประชาธิปไตยที่แท้จริง ไม่ใช่ประชาธิปไตยหลอกๆ ที่บงการโดยเหล่าอำมาตย์ สถานการณ์ในวันนี้ยิ่งใหญ่และยากกว่าครั้ง 14 ตุลา ซึ่งคราวนี้ต้องเจอกับรากของระบบซึ่งเกมจะยืดเยื้อ เนื่องจากสิ่งที่เรียกว่าอำมาตย์มีการรวมมันสมองมาเป็นทีม ทั้งสองฝ่ายจะต้องผลัดกันรุกและรับ ซึ่งอาจยืดเยื้อเป็นปีๆ ก็เป็นได้
"อุ๊งอิ๊ง"ปัดพ่ออยู่เขมรบอกเร่ร่อนไปเรื่อยๆ "สุเทพ" แย้ม"แม้ว"ซุ่มละแวกเพื่อนบ้านลั่นโผล่ในปท.เอาตาย
ที่มา มติชนออนไลน์
"อุ๊งอิ๊ง"ปัดข่าว"พ่อ"อยู่กัมพูชาบอกเร่ร่อนไปเรื่อย 2 วัน ย้ายที "เทพเทือก"เผย"ทักษิณ"อยู่ละแวกเพื่อนบ้าน แต่ไม่ใช่"ลาว-กัมพูชา"ไม่ได้อยู่ในไทยหากเจอในประเทศเอาตายแน่ รักษาการโฆษกรัฐบาลบอก ยังไม่ยืนยัน"แม้ว"ปรากฎตัวที่เขมร รอตรวจสอบ 2 วันจะแถลงข่าวชี้แจง "เทพไท"พูดเป็นนัยรู้ที่กบดานอดีตนายกฯ
"อุ๊งอิ๊ง"ปัดข่าว"พ่อ"อยู่กัมพูชา
ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวเมื่อวันที่ 8 เมษายน ถึงกรณีที่มีรายงานข่าวระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณพำนักอยู่ประเทศกัมพูชาว่า คุณพ่อเดินทางไปเรื่อยๆ 2 วันออกเดินทางครั้งหนึ่ง
ด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ไม่ทราบ พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ที่ไหน แต่ยืนยันได้ว่าไม่ได้อยู่ที่กัมพูชาตามที่เป็นข่าว รวมถึงกรณีการฟอกเงินที่เกาะเคย์แมนด้วยที่ไม่เป็นความจริง
เมื่อถามถึงกรณีที่องคมนตรีเรียกร้องให้ดำเนินการเอาผิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ตระกูลชินวัตรทุกคนมีความจงรักภักดีอยู่ตลอดมา โดยเฉพาะ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ได้รับพระราชทานยศรวมถึงงานมงคลสมรสพระราชทาน ดังนั้นจึงมีความจงรักภักดี และทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ภายใต้ร่มพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว "สุเทพ"แย้ม"แม้ว"ซุ่มละแวกเพื่อนบ้าน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวเมื่อวันที่ 4 เมษายนถึงความคืบหน้าในการติดตามตัวพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า เชื่อว่าพ.ต.ท. ทักษิณอยู่ละแวกเพื่อนบ้าน แต่ไม่ใช่ลาวแน่ๆ เพราะลาวไม่ให้เข้าประเทศ แม้แต่ประเทศกัมพูชาเอง สมเด็จ ฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ก็คงไม่กล้ายืนถ่ายรูปคู่กับพ.ต.ท. ทักษิณ เว้นแต่จะแอบเข้าไปในกัมพูชาโดยที่เขาไม่รู้
ผู้สื่อข่าวถามว่า บางกระแสข่าวระบุว่าพ.ต.ท. ทักษิณอาจกบดานอยู่ที่จ. เชียงราย รองนายกฯ กล่าวว่า "ไม่ใช่ ถ้าอยู่ในประเทศ ผมเอาตายแล้ว" เมื่อถามต่อว่า ในเมื่อรู้พิกัดที่แน่ชัดของพ.ต.ท. ทักษิณแล้ว เหตุใดจึงไม่นำตัวมาดำเนินคดี นายสุเทพกล่าวว่า "เขามีเครื่องบินบินไปๆ มาๆ และถ้าประเทศเพื่อนบ้านไม่บอกเรา เราก็ทำอะไรไม่ได้"
นายสุเทพยังกล่าวถึงการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 8 เมษายนน ว่า รับรองจะไม่มีคนเจ็บ คนตาย ซึ่งมั่นใจ ในเมื่อรัฐบาลไม่ทำ มันทำข้างเดียว จะเจ็บจะตายได้อย่างไร ทางด้านนายปณิธาน วัฒนายากร รักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปปรากฏตัวที่ประเทศกัมพูชานั้น นายปณิธาน กล่าวว่า ข่าวนี้ยังไม่ได้รับการยืนยัน เชื่อว่าฝ่ายที่เกี่ยวข้องกำลังตรวจสอบอยู่ และภายใน 2 วันนี้ กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) จะเปิดแถลงข่าวเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง พูดเป็นนัยรู้ที่กบดานอดีตนายกฯ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ล่าสุดนายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณกบดานอยู่ประเทศกัมพูชา นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า มีการประสานงานกันอยู่เกี่ยวกับเรื่องที่อยู่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็จะพยายามเอาตัวกลับมา อย่างเมื่อคืนวันที่ 3 เมษายน ฟังรายงานอยู่ก็ทราบว่ามีความพยายามประสานงาน เมื่อถามย้ำว่าแสดงว่ารู้แล้วใช่หรือไม่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณอยู่จุดไหน นายอภิสิทธิ์กล่าวแบบเดิมว่า ขอไม่ลงรายละเอียด
'ท่านผู้หญิงวิระยา'หวั่น ปท.ซ้ำรอยสมัยกรุงศรีฯ
เมื่อช่วงเย็นวันนี้ (4 เม.ย.) ท่านผู้หญิงวิระยา ชวกุล ประธานคณะกรรมการและเลขาธิการมูลนิธิบำรุงขวัญทหาร ตำรวจ อาสาสมัครชายแดนในพระบรมราชินูปถัมภ์ ให้สัมภาษณ์ "ไทยรัฐ" ถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกกล่าวหาว่าไม่จงรักภักดี ว่า หาก พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่จงรักภักดีจริง ก็จะเป็นคนแรกที่ไม่คบ แต่ในฐานะที่ตนเป็นคนจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์เกิน 100% ไม่เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่จงรักภักดี
"เราไม่ใช่คนโง่ เรามีซิกซ์เซนส์ในเรื่องนี้ และในสมัยที่ท่านเป็นนายกฯ ได้ขอให้ทำบุญกุศลต่างๆ ที่ต้องถวายพระราชินีในนามมูลนิธิก็ไม่เคยปฏิเสธ ที่พูดอย่างนี้ไม่ใช่เข้าข้าง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นการมองด้วยความเป็นธรรม" ท่านผู้หญิงวิระยา กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าเมื่อจงรักภักดีทำไมจึงถูกกล่าวหาได้ ท่านผู้หญิงวิระยาตอบว่า เหมือนเขาจนตรอกจึงต้องลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม สำหรับตนเห็นว่าความเป็นธรรมสำคัญที่สุด และประเทศไทยโชคดีที่มีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นประมุข ทรงเป็นนักประชาธิปไตยเต็ม 100 เห็นได้จากที่มีคนเสนอให้มีนายกรัฐมนตรีพระราชทาน ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 7 พระองค์ทรงตรัสว่าไม่ได้ ต้องมาจากประชาธิปไตย
ท่านผู้หญิงวิระยา กล่าวต่อว่า วันนี้น่าเป็นห่วงบ้านเมืองที่มีความแตกแยกเกิดขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน เป็นการแตกแยกของสี แล้วยังดึงสถาบันลงมาเกลือกกลั้วการเมือง จึงอดคิดไม่ได้ว่าในสมัยกรุงศรีอยุธยาแตก คงเหมือนปัจจุบันหรือไม่ กัมพูชาทราบว่าประเทศไทยมีความแตกแยกกันเองเขาจึงรุกรานหรือไม่ คนไทยทุกคนต้องมีสีเดียวกัน
เมื่อถามว่าประธานวุฒิสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎรพูดทำนองเดียวกันว่าจะมีผู้มีบารมีออกมาไกล่เกลี่ยทั้งสองฝ่าย ท่านผู้หญิงวิระยาตอบว่า ผู้มีบารมีเองก็ถูกเล่นงานจนงอมแล้ว ตอนแรกก็ไม่เชื่อ แต่หลักฐานที่เขาเอามาพูดที่ถูกเสนอเป็นข่าว ก็ขัดต่อรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้องคมนตรีต้องวางตัวเป็นกลางทางการเมือง ถ้าเป็นตนขอลาออกจากตำแหน่งไปแล้ว เพื่อให้บ้านเมืองสงบ ไม่อยู่ให้คนมาด่าทุกวันอย่างนี้แน่
ท่านผู้หญิงวิระยา ยังเผยด้วยว่า เมื่อคืนวานนี้ (3 เม.ย.) ได้ไปรับประทานอาหารค่ำที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ขณะที่นายพงศ์เทพคุยโทรศัพท์กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ได้ขอคุยสายด้วย โดยถามว่าอยู่ที่ไหนจะไปหา ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ตอบกลับว่าส่วนใหญ่ใช้ชีวิตอยู่บนเครื่องบิน และอยู่ไกลมาก จึงถามต่อว่าเหนื่อยหรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณตอบว่าเหนื่อย เพราะใช้ชีวิตอยู่บนเครื่องบินและคงเหนื่อยใจด้วยที่ถูกกล่าวหาว่าไม่จงรักภักดี ทั้งนี้ น้ำเสียงที่ฟังก็ดูเหมือนคนเหนื่อย และก่อนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะถูกปฏิวัติ ตนได้ถามว่าทำไม่เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อกราบทูลเรื่องที่เกิด ทั้งหมด พ.ต.ท.ทักษิณตอบว่าเป็นผู้ชายนะ ไม่ใช่เป็นผู้หญิงที่จะเป็นคนขี้ฟ้อง
"และยังเคยเจอกันที่งานศพก็เห็นเดินยิ้มหน้าบาน จึงถามว่าคงมีความสุขที่ตีกอล์ฟได้โฮลอินวัน และตีต่ำกว่าพาร์ แต่ พ.ต.ท.ทักษิณก็ตอบกลับว่ายิ่งกว่านั้นอีก เพิ่งไปเข้าเฝ้าฯ มาและได้ทำงานถวายท่าน ชี้ให้เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณจงรักภักดี ไม่ได้เป็นไปตามข้อกล่าวหาของคนบางกลุ่ม" ท่านผู้หญิงวิระยา กล่าวในที่สุด
วันเดียวกัน นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่วันที่ 8 เม.ย. คนเสื้อแดงจะเคลื่อนไปชุมนุมประท้วงที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ว่า ตัดสินใจที่เดินทางไปที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ในช่วงเย็นวันที่ 7 เม.ย.นี้ เพื่อปกป้องสถาบันองคมนตรี ไม่ได้ปกป้องที่ตัวบุคคล ขอเชิญชวนพลังเงียบที่จงรักภักดีต่อสถาบันองคมนตรีและสถาบันพระมหากษัตริย์ มาร่วมชุมนุมในครั้งนี้ด้วย คงจะมีประมาณ 400-500 คน ผู้ที่จะมาร่วมขอให้ใช้สีฟ้าเป็นสัญญาลักษณ์ ส่วนจะปักหลักชุมนุมถึงวันที่ 8 เม.ย.ที่ตรงกับคนเสื้อแดงจะเคลื่อนมาที่บ้านสี่เสาเทเวศร์หรือไม่ ต้องดูสถานการณ์ก่อน
'แดง'เชียงใหม่ระดมพลขับไล่ “นายกฯ หนีทหาร” พร้อมตามทุกที่ที่ไป แกนนำ นปช. ระดมประชาชนทั่วประเทศร่วมขับไล่รัฐบาล 8 เม.ย. นี้
ที่มา thaifreenews
โดย : NEWS
วันที่ 4 เม.ย.2552 เวลา 11.00 น.ที่โรงแรมเรดิสัน นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย (ทรท.) กล่าวถึงกรณีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลว่า สิ่งที่รัฐบาลควรกระทำอย่างมากขณะนี้ คือ 1.ไม่ใช้ความรุนแรงกับประชาชน และ 2.หาต้นเหตุที่ประชาชนไม่พอใจ พร้อมเปิดกว้างรับฟังความเห็นของประชาชน โดยให้ดำเนินคดีกับเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้มีความชัดเจน ไม่ใช่มาเร่งดำเนินคดีกับกรณีที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
อดีตกรรมการ บริหารพรรคไทยรักไทย กล่าวต่อว่าเพื่อเป็นการแก้ปัญหาที่จะลุกลามไปกระทบความเชื่อมั่น ของสถาบันตุลาการ และองคมนตรี ควรมีการตั้งคณะกรรมการที่มีความเป็นกลางมาสอบสวนความจริงกรณีการประชุมกัน ของกลุ่มบุคคล 7 คน ที่บ้านนายปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา ซึ่งมีการพูดถึงการวานให้ฆ่าคนและการยึดอำนาจรัฐบาล เพื่อให้เกิดความชัดเจนในข้อเท็จจริง หากมีการกระทำที่ไม่เหมาะสมจริง ต้องมีผู้รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
สำหรับการเจรจาระหว่าง รัฐบาลกับผู้ชุมนุม เพื่อยุติความขัดแย้ง นายจาตุรนต์ กล่าวว่า เชื่อว่าคงไม่มีการเจรจาเกิดขึ้นในช่วงสงกรานต์ อยากให้รัฐบาลมีความจริงใจในการเปิดเจรจาไม่ใช่ทำเพื่อการลดกระแสความไม่พอ ใจรัฐบาล หรือ เพื่อต้องการลดจำนวนผู้ชุมนุม อย่างไรก็ตาม หากเป็นการเจรจาระหว่างพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรี กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เชื่อว่าคงไม่เกิดผลอะไร เพราะการชุมนุมของคนเสื้อแดงมาจากคนหลากหลาย ไม่ใช่พ.ต.ท.ทักษิณเป็นตัวแทนเพียงคนเดียว
อดีตกรรมการบริหารพรรค ไทยรักไทย กล่าวอีกว่า เห็นด้วย หากจะมีการเปิดเจรจา แต่ควรเจรจาหลังจากช่วงสงกรานต์ไปแล้ว โดยต้องเป็นการหารือเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรง และหารือเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ ให้เป็นประชาธิปไตย ไม่ใช่เจรจาเรื่องคดีความ การนิรโทษกรรม หรือไกล่เกลี่ยผลประโยชน์ให้บุคคลใด
ส่วนกระแสข่าวที่นายปรีดา พัฒนถาบุตร จะเป็นคนกลางในการเจรจานั้น ไม่ทราบ และไม่รู้ว่าควรให้ใครเป็นคนกลางในการเจรจา
เสื้อแดงเตรียม เดินสายสัญญจรทั่วกรุง แจกใบปลิวล้มระบอบอำมาตยาธิปไตย
ที่ สะพานชมัยมรุเชษฐ์ ทำเนียบรัฐบาล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช . แถลงข่าวยืนยันการชุมนุมของคนเสื้อแดงยังคงปักหลักอยู่รอบทำเนียบรัฐบาล เพราะเตรียมการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 8 เม.ย.นี้ ซึ่งถือว่าเป็นการวางเดิมพันระหว่างระบอบประชาธิปไตย และอำมตยาธิปไตย จึงเรียกร้องให้คนทุกสีเสื้อทั้งประเทศใช้ เวลา 3-4 วันนี้ ตัดสินใจว่าประเทศควรปกครองด้วยระบอบใด ซึ่งกลุ่มเสื้อแดงมีจุดยืนที่จะให้มีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหา กษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยก่อนที่จะถึงการชุมนุมใหญ่ กลุ่มเสื้อแดงจะสัญจรไปยังชุมชน อาทิ ย่านสีลม เยาวราช จตุจักร พร้อมแจกใบปลิวรณรงค์การร่วมชุมนุมโค่นล้มระบอบอำมาตยิปไตย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำใบปลิว หากดำเนินการเสร็จก็สามรถเริ่มการชุมนุมสัญจรได้ตั้งแต่วันหยุดสุดสัปดาห์ นี้ โดยระหว่างนี้จะไม่มีการดาวกระจายไปยังสถานที่ราชการ เนื่องจากติดวันหยุด
ไม่หวั่นแม้ถูกสกัดรถบัส - รถตู้ ไม่ให้คนเสื้อแดงเข้าชุมนุมใหญ่ เชื่อคนนันแสนร่วมชุมนุม
นาย ณัฐวุฒิ ยังกล่าวถึงรูปแบบการชุมนุมใหญ่วันที่ 8 เม.ย.นี้ ว่าการชุมนุมจะปักหลักอยู่ที่ทำเนียบฯมีเวทีปราศรัยใหญ่ ซึ่งจะมีผู้ชุมนุมต่างจังหวัดเดินทางมาสมทบจำนวนหลักแสนคน โดยจะมีแกนนำต่างจงหวัดเป็นผู้นำมา ซึ่งแม้ขณะนี้จะมีความพยายามกดดันผู้ประกอบการรถบัส และรถตู้ เพื่อสกัดกั้นกลุ่มเสื้อแดงในการจัดหารถบัส และรถตู้เพื่อนำคนมาร่วมชุมนุม แต่ขอท้าทาย นายชวรตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย และ นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคมว่า ไม่สามารถสกัดกั้นกลุ่มคนเสื้อแดงได้ ทั้งนี้ในการชุมนุมใหญ่วันที่ 8 เม.ย. เราจะไม่เรียกว่าม้วนเดียวจบ ซึ่งหากการชุมนุมยังไม่สามารถยุติบทบาทอำมาตยธิปไตยได้ เราก็จะชุมนุมต่อไปวันที่ 9 และ 10 เม.ย. ซึ่งสถานการณ์จะเป็นตัวกำหนดแผนการชุมนุม แต่ยืนยันว่าการชุมนุมเราไม่ต้องการให้เกิดการเสียเลือดเสียเนื้อ เราจะชุมนุมโดยสันติวิธีด้วยมือเปล่า ปราศจากอาวุธ และขอย้ำว่าจะไม่มีการบุกยึดสถานที่ราชการ ส่วนที่มีการประเมินแนวทางการยื่นฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ ขณะนี้ยืนยันว่าแกนนำยังไม่ได้มีการหารือเรื่องนี้แต่อย่างใด
วันเคลื่อน “ทักษิณ” จะวีดีโอลิ้งค์ให้กำลังใจ ไม่ใช่เป็นการสั่งการเพื่อเคลื่อนขบวน
เมื่อ ถามว่า การชุมนุมจะมี ส.ส.เพื่อไทยมาร่วมหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ส.ส. นักการเมืองถือเป็นผู้แทนประชาชน หาก ส.ส. เห็นด้วยกับการโค่นล้มระบอบอำมาตยธิปไตย แล้วจะออกมาร่วมชุมนุมเคลื่อนไหว ก็ไม่ใช่เรื่องน่าอับอาย ที่ต้องปิดบัง เช่นเดียวกับ 111 อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่จะมีมาร่วมด้วย
สำหรับการวีดีโอ ลิงค์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ระหว่างการเคลื่อนขบบวนชุมนุมนั้น ก็อาจจะมีในลักษณะการพูดให้กำลังใจ ไม่ใช่การสั่งการเคลื่อนขบวน เนื่องจากการชุมนุมจะมีคนจำนวนมากหลายแสนคน ดังนั้นผู้นำหลักในการสั่งเคลื่อนขบวนคงเป็นหน้าที่ของแกนนำ นปช. ที่จะเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนการวีดีลิงค์ พ.ต.ท.ทักษิณ จะมองไม่เห็นภาพที่เกิดขึ้นในการชุมนุม
"เหวง"ปลุกระดมเสื้อแดง 8เม.ย.นี้
นพ. เหวง โตจิราการ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ขึ้นเวทีปราศรัยที่เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ กล่าวว่า ขอให้ประชาชนมาร่วมชุมนุมใหญ่ในวันที่ 8 เมษายนนี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพื่อร่วมกันโค่นล้มระบอบอำมาตยาธิปไตย ที่ยังมีบทบาทสำคัญต่อการเมืองไทยในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นอุปสรรคสำคัญ ที่ขัดขวางการพัฒนาประชาธิปไตย ทำให้ประเทศไทยไม่มีประชาธิปไตยเต็มใบ แม้จะเปลี่ยนแปลงการปกครองมาตั้งแต่ปี 2475
มั่นใจม็อบเสื้อแดงชนะ 8 เม.ย.คนร่วม 4 แสน
นาย สุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ช่วงก่อนวันสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 8-9 เมษายนี้ จะได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน ตามข้อเรียกร้องให้มีการยุบสภาและเลือกตั้งใหม่ เพราะการต่อสู้ครั้งนี้เป็นการต่อสู้โดยประชาชน ที่เรียกร้องประชาธิปไตย คาดว่าในวันดังกล่าวจะมีประชาชนเข้าร่วมชุมนุมไม่ต่ำกว่า 3-4แสน คน
นาย สุรพงษ์ กล่าวว่า แนวคิดการให้ผู้มีบารมีเข้ามาไกล่เกลี่ยปัญหาความขัดแย้งภายในประเทศ ตามที่นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ระบุนั้น เป็นเพียงข่าวลือ รวมทั้งกรณีของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่จะเจรจากับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เนื่องจากที่ผ่านมา นายสุเทพไม่เคยติดต่อขอเจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณ แม้แต่ครั้งเดียว
นายสุ รพงษ์ กล่าวต่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่เคยคิดล้มล้างสถาบัน ตามที่มีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองออกมาเปิดเผย และพ.ต.ท.ทักษิณก็ไม่เคยเดินทางไปเจรจากับอดีตเอกอัครราชทูต ที่ประเทศในยุโรป เพื่อหาทางออกของปัญหา เนื่องจากการต่อสู้ของ พ.ต.ท.ทักษิณ อาจพ่ายแพ้ ตามที่พรรคประชาธิปัตย์ออกมาระบุ
แดงเชียงใหม่รวมพล-ตามไล่"มาร์ค"
ที่ จ.เชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ระดมคนเสื้อแดง จ.เชียงใหม่และใกล้เคียง เพื่อไปรอรับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่จะเดินทางมาปฏิบัติภารกิจที่ จ.เชียงใหม่ โดยบรรยากาศที่โรงแรมแกรนด์วโรรส อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ขณะนี้มีการระดมคนผ่านสถานีวิทยุชุมชนให้ชาวเสื้อแดงออกมาชุมนุมกันมากๆ เพื่อขับไล่นายกรัฐมนตรีที่สนามบินเชียงใหม่
ขณะที่กลุ่มเสื้อแดง นำโดยนายเพชรวรรต วัฒนพงษ์สิริกุล เรียกระดมคนทางวิทยุชุมชนให้มารวมกันที่ด้านหน้าโรงแรมวโรรส แกรนด์ พาเลซ โดยจะเคลื่อนขบวนไปที่ท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ เพื่อแสดงจุดยืนต่อต้านนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายเพชรวรรต กล่าวว่า กลุ่มเสื้อแดงได้แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งจะไปรวมตัวที่ท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ อีกกลุ่มหนึ่งจะไปรวมตัวที่ทางขึ้นดอยอ่างขางทุกเส้นทาง
นอกจากนี้ นายเพชรวรรต กล่าวอีกว่า วันที่ 8 เมษายนนี้ กลุ่มเสื้อแดงจะแสดงพลังครั้งใหญ่ ทั้งที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดต่างๆ โดยได้กล่าวว่า เป็นความลับที่พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจะกลับประเทศ
ตร.กว่า500นาย รปภ.นายกฯเข้ม
ที่ กองบิน 41 เชียงใหม่ และสนามบินนานาชาติเชียงใหม่ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 500 นาย พร้อมอุปกรณ์กระบองและโล่ เพื่อเตรียมรักษาความสงบเรียบร้อยเพื่อเตรียมการต้อนรับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและคณะ ที่จะเดินทางมาปฏิบัติราชการที่สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ โดยจะเดินทางโดยเครื่องบินถึงท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ในบ่ายวันนี้ แล้วจะนั่งเฮลิคอปเตอร์ต่อไปยังอำเภอฝาง
ตั้งเป้า ชุมนุมใหญ่ มากว่า 3 แสนคน พร้อมเรียกร้องให้ข้าราชการ พนักงานลางานมาชุมนุม และต้องปิดบัญชีให้ได้
สำหรับ การชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดงในวันที่ 8 เม.ย. นายจตุพรกล่าวว่า ตั้งเป้าไว้ต้องมากันเกิน 3 แสนคน แต่วันนี้อยากถาม “นก” ส.ส.หญิงเมืองสระบุรี ของพรรคประชาธิปัตย์ ว่าเข้าไปเกี่ยวข้องกับการปิดถนนเข้ากรุงเทพ 3 จุด คือ ถนนพหลโยธิน ถนนมิตรภาพ และถนนบ้านนา-นครนายก หรือไม่ มาอ้างว่ามีปัญหาการคัดค้านเรื่องโรงขยะมาบังหน้า มีการทยอยแจกเสื้อสีเขียวและเสื้อสีฟ้า คนในรัฐบาลเข้าไปยุ่ง ไปทำโง่ๆ ให้เห็นเองแต่ความจริงต้องการสกัดกั้นการมาร่วมชุมนุมของประชาชนภาคเหนือ อีสาน และกลางหรือไม่ วันนี้เราจะส่งคนไปเจรจาก่อน ถ้าวันที่ 8 เม.ย. เห็นคนของพรรคประชาธิปัตย์ไปขวางถนน คนเสื้อแดงแต่ละพื้นที่ที่ติดอยู่บนรถจะเดินลงมาแหวกด่าน รัฐบาลไม่สามารถเอามือมาปิดแผ่นฟ้าได้ วันที่ 8 เม.ย.จะประชิดมากขึ้น หลายอย่างเป็นจุดประชิด ขอให้ประชาชน ข้าราชการ และพนักงานบริษัท ใช้สิทธิการลางานมาร่วมชุมนุมเพื่อโค่นล้มอำนาจอำมาตยาธิปไตย ขอแรง มาร่วมเสียสละ จะได้ไม่ต้องเหนื่อยหลายครั้ง ขอปิดบัญชีให้ได้ คิดว่าวันที่ 8-9-10 เม.ย.จะปิดบัญชีได้ รู้ว่าออกหัวหรือก้อย แต่ถ้าไม่ได้ก็จะสู้ต่อไป
“นังจวน” เย้ย! 8 เม.ย.แค่ระดมคน เตือน “เด็กของตัว” อย่าตกหลุมพราง แนะ! “เด็กมาร์ค” ต้องเอาเรื่องคนพวกนี้ในวันข้างหน้า!
ที่มา thaifreenews
โดย : NEWS
นที่ 4 เม.ย.2552 นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการที่พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี วีดีโอลิงก์จาบจ้วงสถาบันองคมนตรีว่า ที่ผ่านมามีการจาบจ้วงมานานแล้ว ทั้งซีดี ใบปลิวที่แจกจ่ายไปยังภาคอีสาน แต่เที่ยวนี้ชัดเจนคือพ.ต.ท.ทักษิณออกโรงเอง แต่ขอยืนยันว่าประธานองคมนตรี และพล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี มีความจงรักภักดีต่อสถาบัน จึงอยากให้กำลังใจรัฐบาลในการแก้ปัญหา เพราะไม่ใช่เรื่องง่าย
ส่วนที่มีการเสนอให้คนกลางที่มีบารมีมาไกล่ เกลี่ยนั้น ตนได้ยินข่าวแล้วนึกไม่ออกว่าเป็นใครที่มีบารมีและอยู่ต่างประเทศ เคยพูดเล่นกับคนรอบข้างว่า จะเป็นนาย จอร์จ ดับเบิลยูบุช อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ หรือนาย บารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐ
“ผม คิดว่าแนวทางที่ดีที่สุดคือรัฐบาลจะต้องยึดหลักกฎหมาย โดยเหตุการณ์ในวันที่ 8 เม.ย. ก็เป็นแค่การระดมคนมา ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็พูดชัดว่าหากมีความรุนแรงจะต้องดำเนินการตามกฎหมาย ถือเป็นเรื่องที่ถูกต้อง รัฐบาลอย่าตกหลุมในการสร้างสถานการณ์ความรุนแรงเพื่อให้เกิดการปะทะกัน แต่ถ้าเกิดความรุนแรง ใครเป็นผู้ก่อเหตุรัฐบาลจะต้องเอาเรื่อง วันนี้เอาเรื่องไม่ได้เพราะมีคนมาก ก็ต้องเก็บหลักฐานเอาไว้เอาเรื่องในวันข้างหน้า ทั้งนี้ขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน เพราะถือว่าเห็นใจเนื่องจากจะต้องอยู่กับความเครียดและกดดัน” นายชวนกล่าวและว่าทางออกในขณะนี้คือรัฐบาลต้องยึดกฎหมายเป็นหลัก
หยั่งรู้ฟ้าดิน
ที่มา thaifreenews
โดย : Albatross
หยั่งรู้ฟ้าดิน
โดย : Albatross วันเสาร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2552
ยุทธศาสตร์
ครั้งหนึ่งซุนซูได้กำหนดกลยุทธ์เพื่อกำชัยชนะเสมือนหนึ่งว่าสามารถหยั่งรู้ฟ้าดินได้ ซุนซูรู้ว่าฝนจะตกที่ไหน หมอกจะหนาอย่างไร น้ำจะขึ้นแค่ไหนได้อย่างน่าอัศจรรย์ แต่แท้ที่จริงแล้วการหยั่งรู้เช่นนั้นเป็นเพียงความรอบรู้ทางสถิติเท่านั้นไม่ได้น่าอัศจรรย์แต่อย่างใด สิ่งที่น่าทึ่งกว่าการหยั่งรู้ดังกล่าวนี้คือความชาญฉลาดของซุนซูที่สามารถช่วงชิงเอาสภาวะแวดล้อมของสงครามที่คาดเดาได้ยากมาประยุกต์ใช้ให้ฝ่ายตนได้เปรียบจนได้ชัยชนะ ชัยชนะของซุนซูไม่ได้เกิดขึ้นจากกลยุทธ์เดี่ยวๆเพียงหนึ่งกลยุทธ์ หากแต่มันได้เกิดขึ้นจากกลยุทธ์พร้อมพรึบทุกครั้ง
ในสนามรบเต็มไปด้วยหมอกควันและความเสียดทานมากมาย การผลีผลามเดินหมากลงไปในสมรภูมิจึงมักเป็นการเปิดโอกาสให้ข้าศึกได้เปรียบทุกครั้งไป เหมือนเมื่อครั้งพระนเรศวรผลีผลามไสช้างเข้าสู่วงล้อมของกษัตริย์พม่าเพราะคิดว่ากำลังได้เปรียบอย่างยิ่งในฝุ่นดินที่กำลังฟุ้งกระจาย เมื่อฝุ่นดินจางลงจึงได้รู้ว่าเสียจังหวะสงครามไปเสียแล้ว การเสียจังหวะสงครามในครั้งนั้นของพระนเรศวรเป็นเพียงสิ่งที่กษัตริย์พม่าอยากให้เกิดขึ้นแต่ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้น ตัวการแท้จริงที่ทำให้พระนเรศวรเสียจังหวะสงครามนั้นคือตัวพระนเรศวรเอง โดยมีสภาวะแวดล้อมของสงครามเป็นตัวกระตุ้น แต่เหตุการณ์ก็พลิกผันด้วยชัยชนะของพระนเรศวรเพราะเหตุแห่งความเสียดทานของสงครามที่แฝงอยู่(ปมด้อยกษัตริย์พม่า) ความเสียดทานของสงครามบางครั้งจึงเป็นจุดเปลี่ยนของสงครามได้ต้องรู้จังหวะและมีไหวพริบช่วงชิงโอกาสเป็น จึงจะสามารถใช้ความเสียดทานของสงครามให้กลายเป็นประโยชน์ได้เพราะปกติแล้วความเสียดทานของสงครามคือศัตรูของชัยชนะ
ฝ่ายอำมาตย์กำลังเล่นบทพระนเรศวรก่อนถึงช่วงชนช้าง โดยมีความลับที่กำลังถูกเปิดโปงเป็นตัวกระตุ้น ในขณะที่ฝ่ายประชาธิปไตยได้เปรียบโดยไม่ได้ทำอะไรเพราะการกระทำของฝ่ายตรงข้ามเอง ชัยชนะของฝ่ายประชาธิปไตยอยู่เพียงแค่เหยียดยื่นมือออกไปรับจากมืออำมาตย์ที่สำคัญผิดยื่นให้เท่านั้น แต่คนรับต้องเป็นเพียงทหารเลวปลายแถวไม่ใช่แม้เพียงยศหัวหมู่ ยุทธวิธีในตอนนี้ของฝ่ายประชาธิปไตยที่เหมาะสมเพียงส่งพลนำสารเดินออกไปหยิบโอกาสที่อำมาตย์ยื่นให้ใส่กระเป๋าเก็บไว้แล้วรอเวลาเหมาะสมประกาศชัยชนะ(ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาประกาศ) เหล่าบรรดาแม่ทัพ ขุนศึก ให้นิ่งไว้ห้ามเล่นบทชนช้างโดยเด็ดขาดเพราะจะทำให้เกิดจุดเปลี่ยนของสงครามขึ้น ผลของจุดเปลี่ยนคือความพ่ายแพ้ของฝ่ายประชาธิปไตยอย่างเบ็ดเสร็จ การกลับมาเริ่มสู้ใหม่ของฝ่ายประชาธิปไตยต้องรอออกไปอีกถึง 10 ปี
ยุทธการ
ชัยชนะในสงครามสามก๊ก, สงคราม 6 วันของอิสราเอล หรือแม้แต่สงครามพายุทะเลทรายล้วนได้มาจากผลสำเร็จโดยรวมของหลายๆสมรภูมิที่เดินหมากพร้อมพรึบในเวลาเดียวกัน จุดแข็งของฝ่ายประชาธิปไตยคือจำนวนที่มากกว่ามหาศาล การรวมพลเพื่อส่งลงสมรภูมิย่อยอย่างพร้อมพรึบจึงเป็นยุทธการที่เหมาะสม ส่วนยุทธวิธีรวมพลมีมากมายก็แล้วแต่จะทำได้ อาวุธของฝ่ายประชาธิปไตยคือเครือข่ายการสื่อสารไม่ใช่อาวุธสงคราม จุดเปลี่ยนของสงครามคือข่ายการสื่อสารถูกทำลาย
สงครามใหญ่หัวใจอยู่ที่การส่งบำรุง(Support) ในที่นี้หมายถึงข้อมูลข่าวสาร (Information) การอ่อนด้อยการส่งกำลังจะทำให้ทุกยุทธบริเวณต้องหยุดชะงักและเกิดผลเสียหายมากมายที่เกินกว่าจะคาดหมายได้หมดว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างเพราะในแต่ละยุทธบริเวณล้วนมีหมอกควันไม่เหมือนกัน ฉะนั้นอย่าให้การส่งบำรุงขาดตอนโดยเด็ดขาด การส่งบำรุงกับกลยุทธ์เป็นของคู่กันไม่อาจแยกออกจากกันได้ เมื่อใดการส่งบำรุงเดินตามกลยุทธ์เมื่อนั้นคือสิ่งบอกเหตุถึงเค้าลางความพ่ายแพ้
ยุทธวิธี
ตามแต่จะทำกัน
พวกองคมนตรีที่ออกมาเมาท์กันนี่เลอะเทอะทั้งนั้น
ที่มา thaifreenews
บทความ โดย Bugbunny
ช่วงนี้เราจะเห็นพวกองคมนตรีและลิ่วล้อจำนวนหนึ่งออกมาแสดงความอ่อนด้อยทางปัญญาและเป็นทาสทางความคิดของ ASTV สู่สาธารณชนกันเป็นแถว ๆ อย่างพลเอกพิจิตร กุลละวณิชย์ มล.ปนัดดา ดิสกุล นายอำพน เสนาณรงค์ ฯลฯ ถ้าจะให้วิเคราะห์ก็คือ คนเหล่านี้ต่างตระหนกตกใจกับการที่ประชาชนเริ่มวิพากษ์วิจารณ์องค์กรนี้กันอย่างจริงจัง หลังจากยกไว้บนหิ้ง ขี้เกียจยุ่งกับคนแก่ของประเทศพวกนี้กันนัก เพราะคุ้นเคยกับคณะองคมนตรีแบบอาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ ที่ท่านวางตัวดีและอยู่ในกฎเกณฑ์มาโดยตลอด ไม่เคยออกมาแสดงความเห็นทางการเมือง ไม่ว่าจะด้วยคำพูดหรือการกระทำ อย่างมากก็ไปเป็นตัวแทนพระองค์ในงานสำคัญต่าง ๆ ปฏิเสธไม่ขอให้ความเห็นใด ๆ ทางการเมืองเนื่องจากถือว่าไม่ใช่กิจขององคมนตรีที่บัญญัติไว้ในกฎหมาย
แต่องคมนตรียุคนี้ เช่น พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ พลเอกสุรยุทธ จุลานนท์ หรือคนที่จะเป็นในเวลาต่อมาอย่าง นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ กลับกลายเป็นกลุ่มองคมนตรีที่เข้าเกี่ยวข้องกับการเมืองและถูกเปิดโปงกันอย่างล่อนจ้อน เช่น ปลุกปั่นทหาร วิจารณ์รัฐบาล ประสานกับพวกราชนิกุลปลายอ้อปลายแขมแบบนายปีย์ มาลากุล กระทำการที่หากตีความกันแล้วเข้าข่ายกระทำความผิดทางอาญาข้อหากบฏในราชอาณาจักรและประทุษร้ายต่อร่างกายและชีวิตอย่างชัดเจน
คำกล่าวของพลเอกพิจิตร กุลละวณิชย์ ที่กล่าวหาคุณทักษิณว่าโกงชาติบ้านเมืองนั้น เข้าข่ายผิดกฎหมายอาญาข้อหาหมิ่นประมาท โปรดระมัดระวังปากเวลาพูด เรารู้ว่าคุณจบจากเวสปอยต์ เป็นนักมวยเก่า ฯลฯ แต่เราก็ไม่เคยลืมว่า คุณเคยน้อตหลุดประกาศข่มขู่ประชาชนในยุคหนึ่งมาแล้วว่า ถ้าไม่ยอมทำอย่างที่เห็นว่าสมควร ทหารอาจจะออกมาเอ๊กเซอร์ไซท์ แต่พอโดนสังคมด่าทอก็เงียบหายไปนาน จนทุกวันนี้เราก็ยังเชื่อมั่นว่า แนวความคิดอำนาจนิยมของคุณไม่เปลี่ยนแปลง ยังเชื่อมั่นว่าต้องแก้ปัญหาด้วยการใช้อำนาจ นี่หรือคือคนที่มาเป็นองคมนตรี
หรือ มล.ปนัดดา ดิสกุล โฆษกกระทรวงมหาดไทย ที่ออกมาเชิดชูพลเอกเปรมทางวิทยุทหารจนเลิศลอย อ้างสหประชาชาติว่ายกย่องเป็นนายกรัฐมนตรีดีเด่นของภูมิภาค โปรดแสดงหลักฐานเป็นเอกสารด้วย เพราะเท่าที่จำได้ไม่เคยได้ยินว่าองค์การสหประชาชาติประกาศอะไรอย่างเป็นทางการแบบนั้นเลยสักครั้งเดียว ราชนิกูลหางแถวมักเป็นเช่นนี้ โปรดจำเอาไว้ด้วยว่า รัชกาลที่ 4 เคยทรงมีประกาศของพระองค์เองแพร่หลายทั่วไปว่า “มิให้นับหม่อมราชวงศ์แลหม่อมหลวงว่าเป็นเจ้า”
ส่วนนายอำพนนั้นหนักหน่วงไปอีก ถึงขั้นออกมาบรรยายว่า ผู้ที่ต่อต้านสถาบันนั้นมักมีอันเป็นไป แล้วยกตัวอย่างกรณีกบฏแมนฮัตตันขึ้นมาอ้าง โดยไม่ได้ศึกษาข้อมูลให้ถ้วนถี่เสียก่อน จะเรียกว่าโชว์ความอ่อนด้อยทางปัญญาก็ว่าได้
กบฏแมนฮัตตันนั้นมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องเบื้องสูง เขามีปัญหากับพวกเผด็จการทหารบกและตำรวจต่างหาก จะพูดจะจาอ้างอะไรก็อ่านหนังสือหาข้อมูลให้มันแตกฉานหน่อย แก่จะตายวันตายพรุ่งอยู่แล้ว สงสัยอีกว่าทำไมไม่อ้างกรณีกบฏบวรเดชบ้างล่ะ พวกกบฏครั้งนั้นแสดงอย่างชัดเจนเลยว่าต้องการพิทักษ์ระบอบราชาธิปไตย ยึดอำนาจถวายคืน โปรดไปอ่านข้อเรียกร้องของพวกกบฏ แล้วกบฏครั้งนั้นเป็นอย่างไรบ้าง โดนปล่อยเกาะตะรุเตาไปกี่คน รบกับคณะราษฎรตายไปกี่คน ทหารลูกชาวบ้านตายไปเท่าไหร่ ตาของพลเอกสุรยุทธชื่อ ดิ่น ท่าราบ ก็ตายที่หินลับ โคราช พระองค์เจ้าบวรเดชเองก็ทรงลี้ภัยไปอยู่เขมรและสิ้นพระชนม์ในต่างแดน ทำไมคุณอำพนไม่พูดบ้างล่ะว่าท่านเหล่านี้ต้องมีอันเป็นไปแทบทุกรายบ้าง นี่คือลักษณะขั้นต้นของพวกเฒ่าทารกที่พอพวกเดียวกันโดนเปิดหน้ากากว่าล้วนแต่เป็นไอ้กากกันทั้งนั้นก็เรียงหน้าออกมาปกป้องกันใหญ่ ทำไมไม่ถามองคมนตรีบางท่านที่ไม่เอาเปรมบ้างล่ะว่าเขาสมน้ำหน้าพวกเปรมสุรยุทธกันแค่ไหนที่ต้องโดนด่าทอทั่วประเทศ เพราะบังอาจแอบอ้างเอาพระบารมีมาแสวงหาอำนาจ รวมทั้งอำนวยให้แก่พวกที่ออกมาแก้ตัวแบบพวกคุณด้วย
องคมนตรีไม่ใช่เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินนะครับ ประชาชนวิจารณ์ได้ กฎหมายพิทักษ์องคมนตรีห้ามวิจารณ์นั้นยังไม่ได้ออกมา อย่าสำคัญตนผิดกันให้มากนัก
สารคดี ชีวิต "ทักษิณ" ในต่างแดน
ที่มา thaifreenews
Thaksin''s life in exile : Master Full
สารคดี ชีวิต "ทักษิณ" ในต่างแดน : ต้นฉบับที่ D Station นำไปออกอากาศ
อำมาตย์แก้เกมรายวันสุดชั่ว ใช้การปะทะกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อเบี่ยงเกมการเมือง
ที่มา Thai E-News
ทีมข่าวไทยอีนิวส์
4 เมษายน 2552
ความชั่วไม่สิ้นสุด เห็นชีวิตทหารและความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านไม่มีคุณค่าเท่ากับสถานภาพอำมาตย์ของตน แหล่งข่าวจากแกนนำเสื้อแดงชี้ว่า เหตุการณ์การปะทะกับเขมรนั้น เกิดขึ้นด้วยความจงใจเพื่อเบี่ยงประเด็นและจุดกระแสชาตินิยม
รายงานจากคุณจักรภพ เพ็ญแข แกนนำคนเสื้อแดง ชี้ว่าเหตุการณ์การปะทะกันระหว่างทหารไทยและทหารประเทศกัมพูชานั้น เกิดขึ้นด้วยความจงใจของฝ่ายไทย
"เราได้รับรายงานว่า กลุ่มต้านประชาธิปไตยในไทย นำโดย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ได้มีความพยายามในอันที่จะก่อปัญหาความมั่นคงทางชายแดนกับประเทศกัมพูชา โดยจงใจปฏิบัติการอย่างต่อเนื่องโดยใช้กำลังสนับสนุนจากกองทัพภาคที่ 2 ความตั้งใจหลักของการดำเนินการดังกล่าวเชื่อว่า เพื่อที่จะเบี่ยงเบนประเด็นจากปัญหาทางการเมืองที่ฝ่ายตนกำลังเผชิญอย่างหนักหน่วง และ/หรือ ความพยายามในการที่จะก่อกระแสชาตินิยมในคนไทยด้วยกันเอง ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่กลุ่มศักดินาอำมาตยาธิปไตยในไทยชอบที่จะใช้"
"อย่างไรก็ดี ในการปฏิบัติการดังกล่าวในคราวนี้ ได้มีความพยายามในการดึง พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย โดยป้ายสีว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้นำจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งปรากฏชัดจากการดำเนินการโพรพาแกนด้าของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ซึ่งถูกเรียกตัวกลับมารับงานนี้ โดยได้ดำเนินการดังกล่าวด้วยความกระตือรือล้น" คุณจักรภพ เพ็ญแข แกนนำคนเสื้อแดงกล่าวผ่านทางอีเมล์ภาษาอังกฤษที่ส่งถึงเราวันนี้
ปรากฏชัดในเว็บผู้จัดการ ปล่อยข่าวปั่นหัวสาวกและคนไทย
ในขณะเดียวกัน ความเคลื่อนไหวของเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ กระบอกเสียงของกลุ่มพันธมิตรฯ ได้ปรากฏข่าวซึ่งมีทิศทางสอดคล้องกับคำชี้แจงจากแกนนำคนเสื้อแดง โดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้ออกมากล่าวผ่านรายการ “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ถ่ายทอดสดทางเอเอสทีวี ช่วงเวลา 20.30-22.00 น. เมื่อวานนี้ โดยกล่าวหาอย่างเลื่อนลอยว่าคุณทักษิณ กำลังพำนักอยู่ที่บ้านสมเด็จฮุนเซ็น ในกรุงพนมเปญ และใช้จิตวิทยาที่ตนเองชำนาญในการชักจูงให้สาวกเสื้อเหลืองของตนเข้าใจไปว่า เหตุปะทะที่ชายแดน มีความเกี่ยวเนื่องกับคุณทักษิณ
"ขอฝากถามไปยังกรุงพนมเปญ ที่ท่านนายกฯ สมเด็จเดโช ฮุนเซน อยู่ จะฝากเรียนถามท่านในฐานะสื่อมวลชนคนหนึ่ง ขอถามท่านว่า จริงหรือไม่ว่าขณะนี้ นช.ทักษิณ ชินวัตร พำนักอยู่ที่บ้านท่านฮุนเซน ณ กรุงพนมเปญ ถ้าจริง กระทรวงการต่างประเทศกำลังทำจดหมายโดยด่วนไปหาท่าน เพื่อขอให้ท่านส่งผู้ร้ายข้ามแดนตามที่มีสนธิสัญญากัน นอกจากนั้นแล้ว อยากจะกราบเรียนถามท่านอีกว่า ข่าวว่า เมื่อเช้านี้ นช.ทักษิณ มาถึงกรุงพนมเปญ เวลา 11.00 น.และมีข่าวว่า มีคนให้เงินท่านประมาณ 20 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อเอาเงินนั้นมาซื้ออาวุธ ไม่ทราบว่า ท่านนายกฯ สมเด็จเดโชฮุน เซน จะว่าอย่างไร"(อ่านเพิ่ม: เว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์)
"และอาวุธที่ซื้อนั้น ทราบมาว่า ไม่ทราบว่าจริงหรือไม่ ส่วนหนึ่งจะถูกลักลอบข้ามชายแดนไทยตรงพรมแดน เพื่อมามอบให้กลุ่มคนบางกลุ่ม เอาเข้ามาปฏิบัติการในประเทศไทย เพื่อก่อให้เกิดเหตุการณ์นองเลือดขึ้นมา ไม่ทราบว่า สมเด็จเดโช ฮุนเซน ท่านทราบเรื่องนี้หรือไม่"
รอยเตอร์ตีพิมพ์ภาพตลาดเขมรวอดวาย ชี้ทหารไทยโจมตี
เว็บไซต์เขมรตีพิมพ์ภาพจากสำนักข่าวรอยเตอร์ แสดงให้เห็นถึงความเสียหายของตลาดสดฝั่งกัมพูชาซึ่งเกิดขึ้นจากน้ำมือของทหารไทยวันนี้
ภาพนายทหารกัมพูชานายหนึ่งกำลังตักน้ำขึ้นดื่มในบริเวณตลาดที่ถูกเผาใกล้กับวัดฮินดูโบราณแห่งหนึ่งที่ซึ่งทหารไทยและกัมพูชาได้ยิงปืนและระเบิดเข้าใส่กัน ในจังหวัดเขาพระวิหาร, 543 ก.ม. ทางตอนเหนือของกรุงพนมเปญ เมื่อวันที่ 4 เม.ย. 09 นายกฯกัมพูชา สมเด็จฮุนเซ็นได้กล่าววันนี้ว่า การต่อสู้กันที่ชายแดนกับประเทศไทยในบริเวณวัดฮินดูโบราณจะไม่ยกระดับไปสู่ความขัดแย้งที่รุนแรงไปกว่านี้ ภาพโดยรอยเตอร์/Chor Sokunthea
ทหารกันพูชากำลังตรวจสอบบริเวณตลาดที่ถูกเพลิงไหม้ใกล้วัดฮินดูโบราณที่ซึ่งทหารไทยและกัมพูชาได้ยิงต่อสู้กันในจังหวัดเขาพระวิหาร 543 ก.ม. ทางตอนเหนือของพนมเปญ เมื่อวันที่ 4 เม.ย. 2009 ภาพโดยรอยเตอร์/Chor Sokunthea
ขนมต้มชี้ อำมาตย์กำลังวางแผนขวาพิฆาตซ้ายยุคใหม่
ที่มา Thai E-News
โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
การปลุกขวาพิฆาตซ้ายยุคใหม่ของกลุ่มอำมาตย์ ยิ่งแสดงให้เห็นว่าที่เขาพูดนั้นเป็นเรื่องจริง
ว่าจะไม่ตั้งกระทู้ ก็อดไม่ได้ ที่จะออกความเห็นหน่อย เพราะสืบทราบข่าวมาว่า กลุ่มอำมาตย์ได้ไปปลุกระดมให้ผู้คนออกมาต่อต้านการเดินขบวนของเสื้อแดง โดยใช้เหตุผลเดียวกันกับสมัย 6 ตุลา 19 ก็คือ การล้มล้างสถาบัน
ขบวนการของคนกลุ่มนี้ จะเริ่มจากการเดินสายให้ข่าวของบรรดานายทหารลูกป๋า และองคมนตรีบางคน โดยเริ่มโหมข่าวว่า ทักษิณต้องการล้มสถาบัน และให้ "ฆ่ามัน พวกเสื้อแดง"
ผมเห็นชื่อ พล.อ.สายหยุด, พล.อ.พิจิตร ออกมาเคลื่อนไหวล่าสุด ก็เลยทำให้รู้ว่า พวกอำมาตย์กำลังมีแผนให้คนไทยฆ่ากันเองโดยจะมีการตั้งกลุ่มเหมือนกลุ่มกระทิงแดง, หรือ กลุ่มนวพล เช่นในอดีต กลุ่มนี้จะไม่เอาคนเยอะมาก แต่จะมีอาวุธครบมือ ในการโจมตีคนเสื้อแดง
ผมจึงอยากฝากบอกคนที่ำกำัลังคิดที่จะทำและวางแผนกันอยู่ว่า ตั้งสติให้ดีว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ การข่าวของพวกท่าน ท่านรู้มั้ย คนไทยมันมีหูีมีตา ในกลุ่มองคมนตรีก็ยังมีคนดีๆเหลืออยู่ไม่น้อย ในกลุ่มของทหาร ก็ยังมีทหารประชาธิปไตยไม่น้อย ฉะนั้นอย่าได้คิดว่า อำนาจของพวกท่านจะมีอย่างล้นเหลือ ที่จะบงการให้คนไทยมาฆ่ากันเหมือนในอดีต
พูดง่ายๆก็คือ คนไทยรู้ทันพวกอำมาตย์แล้ว เลยทำให้พวกเขาทนไม่ไหว
นอกจากนี้คุณขนมต้มยังได้ตั้งข้อสังเกตถึงอำนาจอันมหาศาลของกลุ่มองคมนตรี ที่น่าจะมาจากการวางแผนไว้อย่างแยบยลของหัวหน้าอำมาตย์ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ที่ได้จัดการฉีกรธน.40 และเขียน รธน.50 ขึ้นมาใหม่จากสมุนของเขา
กลุ่มองคมนตรีชุดนี้ หากจะว่าไป ตามรัฐธรรมนูญ ปี 50 มีอำนาจล้นฟ้าที่จะใช้กฎมณเฑียรบาลในการพระราชพิธีสืบสันติวงศ์ และการตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ด้วย
จึงเป็นที่น่าคลางแคลงใจว่า การล้มรัฐธรรมนูญปี 40 แล้วมาเขียนรัฐธรรมนูญ 50 อย่างลวกๆโดยเพิ่มอำนาจองคมนตรีไปแบบนี้ มีอะไรซ่อนอยู่หรือไม่!?
บทความที่เกี่ยวข้อง
Thai E-news: ความสัมพันธ์ของประวัติศาสตร์สองสมัย 16-19 vs 49-52 (11 ก.พ.52)
เว็บบอร์ดประชาไท: 6ตุลา คืนชีพ!!ผู้จัดการ ออนไลน์ สวมบท นสพ.ดาวสยาม ปลุกระดมกระแสหมิ่น ชี้เสื้อแดงคือขบวนการล้มเจ้า (4 เม.ย.52)
เว็บบอร์ดประชาไท: สนธิ ลิ้มทองกุลคิดจะสถาปนา พลเอกเปรม เป็นราชวงศ์ ประกอบกับ รัฐธรรมนูญ 2550 เรื่องผู้สำเร็จราชการ (4 เม.ย.52)
ว่าด้วยระบอบอำมาตย์....ระบอบทักษิณ
ที่มา Thai E-News
โดย คุณ กาเหว่า
ที่มา เวบไซต์ สยามรัฐ
4 มีนาคม 2552
การต่อสู้ทางการเมืองในประเทศไทย ณ วันนี้ ได้กระโดดข้ามพรมแดนของคำว่า ประธิปไตยแบบไทยๆ และกระโดดข้ามพรมแดนของการปฏิวัติยึดอำนาจแบบไทยๆ ขึ้นสู่ระดับการเผชิญหน้า เพื่อล้มล้างซึ่งกันและกันอย่างโจ่งครึ้ม ระหว่าง ระบอบอำมาตย์ ซึ่งนำหัวขบวนโดยพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ กับ ระบอบทักษิณ ซึ่งมี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นหัวขบวน หลังจากแอบเล่นซ่อนหาและปริศนาอักษรไขว้กันมาหลายปี
การปกครองในระบบอำมาตย์ หรือระบอบอำมาตยาธิปไตยสำหรับคนรุ่นหลัง เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ง่าย เนื่องจากมีบัญญัติไว้ในตำราเรียนวิชารัฐศาสตร์ และวิชาการเมืองการปกครองไทย สำหรับชั้นปริญญาตรีทุกสาขามานานแล้ว และทราบว่า ตอนหลังมีการบรรจุไว้ในตำราเรียนของเด็กนักเรียนชั้นมัธยมกันแล้วด้วย
ถ้าจะตอบเพียงให้ทำข้อสอบได้ ก็ต้องตอบว่า เป็นระบอบการปกครอง ที่อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร อำนาจตุลาการ เป็นของพวกขุนนางข้าราชการเพียงฝ่ายเดียว ส่วนประชาชน ถือว่าเป็นผู้ถูกปกครอง และผู้รับการสงเคราะห์ ย่อมไม่มีสิทธิ์มีเสียงใดๆ ทั้งสิ้น
แต่ถ้าตอบด้วยประวัติศาสตร์แล้ว ระบอบอำมาตยาธิปไตย พัฒนามาจากพวกเหล่าขุนนางข้าราชการ ที่ได้รับพระราชทานอำนาจการบริหารราชการแผ่นดิน ต่างพระเนตรพระกัณณ์แทนพระมหากษัตริย์ แล้วก็เหลิงแก่อำนาจ ใช้อำนาจเกินขอบเขตที่ได้รับพระราชทาน ข่มเหงรังแกรีดนาทาเร้นเอากับประชาชน จนได้รับความเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า
ประวัติศาสตร์สอนเรามานับพันปี แม้ว่าคนพวกนี้ จะถวายสัตย์สาบานต่อคมหอกคมดาบครั้งแล้วครั้งเล่า ก็พ่ายแพ้ต่อลาภยศสรรเสริญ ผลประโยชน์โพดโพย และแม้แต่อีหนูที่อยู่ตรงเฉพาะหน้า คนที่จะเติบโตขึ้นได้ในระบอบนี้ได้ ก็ด้วยการอุปถัมภ์ค้ำจุนของผู้มีอำนาจที่เหนือกว่า ซึ่งนั่นก็ต้องแลกมาด้วยการส่งส่วยทรัพย์สินเงินทองและผู้หญิง
ในยามที่ผลประโยชน์ของเหล่าขุนนางอำมาตย์ทั้งหลายลงตัวกัน บ้านเมืองก็จะดูเหมือนมีแต่ความสงบเรียบร้อย ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข แต่เมื่อใดที่ผลประโยชน์ภายในของพวกเขาไม่ลงตัว เกิดการช่วงชิงอำนาจซึ่งกันและกัน คนที่เดือดร้อนก็คือ พระมหากษัตริย์และประชาชน เพราะจะถูกบีบบังคับและกวาดต้อนให้มาขึ้นกับฝ่ายตนเอง
และเมื่อขุนนางกลุ่มหนึ่งสามัคคีกันมาก มีกำลังเข้มแข็ง ก็มักจะยึดอำนาจนั้นจากพระมหากษัตริย์ มาเป็นของตนเสียเอง ถ้าเป็นเมื่อหลายร้อยปีก่อน ก็จะบริหารราชการในนามพระมหากษัตริย์ พวกเขาจำเป็นจำต้องอำพราง เพราะเห็นว่า ประชาชนยังเคารพศรัทธาพระมหากษัตริย์อยู่มาก แต่แท้จริงแล้ว อำนาจการตัดสินใจ และดำเนินการต่างๆ เป็นของพวกขุนนางอำมาตย์อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
แต่ต่อมาในระยะหลังที่เริ่มมีคำว่าประชาธิปไตย คนพวกนี้ก็มักจะยึดอำนาจจากพระมหากษัตริย์กันซึ่งๆ หน้า โดยอ้างว่า เป็นความต้องการของประชาชน และอัญเชิญให้เป็นพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ ทรงอยู่เหนือการเมืองการปกครองใดๆ แยกพระมหากษัตริย์ออกจากประชาชน เพื่อขุนนางอำมาตย์พวกนี้จะได้อำนาจปกครองนั้นเป็นของตัวเอง อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
เพราะฉะนั้นคำว่า “ประชาธิปไตย” ซึ่งอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร อำนาจตุลาการ เป็นของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน ตามปรัชญาประชาธิปไตยที่แท้จริง จึงไม่มีวันเกิดขึ้นในระบอบที่ปกครองโดยพวกขุนนางอำมาตย์
เพราะแม้แต่อำนาจที่เป็นของพระมหากษัตริย์อยู่เดิม และประชาชนให้ความเชื่อมั่นศรัทธามายาวนานนับพันปี ยังถูกคนพวกนี้ปล้นจี้เอาไปได้ ประสาอะไรกับประชาชนตาดำๆ ซึ่งไม่มีทางต่อสู้ พวกนี้จะไม่คิดฉกชิงวิ่งราวเอาซึ่งๆ หน้า
ส่วนการปกครองในระบอบทักษิณ เพิ่งมีบัญญัติขึ้นใหม่ โดยขบวนการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ก่อนการปฏิวัติยึดอำนาจ เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ได้ไม่นาน และข้อเท็จจริงได้ถูกเปิดเผยออกมาอย่างเป็นขั้นเป็นตอนด้วยว่า บัญญัติขึ้นมาเพื่อโค่นล้มรัฐบาลของพรรคไทยรักไทย ซึ่งนำโดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จึงยังไม่ได้ถูกบรรจุไว้ในตำราเรียน เหมือนอย่างระบอบอำมาตยาธิปไตย จึงยากที่จะเข้าใจได้ว่าระบอบทักษิณนั้นเป็นอย่างไร
แต่ไม่ว่าจะเรียกระบอบอะไรก็ตาม ประชาชนคนรากหญ้าในหมู่บ้านตามชนบท และคนขับรถแท็กซี่หาเช้ากินค่ำตามสลัมในเมือง ต่างซาบซึ้งดี ก็คือสิทธิและผลประโยชน์ที่เขาได้รับ จากการเสียเวลาออกไปหย่อนบัตรเลือกตั้งนั้น มันมีค่ามหาศาล มีผลโดยตรงต่อความเป็นอยู่ สุขภาพอนามัย การประกอบอาชีพ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ความปลอดภัยจากยาเสพติด และมีโอกาสสร้างเนื้อสร้างตัวทางเศรษฐกิจมากกว่าครั้งไหนๆ ที่เขาเคยเลือกตั้งมา
ไม่รวมนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมาชั่วชีวิต อย่างกลุ่มคนเดือนตุลา กลุ่มปัญญาชนนักคิดนักเขียน กลุ่มกวีและนักประพันธ์ ตลอดจนพ่อค้าแม่ขาย และคนชั้นกลางในกรุเทพฯ ที่ตัดสินใจขึ้นเวทีคนเสื้อแดงมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะนี้
จนถึงวันนี้ คนชื่อทักษิณ ชินวัตร จึงเป็นเพียงทางผ่านทางหนึ่งของการต่อสู้ฝ่ายประชาธิปไตย เท่านั้นเอง
และเช่นเดียวกันกับคนชื่อ เปรม ติณสูลานนท์ ก็เป็นเพียงทางผ่านทางหนึ่ง ของการต่อสู้ฝ่ายอมาตยาธิปไตยเท่านั้นเอง
ข้อเสนอเพื่อหนุนช่วยสุวิชา ท่าค้อ
ที่มา Thai E-News
โดย สมุดบันทึกสีแดง
4 เมษายน 2552
*อ่านข่าวเกี่ยวเนื่อง
-หลอกให้สารภาพแลกปล่อยตัว สุดท้ายคุก10ปีสุวิชาคดีหมิ่นฯ
-ปากคำใต้บัลลังก์พิพากษา "สุวิชา"
-ปิยะบุตร แสงกนกกุล กรณีสุวิชา จำเป็นอย่างยิ่งต้องรณรงค์ขอ "พระราชทานอภัยโทษ" อย่างกว้างขวาง
ข้อเสนอเพื่อหนุนช่วยคุณสุวิชา ท่าค้อ
1.ช่วยกันประณามการตัดสินกรณี ของคุณสุวิชา ท้าค้อ ในรูปแบบต่างๆ เช่น ส่งจดหมายร้องเรียน และเรียกร้องให้เปิดเผยรูปภาพ ข้อความที่คุณสุวิชา ท่าค้อ ได้โพส เพื่อให้ประชาชนมีร่วมตัดสิน เราต้องเรียกร้องให้นำระบบลูกขุนมาให้แทนระบบระยุติธรรมในประเทศไทย
2.เรียกร้องให้มีการยกเลิกกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
3.ให้กำลังใจครอบครัวของสุวิชา ท่าค้อ ในทุกรูปแบบ
4.ปกป้องและรณรงค์ช่วยคนที่ถูกข้อกล่าวนี้ ไม่ว่าจะเป็นคนที่อยู่ในคุกหรือคนที่กำลังอยู่ในกระบวนการของศาล ให้พ้นผิดหมดทุกข้อกล่าวหาอย่างไม่มีข้อยกเว้น เพราะพลเมืองทุกคนมีสิทธิเสรีภาพที่จะคิดและตั้งคำถาม หากสถาบันกษัตริย์ดีจริงและมีคนรักจริงๆ กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพก็ไม่มีความจำเป็นแต่อย่างได
เห็นข่าวการตัดสินของศาลเกี่ยวกับ กรณี ของคุณ สุวิชา ท่าค้อ แล้วรู้สึกโกรธ ชิงชังกับสภาพสังคมที่เป็นอยู่ แค่ความคิดของคนที่อยากตั้งคำถามกับสังคมที่เขาอาศัยอยู่ แค่เขาถามหาความจริง เขาถูกพรากชีวิตไปร่วม 11 ปี
ไม่เพียงแค่เขาคนเดียว แต่หมายรวมถึงครอบครัว ลูก เมีย อนาคตการเติบโตขึ้นอย่างมีคุณภาพการเข้าเรียนในโรงเรียนดีๆ ถูกคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้าบดขยี้อย่างไม่เหลือชิ้นดี เพียงแค่ให้ตัวเองอยู่ในอำนาจต่อไป
คนที่ตัดสินหัวใจมันคงดำเปื้อนเน่าสนิท มันคงเป็นประเภทที่เห็นคนตายแล้วยิ้มหัวเราะด้วยความชอบใจโดยไม่รู้สึกรู้สาอะไร ถ้าเป็นแบบนั้นโครงสร้างของสังคมไอ้ที่มีอำนาจในร่างมนุษย์นี่มัน คือ คนหรือปีศาจ กันแน่ และเราอยากจะอยู่กับสังคมปีศาจสกปรก หรือ สังคมนุษย์อารยะ ที่มนุษย์มีความเท่าเทียมกัน
อย่างไรก็ดีในโลกนี้มันมีระบบยุติธรรมอยู่สองชนิดคือ ชนิดแรกที่เราเห็นอยู่ในประเทศไทย ที่คนส่วนน้อยได้กำหนดกติกาของระบบยุติธรรมขึ้นมา ปรัชญาของความยุติธรรมที่ใช้อยู่คือเพื่อปกป้องคนกลุ่มน้อยหรือกาฝากของสังคม ชนิดที่สองคือความยุติธรรมที่คนส่วนใหญ่ของประเทศเป็นคนที่ตั้งขึ้นมา เช่น การปฏิวัติฝรั่งเศสที่มีปรัชญา
กรณีคุณสุวิชา ท่าค้อ ทำให้มีคำถามเกิดขึ้นว่า ท่ามกลางขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยมีนักการเมืองที่เป็นแกนนำชอบอ้างความจงรักภักดีต่อกษัตริย์ และชอบเหมารวมว่า ประชาชนคนไทยทุกคนจงรักภักดี? เหตุการณ์นี้มันชวนให้คิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่มีความจำเป็น และปกป้องระบบอันป่าเถื่อนไปโดยปริยาย ซึ่งมันถึงเวลาแล้วถ้านักการเมืองเหล่านี้ถ้ามีหัวใจรักประชาชนจริงๆ เหมือนที่เปล่งเสียงออกมา ก็ไม่ควรจะยืนอยู่บนคราบน้ำตาแห่งความทุกข์ ไม่ควรจะปิดหูปิดตา ไม่รับรู้ว่าขณะนี้มีประชาชนถูกคุมขังเพราะมีความคิดต่างตามหลักประชาธิปไตย
ถึงเวลาจะเปลี่ยนจุดยืนยืดอกประกาศว่า ประเทศไทยไม่ควรมีกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เพื่อแสดงความรักและความเห็นใจต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเป็นอันดับแรก
ความงี่เง่าอีกอันหนึ่งพวกเราไม่ควรลืมก็คือพนักงานสอบสวน จะพยายามกล่อมให้คนรับผิดทั้งๆที่เขาไม่ได้ทำความผิด พวกนี้รู้ว่าคนธรรมดาคนจนมีจุดอ่อนอยู่ที่เรื่องของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะครอบครัวของคนที่มีคนหารายได้เข้าครอบครัวเพียงคนเดียว เช่น กรณีของคุณสุวิชา ท่าค้อ หรือ ป้าบุญยืน ทั้งสองคนถูกกล่อมให้รับผิดเพื่อโทษหนักจะได้กลายเป็นโทษเบา จะได้พ้นผิด และจะได้กลับไปหาเลี้ยงลูกเลี้ยงเมียเลี้ยงครอบครัวเหมือเดิม
ข้อกล่าวหาว่า กระทำความผิดโดยการโพสต์รูปและข้อความลงบนอินเตอร์เน็ต นั้นก็ไม่ได้มีพิสูจน์อย่างโปร่งใสว่ามันคือรูปอะไรกันแน่ ปล่อยให้พวกผู้พิพากษาเพียงไม่กี่คนตัดสิน อาจไม่เข้าใจระบบความเป็นธรรม แน่นอนนอกจากกีดกันคนธรรมดาไม่ให้เข้าถึงความยุติธรรม ในกรณี “รูป” ที่เผยแพร่ถ้าเป็น “รูป” ที่คนดูแล้วติดเชื้อโรคทำให้ตายภายใน 24 ชั่วโมงก็มีเหตุผลที่เข้าจับกุมเพราะมันมีผลกระทบต่อคนอื่น
แต่ถ้าเป็นรูปภาพความระยำของคนมีอำนาจก็เป็นเรื่องที่ต้องตรวจสอบตามคำแนะนำของผู้มีอำนาจในสังคมไทยที่หิวความโปร่งใส และโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นบุคคลที่บังคับให้คนอื่นแสดงความเคารพก็ไม่น่าจะมีความผิดแต่อย่างใด หนำซ้ำควรเพิ่มอำนาจให้มีการตรวจสอบเพิ่มมากขึ้นต่างหาก
ถ้าคนเรามีความเท่าเทียมและใช้ศีลธรรมชุดเดียวกัน มันก็คงไม่มีปัญหา แต่มันเกิดปัญหาขึ้นมาเพราะคนส่วนน้อยมันกำหนดกรอบศีลธรรม ความดีงามขึ้นมาแล้วตัวมันเองทำไม่ได้ มันอยากให้คนอื่นทำตามกฎต่างหาก ในหนังเรื่อง The Reader มีฉากหนึ่งที่นำเอาการ์ดของนาซีมาขึ้นศาลเพื่อหาเหตุในการทำผิดและลงโทษ คนเป็นจำนวนมากโกรธแค้น แต่นักเรียนกฎหมายคนหนึ่งแสดงความโกรธแค้นว่า ถ้ามีปืนจะยิงการ์ดนาซีที่อยู่ในศาลทิ้งเสียเพื่อลงโทษที่เธอมีส่วนร่วมในพฤติกรรมอันป่าเถื่อนนั้น
แต่อีกคำถามหนึ่งเค้าถามว่าคนที่อยู่ในช่วงเหตุการณ์ในยุคนั้น ทำไมไม่ทำอะไร ปล่อยให้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร เราปล่อยให้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร ภาระนี้ไม่ได้อยู่ที่คนหนึ่งคนใด แต่มันเป็นความรับผิดชอบของพวกเราทุกคนที่จะออกมาบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
“มนุษย์” แง่การเป็นสมาชิกของสังคมไม่มีใครที่สมบูรณ์แบบ มนุษย์ต้องเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ผ่านการตั้งคำถามและแสดงความเห็นว่าชอบหรือเห็นต่าง ในเรื่องของมาตรฐานทางสังคมที่มันเกี่ยวข้องกับตนเองหรือพวกเรา การตั้งคำถามถือเป็นสิทธิพื้นฐาน หากสังคมใดไม่มีการตั้งคำถามจะเป็นสังคมที่โง่เขลาและป่าเถื่อน คนที่ได้รับความป่าเถื่อนมากที่สุดคือ ประชาชนคนธรรมดานั่นเอง เหมือนที่เราๆเห็นอยู่ในประเทศไทยขณะนี้
ข้อเสนอเพื่อหนุนช่วยคุณสุวิชา ท่าค้อ
1.ช่วยกันประณามการตัดสินกรณี ของคุณสุวิชา ท้าค้อ ในรูปแบบต่างๆ เช่น ส่งจดหมายร้องเรียน และเรียกร้องให้เปิดเผยรูปภาพ ข้อความที่คุณสุวิชา ท่าค้อ ได้โพส เพื่อให้ประชาชนมีร่วมตัดสิน เราต้องเรียกร้องให้นำระบบลูกขุนมาให้แทนระบบระยุติธรรมในประเทศไทย
2.เรียกร้องให้มีการยกเลิกกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
3.ให้กำลังใจครอบครัวของสุวิชา ท่าค้อ ในทุกรูปแบบ
4.ปกป้องและรณรงค์ช่วยคนที่ถูกข้อกล่าวนี้ ไม่ว่าจะเป็นคนที่อยู่ในคุกหรือคนที่กำลังอยู่ในกระบวนการของศาล ให้พ้นผิดหมดทุกข้อกล่าวหาอย่างไม่มีข้อยกเว้น เพราะพลเมืองทุกคนมีสิทธิเสรีภาพที่จะคิดและตั้งคำถาม หากสถาบันกษัตริย์ดีจริงและมีคนรักจริงๆ กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพก็ไม่มีความจำเป็นแต่อย่างได
รังเกียจพวกอภิสิทธิชนคนกาฝาก เคารพในศักดิศรีความเป็นมนุษย์ที่เท่ากันของคน
"ทักษิณ"เสียงแข็ง"ไม่เจรจา" คุยสร้างประวัติศาสตร์8เม.ย.ยิ่งใหญ่กว่า14ตุลาฯ โละทิ้งสภา-องค์กรอิสระ
ที่มา มติชนออนไลน์
"ทักษิณ" วิดีโอลิ้งก์ ถึงกลุ่มเสื้อแดง ปัดข่าวลือ "ถูกจับ--บินไปเขมร" เสียงแข็ง"ผมไม่เจรจา" เรียกชุมนุมใหญ่สร้างประวัติศาสตร์ 8 เม.ย. ในกทม. และศาลากลางจังหวัด ดัน 4 ข้อ นำรัฐธรรมนูญปีมาใช้ ยุบสภาฯให้เลือกตั้งส.ส.-ส.ว.ใหม่ ส่วนองค์กรอิสระอยู่ชั่วคราวหลังเลือกตั้งคัดสรรใหม่ คืนสิทธินักการเมืองที่ถูกแบนทั้งหมด
คลิกVDO ... "บิ๊กเสือ"คำราม "ทักษิณ"ล่วงล้ำพระราชอำนาจหรือไม่ "ทำบุญในวัดพระแก้ว-กระซิบข้างหู" คลิกVDO ... ทักษิณวิดีโอลิงก์ 3เม.ย. (1) เสียงแข็ง"ไม่เจรจา" ดันโละทิ้งสภา-องค์กรอิสระ คลิกVDO ... ทักษิณวิดีโอลิงก์ 3เม.ย. (2) เสียงแข็ง"ไม่เจรจา" ดันโละทิ้งสภา-องค์กรอิสระ ------------------------- พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โฟนอินผ่านระบบวิดีโอลิงก์สื่อสารกับมวลชนเสื้อแดง เมื่อเวลา 20.15 น. วันที่ 3 เมษายน โดยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ พิธีกร กล่าวกับ พ.ต.ท.ทักษิณว่า หายไป 2 วัน มีข่าวลือมากมายว่า นายกฯถูกจับ เสียชีวิต ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า ข่าวลือโดยเฉพาะเรื่องการเสียชีวิตถือเป็นการต่ออายุ อายุจะได้ยืน ที่หายไป 2 วันก็อยากฟังดูว่ามีข่าวอะไรบ้าง มีใครออกมาพูดอย่างไร วันก่อน ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัติ หรือ "หมวดเจี๊ยบ" ได้ส่งหนังสือ "ทักษิณ Are you OK?" พร้อมซีดีมาให้ดูแล้ว โดยเฉพาะในส่วนที่เสื้อแดงพูดถึงตนเองทำให้น้ำตาซึม มันมีค่าทางใจมาก
พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า "วันนี้การข่าวทหารแย่ เขาบอกว่ามีการข่าวจากทูตทหารที่กัมพูชาว่า เครื่องบินผมร่อนลงที่พนมเปญตอนบ่ายสี่โมงเย็น แล้วมีเอสเอ็มเอสออกไปว่า ผมลงกัมพูชามีการต้อนรับอย่างดี เข้าใจว่าเป็นการปล่อยข่าว เนื่องจากวันนี้มีการปะทะกันที่ชายแดน ขอเสียใจญาติพี่น้องทหารที่ตายไป 2 คน บาดเจ็บนับ 10 คน เขาเดาว่าผมหลบอยู่ที่แถวสตูดิโอหนึ่ง ขอให้สบายใจได้ว่าผมไม่เห็นแก่ตัว ไม่เชิญชวนพี่น้องออกมาสู้เพื่อตัวเองหรอกครับ วันนี้เรื่องมันใหญ่ ผมกล้าเปิดเผยความจริงทั้งๆ ที่ผมให้ความเคารพท่านองคมนตรีทั้งหลาย แต่ว่าท่านแทรกแซงการเมืองมาช้านานจนรับไม่ได้ ก็เลยต้องพูดกัน" พ.ต.ท.ทักษิณกล่าว
อดีตนายกฯกล่าวว่า คำนวณได้ว่าทุก 5 ปี มีรัฐธรรมนูญ 1 ฉบับ เปลี่ยนกติกาทุก 5 ปี นักการเมืองไม่สามารถพัฒนาได้ มีวงจรอุบาทว์การปฏิวัติโดยทหาร รวม 17 ครั้ง สำเร็จ 10 ครั้ง มีการเลือกตั้ง 22 ครั้ง แสดงว่าเลือกตั้งทุก 2 ครั้ง ปฏิวัติหนหนึ่ง แล้วประเทศจะอยู่อย่างไร เดี๋ยวเปลี่ยนเดี๋ยวเปลี่ยน แต่ที่น่าสนใจมี 2 ครั้งในประวัติศาสตร์คือ 14 ตุลา 2516 และ 17 พฤษภาคม 2535 เป็นการปฏิวัติโดยประชาชน "ไม่รู้ว่า 8 เมษายนนี้ จะใช่ด้วยหรือเปล่าการที่เรามีเลือกตั้ง 2 ครั้ง ปฏิวัติครั้งหนึ่ง เราจึงมีแต่นักการเมืองประเภทเอาการเมืองไว้ทำมาหากิน นักการเมืองที่มีอุดมการณ์พร้อมเสียสละอยู่ไม่ค่อยได้ ถามว่าประเทศจะไปไหวไหม" พ.ต.ท.ทักษิณกล่าว
พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวเรียกร้อง ย้ำให้ทุกฝ่ายมาร่วมชุมนุมใหญ่ ในวันที่ 8 เมษายนนี้ เพื่อแสดงให้รู้ว่า พลังมากกว่าวันที่ 14 ตุลาคม 2516 และวันที่ 17 พฤษภาคม 2535 ส่วนที่มาไม่ได้ ให้ชุมนุมหน้าศาลากลางจังหวัด เพื่อแสดงให้เห็นว่า ต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยไปสู่อนาคตที่ดีกว่า
"วันที่ 8 เมษายน เราต้องการประชาธิปไตยที่แท้จริง เราขอรัฐธรรมนูญ ปี 2540 ฉบับประชาชนกลับคืนมา มีข้อบกพร่องก็แก้ไขได้ เพื่อแก้ปัญหาของชาติ เราต้องการให้ยุบสภา ทั้งส.ส. และ ส.ว. ให้เลือกตั้งใหม่ตามรัฐธรรมนูญ 2540 เลิก ส.ว.แต่งตั้ง องค์กรอิสระที่ไม่อิสระอย่างแท้จริง ให้รักษาการไปก่อนจนได้ ส.ส. และ ส.ว.แล้วค่อยมาคัดสรรใหม่ คืนสิทธิให้นักการเมืองที่ถูกแบนเสีย ผมเรียกร้องผู้อยากเห็นการเปลี่ยนแปลง เห็นบ้านเมืองมั่งคั่งขอเชิญชวนมาร่วมกัน 8,9,10 เตรียมมาเลยครับ ถ้าเราเข้มแข็งพอ เราไม่ต้องไปทำร้ายใคร เราต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงมาร่วมกับเรา เราต้องการแสดงพลังเรียกร้องประชาธิปไตยบริสุทธิ์ พวกเราไม่ใช่พวกเกเร เราไม่ได้มีอาวุธ ไม่มีคนแอบแฝงอยู่ข้างใน เราอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงในประวัติศาสตร์ว่า เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เพื่อนำสู่อนาคตที่ดีมาสู่บ้านเมือง" พ.ต.ท.ทักษิณกล่าว
พ.ต.ท.ทักษิณกล่าว "วันนี้ อาจจะพูดไม่สนุกเพราะอินเตอร์เน็ตล่มแล้วล่มอีก และเหมือนเป็นการพูดสื่อสารทางเดียว ไม่ได้เห็นกัน แต่อีกไม่นานคงเห็นหน้ากัน สื่อสารสองทางกันมากกว่านี้ ขอบอกว่าไม่ต้องห่วงผม ผมยังมีชีวิต ผมไม่ถูกจับหรอกไม่ต้องห่วง ไม่มีใครจับหรอก และผมไม่เจรจา เพราะวันนี้เป็นเรื่องของชาติ ไม่ใช่เรื่องของผม ผมไม่มีอำนาจไปเจรจา ใครที่บอกว่าจะเจรจากับผมนั้นบอกได้แค่ว่ามีแต่ราคาคุย ข้อเท็จจริงคือผมกำลังต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่แท้จริง และเพื่อแก้ปัญหาให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดไม่ให้เกิดปัญหาอีก ขอเชิญชวนทุกคนออกมาร่วมกัน ไม่จำเป็นต้องมาอยู่หน้าเวที แต่ขอให้ออกมาเต็มลานพระบรมรูปทรงม้า และถนนราชดำเนิน เพื่อต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่แท้จริง"
เรื่องของสองมาตรฐาน
ที่มา ข่าวสด
คอลัมน์ เหล็กใน
แกนนำม็อบเสื้อแดงชอบบ่นกันเรื่อย ว่าเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติสองมาตรฐาน
ทำกับม็อบเสื้อเหลืองแบบหนึ่ง ม็อบเสื้อแดงอีกแบบหนึ่ง
นั่นอาจเป็นความจริงบางส่วน
ความจริงแล้ว มาตรฐานการจัดการม็อบ
จะมีมาตรฐานเดียวหรือสองมาตรฐาน ขึ้นกับสถานการณ์แต่ละวัน
รัฐบาล ทหาร ตำรวจ ต้องวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วน
ยืดหยุ่นปรับเปลี่ยนได้ ไม่ใช่ทื่อๆ เถรตรง
เช่นเดียวกับฝ่ายม็อบเอง แม้ประกาศว่าจะยึดแนวทางเดียวกับที่ม็อบเสื้อเหลืองเคยทำ
เหมือนต้องการจะดูว่า แล้วฝ่ายรัฐจะมีปฏิกิริยาแบบเดียวกับม็อบเสื้อเหลืองหรือเปล่า?
แต่เอาเข้าจริงแล้ว ก็ไม่อาจลอกแบบได้เหมือนเป๊ะทุกอย่าง
ล้วนต้องมีความยืดหยุ่น พร้อมจะปรับตามสถานการณ์เช่นเดียวกัน
ขณะที่ประชาชนคนส่วนใหญ่ของประเทศที่เป็นกลาง ก็คงไม่อยากเห็นอะไรที่ "มาตรฐานเดียว"
ไม่อยากเห็นม็อบเสื้อแดง บุกเข้าไปทำนาในทำเนียบรัฐบาล
ขณะเดียวกัน ก็ไม่อยากเห็นเหตุการณ์แขนขาขาด
เหตุการณ์สมัยม็อบเสื้อเหลืองอาละวาด เป็นบทเรียนของรัฐบาล (ที่เปลี่ยนขั้วแล้ว)
รวมทั้งฝ่ายกองกำลังทหาร-ตำรวจ
การแก้โจทย์การเมืองการม็อบ มันไม่มีสูตรสำเร็จ หรือจะเอาชนะได้ง่ายดาย
มีปืน มีกระบอง มีแก๊สน้ำตา ก็ไม่ได้แปลว่าจะชนะ
ฝ่ายผู้ชุมนุมเอง ถึงจะเกณฑ์คนมาเป็นแสนๆ ก็ไม่ใช่ว่าองคมนตรี หรือรัฐบาลประชาธิปัตย์จะต้องพ่ายแพ้หนีไป
แต่ไม่ว่าจะเป็นม็อบสมัยไหน สิ่งที่ใครก็ประเมินได้ง่ายๆ อย่างหนึ่ง
คือ ทุกม็อบต้องการให้เกิดความรุนแรงด้วยกันทั้งนั้น
อยากเห็นความรุนแรงในลักษณะทหาร-ตำรวจใช้กำลังปราบปรามประชาชน
เพราะถ้าเกิดเหตุแบบนี้เมื่อไร ก็แปลว่าสถานการณ์จะบานปลายเมื่อนั้น
เป็นคำตอบว่าทำไมม็อบเสื้อเหลืองต้องยึดทำเนียบ ยึดสนามบิน และปิดล้อมรัฐสภา
ตามยุทธศาสตร์ที่ว่าหากมีผู้ชุมนุมเสียชีวิต อำนาจรัฐจะเพลี่ยงพล้ำทันที
ขณะที่ตอนนี้ม็อบเสื้อแดงก็ระดมคน หวังเผด็จศึกก่อนสงกรานต์
นัดชุมนุมใหญ่วันที่ 8 เม.ย. แล้วเดินขบวนบุกบ้านสี่เสาเทเวศร์
หากให้คาดเดาการแก้ลำจากฝ่ายดูแลความมั่นคงละก็
พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ คงไม่อยู่ในบ้านรอม็อบ
จะได้ไม่ต้องระดมทหารมาตั้งแถวชนกับม็อบ ให้มีคนบาดเจ็บล้มตาย
จากนั้นก็ขึ้นกับแกนนำม็อบเสื้อแดงแล้ว หากฝ่ายรัฐบาลอภิสิทธิ์ ไม่ยอมใช้มาตรฐานเดียวกับรัฐบาลสมชาย
ไม่สั่งการให้ใช้กำลังเข้าปราบปราม
แล้วม็อบเสื้อแดงจะดำเนินการขั้นต่อไปอย่างไร?
การไม่ตกหลุมพรางใช้ความรุนแรง ก็ดูดีอยู่
แต่การตีกรรเชียงไม่ทำอะไรสักอย่าง
รัฐบาลกับทหาร ก็ดูจะเสียรังวัดเช่นเดียวกัน?
แดนสนธยา
ที่มา เดลินิวส์
เห็นคุยคำโตว่า จะทำให้ช่อง 11 เป็นสถานีโทรทัศน์ของทุกคน เป็นกลาง โปร่งใส ปราศจากการแทรกแซงของนักการเมือง เลยตั้งหน้าตั้งตารอดู
เมื่อ ฯพณฯ สาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีคุมสื่อ ประกาศเจต จำนงแน่วแน่ ใครไม่เชียร์ก็บ้าสิ
แล้วก็มีการลดรายการข่าว จาก 9 ชั่วโมง เหลือ 7 ชั่วโมงครึ่ง พร้อมโลโก้ใหม่ ฉากใหม่ ผู้ประกาศใหม่ แทนมือเก๋าอย่าง ตวงพร อัศววิไล จอม เพชรประดับ จิรายุ ห่วงทรัพย์
ที่ตอนนี้เห็นว่าหันไปเอาดีเป็นนักการเมืองให้รู้แล้วรู้รอด ทีมประกาศข่าวใหม่ ฝึกกันได้ ก็ว่ากันไป
แต่ 1 เมษายน ที่กู่ก้องจะเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ นอกจากไม่เป็นดั่งปากว่า ยังเป็นแดนสนธยาหนักกว่าเก่า
ไปว่ารัฐบาลก่อน ครอบงำข่าว แต่ขอโทษเถอะ ดูไพรม์ไทม์ 3-4 รายการ ของใหม่ เริ่มจาก รายการแรก เห็นหน้า ท่าน สาทิตย์ (ปชป.) โผล่มาโม้ ถึงการปรับโฉมช่อง 11 จ๋อย ๆ
ตามด้วยรายการ ทุก(ข์) คำถาม มีคำตอบ มี ถนอม อ่อนเกตุผล อดีตผู้สมัคร กทม.ปชป. โผล่เป็นผู้จัด
ดีกว่านั้น รายการอะไรไม่รู้ เชิญ “ฯพณฯ” จ้อน อลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ บังเอิญเป็น ปชป. (อีกแล้ว) มาโฆษณาผลงานกระทรวงตัวเองเป็นฉาก ๆ
ตกลงเป็นทีวีแห่งชาติ หรือ ทีวีแห่งประชาธิปัตย์ กันแน่ มีแต่คนปชป.ยึดจอเต็มไปหมดเลย
นี่ยังไม่นับที่มีข่าวการปูนบำเหน็จ แบ่งเค้กให้ ดร.จอ กับ ค่ายสื่อ ที่ช่วยปูทางปฏิวัติอีกนะ
ส่วนที่บอก จะเป็นกลางอย่างเคร่งครัด ช่อง 11 แทบไม่มีข่าวม็อบเสื้อแดงเลย มีข่าวว่า มีคำสั่งลับห้ามเสนอข่าวม็อบเสื้อแดงเด็ดขาด แถมบิ๊กข้าราชการ ก็ชเลียร์ดีแท้
ไม่ให้ช่างกล้องใช้ไวด์แองเกิ้ลที่ถ่ายให้เห็นคนแยะ ๆ มาออก ให้เอามุมที่คนหร็อมแหร็มแทน เพราะกลัวท่านรัฐมนตรีแสลงใจ
อะไรไม่ว่า ที่บอกจะให้ ช่อง 11 เป็นสถานีข่าวดี แปลว่าอะไรไม่รู้ ที่ครูบาอาจารย์ทางสื่อมวลชนสอนกันมาแทบหัวผุ มีแต่บอก ต้องเสนอข้อเท็จจริงให้ประชาชนรู้ ไม่มีทฤษฎีไหนสอนให้เสนอแต่ข่าวดีเลย
แต่ถ้าบอก ต้องเสนอข่าวโฆษณาชวนเชื่อแต่เรื่องดี ๆ ของพวกตัวเอง เพื่อหาเสียง ก็อีกเรื่อง
ที่จริงถ้าไม่กระแดะ รับตรง ๆ ช่องรัฐบาล ก็เสนอข่าวรัฐบาล ทุกรัฐบาลเหมือนกันแหละ นักข่าวช่องนี้ ก็เป็นข้าราชการ ไม่สนองนโยบายรัฐบาล จะไปสนองใคร ก็ยอมรับกันได้
แต่เมื่อยกตนเหนือผู้อื่น ก็ต้องเปิดใจกว้าง ไม่ใช่ใจแคบ บ้าอำนาจ ยิ่งกว่าเค้าอีกแล้ว จะให้ชื่นชมได้ไงเล่า
เหมือนที่จ้องปิดสถานีวิทยุชุมชน หรือ ดีทีวี ของคนเสื้อแดง อยู่ทุกวัน (แต่ของเสื้อเหลือง เปิดได้ตามสบาย) รวมทั้งสั่งตัดสัญญาณวิดีโอลิงก์ ของ ทักษิณ อ้างเหตุ ป่วนเมือง
ทั้งที่เป็นการ ปิดหู ปิดตา ประชาชน มากกว่า ดีชั่ว ให้ประชาชนตัดสินเองสิ ระวังเถอะ ยิ่งปิดมากเท่าไหร่ คนจะยิ่งแห่แหนมาทำเนียบฯ เพื่อไล่รัฐบาลชุดนี้มากเท่านั้น
ยุคนี้ ประชาชน ไม่ได้กินแกลบหรอกนะ จะได้ปิดหู ปิดตา กันอยู่ร่ำไป.
ดาวประการพรึก
ประธานวุฒิฯปิดชื่อคนกลางยุติศึก
ที่มา ไทยรัฐ
เมื่อวันที่ 3 เม.ย. ที่รัฐสภา นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ถึงคนกลางที่นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎรระบุว่า จะเข้ามาไกล่เกลี่ยปัญหาการเมืองว่า ขณะนี้ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองมีความเป็นห่วงในสถานการณ์การเมือง และไม่ได้นิ่งนอนใจ เท่าที่ทราบขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่ โดยได้ประสานกับคนกลางที่จะทำหน้าที่ดังกล่าวแล้ว โดยคนกลางคนนี้เป็นผู้ที่จะมาทำหน้าที่ไกล่เกลี่ย ซึ่งบุคคลคนนี้ทั้ง 2 ฝ่ายให้ความเคารพและเชื่อถือ เชื่อว่าคงเจรจากันได้ เพราะสิ่งใดที่จะทำให้ บ้านเมืองสงบทุกคนก็ต้องการ แต่ตนคงบอกไม่ได้ว่าเป็นใคร และเรื่องแบบนี้คงจะพูดรายละเอียดไม่ได้ อย่างไร ก็ตาม การเจรจาไกล่เกลี่ยปัญหาจะเกิดขึ้นก่อนวันที่ 8 เม.ย.นี้ เมื่อถามว่า ได้หารือกับนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่ นายประสพสุขตอบว่า ยังไม่ได้คุยกัน “ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองก็มีความเป็นห่วงสถานการณ์ ในขณะนี้ พยายามทำกันอยู่ จะเรียบร้อยก่อนวันสงกรานต์ เพราะได้มีการประสานกันเป็นภายในแล้ว”
“เทือก” พร้อมเจรจา “ทักษิณ”
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 10.30 น. ที่กองบัญชาการกองทัพบก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงว่า การชุมนุมของประชาชน รัฐบาลก็เคารพสิทธิของประชาชน แต่ผู้ชุมนุมต้องเคารพสิทธิของผู้อื่นด้วย และไม่ทำผิดกฎหมาย เมื่อถามว่าการที่โฆษกส่วนตัว พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ไม่เชื่อว่านายสุเทพร้อมจะเจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณ นายสุเทพตอบว่า เรื่องนี้ไม่เป็นปัญหาเพราะรู้จัก พ.ต.ท.ทักษิณดี และ พ.ต.ท.ทักษิณก็รู้จักตน ส่วนลูกน้อง พ.ต.ท.ทักษิณจะเชื่อหรือไม่ เป็นเรื่องปกติก็วิจารณ์กันไป ขอยืนยันว่าพร้อมจะเจรจาด้วย ส่วนจะให้ไปเจรจากับแกนนำ นปช.ทั้ง 3 คนนั้น คงไม่ได้ เพราะคนที่ตัดสินใจเรื่องนี้คือ พ.ต.ท.ทักษิณ
ปัดเจรจาแกนนำกลุ่ม นปช.
เมื่อถามว่า ทางพรรคประชาธิปัตย์ส่งคนไปเจรจากับกลุ่ม นปช.จริงหรือไม่ นายสุเทพตอบว่า ไม่ได้ส่งคนในพรรคไปเจรจากับแกนนำผู้ชุมนุม ส่วนกรอบและเงื่อนไขการเจรจาคือต้องให้ประเทศชาติปลอดภัย การเจรจาใดๆ ก็ตาม ถ้าทำให้ประเทศชาติและประชาชนปลอดภัยก็ได้ทั้งนั้น เมื่อถามว่าจะให้ พ.ต.ท.ทักษิณต้องพ้นคดีและกลับเข้าสู่การเมืองได้อีกยอมรับได้หรือไม่ นายสุเทพตอบว่า ทั้งหมดต้องเป็นไปตามหลักการของกฎหมาย เมื่อถามว่าหากยังไม่มีการเจรจาและการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 8 เม.ย.นี้รัฐบาลจะทำอย่างไร นายสุเทพตอบว่า รัฐบาลจะยึดหลักการเคารพสิทธิของประชาชน กฎหมาย รัฐบาลไม่ได้คิดว่าผู้ชุมนุมเป็นศัตรู แต่เราเป็นคนไทยเหมือนกัน ไม่มีปัญหา คุยกันได้ แม้ว่าขณะนี้ยังไม่สามารถเข้าทำงานในทำเนียบรัฐบาลได้ แต่ถือว่ารัฐบาลยังทำงานได้ งานไม่สะดุด “ผมมองโลกในแง่ดี ทุกอย่างที่เป็นแนวทางที่ดี ผมหวังทั้งนั้น ฝันทั้งนั้น ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะโฟนอินอีกในวันนี้ ไม่เป็น ปัญหา ประชาชนมีวิจารณญาณตัดสินใจได้ว่าอะไรถูกอะไรผิด” นายสุเทพกล่าว
“เทือก” รับลูกสอบเส้นทางฟอกเงิน
ต่อมาเมื่อเวลา 15.30 น. ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงกรณีที่ พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ องคมนตรี ออกมาแนะนำว่า ให้มีการตรวจสอบเรื่องการฟอกเงินที่เกาะเคย์แมนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า “ผมคิดว่าน่าสนใจ แต่ต้องขอไปดูหน่อย เพราะผมมีความรู้ในเรื่องพรรค์อย่างนี้น้อย แต่น่าสนใจน่าศึกษา” เมื่อถามว่าจะสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดูหรือไม่ นายสุเทพตอบว่า เดี๋ยวลองดู
แนะสอบเส้นทางเงินหนุนม็อบ
วันเดียวกัน ที่พรรคประชาธิปัตย์ นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวถึงสถานการณ์ การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า พรรคประชาธิปัตย์ สนับสนุนความตั้งใจของรัฐบาลในการคลี่คลายสถานการณ์ วิกฤติการเมืองในปัจจุบัน ซึ่งต้องตั้งอยู่บนความไม่ประมาทเพื่อรักษาสถาบันหลักของชาติ โดยเฉพาะสถาบันองคมนตรี นอกจากนี้ รัฐบาลจะต้องเฝ้าระวังการทำงานของเจ้าหน้าที่ ที่มีต่อการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่จะเริ่ม เคลื่อนไหวแบบดาวกระจาย โดยการปิดศาลากลางจังหวัดเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการเผชิญหน้าที่อาจจะเกิดการปะทะได้ ขณะนี้เห็นชัดว่ากลุ่มเสื้อแดงมีความพยายามที่จะยั่วยุเหล่าทัพ และเปลี่ยนรูปแบบโจมตีสถาบันองคมนตรี จากการใช้สื่อเทียมดีสเตชั่น การดำเนินการทุกอย่างหากมี การละเมิดกฎหมาย รัฐบาลควรดำเนินการโดดเด็ดขาด ควร ตรวจสอบขยายผลถึงเส้นทางเงินทุนผ่านผู้อยู่เบื้องหลังด้วย
ปชป.ไม่เอารัฐบาลแห่งชาติ
นพ.บุรณัชย์กล่าวอีกว่า หลังจากที่นายกรัฐมนตรีเดินทางกลับมาจากประเทศอังกฤษแล้ว จะเดินหน้าหาทางออกในการแก้วิกฤติโดยเร่งด่วน เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายในการร่วมหารือกัน พรรคประชาธิปัตย์อยากร้องขอไปยังผู้เกี่ยวข้อง ทั้งกลุ่มผู้ชุมนุม สมาชิกบ้านเลขที่ 111 พรรคเพื่อไทย และตัวแทนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในการรับผิดชอบต่อประเทศร่วมกันด้วยการแสดงท่าทีที่จะหารือร่วมกัน และต้องมีความชัดเจน ที่ผ่านมานายกฯและรัฐบาลพยายามที่จะเจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณ และแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมทุก ช่องทาง แต่กลับได้รับการปฏิเสธมาโดยตลอด แต่รัฐบาลก็ยังยืนยันที่จะเดินหน้าใช้วิธีเจรจาทุกช่องทาง ส่วนข้อเสนอเรื่องการตั้งรัฐบาลแห่งชาตินั้น โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ตามภาวะการเมืองขณะนี้ ไม่น่าจะเป็นทางออกที่จะให้ผู้แทนทุกพรรคการเมืองมาเป็นรัฐบาล แต่เป็นภารกิจของรัฐบาลในการแก้ปัญหา
“พงศ์เทพ” ชี้ “เทือก” ไม่จริงใจ
วันเดียวกัน นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมเจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อหาทางยุติความขัดแย้งในสังคมว่า ขณะนี้ไม่ได้ติดต่อกับ พ.ต.ท. ทักษิณว่ามีความเห็นอย่างไรกับเรื่องดังกล่าว แต่ตนไม่ให้ น้ำหนักในคำพูดของนายสุเทพที่ขอเจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะนายสุเทพเคยพูดเรื่องการขอเจรจามาแล้วครั้งหนึ่งก่อนหน้านี้ ซึ่งในที่สุดก็ไม่มีการติดต่อกับ พ.ต.ท.ทักษิณ จริง แสดงให้เห็นว่าเป็นการพูดเพื่อหวังผลทางการเมือง ที่ต้องการชี้นำและปรักปรำให้สังคมเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้ทำให้เกิดความไม่สงบ เพราะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังและ ชี้นำการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งไม่ใช่ความจริง เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณไม่มีอำนาจไปสั่งการหรือชี้นำคนเสื้อแดงได้ หากนายสุเทพอยากเจรจาก็ควรไปเจรจากับแกนนำคนเสื้อแดง และคุยกับคนที่อยู่เบื้องหลังนายสุเทพ เพราะนายสุเทพไม่ได้อยู่ในฐานะที่สามารถตอบสนองอะไรได้ อย่างไรก็ตาม หากมีคนกลางที่เป็นที่ยอมรับได้ ของสังคมมาช่วยเจรจา ก็เป็นเรื่องดีที่จะช่วยยุติปัญหาความขัดแย้งได้ดีขึ้น
พท.บี้ไกล่เกลี่ยก่อนแดงเดือด
ส่วนความเคลื่อนไหวของพรรคฝ่ายค้าน วันเดียวกัน ที่พรรคเพื่อไทย นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมทีม เศรษฐกิจของพรรคร่วมทีมยุทธศาสตร์ของพรรคว่า ที่ประชุมได้วางกรอบการติดตามการแก้ไขเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยเตรียมติดตามทุกโครงการมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการกู้ เพื่อเสนอแนะและหาทางออกก่อนที่ประเทศจะล่มจม ทั้งจะเดินสายรับฟังปัญหาจากภาคธุรกิจต่างๆ และประชาชนด้วย เพราะไม่เชื่อมั่นว่ารัฐบาลแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ ส่วนกรณีที่นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาฯ ระบุว่าจะมีผู้มีบารมีไกล่เกลี่ยหลังจากเทศกาลสงกรานต์ นั้น เป็นการพูดซี้ซั้ว พูดไปเรื่อย เพื่อต้องการดึงเกมไม่ให้ พลเสื้อแดงเผด็จศึกรัฐบาลได้ในเร็ววัน ถ้าผู้มีบารมีจะออกมาต้องทำเดี๋ยวนี้ ไม่ใช่ปล่อยให้ถึงวันที่ 8 เม.ย. ก่อนถึงทำ แบบนี้ไม่มีผล เชื่อว่าในที่สุดนายกฯจะตัดสินใจยุบสภาฯคืนอำนาจให้กับประชาชน
จ้องสอบที่มาทรัพย์สินองคมนตรี
ด้านนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีกระแสข่าวว่าพรรคเพื่อไทยเตรียมข้อมูลที่จะตรวจสอบที่มาของทรัพย์สินองคมนตรี ว่า ตามหลักการองคมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการเมืองเราต้องตรวจสอบ เพราะอาจมีการใช้อำนาจโดยมิชอบทำให้ได้ทรัพย์สินมา เช่น กรณี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ที่มีชมรมนักกฎหมายประชาภิวัฒน์แห่งประเทศไทย ได้มาร้องต่อ พรรคให้ตรวจสอบการครอบครองที่ดินเขายายเที่ยง จ.นครราชสีมา และได้มีประชาชนส่งจดหมายผ่านตู้ ปณ.222 ของพรรคเป็นจำนวนมากให้ตรวจสอบเรื่องนี้ ส.ส.บางคนจึงตั้งทีมกฎหมายขึ้นมาตรวจสอบ คาดว่าจะได้ความชัดเจนภายในสัปดาห์หน้า