WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Saturday, August 1, 2009

เพื่อไทยล่ารายชื่อ ถอดมาร์ค ล้วงลูกโผตำรวจ

ที่มา ไทยรัฐ
Pic_23486

พรรคเพื่อไทย เตรียมรวบรวมรายชื่อ ส.ส. 1 ใน 4 ยื่นประธานวุฒิสภา ถอดถอน นายกรัฐมนตรี สัปดาห์หน้า แทรกแซงโผตำรวจ โดยนำคดี "สนธิ" มามีเอี่ยว ...

เมื่อเวลาประมาณ 10.40 น. วันนี้ (1 ส.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวกรณีความขัดแย้งระหว่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) สืบเนื่องจากการสอบสวนคดีลอบยิง นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ว่า ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นมีปมเงื่อนจากการที่นายกรัฐมนตรี และคนใกล้ชิดเข้าไปล้วงลูกจัดโผโยกย้ายตำรวจ ทั้งระดับนายพล และ โผตำรวจทั่วประเทศ มีความต้องการจัดสรรในสัดส่วน 70-30 วันนี้ เกิดการเล่นละครบนผลประโยชน์ทางการเมืองมากกกว่าผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชน โดยนำคดีของนายสนธิ เข้ามาเกี่ยวข้อง นายอภิสิทธิ์ กำลังพยายามที่จะจัดวางกำลัง เพื่อเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาล และเพื่อการเลือกตั้งในอนาคตหรือไม่ ความจริงนายกรัฐมนตรี ไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปแทรกแซง กดดัน โผตำรวจที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการตำรวจ (กตร.) มาแล้ว

นายพร้อมพงศ์ กล่าวต่อว่า พรรคเพื่อไทยจะรวบรวมรายชื่อ ส.ส. 1 ใน 4 เพื่อยื่นให้ประธานวุฒิสภา ถอดถอนนายกรัฐมนตรีออกจากตำแหน่งตามมาตรา 271 ในสัปดาห์หน้า พร้อมกันนี้ พรรคเพื่อไทยขอเรียกร้องให้ พล.ต.อ.พัชรวาท คำนึงถึงศักดิ์ศรีตำรวจไทย อย่ายอมให้ฝ่ายการเมืองเข้ามาแทรกแซง กดดันโผทั้งหมดของตำรวจ ขณะเดียวกันขอให้นายอภิสิทธิ์ และคนใกล้ชิด หยุดแทรกแซงกิจการของตำรวจ ขอให้คำนึงถึงประโยชน์ประเทศชาติมากกว่าพวกพ้องตัวเอง

ล่าสุด เมื่อเวลาประมาณ 11.50 น.​ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์​ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท.​อัศวิน ขวัญเมือง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้เข้าพบนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล

เติ้งแนะมาร์ค ถอยคดีสนธิ กระเทือนรัฐ

ที่มา ไทยรัฐ
Pic_23539

ประภัตร โพธสุธน - บรรหาร ศิลปอาชา

อดีตนายกฯบรรหาร แนะ "อภิสิทธิ์" ถอยคดี"สนธิ" ปล่อยให้ "สุเทพ" จัดการ ชี้กระเทือนรัฐ แนะนายกฯ อย่าเชื่อคนรอบข้างมาก ไม่วายป้อนลูกยอ ยังไม่เห็นใครเป็นนายกฯดีเท่า แถมให้คะแนนรบ.สอบผ่าน ...

นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าววันนี้ (1 ส.ค.) ถึงผลงาน 6 เดือนของรัฐบาล ว่า สอบผ่าน เพราะทำงานกันหามรุ่งหามค่ำ แต่ผลสำเร็จที่ออกมาเป็นรูปธรรมยังมีน้อย แต่มีบางเรื่องที่ต้องติติง

"ไม่ว่าใครเป็นนายก รัฐมนตรีช่วงนี้ก็คงลำบาก เพราะมีวิกฤติหลายอย่างทั้งเศรษฐกิจตกต่ำ และเชื่อมโยงไปถึงเรื่องปิดสนามบิน ไข้หวัด 2009 แต่เชื่อว่าต่อไปผลงานก็คงออกมาให้เห็น ผมยังเอาใจช่วยรัฐบาล เพราะไม่เห็นใครเป็นนายกรัฐมนตรีดีเท่านายอภิสิทธิ์ แต่ก็ต้องทำอะไรให้รอบคอบมากกว่านี้ คนข้าง ๆ สำคัญ เชื่อมากก็ไม่ดี" นายบรรหาร กล่าว

นายบรรหารกล่าวถึงความสับสน กรณี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พูดไม่ตรงกับ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เรื่องคดียิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและเรื่องการชะลอโผแต่งตั้งนายตำรวจ ที่ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ไปแล้ว ว่าเป็นห่วงนายกรัฐมนตรีมาก ในส่วนของการชะลอโผปรับย้าย หากมีการฟ้องร้องต่อศาลปกครอง จะทำให้นายกรัฐมนตรีต้องประสบกับภาวะลำบากได้

"ตำแหน่ง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นตำแหน่งสำคัญ แต่ก็มีอาถรรพ์มักจะอยู่กันไม่ครบวาระ ส่วนตัวผมก็รู้จักทั้ง พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.อ.พัชรวาท ทั้งสองคนเป็นคนดี แต่สงสัยว่าเมื่อ พล.ต.อ.ธานีรายงานเรื่องคดีกับนายกฯ แล้ว ทำไมต้องรายงาน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติด้วย ทำไมอยู่ในกรมเดียวกันถึงพูดกันไม่รู้เรื่อง ถ้าให้ข้อมูลคนละทางปัญหาเกิดขึ้นแน่นอน ข้อมูลต่าง ๆ ต้องชัดเจน ไปสัมภาษณ์ทางใดทางหนึ่งไม่ได้ ต้องฟัง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติด้วย ผมเองก็สับสน แต่ผมฝากว่าตอนนี้น้ำไม่กระเพื่อมแล้ว ตำรวจก็นิ่งแล้ว ปัญหาเศรษฐกิจมีมาก ปัญหาไข้หวัด 2009 และเรื่องร้องเรียนก็มีมากมาย นายกฯ ควรเอาเวลามาแก้ปัญหาเหล่านี้ ส่วนคดีนายสนธิก็ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเขาทำไป" นายบรรหาร กล่าว

นาย บรรหาร กล่าวต่อว่า ที่กล่าวเช่นนี้ ไม่ได้ต้องการติติง แต่อยากให้ข้อสังเกตกับนายกรัฐมนตรี ว่าถ้าจะย้าย ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือเปลี่ยนโผ อาจส่งผลกระทบให้เสียงของรัฐบาลตกต่ำลงได้ ควรมอบให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคงเป็นผู้ดำเนินการในฐานะรับผิดชอบเรื่องนี้ นายกรัฐมนตรีควรออกห่างมาเลย จะได้ไม่เสียทำอย่างนี้ดีไม่ดีจะขาดทุน ส่วนกระแสข่าวว่าต้องการปรับเปลี่ยนโผตำรวจเพื่อเป็นฐานอำนาจเตรียมรับการ เลือกตั้ง ก็ต้องระวังเพราะอาจถูกมองไปเช่นนั้นได้

"การเลือกตั้งจะ เกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ หากมี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คนใหม่ ก็อาจจะเปลี่ยนแปลงได้ทุกเดือนตามความหมาะสม ไม่ต้องตามฤดูกาล เรื่องการปลด ย้าย ชะลอ อาจทำให้คนมองได้ว่าเป็นเรื่องต้องการเปลี่ยนแปลงโผนายตำรวจได้ ไม่ใช่เรื่องคดียิงนายสนธิ ถ้านายกฯ ทำอะไรไปรัฐบาลและนายกฯ จะเสีย อาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลได้ ผมไม่แน่ใจว่าคดีนายสนธิจะเชื่อมโยงไปถึงระดับใหญ่ ระดับสูงจริงหรือไม่ อาจแค่ระดับกลางหรือมีการสั่งการจากต่างประเทศตามที่มีข่าวก็ได้ จึงต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ ไม่รู้ว่าผมพูดแรงไปหรือเปล่า แต่อยากพูดเหมือนกับอาเตือนหลาน" นายบรรหาร กล่าว

ต่ออข้อถามว่านายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับคดีนี้มาเกินไปหรือไม่ นายบรรหารกล่าวว่าไม่ทราบว่าให้ความสำคัญมากหรือไม่ แต่ควรให้ความสำคัญกับเรื่องเศรษฐกิจมากกว่า ส่วนตัวมีความชอบพอกับนายสนธิ แม้ว่าจะเคยถูกนายสนธิกล่าวพาดพิงถึงก็ตามแต่ก็ไม่ถือสา และติดตามข่าวเอเอสทีวีทุกคืนทำให้รู้สึกเป็นห่วง เวลานายสนธิกล่าวโจมตีคนอื่นมากมาย เป็นห่วงอนาคตของสนธิว่าจะมีปัญหาเพราะศัตรูมาก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อ เวลา 16.00 น. วันเดียวกันนี้ บริเวณโกดังเก็บข้าวของครอบครัวโพธสุธน อ.ศรีประจัน จ.สุพรรณบุรี จัดงานเนื่องในวันคล้ายวันเกิด ครบ 60 ปีของนายประภัตร โพธสุธน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และอดีตเลขาธิการพรรคชาติไทย ภายใต้ชื่อ "ไม่เคยลืมกัน" มีข้าราชการและประชาชนเข้ามอบกระเช้าดอกไม้ และกระเช้าผลไม้ รวมถึงของขวัญแสดงความยินดีจำนวนมาก ภายในงานได้จัดเก้าอี้ไว้รองรับประชาชน รวมถึงแจกรางวัลให้กับผู้ที่เข้าร่วมงาน เช่น โทรทัศน์ 21 นิ้ว นอกจากนี้ยังมีการแสดงคอนเสิร์ตของวงคาราบาวด้วยเวลา 16.30 น. นายบรรหาร เดินทางมาเป็นประธานในงาน โดยได้แสดงความยินดี พร้อมกับกล่าวอวยพรนายประภัตร และถามติดตลกว่า "เมื่อไร จะแต่งงาน ปีนี้คงจะแต่งได้แล้วเพราะอายุ 60 ปีแล้ว"

พท.ปูดปฏิวัติเงียบ ดันสมคิด นั่งนายกฯ

ที่มา ไทยรัฐ
Pic_23553

ชัยสิทธิ์ ชินวัตร

"ชัยสิทธิ์" ชี้ฎีกาเป็นเสียงประชาชนอย่าขวาง–ให้เป็นพระราชวินิจฉัยอย่าผูกขาดเชื่อคนกว่า 5 ล้าน ไม่มีใครหลอกได้ "สมชาย" ปูดข่าว ปฏิวัติเงียบ วางตัว "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" นั่งนายกฯ แม้ติดโทษ เว้นวรรค ...

พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีต ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ญาติผู้พี่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้ สัมภาษณ์ผ่านรายการ "ลับ ลวง พราง" ทางสถานีวิทยุเอฟเอ็ม 100.5 วันนี้ (1 ส.ค.) กรณี กลุ่มเสื้อแดง ระบุว่า มีประชาชนกว่า 5 ล้านรายชื่อลงชื่อเพื่อยื่นถวายฎีกาขออภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณว่าเป็นเสียงของประชาชน ไม่น่าจะไปขัดข้อง เพราะเสียงตั้ง 5 ล้านกว่าเสียงแสดงให้เห็นว่า ประชาชนคงเหลืออด เพราะพึ่งรัฐบาลไม่ได้จึงอยากพึ่งคนนอกที่เคยทำให้เขาสุขสบายมาก่อน ตนเคยพูดหลายครั้งว่า เป็นโอกาสทองของคุณ แต่คุณกลับไม่ทำ และมองข้ามหัวคนจนหมด มองแต่โปรเจกต์ใหญ่ๆเท่าที่สัมผัสตามชนบทคนจนเดือดร้อนมาก น้ำมันก็แพงขึ้น ไม่รู้ว่าแพงขึ้นตามจริงหรือไม่ แม้คนปลดเกษียณอย่างตนยังเดือดร้อน

ผู้สื่อข่าวถามว่า หลายฝ่ายต่อต้านการยื่นถวายฎีกา พล.อ.ชัยสิทธิ์กล่าวว่า ประชาชนเดือดร้อนไปต้านเขาทำไม ถือเป็นการปิดกั้นไม่ให้พระมหากษัตริย์กับราษฎรเป็นหนึ่งเดียว เพราะราษฎรมีพระองค์ท่านเป็นดวงใจ หากไปขัดเท่ากับว่าเป็นการขัดขวางความสัมพันธ์ตรงนี้ลงไป ราษฎรรักและขอร้อง พระองค์ท่านจะให้หรือไม่ให้ แล้วแต่พระราชวินิจฉัยของพระองค์ท่าน ตรงนี้ถือว่าเป็นดวงใจกับดวงใจถึงกัน อย่าไปแยกให้กษัตริย์กับประชาชนห่างออกไปไม่ได้ การที่ประชาชนทำอย่างนี้ แสดงว่ารัฐบาลทำอะไรที่ไม่ได้ผลดีต่อทั้งสองฝ่าย เมื่อถามว่า ประชาชนที่ไปลงชื่อโดนหลอกหรือไม่ พล.อ.ชัยสิทธิ์กล่าวว่า จะไปโดนหลอกได้อย่างไร และจะไปหลอกใครตั้ง 5 ล้านกว่าคน เป็นไปไม่ได้

"การถวายฎีกา คุณอย่าไปผูกขาดความจงรักภักดีเพราะประชาชนกับพระมหากษัตริย์เป็นหนึ่งเดียว และกษัตริย์ถือเป็นดวงใจของประชาชน เมื่อเขาไม่มีที่พึ่ง ก็ต้องพึ่งที่สุดท้ายของเขา ต้องเห็นใจประชาชนด้วย" พล.อ. ชัยสิทธิ์กล่าวและว่า กรณี นายกรัฐมนตรีมองว่า ผู้ลงรายชื่อถวายฎีกามีเพียงประชาชน ไม่มีคนในตระกูลชินวัตร เพราะเป็นจุดมุ่งหมายประชาชนได้รับความเดือดร้อน อยากได้คนดีกลับมา ตระกูลชินวัตรถือเป็นตระกูลหนึ่งที่ไม่ได้ เดือดร้อนเท่าใด แต่ส่วนใหญ่ร้อนใจ หากตนไปเซ็น เขาจะมองไปอีกรูปหนึ่งคือเป็นพวกเดียวกัน แต่พอไม่ทำก็ว่า เราจึงเป็นเรื่องแปลก สงสัยไม่มีอะไรเล่น

เมื่อถามว่า ตระกูลชินวัตรตอนนี้ก็แย่ แล้วมองตระกูลวงษ์สุวรรณ ขณะนี้อย่างไร พล.อ.ชัยสิทธิ์กล่าวว่า คงอยู่ในอีหรอบเดียวกัน อยู่ที่ใครจะเจอวิบากกรรม แต่เขามีเสียงหน่อยก็ออกมาโวยวายได้ แต่ตระกูลชินวัตร โวยวายไม่ได้ เพราะโดนยัดเยียดข้อหาหมด โดยเฉพาะความจงรักภักดี ตนแปลกใจว่า คนที่จงรักภักดีคือคนที่กล่าวหาว่าคนอื่นไม่จงรักภักดีใช่หรือไม่ ตนจะได้ทำบ้าง ความจงรักภักดี ศรัทธา ตนเชื่อว่ามั่นคง ที่ไปกล่าวหาว่าเขาดึงลงมา แต่ตัวเองนั่นแหละที่เป็นคนดึงลงมา ทำให้เสื่อมลง

เมื่อถามอีกว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะกลับมาเป็นผู้นำประเทศหรือไม่ พล.อ.ชัยสิทธิ์กล่าวว่า เขาพูดเป็นนัยๆว่า ไม่ได้กลับมาเป็นผู้นำและการเมือง ไม่อยากยุ่ง แต่กลับมาช่วยเหลือประเทศไทย และคนไทยที่ถูกมองข้ามหัวเพราะเขามีประสบการณ์ มีสมองดี มีปัญญาแก้ไขปัญหา ประชาชนจึงศรัทธาเชื่อถือ พ.ต.ท.ทักษิณจะช่วยชาวบ้านได้ จะมาเป็นผู้นำก็ได้ ไม่เป็นผู้นำก็ได้ เป็นที่ปรึกษาก็ได้ อย่าไปอิจฉา พ.ต.ท.ทักษิณเขาฉลาดและเก่งขนาดนั้น เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี เงาหรือไม่ พล.อ.ชัยสิทธิ์กล่าวว่า อยากจะเป็นนอมินีก็ว่าไปและยิ่งเป็นตัวจริงได้ก็ยิ่งดี เมื่อถามว่า ถ้าคดียังอยู่ พ.ต.ท. ทักษิณจะไม่กลับมาใช่หรือไม่ พล.อ.ชัยสิทธิ์กล่าวว่า ใครจะกลับมาเพราะกลับมาแล้วติดคุก

เมื่อถามว่า หากไม่มี พ.ต.ท.ทักษิณ และนายสนธิ ลิ้มทองกุล สังคมจะเป็นสุข พล.อ.ชัยสิทธิ์กล่าวว่า ต้องดูว่าประชาชนเดือดร้อนอยู่จะสงบได้อย่างไร ตราบใดที่ยังเอานิยายเก่าๆ มาเล่าให้ฟังอย่างเดียว ทำไมเป็นรัฐบาลแล้วปกครองประเทศก็ยังเหมือนเดิม คือมองข้ามหัวประชาชนผู้ยากไร้ รัฐบาลต้องดูแลให้เรียบร้อย ไม่เข้าใจรัฐบาลคิดอะไรอยู่ เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะสู้จนกลับมาประเทศได้หรือไม่ พล.อ.ชัยสิทธิ์กล่าวว่า ประชาชนเขาเรียกร้องให้กลับมา แต่หากอยากให้เขามากอบกู้ก็ดำเนินตามเขา เมื่อถามว่า จะมีการใช้กำลังหรือไม่ พล.อ.ชัยสิทธิ์กล่าวว่าเป็นไปตามสถานการณ์ แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งไม่ยอมกันแล้วก็คงต้องมี เราไม่อยากให้เกิด เมื่อถามว่าอีกนานหรือไม่ พล.อ.ชัยสิทธิ์ตอบว่า วิเคราะห์แล้วน่าจะประมาณเดือน ต.ค.นี้

ด้าน พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย กล่าวกรณี นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย สั่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศตั้งโต๊ะล่ารายชื่อคัดค้านการถวายฎีกา เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษ พ.ต.ท. ทักษิณ นั้น เรื่องนี้ได้พูดคุยกับ ส.ส. พรรคเพื่อไทย ต่างได้รับร้องเรียนจากกำนันผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ว่า โต๊ะล่ารายชื่อที่ ผู้ว่าราชการจังหวัดตั้งขึ้นไม่มีประชาชนมาลงชื่อคัดค้าน จึงกำชับไปยังนายอำเภอ เพื่อสั่งให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เกณฑ์ประชาชนมาหมู่บ้านละ 30-50 คน เพื่อลงชื่อ การกระทำแบบนี้ยิ่งจะทำให้เกิดความแตกแยกหนักในสังคม ไม่ควรไปบังคับให้ประชาชนมาลงชื่อ

พ.ต.ท. สมชายกล่าวอีกว่า ขณะนี้ทราบว่ามีความเคลื่อนไหวในกองทัพที่จะปฏิวัติเงียบโดยไม่ต้องใช้กำลัง โดยจะเรียกฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายตุลาการ มานั่ง แถลงชี้แจงผ่านสถานีโทรทัศน์ว่าวันนี้บ้านเมืองเดินต่อไปไม่ได้แล้ว ต้องตั้งรัฐบาลขึ้นมาใหม่ และเป็นรัฐบาลที่กองทัพคุมได้เบ็ดเสร็จ ชี้นิ้วสั่งได้เหมือนรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ จึงได้มีการวางตัวนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรีในสมัยรัฐบาลทักษิณเอาไว้ แม้ติดโทษต้องเว้นวรรคทางการเมืองเนื่องจากเป็นอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย แต่การปฏิวัติเงียบมีอำนาจทำได้ทันทีที่ต้องการให้นายสมคิดเป็นนายกรัฐมนตรีเรื่องนี้น่าเป็นห่วงมาก จะทำให้บ้านเมืองถอยหลังล่มสลาย เรื่องนี้เคลื่อนไหวกันจริง ข่าวที่ได้มาไม่พลาดแน่ ปิดกันไม่ได้หรอก เพราะมีการหารือ ชี้แจง เรียกคนนั้นคนนี้มา เพื่อดำเนินการเรื่องนี้เป็นระยะ

นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า รายชื่อประชาชนที่ร่วมถวายฎีกากับคนเสื้อแดง 5.4 ล้านคน มากเกินกว่าที่ประเมินไว้ ใช้เวลา 7 วัน ตรวจสอบความถูกต้องไม่ทันก็อาจจะต้องเลื่อนออกไป เป็นหลังวันที่ 12 ส.ค.

เล่ห์วรนุช ...หลอกลงชื่อต่อต้านถวายฎีกา : เหตุเกิดที่ระยอง

ที่มา Thai E-News

โดย คุณ JB007
ที่มา เวบบอร์ด ประชาไท
1 สิงหาคม 2552

วันนี้ ได้รับโทรศัพท์จากพี่ที่ทำงานที่อำเภอ โทรมาขอเบอร์ของความจริงวันนี้

เพราะเมื่อวานนี้ ณ.ที่อำเภอหนึ่งในระยอง มีการเรียกประชุมชาวบ้านจำนวนมาก เพื่อพูดคุยกันเรื่องปลูกป่าชายเลน

มีทั้งผู้ว่า นายอำเภอ นายก อบจ. และข้าราชการจำนวนมาก มาร่วมประชุม

ที่ประชุมก็พูดคุยกันเรื่องปลูกป่าชายเลนจริงๆ นั่นแหละ

แต่... ในระหว่างที่ประชุม มีการให้เจ้าหน้าที่ของทางราชการ นำเอกสารมาให้ประชาชนร่วมเซ็นต์ชื่อประชุม

แต่หัวกระดาษดันเขียนว่า รายชื่อประชาชนผู้ร่วมลงชื่อต่อต้านการถวายฎีกาของคนเสื้อแดง

พี่แกทำงานอยู่ในอำเภอ ทนเห็นความริยำของผู้ว่าจังหวัดระยอง พร้อมทั้งนายก อบจ.ระยองไม่ไหว แกเลยโทรมาหา แกจะโวยวายในที่ประชุมก็ไม่ได้ เพราะแกแค่ซี 7 โวยวายไปก็จะโดนเล่นงานได้ เพราะงานนี้ มีทั้งผู้ว่า และนายก อบจ.

สรุปแล้วริยำทั้งคู่ ถ้าใครจะจำได้ ผู้ว่าคนนี้ เคยเอาผลไม้ไปป้อนไอ้มาร์คถึงหน้าทำเนียบ เมื่อประมาณ 2 เดือนที่แล้ว

นายก อบจ.คนปัจจุบัน ก็นามสกุลเดียวกับ รองหัวหน้าพรรคเก่าแก่ และรองหัวน้าพรรคคนนี้ ก็คือบุคคลที่ม็อบพันธมิตรจากระยองไปร่วมชุมนุม อีกทั้งให้รถติดโลโก้พรรคเก่าแก่ไปใช้งาน ในระหว่างการชุมนุมด้วย

ไม่รู้ที่อื่นมีการทำริยำกันอย่างนี้อีกมั๊ยเอ่ย

ดวงตาเห็นธรรม

ที่มา Thai E-News


ดวงตาเห็นดำ-คนเสื้อแดงถือเป็นจังหวะดีในระหว่างงานชุมนุมใหญ่ที่สนามหลวงวันก่อน นำเสื้อดำมาจำหน่ายเพื่อใส่ไว้ทุกข์ให้ประเทศไทยที่มีรัฐบาลหุ่นเชิดระบอบอำมาตย์ย่ำยีประเทศ ในวันที่ 3 สิงหาคมนี้ อันตรงกับวันคล้ายวันเกิด 45 ปีของนายอภิสิทธิ์

โดย รองศาสตราจารย์ ดร. วรพล พรหมิกบุตร
ที่มา บอร์ดประชาไท
1 สิงหาคม 2552

หากเปิด “ดวงตาเห็นธรรม” เช่นนี้ได้ ในที่สุดชีวิตการเมืองของคุณอภิสิทธิ์อาจพบความสำเร็จตามแนวทางที่คุณทักษิณ ทำไว้ได้บ้างไม่มากก็น้อย แต่ผมคงจะต้องกล่าวอย่างตรงไปตรงมา และด้วยความซื่อสัตย์ทางวิชาการบนฐานข้อมูลอย่างถึงที่สุดเท่าที่รวบรวมได้ในปัจจุบันว่า จนถึงขณะนี้ไม่มีข้อมูล และวิธีวิเคราะห์ใดสามารถแสดงให้เห็นได้ว่า อนาคตในชีวิตทางการเมืองของคุณอภิสิทธิ์ จะได้รับความรักห่วงใย เมตตา อาทรมากมายท่วมท้นเท่าที่คุณทักษิณได้รับจากประชาชน


วันที่ 26 กรกฎาคม 2552 วันครบรอบวันเกิด 60 ปี พ.ต.ท. ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย อดีตนายกรัฐมนตรีไทย (ที่คนไทยมากมายนับไม่ถ้วนยืนยันว่ายังเป็นนายกรัฐมนตรีของพวกเขาในขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นั่งประชุมอยู่ที่หัวโต๊ะคณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบัน)

วันครบรอบวันเกิดที่น่าทึ่งน่าประหลาดใจ (เซอร์ไพรส์ เซอร์ไพรส์) ที่สุดในประวัติส่วนตัวของอดีตนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งของประเทศไทยที่มีสิทธิจะเป็น “สถิติตลอดกาล” (all-time record) คือไม่มีนักการเมืองระดับนายกรัฐมนตรีคนไหนของประเทศไทย

ไม่ว่าในอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคตจะเทียบเคียงเข้าใกล้ได้ในเรื่องความรัก ความห่วงใย ความเอื้ออาทร ที่ประชาชนชาวไทยช่วยจัดงานวันเกิดให้อย่างที่ปรากฏในวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 เทียบเคียงเข้าใกล้ไม่ได้

แม้แต่ ดร.ปรีดี พนมยงค์ ในอดีตซึ่งเคยถูกคุกคามทางการเมืองจากเผด็จการทหารที่มาจากรากแก้วการเมืองชุด “คณะราษฎร 2475” ร่วมกันอย่างหลวงพิบูลสงคราม (จอมพล แปลก พิบูลสงคราม) จนต้องลี้ภัยไปต่างประเทศด้วยข้อกล่าวหาร้ายแรงที่ไม่เคยมีการพิสูจน์ความผิดได้จากกรณีสวรรคตในหลวงฯอานันทมหิดลฯ

หากคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สามารถจะมี “ดวงตาเห็นธรรม” ว่าความสุขสูงสุดของนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตย คือ การได้รับความรักความห่วงใย ความเอื้ออาทร อย่างจริงใจจากประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจ

คุณอภิสิทธิ์ ก็คงสามารถจะคาดคะเนได้ว่า พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร มีความสุขสูงสุดในชีวิตนักการเมืองของตนไปตั้งนานก่อนวันครบรอบวันเกิด 60 ปีแล้ว เพราะผลกรรมที่คุณทักษิณก่อเกิดไว้แก่ประชาชนขณะที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้นเป็น “กรรมดี”

ที่ส่งผลสืบเนื่องให้คุณทักษิณได้รับความรักความเมตตา ความห่วงใย ความเอื้ออาทรจากประชาชนทั่วประเทศมากมายกว่าอดีตนายกรัฐมนตรีทุกคนของประเทศนี้ รวมถึงนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันคือคุณอภิสิทธิ์ เองอย่างเทียบเคียงใกล้เคียงกันยังไม่ได้

หากคุณอภิสิทธิ์ยังไม่แน่ใจก็สามารถทดลองสอบถามพระเถระผู้มีดวงตาเห็นธรรมในร่มเงาพระพุทธศาสนาดูว่า การที่คนๆ หนึ่งได้รับความรักความเมตตา ความห่วงใย ความเอื้ออาทรจากคนอื่นมากมายท่วมท้นอย่างที่เห็นในวันครบรอบวันเกิดคุณทักษิณนั้นเป็นเพราะการทำ “กรรมชั่ว” หรือการทำ “กรรมดี” ของคนๆ นั้น

เมื่อผู้สื่อข่าวตั้งคำถามเกี่ยวกับวันเกิดคุณอภิสิทธิ์ (วันที่ 3 สิงหาคม) คุณอภิสิทธิ์ตอบด้วยความคิดเปรียบเทียบ ระหว่างอายุคุณอภิสิทธิ์กับคุณทักษิณว่าห่างกันมากกว่าสิบปี คำตอบของคุณอภิสิทธิ์ช่วยสะท้อนให้เห็นความคิดส่วนลึกว่าคุณอภิสิทธิ์ภาคภูมิใจที่ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีในวัยเด็กกว่าคุณทักษิณ (ซึ่งคุณทักษิณก็รู้และเคยพูดให้คนได้ยินกันทั่วโลกว่าห่วงประเทศที่มีเด็กสองคนบริหาร)

คุณอภิสิทธิ์ อาจคิดสรุปเอากับตนเองว่าเหนือกว่าคุณทักษิณเรื่องอายุที่น้อยกว่าขณะขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ “อายุจริง” กับ “อายุการเมือง” ของคน ๆ หนึ่งไม่เท่ากัน คุณอภิสิทธิ์อาจยังไม่ค่อยเข้าใจชัดเจนนักว่าผู้เขียนหมายถึงอะไร


ดังนั้น หากจะกล่าวให้คุณอภิสิทธิ์ซึ่งมีการศึกษาสูงเรียนรู้ทฤษฎีจิตวิทยาตะวันตกมาให้เข้าใจง่ายขึ้นก็อาจกล่าวคล้าย ๆ กันว่า “อายุจริง” กับ “อายุสมอง” ของคนๆ หนึ่งไม่เท่ากัน “อายุจริง” ของคุณอภิสิทธิ์ น้อยกว่าอายุจริงคุณทักษิณประมาณ 16 ปี แต่ “อายุการเมือง” ของคุณอภิสิทธิ์มากกว่า “อายุการเมือง” ของคุณทักษิณหลายปีนะครับ

คุณทักษิณเริ่มต้นชีวิตทางการเมืองช้ากว่าคุณอภิสิทธิ์มากมายหลายปีครับ (คุณอภิสิทธิ์ลองนับย้อนหลังกลับไปห้าปีที่คุณอภิสิทธิ์เริ่มต้น “อายุการเมือง” ของคุณอภิสิทธิ์ในฐานะ “สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์” ดูก็ได้ครับว่าจนถึงปีนี้นับได้กี่ปีแล้ว)

ในปีที่คุณอภิสิทธิ์ เริ่มต้นอายุการเมืองนั้นคุณทักษิณอยู่ที่ไหน ทำอะไร ไม่มีใครกล่าวขวัญถึงทางการเมืองเลยแม้แต่น้อย คุณทักษิณยังไม่เริ่มต้นชีวิตนักการเมืองเลย จนกระทั่งผู้บริหารพรรคพลังธรรมภายใต้การกำกับดูแลของพลตรีจำลอง ศรีเมืองทาบทามคุณทักษิณ ในฐานะนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จให้เข้ามาช่วยเป็นนายทุนคนหนึ่งของพรรคและมอบตำแหน่งทางการเมืองให้คุณทักษิณเริ่มต้นชีวิตนักการเมืองในฐานะสมาชิกพรรคพลังธรรม

“อายุการเมือง” ของคุณทักษิณแค่ 15 ปีโดยประมาณเท่านั้นเองครับแต่คุณทักษิณ “ขึ้น” เป็นนายกรัฐมนตรี “เร็ว” กว่าคุณอภิสิทธิ์ที่มีชีวิตทางการเมืองรุ่งเรืองในพรรคประชาธิปัตย์มาตั้งแต่ก่อนเหตุการณ์ “พฤษภาคม 2535”

นอกจากนั้นคุณทักษิณ ยังประสบความสำเร็จสูงสุดในชีวิตนักการเมืองตามระบอบประชาธิปไตยไปเรียบร้อยแล้วในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรีที่ประชาชนรัก ห่วงใย และเอื้ออาทรมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทยหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475(อันนี้มีหลักฐานเป็นรูปธรรมยืนยันชัดเจนได้จากงานครบรอบวันเกิด 26 กรกฎาคม ที่ผ่านมา)

โดยที่ความสำเร็จสูงสุดในชีวิต “นักการเมืองตามระบอบประชาธิปไตย” ที่คุณทักษิณทำได้เรียบร้อยแล้วนั้นมีแต่จะกลายเป็น“ความฝันที่ไม่มีวันเป็นจริง” สำหรับคุณอภิสิทธิ์ หากคุณอภิสิทธิ์ไม่พยายามทำความเข้าใจว่าคุณทักษิณประสบความสำเร็จ และความสุขสูงสุดนั้นได้ด้วยมรรควิธีในทางปฏิบัติอย่างไรที่มิใช่การพูด

คุณอภิสิทธิ์ลองพิจารณาคำตอบนี้ดูว่าจริงเท็จประการใด และคุณอภิสิทธิ์พอจะลงมือทำตามวิธีของคุณทักษิณได้หรือไม่? คุณทักษิณได้รับความรัก ความห่วงใย ความเอื้ออาทรอันเป็นความสำเร็จสูงสุดในชีวิตการทำงานของ “นักการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงป็นประมุข”

เพราะคุณทักษิณตั้งใจและจริงใจในการทำให้ “การเมืองรับใช้ประชาชน” อันเป็นการสนองแนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ทรงริเริ่มดำเนินโครงการต่างๆ เพื่อให้ปวงชนชาวไทยมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นมานานหลายสิบปี ก่อนที่ทั้งคุณอภิสิทธิ์และคุณทักษิณจะ “เกิด” ทางการเมืองในประเทศไทย

หากเปิด “ดวงตาเห็นธรรม” เช่นนี้ได้ ในที่สุดชีวิตการเมืองของคุณอภิสิทธิ์อาจพบความสำเร็จตามแนวทางที่คุณทักษิณ ทำไว้ได้บ้างไม่มากก็น้อย แต่ผมคงจะต้องกล่าวอย่างตรงไปตรงมาแ ละด้วยความซื่อสัตย์ทางวิชาการบนฐานข้อมูลอย่างถึงที่สุดเท่าที่รวบรวมได้ในปัจจุบันว่า

จนถึงขณะนี้ไม่มีข้อมูลและวิธีวิเคราะห์ใดสามารถแสดงให้เห็นได้ว่าอนาคตในชีวิตทางการเมืองของคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะได้รับความรักห่วงใย เมตตา อาทรมากมายท่วมท้นเท่าที่คุณทักษิณได้รับจากประชาชน

ฎีกาจะถึงหรือโดนตัดตอนไม่สำคัญ ที่สำคัญคือ คนไม่ต่ำกว่า 5.4 ล้านคน ส่งเสียงออกมาแล้ว

ที่มา Thai E-News

โดย คุณ ลูกชาวนาไทย
ที่มา เวบไซต์ thaifreenews
1 สิงหาคม 2552


เมื่อเห็นภาพการเข้าร่วมชุมนุม เพื่อปิดรับฎีกาของคนเสื้อแดงที่สนามหลวงเมื่อคืนนี้ ที่มีคนประมาณไว้ว่า มีคนเข้าร่วมชุมนุม 80,000-100,000 คน หรืออาจกว่านั้น จากคนเข้าไปร่วมการชุมนุมครั้งนี้ประมาณการ

เมื่อคืนมีแฟนคลับบทความของผม ที่อ่านจากในไทยฟรีนิวส์ และประชาไท และเคยถ่ายเอกสารบทความแจกไปตามชาวบ้านสี่ห้าร้อยชุดก็มี พี่คนนี้โทรเข้ามาหาผม โดยผ่านทางคุณแป๊ก เขาบอกว่า เขาและพรรคพวก มาจากอุบลราชธานี โดยเช่ารถบัสมาสองคัน 100 กว่าคน ต้องเรี่ยไรเงินออกกันเอง รวมทั้งเรี่ยไรเงินสนับสนุนจากคนเสื้อแดง และแกนนำในจังหวัดอุบลฯ หมดเงินค่าจ้างรถบัสไปกว่า 80,000 บาท โดยไม่ได้รับการช่วยเหลือจาก สส.ในจังหวัดอุบลฯ เท่าไหร่นัก

เครือข่ายของพี่คนนี้สามารถล่ารายชื่อได้กว่า 20,000 ชื่อ ไม่รวมเครือข่ายคนเสื้อแดงในจังหวัดอุบลฯอื่นๆ ที่น่าจะรวมกันได้มากกว่าแสนรายชื่อ

นี่คือตัวอย่างเชิงลึก ให้เห็นองค์ประกอบว่า คนเสื้อแดงมาจากที่ใดบ้าง มีความเป็นมาอย่างไร

สถานการณ์ทางการเมืองในตอนนี้ของเหตุการณ์ การล่ารายชื่อถวายฎีกาคือ ประชาชนรากหญ้า และคนชั้นกลางก้าวหน้าในเมือง ไม่ต่ำกว่า 5.4 ล้านคน ได้ส่งเสียงของพวกเขาออกมาแล้ว อย่างดังและหนักแน่นครับ

ใครจะสนใจ จะแคร์หรือไม่แคร์ ไม่มีความหมายอะไรอีกต่อไป คนเสื้อแดงที่ลงนามในฎีกาเหล่านี้ เป็นเสียงที่มีสติ และผ่านกระบวนการใคร่ครวญ ไตร่ตรองของพวกเขาออกมาแล้ว ก่อนลงนาม เพราะพวกเขาลงนามท่ามกลางการชี้แจง ต่อต้านจากเครือข่ายนักวิชาการอำมาตย์ องคมนตรี ภาครัฐ รวมทั้งสื่อต่างๆ

มีการต่อต้านจากอำนาจรัฐศักดินาเดิม คือ กระทรวงมหาดไทยที่สั่งการลงไปโดยตรง ให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายอำเภอ ผู้ว่าฯ ต่อต้านการล่ารายชื่อลงนามครั้งนี้ แต่ก็มีคนลงนามถึงกว่า 5 ล้านคนในเวลาเพียงเดือนเดียว

นัยยะทางการเมืองครั้งนี้ หากอำมาตยาธิปไตยทั้งหลาย ฟังพวกเขา สงครามการเมืองก็สงบ ประเทศไทยก็สามารถเดินหน้าต่อไปได้

หากไม่ฟังพวกเขา ก็คงรบกันต่อไปจนถึงจุดสุดท้าย ความขัดแย้งทางการเมืองจะยังไม่จบ และการต่อสู้กันทางการเมือง จะเข้มข้นขึ้น และผมไม่เชื่อว่า คน 5.4 ล้านคน จะสามารถโดนปราบได้หมด หรือแพ้ หรือถอดใจ กลายเป็นพวกสีเหลือง ยอมก้มหัวกราบกรานพวก "ศักดินาอำมาตย์" อีกต่อไป

นี่คือ "สาระสำคัญ" ให้โอกาสอำมาตย์และสังคมทั้งหลาย ยุติสงครามกลางเมือง

ผมวิเคราะห์ได้อย่างนั้นครับ จะหาว่าขู่หรือไม่ขู่ มันไม่มีความหมายอะไร ที่จะต้องโวยวาย เพราะนัยยะทางการเมืองมันเป็นเช่นนั้น จะแปรเป็นอย่างอื่น ก็คงไม่มีใครว่าอะไร แต่กำลังคนขนาดนี้ ย่อมไม่ไร้น้ำยา

ผมวิเคราะห์ได้อีกอย่างว่า สิ่งที่ซ่อนอยู่ในการล่ารายชื่อ ฎีกาครั้งนี้ อย่างน่าตระหนกสำหรับ "ศักดินาอำมาตย์" แต่น่าดีใจสำหรับคนเสื้อแดงคือ

"เครือข่ายของคนเสื้อแดงใหญ่โตและมีประสิทธิภาพสูง" โยงใยครอบคลุมสังคม และเชื่อมโยงกันอย่างมีระบบ การเกิดขึ้นของเครือข่ายนี้ มาจากการต่อสู้ทางการเมืองอันยาวนานไม่ต่ำกว่าสามปี ซึ่งได้พัฒนาแกนนำ โครงสร้าง ช่องทางการสื่อสารที่ไม่เป็นทางการขึ้น

ไม่มีอำนาจใดของระบบราชการ หรือ กอ.รมน.จะสามารถเจาะทะลวง หรือทะลายเครือข่ายอันมหึมานี้ได้ มันใหญ่โตและมีประสิทธิภาพสูง เกินกำลังคนของระบบราชการ และที่สำคัญ "เป็นอิสระจากสื่อกระแสหลัก" อย่างสิ้นเชิง

นี่คือ เครือข่าย และช่องทางสื่อสารอิสระ เป็นเอกเทศ ปลอดจากการควบคุมหรือแทรกแซงจากอำนาจรัฐใด ๆ ทั้งสิ้น

รัฐไม่มีช่องทางใดเข้าไปสอดแทรกเครือข่ายการสื่อสารของคนเสื้อแดงที่เกิดขึ้นแล้วนี้ได้

ผมคาดว่าเครือข่ายเหล่านี้ เกิดขึ้นจากการชุมนุมหลายสิบครั้งของคนเสื้อแดง ทั้งในภูมิภาค กทม.และที่อื่นๆ บวกอินเตอร์เน็ต และเครื่องมืออื่นๆ เช่น มือถือ อีเมล์ เว็บไซต์ อีเอ็มเอส เป็นต้น พวกเขาผ่านการเจ็บปวด โดนไล่ฆ่าด้วยอาวุธสงคราม โดนกระทำโดยอำนาจรัฐ ผ่านสงคราม เป็นสหายศึกกันมาอย่างยาวนาน จึงเกิดการเชื่อมโยง แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร การติดต่อกันขึ้น

ผมถือว่า "กองทัพคนเสื้อแดงพร้อมแล้ว" มีแม่ทัพนายกอง หัวหน้าหมู่ พลทหารที่สมบูรณ์แล้ว ระบบบังคับบัญชา เป็นแบบเครือข่าย ไม่มีนาย ไม่มีจุดวิกฤติให้ตัดตอนได้

ที่สำคัญ พวกเราพร้อมทางด้านอุดมการณ์ และจิตสำนึกของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยแล้ว

หากอำมาตย์จะรบต่อ ก็เชิญครับ คนเสื้อแดงพร้อมทุกอย่างแล้ว ทั้งด้านกำลังคน การสื่อสาร ทรัพยากร และสื่อของคนเสื้อแดงเองด้วย

เราพร้อมแล้วกับสงครามในยกต่อไป แม้จะเป็นสงครามยืดเยื้อและยาวนานก็ตาม พวกเราไม่แพ้อย่างแน่นอน

แต่พวกท่านหากแพ้ครั้งเดียวก็ม้วนเสื่อกลับบ้านเก่าไปได้เลย

จักรภพ:วางกรอบให้ดี-คดีหมิ่นฯ

ที่มา Thai E-News


กรรมการสมาคมสโมสรนักข่าวต่างชาติในไทย-กรรมการ13รายของFCCTที่ถูกแจ้งความดำเนินคดีเป็นนักข่าวจากหลายสำนักที่มีชื่อเสียงระดับโลกเช่น บีบีซี บลูมเบิร์ก วอลล์สตรีทเจอร์นัล บิสสิเนสไทม์ส เป็นต้น

โดย จักรภพ เพ็ญแข
ที่มา คอลัมน์ “ผมเป็นข้าราษฎร” หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์วิวาทะ Thai Red News ปีที่ 1 ฉบับที่ 9

เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าเป็นการเล่นการเมืองแบบไทยรัตนโกสินทร์ หวังผลกันเพียงเท่านั้น แต่ผลแห่งการกระทำกำลังบานปลายกลับมาหาต้นตออย่างชนิดคุมไม่ได้ เพราะทำให้โลกหันมาสนใจในเรื่องไม่เป็นเรื่องและกลาย “เป็นเรื่อง” ขึ้นมาจากการกระทำของตัวเอง


สมัยหนึ่ง การถูกกล่าวหาว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเป็นเรื่องรุนแรงขนาดชีวิตล่มสลาย พี่น้องเพื่อนฝูงตัดขาด หมดอนาคตการงานอาชีพ มองหน้าตัวเองในกระจกไม่ได้ แต่วันนี้หลายอย่างเปลี่ยนไป

น่าจะเป็นเพราะใช้ข้อกล่าวหานี้กันอย่างพร่ำเพรื่อ ไม่ถูกใจใครก็โยนคดีหมิ่นฯ เข้าใส่ หาเรื่องใครไม่ได้ก็ใช้คดีหมิ่นฯ ทำลายเขา จนเกิดคดีประเภทนี้ขึ้นมากมายในบ้านเมือง ผิดกับสมัยก่อนที่นานๆ จะได้ยินกันสักครั้งและเป็นเรื่องโด่งดังแทบจะทุกกรณี

ผมเองเป็นคนหนึ่งที่ถูกกล่าวหาอย่างนั้น รู้ด้วยประสบการณ์ตนเองทีเดียวว่าเขาใช้เรื่องนี้ทำลายกันอย่างไรได้บ้าง วันหนึ่งจะเขียนให้ได้อ่านกันโดยละเอียดในทำนองกรณีศึกษา แต่ในขณะที่ตั้งใจนั่งดูเงียบๆ ว่าจะเลอะเทอะกันขนาดไหน ก็ได้เห็นความเลอะเทอะในระดับที่ไม่น่าเชื่อ วันนี้คงต้องพูดเรื่องนี้สักคำสองคำ ก่อนที่บ้านเมืองนี้จะแหกโค้งลงข้างทางชนิดกู่ไม่กลับ

วันนี้ถึงขั้นแจ้งความดำเนินคดีกับคณะผู้สื่อข่าวต่างประเทศในประเทศไทยว่าร่วมกันกระทำการที่ถือว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพกันแล้วครับ

คนแจ้งเป็นผู้หญิงอายุ ๕๗ ปีคนหนึ่งที่มีอาชีพเป็นล่าม

ประเด็นของเรื่องก็โยงกลับมาที่ผม ผมถูกกล่าวหาจากคำบรรยายทางวิชาการภาษาอังกฤษในปี พ.ศ.๒๕๕๐ ณ สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย หรือ The Foreign Correspondents’ Club of Thailand ซึ่งต่อไปจะเรียกตามชื่อย่อของเขาว่า FCCT ผิดหรือไม่ขึ้นอยู่กับความเพี้ยนของการเมืองไทยกับ “กระบวนการยุติธรรม” ประเภทรับใช้เผด็จการ ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไรนักหรอกครับ

ใครไปบรรยายให้เขา ซึ่งเป็นเรื่องฟรี ไม่มีเงินทองเข้ามาเกี่ยวข้องแต่อย่างใด FCCT ก็จะบริการสมาชิกด้วยการผลิตแผ่น DVD หรือ VCD ให้ในภายหลังเมื่อมีผู้ร้องขอ สนนราคาราคาอย่างไรก็ไม่รู้

ตรงนี้ล่ะครับที่อุตส่าห์ลากสังขารตัวเองไปแจ้งความดำเนินคดีว่า เขาร่วมมือกับผู้บรรยายคือตัวผมในการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ทั้งที่เขาทำอย่างนั้นมาทุกครั้งกับผู้บรรยายทุกคนอยู่แล้ว

ความตั้งใจของผู้แจ้งที่จะสร้างภาพว่าเรื่องนี้ทำกันเป็นขบวนการ จึงเป็นเรื่องตลกขบขันทั่วเมืองไทยและในระดับโลก มีสื่อสองสำนักเท่านั้นที่รายงานข่าวอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ได้แก่ ผู้จัดการ และ เนชั่น ซึ่งเห็นชื่อแล้วก็ต้องหัวเราะเป็นภาษาฝรั่งเศส ที่ฉลองวันคุกบาสติลล์แตกไปเมื่อไม่กี่วันนี้ สื่ออื่นรายงานบ้างไม่รายงานบ้าง และส่วนใหญ่ก็รายงานผิวเผินเพราะรู้อยู่แก่ใจว่าเป็นการเล่นการเมืองแบบไทยรัตนโกสินทร์ หวังผลกันเพียงเท่านั้น

แต่ผลแห่งการกระทำกำลังบานปลายกลับมาหาต้นตออย่างชนิดคุมไม่ได้ เพราะทำให้โลกหันมาสนใจในเรื่องไม่เป็นเรื่องและกลาย “เป็นเรื่อง” ขึ้นมาจากการกระทำของตัวเอง

ทำไมจะไม่ “เป็นเรื่อง” ล่ะครับ ดูสิว่าเขาดึงใครเข้ามาสู่เกมการเมืองส่วนตัวเที่ยวนี้บ้าง

มาร์วาน มาคาน-มาร์คาร์ จากสำนักข่าวอินเตอร์เพรสส์, โจนาธาน เฮด สำนักข่าวบีบีซี, แพทริก บาร์ธา หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลล์ นอกจากนั้นยังมีตัวแทนหนังสือพิมพ์สเตรทไทม์, สำนักข่าวโกลบอลสเปคตรัม, แชนนัลนิวส์เอเชีย, หนังสือพิมพ์บิสสิเนสไทม์, คอนซอร์เทียมยูเค, สำนักข่าวบลูมเบิร์ก


นั่นแค่ส่วนหนึ่งนะครับ

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ที่จะผ่านไปราวสายลมเสียแล้ว ไม่ใช่เพราะผู้สื่อข่าวต่างประเทศเหล่านี้อยู่เหนือกฎหมายไทย หรือสำคัญขนาดที่ใครแตะต้องไม่ได้ แต่เพราะเรื่องที่กล่าวหาเขามันตลกขบขันจนไม่น่าเชื่อว่าคนที่อ้างความจงรักภักดีต่อสถาบันตลอดทั้งวันอย่างคนที่แจ้ง จะกระทำการอันสุ่มเสี่ยงต่อภาพลักษณ์ของสถาบันและประเทศไทยขนาดนี้ได้

เขาไม่รู้เชียวหรือว่า สื่อมวลชนต่างประเทศเขารายงานข่าวเมืองไทยในฐานะหนึ่งในสองร้อยกว่าประเทศของโลก เขาไม่ได้เห็นว่าเมืองไทยเป็นศูนย์กลางของโลกขนาดผู้มีอำนาจของไทยจะเกิดแก่เจ็บตายอย่างไรเขาจะต้องชักกระตุกตายตามไปด้วย แล้วใครมันจะมานั่งวางแผนทำลายประเทศไทยโดยใช้ข้อมูลข่าวสาร เรื่องนี้เพียงตรรกะก็ผิดแล้ว

แถมการกระทำของเขายังไม่ได้ชี้ว่ามีเจตนาจะกระทำความผิดตามมาตรา ๑๑๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยภายใต้คณะเผด็จการ คมช. อีกด้วย

เขาก็ยิ่งขำกันใหญ่

ไม่น่าแปลกใจที่สื่อมวลชนโลกเขาดูแคลนในเรื่องนี้มาก ไม่ต้องดูไกลหรอกครับ เอาแถลงการณ์ของสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำสาธารณรัฐประชาชนจีน (FCCC) มาอย่างเดียวก็ชัดเจนแล้ว:

ข้อกล่าวหาต่อ FCCT ไทยน่ากังวล

สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำสาธารณรัฐประชาชนจีน (FCCC) รู้สึกตกใจเมื่อทราบข่าวว่า คณะกรรมการทั้งหมดของ FCCT ถูกกล่าวหาว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งเป็นอาชญากรรมอันมีโทษจำคุกถึง ๑๕ ปี

เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าสอบสวนกรรมการทั้ง ๑๓ คนหลังจากมีผู้ร้องเรียนในกรณีที่มีการจำหน่าย DVD คำบรรยายต่อ FCCT โดยอดีตรัฐมนตรีผู้หนึ่ง คำบรรยายนี้เกิดเมื่อ ๒ ปีมาแล้ว

นี่คือเรื่องที่น่ากังวล เพราะกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของไทยถูกนำมาใช้มากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อจำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น โจนาธาน เฮด ซึ่งเป็นกรรมการ FCCT และเป็นผู้สื่อข่าวของ BBC ก็ถูกกล่าวหาในลักษณะที่คล้ายกัน

“สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศจีนขอเรียกร้องให้ทางการไทยแสดงความเคารพต่อเสรีภาพสื่อมวลชน และสร้างความมั่นใจว่าสื่อมวลชนสามารถทำงานได้โดยปลอดจากพันธนาการทุกอย่าง” ประธาน FCCC สก็อตต์ แม็คโดนัลด์ กล่าวในที่สุด.


************************

ปัญหาคือเรื่องขำขันของวันนี้ จะกลายเป็นเรื่องจริงจังขึ้นมาวันไหนเท่านั้น?

-----------------------------------------
TPNews (Thai People News): ข่าวสารสำหรับผู้รักประชาธิปไตย เที่ยงตรง แม่นยำ ส่งตรงถึงมือถือทุกวัน สมัครวันนี้ ใช้ฟรี 14 วัน พิมพ์ PN ส่งมาที่เบอร์ 4552146 ทุกระบบ เพียง 29 บาท/เดือน (เฉพาะ DTAC 30 บาท/เดือน)
Call center: 084-4566794-6 (จ.- ศ. 9.30-17.30 น.)

เสื้อแดงเตรียมยื่นรายชื่อถวายฎีกาภายใน 12 ส.ค.นี้

ที่มา MCOT News

กรุงเทพฯ 1 ส.ค. - แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ประกาศยื่นรายชื่อประชาชนถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ภายในวันที่ 12 ส.ค.นี้

การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่สนามหลวง แม้มีฝนตกโปรยปรายลงมา แต่กลุ่มคนเสื้อแดงยังปักหลักฟังการปราศรัยของแกนนำ ซึ่งผลัดเปลี่ยนกันขึ้นเวทีกล่าวโจมตีการทำงานของรัฐบาล แต่มีกลุ่มคนเสื้อแดงบางส่วนเริ่มทยอยกลับบ้านแล้ว

ส่วนตัวเลขประชาชนลงชื่อถวายฎีกา ล่าสุดแกนนำประกาศว่า มีจำนวนกว่า 5.4 ล้านคน คาดว่าจะสามารถยื่นถวายฎีกาได้ภายในวันที่ 12 ส.ค.นี้ แต่ต้องขึ้นอยู่กับการตรวจสอบรายชื่อว่าจะเสร็จทันหรือไม่ และแกนนำนัดชุมนุมอีกครั้งวันที่ 3 ส.ค.นี้ ที่กระทรวงมหาดไทย เพื่อประท้วงนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ประกาศคัดค้านการยื่นรายชื่อถวายฎีกา. - สำนักข่าวไทย


อัพเดตเมื่อ 2009-08-01 03:12:41

พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินขอบคุณเสื้อแดงลงชื่อถวายฎีกาฯ กว่า 5 ล้านคน

ที่มา MCOT News

สนามหลวง 31 ก.ค.- แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ระบุ มีประชาชนร่วมลงชื่อถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กว่า 5 ล้านคน

การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่สนามหลวง ยังคงเป็นไปอย่างเรียบร้อย มีแกนนำผลัดเปลี่ยนกันขึ้นเวทีปราศรัยโจมตีการทำงานของรัฐบาล นอกจากนี้ ยังมีตัวแทนพระสงฆ์ นำรายชื่อพระสงฆ์ที่ร่วมลงชื่อ ถวายฎีกามามอบให้ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงด้วย นายวีระ มุสิกพงศ์ บอกว่า ขณะนี้มีประชาชนร่วมลงชื่อแล้วกว่า 5,300,000 คน ขั้นตอนต่อไปจะตรวจสอบความถูกต้อง ก่อนยื่นถวายฎีกาต่อไป แกนนำยังขอให้อยู่ร่วมชุมนุมไปจนถึงเวลา 05.00 น.วันพรุ่งนี้

ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินใช้เวลาประมาณ 30 นาที เนื้อหาส่วนใหญ่แสดงความขอบคุณกลุ่มคนเสื้อแดงที่ร่วมลงชื่อ และร่วมจัดงานคล้ายวันเกิดอายุ 60 ปี วันนี้สิ่งที่อยากทำที่สุด คือ อยากกลับบ้าน พร้อมทั้งกล่าวติดตลกว่า อาจจะได้กลับบ้านก่อนอายุ 61 ปี ส่วนบรรยากาศการชุมนุมจนถึงขณะนี้ยังไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นแต่อย่างใด

ด้านนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวผ่านรายการสถานีข่าวเพื่อประชาชน ทางช่อง 11 แสดงความเป็นห่วงการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่เปลี่ยนวัตถุประสงค์การขอพระราชทานอภัยโทษ ไปเป็นการยื่นฎีกาเพื่อร้องทุกข์ โดยไม่ทราบวัตถุประสงค์เบื้องลึกที่ชัดเจน

ขณะที่ ศ.ดร.จรัส สุวรรณมาลา คณบดีคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า หลายประเทศที่ปกครองคล้ายไทย ไม่รับคดีอภัยโทษให้นักการเมืองที่คอร์รัปชั่น การดำเนินการของคนเสื้อแดงเป็นการใช้การเมืองกดดัน จึงเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม

ด้าน ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล โฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ประชาชนจำนวนมากได้ถอนชื่อออก ยืนยันไม่มีการโน้มน้าวให้ประชาชนถอนชื่อ.- สำนักข่าวไทย


อัพเดตเมื่อ 2009-07-31 23:03:54

"แม้ว"ขอบคุณเสื้อแดงช่วยลงชื่อถวายฎีกา คุยเป็นการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ลั่นหวังกลับมาตอบแทนบุญคุณ

ที่มา มติชนออนไลน์


"ทักษิณ"โฟนอินขอบคุณเสื้อแดงลงชื่อถวายฎีกาเกิน4ล้านชื่อ คุยแผนสร้างทีวีประชาสัมพันธ์ประเทศไทย ลั่นจะกลับมาตอนแทนบุณคุณผู้สนับสนุน คุยการต่อสู้ของคนเสื้อแดงยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 20.30 น. นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ประกาศบนเวทีปราศรัยของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ท้องสนามหลวง เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ว่าได้นับจำนวนประชาชนลงชื่อเพื่อทูลเกล้าฯถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อ 20.20 น. ว่ามีรายชื่อประชาชนมาลงชื่อจำนวน 4,109,973 คน

จากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โฟนอินมาที่เวทีเสื้อแดงว่า ต้องขอขอบคุณประชาชนที่ร่วมลงชื่อถวายฎีกาช่วย ดูจากสถานี "ดีสเตชั่น" เห็นชัดเลยว่ากำลังโบกไม้โบกมืออย่างชัด มาจากหลายพื้นที่ของประเทศ ทราบว่าเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมามีความภาคภูมิใจอย่างยิ่งจากพี่น้องถือว่าเป็นเมตตาที่ยิ่งใหญ่มาก วันนี้ได้รับรายงานว่าขณะนี้มีผู้เข้าชื่อทูลเกล้าฯถวายฎีกว่า 4 ล้านคน เป็นสิ่งที่ต้องสำนึกในบุญคุณ เป็นน้ำใจที่ยิ่งใหญ่จากพี่น้องประชาชน ไม่รู้จะพูดอย่างไร อยากเข้าไปตอบแทนบุญคุณด้วยการทำงานให้พี่น้องก็ไม่ได้เข้าไป ถ้าได้เข้าไปตอบแทนแล้วจะได้นอนตายตาหลับ

อดีตนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตอนที่ตนโดนปฏิวัติปีแรกผมงง คิดว่าจะแก้ปัญหาอย่างไรเพราะโดนกล่าวหายัดเยียดข้อหา ปีที่สองหายงง แต่คิดอะไรไม่ออก ปีที่ 3 เริ่มคิดได้เมื่อออกมาอยู่เมืองนอกนานๆ คิดว่าน่าจะทำอะไรให้พี่น้องไทยในฐานะที่ผมเคยบริหารประเทศไทยมาก่อนและเดินทางไปในหลายประเทศ เห็นว่าหลายประเทศมีการทำสถานีโทรทัศน์เป็นภาษาอังกฤษเพื่อประชาสัมพันธ์ประเทศของตนเอง เราจึงต้องทำเช่นนั้นบ้างเพื่อให้ประเทศไทยเป็นที่ยอมรับและเข้าใจของต่างชาติ ผมนึกถึงเทคโนโลยีใหม่เอี่ยมล่าสุดจากที่เดิมไม่เคยทำได้ แต่ตอนนี้สามารถทำได้ไม่ยาก ตนเลยตัดสินใจทำสถานีโทรทัศน์ 100 ช่อง และ 4 ช่องที่คิดไว้ทำเพื่อประโยชน์ให้คนไทย

ช่องแรกต้องสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงงานตรากตรำมากว่า 60 ปี เป็นพระเจ้าอยู่หัวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกแล้ว มีโครงการมากมายที่สามารถเอาไปเผยแพร่ได้ ตนเคยไปเล่าให้ผู้นำแอฟริกาฟังและรับอาสาทำแปลงสาธิตเรื่องเกษตรทฤษฎีใหม่ ปรากฎว่าเป็นที่ตื่นเต้นของคนแอฟริกา จึงคิดจะเปิดสถานีโทรทัศน์ช่องที่นำพระราชกรณียกิจของในหลวงไปเผยแพร่เพื่อเป็นตัวอย่างที่เป็นประโยชน์ให้แก่ประเทศยากจนที่กำลังพัฒนาให้คนมีกินมีใช้

"ปล่อยให้กล่าวหาว่าผมไม่จงรักภักดี ว่าไป คนพวกนี้ ปากกับใจตรงกันหรือเปล่า ผมทำทุกอย่างเพื่อถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อประเทศ เพื่อสันติสุขที่จะเกิดขึ้นในประเทศของไทย ถ้าประเทศไทยทุกวันนี้ไม่มีความสุขประเทศไทยลำบาก เปรียบเหมือนการจับหนูตัวเดียวแล้วเผาบ้านทั้งหลัง หนูก็ไปแอบอยู่ใต้ต้นไม้ ฝนตกก็ไม่เปียก แดดออกก็ไม่ร้อน เริ่มชินแล้วปรับตัวได้ แต่คนในบ้านสิลำบาก สิ่งที่ต้องทำคือดับไฟ คนเสื้อแดงกำลังช่วยกันดับไฟ" อดีตนายกรัฐมนตรีกล่าว

พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวต่อว่า สำหรับสถานีโทรทัศน์อีกหนึ่งช่อง ตนจะเผยแพร่ให้สินค้าโอท็อปกลับมาเกิดใหม่และจะสนับสนุนให้ส่งขายไปทั่วโลก รวมทั้งสนับสนุนกิจการของผู้ประกอบการรายเล็กรายย่อยด้วย เพื่อเป็นช่องทางให้เกิดการนำสินค้าของไทยไปขายในต่างประเทศ สถานีช่องต่อไปคือช่องการศึกษา การศึกษาไทยไม่ดีพอ เพราะคนส่วนใหญ่เกิดมาในครอบครัวลำบาก การเรียนการสอนก็ลำบาก ตนจึงจะหาครูที่เก่งๆมาสอน ครูไทยไม่พอก็หาครูต่างประเทศมาสอนอีก วิชาในไทยไม่พอก็เอาวิชาเมืองนอกมาอีก ส่วนสถานีช่องสุดท้ายคือช่องคนจน จะพยายามให้คนจนกับคนรวยมาเจอกัน เอาแนวคิดของคนที่ฟื้นจากความยากจนแล้วประสบความสำเร็จมาเสนอว่าใครที่อยากจะพ้นความยากจนต้องใช้เงินเท่าไร และให้คนรวยได้ดูชีวิตคนจนแล้วนำเงินมาช่วยเหลือคนจน ให้เขาได้ฟื้นขึ้นมาทำมาหากินต่อได้

"ถ้าใครได้เห็นการต่อสู้ของคนเสื้อแดง ก็จะพบว่าเป็นการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย เป็นการต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมของคนทุกระดับชั้นในสังคมไทย เป็นการต่อสู้เพื่ออนาคต เพราะสังคมไทยชอบอยู่แต่กับปัจจุบันและอดีต และพยายามวิ่งกลับไปยังอดีตอยู่ตลอดเวลา" อดีตนายกรัฐมนตรีกล่าว

อดีตนายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า เมื่อไฟหยุดไหม้บ้าน ตนก็จะกลับไปช่วยพลิกฟื้นประเทศไทย แม้จะเป็นงานที่ยาก แต่ก็ไม่ยากกว่างานที่เคยทำมาแล้ว และเชื่ว่าพลังบุญที่พี่น้องทั้งหลายทำให้ตนจะช่วยให้ตนได้กลับไปช่วยพี่น้องผู้ทุกข์ยาก โดยจะพยายามดึงเงินจากต่างประเทศให้มาลงทุนในไทยหลายแสนล้านบ้าน ไม่ใช่ไปกู้เงินต่างประเทศมา

"บิล เกตส์เคยกล่าวว่า ถ้าคุณเกิดมาจน ไม่ใช่ความผิดของคุณ แต่ถ้าคุณตายจน นั่นเป็นความผิดของคุณ ส่วนคนที่ไม่อยากตายจน แต่ยังตายจนอยู่ นั่นเป็นความผิดของรัฐบาลที่ไม่สามารถสร้างระบบให้คนพ้นจากความยากจนได้" พ.ต.ท.ทักษิณกล่าว และว่า อีกไม่นานเกินรอ ตนหวังว่าจะกลับไปอยู่ท่ามกลางพี่น้องที่สนับสนุน จะกลับไปตอบแทนทุกคน และจะกลับไปถวายงานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ทรงสบายพระทัย และหวังว่าจะได้กลับเมืองไทยตอนอายุ 61 ปี

"พัชรวาท"ตอกหน้า"มาร์ค"ไม่ได้ฟังแถลง ปัดยื่นหนังสือลาไปเมืองนอก ยันไม่ได้เสนอทางออกแค่หารือเฉยๆ

ที่มา มติชนออนไลน์

ผบ.ตร.ยังยิ้มร่า ปัดเสนอ2ทางออกลดอุณหภูมิคดียิง"สนธิ" ยันไม่ได้ยื่นหนังสือขอลาพักไปตปท. แค่มีทริปไปจีน10วันตามปกติ ขู่ถ้าระงับโยกย้ายอาจถูก152นายพลฟ้อง บอกตีความกันไปเองว่าเป็นอุปสรรค-การเมืองไม่กดดัน


เมื่อเวลา 20.30 น. พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ให้สัมภาษณ์ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระบุพล.ต.อ.พัชรวาท เสนอทางออกให้บรรยากาศการคลี่คลายคดีลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยดีขึ้น ด้วยการขอลาหยุด รวมทั้งไปปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 10 กว่าวันตั้งแต่ต้นสัปดาห์หน้า และการแต่งตั้งโยกย้ายที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างใหม่ ควรถูกระงับและทบทวนและเปิดโอกาสให้ผบ.ตร.คนใหม่ที่จะเข้ามาทำหน้าที่ต่อไป ว่า การลาพักงานไม่มีอยู่แล้ว เรื่องที่นายกรัฐมนตรีออกมาพูดตนไม่ได้ฟัง และไม่ได้ทำหนังสือเสนอทางออกอะไร เป็นเพียงการหารือกัน และไม่มีการยื่นหนังสือเพื่อขอลาพักไปต่างประเทศแต่อย่างใด แต่มีทริปต้องเดินทางไปราชการที่ประเทศจีน ในฐานะ ผบ.ตร. ตามการแลกเปลี่ยนเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดย 1 ปีสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องไปจีน 3 ครั้ง ปกติครั้งละประมาณ 10 วัน ซึ่งตนต้องไป 1 ครั้ง ครั้งนี้ก็เป็นจังหวะที่ต้องไปพอดี ยังไม่ทราบรายละเอียดว่าไปเมื่อไหร่ อย่างไร ปกติไป 10 วัน แต่ก็จะไม่ขอลาต่อ วันที่ 3 สิงหาคม จะมาปฏิบัติราชการปกติ


เมื่อถามว่า ช่วงที่ไปราชการที่ประเทศจีนจะให้ใครปฏิบัติราชการแทน ผบ.ตร.กล่าวว่า ตรงนี้ดูตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 มาตรา 72 วรรคแรก ให้นายกรัฐมนตรีพิจารณา


เมื่อถามถึงที่นายกรัฐมนตรีระบุว่าระงับการแต่งตั้งโยกย้ายทั้งหมด ผบ.ตร.กล่าวว่า ตอนนี้ร่างพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2552 เหลือเพียงประกาศในราชกิจจาฯ ตามกำหนดการเดิมวางไว้ว่าจะประกาศในราชกิจจานุเบกษาและให้มีผลในวันนี้ 16 สิงหาคม แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ต้องดูอีกครั้ง


"แต่ปัญหาที่การแต่งตั้งนายพล 152 ตำแหน่งนั้นผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ไปแล้ว ซึ่งถ้ามีการปรับเปลี่ยนผู้ที่มีชื่อในการแต่งตั้งแล้วอาจมีปัญหา ฟ้องร้องกันได้ ตรงนี้ก็ต้องดูให้ดี" ผบ.ตร.กล่าว


เมื่อถามถึงระดับรอง ผบก.ลงมา จะต้องระงับการแต่งตั้งตามที่นายกรัฐมนตรีระบุหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า ไม่ได้ฟังที่นายกรัฐมนตรีพูด แต่ไม่รู้ว่าเป็นการเข้าใจผิดกันอย่างไรหรือเปล่า ต้องดูไปตามกฎหมาย


เมื่อถามว่า การทำแบบนี้การเมืองล้วงลูกเรื่องแต่งตั้งหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า ไม่ได้ฟังที่นายกรัฐมนตรีพูด อย่างไรก็ตาม ตนสบายอยู่แล้ว ก็ทำงานต่อไป เรื่องปรับเปลี่ยนตำแหน่งของตนที่เป็นกระแสในช่วงนี้ก็เป็นแค่ข่าว ไม่มีอะไร


เมื่อถามว่า การพูดของนายกรัฐมนตรีที่บอกว่า ผบ.ตร.ไม่อยู่ คดีนายสนธิจะคืบหน้าฟังดูเหมือน ผบ.ตร.เป็นอุปสรรค ผบ.ตร.กล่าวว่า "ผมไปทำอะไรในคดีนี้ เป็นอุปสรรคตรงไหน คิดกันไปเองตีความกันไปเอง ผมไม่ได้ทำอะไร"


เมื่อถามว่า การเมืองกดดันหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า ไม่มีอะไรกดดัน ก็เป็นเพียงข่าว


รายงานข่าวแจ้งว่า กระแสกดดันการปลด ผบ.ตร.นั้นเกิดจากกลุ่มนักการเมืองที่เป็นคนใกล้ชิดนายกรัฐมนตรี พยายามแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ เนื่องจากการแต่งตั้งระดับนายพลครั้งที่ผ่านมา รายชื่อตำรวจที่คนใกล้ชิดดังกล่าวเสนอขึ้นมาไม่ได้รับการพิจารณามากนัก จนสร้างความไม่พอใจและสร้างกระแสข่าวกดดันให้นายกรัฐมนตรีปลด ผบ.ตร.พ้นตำแหน่ง โดยหยิบโยงเอาคดีของนายสนธิมาผูกเป็นประเด็นเพื่อสร้างความสับสนให้สังคมและหาความชอบธรรมเป็นข้ออ้างในการปลด


รายงานข่าวระบุว่า ขณะนี้คนใกล้ชิดของนายกรัฐมนตรีคนดังกล่าว เริ่มแสดงความวิตกกังวลและพยายามขอเอกสารบางอย่างที่ระบุถึงการวิ่งเต้นแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ คืนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เนื่องจากการแทรกแซงการแต่งตั้งนั้นผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา ที่ระบุว่า 266 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาต้องไม่ใช้สถานะหรือตำแหน่งการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภาเข้าไปก้าวก่ายหรือแทรกแซงเพื่อประโยชน์ของตนเอง ของผู้อื่น หรือของพรรคการเมือง ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม ซึ่งหลักฐานชิ้นนี้ อาจทำให้บุคคลผู้นั้นมีความผิดได้

'กอร์ปศักดิ์'ระทึกกว่า

ที่มา ไทยรัฐ
Pic_23387

กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ

โดยอาการลุกลี้ลุกลนออกจากทำเนียบรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยไม่มีหมายงานแจ้งล่วงหน้า และยังมีการสั่งให้หน่วย รปภ.ของนายกฯปิดประตูทำเนียบรัฐบาล กั้นขบวนรถนักข่าวไม่ให้ติดตามไปด้วย


นับว่าเป็นครั้งแรกที่นายกฯอภิสิทธิ์ เล่นบท "นินจา" ใช้วิธีการสกัดกั้นรถสื่อมวลชน แทนการส่งนายเวรมาประสานงาน เพื่อขอร้องด้วยวาจาเหมือนที่เคยปฏิบัติมาทุกครั้งที่นายอภิสิทธิ์ขอไปในงานส่วนตัว

มันฟ้องด้วยภาพ

ตรงตามที่แหล่งข่าวใกล้ชิดยืนยัน นายกฯอภิสิทธิ์เครียดหนัก กับรายการวัดใจ เกมลับ ลวง พราง ล่อกันเองในกลุ่มอำนาจที่ช่วยกันพลิกขั้ว


อุ้มให้ขึ้นนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี

ด้วยปมลอบสังหาร "เดอะลิ้ม" นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำใหญ่ม็อบพันธมิตรฯ ต่อเนื่องมาถึงเดิมพันเก้าอี้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.

ระหว่างเป็นเด็กไม่มีวุฒิภาวะการเป็นผู้นำในสายตาคนเสื้อเหลือง หรือจะเป็นลูกไล่ของขาใหญ่ม็อบพันธมิตรฯในมุมของคนเสื้อเขียวบวกน้ำเงิน

ออกมุมไหน สำหรับคนชื่อ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ก็มีค่าเท่ากัน

นายกรัฐมนตรีไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง


ที่แน่ๆโดยปรากฏการณ์ของเกมลับ ลวง พราง ล่อกันเองในหมู่คนที่เคยสนิทใจ นี่จะเป็นชนวนนำร่องทำให้รัฐบาลประชาธิปัตย์ตกอยู่ในภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง

ไวต่อการเกิดโรคแทรกซ้อน

ก่อนอื่นเลย กับมหันตภัยที่กำลังคืบคลานมาเงียบๆ รายการงาบหัวคิวในโครงการชุมชนพอเพียงที่ฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทย สื่อมวลชน ช่วยกันแกะรอยความไม่ชอบมาพากล

จนสรุปได้ว่า เป็นโครงการ "ชุมชนแพงเพียบ"

และโดยปมที่ยิ่งสาวลึกก็ยิ่งพันไปถึงคนที่มีสายสัมพันธ์โยงใยกับยี่ห้อประชาธิปัตย์ ทั้งน้องชายรัฐมนตรี ทั้งบริษัทที่จ่ายเงินสนับสนุนพรรค

ว่ากันถึงขั้นมีใบเสร็จชัดๆ อยู่ในมือฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทย


ที่แน่ๆโดยอาการ "ไฟจวนตัว" ที่จับทางได้ ล่าสุดนายกฯอภิสิทธิ์ออกมาให้ข่าวเองเลยว่าที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่คนของพรรคถูกกล่าวหาว่าทุจริตโครงการชุมชนพอเพียง ประกอบไปด้วยนายเจริญ คันธวงศ์ ส.ส.สัดส่วน นายถวิล ไพรสณฑ์ ส.ส.กทม. และนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง

ย้ำเสียงเข้ม ต้องมีการลงโทษแน่

ชิงเหลี่ยม รีบ "ล้างน้ำกันเอง" ตัดตอนกระแส


ขณะที่พระเอกตามท้องเรื่อง นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจ ออกมาการันตีนายประโภชฌ์ สภาวสุ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน (สพช.) ในฐานะน้องชาย

ไม่ได้เกี่ยวข้องแน่ 1,000 เปอร์เซ็นต์

แต่ก็เป็นอะไรที่มั่นใจ ใส่เกียร์ห้าไล่บี้ โดยการส่งมวยมาตรฐานระดับนายปานปรีย์ พหิทธานุกร แคนดิเดตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะทำงานตรวจสอบการใช้งบประมาณในโครงการชุมชนพอเพียง เตรียมแถลงข่าวใหญ่ ผลสรุปการติดตามโครงการชุมชนพอเพียง

เข้าข่ายมีการทุจริตในหลายพื้นที่ทั่วทุกภูมิภาค


พรรคเพื่อไทยกะฟัน "ผลงานโบแดง"

และเป็นอะไรที่ช่างบังเอิญ 2 รองนายกฯยี่ห้อประชาธิปัตย์ "งานเข้า" พร้อมกัน

แต่โดยแรงตกกระทบที่จะพุ่งเข้าใส่รัฐบาลประชาธิปัตย์ เทียบกัน กับคิวของ "เทพเทือก" รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ที่กำลังเผชิญมรสุมวัดใจ "สัญญาลูกผู้ชาย" ตอบแทนทีมงานที่ร่วมกันพลิกขั้วให้ "อภิสิทธิ์" ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี

กระแสนอกพรรคก็หมั่นไส้ คนในพรรคก็จ้องล้ม

แต่โดยปมก็ยังแค่เฉี่ยวๆ ไม่เอี่ยวกับประชาธิปัตย์โดยตรงเหมือนกับรายการของนายกอร์ปศักดิ์ รองนายกฯด้านเศรษฐกิจ ที่กำลังเจอกับเครื่องหมายคำถามเรื่องความโปร่งใส

ท้าทายมาตรฐาน "มิสเตอร์คลีน" ของยี่ห้อ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ"


ข่าวโกงแทรกขึ้นมา ในขณะที่การกู้วิกฤติเศรษฐกิจยังโงหัวไม่ขึ้น

นั่นไม่สำคัญเท่ากับคำว่า "พอเพียง" มีความหมายลึกซึ้งยิ่งกว่าโครงการทั่วไป

แต่กลับมัวหมองในรัฐบาลที่ชูภาพตัวเองผุดผ่อง.

ทีมข่าวการเมือง รายงาน

เศรษฐกิจสามแพร่ง

ที่มา ไทยรัฐ

ความตื่นตัวในการรับมือกับ วิกฤติเศรษฐกิจ ที่ถาโถมเข้ามาอีกระลอกในปลายปีนี้ ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจโลกอยู่ในช่วงขาลงสุดๆ ดังนั้นการตั้งเป้าการเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจของแต่ละประเทศจึงไม่ได้มุ่งหวังว่าจะบวกเท่านั้นเท่านี้ แต่ทำอย่างไรจะให้ติดลบน้อยที่สุด ก็ถือว่าได้ผลแล้ว

ยกเว้นบางประเทศที่มีการเตรียมพร้อมและมีต้นทุนที่สามารถจะต้านทานวิกฤติเศรษฐกิจในระยะยาวได้ เช่น จีน และเวียดนาม ที่ตัวเลขการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นบวกอยู่แล้ว ในศตวรรษนี้ ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องของวิกฤติทางการเงินในสหรัฐฯซะก่อนคงได้เห็นการเจริญเติบโตของทั้งสองประเทศนี้แบบก้าวกระโดด
เป็นบิ๊กเซอร์ไพรส์

เรื่องพรรค์นี้ไม่ใช่เพราะโชคช่วย แต่มีการเตรียมพร้อมต่างหาก เวียดนามมีแผนที่จะดึงเม็ดเงินการลงทุนโดยเฉพาะ มีการแก้กฎหมายโครงสร้างพื้นฐานและการอำนวยความสะดวก เปิดประตูในทุกๆด้าน สรุปว่าเป็นประเทศที่น่าลงทุนประเทศหนึ่งในย่านนี้ แต่บ้านเราจะยกเลิกระบบอนุญาโตตุลาการฉิบ

ไม่ต้องอื่นไกล นักลงทุนจากประเทศไทยยังหอบเงิน ไปลงทุนในประเทศเวียดนามเป็นจำนวนไม่น้อย สังเกตว่าบุคลากรที่พูดภาษา เวียดนามได้กำลังเป็นที่ต้องการของนักลงทุน ถนนหนทาง รถไฟความ เร็วสูง โทรศัพท์ระบบ 3 จี เวียดนามมีหมด

ที่ผมแปลกใจคือไม่เห็นเวียดนาม กัมพูชา ลาว หรือพม่า มีข่าวเรื่องของไข้หวัดใหญ่ 2009 นอกจากนี้ยังให้ความมั่นใจกับนักลงทุนทุกด้าน โดยมีกฎหมายที่คุ้มครองนักลงทุนและเอาจริงเอาจังกับการทุจริตคอรัปชันอย่างเฉียบขาด

ต้องยอมรับว่าการเมืองไทยนั้น บั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนอย่างมาก อาทิ การร่วมกันระหว่างนักธุรกิจไทย-จีน ที่มี คุณพินิจ จารุสมบัติ เป็นนายกสมาคมวัฒนธรรมธุรกิจไทย-จีน เชิญนักลงทุนจากจีนนับร้อยชีวิตมาพบปะกับนักธุรกิจไทย

ถึงจะไม่มีโครงการขนาดใหญ่ที่จะต้อง เป็นการเจรจาระหว่างรัฐต่อรัฐ มีเพียงแค่ภาคเอกชนจัดกันขึ้นมาเองก็ยังเป็นการส่งสัญญาณว่าความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างไทย-จีนยังดีอยู่

สิ่งหนึ่งที่ฝ่ายจีนตั้งข้อสังเกตไว้ก็คือวิกฤติการเมืองในประเทศไทย เป็นอุปสรรคการลงทุน ทำอย่างไรจะให้มีการเจรจาแก้ปัญหาโดยสันติ และประเทศไทยกลับเข้าสู่ความสงบเหมือนเดิม

บรรยากาศการลงทุนน่าจะดีกว่านี้

วันนี้ถึงเวลาที่ภาครัฐและเอกชนจะต้องหันหน้ามา แก้ไขปัญหาของประเทศ 2 ข้อ นั่นคือวิกฤติการเมืองกับปัญหาการทุจริตคอรัปชัน

ถ้าทำได้ก็ไม่ต้องไปเสียเวลาโฆษณาประชาสัมพันธ์อะไรมากมาย เพราะประเทศไทยเคยเป็นประเทศที่น่าลงทุนมาก่อน เศรษฐกิจไทยกำลังเดินอยู่บนทางสามแพร่ง วิกฤติการเมือง วิสัยทัศน์รัฐบาล

และเงื่อนไขการถอนทุนต่างตอบแทน.

หมัดเหล็ก

'พัชรวาท'เปิดใจ ลาไปนอก ไม่เกี่ยวคดีสนธิ

ที่มา ไทยรัฐ
Pic_23444

พัชรวาท วงษ์สุวรรณ

ผบ.ตร.เผยลาไปเมืองจีน ไม่ใช่หยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่เป็นไปตามกำหนดภารกิจ ชี้การระงับแต่งตั้งตามโครงสร้างใหม่ไม่มีการกดดันจากรัฐบาล และไม่เกี่ยวกับคดีลอบยิง "สนธิ" ระบุสื่อคิดกันไปเอง..

เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (31 ก.ค.) พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ได้เปิดใจให้สัมภาษณ์ถึงข่าวลือตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าจะถูกปลดพ้นตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จากปมคดีลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จนต้องยื่นหนังสือขอลาพักผ่อนไปต่างประเทศ ว่า ไม่ใช่การหยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่มีกำหนดต้องเดินทางไปประเทศจีน หาคนไปแทนไม่ได้ ผบ.ตร.ต้องไปด้วยตัวเอง แต่ละครั้งจะเป็น 3 วัน หรือ 9 วัน แล้วแต่ภารกิจ ปกติแล้วการไปแลกเปลี่ยน ใช้เวลาประมาณ 10 วัน ซึ่งทริปจีนจังหวะพอดีไม่เคยได้ไปเลย

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมอบหมายให้ รอง ผบ.ตร.คนไหนรักษาการแทน พล.ต.อ.พัชรวาทกล่าวว่า ต้องพิจารณาตามกฎหมาย มาตรา 72,2 ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า อำนาจแต่งตั้งคนรักษาการแทน ผบ.ตร.เป็นของนายกรัฐมนตรี หรือ ผบ.ตร. พล.ต.อ.พัชรวาทกล่าวว่า มาตรา 72,1 เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีในการมอบหมายให้รักษาการแทน ผบ.ตร. แต่มาตรา 72,2 ในการรักษาการแทน ผบ.ตร. ต้องเป็น รอง ผบ.ตร.ตามลำดับอาวุโสเป็นผู้รักษาการแทน ผบ.ตร.

ผู้สื่อข่าวถามว่า รู้สึกอย่างไรกับกระแสการปลด ผบ.ตร. พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า ไม่มีอะไร เป็นเรื่องของข่าว ส่วนที่นายกฯให้ระงับการแต่งตั้งตามโครงสร้างใหม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า ไม่ได้ฟัง ฟังแล้วก็สับสน ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการหารือที่บ้านพิษณุโลก พล.ต.อ.พัชรวาทตอบว่า ใครบอก เมื่อถามมีการกดดันจากรัฐบาลหรือไม่ พล.ต.อ.พัชรวาทกล่าวว่า ไม่ได้มีการกดดันจากรัฐบาล ผู้สื่อข่าวย้ำว่า เกี่ยวกับคดีลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล หรือไม่ พล.ต.อ.พัชรวาทกล่าวว่า "คดีนายสนธิ ผมทำอะไร คิดกันไปเอง"

5.3 ล้าน ‘แดง’ ลงชื่อถวายฎีกา เครือข่ายเดิมต้านพรึบ

ที่มา ประชาไท

วีระนับชื่อเสื้อแดงค่ำคืน 31 ก.ค.รวม 5,363,429 คน ทักษิณโฟนอินตื้นตันใจ ประกาศเพิ่มทีวีดาวเทียมช่องพระราชกรณียกิจเสื้อแดงนัดหมาย 3 ส.ค. วันเกิดมาร์ค "ดำทั้งแผ่นดิน" ด้าน ยธ.ออกแถลงการณ์แจงการถวายฎีกา ส่วนที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยรัฐมีมติค้ดค้าน

เว็บไซต์ไทยรัฐ รายงานบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ท้องสนามหลวง เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น. วันที่ (31 ก.ค.) ว่า นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้ประกาศบนเวทีปราศรัย ว่า จำนวนประชาชนที่ร่วมลงชื่อเพื่อทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีจำนวน 5,363,429 คน ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมต่างปรบมือโห่ร้องแสดงความดีใจ

ก่อนหน้านั้น เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โฟนอินมาที่เวทีปราศรัยขอขอบคุณประชาชนที่ร่วมลงชื่อถวายฎีกา นอกจากนี้ในส่วนของเว็บไซต์ ทวิตเตอร์ @Thaksinlive พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เขียนขอบคุณผู้ที่ร่วมลงชื่อถวายฎีกา ว่า "ผมรู้สึกตื้นตันใจมากกับ 4.1 ล้านชื่อที่ถวายฎีกา เมื่อสักครู่เลยพูดที่สนามหลวงไม่ค่อยออกครับ"

ทักษิณเตรียมเพิ่มทีวีดาวเทียมช่องพระราชกรณียกิจ
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า จากที่ได้เดินทางไปในหลายประเทศ เห็นว่ามีการทำสถานีโทรทัศน์เป็นภาษาอังกฤษเพื่อประชาสัมพันธ์ประเทศของตนเอง จึงต้องการทำเช่นนั้นบ้างเพื่อให้ประเทศไทยเป็นที่ยอมรับและเข้าใจของต่างชาติ นึกถึงเทคโนโลยีใหม่เอี่ยมล่าสุด เลยตัดสินใจทำสถานีโทรทัศน์ 100 ช่อง และ 4 ช่องที่คิดไว้ทำเพื่อประโยชน์ให้คนไทย คือช่องที่นำพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปเผยแพร่ เพื่อเป็นตัวอย่างที่เป็นประโยชน์ให้แก่ประเทศยากจนที่กำลังพัฒนาให้คนมีกินมีใช้ อีกหนึ่งช่องจะเผยแพร่สินค้าโอทอปและจะสนับสนุนให้ส่งขายไปทั่วโลก รวมทั้งสนับสนุนกิจการของผู้ประกอบการรายเล็กรายย่อยด้วย เพื่อเป็นช่องทางให้เกิดการนำสินค้าของไทยไปขายในต่างประเทศ ช่องการศึกษา และช่องคนจน

พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวด้วยว่า เมื่อไฟหยุดไหม้บ้าน ก็จะกลับไปช่วยพลิกฟื้นประเทศไทย แม้จะเป็นงานที่ยาก แต่ก็ไม่ยากกว่างานที่เคยทำมาแล้ว และเชื่อว่าพลังบุญที่พี่น้องทั้งหลายทำให้ตน จะช่วยให้ได้กลับไปช่วยพี่ น้องผู้ทุกข์ยาก โดยจะพยายามดึงเงินจากต่างประเทศให้มาลงทุนในไทยหลายแสนล้านบ้าน ไม่ใช่ไปกู้เงินต่างประเทศมา และจะกลับไปถวายงานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ทรงสบายพระทัย และหวังว่าจะได้กลับเมืองไทยตอนอายุ 61 ปี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจาก พ.ต.ท.ทักษิณ จะโฟนอินเข้ามาพูดคุยกับกลุ่มคนเสื้อแดงแล้ว ในส่วนของเว็บไซต์ ทวิตเตอร์ @Thaksinlive พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เขียนขอบคุณผู้ที่ร่วมลงชื่อถวายฎีกาด้วย ว่า "ผมรู้สึกตื้นตันใจมากกับ 4.1 ล้านชื่อที่ถวายฎีกา เมื่อสักครู่เลยพูดที่สนามหลวงไม่ค่อยออกครับ"

3 ส.ค. วันเกิดมาร์ค เสื้อแดงมีมติ "ดำทั้งแผ่นดิน"
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. กล่าวถึงขั้นตอนต่อไปว่า จะมีการตรวจสอบรายละเอียดและบันทึกข้อมูลทั้งหมดลงในคอมพิวเตอร์ คาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 7 วันน่าจะเสร็จสมบูรณ์ จากนั้น จะยื่นต่อสำนักราชเลขาธิการ สำนักพระราชวัง เพื่อนำฎีกาขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายต่อไป ทั้งหมดเป็นไปตามกระบวนการตามปกติ ไม่ขัดแย้งต่อกฎหมายใดๆ อย่างแน่นอน

นอกจากนี้ นายจตุพร ยังกล่าวว่า ขอเตือนไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่กำลังตั้งโต๊ะถอนรายชื่อฎีกา หากผู้นั้นไม่ได้ลงชื่อ แต่มาแอบบ้างถอนชื่อ กลุ่มเสื้อแดงจะตรวจสอบ และฟ้องร้องฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ทั้งผู้ริเริ่มและผู้ถอนรายชื่อด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า กลุ่มเสื้อแดงยังมีมติให้วันที่ 3 ส.ค. ขอให้มวลชนแต่งดำ ในภารกิจ "ดำทั้งแผ่นดิน" เพื่อเป็นการแสดงออกว่าไม่ยอมรับรัฐบาลและหัวหน้ารัฐบาล ซึ่งเกิดในวันดังกล่าวด้วย

ยธ.ออกแถลงการณ์ แจงการถวายฎีกา
ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน กระทรวงยุติธรรมออกแถลงการณ์เรื่อง การทำความเข้าใจที่ถูกต้องกรณีการทูลเกล้าฯถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษจาก กรณีที่ประชาชนจำนวนมากถูกชักชวนให้ร่วมลงชื่อทูลเกล้าฯถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยอ้างว่าจะทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ พ้นจากการลงโทษจำคุกตามคำพิพากษาศาลนั้น กระทรวงยุติธรรม ขอชี้แจงว่าการกระทำดังกล่าวก่อให้เกิดความสับสนและเข้าใจผิดเกี่ยวกับพระราชอำนาจ จึงเห็นควรชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนดังนี้

1.สถาบันพระมหากษัตริย์ทรงเป็นที่เคารพของปวงชนชาวไทย และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกฉบับ ตั้งแต่ พ.ศ.2475 ได้รับรองสถานะพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขของชาติและทรงอยู่ภายใต้ กฎหมายเช่นเดียวกับพสกนิกรของพระองค์

ขณะเดียวกันกฎหมายก็ได้ยอมรับขนบธรรมเนียมของชาติที่ให้พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระเมตตา มีพระราชอำนาจในการอภัยโทษได้ แต่ทั้งนี้จะต้องเป็นไปตามกรอบและกระบวนการตามกฎหมาย ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 259 และระเบียบปฏิบัติของกรมราชทัณฑ์ที่ผ่านมา ผู้ที่มีสิทธิและสามารถจะขอพระราชทานอภัยอภัยโทษได้นั้นจะต้องมีคุณสมบัติ ว่าจะต้องเป็นตัวของผู้ต้องคำพิพากษาของศาลให้รับโทษทางอาญา หรือผู้มีประโยชน์เกี่ยวข้อง ได้แก่ บิดามารดา คู่สมรส บุตรหลาน หรือญาติที่ใกล้ชิดเท่านั้นเป็นผู้ยื่นแสดงความจำนงขอพระราชทานอภัยโทษตาม หลักเกณฑ์และกฎหมาย โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมจะทำหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องของขั้นตอน การดำเนินการและประวัติความประพฤติตลอดจนความร้ายแรงของการกระทำความผิดของผู้ต้องคำพิพากษาเพื่อทำความเห็นประกอบการทรงมีพระบรมราชวินิจฉัย

2.กระบวนการทางกฎหมายข้างต้นนี้เป็นวิธีปฏิบัติที่ผ่านมาของกรมราชทัณฑ์ และกระทรวงยุติธรรมมาโดยตลอด ไม่เคยปฏิบัตินอกเหนือจากนี้ ดังนั้นประเด็นสำคัญคือ ลำพังเพียงผู้ต้องคำพิพากษา บิดามารดา คู่สมรส บุตรหลาน หรือญาติที่ใกล้ชิดเพียงคนเดียวก็สามารถดำเนินการขอพระราชทานอภัยโทษได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้ประชาชนที่ไม่ใช่ผู้เกี่ยวข้องโดยตรงเป็นจำนวนมากมาลงชื่อ ทำให้เกิดข้อสงสัยได้ว่าผู้ดำเนินการซึ่งทราบว่าไม่มีสิทธิและทำไม่ได้นั้น มีวัตถุประสงค์อะไรในการดำเนินการเช่นนี้ หรือเพียงเพื่อตั้งใจให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดหรือคลาดเคลื่อนเพื่อวัตถุประสงค์อื่นทางการเมือง

3.กระทรวงยุติธรรมเชื่อว่า พสกนิกรชาวไทยทั้งปวงมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และไม่มีความประสงค์จะทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นสถาบันหลักของชาติมาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมือง และ ผู้ที่ร่วมลงชื่อเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษกับกลุ่มคนดังกล่าวอาจมีความเข้าใจ คลาดเคลื่อนถึงหลักเกณฑ์และวิธีการในการขอพระราชทานอภัยโทษและคาดไม่ถึงว่า จะถูกนำไปผูกโยงกับความขัดแย้งทางการเมืองและระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท ดังนั้นกระทรวงยุติธรรมจึงขอทำความเข้าใจกับประชาชนชาวไทยที่มีความรักชาติ และมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ถึงกระบวนการตามกฎหมายว่าด้วย การขอพระราชทานอภัยโทษ และหากพี่น้องชาวไทยได้รับทราบและเข้าใจข้อเท็จจริงนี้แล้วคิดว่าการลงชื่อ ดังกล่าวไม่สอดคล้องกับความคิดเห็นและวัตถุประสงค์ของท่าน ก็ขอให้ท่านดำเนินการถอนชื่อของท่านออกจากกระบวนการดังกล่าวก็จะเป็นแนวทางที่ถูกต้องเหมาะสม

มติมอธิการบดีมหาวิทยาลัยรัฐ 26 แห่งค้านฎีกา
ส่วนมติชนออนไลน์ เสนอข่าว นพ.ภิรมย์ กมลรัตนกุล อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม ทปอ.วันเดียวกันนี้ ที่มีอธิการบดีมหาวิทยาลัยรัฐ 26 แห่ง เข้าร่วม มีมติคัดค้านการเข้าชื่อถวายฎีกา โดยมีผู้ร่วมลงชื่อแล้ว อาทิ

1.นายสุรพล นิติไกรพจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 2.นายวันชัย ศิริชนะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง 3.นายสุชาติ อุปถัมภ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยบูรพา 4.นายสุวิทย์ เลาหศิริวงศ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยนครพนม 5.นายจงรัก พลาศัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ 6.นายสมเกียรติ สายธนู อธิการบดีมหาวิทยาลัยทักษิณ 7.นายพงษ์ศักดิ์ อังกสิทธิ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 8.นายไทย ทิพย์สุวรรณกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ร่วมกันลงชื่อคัดค้านการถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ โดยมอบหมายให้ ทปอ.รวบรวมรายชื่ออธิการบดี และจัดทำหนังสือส่งถึงราชเลขาธิการ สำนักพระราชวัง ขอให้ยับยั้งการนำฎีกาขึ้นถวาย

ทั้งนี้ ทปอ.จะประสานไปยังมหาวิทยาลัยราชภัฏ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) และมหาวิทยาลัยเอกชนกว่า 100 แห่งทั่วประเทศ ที่มีความเห็นสอดคล้องกับ ทปอ. ได้ร่วมลงชื่อคัดค้านด้วย

"การดำเนินการของ ทปอ.เพราะมองว่า มหาวิทยาลัยควรออกมามีบทบาทช่วยชี้นำสังคม และเสนอแนะทางออกโดยใช้หลักวิชาการเป็นตัวกลาง ไม่ใส่ความรู้สึก ที่สำคัญไม่ได้โจมตีกลุ่มบุคคลใด และขอย้ำว่า ทปอ.ไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือต้องการให้ใครแพ้ชนะ แต่สิ่งที่ทำล้วนมีเหตุผลทางวิชาการรองรับ"

นพ.ภิรมย์กล่าวต่อว่า หนังสือที่ ทปอ.จะส่งถึงราชเลขาธิการ มีเนื้อหาคัดค้านการถวายฎีกาของกลุ่มเสื้อแดงดังนี้

1.ฎีกาดังกล่าว มิใช่ฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 259-267 และขัดต่อพระธรรมนูญศาลยุติธรรมมาตรา 23 และ 2.ฎีกาดังกล่าว มิใช่ฎีการ้องทุกข์เพื่อขอความเป็นธรรม แต่เป็นการถวายฎีกาที่มีความมุ่งหมายให้พระราชทานอภัยโทษแก่ตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งมิใช่ผู้ขอถวายฎีกา 3.ฎีกาดังกล่าวมุ่งประสงค์ทำให้พระมหากษัตริย์ใช้พระราชอำนาจก้าวล่วงองค์กรผู้ใช้อำนาจอธิปไตย โดยขอให้พระราชทานอภัยโทษให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งศาลฎีกามีคำสั่งเด็ดขาดแล้วให้จำคุก และยังคงมีคดีค้างอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาอีกหลายคดี 4.ฎีกาดังกล่าว เป็นเรื่องที่มีจุดมุ่งหมายทางการเมืองชัดเจน และการนำเอาข้อขัดแย้งในทางการเมืองที่มีผู้เห็นแตกต่างกันอยู่หลายฝ่ายขึ้นกราบบังคับทูลต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อให้ทรงมีพระราชวินิจฉัย เป็นเรื่องไม่บังควรเป็นอย่างยิ่ง และเป็นการดึงสถาบันพระมหากษัตริย์มาสู่ความขัดแย้งเป็นการฝักฝ่ายทางการเมืองโดยตรง และ 5.กรณีที่ผู้ร่างและชักชวนให้ประชาชนมาร่วมลงชื่อ อาจจะทำให้เกิดความขัดแย้งแตกแยกในหมู่ประชาชนทั่วไป และกับสถาบันสูงสุดของชาติทำให้คับข้องใจอันนำไปสู่ความแตกแยกในหมู่ประชาชน และเกิดความเสียหายรุนแรงที่สุดต่อประเทศชาติ และต่อระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขได้

..............................
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ และมติชน

อัยการพลิก สั่งฟ้อง 15 นปช. บุกบ้านเปรม หลัง ผบ.ตร.เห็นแย้ง

ที่มา ประชาไท

31 ก.ค.31 เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ รายงานข่าวอ้างถึงนายสุวิทย์ ดิษฐแพ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอัยการสูงสุด ได้กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาคดีแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นำกลุ่มคนเสื้อแดงไปชุมนุมก่อความวุ่นวายที่หน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์บ้านพักของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เมื่อค่ำวันที่ 22 กรกฎาคม 2550 ซึ่ง พล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ ผบ.ตร. มีความเห็นแย้งให้ฟ้องผู้ต้องหา หลังจากอัยการฝ่ายคดีอาญามีความเห็นสั่งไม่ฟ้องแกนนำ นปช.กับพวก เนื่องจากเห็นว่า ลักษณะการชุมนุมดังกล่าวเป็นไปอย่างเปิดเผย ไม่มีอาวุธ ซึ่งเป็นสิทธิตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้

ทั้งนี้ หลังจาก ผบ.ตร. ส่งความเห็นแย้งให้นายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด พิจารณาชี้ขาดแล้ว ล่าสุดอัยการสูงสุด มีความเห็นชี้ขาดสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมดในข้อหามั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายหรือก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง และข้อหาอื่น ตามความเห็นแย้งของ ผบ.ตร.

นายสุวิทย์ กล่าวต่อว่า หลังจากอัยการสูงสุด มีความเห็นสั่งฟ้องแล้ว ขั้นตอนต่อไปจะส่งสำนวนและความเห็นของอัยการสูงสุด กลับไปให้นายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญาซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบสั่งคดีตั้งแต่แรก เพื่อร่างคำฟ้อง และแจ้งให้พนักงานสอบสวนติดตามตัวผู้ต้องหาทั้งหมด มารับคำสั่งฟ้อง ก่อนนำตัวยื่นฟ้องศาลอาญาต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้ตามสำนวนการสอบสวน พนักงานสอบสวนมีความเห็นสมควรสั่งฟ้องแกนนำนปช.10 คน ประกอบด้วย นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายจักรภพ เพ็ญแข นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย นพ.เหวง โตจิราการ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย นายจรัล ดิษฐาอภิชัย นายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ และนายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล ข้อหามั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง

เมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกแล้วไม่เลิก และร่วมกันเดินแถว เดินเป็นขบวนใดๆ ในลักษณะที่เป็นการกีดขวางการจราจรโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานจราจร และร่วมกันกระทำการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน และผู้ร่วมชุมนุมก่อความวุ่นวายอีก 5 คนประกอบด้วย นายบรรธง สมคำ ม.ล.วีระยุทธ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา นายศราวุธ หลงเส็ง นายวีระศักดิ์ เหมธุริน และนายวันชัย นาพุทธา ข้อหามั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง
.............................
ที่มา
: เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ

ระวังรัฐประหารล้มฎีกา เสื้อแดงเตรียมลุกฮือต้าน

ที่มา Thai E-News


โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
ที่มา ประชาไทบอร์ด
1 สิงหาคม 2552

หลังประชาชนเข้าชื่อฎีกาท่วมท้นมากเกินกว่า5ล้านรายชื่อ ฝ่ายอำมาตย์มารยังไม่ยอมรับมหาประชามติ ลือกระหึ่มเตรียมก่อรัฐประหารอ้างสูตรเดิมปกป้องราชบัลลังก์ จับตาต้นเดือนสิงหาคมสร้างสถานการณ์หวังกวาดล้างปราบปรามเสื้อแดง เพื่อไม่ให้ฎีกาถึงพระหัตถ์ในหลวง จตุพรลั่นหากเกิดรัฐประหารเสื้อแดงลุกฮือขึ้นต้านทั่วประเทศ


นายจตุพร พรหมพันธ์ แกนนำคนเสื้อแดงกล่าวว่า หลังจากการรวบรวมรายชื่อประชาชนได้เกินกว่า 5 ล้านรายชื่อและถวายฎีกาไปแล้ว ทางเสื้อแดงจะยุติการพูดถึงเรื่องฎีกานี้ไปตลอด และให้เป็นเรื่องพระบรมราชวินิจฉัย โดยเสื้อแดงจะหันไปยกระดับการชุมนุมจากเดิมเรียกร้องยุบสภา เป็นการขับไล่รัฐบาล

อย่างไรก็ตามนายจตุพรกล่าวบนเวทีปราศรัยว่า พอประชาชนมีการลงชื่อถวายฎีกาท่วมท้นก็มีความพยายามขัดขวางกันทุกวิถีทาง แม้กระทั่งวิถีทางอย่างการทำรัฐประหารยึดอำนาจ ตอนนี้ก็มีกระแสข่าวลือกัน อย่างไรก็ตามเสื้อแดงรังเกียจรัฐประหาร แม้จะเป็นการยึดอำนาจรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ พวกเราก็พร้อมออกมาต่อต้านกันทั้งประเทศ"หากอภิสิทธิ์มันจะออกไปก็ด้วยตีนตบของพวกเรา ไม่ใช่การรัฐประหารยึดอำนาจ หากมีการยึดอำนาจเราจะต่อต้านเต็มที่แน่นอน"

นายจรัล ดิษฐาอภิชัย แกนนำนปช.อีกรายกล่าวว่า หลังการยื่นฎีกาไปแล้วเชื่อว่า 7 วันนับจากนี้จะเป็นการต่อสู้ขับเคี่ยวที่แหลมคมมากทางความคิด และต้องเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

ณ เวลา 24.00 น.นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประกาศว่า เมื่อนับถึงเวลา24.00น. ซึ่งยังนับไม่เสร็จ รวบรวมผู้ลงชื่อฎีกาได้แล้ว 5,411,928 รายชื่อ


ชุมชนเวบบอร์ดประชาไท ได้หยิบยกเรื่องภายหลังคนเสื้อแดงผู้สนับสนุนอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ได้ลงชื่อกันท่วมท้นมากกว่า 5 ล้านรายชื่อ และกำลังจะยื่นถวายฎีกาว่า อาจมีการตัดตอนด้วยการทำรัฐประหารก่อน โดยที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์รู้เห็นโอนอ่อนให้กับการรัฐประหาร เพื่อหวังปราบปรามคนเสื้อแดงให้ราบคาบ

ผู้ใช้นามแฝง"น่ารัก"เขียนในกระทู้เรื่อง กลิ่นไม่ดีเท่าไร... เรื่องที่เราต้องคิดตาม อ้างว่า เมื่อวานหมาดๆ ผมได้เจอกับพี่ท่านหนึ่งที่เป็นผู้ที่ให้ข่าวกับผมมาตลอด และข่าวเขาไม่เคยพลาด ซึ่งผมก็นำมาบอกเล่าให้ฟังกันที่นี่หลายหน ได้กล่าวกับผมว่า เขาได้รับทราบการดำเนินการเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงอย่างหนึ่งของทหาร ในช่วงต้นเดือนสิงหาคมนี้ ด้วยปัจจัยรวมกันหลายอย่าง ซึ่งครั้งนี้นั้นจะเป็นการเข้ามาแก้ปัญหาของ “เขา” และ “พวกเขา” ทั้งสิ้น

จากการที่มีการล่ารายชื่อถวายฎีกาของคนเสื้อแดงที่มีทีท่าว่าจะมีจำนวนมากกว่าที่เขาทั้งหลายได้ประเมิน(แม้แต่คนเสื้อแดงเอง) งานนี้จึงต้องหาทางจัดการอะไรสักอย่างในส่วนนี้ด้วย อีกทั้งโรคระบาดบางโรคที่ร้ายแรงยิ่งว่าหวัด 2009 กำลังระบาดไปในวงกว้าง และไม่มีทีท่าว่าจะหยุด และประเด็นสุดท้ายนั้นก็คือรัฐบาลนี้บริหารประเทศย่ำแย่จนไม่อาจที่จะพลิกท้นสถานการณ์ให้กลับมาอยูในร่องในรอยได้

ปฏิทินเรื่องนี้ได้ถูกว่าไว้อย่างนี้ครับ คือ หลังจากที่มีการดำเนินการถวายฎีกา สถานการณ์บางอย่างจะเกิดขึ้น (ช่วงนี้อยู่หลังจากสภาเปิดงบประมาณผ่านแล้ว..จำตรงนี้ไว้นะครับ) สถานการณ์ที่ว่านี้จะเป็นลักษณะการปราบปรามแบบเบาๆ คล้ายๆกับการที่ปราบปรามพันธมิตรหน้าสภา แต่งานนี้จะมีคนมารับจ้างบาดเจ็บรุนแรง แต่คิดว่าคงไม่พลาดจนตาย และเช้าวันต่อมา ภาพที่ติดอยู่ตามถนนหลายภาพ จะโดนทำลาย พ่นทับด้วยสีแดงเพื่อสร้างสถานการณ์อีกคำรบ เมื่อมีสิ่งนี้เกิดขึ้น เรื่องราวเหตุผลที่จะทำให้กองกำลังที่จัดเตรียมไว้(จริงแล้วตั้งแต่เดือนเมษา) ก็จะออกมาทำการรัฐประหารด้วยสาเหตุข้างต้น โดยเบลมไปว่า รัฐบาลไม่สามารถดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยไว้ได้ และไม่สามารถพิทักษ์ ชาติ ราชบัลลังก์ได้

แต่งานนี้รัฐบาลนี้สมยอมเพราะว่า ไม่สามารถหาทางลงจากอำนาจได้เลย หากจะลาออกหรือโดนอภิปรายจนรัฐนาวานี้ล่ม ก็จะเสียหน้าอย่างย่อยยับ ดังนั้นวิธีนี้ก็จะเป็นการสร้างภาพผู้ถูกกระทำได้อย่างดี และยังไม่ต้องรับผิดชอบอะไรอีกด้วยเพราะโดนยึดอำนาจไปหมดแล้ว อีกทั้งงบประมาณที่ผ่านสภามาหมาดๆ นั้นก็สามารถทำให้คณะยึดอำนาจเข้ามาใช้ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และอย่างที่ทราบตอนนี้รัฐบาล(ปชป.) กินอิ่มแล้ว แต่ยังหาเรื่องไปขี้ไม่ได้เท่านั้นเอง

และสิ่งหนึ่งที่เขาจะทำและต้องทำคือ การสลายแนวร่วมเสื้อแดงทั้งหมด ด้วยยุทธการกวาดล้าง จะด้วยวิธีใดนั้นอันนี้ยังไม่ได้ประเมิน เพราะที่ผ่านมานั้นเขาคิดว่าจับแกนนำแล้วจบ แต่งานนี้อาจจะต้องติดมากกว่าเดิม ถึงขั้นปิดประเทศ เพราะเขาไม่สามารถทำอย่างอื่นได้ดีกว่านี้ ข่าวที่ออกไปทุกวันมันสร้างความสูญเสียให้เขาเป็นอย่างมาก

เหตุการณ์เหล่านี้เป็นการให้ข่าวโดยแหล่งข่าวที่ผมเชื่อถือ แต่พี่ท่านนี้ก็คิดอยู่ในทาง 50 /50 ในความน่าจะเป็น แต่หากพิจารณาองค์ประกอบต่างๆที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ แล้วเทียบกับเหตุการณ์ก่อน 19 กันยายน 2549 ครับ หากจำได้ ก็จะมีการออกมาพูดโดยคนโตๆ บางคน การออกมาเคลื่อนไหวโดยกลุ่มบางกลุ่มที่อ้างว่าต่อต้านการกระทำที่ละเมิดต่อราชบัลลังก์ (ซึ่งตอนนี้เปลี่ยนตัวละครเท่านั้น แต่บทเดิม)ทุกอย่างนี้จะเกิดขั้นหลังการพิจารณางบประมาณผ่านไปแล้วทั้งสิ้น

เรื่องราวข้างต้น อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นเลย หากเราเตรียมพร้อมบางอย่างไว้ ผมต้องบอกว่ามันอาจจะไม่เป็นอย่างที่ผมเขียนเลยก็ได้ หรืออาจจะหนักกว่าที่ผมเขียนไว้ก็ได้ ทุกอย่างมันเป็นไปได้ทั้งนั้นในสารขัณฑ์แลนด์ ดินแดนอ๊อฟสตูปิทงานนี้เขาออกมายิงนัดเดียวได้ 3 อย่าง

1. แก้โรคระบาด
2. กวาดล้างเสื้อแดง
3. หาทางออกให้รัฐบาล

ไม่จำเป็นต้องเชื่อผมครับ แต่อยากให้อ่านและวิเคราะห์กัน ผมคงไม่วิเคราะห์อะไร ได้ข่าวอย่างไรก็เอามาบอกอย่างนั้น จะจริงหรือไม่จริงให้มองให้ละเอียด เรื่องนี้มีความเป็นไปได้มาน้อยแค่ไหน พี่น้องพิจารณาเอาครับ ขอเพียงให้มีสติ ครับ เขากำลังเพลี่ยงพล้ำ เราก็รอจังหวะเอาแล้วกันนะ พี่น้อง

ฎีกาผ่าน5ล้านชื่อ ทักษิณลั่นกลับก่อนอายุ61

ที่มา Thai E-News


คึกคัก การชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงที่สนามหลวง เพื่อรวบรวมรายชื่อทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร เป็นไปด้วยความคึกคัก ณ เวลา 24.00 น.นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประกาศว่ารวบรวมได้แล้ว 5,411,928 รายชื่อ โดยจะรับฎีกาไปสิ้นสุดตอน24.00น. ส่วนการตั้งโต๊ะถอนฎีกาของกระทรวงมหาดไทย ภายใต้การกำกับของพรรคภูมิใจไทยตามจังหวัดต่างๆไม่มีคนมาถอนชื่อเลย จึงต้องเลิกไปในที่สุด(ชมภาพชุดช่วง19.00-21.00 น. คลิ้กที่นี่)

โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
31 กรกฎาคม 2552

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้มีวิดิโอลิ้งค์เข้ามายังเวทีชุมนุมใหญ่สนามหลวงในช่วงเวลา 20.35 น.(ชมคลิปวิดิโอลิ้งค์ คลิ้กที่นี่ )ว่า ขอขอบคุณที่มีพี่น้องเข้าชื่อถวายฎีกาจำนวนมหาศาล หวังว่าจะได้มีโอกาสกลับไปรับใช้พี่น้องและทำงานให้ประเทศชาติต่อไป

"อีกไม่นานเกินรอผมคงได้ไปตอบแทนพระคุณท่านทั้งหลาย ไม่นานเกินรอคงได้ไปถวายงานพระเจ้าอยู่หัวฯของเราได้สบายพระทัย..หวังว่าผมจะได้กลับเมืองไทยก่อนอายุครบ61ปี"พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเพิ่งอายุครบรอบ60ปีเมื่อวันที่26ก.ค.ที่ผ่านมา กล่าวในตอนหนึ่ง

หลังพ.ต.ท.ทักษิณกล่าวจบ นายวีระได้กล่าวว่าเวลานี้เกิดอัศจรรย์นิมิตขึ้น คือก่อนหน้านี้ท้องฟ้ามืดครึ้มด้วยเมฆหมอก แต่ตอนนี้ฟ้าเปิดมีพระจันทร์ส่องแสงสว่าง"ตอนนี้ฟ้าเปิดแล้วครับพี่น้อง เมฆหมอกผ่านไปแล้ว"นายวีระกล่าว

ต่อมาเวลา23.00 น.นายจตุพรกล่าวปราศรัยว่า เมื่อรวบรวมรายชื่อเสร็จยื่นถวายฎีกาแล้ว คนเสื้อแดงจะไม่พูดเรื่องนี้อีกเลย ขึ้นกับพระบรมราชวินิจฉัย แต่คนเสื้อแดงจะจัดการชุมนุมใหญ่ยกระดับเป็นการขับไล่รัฐบาลอภิสิทธิ์และพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีในเดือนสิงหาคมนี้ และไล่ไปทุกเดือน

ชมการถ่ายทอดสดทักษิณและการชุมนุมที่ลิ้งค์ด้านล่างhttp://www.newskythailand.us
http://www.newskythailand.com
http://www.thaipeoplevoice.org
http://hacksecrets.com/


แดงคึกครื้น-ภาพขบวนแห่กลองยาวนำรายชื่อเข้ามายังเวทีในส่วนที่มีการรวบรวมมาจำนวนมาก เช่น ของวิทยุแท็กซี่กับแดงบูรพา 300,000 รายชื่อ แดงภาคเหนือ500,000รายชื่อ ชมรมคนรักอุดร200,000รายชื่อ เป็นต้น(ชมภาพบรรยากาศช่วงบ่าย31ก.ค.ทั้งหมด คลิ้กที่นี่)

ภาพบรรยากาศช่วงบ่าย3โมงถึง6โมงเย็น ดูภาพชุดทั้งหมด คลิ้กที่นี่

ขุนเขาอุปสรรคฝ่ายมารอำมาตย์-ทาสช่วงใช้เผด็จการไม่อาจขวางสายธารเที่ยงธรรมได้ ประชาชนผู้รักชาติรักประชาธิปไตยรักความเป็นธรรมร่วมชุมนุมใหญ่สุดคึกคัก จตุพรให้สัมภาษณ์นักข่าวฝรั่งยอดทะลุ5ล้านชื่อมากกว่าเป้าที่ตั้งไว้1ล้านชื่อ พร้อมประกาศให้วันที่3สิงหาคมนี้ซึ่งเป็นวันเกิดของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นวัน"ดำทั้งแผ่นดิน"เพื่อให้นายกรัฐมนตรีหุ่นเชิดเกิด"ดวงตาเห็นดำ"ว่าประชาชนไทยทุกข์ยากขนาดไหนภายใต้รัฐบาลหุ่นเชิดของระบอบอมาตยาธิปไตย


แม้ว่าฝ่ายอำมาตยาธิปไตยและสมุนบริวารช่วงใช้จะทำลายความเคลื่อนไหวของประชาชนทุกวิถีทางแต่ก็ต้องล้มเหลวลง ทั้งกรณีพลเอกพิจิตร กุลละวณิชย์ ที่ถูกสำนักราชเลขาธิการตอกหน้าว่าสภาองคมนตรีไม่ได้มีมติขัดขวางการฎีกา หรือการที่พรรคภูมิใจไทยระดมแท็กซี่ออกมาต้าน ก็ถูกนักข่าวฝรั่งแฉว่ามีการว่าจ้างอย่างโฉ่งฉ่าง ขณะที่การตั้งโต๊ะถอนฎีกาหมายังเมิน ส่วนนอกจากนี้อย่าง40สว.หรือสื่อทาสเผด็จการ ผู้ก่อการร้ายพันธมารถือเป็นละครหน้าเดิมที่ไร้ราคา

การจัดตั้งเวทีใหญ่เรียบร้อยแล้วตั้งแต่เมื่อคืนที่ด้านฝั่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ ส่วนประชาชนเสื้อแดงทั่วประเทศทยอยมาถึงกรุงเทพฯตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว ส่วนคนในกรุงเทพฯต่างเตรียมตัวไปร่วมการชุมนุมอย่างคึกคักหลังเลิกงาน โดยได้เตรียมใบฎีกาไปจำนวนมากจากการรวบรวมรายชื่อของคนในครอบครัว เพื่อนบ้าน และคนในที่ทำงาน

ผู้เดินทางเข้าร่วมชุมนุมควรเตรียมร่มกันฝน หรือพลาสติกกันฝนมาด้วย เพราะฝนมักตกทุกครั้งที่เสื้อแดงชุมนุม

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานข่าวอ้างการสัมภาษณ์จตุพร พรหมพันธ์ว่า คาดจะรวบรวมรายชื่อได้มากกว่า 5 ล้านรายชื่อ"เราไม่ใส่ใจต่อกระแสต้านของพวกที่มีอคติต่อความเคลื่อนไหวครั้งนี้ที่ต้องการล้มการถวายฎีกา เราไม่สามารถหยุดยั้งได้ เพราะนี่เป็นความต้องการของประชาชน"

มารภูมิใจห้อยหงอยแดกตั้งโต๊ะถอนฎีกาหมายังเมิน

ช่วงใกล้นัดหมาย15.00 น. มติชนออนไลน์รายงานข่าวว่า "เสื้อแดง"ทยอยร่วมงานสนามหลวงคึก หันเวทีเข้าวัดพระแก้ว"ลงชื่อถอนฎีกาเหงา ปลัดมท.สั่งด่วนตั้งโต๊ะ

"เสื้อแดง"จากจังหวัดต่างๆ รวบรวมรายชื่อถวายฎีกาช่วย"แม้ว"ทยอยเข้าร่วมงานที่เวทีสนามหลวง หันหน้าไปทางวัดพระแก้ว เริ่มตั้งแต่เที่ยงวัน รอฟัง"ทักษิณ"โฟนอินค่ำ ขณะที่การล่าชื่อถอนการถวายฎีกาตามจังหวัดต่างๆ เป็นไปด้วยความเงียบเหงา ปลัดมท.สั่งด่วนทุกจังหวัดตั้งโต๊ะ

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ท้องสนามหลวง เมื่อวันที่ 31 ก.ค. ซึ่งเป็นวันที่กลุ่มคนเสื้อแดงนัดรวมตัวกัน ภายใต้งาน" ถวายฎีกาดับทุกข์ทั้งแผ่นดิน" เพื่อลงชื่อถวายฎีกา ขอพระราชทานอภัยโทษ แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า มีประชาชนผู้ให้การสนับสนุน กลุ่มเสื้อแดง ทยอยเดินทางมาร่วมงานแล้ว โดยงานเริ่มต้นในเวลา 12.00 น.เป็นต้นไป ซึ่งวันนี้เป็นวันสุดท้ายของการรวบรวมรายชื่อ โดยจะปิดรับรายชื่อในเวลา 24.00 น.



ขณะที่ ทีมงาน นปช. ติดตั้งเครื่องขยายเสียง รวมถึงฉากหลังของเวทีปราศรัย โดยเวทีปราศรัยหันหน้าเข้าหา วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือ วัดพระแก้ว ส่วนบริเวณที่อยู่ไม่ห่างไกลจากเวทีปราศรัยมากนัก มีการตั้งโต๊ะบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อย่างไรก็ตาม ในช่วงค่ำ พ.ต.ท.ทักษิณ จะโฟนอินมายังสถานที่จัดงานที่ท้องสนามหลวงด้วย


ส่วน บรรยากาศการลงรายชื่อถอนฎีกาในทุกจังหวัดทั่วประเทศ ตามคำสั่ง นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งวันนี้เป็นวันแรก ที่ จ.เชียงราย มีการนำโต๊ะมาตั้งบริเวณด้านหน้าศาลากลางจังหวัดเชียงราย และทุกอำเภอ แต่ยังไม่มีใครมาถอนรายชื่อถวายฎีกา อย่างไรก็ตามข้าราชการ มีการอธิบายถึงขั้นตอนการถอน พร้อมประชาสัมพันธ์ว่าการถวายฎีกาเป็นอย่างไร ซึ่งบรรยากาศเป็นไปตามปกติ


ส่วนที่ จ.อุดรธานี บรรยากาศ การลงรายชื่อถอนฎีกา ยังไม่มีการตั้งโต๊ะ ลงรายชื่อถอนฎีกา แต่กลุ่มคนเสื้อแดง ขึ้นรถบัส 6 คันรถ พร้อมรายชื่อถวายฎีกา 2 แสนคน เข้า กทม. แล้ว ที่ จ.ยะลา บรรยากาศเป็นไปตามปกติ ไม่มีการตั้งโต๊ะ เนื่องจาก จ.ยะลา ไม่ได้สนับสนุนอดีตนายกฯ อยู่แล้ว และเป็นพื้นที่ของพรรคประชาธิปัตย์

ก่อนนี้ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.แถลงว่านอกจากการจัดการชุมนุมใหญ่ของเสื้อแดงในวันที่ 31 กรกฎาคมเพื่อรวบรวมรายชื่อประชาชนถวายฎีกาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรแล้ว นปช.ยังมีมติว่าให้ประชาชนแต่งชุดดำไว้ทุกข์ทั่วประเทศในโอกาสที่รัฐบาลจะแถลงผลงานครบรอบ6เดือนในวันที่3สิงหาคมนี้ด้วย เพื่อเป็นการไว้ทุกข์ให้ประเทศที่ต้องทนทุกข์กับรัฐบาลอำมาตยาธิปไตย

"ตอนวันเกิดนายกฯทักษิณ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะพูดว่าหวังว่าดวงจะเห็นธรรม คราวนี้ที่จะแถลงผลงานรัฐบาลบังเอิญตรงกับวันเกิดนายอภิสิทธิ์พอดี เราก็หวังว่านายอภิสิทธิ์จะมีดวงตำ"เห็นดำ"เนื่องจากประชาชนจะแต่งดำไว้ทุกข์ทั่วประเทศ"


นายณัฐวุฒิกล่าวว่าการล่ารายชื่อเพื่อถวายฎีกาก็มี"เกมล้มฎีกา"จากกลุ่มอำมาตยาธิปไตยจากกลุ่มหน้าเดิมๆที่เป็นฝ่ายปฏิปักษ์กับพ.ต.ท.ทักษิณ โดยไม่ต้องแอบซ่อนกันอีกต่อไป ซึ่งนปช.ขอชี้แจงว่าเราทำได้ตามรัฐธรรมนูญ หากบอกว่าไม่บังควรก็ขอถามพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ว่า การนำคณะรัฐประหารเข้าเฝ้าฯกลางดึกคืนวันรัฐประหาร19กันยายนนั้น"เป็นการบังควร"หรือไม่?


นายจตุพร พรมพันธ์ แถลงว่า ไม่มีอะไรหรือใครจะขัดขวางการจัดชุมนุมของเสื้อแดงในวันที่31ก.ค.นี้ได้ ไม่ว่าองคมนตรีหรือใครจะออกมาขัดขวาง ซึ่งล่าสุดสำนักราชเลขาธิการออกมาชี้แจงแล้วว่าไม่มีการหารือเรื่องดังกล่าวเหมือนที่พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ออกมาให้ข่าว

นายวีระ มุสิกพงศ์ เปิดเผยว่าถึงตอนนี้มีคนลงชื่อเพื่อยื่นฎีกาเกินกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้1ล้านรายชื่อ ก็จะได้ดำเนินการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษให้พ.ต.ท.ทักษิณต่อไป

นายวีระยังได้กล่าวยกอ้างพระราชกระแสดำรัสในหลวงต่อองคมนตรีว่ามีหน้าที่ให้คำปรึกษาแก่พระมหากษัตริย์ จึงอยากถามพลงอ.พิจิตรที่ขัดขวางการยื่นฎีกาของประชาชน และการกล่าวร้ายต่อพ.ต.ท.ทักษิณว่าซุกเงินไว้เกาะเคย์แมน1.8หมื่นล้านบาทเป็นหน้าที่ขององคมนตรีหรือไม่ หากรู้ว่าผิดพลาดก็ควรลาออกจากตำแหน่งองคมนตรีดีกว่า

สำหรับการชุมนุมใหญ่เพื่อรวบรายชื่อประชาชนมาส่งพร้อมกันที่ท้องสนามหลวงในวันที่ 31 กรกฎาคม ซึ่งจะมีเวทีการชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดงจะเริ่มตั้งแต่เวลา 15.00 น. จนถึงเวลา 24.00 น. ที่จะเป็นเวลาในการปิดรับรายชื่อประชาชน และในเวลา 24.00 น. แกนนำคนเสื้อแดงจะประกาศจำนวนรายชื่อประชาชนที่ร่วมลงชื่อถวายฎีกาฯ อย่างไม่เป็นทางการอีกครั้ง


บทกวี ล้านรายชื่อ


1...ชื่อนี้ มอบให้ผู้จงรัก
ภักดีราษฎรโดยหนักแน่น
ชื่อนี้ กูมอบให้ผู้แทน
เปลี่ยนแผ่นดินเป็นประชานิยม

2...ชื่อนี้ ทดแทนคุณ 30 บาท
ล้างโรคภัยอาพาธอนาถขม
ผู้คนคือทรัพย์สำคัญของสังคม
ลุกจากล้มจมเจ็บป่วยด้วยบัตรทอง

3...ชื่อนี้ แทนคุณกองทุนหมู่บ้าน
หมู่ละล้าน ทำได้ดี ทำถูกต้อง
กระจายเงินพร้อมอำนาจการปกครอง
เราทดลองใช้แล้ว...เราชอบมาก

4...ชื่อนี้ ตอบแทนบ้านเอื้ออาทร
เงินผ่อนราคาถูก - คนงานหนัก
ปัจจัย 4 ที่แต่ก่อนได้โดยยาก
บ้านหลังนี้สีแดง ฉันรักจริง

5...ชื่อนี้คือ คำขอบคุณ ในทุกเรื่อง
ความก้าวหน้า รุ่งเรือง ทุกๆ สิ่ง
แม้ใครเขาก่นประนามหรือติติง
แต่ยิ่งใหญ่ อยู่ในใจราษฎร


ไม้หนึ่ง ก.กุนที - กวีราษฎร




ไฮไลต์กิจกรรมน่าสนใจวันนี้-สิงหาคม 2552
-31 ก.ค.รำลึกไทยปลดแอกIMF,ชุมนุมใหญ่สนามหลวงรวมใจรวมรายชื่อถวายฎีกา
-31ก.ค.บอร์ดฟ้าเดียวกันโฉมใหม่เชิญสมทบทุนช่วยคุณซาบซึ้งย้ายบ้าน
-1 สิงหาคม เครือข่ายคนเสื้อแดงภาคเหนือตอนล่างรวมพลคนรักประชาธิปไตย
-2 สิงหาคม เสื้อแดงไทยในอเมริกาพบจาตุรนต์ ฉายแสง
-2 สิงหาคม บ้านเลขที่111สัมมนา "ผู้ก่อการร้าย-ผู้ก่อการดี กรณียึดสนามบินสุวรรณภูมิ"
-3 สิงหาคม แต่งดำทั้งแผ่นดิน ไว้ทุกข์ให้ประเทศไทย เพื่อให้อภิสิทธิ์"ดวงตาเห็นดำ"
-5 สิงหาคม สัมมนา “สื่อมวลชน : เครื่องมือการโฆษณาชวนเชื่อของชนชั้นปกครอง”
-8 สิงหาคม กลุ่ม3เกลอบ้านบัวทองจัดชุมนุมแดงนนทบุรีพบ3เกลอ+โฟนอินทักษิณ
-12 สิงหาคม น้อมรำลึกบุณคุณบรรพชนปฏิวัติ2475 วันพระยาทรงสุรเดช
-15 สิงหาคม ไลต์ออเคสตราเพลงป่า เพลงปฏิวัติ เพราะคิดถึงเพื่อน


ศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม 2552-รำลึกไทยปลดแอกIMF+ชุมนุมใหญ่สนามหลวงรวบรวมล้านรายชื่อถวายฎีกา


วันนี้เมื่อ6ปีที่แล้ว วันที่31กรกฎาคม 2546 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กล่าวแถลงทางทีวีพูลตอนหนึ่งว่า"ขอแสดงความยินดี และดีใจกับประชาชนคนไทย สำหรับชัยชนะที่เราได้ร่วมกันพิชิตในวันนี้ ผมขอถือโอกาสนี้ ใช้พันธกรณีที่ปลดหนี้จากไอเอ็มเอฟได้ ให้ช่วยกันชักธงชาติให้เป็นหนึ่ง วันนี้เราต้องมีกำลังใจ และประเทศไทยเราจะเข้มแข็ง ไม่มีวันที่จะกลับไปสู่ไอเอ็มเอฟอีก หากผมยังอยู่ "(อ่านรายละเอียด คลิ้ก)

31 กรกฎาคม เวทีชุมนุมใหญ่คนเสื้อแดง สนามหลวง ฝั่งธรรมศาสตร์ ตั้งแต่เวลา 15.00 น. จนถึงเวลา 24.00 น. ที่จะปิดรับรายชื่อ และในเวลา 24.00 น. แกนนำคนเสื้อแดงจะประกาศจำนวนรายชื่ออย่างไม่เป็นทางการอีกครั้ง

ตั้งแต่31กรกฎาคมเป็นต้นไป บอร์ดฟ้าเดียวกันเปลี่ยนโฉม ระดมทุนช่วยคุณซาบซึ้งย้ายบ้าน

กระดานสนทนาที่ไม่จำกัดเพดาน ส่งเสริมเสรีภาพในการแสดงความเห็น ตามแนวทางเสรีประชาธิปไตยฟ้าเดียวกันwww.sameskybooks.org/boardย้ายบ้าน เปลี่ยนเป็น http://www.sameskyboard.com/board/index.php?showforum=2 ตั้งแต่6กรกฎาคม เป็นต้นไป โดยยังเข้าช่องทางเดิมระยะหนึ่ง

เชิญระดมความเห็นเพื่อให้กระดานสนทนาแห่งนี้สู่มิติใหม่ หลังจากแยกออกจากสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกันอย่างเด็ดขาด และเชิญระดมทุนช่วย"คุณซาบซึ้ง"ย้ายบ้าน ซึ่งมีค่าใช้จ่ายเบื้องต้น20,000บาท และค่าใช้จ่ายระยะเริ่มต้นอีกไม่น้อยกว่า50,000บาท ลืมไปได้เลยที่เขาลือกันว่ามีนายทุนใหญ่หรือใครหนุนหลัง ตอนนี้ต้องช่วยกันควักเพื่อความอยู่รอดในระยะเปลี่ยนผ่านและระยะยาว

เชิญบริจาคต่อชีวิต และช่วยคุณซาบซึ้งย้ายบ้าน ผ่านบัญชี

บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงเทพ สาขา ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
ชื่อบัญชี คุณอุเชนทร์ เชียงเสน
เลขที่ 905-0-03459-5

หรือ ธนาคารกสิกรไทย สาขา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์

ชื่อบัญชี นายอุเชนทร์ เชียงเสน เลขที่บัญชี 645-2-01403-1

การบริจาคทาง paypal ให้กับชุมชนฟ้าเดียวกัน ทำได้โดย เข้าเว็บ
http://www.sameskybooks.org แล้วคลิก ปุ่ม paypal ที่มุมขวาหน้าแรกของเว็บ



เสาร์ที่ 1 สิงหาคม 2552 เครือข่ายคนเสื้แดงภาคเหนือตอนล่างรวมพลคนรักประชาธิปไตย

ชมรมคนรักทักษิณ ร่วมกับ เครือข่ายเสื้อแดงภาคเหนือตอนล่าง ขอเชิญร่วมงานรวมพลคนรักประชาธิปไตย ณ สนามกีฬากลาง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก

อาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม 2552

ขอเชิญคนไทยใน USA
พบกับ อดีตรองนายกรัฐมนตรี คุณจาตุรนต์ ฉายแสง

เริ่มงานเที่ยงตรง
ที่ห้องอาหารไทยแลนด์พลาซ่า
5321 Hollywood Blvd., ชั้น 2, Hollywood, CA 90027

บัตรช่วยงาน $30(รวมอาหารบุฟเฟ่ต์)

สอบถามรายละเอียดได้ที่
(323)467-6048
(323)681-3829
(562)739-5652
(818)731-1738
(818)378-1324



อาทิตย์ที่2สิงหาคม เรียนเชิญผู้สื่อข่าวและผู้สนใจเข้าร่วมสัมนา เรื่อง"ผู้ก่อการร้าย-ผู้ก่อการดี กรณียึดสนามบินสุวรรณภูมิ"

ณ.มูลนิธิ 111 ไทยรักไทย (นางเลิ้ง)

ในวันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม 2552
เวลา 9.30-12.30 น.


วิทยากร
1. นักกฏหมาย : คุณพงษ์เทพ เทพกาญจนา
2. ทนายความ : คุณธนา เบญจาธิกุล, คุณคารม พลกลาง
3. ตำรวจ : พล.ต.อ.วิรุฬ ฟื้นแสน
4. เศรษฐกิการคลัง : คุณสงคราม กิจเลิศไพโรจน์

อาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม เสวนา "ผลกระทบจากการใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ"

ขอเชิญร่วมกลุ่มศึกษา แลกเปลี่ยนในหัวข้อ "ผลกระทบจากการใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ"นำเสนอโดย โบ โฮโม

จากนั้นประชุมกิจกรรมและติดตามงาน ในวันที่ 2 สิงหาคม 2552 เวลา 11.00-14.00 น. ที่ห้องกระจก ชั้น 2 ตึก 2 คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ องค์กรเลี้ยวซ้าย www.pcpthai.org

จันทร์ที่ 3 ส.ค.ดำทั้งแผ่นดิน ไว้ทุกข์ประเทศไทย


นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.แถลงว่านอกจากการจัดการชุมนุมใหญ่ของเสื้อแดงในวันที่ 31 กรกฎาคมเพื่อรวบรวมรายชื่อประชาชนถวายฎีกาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรแล้ว นปช.ยังมีมติว่าให้ประชาชนแต่งชุดดำไว้ทุกข์ทั่วประเทศในโอกาสที่รัฐบาลจะแถลงผลงานครบรอบ6เดือนในวันที่3สิงหาคมนี้ด้วย เพื่อเป็นการไว้ทุกข์ให้ประเทศที่ต้องทนทุกข์กับรัฐบาลอำมาตยาธิปไตย

"ตอนวันเกิดนายกฯทักษิณ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะพูดว่าหวังว่าดวงจะเห็นธรรม คราวนี้ที่จะแถลงผลงานรัฐบาลบังเอิญตรงกับวันเกิดนายอภิสิทธิ์พอดี เราก็หวังว่านายอภิสิทธิ์จะมีดวงตำ"เห็นดำ"เนื่องจากประชาชนจะแต่งดำไว้ทุกข์ทั่วประเทศ"

พุธที่ 5 สิงหาคม สัมมนา “สื่อมวลชน : เครื่องมือการโฆษณาชวนเชื่อของชนชั้นปกครอง”
นำเสนอโดย สาทร ศรีเกตุ
นิสิตป.เอก รัฐศาสตร์ จุฬาฯ

ประเด็น
- นายทุนสื่อมวลชนไทย ผู้แสวงหากำไรสูงสุดและอำนาจการครอบงำ
- กลยุทธการบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร
- ภาพมายาที่ถูกสร้างขึ้นโดยสื่อโฆษณาสินค้า
- ละครน้ำเน่าการผลิตซ้ำของวัฒนธรรมไทยล้าหลัง


ในวันพุธที่ 5 สิงหาคม 2552 เวลา 16.00-18.00 น.

ห้องกระจก ชั้น 2 ตึก 2 รัฐศาสตร์ จุฬาฯ

จัดโดยองค์กรสังคมนิยม “เลี้ยวซ้าย” www.pcpthai.org

สอบถามเพิ่มเติม 085-8530329 หรืออีเมล์ turnleft2008@gmail.com


ศุกร์ที่ 7 สิงหาคม สัมมนา ทิศทางสื่อในทศวรรษหน้า: แนวโน้ม ข้อจำกัด และ จินตนาการ

โครงการจินตนาการปฏิรูปสื่อ 2010 -2020(Re-thinking Media Reform: Integrated Media Policy 2010-2020)

โดย คณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อ (คปส) เครือข่ายพลเมืองเน็ต มูลนิธิหนังไทย ร่วมกับ ศูนย์ศึกษานโยบายสื่อ คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยร่วมจัดกิจกรรม เวทีความรู้สาธารณะ (Public lecture)สนับสนุนโดย HEINRICH BOLL FOUNDATION (HBF)

วันศุกร์ ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2552 เวลา 9.30 – 17.00 น. ห้องประชุม สโมสรนิสิตเก่า คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

9.30 – 9.45 น. ลงทะเบียน

9.45 – 10.00 น. กล่าวต้อนรับ ชี้แจงวัตถุประสงค์การจัดงาน แนะนำวิทยากร

10.00 – 11.00 น. บรรยาย และ ถามตอบ“การจัดสรรคลื่นความถี่วิทยุ โทรทัศน์ และโทรคมนาคมในทศวรรษหน้า: โอกาสและอุปสรรค”โดย ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวาณิชย์ ผู้อำนวยการวิจัยด้านเศรษฐกิจยุคสารสนเทศ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย

11.00 – 11.15 น. พัก 15 นาที

11.15 – 12.15 น. บรรยาย และ ถามตอบ “วารสารศาสตร์ และ สื่อสารมวลชน ในทศวรรษหน้า: ปัญหา ข้อท้าทาย และพันธกิจต่อสังคม”โดย ผศ.ดร.พิรงรอง รามสูต รณะนันท์ หัวหน้าภาควิชาวารสารสนเทศ คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ดำเนินรายการโดย อ.พรรษาสิริ กุหลาบ

12.15 – 13.15 น. พักกลางวัน
13.15 – 14.15 น. บรรยาย และ ถามตอบ "จินตนาการสื่อภาพยนตร์ในทศวรรษหน้า" โดย รศ.ดร.ชัยวัฒน์ คุประตกุล นักวิทยาศาสตร์ นักการศึกษา นักเขียน นักแปล คอลัมนิสต์ (เจ้าของนามปากกาชัยคุปต์, เตคีออน, และวัฒนชัย) นักจัดรายการวิทยุและโทรทัศน์ เจ้าของรางวัลนักสื่อสารทางวิทยาศาสตร์ดีเด่นปี 2538


14.15 – 15.15 น. บรรยาย และ ถามตอบ "พัฒนาการของอินเทอร์เน็ตในประเทศไทย อดีต ปัจจุบัน อนาคต" โดย ตฤณ ตัณฑเศรษฐี อดีตกรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด (มหาชน), ประธานมูลนิธิ OpenCare

15.15 – 15.30 น. พัก 15 นาที

15.30 – 16.30 น. บรรยาย และ ถามตอบ“สื่อและรูปแบบทางสังคม (Social Model) ในทศวรรษหน้า: มุมมองจากผู้ด้อยโอกาส”โดย ต่อพงษ์ เสลานนท์ สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย ดำเนินรายการโดย สุภิญญา กลางณงค์

16.30 – 17.00 น. สรุปปิดการบรรยาย


*สอบถาม 08-91232296, 0823392121
ลงทะเบียนการเข้าร่วมล่วงหน้าได้ที่ www.media4democracy.com www.thainetizen.org

อาทิตย์ที่ 8 สิงหาคม 2552



ศุกร์ที่ 7 สิงหาคม สัมมนา ทิศทางสื่อในทศวรรษหน้า: แนวโน้ม ข้อจำกัด และ จินตนาการ

โครงการจินตนาการปฏิรูปสื่อ 2010 -2020(Re-thinking Media Reform: Integrated Media Policy 2010-2020)

โดย คณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อ (คปส) เครือข่ายพลเมืองเน็ต มูลนิธิหนังไทย ร่วมกับ ศูนย์ศึกษานโยบายสื่อ คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยร่วมจัดกิจกรรม เวทีความรู้สาธารณะ (Public lecture)สนับสนุนโดย HEINRICH BOLL FOUNDATION (HBF)

วันศุกร์ ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2552 เวลา 9.30 – 17.00 น. ห้องประชุม สโมสรนิสิตเก่า คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

9.30 – 9.45 น. ลงทะเบียน

9.45 – 10.00 น. กล่าวต้อนรับ ชี้แจงวัตถุประสงค์การจัดงาน แนะนำวิทยากร

10.00 – 11.00 น. บรรยาย และ ถามตอบ“การจัดสรรคลื่นความถี่วิทยุ โทรทัศน์ และโทรคมนาคมในทศวรรษหน้า: โอกาสและอุปสรรค”โดย ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวาณิชย์ ผู้อำนวยการวิจัยด้านเศรษฐกิจยุคสารสนเทศ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย

11.00 – 11.15 น. พัก 15 นาที

11.15 – 12.15 น. บรรยาย และ ถามตอบ “วารสารศาสตร์ และ สื่อสารมวลชน ในทศวรรษหน้า: ปัญหา ข้อท้าทาย และพันธกิจต่อสังคม”โดย ผศ.ดร.พิรงรอง รามสูต รณะนันท์ หัวหน้าภาควิชาวารสารสนเทศ คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ดำเนินรายการโดย อ.พรรษาสิริ กุหลาบ

12.15 – 13.15 น. พักกลางวัน
13.15 – 14.15 น. บรรยาย และ ถามตอบ "จินตนาการสื่อภาพยนตร์ในทศวรรษหน้า" โดย รศ.ดร.ชัยวัฒน์ คุประตกุล นักวิทยาศาสตร์ นักการศึกษา นักเขียน นักแปล คอลัมนิสต์ (เจ้าของนามปากกาชัยคุปต์, เตคีออน, และวัฒนชัย) นักจัดรายการวิทยุและโทรทัศน์ เจ้าของรางวัลนักสื่อสารทางวิทยาศาสตร์ดีเด่นปี 2538


14.15 – 15.15 น. บรรยาย และ ถามตอบ "พัฒนาการของอินเทอร์เน็ตในประเทศไทย อดีต ปัจจุบัน อนาคต" โดย ตฤณ ตัณฑเศรษฐี อดีตกรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด (มหาชน), ประธานมูลนิธิ OpenCare

15.15 – 15.30 น. พัก 15 นาที

15.30 – 16.30 น. บรรยาย และ ถามตอบ“สื่อและรูปแบบทางสังคม (Social Model) ในทศวรรษหน้า: มุมมองจากผู้ด้อยโอกาส”โดย ต่อพงษ์ เสลานนท์ สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย ดำเนินรายการโดย สุภิญญา กลางณงค์

16.30 – 17.00 น. สรุปปิดการบรรยาย


*สอบถาม 08-91232296, 0823392121
ลงทะเบียนการเข้าร่วมล่วงหน้าได้ที่ www.media4democracy.com www.thainetizen.org

พุธ 12 สิงหาคม ทำบุญวันพระยาทรงสุรเดช บรรพชนปฏิวัติ2475


ผู้รักชาติรักประชาธิปไตย สืบทอดภารกิจปฏิวัติ 24 มิถุนายน 2475 กำหนดทำบุญเนื่องในวันครบรอบวันเกิดนายพันเอกพระยาทรงสุรเดช หัวสมองผู้วางแผนการปฏิวัติ24มิถุนายน2475จนเป็นผลสำเร็จ แต่มีบั้นปลายชีวิตที่อนาถา ท่านเกิดตรงกับวันที่12สิงหาคม ฝ่ายประชาธิปไตยกำหนดให้เป็น"วันพระยาทรงสุรเดช" มีกิจกรรมทำบุญที่วัดประธิปไตย(วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน)สถานที่เก็บอัฐิของท่านและบรรพชนปฏิวัติหลายท่าน

โครงการจัดแสดงคอนเสิร์ตไลท์ออเคสตร้าเพลงปฏิวัติ ...เพราะคิดถึงเพื่อน”
ณ หอประชุมพิพิธภัณฑ์ฯ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
วันเสาร์ที่ 15 สิงหาคม 2552 19:30 น.


วัตถุประสงค์
คอนเสิร์ตครั้งนี้ จึงได้จัดมีขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเชิดชูจิตใจกล้าต่อสู้ กล้าเสียสละเพื่อส่วนรวม ของมวลนิสิต นักศึกษาและประชาชน ที่ต่อสู้เพื่อเอกราช ประชาธิปไตย และความเป็นธรรมในสังคม เพื่อบันทึกประวัติศาสตร์ของบทเพลงปฏิวัติ และเพื่อได้มีการพบปะกันในหมู่อดีตนักปฏิวัติ

รูปแบบการแสดง
เป็นการแสดงดนตรีของวงเพื่อนมิตรไลท์ออเคสตร้า ประกอบการขับร้องของส่วนหนึ่งของนักร้องปฏิวัติในอดีต นักศึกษาปัจจุบัน และชุดการแสดงนาฏศิลป์ประกอบ

บทเพลงที่ใช้แสดง
คัดเลือกบทเพลงปฏิวัติที่เกี่ยวกับความคิดความผูกพัน จำนวน 20 เพลง มาแสดงได้แก่

1. เพลงรำลึกวีรชน 12. เพลงแองเตอร์นาซิอองนาล
2. นาฏศิลป์ประกอบเพลงฟ้าทอง 13. เพลงลาไปเป็นทหารปลดแอก
3. เพลงสดุดีวีรชน 14 ตุลา 14. เพลงทหารประชาชน
4. เพลงสดุดีวีรชน 6 ตุลา 15. เพลงดาวแดงส่องสว่างเหนือภูพาน
5. เพลง ตุลาชัย 16. เพลงพี่น้องภาคใต้รุกรบช่ำชอง
6. เพลง นกน้อย 17. เพลงสดุดีนักรบแนวหน้า
7. สดุดีครูประชา 18. เพลงความหวังแห่งชีวิตใหม่
8. เพลงดาวแห่งชาวนา 19. เพลงขอสดุดีแด่พรรคที่รักยิ่ง
9. เพลงขอเพื่อนจงหยัดยืน 20. เพลงสายทางนักรบประชา
10. เพลงแผ่นดินของเรา 21. เพลงภูสระเริงรำ
11. นาฏศิลป์ประกอบเพลงตันหยง

บัตรชมการแสดง

ประกอบด้วยที่นั่งชม 520 ที่นั่ง จำแนกเป็น

บัตรวีไอพี 10 ที่นั่ง
บัตรราคา 1,000 บาท จำนวน 149 ที่นั่ง
บัตรราคา 500 บาท จำนวน 188 ที่นั่ง
บัตรราคา 300 บาท จำนวน 173 ที่นั่ง

การจองบัตรชมการแสดง

ติดต่อจองบัตรได้ที่ คุณจันทิรา สระทองเขียว หมายเลขโทรศัพท์: 084.116.4992 Email: cpt.song@gmail.com

จัดส่งโดย: โปรดโอนเงินเข้าบัญชี น.ส. นงลักษณ์ จตุเทน
เลขที่บัญชี 748-2-03431-9
ประเภทบัญชีออมทรัพย์
ธนาคารกสิกรไทย สาขาย่อยเซ็นทรัลพระรามที่ 3
และโปรดส่งใบโอนเงิน ถึงคุณจันทิรา สระทองเขียว โทรสาร: 0.2295.1154 โทรศัพท์: 084.116.4992

สถานที่จัดการแสดง
ณ หอประชุมพิพิธภัณฑ์ฯ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (ด้านติดกับถนนวิภาวดีรังสิต)

สถานที่จัดการแสดง
ณ หอประชุมพิพิธภัณฑ์ฯ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (ด้านติดกับถนนวิภาวดีรังสิต)

วันที่จัดแสดง
วันเสาร์ที่ 15 สิงหาคม 2552 เวลา 19.30 น.
รายได้หลังหักค่าใช้จ่าย จะมอบให้โครงการกำแพงประวัติศาสตร์


หมายเหตุ: การแสดงครั้งนี้จะไม่มีบันทึกซีดี และดีวีดีไว้จำหน่ายแต่อย่างใด แต่จะมีต้นฉบับเพื่อการนำไปสำเนาได้เพื่อการแจกจ่ายโดยไม่ได้นำไปหารายได้ รายได้หลังจากหักค่าใช้จ่ายจำเป็นแล้ว (ถ้ามี) จะมอบให้กำแพงประวัติศาสตร์ 6 ตุลา เพื่อร่วมสมทบทุนจัดงานรำลึก 6 ตุลาคม 2519)


โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติม และชมกิจกรรม3ครั้งที่ผ่านมาได้ที่ http://cpt.igetweb.com