WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Saturday, October 25, 2008

กำจัด “ทักษิณ” เพื่อ ... ?

เพียงแค่ได้ยินเสียงแว่วๆ ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะยกหูถึงพี่ๆ น้องๆ ในรายการ “ความจริงวันนี้สัญจร” ครั้งที่ 2 ซึ่งจะจัดขึ้นที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ก็ทำให้บางคนถึงกับ “อกสั่นขวัญแขวน” ไปตามๆ กัน
ทำไมต้องกลัวทักษิณขนาดนั้น? หลายคนเกิดคำถามนี้ เพราะตลอดระยะเวลาหลังจากรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ที่ทหารเข้ามายึดอำนาจ กระทั่งบัดนี้กว่า 2 ปี บางคนก็ยังกลัวทักษิณขี้ขึ้นสมอง
บางคนกลัวแม้กระทั่งชื่อทักษิณ ทั้งๆ ที่ประชาชนส่วนใหญ่ทั่วประเทศให้ความศรัทธาต่ออดีตนายกรัฐมนตรีคนนี้อย่างไม่เสื่อมคลาย
บางคนกลัว จนกระทั่งปล่อยข่าวว่าจะมีปฏิวัติก่อนวันที่ 1 พฤศจิกายน ที่คนเสื้อแดงจะมารวมตัวกันเพื่อแสดงจุดยืนในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
ผมค่อนข้างมั่นใจว่างาน “ความจริงวันนี้สัญจร” ครั้งที่ 2 จะมีประชาชนเดินทางมาร่วมงานกันอย่างมืดฟ้ามัวดิน
สาเหตุที่ประชาชนจะตัดสินใจเดินทางมาร่วมงานนั้น เพราะเกิดความไม่สบายใจในเหตุการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา รวมทั้ง สนามราชมังคลากีฬาสถานก็จุคนได้เยอะกว่าเมืองทองธานีหลายเท่า
วันนี้ฝ่ายประชาธิปไตยเราทราบชัดเจนแล้วว่าคนไทยส่วนใหญ่เลือกยืนอยู่ข้างเรา หากใครไม่เชื่อ ผมขอท้าทายให้ไปสำรวจคะแนนนิยมกันได้เลย
เมื่อวันวาน คุณณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกรัฐบาล ก็ท้าทายให้แกนนำพันธมิตรฯ ออกไปใช้ชีวิตตามปกติ เช่น เดินห้าง หรือเดินตลาด โดยไม่มีการ์ดห้อมล้อม เพื่อดูว่าประชาชนจะแสดงออกอย่างไร
สิ่งที่ คุณณัฐวุฒิ พูดนั้น มันช่างตรงใจผมเสียจริงๆ เพราะวันนี้ พันธมิตรฯ มีเพียงกระแสที่ช่วยให้ดูเหมือนคนสนับสนุนเยอะเท่านั้น แต่หากวันใดไม่มีกระแสมาช่วย พันธมิตรฯ ก็พ่ายแพ้หมดรูปแน่นอน
ดังนั้นวันนี้ประชาชนฝ่ายประชาธิปไตย ต้องคิดเสมอว่า เราไม่จำเป็นต้องพึ่งสื่อมวลชนกระแสหลัก ไม่ต้องไปอ่านและเสียเงินซื้อสื่อชั่วจอมปลอมพวกนั้น
เพียงแค่เรายึดมั่นในอุดมการณ์ประชาธิปไตย และปกป้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ที่โดนรังแกจากอำนาจมืด
ที่ผ่านมา ผมยังไม่เคยเห็น พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาตอบโต้ฝั่งตรงข้ามอย่างจริงๆ จังๆ ชนิดเต็มรูปแบบเลยสักครั้ง
หาก พ.ต.ท.ทักษิณ จะเป็นฝ่ายลุกขึ้นมาปลุกระดมกลับบ้าง อะไรจะเกิดขึ้นครับ ซึ่งผมไม่อยากจะให้เป็นแบบนั้น เพราะจะยิ่งทำให้เกิดความขัดแย้งมากขึ้น
แต่สถานการณ์แบบนี้ ฝั่งตรงข้ามกลับไล่ขยี้ พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างโหดร้าย อำมหิต ราวกับว่าไม่ใช่คนไทยด้วยกัน
ดังนั้น ผมอยากถามคนที่ต้องการกำจัด พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ประชาชนศรัทธา และรักใคร่
คุณทำเพื่อ “ประชาชนกว่า 60 ล้านคน” ในฐานะเจ้าของประเทศ หรือ คุณทำเพื่อใคร?


สนธิ ลิ้มทองกุล คนทำลายชาติ ?!!

กราบขอโทษท่านผู้อ่านอย่างยิ่ง ใช้ภาษาเขียนว่าเลว

ไม่เลวไม่ได้ เขียนเท่าไหร่ก็ไม่ทำให้ดีขึ้น ?!!

“สนธิ ล้มทองกุล” คนเลว.. ต้องเขียนด้วยภาษาเลว

จะไม่เลวได้อย่างไรเล่าครับ มันเลวยึดทำเนียบรัฐบาลเอาไว้เป็นประกันถึงวันนี้ยังไม่ยอมถอนตัวออกมา แถมได้ใช้ทำเนียบรัฐบาล “เป็นที่แถลงการณ์” ทุกเรื่อง มันทำราวกับว่ามันได้เป็นผู้นำประเทศเรียบร้อยไปแล้ว

คำสั่งที่ออกไปจากทำเนียบรัฐบาล แม้ว่าจะไม่ใช่คำสั่งของรัฐบาล ไม่ได้มีประกาศถูกต้องตามกฎหมายก็จริง แต่ก็มี “หมูหมา” ยอมรับในคำสั่งของมัน ยอมปฏิบัติตาม ดังเช่นการที่พวกไอ้ชาติชั่วพันธมิตรทำหนังแผ่น แจกจ่ายประชาชน ๓ ล้านแผ่นทั่วประเทศ ก็ไม่เห็นมีใครตำหนิติเตียน พันธมิตรตัดต่อทำหนังตำรวจฆ่าประชาชน

ไอ้ชาติห...สนธิ ลิ้มทองกุล ดูมันซีครับ

ในโอกาสเดียวกันนี้ ยังมี “จำลอง ศรีเมือง” ทำตัวเชื่องเหมือนห..ข้างถนน ยอมให้ไอ้สนธิ ลิ้มทองกุล บัญชาการเอาตามใจชอบ ซึ่งบางคนก็ว่า มันคือนายใหญ่ของสนธิ ลิ้มทองกุล ต่างหากล่ะ

ขอกราบท่านผู้อ่านอีกครั้ง..กราบขอโทษ ต้องหยาบต่อ

“พวกพันธมิตรมันทำกับประเทศไทยได้ลงคอ ไม่ว่าจะเป็นคนถ่อยโพธิรักษ์ หรือนายรัก รักพงษ์ มันพากันยึดเอาทำเนียบเป็นกองบัญชาการใหญ่ แถมยังมีคนถ่อยสารเลวอีกหลายคนที่บังอาจยึดทำเนียบ ตั้งแต่วันที่ ๒๖ สิงหาคม/๕๑ อยู่มาจนถึงวันนี้กี่วันแล้วครับ คนพวกนั้นคือไอ้เดนมนุษย์ สมศักดิ์ โกศัยสุข ที่อาศัยคราบผู้นำกรรมกร

ไอ้ผู้แทนบ้าบอ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ตัวแทนของพรรคประชาธิปัตย์ และอีกหลายคน เช่น ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ สาวกคนที่สองของสันติอโศก ตามด้วย “สุริยะใส กตะศิลา” อมร อมรรัตนานนท์ และสหายเทิดภูมิ ใจดี .. คนพวกนี้ มันทำได้ลงคอ”.?!

ผมใช้ภาษาอันหยาบช้ากับคนพวกนี้เพื่อจะบอกให้พวกเขารู้ว่า สิ่งที่พวกเขาทำอยู่ในขณะนี้ มันเป็นการทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของประเทศไทย

ขอกราบเรียนว่า นี้คือการทำลายประเทศไทยทั้งแผ่นดินและยังทำลาย “ระบอบการปกครอง” อีกด้วย...มันน่าจะรู้ตัวว่าพวกมันกำลังทำอะไร ?!!

จะขอพรรณนาความผิดที่เห็นตำตา ให้ไอ้พวกนี้ได้รับรู้ แล้วรีบเก็บเอาไปพิจารณาว่าสิ่งที่พวกมึงทำ มันมีความผิดจริงหรือไม่ ? ดังนี้
“ยึดสะพานมัฆวานรังสรรค์ ถนนราชดำเนินนอก...ทำผิดกฎหมายหรือไม่ เคยเกรงใจองค์การสหประชาชาติ ที่ทำงานอยู่ตรงนั้นหรือไม่ว่า เขาจะรู้สึกอย่างไร ..?!

และ โปรดรับทราบ...นี้คือเส้นทางเสด็จ

เคยถอยออกให้หรือไม่ ..ไหนว่ารักเจ้า ?

“รู้ไหม ลักษณะของคนที่เทิดทูล เขาพากันเฝ้ารับเสด็จ นั่งอยู่สองฝั่งทาง พากันถือธงชูขึ้นเหนือศีรษะ แล้วเปล่งวาจาว่า ทรงพระเจริญ...เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จผ่าน”

เคยรู้กันดีมิใช่หรือ ?


ความผิดเรื่องต่อมา...จัดตั้งกองกำลังขึ้นมาเหมือนกับพวกกระบวนการก่อการร้าย มีการบุกขึ้นยึดสถานีโทรทัศน์ NBT ทำลายทรัพย์สินของชาติไม่แตกต่างจากพวกโจรก่อการร้าย
ความผิดต่อมา...ครอบครองทำเนียบ !!
“เห็นความผิดของตัวเองแล้วหรือยัง...ถ้ายังไม่เห็น จะขอนำเอาเรื่องเลวร้ายมาเล่าต่ออีกว่า เมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๑ พวกท่านคิดชั่วจะยึดรัฐสภาอีกแห่ง ตำรวจเขายอมให้ทำไม่ได้ จึงใช้แก๊สน้ำตา ขัดขวางการกระทำ”
พรรคพวกของ “สนธิ ลิ้มทองกุล” แห่มาจากต่างจังหวัด ถูกหลอกให้เป็นกองกำลังรบ ถูกแก๊สน้ำตาถล่มใส่ บาดเจ็บไป ๔๐๐ กว่าคน
พรรคพวกของท่าน ยิง –แทง ตีตำรวจ เละ ?!
ตำรวจหลายคน เป็นตายเท่ากัน..กลับไม่ใส่ใจ.. ?!
เมื่อพ่ายแพ้ ยึดรัฐสภาไม่ได้ หัวใจหล่นตุ๊บ ไม่สมหวัง จึงโกรธแค้นมากที่ไม่อาจเอาชนะเหมือนตอนยึดทำเนียบ ..จึงทำหนังทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของตำรวจ
กล่าวหาพวกรากหญ้าไม่มีความจงรักภักดี !!
เพียงแค่นี้ ก็มีความผิดมหันต์ เกินว่าจะบรรยาย ทำให้เห็นหัวใจของคนจัญไรของไอ้สนธิ ลิ้มทอง กุล ที่แท้ก็คือ “รัสปูติน” แห่งสยาม...ที่หยาบช้า
สนธิ ลิ้มทองกุล คนทำลายชาติ ?!!



นปช.กร้าว!เตือนชุดพรางอย่าคิดยึดอำนาจเด็ดขาด

คนรักประชาธิปไตยเสื้อแดง แห่ชุมนุมแน่นสนามหลวง ด้านแกนนำลั่นทหารอย่าคิดยึดอำนาจช่วงนายกฯไม่อยู่ประเทศเพราะปชช.ไม่ยอมแน่

พลตำรวจโทสุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่า เตรียมกำลังตำรวจไว้ 8 กองร้อย หรือ 1,200 นาย ในการดูแลความสงบเรียบร้อยการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ที่บริเวณท้องสนามหลวง พร้อมเรียกกำลังได้ทันทีภายใน 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง หากมีเหตุรุนแรง

อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า กลุ่ม นปช. อาจเคลื่อนขบวนไปยังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และกระทรวงกลาโหมในช่วงค่ำ แต่เชื่อมั่นว่าจะไม่มีเหตุรุนแรง โดยตำรวจจะป้องกันไม่ให้เกิดการเผชิญหน้า หรือการปะทะกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

ส่วนบรรยากาศที่บริเวณท้องสนามหลวง เริ่มมีกลุ่มผู้ชุมนุมสวมใส่เสื้อสีแดง ทยอยเดินทางมารวมตัวกันแล้ว โดยมีตำรวจดูแลรักษาความปลอดภัยโดยรอบ ขณะที่บริเวณทำเนียบรัฐบาล ยังคงมีการวางแนวรั้วลวดหนามยางรถยนต์เป็นแนวกั้น พร้อมตรวจตราสัมภาระผู้เข้าร่วมชุมนุมอย่างเข้มงวด ป้องกันกลุ่มมือที่ 3นปช.กร้าว!เตือนชุดพรางอย่าคิดยึดอำนาจ

ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการชุมนุมซักซ้อมความพร้อมในการต่อต้านปฏิวัติรัฐประหารของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) บริเวณท้องสนามหลวงในขณะนี้เหตุเกิดกลุ่มแนวร่วม นปช.ทยอยเดินทางเข้าร่วมชุมนุมประมาณ 5,000คน แล้ว ซึ่งมีแนวร่วมบางส่วนขึ้นรถปราศรัยกล่าวโจมตีกลุ่มบุคคลที่ต่อต้านรัฐบาลเพราะในส่วนของกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯตลอดจนกลุ่มทหาร

อย่างไรก็ตามในขณะนี้กลุ่มแนวร่วม นปช.บางส่วนได้เตรียมอุปกรณ์ในการต่อต้านรัฐประหารอย่างสันติวิธี เพื่อให้การต่อต้านของฝ่ายประชาชนในความสูญเสียน้อยที่สุด อีกทั้งยังเป็นการกดดันไม่ให้กองทัพใช้โอกาสที่นายกรัฐมนตรีจะปฏิบัติภารกิจที่ประเทศจีนทำการรัฐประหารขึ้น



แฟชั่น"ตีนตบ"ปราบกบฎสีสันคู่นปช.


"ตีนตบ" จะทำหน้าที่ตะปบ "มือตบ" พันธมาร ! เผยเป็นโอท็อปเจ้าแรกของไทยได้รับความนิยมจนผลิตแทบไม่ทัน

ช่วงนี้คงจะเริ่มคุ้นเคยกับสัญลักษณะ "ตีบตบ" กันมากขึ้นเรื่อยๆ เท่าๆ กับการรวมพลังเคลื่อนไหนของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ชนิดที่ว่า ที่ไหนมี นปช. ที่นั่นจะมีตีนตบไว้คอยขับไล่เสนียดจัญไรจากมือตบพวกพันธมารและในวันที่ 1 พฤศจิกายนที่จะถึงในไม่อีกกี่วันนี้ ในงานนัดรวมพลคนเสื้อแดง เวที "ความจริงวันนี้สัญจร" นอกเหนือจากความร้อนแรงของสีเสื้อแล้ว ตีนตบก็จะเป็นอีกอุปกรณ์หนึ่งที่จะสร้างสีสันให้กับงานและยังเป็นสัญลักษณ์ในการรวมพลังของกลุ่ม นปช. ด้วย

"ตีนตบ" เดินทางมาไกลจากเชียงใหม่ สนนราคาซื้อขายกันที่ 3 อัน 100 บาท ได้รับความนิยมจนกลายเป็นสินค้าโอท็อปประจำ อ.สันกำแพงไปเรียบร้อยแล้ว งานนี้ก็ต้องขอปรบมือให้กับนายพรหมศักดิ์ แสนโพธิ์ ประธานสมาพันธ์คนรากหญ้า จ.เชียงใหม่ ที่เป็นผู้ริเริ่มผลิตตีนตบออกมากแข่งกับมือตบด้วยเหตุผลที่ว่า เราต้องมีสัญลักษณ์เป็นของเราบ้าง

นายพรหมศักดิ์ เปิดเผยว่า ตีนตบเป็นโอท็อปเจ้าแรกของไทย ต้นทุนผลิตอยู่ที่ 30 บาทต่อชิ้น ราคาขายอยู่ที่อันละ 32-35 บาท เมื่อตีนตบเดินทางมาถึงกรุงเทพฯ ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 39-49 บาทต่ออัน และแม้จะถูกกลุ่มนักวิชาการออกมาโจมตีว่าตีนตบเป็นสัญลักษณ์ของความรุนแรง หยาบคาย แต่ตีนตบก็ยังได้รับความนิยมจนผลิตแทบไม่ทัน

ไม่ว่าจะเป็นตีนตบหรือมือตบ มันจะเป็นเครื่องมือรุนแรงหรือไม่ ขึ้นอยู่กับสามัญสำนึกของผู้ใช้ต่างหาก เพราะที่ผ่านมา "มือตบ" ที่ผ่านมามันก็กลายเป็นอาวุธชนิดหนึ่งที่กลุ่มพนักงาน บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสมาชิกสหภาพ ทีโอทีและกลุ่มข้าราชการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ที่เข้าปิดล้อม ตะโกนขับไล่แถมยังขว้างมือตบใส่นายสมชาย วงสวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ขณะเดินทางไปตรวจเยี่ยม

วันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ ในเวที "ความจริงวันนี้สัญจร ครั้งที่ 2" นอกจาก 3 นายวีระ มุกสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แล้วอีกสิ่งหนึ่งที่จะสร้างสีสันในงานวันนั้นคือคำปราศัยสดๆ ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ต่อโทรศัพท์ทางไกล จากประเทศอังกฤษ ส่วนรูปแบบของการจัดงานนั้นจะใช้พื้นที่ของสนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถานที่สามารถเพื่อรองรับกลุ่มประชาชนที่จะมาร่วมงานกว่า 7 หมื่นคน ตรงกลางจะเป็นเวทีขนาดใหญ่ที่ปูด้วยผ้าใบสีแดงสกรีนใบหน้าของ 3 อดีตแกนนำ นปก. นอกจากนี้ยังมีโปรเจ็คเตอร์ขนาดใหญ่ไว้ติดตั้งโดยรอบสนาม สำรับผู้ที่ไม่สามารถเข้าร่วมงานได้ นอกจากนี้รอบสนามยังจะมีการตั้งบูธขาย "เสื้อแดง" ในราคาตั้งแต่ 100-250 บาท รวมทั้ง "ตีนตบ" ราคา 3 อัน 100 บาท ด้วย ส่วนเรื่องความปลอดภัยก็ไม่ต้องวิตกกังวลเพราะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ จาก บก.น.4 จำนวน 4 กองร้อย ร่วมกับทีมรักษาความปลอดภัยของ นปก. ดูแลเข้มตลอดทั้งงาน

.....ใส่เสื้อแดงและพก "ตีนตบ" แล้วมารวมพลังร่วมกันได้ที่งาน


‘มานิตย์’ชี้กฏหมายโจรบกฏทำประเทศไทยลงเหว

‘มานิตย์’ยันกม.ที่ใช้ลงดาบอดีตนายกฯเป็นของโจรกบฏ สลด!อนาคตความปลอดภัยชีวิตทรัพย์สินคนไทยจะพึ่งใคร วอนเปิดโอกาส‘ทักษิณ’พูดความจริงบ้าง ไม่ใช่ฟัง‘แป๊ะลิ้ม-จำลอง’ฝ่ายเดียว

นายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา กล่าวถึงกรณี พ.ต.ท ทักษิณ ชิณวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ส่งจดหมายถึงสื่อต่างประเทศหลายสำนัก ภายหลังถูกฎีกาฯตัดสินจำคุก 2 ปี ในคดีทุจริตที่ดินรัชดา ว่า สามารถทำได้เพราะเป็นสิทธิส่วนบุคคล ไม่มีกฎหมายใดห้ามพูดห้ามชี้แจงต่อสาธารณชน ซึ่งหากพ.ต.ท.ทักษิณพูดไม่ได้ แล้วทำไมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงด่าทอได้ทุกวัน ด่ามา 3-4 ปี ยังทำได้ หากพูดไม่ได้ พูดแล้วใครเป็นผู้เสียหายก็ไปทำการฟ้อง

ส่วนเรื่องที่ศาลตัดสินนั้น มองว่า ข้อกฎหมายที่ใช้ตัดสินเป็นทาสของกบฎ เพราะกบฎเป็นผู้ร่าง และผู้พิพากษาหลายคนรับใช้กบฎ ช่วงดำเนินคดีบอกเป็นคดีการเมือง เมื่อตัดสินแล้วบอกเป็นคดีอาญา อีกทั้งใครต่อใครจะให้ส่งตัวพ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้ร้ายข้ามแดน

“เกิดอะไรขึ้นกับกระบวนการยุติธรรม จากนี้ไปประชาชนจะมีความ ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินและเชื่อถือวางใจในกระบวนการยุติธรรมได้อีกหรือไม่ เพราะศาลจะนำใครมาพูดมาเขียนก็ได้ เวลานี้กระบวนการยุติธรรมไม่ยุติธรรมเพราะนำหลักกฎหมายโจรมาตัดสินคนในบ้านเมือง”นายมานิตย์ กล่าว

เมื่อถามว่า ต่างประเทศมองกระบวนการยุติธรรมไทยอย่างไรนั้น นายมานิตย์ กล่าวว่า ไม่ต้องถามถึงต่างชาติว่าจะมองประเทศไทยอย่างไร เพราะแค่คนในประเทศยังไม่สามารถเชื่อถือได้ แล้วคนต่างชาติควรจะมองประเทศไทยอย่างไร ตรงนี้ไปคิดกันเอง

นอกจากนี้ นายมานิตย์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท ทักษิณ จะโทรศัพท์สายตรงปราศรัยกับประชาชนในวันที่ 1 พ.ย. นี้ผ่านรายการ “ความจริงวันนี้ ต้านรัฐประหาร” ที่จะจัดขึ้นที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ว่า จะก่อให้เกิดการเข้าใจของประชาชนที่ตรงกันทั้งสองฝ่าย ควรให้ พ.ต.ท. ได้พูดบ้าง ไม่ใช่ปล่อยให้ประชาชนฟังแต่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล และ พล.ต จำลอง ศรีเมือง พูดอยู่ฝ่ายเดียว

'สุรยุทธ์'ปัดตอบ‘ทักษิณ’โฟนอิน

พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรีและอดีตนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดการประชุมสมาพันธ์องค์กรบริหารไหหลำโลกรุ่นใหม่ ครั้งที่ 2 ณ โรงแรมสวิสโซเทล เลอ คองคอร์ด ถ.รัชดาภิเษก

ทั้งนี้ ภายหลังการเปิดงาน ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม พล.อ.สุรยุทธ์ถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ขณะนี้ อาศัยอยู่ประเทศอังกฤษ จะโทรศัพท์ข้ามประเทศเข้ามาในรายการความจริงวันนี้วันที่ 1 พ.ย.นี้ แต่ พล.อ.สุรยุทธ์ไม่ตอบคำถามใดๆ โดยเพียงยิ้ม และขึ้นรถกลับทันที



‘จรัล’จวก‘จำลอง’ ตีสองหน้า อยากได้‘ช้าง’หนุนพันธมาร

แกนนำนปช.รู้ไต๋‘จำลอง’ เชื่อเสียงค้านบริษัทน้ำเมาเข้าจดทบ.ตลาดหลักทรัพย์อ่อนเพราะต้องการท่อน้ำเลี้ยงเข้า‘แก๊งมือตบ’

นายจรัล ดิษฐาพิชัย แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวถึงกรรณีที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมีท่าทีเปลี่ยนไป กรณีการนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของ บริษัทไทยเบฟเวอเรจ ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายใต้เครื่องหมายช้าง ว่า ตนเห็นว่า ก่อนหน้านี้ในสมัยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี พล.ต.จำลอง ได้ออกมาแสดงความคิดคัดค้านอย่างชัดเจนว่าไม่เห็นด้วย ซึ่งขณะนี้พล.ต.จำลองก็เป็นเหมือนพวก‘ตีสองหน้า’ซึ่งหน้าหนึ่งก็ทำเฉย แต่อีกหน้าหนึ่งก็อยากให้เบียร์ช้างมาสนับสนุนกลุ่มพันธมิตรฯที่ออกมาชุมนุมขับไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนอยู่ในขณะนี้ วันนี้ พล.ต.จำลอง

“พล.ต.จำลองมีท่าทีเปลี่ยนไป เพราะต้องการช่วงชิงบริษัทเบียร์ช้างให้มาเป็นแนวร่วมและสนับสนุนการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ไม่เชื่อลองสังเกตดูว่าการเคลื่อไหวของเขาจะเอาเม็ดเงินมาจากไหนมากมาย เพราะชุมนุมมาตั้งหลายเดือนแล้ว”แกนนำนปช. กล่าว

นายจรัล กล่าวอีกว่า ในความเป็นจริงการนำหุ้นเข้าตลาดหลักทรัพย์เป็นเรื่องทางธุรกิจ หากจะมีการคัดค้านว่าเป็นอบายมุกก็ควรจะคัดค้านที่ต้นเหตุ ไม่ควรให้มีการผลิตทั้งเหล้าและบุหรี่ด้วย



Friday, October 24, 2008

พันธมารขี้ขึ้นหัว!ร้องทหารช่วยหวั่นม็อบ'สล้าง'บุกทำเนียบฯ

แก๊งพันธมิตรฯผวา ดอดยื่นหนังสือมทภ.1 ขอทหารช่วยดูแล หวั่นโดนกองกำลังนักรบพระเจ้าตาก- ‘พลังกู้วิกฤตชาติ’ปิดล้อมทำเนียบฯตัดท่อน้ำเลี้ยง ด้าน‘สล้าง’ยกเลิกแผนปิดประตูตีแมว อ้างติดภารกิจ

นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ นายสมบูรณ์ ทองบุราณ พร้อมด้วย นายการุณ ใสงาม แนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เดินทางไปที่กองทัพภาคที่ 1 เข้ายื่นหนังสือให้ พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 เพื่อขอให้ตรวจสอบ และดำเนินการ กรณีที่ พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค และ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล (เสธ.แดง) ข่มขู่ จะใช้กองกำลังติดอาวุธ มาล้อมทำเนียบรัฐบาล โดยมี พล.ต.สุรพันธ์ พวงเพชร ที่ปรึกษากองทัพภาคที่ 1 รับหนังสือแทน พร้อมกันนี้ นายไชยวัฒน์ กล่าวว่า กรณีที่ พล.ต.อ.สล้าง ประกาศว่าจะใช้กองกำลังติดอาวุธ เข้ามาล้อมทำเนียบรัฐบาล และ พล.ต.ขัตติยะ ได้มีการเตรียมกองกำลังในนาม นักรบพระเจ้าตาก ให้กับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จะเห็นได้วว่า การกระทำดังกล่าว มีความต้องการที่จะทำให้เกิดความรุนแรงจึงอยากเรียกร้องให้แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะเจ้าของพื้นที่ได้ตรวจสอบและดำเนินการ เพื่อป้องกันการปะทะด้วยความรุนแรง เหมือนที่เคยเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 7 ต.ค.2551 ที่ผ่านมา

ขณะที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ว่า การทำงานบริหารประเทศไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะตั้งแต่ตนเข้ามาก็มีอุปสรรคมาโดยตลอด แต่ก็จะไม่ถอดใจแน่นอนและจะสู้ต่อไปเพื่อความถูกต้อง ทั้งนี้ ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน หรือ อาเซียนซัมมิท ในเดือนธันวาคมนี้ หากจะมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตนั้นตนไม่เห็นด้วย เพราะจะทำให้มีผลลบต่อประเทศ และไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลใด หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ก็จะไม่เป็นที่ยอมรับจากชาวโลกเช่นกัน อย่างไรก็ตามจะพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ส่วนปัญหาความขัดแย้งขณะนี้ ต้องแก้ไขแม้จะเป็นเรื่องยากก็ตาม

ล่าสุดพล.ต.อ.สล้าง บุญนาค อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจเปิดเผยว่า วันพรุ่งนี้(25พ.ย.) ภารกิจการยึดทำเนียบรัฐบาล โดยกองกำลังที่ใช้ชื่อว่า‘พลังกู้วิกฤตชาติ’ต้องยกเลิก เพราะติดภารกิจที่จังหวัดเชียงใหม่


ส.ส.พปช.ชี้‘ทักษิณ’มีสิทธิวิจารณ์ศาลได้

ในฐานะที่ได้รับผลกระทบ ส.ส.พลังประชาชนระบุ‘ทักษิณ’มีสิทธิวิจารณ์ศาลผ่านแถลงการณ์ได้ จี้นักกฏหมายออกให้ความรู้ประชาชนมากกว่าปัจจุบัน จวกขบวนการแปลงสาส์นอัปยศให้คนเข้าใจอดีตนายกฯผิด

นายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร พรรคพลังประชาชน ในฐานะคณะทำงานฝ่ายกฎหมายของพรรค กล่าวถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกแถลงการณ์ถึงสื่อต่างประเทศโดยมีเนื้อหาวิพากษ์วิจารณ์กระบวนการยุติธรรมและชนชั้นสูงในประเทศไทยว่า ในฐานะนักนิติศาสตร์คนหนึ่ง เท่าที่ดูเนื้อหาของแถลงการณ์มองว่าเป็นสิทธิของพ.ต.ท.ทักษิณที่จะแสดงความคิดเห็นในฐานะผู้ที่ได้รับผลกระทบ เป็นข้อมูลอีกด้านหนึ่งที่อยากให้สังคมไทยช่วยกันศึกษาให้รอบด้านก่อนที่จะตัดสินใจเชื่อหรือไม่เชื่อเนื้อหา ทั้งนี้ในวงการนักนิติศาสตร์เอง ก็ยังเป็นข้อถกเถียงในหลายประเด็นมีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับคำตัดสิน

“หลายครั้งที่ผมได้มีโอกาสได้พบกับนักกฎหมายจากต่างประเทศได้แสดงความเห็นต่อกระบวนการยุติธรรม และกฎหมายของประเทศไทยนับแต่คดียุบพรรคไทยรักไทยโดยตั้งคำถามว่าทำไมระบบกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมของไทยถึงเป็นอย่างนี้ ถ้าเป็นประเทศเขาเรื่องอย่างนี้ถือว่าไร้สาระตั้งแต่กฎหมายถึงกระบวนการยุติธรรม ซึ่งไม่น่าเกิดขึ้นในประเทศที่ปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยชั้นแนวหน้าของภูมิภาคนี้”นายพีรพันธุ์กล่าว

นายพีรพันธุ์ยังกล่าวเรียกร้องให้นักวิชาการด้านนิติศาสตร์ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ทางวิชาการต่อกระบวนการยุติธรรมและกระบวนกฎหมายของไทยเพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจในหมู่ประชาชนโดยไม่ต้องเกรงว่าจะละเมิดอำนาจศาล เพราะการแสดงความคิดเห็นทางวิชาการสามารถทำได้ โดยอาจจะให้สถาบันพระปกเกล้าเป็นเจ้าภาพเปิดเวทีเสวนาหรือกรรมาธิการในสภาผู้แทนราษฎรดำเนินการก็ได้ ทั้งนี้ระบบศาลของไทยเป็นระบบปิดมาโดยตลอด ตนมองว่าระบบศาลควรจะเปิดให้คนเข้าถึงมากขึ้น ซึ่งอาจจะรวมถึงการปรับถ้อยคำในส่วนของความผิดที่ว่าด้วยการหมิ่นอำนาจศาลออกไป ควรจะต้องปรับกระบวนการยุติธรรมไทยให้สากลยอมรับ ไม่ใช่เมื่อเกิดการยึดอำนาจคนๆเดียวจะออกกฎหมายอะไรก็ได้

ส่วนกรณีพ.ต.ท.ทักษิณโจมตีชนชั้นสูงที่มีอภิสิทธิ์พร้อมระบุว่าตัวเองเป็นตัวแทนของคนชั้นล่าง นายพีรพันธุ์กล่าวว่า อย่าไปคิดว่าคนไทยเขาไม่รู้ โดยเฉพาะกลุ่มที่พ.ต.ท.ทักษิณบอกว่าเป็นตัวแทนของกลุ่นคนรากหญ้าต่อสู้กับกลุ่มคนอภิสิทธิ์ชน สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้น



ศึกยึดคืนทำเนียบ! ผบช.น.เชื่อรับมืออยู่ไม่นองเลือด


ผบช.น.เผยมีกำลังตร.หลายพันนายไว้รับมือ หากกลุ่ม‘พลังกู้วิกฤติชาติ’ของ‘สล้าง’ปิดล้อมทำเนียบฯ ไล่‘พันธมิตรฯ’จริง ระบุหากเกินกำลังพร้อมเรียกทหารเสริมทัพทันที

พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวถึงกรณีที่ พลตำรวจเอก สล้าง บุนนาค อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ ประกาศยึดทำเนียบรัฐบาลว่า ตนเชื่อว่าจะไม่มีเหตุรุนแรงเนื่องจากใกล้งานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ คงไม่มีผู้ใดกล้าก่อเหตุรุนแรงขึ้น อย่างไรก็ตามตำรวจได้เตรียมกำลังไว้ 8 กองร้อย หรือ 1,200 นาย ในสถานการณ์ปกติ และมีกำลัง ณ ที่ตั้งอีก 9 กองร้อย รวมทั้งสามารถร้องขอความช่วยเหลือไปยังกองทัพได้ทันที กรณีที่เกิดเหตุรุนแรงเกินกว่าตำรวจจะควบคุมได้ ยืนยัน ตำรวจสามารถควบคุมสถานการณ์ไม่ให้เกิดการเผชิญหน้าระหว่าง 2 กลุ่มได้

ส่วนจะมีตำรวจราชการไปร่วมชุมนุมกับ พลตำรวจเอก สล้าง หรือไม่นั้น ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า ต้องพิจารณาว่า หากตำรวจในราชการจะไปร่วมชุมนุม ต้องไปนอกเวลาเท่านั้น แต่ย้ำว่า ขณะนี้ยังมีคำสั่งห้ามตำรวจทุกนายลาโดยไม่มีกิจอันควร พร้อมยอมรับ รู้สึกหนักใจ เนื่องจากขณะนี้ตำรวจถูกกดดันอย่างหนัก

ไม่อยากให้รัฐบาลไขก๊อก

นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวถึงกรณีที่ พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยอ้างเพราะเป็นเหตุมาจากการเมือง ไม่ใช่การกระทำผิด หรือทุจริต ว่า เป็นเพียงความคิดเห็นของแต่ละคนที่สามารถมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันได้
ส่วนจุดยืนของพรรคชาติไทย นายบรรหารกล่าวว่า ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลยังต้องการให้มีรัฐบาลทำหน้าที่บริหารประเทศต่อไป มิเช่นนั้นจะเกิดสุญญากาศทางการเมือง ประเทศชาติไม่สามารถเดินหน้าได้ ทั้งนี้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศต้องแก้ไขตามระบอบประชาธิปไตย และต้องใช้ความอดทน

หัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวอีกว่า ขณะนี้มีความเป็นห่วงต่อสถานการณ์บ้านเมือง ที่แบ่งเป็นหลายฝ่าย และจะมีการชุมนุมใหญ่ ซึ่งอาจนำไปสู่การปะทะกัน โดยผู้ใหญ่ในบ้านเมืองหลายท่านไม่สามารถพูด หรือแสดงความคิดเห็นได้มากนักเพราะจะถูกตีความว่าเข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดและนำไปสู่ความขัดแย้งที่รุนแรงขึ้น

อาสากาวใจนปช.-พันธมิตรฯ

นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช กล่าวในรายการที่นี่ทีวีไทย ออกอากาศทางโทรทัศน์ช่อง ไทยพีบีเอส(TPBS) เมื่อคืนวาน(23 ต.ค.) เกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมืองขณะที่ว่า ตนรู้สึกเป็นห่วงบ้านเมืองขณะนี้มากเพราะ เห็นได้ชัดเจนว่า ขณะนี้บ้านเมืองมีการแบ่งออกเป็นสองฝ่ายอย่างชัดเจน คือ1.กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ2.กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ทั้งนี้มองว่าการที่พันธมิตรฯเข้าไปยึดทำเนียบรัฐบาลไม่ได้เป็นการใช้สิทธิเรียกร้องชุมนุมอย่างสันติตามที่รัฐธรรมนูญ ปี2550 บัญญัติไว้ ซึ่งเป็นฉบับที่กลุ่มพันธมิตรฯพยายามจะปกป้อง รวมทั้งการเคลื่อนกลุ่มผู้ชุมนุมไปปิดล้อมรัฐสภาเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมาก็ถือว่ากลุ่มพันธมิตรทำไม่ถูกต้อง
“ผมกลัวว่าบ้านเมืองเราจะกลายเป็นอย่างเช่นสงครามเขมร 3 ฝ่ายที่มีการรบพุ่งกันเองของคนในชาติ และถ้ามองให้ดีก็ไม่มีใครได้ประโยชน์เพราะคนในชาติรบกันเอง”นายเสนาะ กล่าว

นายเสนาะกล่าวอีกว่า ตนพร้อมที่จะเข้าไปเป็นคนกลางเพื่อไกล่เกลี่ยให้ไม่ว่ากลุ่มพันธมิตรฯหรือนปช. หรือจะให้ก้มลงกราบก็ยอมโดยเฉพาะกลุ่มพันธมิตร อย่างไรก็ตามตนคิดว่าคนที่จะไม่ยอมออกมาคุยก็คือ นายสนธิ ลิ้มทองกุล และพล.ต.จำลองศรีเมือง

อย่างไรก็ตามหัวหน้าพรรคประชาราช ได้กล่าวถึงพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า ตนเชื่อว่าขณะนี้พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีอำนาจใดๆแล้วในเมืองไทย ส่วนคดีทั้งหลายก็เข้าสู่สถาบันตุลาการหมดแล้ว

เชื่อไม่เกิดเหตุรุนแรง

ด้าน พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.สล้าง บุญนาค อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ เตรียมที่จะใช้กลุ่ม‘พลังกู้วิกฤติชาติ’เพื่อไปปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลในวันพรุ่งนี้(25 ต.ค.) เพื่อตัดช่องทางการนำเสบียงอาหารและเครื่องดื่มเข้าไปให้ผู้ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่า ตนเชื่อว่าจะไม่เกิดเหตุรุนแรงใดๆเพราะทุกฝ่ายต่างทำตามหน้าที่และคนไทยทุกคนต่างคิดดีทำดี

ส่วนกรณีที่พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะโทรศัพท์ทางไกลจากต่างประเทศเข้ารายการ "ความจริงวันนี้ ต้านรัฐประหาร" ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ในวันที่ 1 พ.ย.นี้ พล.ต.อ.โกวิท เห็นว่า จะไม่ทำให้สถานการณ์ทางการเมืองทวีความรุนแรงขึ้น และเรื่องดังกล่าวถือเป็นสิทธิส่วนบุคคล

ปิดสะพาน‘มัฆวาน’อ้างโดนขว้างประทัดยักษ์

ส่วนบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บริเวณเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ แกนนำได้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและเปิดช่องทางการจราจรบนถนนราชดำเนินนอก ตั้งแต่เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์-แยกสวนมิสกวัน ตลอดช่วงเช้าวันนี้กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยังคงมีการนำยางรถยนต์และรถบรรทุก 6 ล้อติดเครื่องขยายเสียงมาจอดขวางเส้นทางการจราจรบนสะพานมัฆวานรังสรรค์-บริเวณแยก มิสกวัน นอกจากนี้ยังมีการนำยางรถยนต์มาวางขวางถนนบริเวณหน้ากองบัญชาการกองทัพภาคที่ 1 ด้วย

ทั้งนี้แกนนำให้เหตุผลเรื่องของความไม่ปลอดภัย หลังจากเมื่อวานนี้ มีกลุ่มผู้ไม่หวังดีขับขี่รถจักรยานยนต์ได้ขว้างประทัดยักษ์เข้ามาในบริเวณการชุมนุม จึงจำเป็นต้องมีการปิดการจราจรในบริเวณดังกล่าวต่อไป



ตร.เข้มอารักขานายกฯ หลัง‘แก๊งมือตบพันธมาร’ป่วน

โฆษกสตช.ห่วงความปลอดภัยนายกฯ หลังม็อบอัธพาลพันธมิตรฯสั่งลิ่วล้อ‘มือตบ’ตามรังควาน เพิ่มกำลังดูแลแน่นหนาขึ้น ส่วนนปช.ชุมนุม 1พ.ย.นี้ยืนยันดูแลได้ไม่วุ่นวาย

หลังจากที่เกิดเหตุการณ์พนักงานบมจ.ทีโอทีร่วมด้วยกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยประมาณ 200 คน รวมตัวกันปิดล้อมทางเข้าออกบริษัททีโอทีเพื่อไม่ให้นายสมชาย วงค์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเดินทางกลับหลังการประชุม โดยผู้ชุมนุมได้มีการขว้างปาสิ่งของ ขวดน้ำ ใส่นายสมชายด้วย

ล่าสุดพลตำรวจโท วัชรพล ประสารราชกิจ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า จะมีการเพิ่มความเข้มในการรักษาความปลอดภัย นายกรัฐมนตรี ในการเดินทางลงพื้นที่ทำงานต่างๆ เนื่องจาก เกรงจะมีกลุ่มบุคคลที่ไม่เห็นด้วย หรือมีความคิดเห็นทางการเมืองขัดแย้ง ไปก่อความวุ่นวาย ดังเช่นกรณีกลุ่มมือตบปิดล้อมนายกรัฐมนตรีที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ

ส่วนกรณี พลตำรวจเอก สล้าง บุนนาค อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ จะรวบรวมกำลังคนบุกทำเนียบรัฐบาลว่าโฆษกสตช.กล่าวว่า ตำรวจสันติบาลจะติดตามความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด เพื่อรวบรวมข้อมูลและข้อเท็จจริง ก่อนคัดกรองข่าวให้แน่ชัด และนำมาประกอบการรักษาความปลอดภัย ยืนยัน ตำรวจมีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย ป้องกันไม่ให้เกิดการปะทะระหว่างกลุ่มต่างๆ

ส่วนกรณีที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. จะนัดรวมกลุ่มครั้งใหญ่ ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน พลตำรวจโท วัชรพล กล่าวว่า กองบัญชาการตำรวจนครบาล จะเป็นผู้วิเคราะห์ข่าว และวางแผนการปฏิบัติ ไม่ให้เกิดความวุ่นวาย

ผบ.ตร. แต่งตั้ง คกก.ตรวจสอบฯเหตุการณ์7ต.ค.


พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบรวบรวมข้อเท็จจริง โดยมี พลตำรวจเอก วิโรจน์ พหลเวชช์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ฝ่ายความมั่นคงและกิจการพิเศษเป็นประธาน พร้อมรองประธานและคณะกรรมการ รวม 19 คน เพื่อรวบรวมหลักฐาน ข้อเท็จจริงในเหตุการณ์ควบคุมฝูงชน เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม เกี่ยวกับการสั่งการ การใช้อุปกรณ์ต่างๆ ตลอดจนภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนเสนอข้อมูลต่อคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ตั้งขึ้นโดยรัฐบาล และคณะกรรมการอิสระต่างๆ ซึ่งจะมีการประชุมครั้งแรกช่วงบ่ายวันนี้ นอกจากนี้ ยังแต่งตั้งคณะที่ปรึกษาผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและคณะทำงาน อันประกอบด้วย นักวิชาการ นักกฎหมาย สื่อสารมวลชน เพื่อเสนอแนะข้อคิดเห็น และแนวทางปฏิบัติงาน ให้สามารถนำไปปฏิบัติงานอย่างเหมาะสม รวมทั้งส่งเสริมความเข้าใจกับประชาชนให้มากยิ่งขึ้น

'ชวรัตน์'เล็งชงครม.อนุมัติงบ56ล.ช่วยเหยื่อ7 ตุลาฯ

วันนี้ (24 ต.ค.) นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการเยียวยา เหตุการณ์ความไม่สงบ 7 ต.ค.2551 กล่าวภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมเห็นตรงกันที่จะให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์สลายการชุมนุม ซึ่งจะมีการช่วยเหลือด้านตัวเงิน56 ล้านบาท และเยียวยาสุขภาพจิต ควบคู่ โดยมอบหมายให้กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นผู้รับผิดชอบตั้งศูนย์ช่วยเหลือตามหลักเกณฑ์ และพร้อมจะดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายใน 90 วัน ก่อนนำเสนอต่อครม.ในวันอังคารที่ 28 ต.ค.นี้ เพื่อช่วยประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐ ยืนยันจะเป็นไปอย่างเหมาะสมทั้งผู้ที่บาดเจ็บเล็กน้อย ทุพพลภาพ และญาติผู้เสียชีวิต



ถอดรหัส‘ทักษิณ’แจงสี่เบี้ย‘ชนชั้นสูง’แค่สามัญชนที่ทำปฏิวัติ!

“ตู่-จตุพร” ถอดรหัส “ทักษิณ” แจงสี่เบี้ยปมพาดพิง “ชนชั้นสูง” ไม่ได้หมายถึง “สถาบัน” ยันแค่สามัญชนที่ทำปฏิวัติ ระบุชังน้ำหน้า “ฤาษีแปลงสาร” โต้ฝ่ายค้านพลิกขาวเป็นดำ ปูดความจริงวันนี้! ชี้การเคลื่อนของ นปช.สะท้อนความจริงอีกด้านที่ถูกซ่อนเร้น ย้ำอดีตนายกฯไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรมที่บิดเบี้ยว

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน (พปช.) และผู้ร่วมเคลื่อนไหวรายการ “ความจริงวันนี้” กล่าวว่า การจัดสัญจร ครั้งที่ 2 เป็นการนัดหมาย หลังจากจัดครั้งที่ 1 ที่เมืองทองธานี ที่คนจำนวนมากเข้าไม่ได้ ก็เลยต้องหาสถานที่ใหญ่กว่านั้น เป็นการตัดสินใจก่อนจะมีการตัดสินคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในเรื่องที่ดินรัชดาฯ ปัจจุบันกลุ่ม นปช.เริ่มมีการเคลื่อนไหวมากขึ้น เพราะว่า รายการ"ความจริงวันนี้" ได้รับการตอบรับจากประชาชนมากขึ้น การกดำเนินกิจกรรมในครั้งนี้เราเห็นว่าการให้ข้อเท็จจริงทางการเมือง หรือข้อมูลอีกด้านหนึ่งต้องให้ประชาชนรับรู้ ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนทางการเมือง เสร็จแล้วก็แยกย้ายกันกลับ

นายจตุพร ระบุว่า การที่กลุ่ม นปช.เริ่มออกมาเคลื่อนไหวในแนวบุ๋น ไม่ใช่เป็นการปิดเงื่อนไขการปฏิวัติ แต่การเคลื่อนไหวของรายการความจริงวันนี้คือภารกิจป้องปกประชาธิปไตย เพราะที่ผ่านการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯเป็นการให้ข้อมูลฝ่ายเดียว เมื่อเราให้ข้อมูลอีกด้านหนึ่ง จะทำให้ประชาชนได้ชั่งน้ำหนักได้ แต่วิธีการดำเนินการของกลุ่มจะไม่เหมือนกับกลุ่มพันธมิตรฯ

นายจตุพร กล่าวถึงกรณีผลการตัดสินที่ดินรัชดาฯของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า พ.ท.ต.ทักษิณไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม ที่บิดเบี้ยวตั้งแต่สมัย คมช.-คตส. จึงบอกว่า เป็นกระบวนการยุติธรรม ที่พ.ต.ท.ทักษิณ หรือใครก็ไม่ยอมรับ ส่วนการแสดงความคิดเห็นของ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นเรื่องของใช้สิทธิในฐานะคนไทย ที่มีการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกแถลงการณ์ผ่านสื่อต่างประเทศ ที่มีการพูดพาดพิงถึงชนชั้นสูง หรือชนชั้นนำ นายจตุพร กล่าวว่า จะเป็นสังคมชั้นสูงหรือสังคมชั้นนำ แต่มีความบิดเบือนว่าจะเป็นสถาบันกษัตริย์หรือไม่ ต้องบอกว่า ไม่ใช่ ชนชั้นสูงที่ว่า ก็คือคนที่อยู่ในกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการยึดอำนาจใน 19 ก.ย. 2549 เป็นสามัญชนที่เกี่ยวข้องกับการยึดอำนาจ

"หลักการที่ชัดเจนของพวกเราคือ ไม่เอาเผด็จการ แต่ปรากฏการณ์ของทักษิณ ถือเป็นของคนไทยคนหนึ่ง บทเรียนนี้จะเป็นประโยชน์ต่อคนไทยในระยะยาวที่จะมาศึกษา เพราะกระบวนการวันนี้ หากไม่เกิดกับตัวเองก็จะไม่รู้" นายจตุพร กล่าว

ผู้นำฝ่ายค้านตีรวน!จี้จับ‘ทักษิณ’

ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” ออกอากาศผ่านทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ถึงแถลงการณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถึงสื่อมวลชนในประเทศอังกฤษ

โดยสื่อมวลชนต่างประเทศมีการอ้างอิงว่า การที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินจำคุกตนเป็นเวลา 2 ปีในคดีทุจริตการจัดซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษกว่า มีมูลเหตุจูงใจมาจากการเมือง เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนักการเมืองอยู่ในขณะนั้น

หัวหน้าประชาธิปัตย์ มีพยายามในการโต้ตอบการนำเสนอข้อเท็จจริงของสื่อฯรายดังกล่าว โดยระบุว่ารู้สึกสับสนกับคำตัดสินของศาล และพยามเบี่ยงเบนให้สังคมเชื่อว่า สิ่งที่พ.ต.ท.ทักษิณกระทำอยู่นั้น เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง พอแพ้คดีที่ศาลตัดสินว่าผิดต่อกฎหมายจริง พ.ต.ท.ทักษิณกลับไม่ยอมรับ แม้ว่าหลายฝ่ายยังมีความเคลือบแคลงต่อกระบวนการยุติธรรมไทยก็ตามที แต่การที่นำเรื่องไปฟ้องต่างประเทศ เพื่อให้เกิดความขัดแย้งในสังคม เป็นสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ยอมรับ

ต่อข้อถามว่า สิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกแถลงการณ์ มองอีกมุมหนึ่งจะเป็นการร้องขอความเป็นธรรมหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ยอมสู้คดีเอง ทั้งๆที่ความจริงมาต่อสู้คดีก็ได้ แต่ไม่ทำ ทั้งนี้ในอดีตที่ผ่านมามีความขัดแย้งทางการเมืองเกิดขึ้นมากมาย แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่มีการนำคำพิพากษาของศาลเข้ามาเกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ ยังฝากถามไปยังนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีว่า การที่พ.ต.ท.ทักษิณออกแถลงการณ์กล่าวหากระบวนการยุติธรรมไทยไปทั่วโลกอย่างนี้ คนเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่เฉยได้อย่างไร เพราะเรื่องดังกล่าวย่อมส่งผลต่อชื่อเสียงและเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่าง มาก การที่นายสมชายพยายามบอกอยู่ตลอดว่า ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องใดๆทั้งสิ้น

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุด้วยว่า ตนก็ยังขอยืนยันให้มีการยุบสภา เพื่อเป็นการแก้วิกฤตได้ดีที่สุด

ทั้งนี้ ได้มีการโต้ตอบจากที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าว ซึ่งการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามดิ้นรน เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมจากประชาคม เนื่องจากไม่เชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรม จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ยอมรับคำตัดสินในทุกๆ คดีที่เกิดขึ้น เนื่องจากมองว่าเป็นประเด็นทางการเมือง เป็นเรื่องการเมืองที่ถูกหยิบยกขึ้นมาทำร้ายฝ่ายการเมืองที่อยู่ตรงข้าม

ส่วนกรณีที่ผู้นำฝ่ายค้าน ระบุให้มีการยุบสภาฯ เพื่อแก้ปัญหานั้น อาจเป็นเรื่องที่ประชาชนไม่ยอมรับ เนื่องจากรัฐบาลชุดนี้มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย เป็นการเลือกโดยประชาชนเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง การคัดค้านเสียงส่วนใหญ่ หรือพฤติกรรมกดดันรัฐบาลทั้งจากฝ่ายค้านและกองทัพ เป็นเรื่องที่ต้องคิดให้รอบคอบ ไม่ใช่คำนึงถึงผลประโยชน์ตัวเอง โดยไม่มองถึงประโยชน์ส่วนรวม อย่างที่พรรคประชาธิปัตย์กำลังทำอยู่ในขณะนี้



นปช.อีสานส่งสัญญาณรวมพล1พ.ย. ยัน'ทักษิณ'แจงผ่าน'ความจริงวันนี้'

คนรักประชาธิปไตยภาคอีสานเผย 1 พ.ย.ยกพลเข้ากรุง แสดงพลังให้เห็นว่า‘ม็อบพันธมาร’ไม่ใช่เจ้าของประเทศคนเดียว ด้าน‘วิภูแถลง’ยัน‘ทักษิณ’สายตรงแน่นอน

นายเขื่อนเพชร โพนรัมย์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) อีสาน ในนามกลุ่มหนองน้ำใสรักษ์ประชาธิปไตย อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา กล่าวว่า ในวันที่ 1 พ.ย. นี้ กลุ่มหนองน้ำใสรักษ์ประชาธิปไตย ประมาณ 500 คน จะร่วมกับเครือข่ายกลุ่ม นปช.ภาคอีสาน เช่น จ.ขอนแก่น นำโดนนายอรรถฤทธิ์ สิงห์ลอ นายกสมาคมเครือข่ายสถาบันเกษตรกรแห่งประเทศไทย อีกกว่า 500 คน จะร่วมพลกันเพื่อเดินทางเข้ากรุงเทพฯสมทบกับกลุ่ม นปช.ทั่วประเทศที่สนามหลวง เคลื่อนไหวต่อต้านการกระทำของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพราะเห็นว่ากลุ่มพันธมิตรฯไม่ปฏิบัติตามกฏหมาย สร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้นในประเทศชาติ

นายเขื่อนเพชร กล่าวว่า มีประชาชนจำนวนมากไม่ได้อยู่ข้างไหนและอยากเห็นประเทศชาติเกิดความสงบสุข ในขณะที่พันธมิตรพยายามปลุกระดมให้ประชาชนเลือกข้าง กลุ่ม นปช.จากภาคอีสานจะเคลื่อนไหวอย่างสงบไม่ต้องการให้มีการปะทะกัน เรียกร้องให้กลุ่มพันธมิตรทบทวนบทบาทของตนเอง ด้วยการถอยคนละก้าวออกจากทำเนียบรัฐบาล และต่อสู้ทางการเมืองตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย

ยัน‘ทักษิณ’ต่อสายแน่นอน

นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)กล่าวภายหลังการยื่นหนังสือที่กองบัญชาการกองทัพไทย ถนนแจ้งวัฒนะ เพื่อแสดงเจตจำนง ไม่เห็นด้วยกับการแทรกแซงทางการเมือง ว่า ยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ใช้เวที "ความจริงวันนี้" ต่อสายพูดคุยในวันที่ 1 พฤศจิกายน นี้
นอกจากนี้ในวันที่ 30-31 ตุลาคม นปช.จะจัดงานเพื่อไว้อาลัยให้กับ ลุงนวมทอง ไพรวัลย์ แท๊กซี่ผู้รักประชาธิปไตย ทั้งนี้จะให้วันที่ 31 ตุลาคม เป็นวันต่อต้านรัฐประหาร

ส่วนกรณีที่ พล.ต.อ.สล้าง บุญนาค ออกมาระบุว่า หลังวันที่ 25 ตุลาคม จะออกมาปิดล้อมทำเนียบนั้น แกนนำนปช.กล่าวว่า เป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่าประชาชนกำลังไม่พอใจ การกระทำของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย



คดีป้ายสี'ทักษิณ'นักวิชาการผู้ดียันเป็นเรื่องการเมือง-ประชาคมโลกไม่ยอมรับ

นักวิชาการอังกฤษชี้ นำ‘ทักษิณ’กลับไทยยาก เพราะเป็นนายกฯที่มาจากการเลือกตั้ง แต่ถูกโค่นโดยการยึดอำนาจจากทหาร ซึ่งนานาประเทศไม่ยอมรับ ระบุเป็นข้อหาทางการเมืองเท่านั้น

หลังจากที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุกเป็นเวลา 2 ปี กรณีซื้อขายที่ดินย่านรัชดาภิเษก ช่วงบ่ายวันนี้ เวลา 14.00 น. ความคืบหน้าล่าสุด นายถาวร พานิชพันธ์ รองอัยการสูงสุด ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานการขอตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนกลับมารับโทษ นัดประชุมคณะทำงาน เพื่อมอบหมายงานให้กับเจ้าหน้าที่ ด้วยการกำหนดอัตราเจ้าหน้าที่ที่จะเดินทางไปทำงานที่ประเทศอังกฤษ พร้อมกำหนดหน้าที่ในการทำงานของแต่ละคน เป็นการเตรียมความพร้อมในระหว่างการรอการแปลคำพิพากษาเป็นภาษาอังกฤษ รวมถึงหมายจับ ที่ใช้เป็นเอกสารประกอบการขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน ทั้งนี้ คณะทำงานจะต้องนำคำพิพากษามาวิเคราะห์ว่าจะใช้ข้อกฎหมายอะไรมาประกอบในการยื่นคำร้องบ้าง


ขณะที่ศาสตราจารย์ ดร. มาร์ค บีสัน ศาสตราจารย์ชื่อดัง ประจำภาควิชาการเมืองระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮม (University of Birmingham) ได้ออกมาระบุว่า การดำเนินการเพื่อที่จะนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยเป็นเรื่องที่ยากลำบาก หรืออาจจะต้องใช้เวลาในการดำเนินการ 10-15 ปี เนื่องจาก อดีตนายกรัฐมนตรีมีข้อได้เปรียบทางการไทยในหลายด้าน คือ พ.ต.ท.ทักษิณ มีฐานะเป็นผู้นำประเทศที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย แต่ถูกโค่นอำนาจโดยการทำรัฐประหาร ที่นานาประเทศ โดยเฉพาะประเทศอังกฤษเองไม่ได้ยอมรับ และ นานาชาติมองว่าคดีความต่าง ๆ ของพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นข้อหาทางการเมือง ดังนั้นการพยายามนำตัวอดีตนายกรัฐมนตรีของไทยกลับมาถือเป็นความพยายามที่ยากที่จะประสบความสำเร็จ



‘ป๋าเหนาะ’อาสากาวใจนปช.-พันธมิตรฯ

หัวหน้าพรรคประชาราชหวั่นเมืองไทยเป็นเช่นเขมร 3 ฝ่ายเพราะฆ่ากันเอง เสนอหันหน้าคุยกัน ลั่นง‘จะให้กราบก็ยอม’เชื่อ‘แป๊ะลิ้ม’-‘จำลอง’ไม่เอาด้วย

นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช กล่าวในรายการที่นี่ทีวีไทย ออกอากาศทางโทรทัศน์ช่อง ไทยพีบีเอส(TPBS) เมื่อคืนวาน(23 ต.ค.) เกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมืองขณะที่ว่า ตนรู้สึกเป็นห่วงบ้านเมืองขณะนี้มากเพราะ เห็นได้ชัดเจนว่า ขณะนี้บ้านเมืองมีการแบ่งออกเป็นสองฝ่ายอย่างชัดเจน คือ1.กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ2.กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ทั้งนี้มองว่าการที่พันธมิตรฯเข้าไปยึดทำเนียบรัฐบาลไม่ได้เป็นการใช้สิทธิเรียกร้องชุมนุมอย่างสันติตามที่รัฐธรรมนูญ ปี2550 บัญญัติไว้ ซึ่งเป็นฉบับที่กลุ่มพันธมิตรฯพยายามจะปกป้อง รวมทั้งการเคลื่อนกลุ่มผู้ชุมนุมไปปิดล้อมรัฐสภาเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมาก็ถือว่ากลุ่มพันธมิตรทำไม่ถูกต้อง

“ผมกลัวว่าบ้านเมืองเราจะกลายเป็นอย่างเช่นสงครามเขมร 3 ฝ่ายที่มีการรบพุ่งกันเองของคนในชาติ และถ้ามองให้ดีก็ไม่มีใครได้ประโยชน์เพราะคนในชาติรบกันเอง”นายเสนาะ กล่าว

นายเสนาะกล่าวอีกว่า ตนพร้อมที่จะเข้าไปเป็นคนกลางเพื่อไกล่เกลี่ยให้ไม่ว่ากลุ่มพันธมิตรฯหรือนปช. หรือจะให้ก้มลงกราบก็ยอมโดยเฉพาะกลุ่มพันธมิตร อย่างไรก็ตามตนคิดว่าคนที่จะไม่ยอมออกมาคุยก็คือ นายสนธิ ลิ้มทองกุล และพล.ต.จำลองศรีเมือง

อย่างไรก็ตามหัวหน้าพรรคประชาราช ได้กล่าวถึงพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า ตนเชื่อว่าขณะนี้พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีอำนาจใดๆแล้วในเมืองไทย ส่วนคดีทั้งหลายก็เข้าสู่สถาบันตุลาการหมดแล้ว

เชื่อไม่เกิดเหตุรุนแรง

ด้าน พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.สล้าง บุญนาค อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ เตรียมที่จะใช้กลุ่ม‘พลังกู้วิกฤติชาติ’เพื่อไปปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลในวันพรุ่งนี้(25 ต.ค.) เพื่อตัดช่องทางการนำเสบียงอาหารและเครื่องดื่มเข้าไปให้ผู้ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่า ตนเชื่อว่าจะไม่เกิดเหตุรุนแรงใดๆเพราะทุกฝ่ายต่างทำตามหน้าที่และคนไทยทุกคนต่างคิดดีทำดี

ส่วนกรณีที่พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะโทรศัพท์ทางไกลจากต่างประเทศเข้ารายการ "ความจริงวันนี้ ต้านรัฐประหาร" ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ในวันที่ 1 พ.ย.นี้ พล.ต.อ.โกวิท เห็นว่า จะไม่ทำให้สถานการณ์ทางการเมืองทวีความรุนแรงขึ้น และเรื่องดังกล่าวถือเป็นสิทธิส่วนบุคคล

ปิดสะพาน‘มัฆวาน’อ้างโดนขว้างประทัดยักษ์


ส่วนบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บริเวณเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ แกนนำได้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและเปิดช่องทางการจราจรบนถนนราชดำเนินนอก ตั้งแต่เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์-แยกสวนมิสกวัน ตลอดช่วงเช้าวันนี้กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยังคงมีการนำยางรถยนต์และรถบรรทุก 6 ล้อติดเครื่องขยายเสียงมาจอดขวางเส้นทางการจราจรบนสะพานมัฆวานรังสรรค์-บริเวณแยก มิสกวัน นอกจากนี้ยังมีการนำยางรถยนต์มาวางขวางถนนบริเวณหน้ากองบัญชาการกองทัพภาคที่ 1 ด้วย

ทั้งนี้แกนนำให้เหตุผลเรื่องของความไม่ปลอดภัย หลังจากเมื่อวานนี้ มีกลุ่มผู้ไม่หวังดีขับขี่รถจักรยานยนต์ได้ขว้างประทัดยักษ์เข้ามาในบริเวณการชุมนุม จึงจำเป็นต้องมีการปิดการจราจรในบริเวณดังกล่าวต่อไป



จดหมายแถลงการณ์ของ \\\"คุณทักษิณ\\\"

จดหมายแถลงการณ์ของ "ทักษิณ" ที่แจกสื่อมวลชนต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ)


Woodsome Manor
Surrey, England


22 of October, 2008


Dear My Friends in International Media,


I am writing to you today to clarify few facts, The news headlines have reported that I have been convicted of corruption for two years stemming from the purchase of land by my wife, Khunying Potjaman Shinawatra.

What you have read is true, I was convicted for two years, but not because of corruption charge. The only reason I was sentenced to Jail is because at the time my wife bought the land through the open bid, I was the Prime Minister.

I listened to the judgment yesterday and even now I am still confused ; there is no evidence of fraud, corruption nor abuse of power in relation to the bid in question; my wife was the one who in volved and made decision to bid for the land, offered a lot more seller, Financial Instit ution Development Fund (FIDF), than other bidders, signed the contract with the seller, paid for the land with no involvement from her husband except when he was required to sign a spousal consent form, In terms of any alleged influence I may have had no direct supervisory power over the FIDF. Interestingly, the Court did not find the sale transaction of my wife unlawful or illegal, they did not convict her because she is not a politician; nevertheless, I was . I trust that you will independently verify the above facts as professional journalists often do. Unfortunately, most of you professsional colleagues in Thailand refuse to do so.

The best. I can comprehend is that I was convicted simply because I was a politician . In that case I was quite guite guilty cause I was quite a successful politician, I got elected twice by the majority of thai people as Prime Minister.

If I were to be guilty of anything, that would be what I have shown to the Thai people, especially those underprivileged rural thais that they can, and have the right to, demand their government to provide effective policy and programs to improve their lives.

I received this judgment with mixed feeling; relief for my wife as I pulled her into enough troubles because of my politcal ambition to bring greatness and well-being to my country and my people, amused and bitter with the illogical of the judgment, and worry for those politicians in Thailand that they could go to jail simply because their unhappy spouses may sought to manipulate the law.

For those of you who may not be too familiar with Thailand, state offices and enterprises in Thailand are doing so many businesses from telecommunication, banking, power generator or even owning gas stations.

I do not know should I laugh or cry to see the direction Thailand is moving forward: a democratically elected leader was put out of job because he cooked on a TV show but those who unlawfully trespassed and occupying the government house got protection from the Court.

Whatever happen to me is a political driven actions collaborated by various group of privileged elites who believe in anything but democracy. I am a threat to them because I represent the principle of liberal democracy which promote hope and pride of the poor of my country.

Thailand is and will remain a great and beautiful country. Few people cannot face the face,obstructing the will of majority of the people. I believe that at the end Thai people will win over this struggle. And the end of their nightmare is not far.


I thank you for the opportunity to share the facts with you.


Truly Yours,


Dr. Thaksin Shinawatra


.......................................


คำต่อคำ แถลงการณ์ "ทักษิณ" แจกสื่อนอกประจานไทยทั่วโลก (คำแปล)


วูดซัม แมเนอร์
เซอร์เรย์, อังกฤษ
22 ต.ค. 51

เรียน เพื่อนสื่อมวลชนต่างประเทศ


สิ่งที่ผมกำลังเขียนถึงพวกคุณในวันนี้เพื่อให้ความกระจ่างในข้อเท็จจริงบางอย่าง ข่าวพาดหัวที่มีการรายงานว่าผมถูกตัดสินว่ามีความผิดจากการทุจริตต้องโทษจำคุก 2 ปีจากการซื้อที่ดินของภรรยาผม, คุณหญิงพจมาน ชินวัตร

สิ่งที่คุณจะได้อ่านต่อไปนี้คือความจริง ผมถูกตัดสินโทษจำคุก 2 ปี ไม่ใช่เพราะข้อหาทุจริต เหตุผลเดียวที่ผมถูกสั่งจำคุก เพราะในช่วงเวลาที่ภรรยาของผมซื้อที่ดินโดยการเปิดประมูลนั้น ผมดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ผมได้ฟังคำตัดสินเมื่อวันก่อนและจนถึงตอนนี้ ผมยังคงสับสน เพราะไม่มีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่ามีการฉ้อฉล คอร์รัปชั่น หรือกระทั่งการใช้อำนาจในทางมิชอบที่เกี่ยวเนื่องกับประมูล คำถามคือ ภรรยาของผมเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องและตัดสินใจยื่นประมูลที่ดินดังกล่าว เป็นผู้ยื่นเสนอราคาจำนวนมากแก่ผู้ขายซึ่งคือ กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน มากกว่าผู้ยื่นประมูลรายอื่นๆ เป็นผู้เซ็นสัญญาซื้อขายกับผู้ขาย จ่ายเงินค่าที่ดินโดยที่สามีไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆเลย ยกเว้นเมื่อต้องเซ็นชื่อยินยอมในเอกสาร

ในแง่ของข้อกล่าวหาเรื่องอิทธิพลอำนาจที่ผมอาจมีเหนือกองทุนฟื้นฟูฯ มันเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องชี้ให้เห็นว่าคณะรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีไม่ได้มีอำนาจควบคุมโดยตรงเหนือกองทุนฟื้นฟูฯ เป็นที่น่าสนใจอย่างยิ่งที่ศาลไม่ได้พบว่าการซื้อขายที่ดินของภรรยาผมมีอะไรที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายหรือเป็นการกระทำนอกกฎหมาย เขาไม่ได้ตัดสินว่าเธอมีความผิด เพราะเธอไม่ใช่นักการเมือง แต่ผมเป็น ผมเชื่อว่าพวกคุณจะตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เหลืออย่างอิสระเยี่ยงผู้สื่อข่าวมืออาชีพปฏิบัติกัน แต่น่าเสียดายที่เพื่อนร่วมอาชีพของคุณส่วนใหญ่ในประเทศไทยปฏิเสธที่จะทำเช่นนั้น

สิ่งที่ผมจะสามารถทำความเข้าใจได้ดีที่สุดก็คือ ผมถูกตัดสินว่ามีความผิดจริงอย่างง่ายๆ เพียงเพราะผมเป็นนักการเมืองคนหนึ่งเท่านั้นเอง ผมผิดเพราะผมเป็นนักการเมืองที่ประสบความสำเร็จ ผมได้รับเลือกตั้งขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีถึงสองสมัยเพราะเสียงส่วนใหญ่จากประชาชน

ถ้าหากผมจะมีความผิดอะไรสักอย่าง นั่นก็คงเป็นสิ่งที่ผมได้แสดงออกมาให้ประชาชนชาวไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนไทยกลุ่มที่อยู่ในชนบทและไม่มีอภิสิทธิ์ใดๆ ได้เห็นว่าพวกเขาสามารถเรียกร้องและมีสิทธิเรียกร้องให้รัฐบาลของพวกเขาจัดทำนโยบายที่มีประสิทธิภาพและทำโครงการต่างๆที่จะยังผลให้ชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาดีขึ้น

ผมยอมรับคำตัดสินนี้ด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเปกัน รู้สึกโล่งใจสำหรับภรรยาที่ผมดึงเธอเข้าไปสู่ความยากลำบากมากทีเดียว เพราะความทะเยอทะยานทางการเมืองของผมในการที่จะนำความยิ่งใหญ่และความเป็นอยู่ที่ดีมาสู่ประเทศและประชาชนของผม ทั้งรู้สึกนึกขัน ปนขมขื่นกับคำตัดสินที่ไร้เหตุผล และรู้สึกกังวลแทนนักการเมืองในประเทศไทยว่า พวกเขาสามารถเดินเข้าคุกไปได้ง่ายๆเพียงเพราะภรรยาที่โชคร้ายของพวกเขาพยายามทำตามกฎหมาย

สำหรับพวกคุณที่อาจไม่คุ้นเคยกับประเทศไทย ภาครัฐและภาคเอกชนในไทยที่กำลังดำเนินธุรกิจหลายๆ ด้าน ตั้งแต่ สื่อสารโทรคมนาคม ธนาคาร ไฟฟ้าหรือแม้กระทั่งปั๊มน้ำมัน

ผมไม่ทราบว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีกับทิศทางที่ประเทศไทยกำลังมุ่งไป ผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยถูกขับพ้นจากตำแหน่ง เพียงเพราะว่าเขาทำรายการโทรทัศน์ แต่กลุ่มคนที่ล่วงละเมิดผิดกฎหมายและยึดครองทำเนียบรัฐบาลกลับได้รับความคุ้มครองจากศาล

ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับผม ล้วนแต่เป็นการกระทำที่เกิดจากแรงขับเคลื่อนทางการเมือง ซึ่งเป็นการสมคบกันของ บรรดาชนชั้นสูงที่มีอภิสิทธิ์ทั้งหลาย ผู้เชื่อในทุกสิ่งอย่าง ยกเว้นประชาธิปไตย ผมเป็นภัยคุกคามต่อพวกเขา เพียงเพราะผมเป็นตัวแทนของหลักการแห่งระบอบเสรีประชาธิปไตย ซึ่งส่งเสริมความหวังและความภาคภูมิใจของคนยากคนจนในประเทศของผม

ประเทศไทยเป็นและจะยังคงเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่และสวยงาม คนจำนวนไม่มากที่ไม่สามารถเผชิญกับความจริงได้ กำลังขัดขวางเจตจำนงของคนส่วนใหญ่ ผมเชื่อว่าในท้ายที่สุดพี่น้องชาวไทยจะเป็นผู้ชนะในการต่อสู้ครั้งนี้ และการสิ้นสุดของฝันร้ายอยู่ไม่ไกล

ผมขอขอบคุณที่ให้โอกาสผมได้ร่วมแบ่งปันข้อเท็จจริงกับคุณ

ด้วยความนับถือ
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร


http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1224799299&grpid=04&catid=01

จาก thaifreenews

Thursday, October 23, 2008

บ้านเมือง-วุ่นวาย 'ในหลวง' ทรงไม่มีความสุข

สืบเนื่องจากปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองในประเทศ ที่สร้างความอึมครึมให้กับสังคมไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนคนไทยรู้สึกตึงเครียดและไม่สบายใจ รวมทั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงไม่สบายพระทัยกับเหตุการณ์วุ่นวายทางการเมืองเช่นกัน

ชวนคนไทยเขียน จ.ม.ถึงในหลวง

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 22 ต.ค. ที่หอประชุมมหิศร ธนาคารไทยพาณิชย์สำนักงานใหญ่ ม.ร.ว.ดิศนัดดา ดิศกุล ผอ.โครงการพัฒนาดอยตุง มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า ในปีนี้คณะกรรมการโครงการ “ปิดทองหลังพระ” ที่ประกอบด้วย ตัวแทนองคมนตรี ตัวแทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ได้ร่วมมือกันในการจัดกิจกรรม เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันที่ 5 ธ.ค. 2551 โดยเสนอโครงการ “หนึ่งล้านกิจกรรมถวายในหลวง” ร่วมกันจัดกิจกรรมต่างๆ เน้นการดำเนินตามแนวทางพระราชดำริ ที่พระราชทานไว้ ในการแก้ไขปัญหาดิน น้ำ และป่าอย่างครบวงจร โดยใช้รากฐานของความเข้าใจ เข้าถึงและพัฒนา ซึ่งประชาชนสามารถทำได้ในทุกพื้นที่ นอกจากนี้ยังจะเปิดโอกาสให้ประชาชนเขียนจดหมายส่งถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยตรงว่า หลังจากการดำเนินกิจกรรมตามแนวทางพระราชดำริแล้วชีวิตดีขึ้นอย่างไรบ้าง

ที่ผ่านในหลวงไม่เคยมีความสุข

“เมื่อทรงอ่านจดหมายที่ประชาชนส่งมาถวายพระองค์แล้ว จะได้ทรงดีพระทัย ที่เห็นประชาชนของพระองค์มีความสุข เพราะตลอดสี่สิบห้าปีที่ผ่านมา ท่านทรงไม่มีความสุขเลย ทรงเสียพระมารดา เสียพระภคินี และยังมีเหตุการณ์วุ่นวายทางการเมืองในบ้านเมืองอีก โครงการกว่าสี่พันโครงการที่ทรงตรากตรำมาโดยตลอด อยากจะถามหน่อยว่า พระองค์ทรงทำเพื่อครอบครัวของพระองค์ท่านหรือไม่ แต่ทุกอย่างทรงทำเพื่อประชาชนทุกคนของพระองค์ทั้งสิ้น และในโอกาสนี้เราทุกคนจะทำเพื่อพระองค์ท่านบ้างได้หรือไม่ ในกิจกรรมต่างๆที่เป็นประโยชน์ จะทำเป็นของขวัญให้พระองค์ในวโรกาสสำคัญบ้างไม่ได้เชียวหรือ” ม.ร.ว.ดิศนัดดากล่าว

ทำไมรัฐบาลไม่เอาแบบอย่างไปใช้

ผอ.โครงการพัฒนาดอยตุงกล่าวต่อว่า สำหรับโครงการ “หนึ่งล้านกิจกรรมถวายในหลวง” นี้เป็นโครงการต่อยอดจากโครงการเดิม ในโครงการปิดทองหลังพระ ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปีที่ผ่านมา โดยการนำประชาชนในประเทศเดินทางมาเรียนรู้แนวทางในโครงการพระราช ดำริ เช่น โครงการแก้น้ำเสียที่แหลมผักเบี้ย ที่ จ.เพชรบุรี ซึ่งเป็นการนำเดินทางทัวร์การศึกษา เพื่อให้ประชาชนได้เรียนรู้ วิธีแก้ไขปัญหาของพระองค์ท่าน และโครงการนี้เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว โดยมีเป้าให้คนมาดูจำนวนประมาณ 1 ล้านคน แต่ปรากฏว่าได้ความสำเร็จเกินคาด มีประชาชนเดินทางมาดูหลายล้านคน ทั้งนี้ การที่มีการริเริ่มโครงการเหล่านี้ เพราะคณะทำงานมีความสงสัยกันว่า ทำไมที่ผ่านมารัฐบาลไม่เคยมาดูแนวทางโครงการพระราชดำริของพระองค์ท่านเป็นแบบอย่างเลย ว่าพระองค์ทรงใช้วิธีแก้ไขปัญหาอย่างไร ไม่เคยคิดที่จะเอาแบบอย่างที่ดีมาใช้ มุ่งแต่จะใช้งบประมาณมหาศาล เพราะหากดำเนินการตามแนวทางพระราชดำริ แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณมาก

พระราชทานดอกไม้เยี่ยม “สมัคร”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วันเดียวกัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นายธานินทร์ กรัยวิเชียร องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ อัญเชิญดอกไม้พระราชทานเยี่ยมไข้มามอบให้แก่นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ ที่เข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ทั้งนี้คนใกล้ชิดนายสมัครเปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ก็ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ท่านผู้หญิงฉัตรแก้ว นันทาภิวัตน์ อัญเชิญดอกไม้พระราชทานมา รวมทั้งพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ทรงพระกรุณาให้ราชเลขานุการส่วนพระองค์อัญเชิญแจกันดอกไม้มาเยี่ยมไข้อดีตนายกฯด้วย ซึ่งครอบครัวสุนทรเวชทุกคนรู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณและพระกรุณาธิคุณในครั้งนี้อย่างหาที่สุดมิได้ ส่วนอาการล่าสุดนั้น นายสมัครมีอาการดีขึ้นโดยลำดับ ออกกำลังกาย ได้เล็กน้อย แต่ยังต้องอยู่ในความดูแลของคณะแพทย์อย่างใกล้ชิดต่อไป

อ่านรายละเอียดต่อ ไทยรัฐ

ผุดรายการ 'รัฐบาลของประชาชน'

เมื่อเวลา 13.15 น. วันที่ 22 ต.ค. ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ทีมโฆษกรัฐบาลได้ขอความเห็นชอบนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ให้นำเวลาออกอากาศเดิมของรายการ “สนทนาประสาสมัคร” ในทุกวันอาทิตย์ ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที เวลา 08.30-09.30 น. มาเป็นรายการออกอากาศสดชื่อ “รัฐบาลของประชาชน” ดำเนินรายการโดยทีมโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และจะมีการเชิญนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรี สลับหมุนเวียนมาชี้แจงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงาน หรือประเด็นสำคัญที่ต้องการชี้แจงให้ประชาชนทราบในทุกสัปดาห์

ทั้งนี้ จะเริ่มออกอากาศตอนแรกในวันที่ 26 ต.ค.นี้ โดยนายกฯได้มอบให้นายโอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรี มาร่วมสนทนาประเด็นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ค่าครองชีพ รวมถึงประเด็นที่ไปหารือในการประชุมอาเซมด้วย และจะมีการเปิดตู้ ปณ.รับฟังความเห็นจากประชาชน พร้อมผลิตรายการสารคดีสั้นออกอากาศทางฟรีทีวี และจะนำรายการ “คุยนอกทำเนียบ” ที่ดำเนินรายการโดยทีมโฆษกรัฐบาลในสมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช มาออกอากาศอีกครั้ง

นายกรัฐมนตรีร่วมประชุมอาเซมที่จีน

23 ต.ค. - นายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางไปร่วมประชุมสุดยอดผู้นำเอเชีย-ยุโรป หรืออาเซม ครั้งที่ 7 ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 23-25 ตุลาคม.

ชมรายละเอียด สำนักข่าวไทย

อัพเดตเมื่อ 2008-10-23 20:28:53




วันเผด็จศึก

บทความ โดย ปูนนก

วันที่ 6 มิถุนายน 2487 กองทัพของสัมพันธมิตรได้ยกพลขึ้นบกที่ชายหาดนอร์มังดี ประเทศฝรั่งเศส วันนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของจุดสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สองในทวีปยุโรป ก่อนหน้านั้นกองทัพฝ่ายสัมพันธมิตรได้ถูกกองทัพเผด็จการนาซีเยอรมันรุกไล่จนตกทะเล ไม่มีที่อยู่ในแผ่นดินยุโรป ช่วงเวลานั้นประชาชนชาวยุโรปต่างก็ถูกปกครองโดยเผด็จการนาซี ดังนั้นเมื่อกองทัพสัมพันธมิตรยกพลขึ้นบกที่ชายหาดนอร์มังดีสำเร็จ พวกเขาต่างก็ฉลองชัย, ยิ้ม, หัวเราะ, ด้วยความชื่นชมยินดี แม้ว่าขณะนั้นพวกเขายังไม่ได้รับการปลดปล่อยจากนาซีเยอรมัน แต่พวกเขาก็มีความหวัง เพราะเขารู้แล้วว่า อีกไม่ช้าไม่นานเผด็จการนาซี จะต้องถูกขับไล่ออกไปจากประเทศของเขาแน่นอน.....และนี่คือความหมายอันยิ่งใหญ่ของ วันที่ 6 มิถุนายน 2487 วันเผด็จศึก

ประเทศไทยถูกปกครองด้วยระบอบเผด็จการอมาตย์มาอย่างยาวนาน จนทำให้ประชาชนไทยเข้าใจว่า การปกครองด้วยเผด็จการอมาตย์นั้น กลายเป็นการปกครองระบอบประชาธิปไตยไป จนกระทั่งท่านนายกทักษิณ ชินวัตร ได้เข้ามาบริหารประเทศ และทำให้ประชาชนชาวไทยทั้งมวลเริ่มเข้าใจว่า ประชาธิปไตยที่แท้จริงที่เป็นของประชาชนนั้น จะทำประโยชน์ให้กับประชาชนชาวไทยทั้งมวลและประเทศชาติได้อย่างไร.............

ด้วยเหตุนี้ความเป็นเผด็จการซึ่งได้สำแดงออกมาอย่างเต็มที่ ในวันที่ 19 กันยายน 2549 โดยการรัฐประหารรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน หลังจากนั้นประชาชนและผู้นำฝ่ายประชาธิปไตย ได้ถูกเผด็จการอมาตย์รุกไล่ จนบางคนต้องหลบหนีข้ามน้ำข้ามทะเลไปอยู่ต่างแดน, บางคนถูกต้องขังจำคุก, บางคนต้องเก็บตัวเงียบและปิดปากให้สนิท,

เผด็จการอมาตย์เริงร่าอย่างชื่นชมยินดีเมื่อดูเหมือนว่าสามารถกดดันและ รุกไล่ ฝ่ายประชาธิปไตยให้ถอยร่น และหลบหนีไปจนแทบไม่มีแผ่นดินจะอยู่ รัฐธรรมนูญฉบับปี 50 ที่เผด็จการอมาตย์ร่างขึ้นมา ถูกกำหนดให้เป็นกฎหมายสูงสุดสำหรับประเทศนี้ กองกำลังของเผด็จการอมาตย์ถูกกำหนดให้กระจายตัวเพื่อทำหน้าที่ เป็นกองกำลังในการปกครองประชาชนฝ่ายประชาธิปไตย ซึ่งกองกำลังเหล่านี้อยู่ในรูปของคณะกรรมการอิสระต่าง ๆ เช่น ปปช. สตง. กกต. และยังรวมถึงกองทัพมวลชนพันธมิตร สว. บางส่วน, พรรคการเมืองบางพรรค, และแม้กระทั่งตุลาการบางท่าน ฯลฯ นี่คือกองกำลังที่เผด็จการอมาตย์พยายามดำรงเอาไว้เพื่อครอบครองประเทศนี้

แต่ข่าวดีก็คือ บัดเดี๋ยวนี้ กองกำลังฝ่ายประชาธิปไตยที่ดูเหมือนว่ากระจัดกระจายถอยร่น แตกพ่าย และถูกครอบครองอยู่นั้น ได้รวมกำลังกันกลายเป็นกองทัพใหญ่ รายล้อมอยู่โดยรอบประเทศนี้เรียบร้อยแล้ว และรอคอยเพียงสัญญาณ ที่จะกำหนดเวลาเข้ามานำประชาธิปไตยกลับมาสู่ประเทศนี้อีกครั้ง หลังจากถูกกดดันทำลายมานาน ในที่สุดฝ่ายประชาธิปไตยก็ได้ชิมลางรวมตัวกันเพื่อแสดงพลังให้กองทัพเผด็จการได้เห็นในวันที่ 11 ตุลาคม ที่ผ่านมา ผู้คนที่สวมเสื้อแดงพากันมาร่วมชุมนุมอย่างล้นหลามที่ธันเดอร์โดมเมืองทองธานี ได้เป็นสัญญาณให้เห็นว่ากำลังฝ่ายประชาธิปไตยพร้อมแล้ว สำหรับการทวงคืนประชาธิปไตยให้กลับมาสู่ประเทศไทยอีกครั้ง

การชุมนุมคนเสื้อแดงในวันที่ 11 ตุลาคมที่ธันเดอร์โดมที่ผ่านมา ได้สร้างความประหวั่นพรั่นพรึงให้กับเผด็จการอมาตย์อย่างยิ่ง จึงพยายามทุกวิถีทางที่จะเร่งรัดในการทำลายฝ่ายประชาธิปไตยให้ได้ในทุก ๆ วิธี ดังที่ได้เห็นในระยะที่ผ่านมา ทั้งการเปิดตัวอย่างชัดแจ้งของผู้สนับสนุนพันธมิตร, การกดดันของฝ่ายตุลาการในเรื่องการยุบพรรคอย่างเร่งรีบ, และล่าสุดสั่งจำคุกท่านนายกทักษิณกรณีที่ดินรัชฎาไปเรียบร้อย, ข่าวลือถึงเรื่องการทำรัฐประหารแม้กระทั่งผู้นำเหล่าทัพก็ออกมากดดันท่านนายกสมชายให้ลาออกด้วยตนเอง, ม๊อบ พันธมิตร เร่งเครื่องทำการชุมนุมดาวกระจายมากขึ้น ฯลฯ

ความถ่อยเถื่อนและการเร่งรัดอย่างรีบเร่งผิดสังเกตของเหล่าเผด็จการอมาตย์ ที่จะทำลายฝ่ายประชาธิปไตยให้จงได้ โดยไม่หวั่นเกรงต่อความรู้สึกของประชาชนผู้รักประชาธิปไตยที่เฝ้าดูอยู่ เป็นสัญญาณที่น่าสังเกตอย่างยิ่งว่า เกิดอะไรขึ้นกับสถานการณ์ในปัจจุบันสำหรับเหล่าอมาตย์......

การโต้กลับเป็นฝ่ายรุกของรัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตยเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม โดยการสลายการชุมนุม พันธมิตรที่ไปปิดล้อมรัฐสภาผ่านมา และการรวมตัวกันของประชาชนชาวเสื้อแดงในวันที่ 11 ตุลาคมนั้น คือกองกำลังฝ่ายประชาธิปไตยที่กำลังทำสงครามตีโต้การครอบครองของฝ่ายอมาตย์ ซึ่งเป็นที่ชัดเจนแล้วว่าด้วยพลังแห่งมวลชนเสื้อสีแดงที่เกิดจากความรักในประชาธิปไตย กำลังจะรวมกันกลายเป็นแรงขับเคลื่อนมหาศาล ที่จะพลิกประเทศไทยให้กลับคืนมาเป็นของประชาชนอย่างแท้จริงให้ได้

ในวันที่ 1 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ คือการรวมตัวกันครั้งยิ่งใหญ่ของพลังแห่งประชาชนไทยผู้รักประชาธิปไตยทั้งชาติ ที่สนามกีฬาราชมังคลาสถาน หัวหมาก เป็นที่น่าเชื่อได้ว่าจะมีประชาชนมาจากทุกภาคส่วนของประเทศไทย ไม่น่าจะน้อยกว่า 100,000 คน (อ่านว่าหนึ่งแสนคน) ที่จะเข้ามาร่วมชุมนุม และที่เป็นไฮไลท์สำคัญก็คือ ท่านนายกทักษิณ ชินวัตร จะโทรศัพท์ผ่านดาวเทียมเข้ามาแถลงข่าวแจ้งให้ประชาชนไทยทั้งชาติได้รับรู้ถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศนี้.....

วันเผด็จศึกที่เป็นจุดเริ่มต้นแห่งชัยชนะในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง เริ่มขึ้นในวันที่ 6 มิถุนายน 2487 แต่วันเผด็จศึกที่จะเป็นจุดเริ่มต้นแห่งการล่มสลายของเผด็จการอมาตย์ สำหรับประเทศไทยก็คือวันที่ 1 พฤศจิกายน 2551 ที่จะถึงนี้..... เราทุกคนกำลังอยู่ในภาวะสงครามระหว่างเผด็จการ กับประชาธิปไตย อะไรจะเกิดก็จะต้องเกิด ในทุกสงครามก็จะต้องมีการสูญเสีย แม้ว่าประชาชนจะสูญเสียมากเพียงใด แต่เมื่อวันเผด็จศึกมาถึงนั่นคือจุดเริ่มต้นแห่งความหวัง และการฉลองการเริ่มต้นแห่งชัยชนะ

การต่อสู้นั้นจุดหมายก็เพื่อชัยชนะ และชัยชนะในครั้งนี้ก็คือ ต้องนำระบอบประชาธิปไตยมาสู่ประเทศไทยอันเป็นที่รักของปวงชนชาวไทยทุกคนให้จงได้ ขอให้พี่น้องชาวไทยที่รักประชาธิปไตยทั้งหลายพร้อมใจกันลุกขึ้น แสดงความรู้สึกแห่งความรักและศรัทธาต่อระบอบประชาธิปไตย เพื่ออธิปไตยของชาติ และเสรีภาพของปวงชนชาวไทยทั้งมวล เพราะการต่อสู้ครั้งนี้ของท่านก็คือเพื่อตัวท่านเองและลูกหลานของท่านในอนาคตนั่นเอง

จาก thaifreenews

ผู้การตร.อัดสื่อไทยฯกลัวความถ่อย‘พันธมาร’โต้‘หมอผี’ยันแก๊สน้ำตาไม่รุนแรง

ผู้การฯ พธ.จวกยับสื่อฯ เมินข้อเท็จจริงเหตุสลายม็อบถ่อยหน้ารัฐสภา ซัดสื่อไทยกลัวพันธมารตีหัว-ถลกหนัง ไม่กล้าเสนอข่าวตำรวจโดนทำร้าย โต้เผือกร้อน “หมอพรทิพย์” ระบุแก๊สน้ำตาไม่รุนแรง มีอนุภาพแค่ทำให้ระคายเคือง ยืนยันไม่สามารถทำให้คนตายได้ ชี้ที่พันธมิตรฯแขน-ขาขาด แจงมือที่ 3 ขว้างระเบิดปิงปองใส่ผู้ชุมนุม

พล.ต.ต.ภูวดล วุฑฒกนก ผู้บังคับการกองพลาธิการและสรรพาวุธ (ผบก.พธ.) ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวประชาทรรศน์ โดยมีการโต้ตอบกรณีที่ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ออกมาระบุถึงเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่หน้ารัฐสภาเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ซึ่งมีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากได้รับแก๊สน้ำตาที่สั่งมาจากประเทศจีน

ในเรื่องนี้ พล.ต.ต.ภูวดล ระบุว่า ตำรวจใช้แก๊สน้ำตา เพียงเพราะต้องการให้เกิดเสียงดังและให้ผู้ชุมนุมเกิดความเกรงกลัวเท่านั้น

พล.ต.ต.ภูวดล กล่าวยืนยันว่า อนุภาพของแก๊สน้ำตาที่นำมาจากประเทศจีนนั้น ไม่สามารถทำให้คนตายได้ เพราะหากสัมผัสโดยตรงด้วยการหายใจ กลืนกิน สัมผัสกับร่างกาย ก็จะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเยื่อเมือก ทางเดินหายใจ มีอาการเวียนศรีษะ คลื่นไส้ อาเจียน ชัก และเจ็บตา

พร้อมกันนี้ ได้เปรียบเทียบแก๊สน้ำตาที่สั่งซื้อจากจีน กับแก๊สน้ำตาที่ประเทศตะวันตกและสหรัฐฯใช้ควบคุมฝูงชน ซึ่งจะกระจายแก๊สออกมาโดยไม่มีเสียงดัง ตกใกล้ก็ไม่ทำให้คนเจ็บ เพราะมันไม่มีสะเก็ด ฉะนั้นคนเจ็บอะไรเนี่ย ต้องไปตรวจหาสารอื่นด้วย ไม่ใช่ตรวจแต่สาร RDX เพียงอย่างเดียว เพราะสาร RDX มันจะมีกระจายไปหมด ทั้งคนเจ็บคนไม่เจ็บ เมื่อตรวจคนไหนก็จะพบสารตัวนี้มีทุกคน เนื่องจากสารระเบิดนี้จะหมดฤทธิ์ด้วยการกระจายขึ้นฟ้าเพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งด้วยสรุปว่ามันมาจากแก๊สน้ำตาของจีน

อย่างไรก็ตาม ผบก.พลาธิการและสรรพาวุธ กล่าวยืนยันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 ต.ค.นั้น ไม่มีสะเก็ดที่จะไปทำร้ายใคร พยานในที่เกิดเหตุก็เห็นเยอะแยะ ซึ่งต้องดูด้วยว่ามันมาจากสารอื่นหรือเปล่า หากผู้ที่ได้รับบาดเจ็บบอกว่ามันมาจาก RDX ก็พูดไม่ได้ เพราะว่าทุกคนก็มี RDX ทั้งหมด ส่วนควันมันจะกระจายเต็มไปหมดตรวจตรงไหนก็เจอ

ทั้งนี้ พล.ต.ต.ภูวดล ยังตำหนิการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน กรณีไม่ยอมเสนอข้อเท็จจริง ว่าตำรวจถูกทำร้ายอย่างไร ม็อบพันธมิตรฯมีพฤติกรรมยั่วยุเจ้าหน้าที่มากน้อยแค่ไหน ซึ่งภาพเหตุกาณณืที่บันทึกไว้ในที่เกิดเหตุ ก็ยืนยันได้ชัดเจนว่ามีความพยายามปลุกปั่นให้เกิดเหตุรุนแรง และมีการขว้างปาระเบิดปิงปองเข้าไปยังพื้นที่ชุมนุม

“การที่สื่อฯไม่กล้าเสนอความจริง หรือเพราะกลัวกลุ่มพันธมิตรฯ จะเข้ามาตีหัว มาถลกหนัง จนไม่กล้านำเสนอข่าวตำรวจถูกทำร้ายอย่างน่าเห็นใจ” ผบก.พลาธิการและสรรพาวุธ กล่าวในตอนท้าย



หวั่นกองทัพคิดไม่ซื่อ! นปช.นัดชุมนุมใหญ่ซ้อมต้านรัฐประหาร25 ต.ค.นี้

หวั่นชุดพรางคิดไม่ซื่อปฏิวัติ! คนรักประชาธิปไตยอย่างนปช.อยู่เฉยไม่ได้เรียกคนเสื้อแดงชุมนุมซักซ้อมต้านรัฐประหารใหญ่ที่สนามหลวง 25 ต.ค.นี้

นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เปิดเผยว่าว่าในวันเสาร์ ที่ 25 ตุลาคม 2551 นี้ เวลา 17.00 -23.00 น.ทางกลุ่ม นปช.จะนัดรวมตัวเพื่อชุมนุมครั้งใหญ่เพื่อปราศรัยที่ท้องสนามหลวง โดยการปราศรัยจะนำโดย อาทิ นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย อาจารย์จรัล ดิษฐาอภิชัย และนายอดิศร เพียงเกษ ฯลฯ

อย่างไรก็ตาม ในเวลา 20.00 น. จะทำการเคลื่อนขบวนผู้ชุมนุมจากท้องสนามหลวงไปยังกระทรวงกลาโหม เพื่อเป็นการซักซ้อมวิธีต่อต้านการรัฐประหาร ขณะเดียวกันได้เชิญชวนผู้เข้าร่วมชุมนุมสวมใส่เสื้อสีแดงเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่สนับสนุนระบอบประชาธิปไตย

นายสมยศ กล่าวยืนยันว่า การชุมนุมครั้งนี้จะไม่มีการยั่วยุผู้ชุมนุมให้ความรุนแรงหรือไปกระทบกระทั่งกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ปักหลักชุมนุมกันอยู่ที่ทำเนียบรัฐบาล

“ผู้ชุมนุมของเราจะไม่เคลื่อนไปที่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อยั่วยุให้เกิดการปะทะกับพันธมิตรเด็ดขาด เพราะการชุมนุมครั้งนี้ต้องการซักซ้อมการต่อต้านหากการยึดอำนาจจากทางทหารแบบระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น”แกนนำนปช. กล่าว