WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Saturday, December 27, 2008

'เทพเทือก'ปัด'นายกฯมาร์ค'พบ'เปรม'ไม่มีนัยยะ

ที่มา ประชาทรรศน์

นาย สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีกลุ่มเสื้อแดงชุมนุมขับไล่ที่จังหวัดอุบลราชธานี่ ว่าตนรู้สึกแปลกใจมากและไม่มีอะไรใหญ่โตเหมือนที่เป็นข่าว เพียงแต่ตนเดินทางไปเป็นวิทยากรอบรมเกษตรกร ชาวไร่ ชาวนาและพูดถึงนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนจากนั้น ได้เดินทางมาที่โรงแรมลายทองก็มีกลุ่มเสื้อแดงประมาณ 8-9 คนและตนก็ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปพูดคุยกับเขาพร้อมทั้งตนไม่ได้เห็นหน้าผู้ชุมนุม

ต่อข้อถามว่าในวันที่ 29ธ.ค จะมีกลุ่มเสื้อแดงมาชุมนุมที่หน้ารัฐสภามีมากน้อยแค่ใหน นายสุเทพ กล่าวว่า คงจะไม่มากเท่าไรและคงจะไม่รุนแรงพร้อมยืนยันว่าจะไม่ใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุม หากผู้ชุมนุมไม่ให้รัฐบาลเข้าไปประชุมเพื่อแถลงนโยบายรัฐบาลก็จะเลื่อนการแถลงจากเช้าไปบ่าย แต่จะพยายามแถลงให้ได้และจะไม่มีการเปลี่ยนสถานที่ประชุม โดยนายกฯ จะพยายามแถลงให้เสร็จก่อนเทศกาลปีใหม่เพื่อให้ประชาชนภูมิใจว่ามีรัฐบาลดูแลบ้านเมืองแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่ารัฐบาลเตรียมความพร้อมในการแถลงนโยบายในวันที่ 29 -30ธ.ค.นี้อย่างไรเพราะนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ขู่ว่าจะเป็นวันนรกแตกของพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายจตุพร อาจจะมีความตั้งใจโฆษณาไว้ก่อนเหมือนกับภาพยนตร์ที่จะต้องโฆษณาเป็นเรื่องธรรมดาไม่มีปัญหาอะไร ของจริงค่อยไปดูวันที่มีการแถลงในสภา ยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีข้อกังวลใจอะไร เท่าที่มีการโฆษณาฉายหนังตัวอย่างไว้ล่วงหน้ามี 3เรื่อง คือ 1เรื่องของนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ซึ่งตนเชื่อว่านายกษิต จะชี้แจงได้ 2. เรื่อง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม กรณีที่มีการแต่งตั้งผบ.ตร.นั้นได้มีการชี้แจงไปหลายครั้ง และ3. การกล่าวหานายกรัฐมนตรีหนีทหาร ตนยืนยันหลายครั้งแล้วว่านายกรัฐมนตรีไม่ได้หนีทหารเพียงแต่ไม่ได้เป็นทหารเกณฑ์ แต่ไปเป็นอาจารย์สอนโรงเรียนนายร้อย ถ้าหนีทหารก็คงไปสมัครไม่ได้ อธิบายอย่างนี้ประชาชนเข้าใจ

ต่อข้อถามว่าพรรคประชาธิปัตย์มีการจัดเตรียมส.ส.เพื่อทำหน้าที่พิทักษ์รัฐมนตรีในการแถลงนโยบายหรือไม่ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีแผนการที่จะตั้งองครักษ์พิทักษ์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีจะต้องช่วยตัวเอง

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีจะเข้าอวยพร พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีใ นวันที่ 29 ธ.ค. มีนัยยะทางการเมืองหรือจะเป็นการส่งสัญญาณว่ารัฐบาลคืนดีกับบ้านสี่เสาเทเวศน์แล้วหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่ายืนยันว่าไม่มีนัยยะทางการเมืองและตนต้องขอกราบวิงวอนอย่าสร้างจินตนาการเกินความเป็นจริงช่วงนี้เทศกาลปีใหม่เราก็ต้องกราบผู้ใหญ่เป็นเรื่องธรรมดารับรองถ้ามีปัญหาสงสัยอะไรตนยินดีที่จะตอบในสิ่งที่ตนรู้อย่างตรงไปตรงมา

อย่างไรก็ตามนายสุเทพ กล่าวว่านายกรัฐมนตรีจะขอคำแนะนำจากอดีตนายกรัฐมนตรีท่านใดบ้างก็สุดแล้วแต่ท่านเห็นสมควร ส่วน กรณีพล.อ.เปรมท่านเป็นคนที่พวกเราให้ความเคารพ นับถือ ท่านเป็นรัฐบุรุษ และเป็นการปฏิบัติตามประเพณีในเทศกาลปีใหม่

ม็อบเสื้อแดงจังหวัดใกล้เคียง กทม. เริ่มขยับเข้ากรุงแล้ว

ที่มา มติชนออนไลน์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์ปฏิบัติการกระทรวงมหาดไทย(ศปก.มท.) ได้รายงานความเคลื่อนไหว ที่จ.ชุมพร โดยมีผู้ชุมนุมประมาณ 200 คน มีนายสมชาย คุณวุฒิ อดีตผู้สมัครส.ส. จากพรรคไทยรักไทย นายวิศาล อินทร์ทอง และนายเฉลิมชัย นิยมโท อดีตผู้สมัครส.ส. จากพรรคไทยรักไทย เป็นแกนนำ และกลุ่มผู้ชุมนุม ได้ขึ้นรถไฟจากสถานีชุมพร เพื่อไปร่วมชุมนุมที่กรุงเทพฯแล้ว


ที่จ.พระนครศรีอยุธยา มีการชุมนุมที่อ.วังน้อย มีนายมยุรี เศวตาศัย เป็นแกนนำ และได้มีการนัดรวมตัวกันที่ บริเวณหน้าร้านอาหารเสริมมิตร ต.พระอินทราชา อ.บางประอิน ในช่วงเช้าของวันที่ 29 ธ.ค. เพื่อที่จะไปร่วมชุมนุมที่กรุงเทพฯ ประมาณ 1 คันรถโดยสาร ซึ่งทางอำเภอได้มีการชี้แจงทำความเข้าใจกับกลุ่มผู้ชุมนุมแล้ว แต่ทางกลุ่มยืนยันว่าจะไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มนปช.


ที่จ.ชลบุรี มีการชุมนุมที่ อ.เมือง 50 คน อ.บางละมุง 50 คน และอ.สัตหีบ 15 คน มีนายศักดา นพสิทธิ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.ชลบุรี ปัจจุบันเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย นางอภิริ ผุยแก้วคำ เจ้าของร้านอาหารตำนานคนอีสาน และนายบุญลือ ดวงดี สมาชิกอบต.แสมสาร เป็นแกนนำ โดยผู้ชุมนุมได้มีการนัดรวมตัวที่สนามหน้าศาลากลางจังหวัดชลบุรี ก่อนที่จะเดินทางเขาไปร่วมชุมนุมที่กรุงเทพฯแล้ว สำหรับค้าใช้จ่ายต่างๆของผู้ชุมนุม ได้รับการสนับสนุนจากการบริจาคของผู้ประกอบธุรกิจ ผู้บริหารตึกคอมศรีราชาและพัทยา โรงแรม สถานบันเทิง บาร์เบียร์ และร้านอาหารในพื้นที่


ที่จ.กาฬสินธุ์ มีนายสำรอง โพธิ์ซก ประธานสมาพันธ์ประชาธิปไตยคนอีสาน เป็นแกนนำ โดยมีการระบุว่าจะมีการนำมวลชลประมาณ 1,000 คน เข้าร่วมชุมนุม ซึ่งทางจังหวัดได้ตรวจสอบข่าวสารแล้ว คาดว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ มีจำนวนลดลง


ที่จ.เชียงใหม่ กลุ่มคนรักเชียงใหม่ 51 ประมาณ 70 คน มีนางกัญญาภัค มณีจักร เป็นแกนนำ ได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ ในเวลา 18.00 น. ของวันที่ 27 ธ.ค.


ที่จ.จันทบุรี กลุ่มนปช.จันทบุรี มีผู้ชุมนุมประมาณ 500 คน มีนายสำเริง ประจำเรือ และนายประมวล เทียนประดิษฐ์ เป็นแกนนำ และจะเดินทางเข้ากรุงเทพฯในวันที่ 28 ธ.ค. โดยใช้รถบัสจำนวน 5 คัน และรถยนต์ส่วนตัว ซึ่งยังไม่มีการกำหนดเวลา แต่คาดว่าจะเป็นช่วงเย็น

"พัลลภ"ชี้ดวงปชป.อาถรรพ์กับทหาร มทภ.1 เตรียม สห.ประจำจุดเฝ้า"เสื้อแดง"ล้อมสภา นปช.แฉพธม.รับเงิน300ล.

ที่มา มติชนออนไลน์

"พัลลภ"ชี้ดวง ปชป.อาถรรพ์กับทหารตั้ง63ปีเป็นรบ.แค่6ปี "จักรภพ"เล็งลั่นวาจาอัด พธม.ยึดสนามบิน28ธ.ค. ปธ.รัฐสภาไม่หวั่นม็อบเสื้อแดงตัดไฟอ้างมีสายใต้ดิน ปธ.วุฒิมั่นใจวันแถลงนโยบายไม่ใช่วันนรก "มาร์ค" ขอร้อง "แม้ว" หยุดปลุกปั่นสร้างความแตกแยกให้ประเทศไทย พร้อมจะให้อภัย แต่ต้องกลับมารับโทษก่อน

"พัลลภ"ชี้ดวง ปชป.อาถรรพ์กับทหารตั้ง63ปีเป็นรบ.แค่6ปี

พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวถึงการกลับมาจัดตั้งรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ว่า พรรคนี้เป็นพรรคเก่าแก่ที่แปลก เพราะตั้งมา 63 ปี แต่เป็นรัฐบาลแค่ 6 ปี เป็นฝ่ายค้านถึง 57 ปี และในแต่ละครั้งที่เป็นรัฐบาลเข้ามาในลักษณะที่เป็นงูเห่าทั้งนั้น ตนมองว่าดวงของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ถูกกับทหาร ทหารคนไหนก็ไปอยู่ไม่ได้ เช่น พล.ต.สนั่น ขจรประศาสตร์ ที่เคยเป็นเลขาธิการพรรค พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร เพื่อนรักของตนก็อยู่ไม่ได้ รวมถึงตนที่เคยเข้าไปอยู่เพียง 1-2 ปีก็ต้องออกมา ดังนั้น หากดวงเป็นอย่างที่ตนพูด และหากทหารเข้าไปช่วยจริง ตนคิดว่า จะทำให้พรรคนี้เสื่อมเร็ว ซึ่งดวงทหารกับพรรคประชาธิปัตย์เป็นอาถรรพ์กัน และดวงไม่ถูกกัน



เมื่อถามว่า รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์จะอยู่ได้นานหรือไม่ พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตนได้ไปคุยกับทางพรรคได้ยินเสียง ส.ส.คุยกันว่าจะอยู่ได้ไม่เกิน 3 เดือน เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ว่าในอนาคต พล.อ.พัลลภจะขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ยืนยันว่าไม่ เพราะไม่มีขีดความสามารถถึงขนาดนั้น เมื่อถามว่า อยากฝากอะไรถึงรัฐบาล พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ขอให้รัฐบาลบริหารประเทศไปด้วยดี ทั้งนี้ตนไม่อะไรเตือนรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเป็นพรรคเก่าที่ตนเคยร่วมงานมา





มทภ.1 เตรียม สห.ประจำจุดดูแล ม็อบเสื้อแดงล้อมสภา

พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 เป็นประธานเปิดโครงการประชาชนมีส่วนร่วมกองทัพภาคที่ 1 โดยมีกลุ่มรถจักรยานยนต์ แท็กซี่ สามล้อเครื่อง ชุมชุนรอบวัง จำนวน 300 คน เข้าร่วมโครงการ โดยมีจุดประสงค์เพื่อส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับภัยคุกคามที่มีผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อย และความมั่นคงของชาติในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร และสนับสนุนให้ประชาชนเข้ามามีบทบาทสำคัญในทุกระดับซึ่งจะเป็นพลังของแผ่นดิน ในการป้องกัน และแก้ไขปัญหายาเสพติด แบบบูรณาการ เมื่อเวลา 11.30 วันที่ 27 ธันวาคม ที่กองทัพภาคที่ 1





พล.ท.คณิต กล่าวว่า ช่วงนี้เข้าใกล้ช่วงเฉลิมฉลองปีใหม่ ซึ่งบทเรียนจากปีที่แล้วที่มีเหตุการณ์วุ่นวาย รวมถึงสถานการณ์บ้านเมืองที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนที่อยู่ในกลุ่มขับรถแท็กซี่ สามล้อเครื่อง จักรยานยนต์รับจ้าง ชุมชนรอบวังที่อยู่ใกล้สถานที่ล่อแหลมได้มาตัวรวมกันที่กองทัพภาคที่1 เพื่อรับฟังแนวทางหรือหนทางที่จะช่วยกันให้บ้านเมืองเกิดความปลอดภัยและความสงบสุข โดยเฉพาะในช่วงวันปีใหม่จะได้ช่วยกันสอดส่องดูแล เป็นหูเป็นตาในเรื่องที่จะทำให้เกิดความเสียหาย ซึ่งเรื่องทั้งหมดที่อบรมไม่เกี่ยวกับการเมือง



เมื่อถามถึงการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยกรณีที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เตรียมตั้งเวทีปิดล้อมรัฐสภา พล.ท.คณิต กล่าวว่า เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยตรงในทางกฎหมาย ส่วนทหารเป็นผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงาน ซึ่งการติดตามสถานการณ์ของตำรวจ หรือการเฝ้าดูในฐานะกอ.รมน.ภาค 1 เห็นว่า ถ้าเป็นการเคลื่อนไหวในทางประชาธิปไตยตามสิทธิของบุคคลหรือกลุ่ม คิดว่าเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ เรื่องนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือหน่วยงานเกี่ยวข้องต้องดูแลเรื่องของความปลอดภัย ชีวิต ทรัพย์สินของส่วนรวม รวมถึงผู้ชุมนุมและประชาชนส่วนอื่นๆ ด้วย ส่วนการเตรียมรักษาความสงบเรียบร้อยนั้น กองทัพจะใช้แผนกองร้อยรักษาความสงบเหมือนห้วงที่ผ่านมา ซึ่งทุกระดับจะมีความพร้อม เพราะกองทัพภาคที่ 1 รับผิดชอบในเรื่องความมั่นคง ต้องมีกำลังที่จะตอบสนองสิ่งเหล่านี้ได้ ทั้งนี้ กองทัพไม่มีแผนสกัดผู้ชุมนุมจากต่างจังหวัดที่จะเดินทางเข้ามาชุมนุมในกรุงเทพ คิดว่าคนไทยมีสิทธิเสรีภาพสัญจรไปมาทั่วประเทศ ไม่มีสิ่งที่จะต้องไปสกัดกั้น



เมื่อถามว่า หากเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น ทหารจะมีมาตรการเบื้องต้นอย่างไร พล.ท.คณิต กล่าวว่า ตอบล่วงหน้าไม่ได้ ต้องดูว่าสถานการณ์พัฒนาไปอย่างไร แต่ในจุดนี้กองทัพจัดเจ้าหน้าที่สารวัตรทหาร (สห.) ไปประจำตามจุดต่าง ๆ เพื่อดูแลความสงบ ซึ่ง สห.จะดูแลในส่วนของกำลังพลทหารตัวเองด้วย และเป็นผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานด้วย




นปช.เตรียมแฉพธม.รับเงินบริจาค300 ล้านพร้อมชูใบเสร็จ

นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ร่วมกันแถลงข่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ (28 ธ.ค.) จะเปิดเวทีรายการความจริงวันนี้สัญจร ตอนความจริงประเทศไทยไม่ไว้ใจ อภิสิทธิ์ (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี) เนื้อหาสาระนั้นจะมีการชี้ถึงที่มาของรัฐบาล ที่ไม่ชอบด้วยระบอบประชาธิปไตย โดยเฉพาะกรณีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ กองทัพ รวมถึงจะเปิดเผยถึงพฤติกรรมของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่ไม่มีคุณธรรม จริยธรรม เนื่องจากพบว่า มีบริษัทเอกชนบริจาคเงินนอกระบบ 300 ล้านบาท และเงินส่วนหนึ่งมีการโอนสนับสนุนการชุมนุมของพันธมิตรฯ มีหลักฐานข้อเท็จจริงเป็นใบเสร็จรับเงิน เพื่อรองรับการใช้จ่ายเงินก้อนนี้ ทั้งนี้ จะเคลื่อนไหวกดดันอย่างเนื่อง โดยวันพรุ่งนี้ จะชุมนุมใหญ่ที่ท้องสนามหลวง และเคลื่อนขบวนไปยังรัฐสถา แต่จะไม่ใช้วิธีการปิดล้อมรัฐสภา หลังจากนั้นจะเปิดเวทีสัญจรทั่วประเทศ เพื่อให้กลุ่มคนเสื้อแดงต่อต้านรัฐบาลอย่างตรงไปตรงมาอย่างเปิดเผย โดยเชื่อว่าในทุกพื้นที่ๆ รัฐมนตรีรัฐบาลชุดนี้ไป ก็จะมีการต่อต้านเกิดขึ้น อย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ จ.อุบลราชธานี พร้อมย้ำจะยกระดับกลุ่มมวลชน เป็นองค์กรทางการเมือง ทั้งระดับชาติและนานาชาติ




"จักรภพ"เล็งลั่นวาจาอัด พธม.ยึดสนามบิน28ธ.ค.

นายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวเมื่อวันที่ 27 ธ.ค. ถึงการนัดชุมนุมใหญ่ของกลุ่มฯ ในการชุมนุมวันที่ 28 ธ.ค.ที่ท้องสนามหลวงว่า จะมีการปราศรัยถึงการดำเนินการกับแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ยึดสนามบินอย่างชัดเจนด้วย ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า มีชาวเสื้อแดงบางส่วนแยกตัว ไม่มาร่วมชุมนุมนั้น ส่วนตัวไม่ได้ให้ความสนใจในตัวนายหน้า แต่ให้ความสนใจกับประชาชนมากกว่า



ปธ.รัฐสภาไม่หวั่นม็อบเสื้อแดงตัดไฟอ้างมีสายใต้ดิน



ความเคลื่อนไหวการเตรียมความพร้อมในการประชุมรัฐสภาเพื่อฟังคำแถลงนโยบายของรัฐบาล วันที่ 29 -30 ธันวาคม หลังจากกลุ่มเสื้อแดงเตรียมชุมนุมใหญ่วันที่ 28 ธันวาคม และจะเคลื่อนมาปิดล้อมรัฐสภานั้น



เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา กล่าวว่า ได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารให้ดูแลแล้ว คงไม่มีความรุนแรงอะไร จึงยังไม่ได้คิดเรื่องการเลื่อนวันประชุมหรือย้ายสถานที่ประชุม อย่างไรก็ดีจะประเมินเหตุการณ์นาทีต่อนาที และขอร้องให้ทุกฝ่ายยึดรัฐธรรมนูญ ยึดกฎหมายเป็นหลัก อย่าใช้กฎหมู่ โดยกลุ่มที่ดำเนินการอยู่ 2-3 คน ที่ออกทีวีอยู่ทุกวันแม้จะมีความเคลื่อนไหวแต่ตนมองว่า เป็นการทำเพื่อประโยชน์ต่อส่วนรวม เป็นการเตือนรัฐบาลให้บริหารบ้านเมืองให้ดีเท่านั้น จึงมั่นใจไม่เกิดเหตุรุนแรง



“หากกลุ่มเสื้อแดงปิดล้อมรัฐสภาจนไม่สามารถเข้าประชุมเพื่อฟังคำแถลงนโยบายรัฐบาลได้ ก็คงจะไม่มีการประชุม และคงต้องเลื่อนวันประชุมออกไป แต่หากเข้าประชุมได้ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี และไม่กลัวว่า กลุ่มผู้ชุมนุมจะตัดไฟเหมือนกับม็อบเสื้อเหลืองที่ผ่านมา เพราะตอนนี้เขาไม่ได้เดินสายไฟบนดินแล้ว เขาเปลี่ยนมาเดินสายไฟใต้ดิน คงไม่โดนตัดไฟง่าย ๆ” นายชัย กล่าว



ปธ.วุฒิมั่นใจวันแถลงนโยบายไม่ใช่วันนรก


นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภา กล่าวถึงกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธ์ ระบุว่าวันแถลงนโยบายรัฐบาลวันที่ 29 -30 ธันวาคม จะเป็นนรกของรัฐบาลหากมีการใช้กำลังเข้าปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุม ว่า ตนเป็นห่วงสถานการณ์วันดังกล่าวอยู่เหมือนกัน แต่จากการรับฟังมาตรการรับมือของเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วคิดว่าไม่น่าจะเป็นนรกอย่างที่พูดกัน โดยฝ่ายตำรวจจะต้องป้องกันกำหนดระยะไม่ให้ผู้ชุมนุมเข้าใกล้รัฐสภา เพื่อให้สมาชิกรัฐสภาเข้าไปประชุมในรัฐสภาได้ และที่ผ่านมาตนได้หารือกับนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ถึงการเตรียมการรับมือ โดยมองถึงแนวทางการเลื่อนวันประชุมและย้ายสถานที่ประชุมด้วย แต่เบื้องต้นยังมั่นใจว่าจะดำเนินการประชุมได้


นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม สำนักข่าวเอเอฟพีเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีซึ่งกำลังหลบหนีคดีอยู่นอกประเทศหยุดปลุกปั่น สร้างความแตกแยกให้กับประเทศไทย


นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์เอเอฟพีว่า "ผมไม่มีปัญหากับการที่คุณทักษิณจะพูดอะไร ผมเพียงแค่อยากจะเรียกร้องให้เขาเห็นแก่ผลประโยชน์ของประเทศก่อนผลประโยชน์ของเขาเอง และผลประโยชน์ของประเทศในขณะนี้ขึ้นอยู่กับความสงบเรียบร้อยและความมีเสถียรภาพ"


นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เขาหวังว่าการชุมนุมของกลุ่มผู้ที่นิยมชมชอบในตัวของพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งจะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 28 ธันวาคมจะไม่ทำให้การแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาต้องหยุดชะงักไป โดยเขาระบุว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับคำสั่งว่าไม่ให้ใช้ความรุนแรง


"ผมหวังว่าเราคงจะแถลงนโยบายได้ตามกำหนดการที่วางไว้ในวันที่ 29 และ 30 ธันวาคม ผมมั่นใจว่าเราจะรับมือกับสถานการณ์ในช่วง 2 วันดังกล่าวได้โดยไม่ให้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ" นายอภิสิทธิ์กล่าว และว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับคำสั่งแล้วและเราไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยอย่างเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมอีก


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าทุกฝ่ายที่ร่วมอยู่ในความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้นในปีนี้ รวมถึงกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ประท้วงโดยการปิดสนามบินจะต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการปรองดองในทุกภาคส่วน


นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าภายใต้แผนการของเขาในการสร้างความสมานฉันท์ภายในชาติหลังจากความวุ่นวาย สับสนอลหม่านนั้น หลักการสำคัญคือความยุติธรรม โดยมีอยู่หลายคดีที่เกิดขึ้นในระหว่างเหตุการณ์ความไม่สงบเมื่อปีที่ผ่านมาที่ยังรอการพิพากษาอยู่


เอเอฟพีระบุว่านายกรัฐมนตรีไม่ได้กล่าวถึงรายละเอียดว่ามีคดีใดบ้าง แต่ระบุว่ากลุ่มพันธมิตรฯจะต้องยอมรับผลทางกฏหมายที่ตามมาจากการกระทำของพวกเขา
นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวอีกว่าการอภัยโทษต่อ พ.ต.ท.ทักษิณนั้นเป็นไปได้ในอนาคต แต่เขาต้องเดินทางกลับมาและเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก่อนเป็นอันดับแรก


"ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ แต่คุณต้องยอมรับโทษของคุณและแสดงความรับผิดชอบของคุณออกมาก่อน" นายอภิสิทธิ์กล่าว


นายกรัฐมนตรียังเตือนว่า การรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้จะหนักหนาสาหัสกว่าการรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจทั่วเอเชียเมื่อปี 2540 โดยเขากล่าวว่า หลายๆคนบอกว่าเป็นเรื่องยากลำบากกว่าในการรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้เพราะว่าคุณต้องรับมือกับทั้งมิติทางเศรษฐกิจและมิติทางการเมืองŽ เขายังเปิดเผยว่าในเร็วๆ นี้จะเปิดเผยรายละเอียดของแผนกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 3 แสนล้านบาทโดยเน้นไปที่เขตชนบทเป็นส่วนมาก
ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ตอบคำถามกรณีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ไม่ทราบว่าพ.ต.ท.ทักษิณ พำนักที่ประเทศใด แต่ทราบว่าอยู่ในแถบเอเซีย สาเหตุที่ไม่มีการเปิดเผยสถานที่พำนักของพ.ต.ท.ทักษิณ มาจากเรื่องของความปลอดภัย เพราะเคยได้ยินมาในทำนองที่ว่ารัฐบาลและกลไกของรัฐบาลพยายามที่จะตามหาเพื่อที่จะดำเนินการต่างๆเกี่ยวกับตัวท่าน เมื่อถามว่าถึงขั้นลอบฆ่าเลยหรือไม่ นายนพดล กล่าวว่า ใช่ครับ ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า


เมื่อถามถึงกระแสข่าวกับนักร้องสาวชื่อดัง นายนพดล กล่าวว่า ไม่ทราบเลย รู้แต่ว่ามาม้าคอนเฟริ์ม
สำหรับภารกิจในวันที่ 26 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ทำงานอยู่แต่ภายในทำเนียบตลอดทั้งวัน โดยมีตัวแทนจากภาคเอกชน ข้าราชการเดินทางเข้าพบ นอกจากนี้ ทูตประเทศญี่ปุ่นและรัสเซีย ได้เข้าแสดงความยินดีด้วย โดยในเวลา 09.15 น. นายณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ปฏิบัติหน้าที่แทนกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และคณะเข้าเยี่ยมคารวะ


เวลา 09.30 น. นายอรินทร์ จิรา ประธานที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน เข้าพบโดยกล่าวชื่นชมนายอภิสิทธิ์ ว่า น่าจะเป็นคนที่ดึงความมั่นใจของนานาชาติได้ หลังจากที่เผชิญความขัดแย้งยาวนาน ขณะที่นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญต่อการจัดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 14 โดยจะให้มีการประชุมคณะเตรียมการทุกๆสัปดาห์ หลังจากนี้คาดว่าจะอยู่ระหว่างวันที่ 13-15 กุมภาพันธ์นี้ สำหรับสถานที่จัดการประชุมอยู่ระหว่างการพิจารณา สำหรับการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งนี้ จะเน้นย้ำให้เกิดความร่วมมือทางเศรษฐกิจอย่างรูปธรรมและรวดเร็ว ขณะเดียวกันให้ความสำคัญการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชน ภายใต้กฎบัตรอาเซียนด้วย


เวลา 10.00 น. นายวันชัย จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการ บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด เข้าพบ โดยนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รัฐบาลจะจัดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 14 เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ทั่วโลกได้รับรู้


จากนั้น เวลา 13.00 น. นายนัที เปรมรัศมี ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เข้าเยี่ยมคารวะ โดยนายนัทีได้กล่าวอวยพรให้นายกฯมีสุขภาพแข็งแรง ปฏิบัติหน้าที่ให้ลุล่วงไปได้และให้เกิดความสมานฉันท์ขึ้นในบ้านเมือง ขณะที่นายกฯได้กล่าวให้กำลังใจทุกคนในการทำหน้าที่ แม้ 2-3 ปีที่ผ่านมา ทุกคนจะเผชิญการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองรุนแรงจนส่งผลกระทบต่อการทำงานก็ตาม โดยกล่าวย้ำว่าในเรื่องของสังคมและการศึกษาจะเข้าไปดูแลด้วยตัวเอง โดยเฉพาะเรื่องการเรียนฟรี 15 ปี


ด้านนายปณิธาน วัฒนายากร อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งได้รับการทาบทามให้เป็นรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และรักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเดินทางมาที่ทำเนียบรัฐบาล พร้อมเข้าไปดูห้องทำงานภายในตึกนารีสโมสรด้วยว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการเมือง ต้องรอให้มีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อน เพื่อบังคับให้ออกจากราชการ จากนั้นจะเข้าทำงานทันที โดยจะเน้นไปที่การแถลงด้านนโยบายเป็นหลัก และไม่พยายามตอบโต้ทางการเมืองเพราะขณะนี้คนอยากรู้เรื่องนโยบายมากกว่า อย่างไรก็ตาม ตนจะมาทำหน้าที่โฆษกรัฐบาลแค่ชั่วคราวเท่านั้น เพื่อรอตัวจริงเข้ามาทำงานแทน


"ยอมรับว่าหนักใจ แต่พร้อมรับแรงกดดันในการทำงาน ไม่ว่ากับสื่อหรือกับฝ่ายค้าน โดยจะให้ข้อมูลกับทุกฝ่ายที่ต้องการอย่างเพียงพอ โดยการทำงานจะแบ่งหน้าที่กับรองโฆษกทั้ง 2 คน คนหนึ่งอาจจะพูดเรื่องการเมือง อีกคนพูดเรื่องเศรษฐกิจ ส่วนตนจะพูดเรื่องนโยบายเป็นหลัก" นายปณิธานกล่าว


รายงานข่าวจากพรรคประชาธิปัตย์แจ้งว่า สำหรับตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีนั้นจะมีชัดเจนกลังแถลงนโยบาลรัฐบาลเสร็จสิ้น แต่เบื้องต้นคาดว่า นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู รองเลขาธิการพรรค เป็นเลขานุการนายวิทยา แก้วภารดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารสุข นายก้องศักดิ์ ยอดมณี อดีตผู้สมัครส.ส.กทม. เป็นเลขานุการนายกรณ์ จาติกวนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เนื่องจากนายก้องศักดิ์ เคยทำงานในธนาคารแห่งประเทศมาก่อน นายเอกชัย ทรงอำนาจเจริญ อดีตผู้สมัครส.ส.อุบลราชธานี เป็นเลขานุการนายวิฑูรย์ นามบุตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

'พงศ์เทพ'ชี้สื่อผู้ดีปล่อยข่าว'ทักษิณ'เจ๊งหุ้น!เหลือเงินแค่ 500 ล้านดอลล์

ที่มา ประชาทรรศน์

'พงศ์เทพ'ยืนกรานแค่ข่าวลือ!'ทักษิณ'เจ๊งหุ้น-เมืองผู้ดี-สวิส'ยึดทรัพย์เงินหดเหลือแค่ 500 ล้านดอลล์ พร้อมแจงเหตุถูกเพิกถอนพาสปอร์ต เพราะกม.อังกฤษห้ามบุคคลที่ได้รับโทษจำคุกเกิน 12 เดือนขึ้นไปผ่านแดนสหราชอาณาจักร

จากกรณีที่หนังสือพิมพ์สเตรท ไทมส์ ของสิงคโปร์ รายงานว่า ขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีทรัพย์สิน 500 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1.75 หมื่นล้านบาท จากการสูญเสียการลงทุนจากหุ้นต่างประเทศมูลค่า 5,000 ล้านดอลลาร์ และการเก็งกำไรซึ่งกำลังเผชิญสภาพผันผวนเพราะจากภาวะหุ้นทั่วโลกตก และราคาน้ำมันร่วง โดยนักการเงินรายหนึ่งที่ไม่ระบุนามบอกว่า ซึ่งก่อนหน้านี้ รัฐบาลอังกฤษเพิ่งระงับทรัพย์สินของพ.ต.ท.ทักษิณเป็นมูลค่า 4.2 พันล้านดอลลาร์ ภายหลังเพิกถอนวีซ่าของ นางพจมาน ดามาพงศ์ เมื่อเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา จนส่งผลให้ต้องขายกิจการสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ให้แก่กลุ่มนักลงทุนอาหรับนั้น

วันนี้ (27 ธ.ค.) นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการสูญเสียการลงทุนจากหุ้นต่างประเทศของพ.ต.ท.ทักษิณว่า เป็นการปล่อยข่าวกันในวงสื่อประเทศอังกฤษเท่านั้นเอง ส่วนของการขาดทุนหรือกำไรตนไม่ทราบ แต่ขอยืนยันว่าข่าวไม่มีมูลความจริงและไม่ได้เกิดขึ้นแน่นอน

นอกจจากนี้ นายพงศ์เทพ ยังกล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลอังกฤษเพิกถอนวีซ่าพ.ต.ท.ทักษิณ ว่า สาเหตุมาจากเรื่องที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินจำคุกอดีตนายกรัฐมนตรีเป็นเวลา 2 ปีในคดีที่ดินรัชดาฯ ทั้งนี้โดยกฎหมายของประเทศอังกฤษนั้นได้ระบุไว้ว่า บุคคลที่ได้รับโทษจำคุกเกิน 12 เดือนขึ้นไป สำนักผ่านแดนสหราชอาณาจักร จำเป็นต้องดำเนินการเพิกถอนวีซ่า ซึ่งเป็นขั้นตอนและหลักเกณฑ์ ของประเทศอังกฤษอยู่แล้ว และยืนยันรัฐบาลอังกฤษไม่ได้มีการยึดทรัพย์พ.ต.ท.ทักษิณแต่อย่างใด

'พัลลภ'รับ 'ทักษิณ'ขอช่วยเลือกตั้งซ่อม

ที่มา ประชาทรรศน์

'พัลลภ'รับ อดีตนายกรัฐมนตรี ขอให้ช่วยนำทีมเลือกตั้งซ่อม ระบุ เป็นการกลับบ้านเก่า เพราะเคยมีส่วนร่วมก่อตั้งไทยรักไทย มั่นใจ กองทัพไม่แทรกแซงแม้เป็นพื้นที่ทหาร


พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รมน.) ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการลับ ลวง พรางทางสถานีวิทยุเอฟเอ็ม100.5 ถึงสาเหตุที่ตัดสินใจเข้าช่วยพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งซ่อมว่า เป็นเพราะคำขอของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันที่เดินทางไปพบที่กรุงปักกิ่ง โดยมองว่าเป็นการกลับบ้าน เพราะตนมีส่วนร่วมในการก่อตั้งพรรคไทยรักไทย และขณะนี้คนที่พรรคเคยสร้างชื่อเสียงให้ต่างก็ออกจากพรรคไปแสวงหาโชคลาภ ส่วนการรับผิดชอบในการเลือกตั้งซ่อมนั้นมี 2 จังหวัด คือ ลพบุรี และสิงห์บุรี เนื่องจากเคยรับราชการที่นี่มานาน

"ในจ.ลพบุรีที่มีอยู่ 5 เขตซึ่งแต่เดิมเป็นพื้นที่ของพรรคส.ส.พลังประชาชนทั้งหมด ดังนั้นจึงมีพื้นฐานอยู่แล้ว ตนเพียงไปเสริมให้เกิดความเรียบร้อยมากขึ้นเท่านั้น" พล.อ.พัลลภ กล่าว

อดีตรองผอ.กอ.รมน. กล่าวอีกว่าแม้พื้นที่ในจังหวัดลพบุรีเป็นพื้นที่ของทหาร แต่ก็มั่นใจว่าทหารจะไม่เข้ามาแทรกแซง เพราะ พล.อ.อนุพงษ์ ย้ำอยู่เสมอว่าจะไม่แทรกแซงทางการเมือง ซึ่งตนเชื่อว่า ทหารสมัยนี้มีความเป็นประชาธิปไตยมาก ส่วนการเข้าพบ พล.อ.อนุพงษ์ ก่อนการจัดตั้งรัฐบาลนั้น ผบ.ทบ.ก็ได้ชี้แจงไปแล้วว่า แค่ไปขอคำปรึกษา จึงไม่น่าจะมีปัญหา ส่วนพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นรัฐบาลได้นานหรือไม่นั้น ตนได้ยินส.ส.ในพรรคคุยกันว่าไม่เกิน 3 เดือนพร้อมปฎิเสธที่จะรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เนื่องจากไม่มีขีดความสามารถขนาดนั้น

พล.อ.พัลลภ กล่าวยังกล่าวถึงความขัดแย้งของตนกับพ.ต.ท.ทักษิณว่า เรื่องที่ตนกับพ.ต.ท.ทักษิณผิดใจกันนั้นไม่ใช่เรื่องคาร์บอมบ์ แต่เป็นเรื่องที่ตนส่งคนไปคุ้มกันพล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตร จึงมองว่า ตนร่วมมือพล.ต.จำลอง เพื่อล้ม พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งขณะนั้นตนเป็นรอง.ผอ.รมน.อยู่ หากพล.ต.จำลองเป็นอะไรไป ผู้ที่รับผิดชอบคือ รัฐบาล ทั้งนี้เมื่อได้มีการปรับความเข้าใจ ทุกอย่างก็จบ

นปช.แฉแหลก!'รัฐบาลไฮแจ็ค'รวมหัว'ทีพีไอ'ฟอกเงิน

ที่มา ประชาทรรศน์

นปช.ออกโรงอัดปชป.สุมหัว TPI ฟอกเงิน!'วีระ'ย้ำจุดยืนชุมนุมพรุ่งนี้อย่างสงบเพื่อกดดัน'รัฐบาลมาร์ค'-ต่อต้านรัฐประหารซ่อนรูป ยันจะไม่เคลื่อนพลบุกปิดล้อมรัฐสภาแน่ แฉมีใบเสร็จบริษัทเอกชนโอนเงิน 300 ล้านหนุนรัฐบาลไฮแจ็ค

นายวีระ มุสิกพงศ์ ผู้จัดรายการความจริงวันนี้ ระบุว่าการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดงพรุ่งนี้ ภายใต้ชื่อ “ความจริงวันนี้ ความจริงประเทศไทย ไม่วางใจอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” เป็นการชุมนุมเพื่อต่อต้านรัฐประหารซ่อนรูป ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ กองทัพ และกลุ่มทุน โดยจะไม่ปิดล้อมอาคารรัฐสภาเพื่อเปิดทางให้ ส.ส.ได้เข้าไปทำหน้าที่ตามปกติ อย่างไรก็ตาม ขอให้นายกรัฐมนตรีสบายใจ เพราะการชุมนุมจะยึดแนวทางสันติวิธี และพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะไม่โฟนอิน โดยเนื้อหาสาระนั้นจะมีการชี้ถึงที่มาของรัฐบาล ที่ไม่ชอบด้วยระบอบประชาธิปไตย โดยเฉพาะกรณีการชุมนุมของพันธมิตรฯ และกองทัพ รวมถึงจะเปิดเผยถึงพฤติกรรมของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่ไม่มีคุณธรรม จริยธรรม เนื่องจากพบว่า มีบริษัทเอกชนบริจาคเงินนอกระบบ 300 ล้านบาท และเงินส่วนหนึ่งมีการโอนสนับสนุนการชุมนุมของพันธมิตรฯ มีหลักฐานข้อเท็จจริงเป็นใบเสร็จรับเงิน เพื่อรองรับการใช้จ่ายเงินก้อนนี้

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.เพื่อแผ่นดิน กล่าวว่าจะชุมนุมอย่างต่อเนื่องถึงวันที่ 29 - 30 ธ.ค.นี้ด้วยและยืนยันว่าจะเป็นการชุมนุมโดยสงบ ส่วนการเคลื่อนไหวไปบริเวณหน้ารัฐสภาเพื่อกดดันรัฐบาลนั้น ยืนยันจะไม่มีการปิดล้อมประตู แต่อย่างใดและรัฐบาลไม่ต้องย้ายสถานที่แถลงนโยบาย

ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตโฆษกรัฐบาล กล่าวว่าในวันพรุ่งนี้ตนได้เตรียมเปิดเผยข้อมูลแหล่งเงินทุนสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์บนเวทีชุมนุมที่ท้องสนามหลวงถึงการฟอกเงินจากบริษัททีพีไอไปยังบริษัทส่วนที่มีชื่อว่า แมส ไซ อะ จำนวนถึง 250 ล้านบาท เพื่อนำไปสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งกรรมการบริหารบริษัทมีชื่อของ นายชัยกรณ์ วงษ์สุสรรณ และ น.ส.สุพัชรี ธรรมเพชร ส.ส.พรรคปชป.

นอกจากนี้ นายณัฐวุฒิ ยังกล่าวด้วยว่า หลังปีใหม่จะลงพื้นที่พบชาวเสื้อแดงทั่วประเทศพร้อมต่อต้านเผด็จการและการใช้อำนาจต่อรัฐบาลหาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ลงพื้นที่ใดก็จะต่อต้านอย่างเปิดเผย พร้อมขอให้นายกฯยุติอ้างชื่อยายเนียมเพื่อสานสัมพันธ์กับคนอีสานเพราะเก้าอี้ที่ได้มาไม่ชอบธรรม

ขณะที่นายจักรภพ เพ็ญแข กล่าวว่า ในการชุมนุมจะมีการกล่าวถึงการดำเนินการกับแกนนำพันธมิตรฯที่บุกยึดสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมืองอย่างชัดเจนด้วย ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า มีกลุ่มเสื้อแดงบางส่วนแยกตัวไม่มาร่วมชุมนุมนั้น ส่วนตัวไม่ได้ให้ความสนใจในตัวนายหน้า แต่ให้ความสนใจกับประชาชนมากกว่า

"มาร์ค"เมินอัดลอกนโยบาย"รบ.แม้ว"ชี้มีประโยชน์ก็สานต่อ

ที่มา มติชนออนไลน์


นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวเมื่อวันที่ 27 ธ.ค. ถึงกรณีที่ฝ่ายค้านวิจารณ์รัฐบาลลอกเลียนนโยบายจากรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า นโยบายรัฐบาลใดที่ทำไว้เป็นประโยชน์ ไม่ว่าใครจะทำไว้ก็จะดำเนินการต่อและปรับปรุงให้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม มีหลายเรื่องที่ไม่เคยเห็นในนโยบายของรัฐบาลชุดก่อน ๆ เช่น การเรียนฟรี เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ อาสาสมัครหมู่บ้าน (อสม.) รวมทั้งมาตรการรองรับเรื่องการว่างงาน



“ถือเป็นมิติใหม่ทางการเมืองที่ว่างานใดที่เป็นประโยชน์เราก็พร้อมสานต่อ อย่าถือเขาถือเรา เพราะฉะนั้นอะไรที่ประชาชนพึงพอใจและเป็นเรื่องที่ดีสำหรับบ้านเมืองแล้วเราจะมายกเลิกเพียงเพราะคนอื่นทำไว้ ผมว่ามันไม่เป็นธรรมสำหรับประชาชน ถ้าเราเลิกวัฒนธรรมแบบนี้ได้ ผมว่าเป็นการดี อย่างปัญหาของภาคใต้ ส่วนหนึ่งก็เพราะมีการไปเปลี่ยนแปลงนโยบายอย่างรุนแรงในปี 2544 ซึ่งผมไม่ต้องการให้สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจ การเมือง หรือความมั่นคง” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

กำปั้นทุบดิน

ที่มา เดลินิวส์

ตอนพรรคคู่แข่ง ไทยรักไทย ซึ่งตั้งมาแค่ 2 ปี เอาชนะพรรค 60 ปีอย่างประชาธิปัตย์ได้ชนิดถล่มทลาย ได้คุยกับนักการเมืองซีกนี้ท่านหนึ่งที่ รร.เซ็นทรัล ลาดพร้าว

เป็น ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ เจ้าของหนังสือ “สองนคราประชาธิปไตย” อันลือลั่น ตอนนั้น อยากเล่นการเมืองมาก เลยเข้าพรรคนี้ แต่น่าเสียดายที่พรรคไม่เห็นคุณค่า เซ็งเข้า เลยเลิกเล่นการเมืองซะเลย ดร.เอนกบอกตอนนั้นว่า ประชาธิปัตย์ยังไม่ตื่น ยังหัวปักหัวป เชื่อว่า ไทยรักไทย ชนะเพราะเงินอย่างเดียว (ไม่ว่าจะหัวหงอกหัวดำ) เชื่ออย่างนี้หมด ทั้งที่โลกเปลี่ยนแล้ว

มาถึงยุคต้องขายนโยบายกันแล้ว !!!

ไทยรักไทยมี 30 บาท รักษาทุกโรค, กองทุนหมู่บ้าน, ธนาคารประชาชน, 1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์, พักชำระหนี้เกษตรกร กระทั่งหวยบนดิน แต่ปชป.ขายเรื่องพรรคเก่าแก่ลูกเดียว

เหนือกว่านั้น ตามด่าประชานิยมยับว่า เป็นทุนสามานย์ เท่ากับซื้อ เสียงล่วงหน้า ทำลายวินัยการคลัง เอาเงินอนาคตมาใช้ แต่เลือกตั้ง 23 ธ.ค. 51 กลับก๊อบปี้ประชานิยม (แบบไม่อายฟ้าดิน)

เรื่องนโยบาย ดร.อัมมาร์ สยามวาลา ออกทีวีไทย ทนไม่ไหว สับเละผิดหวังมาก อุตส่าห์มีรัฐมนตรีเงา แต่ไม่มีอะไรใหม่ แค่ลอกของเก่ามาหมด

ดร.อัมมาร์เรียกนโยบายมาร์ค 1 ว่า เป็น 1 นโยบาย 1 คะแนน คือทุกอย่างเท่ากันหมด

นั่นน่ะสิ เป็นฝ่ายค้านซะ 8 ปี ได้เป็นรัฐบาลเที่ยวนี้ เพราะบุญหล่นทับ ทั้ง กองทัพ พันธมิตรฯ อำนาจนอกระบบ องค์กรอิสระ ช่วยกันรุมตื้บล้มรัฐบาลเสียงส่วนใหญ่ เอารัฐบาลที่ตัวเองต้องการจนได้

นึกว่าจะพัฒนาไปไกลภายใต้การนำของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นอกจาก ตั้งครม.ยี้เรียกพี่) แต่น่าผิดหวังมาก กำปั้นทุบดินเหมือนเคย ทุบยังไงก็โดน???

ก็ขนาดจะแก้รัฐธรรมนูญปิศาจคาบไปป์ ในข้อ 1.1.3 ยังกำปั้นทุบดินว่า

จะตั้งคกก.ศึกษาแนวทางการดำเนินการปฏิรูปโดยการมีส่วนร่วม ของภาคประชาชนเพื่อระบบการบริหารของประเทศให้มีเสถียรภาพและมี ประสิทธิภาพในแนวทางการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข

และสอดคล้องเหมาะสมกับสภาพสังคมไทย รวมทั้งสามารถสนองตอบการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน และเป็นไปตามความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง

หรูมาก แต่แมวที่ไหนจะรู้มั้ยว่า ตกลงจะแก้รธน.หรือไม่ แทงกั๊กไปเรื่อย ว่างั้นเถอะ??

นี่ก็อีก กษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ เจ้าของทัศนคติอันตราย “ยึดสนามบินสนุกมาก อาหารดี ดนตรีเพราะ” ยอม “ขอโทษ” แล้วแต่โยนบาปสื่อว่า มีการตีความและบิดเบือน (แบบกำปั้นทุบดินเป๊ะ)

อ้าว เดลี่เทเลกราฟ กับ โธมัส เบลล์ นักข่าวประจำกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นผู้ส่งข่าวนี้ไปต้นสังกัด จะว่ายังไง เขาหาว่าไร้จรรยาบรรณสื่อ มันรุนแรงถึงขั้นประหารชีวิตเลยนะ คำนี้ !!!

ช่วยออกมาชี้แจงด่วนด้วย จะได้รู้ ใครโกหก ตอแหล กันแน่.

ดาวประกายพรึก

นายทุนกับการเมือง

ที่มา ไทยรัฐ

นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของ คุณกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลังที่จะให้มีการนำอัตราดอกเบี้ยในการผ่อนซื้อบ้านและ คอนโดมิเนียมหลังใหม่ไปหักลดหย่อนภาษีได้เต็มๆ อธิบายให้เข้าใจก็คือ รัฐบาลเป็นคนเสียดอก ชาวบ้านเป็นคนเสียเงินต้น ส่วนเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย มีเงื่อนไขด้วยว่าจะต้องเป็นการซื้อบ้านหลังใหม่เท่านั้น ส่วนที่ผ่อนไว้แล้ว หรือกำลังจะไม่มีผ่อนเพราะตกงานว่างงานเศรษฐกิจฝืดเคือง ปล่อยไปตามยถากรรม

นอกจากนี้ยังมีนโยบายที่จะกู้เงินจากธนาคารในประเทศเพื่อนำมาลงทุนและใช้จ่ายในภาครัฐ บรรดาแบงก์ทั้งหลายที่กำลังมึนๆอยู่ เพราะไม่รู้จะหาทางออกกับวิกฤติการเงินอย่างไรปลื้มกันใหญ่ ในยามเศรษฐกิจย่ำแย่อย่างนี้ มีลูกค้ารายใหญ่เป็นรัฐบาล โดยมี ประชาชนทั้งประเทศเป็นลูกหนี้ร่วมกัน แฮปปี้

รมต.บางกระทรวงกระเหี้ยนกระหือรือจะเป็น รมต.ท่าเดียวพอมาเจองานหินกว่าที่วาดภาพเอาไว้เลยต้องรีบ ตั้งคณะที่ปรึกษา เข้ามากระทรวงเดียว 50-60 คน ก็ไม่พ้นตัวแทนนายทุนอยู่ดี ด้วยความไร้เดียงสาของ รมต.บวกกับความเขี้ยวของตัวแทนนายทุน อะไรจะเกิดขึ้น

และปฏิเสธไม่ได้ว่าแต่ละพรรคการเมืองก็ต้องใช้ทุนทั้งเลี้ยง ส.ส. และเลี้ยงชาวบ้าน พรรคใหญ่ หน่อยก็ใช้เงินมากหน่อยพรรคเล็กหน่อยก็ใช้เงินน้อยหน่อย พรรคที่เป็นรัฐบาล ย่อมได้รับการสนับสนุนมากกว่าพรรคฝ่ายค้าน เพราะสามารถเอื้อผลประโยชน์ได้มากกว่า ยิ่งการเมืองไม่มีมาตรฐานแบบไทยๆ ยังอยู่ในการครอบงำของระบบอุปถัมภ์ด้วยแล้ว ชัวร์

ไม่พ้นระบบนายทุนครอบงำ

แรกๆนายทุนก็จะถูกนักการเมืองขี่เอาบ้าง ใครอ่อนหน่อยก็ถูกนักการเมืองปล้นกิจการเอาดื้อๆ นายทุนก็จะเชิญนักการเมืองไปเป็นที่ปรึกษาธุรกิจเอาไว้เป็นไม้กันหมา จนติดเป็นนิสัย ส่วนธุรกิจที่ไม่วิ่งเข้าหานักการเมือง ก็จะมีนักการเมืองวิ่งเข้าไปหา แบล็กเมล์ ตบทรัพย์ ต้องให้คนขับรถเอาเงินไปส่งส่วยเดือนละ 4-5 แสน พอถูกกดขี่หนักเข้า นายทุนเริ่มจะแข็งข้อ ตั้งก๊วนการเมืองขึ้นมาเป็นอิสระไม่ขึ้นกับพรรค

แต่อย่างว่า ธรรมชาตินักการเมืองไม่รู้จักพอ ถูกเบี้ยวเอาบ่อยๆนายทุนเลยมีวิวัฒนาการขอร่วมเป็นนายทุนพรรค ลงขันเท่าไหร่ก็ส่งตัวแทนทายาทเปลี่ยนสภาพจากนายทุนมาอยู่ในคราบนักการเมือง ดูแลผลประโยชน์ด้วยตัวเอง ได้เท่าไหร่ ส่วนหนึ่งต่อท่อเข้าพรรค เอื้อประโยชน์กันอย่างแนบเนียน

กลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน

ปล่อยให้ชาวบ้าน โง่ จน เจ็บไปเรื่อยๆ ผสมกับกองทัพ สถาบัน นักวิชาการ อาจารย์มหาวิทยาลัยที่สมัครใจจะโง่ เพื่อผลประโยชน์ลาภยศ จับพลัดจับผลูได้เป็น รมต.หรือโฆษกรัฐบาลก็ยังดี โก้จะตาย ทั้งๆที่รู้ตัวว่าเป็นแค่ริดสีดวงการเมือง และนี่คือความจริงที่เจ็บปวด หรือนักการเมืองนายทุนคนไหนว่าไม่จริง

กล้าไปจุดธูปสาบานไหม.

หมัดเหล็ก

ไม่ใช่แค่ลอกการบ้าน

ที่มา ไทยรัฐ

“3 แสนล้านบาทเดิมพันก้อนมหึมาที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เตรียมทุ่มวัดดวงกู้ชีพวิกฤติเศรษฐกิจของประเทศไทย พร้อมๆกับการยุติปัญหาทางการเมือง

หากไม่สำเร็จ ผมมีจุดยืนที่ชัดเจน พร้อมให้คนอื่นเข้ามาทำ

เป็นการประกาศชัดถ้อยชัดคำหลังเข้าขอคำแนะนำจากนายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เคยผ่านประสบการณ์กู้ซากเศรษฐกิจจากวิกฤติค่าเงินบาทปี 2540

กองเชียร์ใจแป้วไปตามๆกัน

เพราะโดยอดีตที่คนไทยยังไม่ลืมภาพหลอนๆ เกาเหลาทีมเศรษฐกิจรัฐบาล ชวน 2” ระหว่างนายธารินทร์ นิมมานเหมินท์ กับนายศุภชัย พานิชภักดิ์ ตลอดจนกรณีฉาวๆ ปรส.โละหนี้เน่าขายถูกๆให้ฝรั่ง

กู้ไม่ขึ้นแล้วยังทำเสียของ

และนั่นก็เป็นเหตุให้คนชื่อ ทักษิณ ชินวัตรกลายเป็นอัศวิน ขี่ม้าขาวเข้ามากู้เศรษฐกิจของประเทศไทย ยึดพื้นที่การเมืองได้อย่างเบ็ดเสร็จ

ประชาธิปัตย์กลายเป็นฝ่ายค้านดักดานตลอด 8 ปี

วันนี้หนังม้วนเก่าในอดีตย้อนกลับมาฉายใหม่ เพียงแต่เปลี่ยนพระเอกจาก ชวนมาเป็นยุคของ อภิสิทธิ์ที่อาศัย งูเห่าพลิกขั้วรัฐบาลเข้ามารับงานโคตรหิน กู้สถานการณ์ เศรษฐกิจจากพิษการเมืองภายในและผลกระเทือนจากเศรษฐกิจโลก

อภิสิทธิ์ศิษย์ก้นกุฏิของ ชวน

และยังไม่ทันได้เริ่มก็โวยกันแล้ว กับนโยบายลดอัตราดอกเบี้ยอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังผุดออกมา มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากคนแวดวงแบงก์พาณิชย์ ดักคอ คนที่ได้ประโยชน์คือคนรวยที่ซื้อบ้านหลังละ 5 ล้านบาทขึ้นไป

ประชาธิปัตย์ยังสลัดไม่หลุด กับมุก อุ้มคนรวยไม่ช่วยคนจน

ไม่ใช่รัฐบาลของ รากหญ้า

ลุ้นกันว่า กงล้อประวัติศาสตร์การเมืองจะหมุนกลับมาทับจุดเดิมอีกหรือไม่

ที่แน่ๆ กระดิกขารออยู่แล้ว อดีตนายกฯทักษิณ เจ้าเก่าแค่นิ่งรอเวลา คอยเงี่ยหูฟังเสียงเพรียกหาให้ขี่ม้าขาวกลับมากู้เศรษฐกิจ

อยู่ที่ว่า ช้าหรือเร็ว

ในมุมของเสือเฒ่าอย่าง เสธ.หนั่นพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ก็ท้าวางเดิมพัน รัฐบาลของนายอภิสิทธิ์จะอยู่ได้ยาวกว่า 3 เดือน อย่างน้อยก็ 1 วันขึ้นไป ขณะสิงห์หนุ่มอย่างนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ บอสใหญ่พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ก็ฟันธง รัฐบาลจะอยู่หรือไปก็ลุ้นกันในช่วงเวลา 2 เดือน

เซียนการเมืองฝ่ายรัฐบาลด้วยกัน ยังเห็นต่าง

แต่ที่เหมือนก็คือ เขาประเมินอายุรัฐบาลกันเป็นเดือนๆ

อย่างไรก็ตาม ในความเหมือนของ อภิสิทธิ์ที่เดินตามรอยแม่พิมพ์อย่าง ชวนมาแทบจะทุกย่างก้าว มันก็ยังมีจุดที่หลุดเฟรมจากความเป็นเจ้าหลักการเป๊ะๆ

อย่างน้อยๆก็กล้า ลอกการบ้าน

ไม่ใช่แค่เดินหน้าสานต่อนโยบายประชานิยมของอดีตนายกฯทักษิณ แต่ยังเกทับแย่งลูกค้า รัฐบาล ทักษิณเคยให้เท่าไหร่

รัฐบาล อภิสิทธิ์เบิ้ลให้มากกว่า

และโดยความเหนือชั้นของนักการเมืองอาชีพ ในฟอร์มของคนประชาธิปัตย์ อภิสิทธิ์ก็ยังออกตัวได้แบบพลิ้วๆ

ไม่ใช่เรียก ประชานิยมแต่เบี่ยงเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ยืนยันว่า เป็นสิ่งที่ทั่วโลกทำกัน มีความจำเป็น เพราะถ้าไม่ สามารถรักษากำลังซื้อของประชาชนได้ เศรษฐกิจจะถดถอยซบเซาอย่างรุนแรง

ลอกการบ้านก็ลอกแบบคนมีกึ๋น

เหนืออื่นใด โดยการเล่นบทคิดไวทำไว เข้ามาเป็นนายกฯไม่กี่วัน ก็กล้าประกาศวางเดิมพัน 3 แสนล้านบาท กู้วิกฤติเศรษฐกิจไทย พร้อมกับยุติปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง

ถ้าทำไม่ได้ พร้อมเปิดโอกาสให้คนอื่นทำแทน

มุกคิดเร็วทำเร็ว วัดใจได้เสีย

ลีลาคุ้นๆ ถอดแบบ ทักษิณมาเลย.

ทีมข่าวการเมือง รายงาน

'เขยซีพี'เสร็จแน่'นิพิฏฐ์'ฉุนไม่ป้องหากโดนจวกในสภาฯ

ที่มา ประชาทรรศน์

ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โกรธไม่เลิก รับกกต.วินิจฉัยถูก ไม่พบเงิน 80 ล้านบาท ยืนยันพร้อมปกป้องรัฐบาล ยกเว้น 'วีระชัย'


จากกรณีที่ นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ออกมาเปิดเผยว่า การตรวจสอบเงินบริจาคของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่พบเงิน 80 ล้านบาทของนายวีระชัย วีระเมธีกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตามที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหานั้น นายนิพิฏฐ์ ได้กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า คำวินิจฉัยของกกต.ถูกต้องแล้ว แต่สิ่งที่ได้พูดออกไปนั้นยืนยันว่าไม่ได้โกหกประชาชน และการที่ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้เพื่อต้องการให้ประชาชนเป็นคนตัดสินว่านายวีระชัยได้เป็นรัฐมนตรีเพราะความสามารถของตัวเองหรือเพราะเป็นกลุ่มทุนของพรรค

"ถ้าเราให้สินบนเจ้าหน้าที่ คงไม่มีใครออกใบเสร็จเพื่อให้เป็นหลักฐานมามัดตัวเองภายหลัง เรื่องแบบนี้ก็เช่นกัน ไม่มีหลักฐานหรือพยานรู้เห็น" นายนิพิฏฐ์ กล่าว

นอกจากนี้ นายนิพิฏฐ์ ยังกล่าวถึงการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา ซึ่งฝ่ายค้านเตรียมอภิปรายนโยบายรัฐบาล โดยเน้นจริยธรรมและที่มาของ นายกรัฐมนตรี รวมถึงรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลว่า หากมีการกล่าวเสียดสีนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีรุนแรง ก็พร้อมจะตอบโต้และปกป้องรัฐบาล โดยยึดข้อบังคับการประชุมรัฐสภา แต่ทั้งนี้จะยกเว้นนายวีระชัยเพียงคนเดียว

'มาร์ค'ถือหางลูกหาบ 'หัวโจกพธม.'ขึ้นเวทีเรื่องส่วนตัว

ที่มา ประชาทรรศน์

นายกฯ'มาร์ค'ใจดีสู้เสื้อ ใช้สมานฉันท์ สยบเสื้อแดง ไม่หวั่น ฝ่ายค้านเตรียมซักฟอกวันแถลงนโยบาย ไม่รู้ 'สมเกียรติ'ขึ้นเวทีพธม.อีกครั้ง ชี้ที่ผ่านมาเรื่องส่วนตัว ยันต่ออายุ 6 มาตรการประชานิยม

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีถูกคนเสื้อแดงไล่ที่จ.อุบลราชธานี ว่า เป็นเรื่องปกติ เพราะเข้าใจว่ายังมีอารมณ์ความรู้สึกของกลุ่มคนบางกลุ่มอยู่ ซึ่งคงต้องใช้เวลาทำความเข้าใจและเดินหน้าพิสูจน์การทำงาน รวมถึงให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น

"หากจะให้กลุ่มคนที่ต่อต้านเข้าใจเราก็คงต้องใช้เวลา เพราะตนไม่สามารถโน้มน้าวได้ด้วยคำพูด แต่รัฐบาลได้แสดงเจตนาชัดเจนในแนวทางการสมานฉันท์ หลังแถลงนโยบาย หลายเรื่องที่เป็นองค์ประกอบของความสมานฉันท์จะเริ่มเดินหน้า ซึ่งคิดว่าสิ่งเหล่านี้ก็จะค่อยๆลดลงไป " นายกรัฐมนตรี กล่าว

ส่วนกรณีจะต้องเลื่อนแถลงนโยบายหรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องประเมินสถานการณ์ก่อนแต่คิดว่าขณะนี้ยังน่าจะสามารถดำเนินการตามแผนได้ อย่างไรก็ตามยังไม่ได้คุยกับนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาฯ แต่รัฐบาลยืนยันว่าจะไม่ใช้ความรุนแรง ส่วนจะย้ายที่ประชุมหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์

เมื่อถามว่าฝ่ายค้านเตรียมอภิปรายเพื่อซักฟอกนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีในวันแถลงนโยบาย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การอภิปรายถ้าอยู่ในกรอบก็สามารถทำได้ และได้พูดไว้แล้วว่า รัฐบาลนี้ต้องยอมรับการตรวจสอบ ถ้าฝ่ายค้านหยิบยกประเด็นอะไรขึ้นมา ก็เป็นหน้าที่ของตนและรมต.จะต้องชี้แจง ซึ่งไม่มีอะไรน่าหนักใจ เมื่อถามว่าฝ่ายค้านจองกฐินนายกฯกับ นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศเป็นพิเศษ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าเขาติดใจอะไรเป็นพิเศษก็สอบถามได้ และตนก็พร้อมที่จะตอบ ทั้งนี้ได้กำชับกับรมต.ทุกคนว่าจะต้องพร้อมชี้แจงในส่วนที่เกี่ยว

เมื่อถามว่า มองยังไงกับการที่นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.ของพรรคจะขึ้นเวทีพันธมิตรฯอีกครั้ง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ใครก็ตามที่เคลื่อนไหวขณะนี้ ขอให้อยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย ถ้าละเมิดกฎหมายก็ต้องรับผิดชอบ ตนมีโอกาสพบคุณสมเกียรติในที่ประชุมส.ส. ก็ไม่ทราบว่าจะมีการเคลื่อนไหวอะไร แต่การเคลื่อนไหวที่ผ่านมาถือเป็นเรื่องส่วนตัว

เมื่อถามว่า สังคมยังคงเคลือบแคลงว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลแล้วจะไม่กล้าดำเนินการกับผู้กระทำความผิด นายอภิสิทธ์ ยืนยันว่าจะเดินหน้าดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ส่วนกรณีที่ สปน.จะฟ้องดำเนินคดีพันธมิตรฯ กรณีทำลายทรัพย์สินในทำเนียบรัฐบาลนั้น คิดว่าทุกคนต้องทำหน้าที่ และรักษาสิทธิของตัวเอง เวลามีอะไรที่เสียหายต่อราชการ ผู้ดูแลหน่วยงานก็ต้องดำเนินการ ไม่เช่นนั้น ก็จะถือว่าละเว้น ขณะเดียวกันความเสียหายที่เกิดกับทรัพย์สินส่วนตัว ทุกคนก็มีสิทธิแจ้งความดำเนินคดีได้ด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ยืนยันจะต่ออายุ 6 มาตรการ ของรัฐบาลที่แล้ว ที่ดำเนินการช่วยเหลือมา เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโดยสารรถเมล์ รถไฟ แต่จะยาวนานแค่ไหนยังตอบไม่ได้

ข่าวบ้องตื้นที่ว่าแบงค์ต่างชาติอายัดเงินทักษิณที่แท้ในไทยนี่เอง!!!!

ที่มา thaifreenews

โดย : ป้าพลอย

ช่วงวันหยุดนี่มีเวลาเข้าไปอ่านในเว็บไทยบ่อยเข้า เพิ่งออกมาจากเว็บประชาไทยไปเห็นข่าวคนมาตั้งกระทู้แล้วมันคันมือ เอาข่าวว่าคุณทักษิณมีเงินในแบงค์แค่ 500 ล้านแถมยังเขียนอีกว่าทาง สวิส และ อังกฤษ อายัด
เงินคุณทักษิณจนคุณทักษิณเงินหมด ข่าวบ้องตื้นนี้มันเกิดขึ้นในไทยไม่เว้นแต่ละวันอะพิโธ่อะพิถังเชื่อกันเป็นตุเป็นตะเลยหนอ อ้ายพวกชอบแหกตาชาวบ้านปล่อยข่าวทำลายคุณทักษิณมันช่างน่าเบื่ออ่านแล้วต้องหัว

เราะ แบงค์ต่างประเทศที่จะยึดทรัพย์ผู้ใดต้องมีหลักฐานมัดอย่างแน่นหนาและชัดเจนไม่ใช่ใครไปบอกแบงค์ว่านายคนนี้โกงขอให้อายัดเงินของนายคนนี้แบงค์ต่างประเทศไม่มีทางทำ ยิ่งแบงค์สวิสที่มีคนรวยๆทั่วโลกฝากใว้ไม่มีทางทำกับลูกค้าอย่างนี้แน่นอนเขารักษาความลับและกฏระเบียบต่อลูกค้าของแบงค์ แบงค์สวิสเป็นที่เชื่อถือทั่วโลกส่วนใหญ่คนรวยๆทั้งสิ้นที่ฝากใว้กับแบงค์สวิสเนื่องจากปลอดภัย คนไทยที่ร่ำรวยมา

ฝากที่แบงค์สวิสหลายคนไม่อยากเอ่ยชื่อ ฉะนั้นอ้ายข่าวบ้องตื้นทุเรศๆทำไมมันจึงเกิดขึ้นบ่อยจัง หากข่าวความเคลื่อนไหวของคุณทักษิณในต่างประเทศไม่มีออกอ้ายข่าวบ้องตื้นนี้พวกไม่หวังดีกับคุณทักษิณมันเขียนขึ้นมาเองอย่างผิดๆที่ว่าแบงค์สวิสอายัดเงินคุณทักษิณฮ่วยแตกขอด่าทีเถอะไม่รู้กฏระเบียบแบงค์ต่าง
ชาติแล้วเสือกให้ข่าว เรื่องเกี่ยวกับแบงค์ที่ว่าเงินคุณทักษิณหมดนี่คงมีเบื้องหน้าเบื้องหลังทำลายความเชื่อถือ

คุณทักษิณอีกเป็นแน่ แหมมนุษย์จังไรพวกนี้ไม่รู้ว่ามันจะจองร้างจองผลาญคุณทักษิณไปถึงใหน แล้วคนไทยบางคนก็ชอบนำข่าวผิดๆมาเผยแพร่ต่ออีกซะด้วย รู้อะไรที่ไม่แน่ใจไม่ควรเอามาเล่าต่อคนฝรั่งเขาโกรธ
เพราะเรื่องที่ยังไม่ได้พิศูจน์ว่าเท็จหรือจริง ถ้าเรื่องว่าแบงค์ต่างประเทศอายัดเงินคุณทักษิณไม่ว่าที่ประเทศอังกฤษหรือประเทศสวิสไม่มีวันเชื่อเด็ดขาด ถามลุงว่าเป็นไปได้มั๊ยลุงบอกว่าโนเป็นไปไม่ได้เพราะมันไม่ใช่

ธุระของแบงค์ที่จะรับรู้ว่าเงินของลูกค้าแต่ละคนเป็นเงินที่ได้มาอย่างไร? และไม่มีสิทธิ์ที่จะไปอายัดเงินลูกค้า คิดว่าแบงค์ในประเทศไทยก็เช่นกันเพราะมันเป็นกฏหมายสากล แล้วที่อ้ายพวกที่โกงกินรวยเป็นร้อยๆล้านในไทยแบงค์ในไทยถามหรือเปล่าได้เงินมาจากใหน? ข้าราชการ นักการเมือง นายพลทั้งหลายที่กินเงิน
เดือนแต่ละเดือนทำไมมีเงินฝากเป็นร้อยล้าน แบงค์ในประเทศไทยก็ไม่เคยไต่ถามว่าเงินนี้เจ้าได้มาจากที่ใด

หนอ ฉะนั้นในต่างประเทศเขาก็ไม่สนใจว่าเงินที่คุณเอามาฝากได้มาจากที่ใดจะโกงเขามาหรือวิ่งราวเขามามันไม่ใช่เรื่องของคนทำงานแบงค์ที่จะต้องรู้และคนทำงานในแบงค์ก็ไม่มีสิทธิ์ไปก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของลูกค้าที่นี้ชัดเจนหรือยังข่าวเกี่ยวกับคุณทักษิณที่ว่าโดนแบงค์อายัดเงิน ขอยืนยันนั่งยันว่าไม่มีทาง หากยังข้องใจเดี๋ยวจะไปถามแบงค์สวิสด้วยตนเองเพราะก็เป็นลูกค้าว่าอ้ายข่าวบ้องตื้นนี้ทำลายชื่อเสียงแบงค์สวิสเขา

การที่แบงค์สวิสจะอายัดทรัพย์สินเงินทองของใครต้องเห็นพ้องจากกฏหมายโลกที่กรุงเดนฮากดังเช่นกรณี
ประธานาธิปดี ฟอร์ดินัน มาก๊อต แห่งฟิลิบปินส์ที่คอรับชั่นถูกฟ้องและอายัดเงินทุกอย่างมีหลักฐานมัดตัว
นายมาก๊อตดิ้นไม่หลุด แต่คุณทักษิณถูกฟ้องเรื่องที่ดินในประเทศไทยไง๋แบงค์ต่างชาติจะอายัดเงินคุณทักษิณ
มองไม่ออกมันไม่เกี่ยวกันเลย และไม่มีทางเลยด้วย เงินเจ็ดหมื่นล้านกว่าบาทตอนนี้กำลังถูกอายัดในไทยนี่ซิ

เป็นเรื่องจริงไม่ใช่ในต่างประเทศ แหมมันช่างสอดคล้องปล่อยข่าวได้ดีจริงๆและปล่อยข่าวในช่วงเดียวที่ศาลไทยอายัดเงินคุณทักษิณเสียด้วย แก้เขินหรือไงที่ไปยึดทรัพย์เขาทั้งที่เป็นของเขาแท้ๆเลยป้ายสีเป็นต่างประเทศอายัดเสียงั้นแหละ ตาสว่างกันหรือยังกับการมั่วนิ่มให้ข่าวที่แท้พี่ไทยเองนั่นล่ะที่อายัดเงินคุณทักษิณไม่ใช่ต่างประเทศ มุขนี้เด็ดจริงๆตอแหลจับได้คาหนังคาเขาเลย แล้วนี่จะโกหกพกลมอะไรต่อไปอีกเวรกรรมไทยแลนด์
ป้าพลอย

ข่าว พตท.ดร.ทักษินถังแตกเหลือเงิน 500ล้าน $USD

ที่มา cbnpress



ข่าว พตท.ดร.ทักษินถังแตกเหลือเงิน 500ล...

Friday, December 26, 2008

จตุพร-ณัฐวุฒิ ยันกลุ่มเสื้อแดงชุมนุม 28 ธ.ค.

ที่มา MCOT News

พรรคเพื่อไทย 26 ธ.ค. - นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และผู้จัดรายการความจริงวันนี้ ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มเสื้อแดงในวันที่ 28 ธันวาคม ที่ท้องสนามหลวง และวันที่ 29-30 ธันวาคม ที่หน้ารัฐสภา ว่า ขณะนี้มีความพยายามใช้กลไกของรัฐสกัดกั้นการชุมนุม และยังมีการใช้วิธีใช้กลุ่มเสื้อแดงปลอมที่จะเข้ามาก่อกวน รวมถึงกักตัวและข่มขู่แกนนำกลุ่มเสื้อแดงไม่ให้มาร่วมการชุมนุม ทั้งนี้ ตนจะเปิดเผยการโอนเงินให้กับพรรคประชาธิปัตย์และกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งจะมีการฉายภาพทั้งหมดในการปราศรัยที่ท้องสนามหลวง

ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดที่ไหน เรื่องนี้มีข้อมูลลึกมาก และข้อมูลค่อนข้างชัดเจนว่ากระทำผิดจริง และจะได้รู้กันว่าเงินที่โอนมาเป็นเงิน 200-300 ล้านบาทเข้าพรรคประชาธิปัตย์ได้อย่างไร มีการแจ้งกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หรือไม่ แล้วเงินอยู่ที่ไหน นอกจากนี้การโอนเงินยังมีการยักยอกกันภายในพรรคประชาธิปัตย์ด้วย. - สำนักข่าวไทย


อัพเดตเมื่อ 2008-12-26 17:13:09

ม็อบ จยย.ร้องนายกฯ จัดการหัวคะแนนเป็นมาเฟียเรียกเก็บค่าคุ้มครอง

ที่มา MCOT News

พรรคประชาธิปัตย์ 26 ธ.ค. – ม็อบจักรยานยนต์รับจ้าง บุก ปชป. ยื่นหนังสือเรียกร้องให้นายกฯ จัดการหัวคะแนนตั้งตัวเป็นมาเฟียเรียกเก็บค่าคุ้มครอง ขีดเส้น 3 วัน นัดรวมพลรับฟังคำตอบ 29 ธ.ค.นี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 13.15 น. มีกลุ่มรถจักรยานยนต์รับจ้างกรุงเทพฯ และปริมณฑล กว่า 200 คน นำโดย นายสุรัช ไชยพันธุ์ มาชุมนุมที่ถนนกำแพงเพชร 5 ตัดกับถนนเศรษฐศิริ บริเวณที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ โดยนำรถกระบะติดเครื่องขยายเสียง ปักหลักปราศรัยเรียกร้องให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จัดการกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่มาเรียกเก็บค่าคุ้มครองกับวินรถจักรยานยนต์กว่า 50 เขต ทั้งนี้ ผู้ชุมนุมถือธงชาติและธงสีแดงที่มีข้อความว่า “คิดถึงทักษิณ” และ “นปช.ห้วยขวาง-ดินแดง” นอกจากนี้มีผู้ชุมนุมบางคนโพกผ้าปิดหน้าปิดตา สวมเสื้อแดง และถือตีนตบด้วย

นายสุรัช กล่าวว่า มี กลุ่ม ส.ก. และ ส.ข.ของพรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้งประธานชุมชนที่เป็นหัวคะแนนให้พรรคประชาธิปัตย์ ตั้งตนเป็นมาเฟียเรียกเก็บค่าคุ้มครองวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง โดยบางพื้นที่มีการตั้งวินขึ้นมาแย่งผู้โดยสาร เป็นเหตุให้พวกตนได้รับความเดือดร้อนมาก ดังนั้นจึงต้องการมายื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรีให้รับทราบและช่วยแก้ปัญหาดังกล่าว โดยทางกลุ่มจะให้เวลา 3 วัน จากนั้นจะมาชุมนุมที่ทำการพรรคอีกครั้งในวันที่ 29 ธ.ค.นี้ เพื่อรับฟังคำตอบว่านายกรัฐมนตรีจะแก้ไขปัญหาอย่างไร

ด้านนายชุมพล กาญจนะ ประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ เป็นตัวแทนออกมารับหนังสือดังกล่าว พร้อมกับยืนยันว่า จะนำเรื่องดังกล่าวส่งให้ถึงมือนายกรัฐมนตรีโดยเร็วที่สุด เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ส่วนจะมีการแก้ไขอย่างไร นายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้มอบหมายให้ผู้ที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการ.-สำนักข่าวไทย


อัพเดตเมื่อ 2008-12-26 16:34:15

ยุรนันท์ ขอโอกาสคนกรุงบริหาร กทม.

ที่มา MCOT News


กรุงเทพฯ 26 ธ.ค.- นายยุรนันท์ ภมรมนตรี ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เดินทางพบพี่น้องชาวมุสลิม ที่ศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทย เขตคลองตัน โดยกล่าวว่า พร้อมที่จะดูแลพี่น้องชาวกรุงเทพฯ ทุกคนไม่ว่าศาสนาใด และมีความรู้สึกที่ดีว่าพี่น้องชาวมุสลิมมีการรวมตัวที่ดีทั้งเรื่องการศึกษา ศาสนา ในอนาคตจะส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ชุมชนมุสลิม จากนี้ไปจะลงพื้นที่หาเสียงทุกพื้นที่ ให้เกิดความเข้าใจในการแก้ปัญหาคนกรุงเทพฯ มากขึ้น และยืนยันว่าหากได้เป็นผู้ว่าฯ กทม.จะไม่ทำงานโดดเดี่ยว ทำงานที่มีเครือข่าย โดยเฉพาะสมาชิกพรรคไทยรักไทยเดิมมีคนที่มีความสามารถ ขณะนี้คนไทยกำลังให้โอกาสรัฐบาลใหม่ทำงาน เช่นเดียวกับตนขอโอกาสบริหาร กทม.บ้าง และยอมรับว่าแม้พรรคเพื่อไทยขณะนี้จะมีความซวนเซ หลังจากพรรคประชาชนถูกยุบ แต่กลุ่มคนทำงาน ทั้ง ส.ก. , ส.ข.ยังคงมีบทบาท รวมทั้งอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 คน ยังคงเกื้อหนุนให้คำปรึกษาอยู่ อย่าคิดว่าพรรคนี้เป็นพรรคเศรษฐี ขอให้ดูที่นโยบาย

ด้านนายเอธัส มนต์เสรีนุสรณ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ได้พาสื่อมวลชนดูศูนย์รับเลี้ยงเด็กเล็กชุมชนหัวรถจักรแดง เขตบางซื่อ ซึ่งศูนย์ดังกล่าวมีสภาพที่ขาดแคลนงบประมาณ ขณะที่มีเด็กอยู่ในความดูแลจำนวนมาก เกินความสามารถที่ศูนย์ฯ จะดูได้อย่างทั่วถึง ส่วนเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ฯ ก็ทำงานด้วยใจรัก ถ้าตนได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯ กทม. นโยบายเร่งด่วนคือ เรื่องเด็ก จะเพิ่มค่าอาหารกลางวัน ค่าจ้างครูพี่เลี้ยง ขยายเวลาให้พ่อแม่มารับลูกได้ถึงเวลา 17.00-18.00 น. และจัดหาคุรุภัณฑ์ให้เท่าที่จำเป็น.-สำนักข่าวไทย


อัพเดตเมื่อ 2008-12-26 15:52:48

'ทักษิณ'เจ๊งหุ้นเงินหดเหลือแค่ 500 ล้านดอลล์แถม'เมืองผู้ดี-สวิส'ยึดทรัพย์

ที่มา ประชาทรรศน์

สื่อนอกรายงาน "ทักษิณ"คับขัน เหลือตังค์ติดกระเป๋าแค่ 500 ล้านดอลล่า หลังมือเติบเล่นไม่เลิกส่งผลให้เจ๊งหุ้น เก็งกำไรราคาน้ำมันพลาดเงินหด 5 พันล้านดอลล่า แถมเจอ"เมืองผู้ดี-สวิส"ยึดทรัพย์สิน พร้อมจี้สอบแหล่งที่มาของเงิน

วันนี้ (26 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หนังสือพิมพ์สเตรท ไทมส์ ของสิงคโปร์ รายงานว่า ขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีทรัพย์สิน 500 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1.75 หมื่นล้านบาท จากการสูญเสียการลงทุนจากหุ้นต่างประเทศมูลค่า 5,000 ล้านดอลลาร์ และการเก็งกำไรซึ่งกำลังเผชิญสภาพผันผวนเพราะจากภาวะหุ้นทั่วโลกตก และราคาน้ำมันร่วง โดยนักการเงินรายหนึ่งที่ไม่ระบุนามบอกว่า โดยก่อนหน้านี้ รัฐบาลอังกฤษเพิ่งระงับทรัพย์สินเขาเป็นมูลค่า 4.2 พันล้านดอลลาร์ ภายหลังเพิกถอนวีซ่าของ นางพจมาน ดามาพงศ์ เมื่อเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้เขาต้องขายกิจการสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ให้แก่กลุ่มนักลงทุนอาหรับ

นอกจากนี้ รายงานข่าวยังระบุว่า เงินจำนวน 4.2 พันล้านดอลลาร์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ถูกยึด ประกอบด้วยเงินจำนวน 1.4 พันล้านดอลลาร์ซึ่งเป็นชื่อของเขาเอง เงินลงทุนในตลาดหุ้นล่วงหน้า 40 ล้านดอลลาร์ เงิน 300 ล้านดอลลาร์ในธนาคารสวิส แต่ปัญหาที่เขากำลังเผชิญก็คือ จะต้องพิสูจน์แหล่งที่มาของเงินเหล่านี้ เพื่อให้เงินหลุดจากการถูกระงับชั่วคราว แม้การที่เขามีหุ้นในบริษัทต่าง ๆ ในต่างแดนเป็นจำนวนมากก็ไม่อาจช่วยได้ จากภาวะที่เขาถูกตัดสินว่าคอรับชั่นและได้รับการประกันตัว

ขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญ เปิดเผยว่า สถานการณ์ในขณะนี้ของเขาถือว่ายุ่งเหยิง เพราะเงินที่ถูกยึดทรัพย์เป็นเงินที่ถูกฝากในชื่อของบุคคลอื่น โดยเขาได้ใช้บริษัทต่างแดน 20-25 แห่ง ดำเนินธุรกรรมทางเงิน รวมทั้งการฝากเงินในธนาคารสวิสและธนาคารเอกชนอีก 3 แห่งในกรุงเจนีวา โดยบางส่วนยังเป็นเงินกู้ ที่เขามีปัญหาทางกฎหมายที่จะดึงเหล่านี้คืนมา

"ทรัพย์สินอื่นๆ ของพ.ต.ท.ทักษิณ ได้ถูกนำไปลงทุนในตลาดน้ำมัน การเก็งกำไรด้านสินค้าโภคภัณฑ์(ข้าว) และการค้าทองคำล่วงหน้า ซึ่งทรัพย์สินเหล่านี้เสี่ยงที่จะสูญเสียมูลค่าเพราะสภาพตลาดหุ้นที่ไม่แน่นอน เชื่อว่า ตอนนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ เหลือเงินเหล่านี้เพียง 500 ล้านดอลลาร์ และเงินเหล่านี้ถือว่าสำคัญอย่างยิ่งสำคัญเขา ขณะที่ นางพจมาน ดามาพงศ์ ได้เดินทางกลับเมืองไทย ก็เพื่อที่จะคุ้มครองทรัพย์สินสุดท้ายของพวกเขาที่เหลืออยู่ และสาเหตุที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องขาดทุนจากการลงทุนเพราะเขาลงทุนได้กำไรแล้วกลับไม่เลิก" ผู้เชี่ยวชาญคนเดิม ระบุ

โพล์ชี้ ม็อบหมาบ้ายึดสนามบิน ปชช.อนาถใจที่สุดแห่งปี

ที่มา ประชาทรรศน์

โพล์ที่สุดแห่งปี 51 เผยคนกรุงเทพฯสุดเศร้าสะเทือนใจ ม็อบมารปิดสนามบิน - ห่วงสถานการณ์ความรุนแรงการชุมนุม - ปัญหาปากท้องเศรษฐกิจดิ่งเหว หวั่นโดนโละทิ้งว่างงานยาว

วันนี้ (26 ธ.ค.) ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) สำรวจความคิดเห็นเรื่อง"ที่สุดแห่งปี 2551 ในสายตาคนกรุงเทพ" โดยเก็บข้อมูลจากประชาชนทุกสาขาอาชีพในเขตกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 20-23 ธ.ค.ที่ผ่านมา จำนวน 1,206 คน พบว่าอันดับ 10 ข่าวหรือเหตุการณ์ในประเทศไทยที่สร้างความปิติยินดีมากที่สุดในรอบปี ได้แก่ 1.ข่าวเกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เช่น ข่าวทรงหายจากพระอาการประชวร และข่าวการจัดงานพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา 2.การได้รัฐบาลใหม่ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี 3.การยุติการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

ลำดับที่ 4.นักกีฬาไทยได้เหรียญทองจากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมที่กรุงปักกิ่ง 5.น้ำมันลดราคา 6.ประชาชนคนไทยน้อมส่งเสด็จสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ สู่สวรรคาลัย 7.การออกนโยบาย 6 มาตรการ 6 เดือน อาทิ ขึ้นรถเมลล์ฟรี และรัฐรับภาระเรื่องการจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ 8.ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคการเมืองที่ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เดินทางออกนอกประเทศ

'นพดล'เอาคืนจี้ปชป.ทวงเขาพระวิหาร

ที่มา ประชาทรรศน์

'นพดล' ล้างตาปชป.- พันธมารเล็งส่งจม.เปิดผนึกส่ง'นายกฯมาร์ค' แจงการทวงเขาพระวิหารคืน จับมือเพื่อไทยจัดส่งข้อมูลโต้วันแถลงนโยบายรบ. สั่งสอน'กษิต' เป็นรมต.อย่าโยนบาปให้ขรก. ชี้ต้องคิดก่อนพูดอย่าสถุน "สาทิตย์"ปากกล้าขาสั่น ลั่นพร้อมแจง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (26 ธ.ค.) นายนพดล ปัทมะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ เตรียมส่งจดหมายเปิดผนึกให้กับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรี เพื่อชี้แจงความชัดเจนกรณีปราสาทพระวิหาร ว่าจะมีนโยบายทวงคืนหรือไม่ เนื่องจากในอดีตการอภิปรายพรรคประชาธิปัตย์ บอกว่าประเทศไทยยังคงเสนอสิทธิ์ทวงคืน ขณะเดียวกัน นายนพดลกล่าวว่าจะมอบเอกสารต่าง ๆ เพื่อให้กับส.ส.ต่อพรรคเพื่อไทย ใช้ในวันอภิปรายนโยบายรัฐบาลด้วย และมองว่า ต้องให้โอกาส นายกฯ ทำงาน แต่นายกฯ ต้องเป็นคนพูดจริงทำจริง นอกจากนี้ นายนพดล รู้สึกไม่สบายใจต่อท่าทีของ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ โดยเฉพาะกับประเทศเพื่อนบ้าน และเห็นว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ที่ดี ควรคิดก่อนพูด ไม่ควรเป็นคนกลับกลอก ไม่พูดหยาบคาย และไม่ควรโยนความผิดให้ข้าราชการประจำ

จากกรณีดังกล่าวเมื่อวานนี้(25 ธ.ค.)ที่ผ่านมานายกษิตได้กล่าวว่า จุดยืนของการทวงคืนตัวปราสาทเขาพระวิหารของตนมีแนวทางในการแก้ไขข้อพิพาทโดยให้ปฏิบัติตามสนธิสัญญาไทย-ฝรั่งเศส ค.ศ. 1904 ค.ศ. 1907 รวมถึงการตัดสินของศาลโลก และบันทึกความเข้าใจ ปี 2543 เรื่องปักปันเขตแดน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการก่อตั้งคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) ซึ่งขัดกับแนวทางที่เคยกล่าวไว้บนเวทีพันธมิตรประชานเพื่อประชาธิปไตย

ทั้งนี้กระทรวงการต่างประเทศ มีศูนย์ติดตามสถานการณ์พื้นที่เขาพระวิหารและชายแดนไทยกัมพูชา ในการทำความเข้าใจกับประชาชน ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้มีการเจรจากับนายฮอร์ นัมเฮง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา

เดทไลน์ 27 รมต.แจงเขาพระวิหารวันนี้


ขณะที่ความคืบหน้าเรื่องที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) พิจารณาสำนวนการไต่สวนถอดถอนคณะรัฐมนตรี(ครม.) สมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ข้อหากระทำผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 กรณีออกมติครม.สนับสนุนให้กัมพูชา ขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก โดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา ในวันนี้ ถือเป็นวันสุดท้ายที่ ป.ป.ช. อนุญาตให้อดีตครม. นายสมัคร สามารถเลื่อนแก้ข้อกล่าวหาได้ ซึ่ง น.ส.สมลักษณ์ จัดกระบวนพล กรรมการป.ป.ช.ในฐานะผู้รับผิดชอบสำนวนนี้ ระบุว่า หากเลยกำหนดในวันนี้แล้ว ยังไม่มาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ถือว่าทั้งหมดไม่ติดใจที่จะแก้ข้อกล่าวหา อาจจะสรุปสำนวนเสนอให้ป.ป.ช.ชุดใหญ่พิจารณาลงมติต่อไป แต่ยังรัฐมนตรี 27 คนได้หนังสือขอเลื่อนการชี้แจงข้อกล่าวหาออกไปก่อน ทั้งนี้ทางคณะอนุกรรมการไต่สวนฯให้เลื่อนการแก้ข้อกล่าวหาออกไปได้ เพราะเป็นสิทธิของผู้ถูกกล่าวหา โดยอนุญาตให้เลื่อนการแก้ข้อกล่าวหาได้ถึงวันนี้เท่านั้น

อย่างไรก็ตามล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่านางอุไรวรรณ เทียนทอง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานได้ส่งเอกสารชี้แจงต่อคณะอนุกรรมการไต่สวนฯ ส่วนนายสันติ พร้อมพัฒน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เดินทางมาชี้แจงข้อกล่าวหาด้วยตนเอง

ปชป.ลั่นพร้อมแจงเขาพระวิหาร

ขณะที่ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง การเตรียมความพร้อมในการแถลงนโยบายของรัฐบาลที่กลุ่มคนเสื้อแดงจะชุมนุมที่หน้ารัฐสภาในวันที่ 29 ธ.ค.นี้ว่า รัฐบาลได้เตรียมการไว้ทั้งสองส่วนทั้งภายนอกและภายในซึ่งนายอภิสิทธิ์ ได้กำชับให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องเป็นผู้เตรียมการ ซึ่งโดยปกติการชุมนุมเป็นสิทธิที่สามารถทำได้หากไม่ใช้ความรุนแรงส่วนหากเกิดกรณีเช่นเดียวกับวันโหลตเลือกนายกฯ นายสาธิต กล่าวว่า คาดว่าคงจะไม่เหมือนกัน ถ้าในวันแถลงหากสามารถดำเนินการไปได้ก็จะทำต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวออกมาว่ามีการอุ้มบุคคลก่อนวันแถลงนโยบายนั้น นายสาทิตย์ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่ทราบข้อเท็จจริงแต่การที่ฝ่ายค้านพูดเช่นนั้น เพราะอาจจะมีข้อมูลอยู่ก็เป็นได้ ซึ่งเรื่องความมั่นคง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เป็นผู้ดูแลและได้มีแผนดำเนินการอยู่ ทั้งนี้เชื่อว่าการแถลงนโยบายจะแตกต่างกับรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี แต่อย่างไรก็ตามได้ขอความร่วมมือกับทุกฝ่าย อีกทั้งขอขอบคุณกลุ่มเสื้อแดงที่ให้โอกาสรัฐบาลได้ทำงานก่อน เพราะเหตุการณ์ความไม่สงบมันจะเป็นผลเสีย ซึ่งตามที่ได้ข่าวมาก็จะจัดเจ้าหน้าที่เป็นผู้ดูแล รวมทั้งยังได้เจรจากันว่าจะให้กาสรัฐบาลทำงาน

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการถ่ายทอดสดการแถลงนโยบายหรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ได้พูดว่าจะขอความร่วมมือกับทางรัฐสภา ซึ่งทางรัฐบาลก็ไม่มีปัญหาเนื่องจากรัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ว่าสามารถถ่ายทอดสดได้ ซึ่งก็มีการเตรียมการทั้ง ทีวีและวิทยุ

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีนายนพด ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรีชี้แจงความชัดเจนกรณีปราสาทพระวิหารว่ามีนโยบายทวงคืนหรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า ที่คุยกันไม่ได้เกี่ยวกับเนื้อหา แต่รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องได้เตรียมชี้แจงแล้ว ส่วนที่เกี่ยวข้องก็ต้องทำหน้าที่ ทั้งนี้ที่นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ได้เตรียมแผนที่ไว้เปิดโปงในวันแถลงนโยบาย จะรุนแรงหรือไม่ นายสาธิต กล่าวว่า รัฐบาลพร้อมชี้แจงทุกเรื่อง รวมทั้งกรณีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนาตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ก็พร้อมชี้แจง

เมื่อถามว่า กรณีที่ผ่านมาพรรค ปชป.เคยวอล์กเอ้าท์ในวันแถลงนโยบายของรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เพราะมีการชุมนุม ซึ่งหากครั้งนี้มีการชุมนุมอีกทางพรรคจะยืนยันที่จะแถลงนโยบายต่อหรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า หากเกิดความรุนแรงก็พร้อมจะถอยแต่เชื่อว่าจะไม่มีความรุนแรง เพราะการที่ ประชาธิปัตย์ ทำในครั้งนั้นเนื่องจากเห็นข่าวในช่วงเช้าก่อนแถลงนโยบายเกิดเหตุการณ์รุนแรง จึงไม่อยากข้ามกองเลือดไปประชุม จึงต้องทำเช่นนั้น แต่ครั้งนี้แม้ว่าจะมีการชุมนุมมากก็พร้อมที่จะเข้าไปแถลง เพราะได้ฟังจากข่าวว่า แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงจะชุมนุมอย่างสงบไม่มีเหตุรุนแรง ส่วนกรณที่แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ประกาศไว้ว่าจะมีสงครามกลางเมือง นายสาทิตย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาแกนนำ นปช.เคยประกาศไว้แรงกว่านี้ แต่ครั้งนี้ได้ขอความร่วมมือจากทุกฝ่าย เชื่อว่าจะไม่มีความรุนแรง

ผู้สื่อข่าวถามว่า มองเจตนารมณ์ของนายสมชาย อย่างไรที่ลงพื้นที่ในจังหวัดอุดร หลังจากที่ประกาศจะไม่เคลื่อนไหวในวันที่ 28 ธ.ค.นี้ นายสาทิตย์ กล่าวว่า หากเป็นไปตามนั้นว่า การลงพื้นที่เป็นเพียงการเยี่ยมชาวบ้านก็ไม่เป็นไร แต่การลงพื้นที่หลังการประกาศของนายขวัญชัย ไพรพนา การตีความของคนก็อาจจะผิดเพี้ยนไป แต่ถึงอย่างไรก็ไม่อยากคิดในแง่ร้าย เพราะถึงอย่างไรก็เคยเป็นนายกรัฐมนตรีมาก่อน

นปช.ขู่แฉหลักฐานเตือน'มาร์ค'อาจลมจับ

ที่มา ประชาทรรศน์

'สรรเสริญ'ยัน กองทัพวางตัวเป็นกลางไม่ส่งทหารออกสกัดความเคลื่อนไหวของกลุ่มนปช.ด้าน 'เทพเทือก' เชื่อ 'สมชาย'พบแกนนำคนรักอุดร มีนัยยะทางการเมือง แกนนำนปช.เชื่อกดดันรัฐบาลยุบสภาได้ ขู่แฉหลักฐานตัวใหม่ เตือน 'มาร์ค' ระวังลมจับ หลังเห็น

ผู้สื่อข่าวรายงานวันนี้ (26 ธ.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายจุตพร พรหมพันธ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทยพร้อมด้วยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมกันแถลงข่าวถึงการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่สนามหลวงในวันที่ 28 ธ.ค.ว่า ตนได้มีหลักฐานชิ้นใหม่ ซึ่งเป็นสลิปการโอนเงินจากพรรคประชาธิปัตย์เข้าไปยังบริษัทแห่งหนึ่งที่กำลังจะล้มละลาย ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตุว่าบริษัทดังกล่าวไม่น่าจะมีเงินจำนวนมากโอนผ่านบัญชี

นอกจากนี้ นายจตุพร ยังกล่าวเตือนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่า อย่าทะลึ่งออกมาฟังการชุมนุม เพราะหากออกมาแล้วเห็นหลักฐานดังกล่าวที่ปรากฎอาจจะถึงขั้นเป็นลมลงได้

'วีระ'เชื่อ นปช.กดดันรัฐบาลยุบสภาได้

นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำนปช.กล่าวถึงความพร้อมในการชุมนุมวันที่ 28 ธค.ที่สนามหลวงว่า จะเป็นการชุมนุมในรูปแบบที่สังคมไม่เคยเห็น ยืนยันว่าไม่เหมือนการชุมนุมของพันธมิตร ทั้งนี้จะเป็นการชุมนุม เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภาหลังปล้นอำนาจประชาธิปไตยมาจากประชาชน อย่างไรก็ตามเชื่อว่าการชุมุนมครั้งนี้ จะสามารถกดดันให้รัฐบาลยุบสภาและออกจากอำนาจไปได้ รวมทั้งล้มรัฐบาลได้

'สรรเสริญ'ยัน กองทัพวางตัวเป็นกลาง

พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กองทัพก็ยังไม่ได้รับหนังสือ ขอกำลังสนุนให้ไปช่วยดูแลความเรียบร้อยบริเวณหน้ารัฐสภา ในระหว่างวันที่ 29 และ 30 ธ.ค.ซึ่งเป็นวันแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา เพราะเบื้องต้นเป็นหน้าที่ของตำรวจ พร้อมยืนยันว่ากองทัพไม่ได้ส่งทหารออกสกัดความเคลื่อนไหวของกลุ่มนปช.ตามพื้นที่ต่าง ๆ ทั้งนี้ขอย้ำว่ากองทัพมีความเป็นกลางไม่ฝักไฝ่ฝ่ายใด อย่างไรก็ตาม พ.อ.สรรเสริญ ยังกล่าวอีกว่า พล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ก็ไม่ได้สั่งการหรือกำชับเรื่องใดเป็นพิเศษ แม้มีกระแสข่าวว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการจัดตั้งรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

ด้าน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง กรณีที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางไปพบกับนายขวัญชัย สาราคำ หรือ นายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำคนรักอุดรเมื่อวานนี้ว่า น่าจะมีนัยยะทางการเมือง เพื่อเตรียมการเคลื่อนไหวในวันแถลงนโยบาย แต่ทั้งนี้ไม่ได้เตรียมรับมือเป็นพิเศษและไม่ได้รู้สึกกังวลเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว รวมถึงการจับคู่อภิปรายตนกับร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ด้วยเพราะรู้เบื้องหน้าเบื้องหลังกันดี

ตำรวจเตรียมพร้อมรับมือเสื้อแดง

พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. กล่าวถึงมาตรการการรักษาความปลอดภัยในการแถลงนโยบายของรัฐบาลว่า ได้เตรียมกำลังไว้จำนวน 2,850 นาย ซึ่งตำรวจได้กำหนดโซนการชุมนุมให้กลุ่ม นปช.ด้วย จึงไม่น่ามีปัญหาและหากหลีกเลี่ยงความรุนแรงหรือเหตุปะทะได้ก็เป็นเรื่องที่ดี

ด้านพลตำรวจโทสุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เตรียมความพร้อมรับมือการปิดล้อมรัฐสภาของกลุ่มคนเสื้อแดง โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนฝึกซ้อมทบทวนแผนปฏิบัติการอยู่ที่จังหวัดนครปฐม และจะประเมินสถานการณ์ของกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างใกล้ชิดอีกครั้ง

ทั้งนี้เชื่อว่า ยังไม่จำเป็นต้องปิดการจราจร บริเวณหน้ารัฐสภา ส่วนการที่ผู้ชุมนุมประกาศจะปักหลักกดดันจนกว่าจะมีการยุบสภา เป็นเรื่องที่ฝ่ายการเมืองต้องแก้ไข แต่ตำรวจมีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย การชุมนุมเท่านั้น

นอกจากนี้พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล กล่าวถึงการประเมินสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมที่จะมารวมตัวกันที่หน้าอาคารรัฐสภาในวันที่รัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภาว่า เกรงว่าอาจจะมีการสร้างเงื่อนไขและนำไปสู่การก่อเหตุวุ่นวายในช่วงปีใหม่ ทั้งนี้เชื่อว่ากลุ่มพลังมวลชนทางภาคเหนือจะไม่เดินทางมาสมทบแกนนำในกรุงเทพฯ

ลับมาก -เรื่องสำคัญ ที่ ..อภิสิด...เตรียมไว้แถลงในสภาฯ วันที่ 28 ธ.ค. นี้

ที่มา Thai E-News

โดย คุณสุดชาย บุญไชย
ที่มา เวบบอร์ด ประชาไท
26 ธันวาคม 2551

....หลังจาก คุณจตุพร ได้เปิดประเด็น การหนีทหารของนายอภิสิทธิ์ ในรายการความจริงวันนี้

.......มีเรื่องต่อมาว่า .......พี่เทพ กะ หัวหน้าฯ ได้ส่ง พันเอก สถา.. ไปล็อบบี้กับ อดีตสัสดี... เพื่อขอให้แก้ต่าง โดยทำเป็นหนังสือถึงหัวหน้าฯ

แต่อดีตสัสดีไม่ต้องการยุ่งเกี่ยว ....จึงให้ไปคุยกับลูกสาว (เกิดกับภรรยาคนเก่า)

โดย พันเอก สถา.. ขอให้เขียนหนังสือทำนองว่า การนำประเด็นนี้มาเป็นประเด็นการเมือง ทำให้ตระกูลได้รับความเสียหาย จึงทำหนังสือถึงหัวหน้าฯ ว่า ให้ช่วยร้องขอผู้จุดประเด็น ...ยุติการกระทำ ดังกล่าว

....โดย หัวหน้าฯ จะนำหนังสือนี้ ไปแถลงนโยบายฯ หรือ แก้ต่าง...คุณจตุพร ที่จะสอบถามในสภาฯ....นี้ หรือ นโยบายฯ ของท่านหัวหน้าฯ

....ขอให้ช่วยกัน บอก ให้หัวหน้าฯ ที่จะเตรียมแถลงในสภาฯ ว่า

...พวกเรารู้..ทันแล้ว โว้ยยย....

ด้วยการอนุเคราะห์ข้อมูล จากการเปิดอกของ อดีตสัสดี...

การ์ตูนหนูดีกะป้านินจา

ที่มา Thai E-News



นปช.ฟันธงกดดันรัฐบาลไฮแจ๊คยุบสภา

ที่มา ประชาทรรศน์

'สรรเสริญ'ยัน กองทัพวางตัวเป็นกลางไม่ส่งทหารออกสกัดความเคลื่อนไหวของกลุ่มนปช.ด้าน 'เทพเทือก' เชื่อ 'สมชาย'พบแกนนำคนรักอุดร มีนัยยะทางการเมือง แกนนำนปช.เชื่อกดดันรัฐบาลยุบสภาได้

พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กองทัพก็ยังไม่ได้รับหนังสือ ขอกำลังสนุนให้ไปช่วยดูแลความเรียบร้อยบริเวณหน้ารัฐสภา ในระหว่างวันที่ 29 และ 30 ธ.ค.ซึ่งเป็นวันแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา เพราะเบื้องต้นเป็นหน้าที่ของตำรวจ พร้อมยืนยันว่ากองทัพไม่ได้ส่งทหารออกสกัดความเคลื่อนไหวของกลุ่มนปช.ตามพื้นที่ต่าง ๆ ทั้งนี้ขอย้ำว่ากองทัพมีความเป็นกลางไม่ฝักไฝ่ฝ่ายใด อย่างไรก็ตาม พ.อ.สรรเสริญ ยังกล่าวอีกว่า พล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ก็ไม่ได้สั่งการหรือกำชับเรื่องใดเป็นพิเศษ แม้มีกระแสข่าวว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการจัดตั้งรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

ด้าน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง กรณีที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางไปพบกับนายขวัญชัย สาราคำ หรือ นายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำคนรักอุดรเมื่อวานนี้ว่า น่าจะมีนัยยะทางการเมือง เพื่อเตรียมการเคลื่อนไหวในวันแถลงนโยบาย แต่ทั้งนี้ไม่ได้เตรียมรับมือเป็นพิเศษและไม่ได้รู้สึกกังวลเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว รวมถึงการจับคู่อภิปรายตนกับร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ด้วยเพราะรู้เบื้องหน้าเบื้องหลังกันดี

ตำรวจเตรียมพร้อมรับมือเสื้อแดง

พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. กล่าวถึงมาตรการการรักษาความปลอดภัยในการแถลงนโยบายของรัฐบาลว่า ได้เตรียมกำลังไว้จำนวน 2,850 นาย ซึ่งตำรวจได้กำหนดโซนการชุมนุมให้กลุ่ม นปช.ด้วย จึงไม่น่ามีปัญหาและหากหลีกเลี่ยงความรุนแรงหรือเหตุปะทะได้ก็เป็นเรื่องที่ดี

นอกจากนี้พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล กล่าวถึงการประเมินสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมที่จะมารวมตัวกันที่หน้าอาคารรัฐสภาในวันที่รัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภาว่า เกรงว่าอาจจะมีการสร้างเงื่อนไขและนำไปสู่การก่อเหตุวุ่นวายในช่วงปีใหม่ ทั้งนี้เชื่อว่ากลุ่มพลังมวลชนทางภาคเหนือจะไม่เดินทางมาสมทบแกนนำในกรุงเทพฯ

'วีระ'เชื่อนปช.กดดันรัฐบาลยุบสภาได้

นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำนปช.กล่าวถึงความพร้อมในการชุมนุมวันที่ 28 ธค.ที่สนามหลวงว่า จะเป็นการชุมนุมในรูปแบบที่สังคมไม่เคยเห็น ยืนยันว่าไม่เหมือนการชุมนุมของพันธมิตร ทั้งนี้จะเป็นการชุมนุม เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภาหลังปล้นอำนาจประชาธิปไตยมาจากประชาชน อย่างไรก็ตามเชื่อว่าการชุมุนมครั้งนี้ จะสามารถกดดันให้รัฐบาลยุบสภาและออกจากอำนาจไปได้ รวมทั้งล้มรัฐบาลได้

'บิ๊กป็อก'ฮึ่มเชือดพวกจาบจ้วงเบื้องสูง!สั่งผบ.พันทั่วปท.จับตา

ที่มา ประชาทรรศน์

'กองทัพ-ก.ยุติธรรม'ผนึกกำลังเดินหน้าลงดาบ!พวกหมิ่นสถาบัน'บิ๊กป็อก'เสียงแข็งสั่งผบ.พันทั่วประเทศตรวจสอบอย่างเข้ม ขณะที่รมว.ยธ.เอาจริงลุยตั้งหน่วยฉก.ปราบพวกจาบจ้วงตามเว็บไซต์-สื่อ

พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก ระบุว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้เรียกประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบกจนถึงผู้บังคับกองพันเพื่อให้นโยบายปฏิบัติที่สำคัญในปี 2552 โดยได้เน้นย้ำนโยบายกว้างๆ ในการปฏิบัติของกำลังพลใน 2 เรื่องคือ 1.การปกป้อง และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ และ 2.การสร้างความสามัคคี ลดความแตกแยก แบ่งสีของคนในชาติ ซึ่งพล.อ.อนุพงษ์ ไม่ได้มีพูดรายละเอียดในการปฏิบัติ โดยแจ้งว่ากองทัพบกจะประชุมเพื่อกำหนดขั้นตอน และกรอบในการปฏิบัติที่เหมาะสมอย่างละเอียดอีกครั้ง และจะจัดทำเป็นเอกสารแจ้งไปยังทุกหน่วยทั่วประเทศ

แหล่งข่าวในที่ประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรง (นขต.) กล่าวว่า ผบ.ทบ.ได้เน้นย้ำกับผู้บังคับกองพันให้กวดขันกับเรื่องการหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ และช่วยกันปกป้องเชิดชูสถาบันไม่ให้กลุ่มขบวนการทำลายเพราะเป็นที่รักของคนไทย ใครจะมาย่ำยีไม่ได้ ทั้งนี้พล.อ.อนุพงษ์ ยังรับุอีกว่า บุคคลที่หมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์มีอยู่ 2 พวกคือ พวกที่จงใจจะทำลายสถาบัน ส่วนอีกพวกคือพวกที่ไม่ได้ตั้งใจ ดังนั้นผู้บังคับกองพันในแต่ละจังหวัดจะต้องไปกวดขัน และตรวจสอบในพื้นที่ของแต่ละพื้นที่หากพบก็เข้าไปดำเนินการ และประสานงานกับทางตำรวจให้จัดการเรื่องนี้โดยเด็ดขาด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การสั่งเดินหน้าจัดการกับกลุ่มคนที่ทำการหมิ่นสถาบันเบื้องสูงของพล.อ.อนุพงษ์นั้น สอดรับกับนโยบายของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่ได้เดินทางเข้าทำงานที่กระทรวงเป็นวันแรกเมื่อวันที่ 25 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งได้ยืนยันว่า นโยบายเร่งด่วนคือดำเนินคดีการก้าวล่วงกับผู้ที่กระทำการหมิ่นสถาบันอย่างเด็ดขาด

และจริงจัง โดยจะมีการตั้งทีมเฉพาะกิจในการปราบปรามการกระทำอันเข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ทั้งการเผยแพร่บนเว็บไชต์และสื่อต่างๆ หากหน่วยที่รับผิดชอบโดยตรงไม่

ดำเนินการ ก็จะมอบหมายให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ทำหน้าที่แทน นอกจากนี้จะเข้าไปตรวจสอบการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานในกระทรวง เนื่องจาก

กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย

หนูมารค์ที่ใครต่อใครรักรวมทั้งป้าพลอยด้วย!!!!

ที่มา thaifreenews

โดย : ป้าพลอย

วันนี้เป็นวันคริต์มาสในต่างประเทศหยุดกันหมดหนังสือพิมพ์ก็ไม่มีให้อ่านจึงต้องไปหาอ่านข่าวในเน็ตในประเทศไทยเพราะต่างประเทศมีแต่ข่าวเรื่องเกี่ยวกับศาสนา วันนี้เร่ร่อนแส่เข้าไปหลายเว็บไซด์ เห็นมีคนมาตั้งกระทู้ว่ากระแทกแดกดันเจ้าหนูมารค์นายกรูปหล่อแห่งไทยแลนด์คนใหม่ อ่านแล้วมันให้สมเพชเวทนา
เสียจริงๆ หนูมารค์ของป้าไม่รู้ตัวเองบ้างหรือว่าคนเขารักหนุกันม๊ากมากแม้แต่ป้าเองก็แสนจะรักหนูเสีย

จริงๆเกิดมาป้าไม่เคยรักใครเท่าหนูมารค์เลย ไม่ว่าหนูจะทำอะไรถูกใจป้าไปเสียทุกอย่าง ไม่ว่าหนูจะพูดจริงพูดตอแหลป้าก็ยิ่งรักใหญ่เลย เสียดายที่ป้าไม่มีลูกสาวไม่เช่นนั้นจะยกให้หนูมารค์ซะนี่เพื่อจะได้มีลูกมีหลาน
สืบต่อไป แต่หนูมารค์เอ๋ยใหนๆหนูก็ไปวิ่งราวเก้าอี้เขามานั่งแล้วหนูต้องหวงใว้ให้ดีน่า กว่าหนูจะได้มันมาต้องออกแรงทั้งกอดทั้งดึงแทบตาย ตอนนี้หนูได้นั่งเก้าอี้นี้แล้วป้าอยากรู้ว่าอ้ายเก้าอี้นี้น่ะที่หนูกระสันต์อยาก

นั่งมาช้านานนั่งแล้วมันเหาะเหินบนอากาศได้เหนือมนุษย์ทั้งหลายหรือไงบอกป้าได้มั๊ยว่ามันวิเศษขนาดใหน
ทำไมหนูจึงกระสันต์อยากนั่งนักถึงขนาดวิ่งราวก็ยังยอม ป้าไม่เห็นมันจะวิเศษวิโสไปกว่าธรรมดาเลย หากเก้าอี้ที่หนูเข้ามานั่งอย่างถูกต้องตามกฏหมายป้าก็เห็นดีด้วยว่ามีเกียรติ แต่การที่หนูไปแย่งเขามานั่งนั้นมันไม่มีเกียรติเลยน่ะ และก็ไม่น่าภูมิใจสักนิดเลยด้วย เห็นหรือยังผู้คนทั่วไปมีแต่เสียงสาปแช่งหนูให้ระงมไป

หมด แล้วหนูจะทนได้นานเท่าไหร่กับการหน้าด้านน่ะ ขนาดไปดูฟุตบอลเมื่อวานนี้คนทั่วๆไปก็ด่าหนูว่าอ้ายตัวซวยทำให้ทีมชาติไทยแพ้เวียดนามนี่ยังไม่ได้ออกงานออกการที่ใหนยังโดนรุมเสียยับหน้าแตก ปีหน้าเริ่มทำงานแล้วจะถูกเย็บวันล่ะกี่เข็มกันเนี่ยหน้าหล่อๆคงมีแต่รอยเย็บเป็นแน่มารค์เอ๋ยป้าคงช่วยหนูไม่ได้เพราะหนูอยากนั่งเก้าอี้นายกจนตัวสั่นขนาดสถาปนาตัวเองตั้งแต่เป็นนายกเงาก็เอา เฮ้อความอยากของเด็กมารค์นี่

ช่างน่าสมเพชเสียจริงๆ ป้ายังไม่รู้เลยว่ารัฐบาลของหนูที่ฟรอม์กันใว้มีใครบ้างแต่ที่แน่ๆได้ข่าวมาว่าใน
ครม ของหนูมีอยู่คนหนึ่งที่พาม๊อบผู้ก่อการร้ายไปยึดสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิทั่วโลกจ้องจะเอาผิดอยู่น่า เดี๋ยวหนูก็รู้ให้ถึงปีใหม่ก่อนเพราะตอนนี้อยู่ในช่วงวันหยุดยาวในต่างประเทศ ยิ่งออกไปเสนอหน้าต่อทูต
ต่างประเทศประจานตัวเองยิ่งเสร็จเร็ว นักท่องเที่ยวพร้อมนักข่าวต่างประเทศเขาไม่ได้โง่จะหลอกเหมือนที่

หนูไปเที่ยวตอแหลหลอกม๊อบเสื้อเหลืองพวกเดียวกันให้เชื่อพวกม๊อบก็เชื่อหัวปรับหัวปรำแต่หลอกต่าง
ประเทศไม่ได้กินแน่ เขามีหลักฐานกันทั่ว เอาเถอะเดี๋ยวหนูมารค์จะได้รู้ว่าต่างประเทศเขาจะเล่นรัฐมนตรีทียึดสนามบินสุวรรณภูมิทำให้นักท่องเที่ยวเดือนร้อนถึงสามแสนกว่าคนกักขังหน่วงเหนี่ยวเครื่องบิน 88 ลำ

ผลมันจะตามมาอย่างไร เชื่อว่าหนูมารค์ก้นไม่เย็นแน่เตรียมหาสำนวนตอแหลใว้สู้ศาลโลกก็แล้วกัน ป้าสังหรณ์ใจหลายอย่างว่าหนูจะไปไม่รอดเพราะมีลูกผสมเยอะเหลือเกินนี่ อีกอย่างหนึ่งคือเรื่องเวรเรื่องกรรมที่ก่อใว้ให้กับคนอื่นมากมายเขาต้องมาถวงคืนงานนี้หนาวแน่มารค์เอ๋ยมารค์ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต............

ป้าพลอย

พังเพราะปาก

ที่มา ข่าวสด

รัฐบาลมาร์ค 1 คงไม่ราบรื่นเหมือนที่นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คาดหวังไว้

เพราะปัญหาวุ่นวายรุมเร้าเป็นระลอกๆ

ทั้งเรื่องแย่งเก้าอี้รมต.กันเองภายในพรรคประชาธิปัตย์ที่เชื่อว่าน่าจะเป็นหนังม้วนยาว ไม่จบกันง่ายๆ

กับการแต่งตั้งรมต.บางคนที่ดูแล้วจะเป็นปัญหา โดยเฉพาะรมต.จากกลุ่มทุนและกลุ่มพันธมิตร

นายอภิสิทธิ์ต้องยอมรับว่าผิดพลาดจริงๆ กับการเลือกนายกษิต ภิรมย์ เป็นรมว.ต่างประเทศ เพราะยิ่งตอกย้ำภาพความสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพันธมิตร

ยิ่งผิดพลาดเข้าไปใหญ่ที่ปล่อยให้นายกษิตโชว์วาทะ "ม็อบปิดสนามบินสนุกดี อาหารอร่อย ดนตรีเพราะ" ต่อหน้าบรรดาทูตหลายประเทศและผู้สื่อข่าวต่างชาติ

แค่พูดเรื่องนี้ ในประเทศก็ส่อความวุ่นวายไม่รู้จบ รมต.ประกาศตัวชัดเจนว่าหนุนพันธมิตร ยิ่งทำให้สังคมที่ขัดแย้งกันอยู่ เลวร้ายลงไปอีก

กลุ่มคนที่มีแนวคิดตรงกันข้ามกับพันธมิตรออกมาฮึ่มๆ ลุกฮือต่อต้านใหญ่

ภาพของรัฐบาลจะติดลบยิ่งขึ้น เพราะสังคมเฝ้าจับตาดูแล้วว่ารัฐบาลชุดนี้จะตรงไปตรงมาเรื่องคดีความต่างๆ ของบรรดาแกนนำพันธมิตรหรือไม่

ทั้งคดีฟ้องร้องปิดสนามบิน-ยึดทำเนียบ คดีหมิ่นประมาทสารพัด รวมถึงคดีสำคัญ-หมิ่นสถาบันเบื้องสูง จะออกมาแบบไหน

จะใช้มาตรฐานเดียวกับที่กลุ่มเสื้อแดงโดนดำเนินคดีหรือไม่

ตำรวจที่รับผิดชอบคดีสำคัญๆ ของพันธมิตรจะโดนย้ายโดนเด้งหรือเปล่า

ที่สำคัญวาทะของรมต.กษิตไม่ได้พูดแค่วงแคบๆ ในเมืองไทย แต่สื่อสารไปทั่วโลก เป็นการพูดกับบรรดาทูตหลายประเทศและสื่อมวลชนต่างชาติหลายสำนักจนเกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันกว้างขวาง

คงไม่มีใครว่าที่นายกษิตจะรู้สึกที่ดีกับพันธมิตร แต่เมื่อมาดำรงตำแหน่งรมต.ต่างประเทศก็ต้องสละคราบพันธมิตรออกให้ได้ ทำหน้าที่เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก

การที่ออกมาปกป้องม็อบปิดสนามบินนานาชาติไม่ใช่เรื่องเหมาะสม

เพราะทั้งคนไทยและชาวต่างชาติได้รับผลกระทบรุนแรงจากการปิดสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง

นักท่องเที่ยวหลายแสนคนจากหลายสิบประเทศติดค้างอยู่ในเมืองไทย หลายรายเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์ขณะเปลี่ยนไปขึ้นเครื่องบินที่สนามบินภูเก็ตหรืออู่ตะเภาแทน

การเจรจาธุรกิจระหว่างประเทศมูลค่ามหาศาลหยุดชะงัก เพราะนักธุรกิจต่างประเทศลังเล

ยิ่งได้ยินวาทะแบบนี้เข้า ฝรั่งคงถอยกันกรูด เพราะไม่รู้ว่าจะยึดสนามบินกันเมื่อไหร่อีก

ก็ขนาดรมต.ต่างประเทศยังเห็นดีเห็นงามกับการไฮแจ๊กสนามบิน

"ทุน"หาย"หัวจ่าย"พัง "เพื่อไทย"เข้าขั้น"ไอซียู"

ที่มา มติชน



ทันทีที่ได้สัมผัสเก้าอี้นายกรัฐมนตรี คนที่ 27 "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ดูเหมือนจะตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติภารกิจสำคัญที่สุด คือการสลายอิทธิพลทางการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในทันที

ด้านหนึ่ง แฝงมาในรูปแบบของ "นโยบายประชานิยม" ซึ่งรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ไม่รังเกียจรังงอนเหมือนตอนที่ยังเป็น "ฝ่ายค้าน" ซ้ำยังแสดงความพร้อมในการต่อยอด เพื่อมัดใจชาวรากหญ้ามากขึ้น

ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการทำให้เห็นว่าไม่ใช่เพียง พ.ต.ท.ทักษิณคนเดียวเท่านั้น ที่สามารถบริหารนโยบาย "ประชานิยม" ให้ประสบความสำเร็จได้

อีกด้าน ถือเป็นหน้าที่ของ "กลุ่มเพื่อนเนวิน" ที่รู้จักเส้นสนกลใน และยุทธวิธีการเคลื่อไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงเป็นอย่างดี โดยจะรับบทเป็นผู้เผด็จศึกด้านมวลชนในพื้นที่ภาคอีสาน

ดังนั้น เมื่อระฆังยกแรกดังขึ้น "บุญจง วงศ์ไตรรัตน์" รมช.มหาดไทย อดีตแกนนำคนเสื้อแดงโคราช จากเพื่อนเนวิน ก็เปิดฉากต่อยสกัด ด้วยการสั่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในภาคอีสาน รายงานความเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงละเอียดยิบ เพื่อหาหนทางบล็อคการเคลื่อนพลของกองทัพมดเข้ากรุง สมทบกับกลุ่มความจริงวันนี้ที่ประกาศชุมนุมใหญ่วันที่ 28 ธันวาคม

แตกต่างกับ "เพื่อไทย" ที่ดูเหมือนว่ายังไม่หายจากอาการช็อค ที่ถูก "วิ่งราวอำนาจรัฐ" ไปต่อหน้าต่อตา เพราะขณะนี้ภายในพรรค "แตกยับ" จนแทบจะไม่เหลือชิ้นดี

แม้ทันทีที่ "เพื่อไทย" รู้ตัวว่าจะต้องเป็น "ฝ่ายค้าน" ครั้งแรก "พ.ต.ท.ทักษิณ" จะโฟนอินเข้ามาปลุกใจ "181 ส.ส." ให้ฮึกเหิมและต้องการชิงอำนาจคืนกลับมาจาก "พรรคประชาธิปัตย์" ทุกวิถีทาง

ซึ่งวันนั้น "เยาวภา วงศ์สวัสดิ์" ถึงกับประกาศเป็นแม่งาน "จัดยุทธศาสตร์การต่อสู้ในฐานะฝ่ายค้าน" ใหม่ทั้งระบบ อย่างจริงจัง

ครั้งแรกได้วางเป้าหมายการต่อสู้ไว้ที่ "การยุบสภา" ในเวลาอันรวดเร็ว โดยใช้การเคลื่อนไหวของ "กลุ่มคนเสื้อแดง" ที่จะรับบท "ฝ่ายค้านนอกสภา" เพื่อทำลายความชอบธรรมของรัฐบาลในทุกวิถีทาง

โดยเฉพาะการนัดชุมนุมใหญ่ 28 ธันวาคม เพื่อขัดขวางการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ในวันที่ 29-30 ธันวาคม และหาก "ย้ายสถานที่ประชุมรัฐสภา" หรือ "เลื่อนวันประชุม" จะต่อยอดด้วย "ส.ส.เพื่อไทย" ที่จะรับลูก ด้วยการบอยคอตไม่เข้าร่วมประชุม

ที่สำคัญคือมีการพูดคุยกันไปถึง หมัดเด็ด-หมากสุดท้าย ที่จะใช้เผด็จศึก "รัฐบาล ปชป." ด้วยการให้ "ส.ส.เพื่อไทย" ลาออกยกพรรค ที่จะถูกงัดออกมาใช้เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายใหญ่

แต่ด้วย "ปัจจัยทางการเมือง" ที่จำกัด ในขณะที่สถานการณ์ที่ "เพื่อไทย" เพลี่ยงพล้ำทางการเมือง ส่งผลให้ "กระสุนดินดำ" ที่จะเอามาถมใช้กับการเคลื่อนไหวต่อสู้...ฝืดเคือง ไม่เพียง "ขุมทรัพย์" ของ "นายใหญ่" ที่เคยเป็น "หัวจ่าย" หลัก ไม่สามารถหมุนเวียน ขับเคลื่อน "เพื่อไทย" ได้เท่านั้น แต่ "ทุน" หลักสำคัญๆ ที่เคยหยิบยืมกันมาใช้-จ่าย แทนได้ในช่วงที่ยังเป็น "รัฐบาล" ก็เริ่มสลับขั้วไปอยู่กับ "ประชาธิปัตย์"

ดังนั้น "ทุนหลัก" ที่เหลืออยู่ จึงมีเพียง "คนในตระกูลชินวัตร" เท่านั้น ที่ยังเป็นเสมือนเส้นเลือดใหญ่ที่ "หล่อเลี้ยง" สาวกได้เป็นครั้งคราว

ซึ่งการที่ "นายใหญ่" ไม่สามารถส่งน้ำเลี้ยงเข้ามาได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม ทำให้ "บิ๊กตระกูลชินฯ" ที่ยังเป็น "กระเป๋าตังค์" อยู่เริ่ม "คำนวณจุดคุ้มทุน" ของ "ปัจจัย" ที่ต้องจ่ายออกไป โดยเฉพาะกับการเคลื่อนไหวรูปแบบต่างๆ ได้ส่งผลให้ "ยุทธศาสตร์" ที่วางเอาไว้จะต้องสะดุด จนแกนนำหลายคนไม่พอใจและภายในเริ่มไร้เอกภาพ

เพราะแผนที่เคยวางเอาไว้ว่าจะปิดล้อมอาคารรัฐสภา เพื่อจะขัดขวางการแถลงนโยบาย เกิดมีการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน โดย "เจ้าแม่วังบัวบาน" ที่เกรงว่าเงินที่ลงทุนไปอาจจะสูญเปล่า หากไม่สามารถเผด็จศึกรัฐบาลได้ และมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงกะทันหัน โดยตั้งเป้าหวังจะเผด็จศึกรัฐบาลในระหว่างการแถลงนโยบาย ด้วยยุทธการณ์ดึงเสียงสนับสนุนพรรคเพื่อไทยกลับ จึงต้องเปลี่ยนกระบวนยุทธ์ทั้งหมดใหม่ โดยให้ "ส.ส." เข้าร่วม "แถลงนโยบายรัฐบาล"

แต่ด้วยสถานการณ์ภายในพรรคที่ฝืดเคืองและการต่อสู้ที่ยาวนาน ได้ทำให้ "แกนนำคนสำคัญ" เริ่มทำใจและเบื่อหน่ายการต่อสู้ ที่แทบจะมองไม่เห็นโอกาสชนะ

"อดีตบิ๊กไทยรักไทย" ที่เคยมีบทบาทวางแผนร่วมกับ "พ.ต.ท.ทักษิณ" เริ่มแตกกระสานซ่านเซ็นกันไปคนละทิศละทาง แม้แต่ "รุ่น 2" ที่เคยอยู่ร่วม "พลังประชาชน" ก็ไม่อยากแสดงบทบาทจะมีผลกระทบกับตัวเองและครอบครัว จน "บุคลากรระดับมันสมองทางการเมือง" ที่จะเข้ามาช่วย "จัดทัพถล่ม ปชป." น้อยลงไปทุกที ซึ่งส่งผลต่อความหวังที่จะใช้ "เวทีแถลงนโยบาย" เอาชนะ "ประชาธิปัตย์"

แม้วันนี้ "เพื่อไทย" จะทุ่มไม่อั้นในหาแสวงหา "ข้อมูลหลักฐาน" และ "หมัดเด็ด" ที่จะน็อค "ประชาธิปัตย์" แต่ดูเหมือนว่าจะยังไม่มีอะไรแตกต่างไปจาก "หลักฐานการหนีทหาร-การปิดล้อมสนามบินสุวรรณภูมิ" และ "ประชุมจัดตั้งรัฐบาลที่ ร.1 รอ."

หาก "เพื่อไทย" ยังเป็นอย่างนี้ต่อไปอีกระยะ บทพิสูจน์ทางการเมืองขณะนี้ อาจมีผลลัพธ์ออกมาว่าการตัดสินใจสลับขั้วของ "เพื่อนเนวิน" นั้น คือ สิ่งที่ถูกต้อง

แด่ รมต.ยี้และขี้เหร่

ที่มา เดลินิวส์

ถามว่า “ยี้” กับ “ขี้เหร่” มีความหมายเหมือนกันหรือไม่

คำตอบคือ ไม่เหมือนกัน แต่คล้ายกัน นั่นคือ “ยี้” หมายถึง “รับไม่ได้” ส่วน “ขี้เหร่” หมายถึง “ดูไม่ได้” ท้ายของทั้งสองคำมีคำว่า “ไม่ได้” ตามติดด้วยกันทั้งนั้น

พูดถึง รัฐบาล “อภิสิทธิ์ 1” หรือ รัฐบาลใดก็ตาม เราจะเห็นรัฐมนตรีที่ดี และรัฐมนตรีที่ “ขี้เหร่” ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่จะร้องว่า “ยี้” แทบทั้งสิ้น

“ยี้” และ “ขี้เหร่” เกิดขึ้นเพราะสาเหตุใดสาเหตุหนึ่ง หรือหลายสาเหตุรวมกัน ดังนี้

เริ่มตั้งแต่ ผู้ที่เป็นรัฐมนตรีหรือเจ้ากระทรวง ไม่เหมาะ ที่จะเข้าไปดูแลรับผิดชอบ ในกระทรวงซึ่งได้รับมอบหมาย

บางคน ไม่มีประสบการณ์ตรงกับงาน อย่างเช่นเคยทำธุรกิจเพาะเห็ดขายดันทะเล่อทะล่าไปดูงานเกี่ยวกับสื่อเป็นต้น เรียนมาตรงแต่ไม่เคยทำงานในด้านที่เรียนมาเลย ก็ถือว่าไม่มีประสบการณ์ได้เช่นกัน

บางคน โผล่มาจากดินมาจากป่าไหนก็ไม่รู้ ดันได้เข้ามาเป็นรัฐมนตรี บ้างเคยมีชื่อเสียงไม่ดีมาก่อน ถูกฟ้องร้อง ถูกตราหน้าว่ายอดคดโกง แต่ได้เป็นรัฐมนตรีก็เพราะ เงิน หรือ เส้นสาย อย่างนี้ล้วน “ยี้” เรียกว่า “พี่” แทบทั้งสิ้น

ที่หนักมาก ๆ คือ พวกที่ มีบุคลิกภาพ มีมารยาทไม่งาม พูดจาเกรี้ยวกราด ทำตัวกร่าง หรือเคยเป็นนักเลงหัวไม้มาก่อน อย่างนี้ก็เรียกว่า “ขี้เหร่” สมควรถูกร้องว่า “ยี้”

ถามว่า ทั้ง ๆ ที่เจ้าตัวรู้ดีว่า ถ้าได้เป็นรัฐมนตรีจะถูกร้องว่า “ยี้” แล้ว ไฉนเลย ยัง หน้าทน เข้ามาเป็น

คำตอบคือ ตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นตำแหน่งที่ หอมหวาน ช่างเย้ายวนใจยิ่งนัก เป็น แค่วันเดียวก็ยังดีกว่าไม่เคยเป็น บางคนมีความใฝ่ฝันมาตั้งแต่เกิด เมื่อเติบใหญ่ เมื่อโอกาส เปิดให้ แล้วทำไมจะไม่รับอนาคตจะเป็นอย่างไร ประเทศชาติจะเป็นอย่างไรค่อยว่ากันอีกทีหนึ่ง ที่เห็นบ่อย ๆ คือ รักษาสิทธิของความเป็นคู่ผัวตัวเมียของอดีตนักการเมืองคนดัง หรือความ เป็นหัวหน้าพรรคหรือเลขาธิการพรรคเอาไว้ ไม่เป็นไม่ได้ อกจะแตกตายกันทั้งครอบครัว

“รมต.ยี้ รมต.ขี้เหร่” มีข้อดีอยู่เหมือน กัน นั่นคือผู้คน ไม่ค่อยคาดหวังอะไรมาก ทำดีแค่นิดหนึ่ง คนก็ชมแล้วและประการสำคัญ คนดีคนเก่งไม่ค่อยจะฟังผู้อื่น เชื่อมั่นในตัวเองจนบางทีพาประเทศชาติเข้ารกเข้าพงก็มีอยู่เหมือนกัน ข้อเสียมีเพียงประการเดียว คือ เมื่อไม่เป็นที่ต้องการ เมื่อถูกดูถูกอาจหมดกำลังใจเอาง่าย ๆ ได้

รมต.ที่เข้าข่าย “ยี้” หรือ “ขี้เหร่” จะ สามารถเอาตัวรอดได้ ถ้าทำตัวได้ดังต่อไปนี้

ประการแรก ต้องขยันเป็น 3 เท่า 5 เท่า มากกว่า พวกที่ได้รับการยอมรับตั้งแต่แรก

ประการที่สอง ต้อง เริ่มอ่าน เริ่มฟัง เริ่มศึกษา ในสิ่งที่ตัวไม่รู้ ไม่เชี่ยวชาญให้โดยเร็ว จะได้ไม่พลาด

ประการที่สาม ต้องมี ที่ปรึกษา เก่ง ๆ และเป็น ที่ปรึกษาซึ่งหวังดีต่อ รมต. ผู้นั้นจริง ๆ หลาย ๆ ครั้ง ความไม่รู้ทำให้ หลงเชื่อเหล่าที่ปรึกษาที่ไม่ดี จาก “ยี้น้อย” กลายเป็น “ยี้ใหญ่” ได้โดยฉับพลัน

ประการที่สี่ ต้องเป็นคน อ่อนน้อมถ่อมตนไม่คุยโวโอ้อวดว่าข้าแน่ อย่าทำอะไรให้ประชาชนเขาหมั่นไส้และอย่าทำอะไรให้ ข้าราชการไม่ให้ความร่วมมือ ไม่รู้ก็ยอมรับว่าไม่รู้ และ ฟังผู้อื่นให้มาก ๆ พูดให้น้อยเข้าไว้เพราะ ยิ่งพูดมาก ยิ่งทำให้คนอื่นเขารู้ว่า ไม่เป็นเรื่องจริง ๆ

ประการที่ห้า รู้ให้ชัด รู้ให้แจ้ง แล้วค่อยให้สัมภาษณ์ กับสื่อมวลชนต้องทำตัวให้ดูว่าน่ารัก น่าสงสารและน่าให้ความร่วมมือ

และ ประการสุดท้าย เข้าใจ หยิบเอาเรื่องมีความสำคัญเป็น ลำดับแรก ๆ มาทำก่อน และทำให้สำเร็จ อย่าทำมากจนเปรอะ แล้วไม่ได้ดีสักอย่างหนึ่ง

ขอ เอาใจช่วย รัฐมนตรีที่ถูกร้องว่า “ยี้” และผู้คนตั้งฉายาให้ว่า “ขี้เหร่”

ถ้าท่านตั้งใจทำงานด้วยความหวังดีต่อชาติบ้านเมืองจริง ๆ กุศลผลบุญจะปรากฏให้ประชาชนเห็นเอง เชื่อผมเถอะ.

อนุภพ

เข้าตำรา 'ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่'

ที่มา เดลินิวส์

การกลับคืน “กระทรวงคลองหลอด” ของกลุ่มเพื่อนเนวิน ได้สร้างความฮือฮาอีกครั้ง ด้วยการแต่งตั้ง นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ “น้องชายเนวิน” เป็นประธานคณะทำงาน รมว. มหาดไทย

แม้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะครั้ง พล.ต.อ. โกวิท วัฒนะ เป็น รมว.มหาดไทย นายศักดิ์สยาม ก็มาทำหน้าที่ในลักษณะที่ไม่ต่างจาก ที่นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล มาดำรงตำแหน่งในปัจจุบันนี้

นายชวรัตน์ ให้เหตุผลในการใช้บริการนายศักดิ์สยามว่า เป็นคนมีความสามารถ มีประสบการณ์ เพียงแต่นามสกุล “ชิดชอบ” เท่านั้น

แต่ที่น่าจะฮือฮาและน่าจับตาไปกว่านั้นคือ ในการประชุมร่วมกับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของกระทรวงมหาดไทยผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ไปยังผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ

ช่วงหนึ่ง นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย เจ้าของรหัส “มท.2” กล่าวไว้น่าสนใจยิ่งว่า

“แม้รัฐบาลจะมีนโยบายที่ดีเพียงใด แต่ถ้าคนในชาติแตกแยกกันนโยบายก็ไม่สัมฤทธิผล ซึ่งตนเชื่อว่ากระทรวงมหาดไทยคือกลไกที่สำคัญที่จะทำให้เกิดความสามัคคีในประเทศชาติ ทั้งนี้ การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) สามารถทำได้เพราะเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ แต่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายและไม่ละเมิดสิทธิคนอื่น ซึ่งการชุมนุมที่มีเจตบริสุทธิ์เราก็สนับสนุน แต่หากการชุมนุมเกิดจากความเข้าใจผิด ทางผู้ว่าฯ และหน่วย ในท้องถิ่น ต้องเข้าไปอธิบายทำความเข้าใจกับประชาชน ดังนั้นขอให้ผู้ว่าฯ รายงานข้อมูลว่าแต่ละจังหวัดมีการเคลื่อนไหวของผู้ชุมนุมที่จะเดินทางเข้ามาใน กทม. หรือไม่ และมีจำนวนเท่าไหร่ แกนนำการเคลื่อนเป็นใคร ซึ่งผู้ว่าฯ จะต้องรายงานมาที่ผมโดยตรงทุก ๆ 6 ชั่วโมงก่อนที่รัฐบาลจะแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ในวันที่ 29 ธ.ค. และขอยืนยันว่า ไม่ได้เป็นการสกัดกั้น แต่เพื่อความสะดวกและความสงบเรียบร้อยเท่านั้น”

ใคร ๆ ก็รู้ว่าในวันที่ 28 ธ.ค. กลุ่ม นปช. ที่นำโดย “วีระ-จตุพร-ณัฐวุฒิ” จะนัดชุมนุม “คนเสื้อแดง” ที่ท้องสนามหลวง และอาจจะเลยเถิดไปถึงการไปปิดล้อมรัฐสภาเพื่อไม่ให้รัฐบาล “อภิสิทธิ์” แถลงนโยบายต่อรัฐสภาในวันที่ 29-30 ธ.ค. ที่จะถึงนี้

หากจำได้จะพบว่าช่วงที่ความชัดเจนในตำแหน่งรัฐมนตรี “กลุ่มคนเสื้อแดง” ก็ยกขบวนมาให้กำลังใจนายบุญจงและนายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ รมช.คมนาคม

ประโยคตรงที่ว่า “หากการชุมนุมเกิดจากความเข้าใจผิด ทางผู้ว่าฯ และหน่วยงานในท้องถิ่นต้องอธิบายทำความเข้าใจกับประชาชน” นี้ “น่าคิด”

อย่าลืมเป็นอันขาดว่า ส่วนหนึ่งที่สำคัญที่ทำให้เกิดคนขบวนการ “คนเสื้อแดง” คือ กลุ่มเพื่อนเนวิน

แล้วอย่างนี้ มีหรือที่คนอย่างนายบุญจง จะอ่านไม่ทะลุปรุโปร่ง สงสัย “คนเสื้อแดง” สีจะเริ่มจางเข้าซะแล้ว.

โหมม็อบกลบปมร้อน?

ที่มา ไทยรัฐ

เนียนจริงๆ กับมุกตีตั๋วอยู่ยาวของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี บอกกับ ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น เมื่อไหร่ที่ฟื้นฟูเศรษฐกิจและยุติปัญหาความไม่ สงบเรียบร้อยในบ้านเมืองได้แล้ว

จะพิจารณายุบสภา

ก็รู้กันอยู่ว่า การกู้วิกฤติเศรษฐกิจยิ่งกว่าแบกหินขึ้นภูเขา ยิ่งการยุติปัญหาความแตกแยกในสังคมไทยไม่ต้องพูดถึง อาการแบ่งสีเลือกข้างยากจะกลับมาจูนกันได้เร็ววัน

ครบเทอม 4 ปี ลากยาวจนหยดสุดท้าย ยังไม่พอเลยสำหรับนายกฯอภิสิทธิ์ ฉะนั้น ถ้าไม่มีเหตุจวนตัวจริงๆ ก็ไม่ต้องพูดถึงเรื่องยุบสภา

นี่แหละลีลา เขี้ยวลากดินของเซียนการเมืองยี่ห้อประชาธิปัตย์

และถึงตอนนี้ก็ไม่แน่ซะแล้วว่า ใครเป็นฝ่ายรุก ใครเป็นฝ่ายตั้งรับกันแน่

กับการเจาะจงเลือกเอาวันที่ 29-30 ธันวาคม เป็นวันแถลงนโยบายรัฐบาล และก็เป็นนายอภิสิทธิ์ที่นัดล่วงหน้า เรียกประชุม ครม.นัด มิดไนท์กลางดึกวันที่ 30 ธันวาคม ทันทีที่เสร็จสิ้นการแถลงนโยบาย

โชว์ภาพความฟิต รัฐบาลพร้อมลุยทำงานเต็มที่

วางหมากแก้เกมม็อบเสื้อแดงที่นัดชุมนุมใหญ่ล้อมสภา ขวางรัฐบาลแถลงนโยบาย

ในอารมณ์ที่คนไทยกำลังเตรียมตัวฉลองเทศกาลปีใหม่ เดินสายออกต่างจังหวัด ไม่มีใครสนใจการเมืองเรื่องม็อบอยู่แล้ว

ยากที่ เสื้อแดงจะระดมกันได้พรึบพรับ

ที่สำคัญ มันก็เป็นสัญญาณที่พอจะจับคลื่นความถี่ได้ กับคิวที่มีการต่อสายให้ อินทรีอีสานพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ว่าที่หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน โฟนอินเข้ารายการสดสถานีวิทยุชุมชนกลุ่มคนรักอุดรของนายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำคนสำคัญของม็อบเสื้อแดง

ขอให้ชาวอุดรหยุดความเคลื่อนไหว อยากให้เวลารัฐบาลทำงานสักระยะก่อน

ก่อนอื่นเลยนี่คือการส่งซิกให้รู้กันเลย พล.ต.อ.ประชาคือแคนดิเดตที่มีข่าวทางลึกว่า ได้รับการ ทาบทามให้นั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรคเพื่อไทย

รับธงจาก นายใหญ่คุมนอมินีแถวสาม

และก็เป็นอะไรที่พูดกันชัด หลัง อินทรีอีสานสั่งเบรก นายขวัญชัยแถลงยืนยัน สมาชิกส่วนมากของกลุ่มคนเสื้อแดง เห็นว่าขณะนี้ยังไม่สมควรลงไปร่วมการชุมนุมที่กรุงเทพฯ เพราะเป็น ช่วงที่ประชาชนกลับบ้านกราบพ่อแม่

ขอให้พ้นช่วงปีใหม่ไปก่อน จะตั้งเวทีต่อสู้ทางการเมืองอีกครั้ง

โดยอาการแตะเบรกของเครือข่าย เสื้อแดงแท้ยังดึงเกมซุ่มคุมเชิงอยู่ในฐานที่มั่น รอการเปลี่ยนถ่ายเลือดเสีย วางกำลังกันใหม่

ไม่กล้าบุ่มบ่ามให้หลงเข้าเกม เสื้อแดงเทียมของฝ่ายทรยศ ที่อาจจะซ้อนแผนป่วน ดิสเครดิตทำลายภาพพจน์กองเชียร์ ทักษิณ

ยั่วให้กระแสสังคมตีกลับ

โดยเงื่อนไขที่ประเมินกันง่ายๆ ม็อบเสื้อแดงขยับตัวลำบาก ยากจะกลับมามีพลังได้เร็ววัน

มันก็น่าเอะใจ กับอาการ ผวาเกินเหตุของฝ่ายคุมอำนาจรัฐ

เทพเทือกนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี รีบออกตัว เป็นทำนองรับสภาพ ถ้าม็อบเสื้อแดงล้อมสภา สมาชิกทำหน้าที่ไม่ได้

ก็ต้องเลื่อนการแถลงนโยบายออกไป

ในขณะที่บิ๊กตำรวจนครบาลก็ช่วยตีปี๊บปั่นสถานการณ์ให้ดูน่ากลัว ถึงขั้นต้องงดจัดงานเลี้ยงวันสถาปนา บช.น. เพื่อเตรียมกำลังอยู่ในที่ตั้ง

เตรียมตัวรับบางอย่างซึ่งคาดว่าจะต้องมีในวันที่ 28-29 ธันวาคม

นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย ก๊วน เพื่อนเนวินสั่งการ ผ่านวีดิโอคอนเฟอร์เรนซ์ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดรายงานความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงทุก 6 ชั่วโมง

ประกบติดทุกระยะ

ฝ่ายรัฐบาลตีปี๊บโหมกระแสม็อบจนน่าตื่นเต้นเร้าใจ พาดหัว ข่าวใหญ่โต

อีกนัยก็เหมือนจะใช้คิวม็อบเสื้อแดงกลบกระแส อย่างน้อยก็ปมฉาว เฉพาะหน้า วาทะตะลึงโลกของนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ การตั้ง นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ น้องชายของนายเนวิน ชิดชอบ เป็นกุนซือใหญ่ ของ มท.1 การแบ่งโควตากรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นที่มีงบประมาณกว่าหมื่นล้านบาทให้อยู่ในกำกับของนายบุญจง รัฐมนตรีโควตาเพื่อนเนวิน

ยัดไส้ ตีกินกันเงียบๆ.

ทีมข่าวการเมือง รายงาน