WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Saturday, January 5, 2008

คอลัมน์ ปิดไม่ลับ Special




แม้ตัวเลข 24 เสียงที่พรรคเพื่อแผ่นดิน (พผ.) ได้มา จะต่ำกว่าประมาณการณ์ถึง 200 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้ามองการเมืองในมิติทุน จะพบว่าจำนวนดังกล่าวไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดใหม่แต่อย่างใด

เนื่องจาก "ข้ออ้าง" เรื่อง "พลังพิเศษ" บันดาลให้เกิดการก่อตั้งพรรคการเมืองน้องใหม่ โดยมี "มือที่มองไม่เห็น" รับหน้าที่จัดหา "ปัจจัยที่ 5" พร้อมนำส่งให้ถึงที่ทำการพรรค นับวันจะยิ่งมีน้ำหนักเบาบางลง

เพราะเอาเข้าจริง กลับพบแต่ความแห้งแล้งภายใน แม้ไม่ถึงขนาด "อดอยากปากแห้ง" แต่ก็ต้องใช้จ่ายแบบจำกัดจำเขี่ย เนื่องจากท่อน้ำเลี้ยงที่คอยหล่อเลี้ยงมวลสมาชิกทั้งหน้าเก่า-หน้าใหม่ มีเพียงสายเดียวเท่านั้น

คือท่อน้ำเลี้ยงที่ต่อตรงจากบ้านพักในซอยพัฒนาการ 20 ของ "นักการเมืองใจนักเลง" ที่ชื่อ "วัฒนา อัศวเหม" ประธานที่ปรึกษาพรรค โดยมี "หัวหน้ามุ้ง" รับหน้าที่ "หมุนก๊อก" คอยเปิด-ปิดทวารสายน้ำดังกล่าวอีกชั้นหนึ่ง

ว่ากันว่า "ทุนประเดิม" ของพรรคการเมืองแห่งนี้ ได้จากการขาย "แหล่งทำเงินนอกประเทศ" ของครอบครัวอัศวเหม

ส่วนค่าใช้จ่ายรายเดือน ถือเป็นภาระรับผิดชอบของ "เสี่ยธุรกิจยานยนต์" คนหนึ่ง ซึ่งทำ "สัญญาปากเปล่า" ไว้กับ "พินิจ จารุสมบัติ" ผู้ชักนำเข้าสู่วงการการเมือง ว่าก่อนเลือกตั้งจะจัดให้ 3 งวด งวดละ 100 เพื่อแลกกับการครองตำแหน่งใหญ่ในพรรค

แต่พอถึงวัน น. เวลา ว. "เสี่ยคนดัง" กลับเบี้ยวหน้าตาเฉย โดยอ้างว่าหมุนเงินไม่ทัน ทำเอา "บรรดาบิ๊กเนม" ต้องยกคณะบากหน้าไปขอหยิบยืม "เงินก้อน" จาก "ทุนใหญ่รายเดิม" เพื่อมาจ่ายเป็น "เบี้ยยังชีพเด็กในคาถา"

คราวนี้ "เจ้าพ่อปากน้ำ" ถึงกับต้องเปิดกรุสมบัติ-ตัดใจชักโฉนดที่ดินสวยๆ ออกมาหลายใบ ก่อนส่งให้ "นายหน้าจำเป็น" ที่ชื่อ "สุรเกียรติ์ เสถียรไทย" วิ่งรอกไปเสนอต่อ "เจ้าสัวธุรกิจน้ำเมา" เพื่อขอให้รับจำนองเอาไว้


ขณะนี้โฉนดดังกล่าวถูกเก็บไว้ใน "เซฟพิเศษ" ของ "เสี่ยน้ำเมา" แล้ว แต่พร้อมเปิดให้ "เจ้าของตัวจริง" ใช้ "ยอดเดิม" คือ 500 มาไถ่ถอนคืนทุกเมื่อ

ดังนั้น อย่าได้แปลกใจหาก "วัฒนา" จะมีบทบาทสูงยิ่งใน พผ. แม้จะเป็น ส.ส.สอบตก เพราะเขาเหนือกว่านักการเมืองหน้าอื่นด้วยสถานะ "นายทุนผูกขาด" เพียงรายเดียว!!!

หลังจากที่การเมืองไทยผ่านพ้น "การเลือกตั้ง" ไปเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม ถือเป็นหนึ่งในผลงาน "ชิ้นโบว์แดง" ของการปฏิรูปการปกครอง ภายใต้การนำของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)

เพราะเป็นการส่งสัญญาณว่าการเมืองไทยเดินหน้าไปอีกขั้นหนึ่ง

จากนี้ไปเป็นภาระหน้าที่ กกต.ที่จะทำหน้าที่รับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ

แต่ถึงอย่างไรบทบาทภารกิจของ คมช.ก็ยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะการดูแลความสงบเรียบร้อยของประเทศจนกว่าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่

หลังจากนั้น คมช.จะยุติบทบาทและภารกิจไปพร้อมกับคณะรัฐบาลของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ คมช.เป็นห่วงอยู่ คือการเดินเกมทางการเมืองของแต่ละพรรค โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวอย่างหนักกลุ่มการเมืองผู้มีอิทธิพลใน จ.บุรีรัมย์ ซึ่งจัดแจงว่าจ้าง "แกนนำท้องถิ่น" และ "ผู้มีอิทธิพล" จัดตั้งม็อบกดดันการทำหน้าที่ กกต.บุรีรัมย์ และผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์

จากการหารือระหว่าง พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ และรักษาการประธาน คมช. กับ อภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. ทำให้ทราบปัญหาว่า ขณะนี้ กกต.ในแต่ละจังหวัดไม่กล้าที่จะดำเนินคดีทุจริตการเลือกตั้งกับพรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้ง

แม้ปรากฏมีข้อร้องเรียนการทุจริตอื้อ แต่ กกต.จังหวัด รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดหลายแห่ง "ใส่เกียร์ว่าง" ไม่กล้าทำสำนวนฟันคนโกง ทำให้ "5 เสือ" กังวลการให้ "ใบเหลือง-ใบแดง" แก่ "ว่าที่ ส.ส." ที่ถูกร้องเรียนการทุจริต นอกจากนี้ ยังมีการข่มขู่พยานคดีทุจริตการเลือกตั้ง คมช. ถึงขนาดต้องส่ง "สีเขียว" เข้าไปดูแลความปลอดภัย

เบื้องต้นที่ประชุม คมช. มอบให้เป็นหน้าที่รับผิดชอบของตำรวจ แต่เนื่องภายหลังผลการเลือกตั้งออกมา ท่าที "บิ๊ก สตช." เปลี่ยนไป ไม่สนที่จะเข้าร่วมประชุม คมช.เหมือนเก่าก่อน รวมทั้งไม่เข้าร่วมกิจกรรมเท่าที่ควร

ทำให้ใน คมช.ไม่ค่อยไว้วางใจ เพราะการทำงานตำรวจที่ผ่านมา เหมือน "ไม่เต็มที่" ปล่อยให้มีการพฤติการณ์ที่ส่อไปในทางทุจริตในหลายพื้นที่

โดยเฉพาะหลังเลือกตั้งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าร่วมสืบสวนสอบสวนปล่อยวางในการเร่งรวบรวมคดีที่มีการแจ้งความทุจริต

คมช.จึงต้องการส่งสัญญาณให้เห็นถึงการทำงานของ กกต.บุรีรัมย์ และผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ที่พยายามต่อสู้กับ "กลุ่มอำนาจเก่า" อยู่เพียงจังหวัดเดียว

ดังนั้น คมช.ต้องพยายามทำทุกอย่าง ให้เจ้าหน้าที่รัฐได้มีอิสระและความปลอดภัยในการทำงานอย่างเต็มที่
นี่คือภารกิจที่ คมช.เห็นพ้องกันที่จะเร่งดำเนินการ

ทำเอาบรรดาชาวบ้านร้านตลาด เกิดอาการ "ปวดเฮด" ไปตามๆ กัน

สำหรับการจับขั้วผสม 6 สายพันธุ์ จัดตั้งรัฐบาล ที่มีพรรคพลังประชาชนเป็นแกนนำ

โดยใช้กลยุทธ์ "รัฐบาลสมานฉันท์แห่งชาติ" ที่รวบรวมทุกพรรคการเมืองเข้าด้วยกัน ยกเว้นพรรคประชาธิปัตย์ พรรคคู่แข่งคู่แค้นตลอดกาล ให้เป็นฝ่ายค้านพรรคเดียวอย่างโดดเดี่ยวและเดียวดาย ตามบัญชาของ "นายใหญ่" เจ้าของพรรคตัวจริงเสียงจริง ที่บินข้ามน้ำข้ามทะเลหนีหนาวในเมืองผู้ดี มาเกาะติดผลคะแนนเลือกตั้งไม่ไกลจากประเทศไทยเท่าใดนัก

กลยุทธ์ที่ "นายใหญ่" คิดค้นมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ "รัฐบาลสมัคร" มีจำนวนเสียงสนับสนุนมากที่สุด ซึ่งจะทำให้ง่ายต่อการแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญ การลงมติในประเด็นต่างๆ โดยเฉพาะการออกกฎหมายนิรโทษกรรมสมาชิกบ้านเลขที่ 111 และการผลักดัน นโยบายประชานิยม ในเวอร์ชั่นใหม่ๆ เพื่อมัดใจชาวรากแก้วทั้งหลาย

ประเด็นนี้ "นายใหญ่" จึงสั่งลุยแจกเก้าอี้รัฐมนตรีกับพรรคเอสเอ็มอี ทั้ง 5 พรรคอย่างไม่คิดเล็กคิดน้อย พร้อมกำชับขุนพลสายจันทร์ส่องหล้าคนสนิท ว่าเขาขออะไรมาก็ให้เขาไป ขอเพียงให้มาร่วมแจมจัดตั้งรัฐบาลด้วยก็เป็นพอ

ส่งผลให้ในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

เหตุการณ์ฝุ่นตลบ เริ่มกลับมาอีกครั้ง โพยจองเก้าอี้กระทรวงต่างๆ ถูกส่งเข้ามายังตึกไอเอฟซีทีหลายใบ บางโพยขอไม่มากก็ให้กันไปถือว่าเป็นคนกันเอง

บางโพยแม้น้องขอมาแต่พี่ไม่ให้ ก็ต้องมีนำกลับไปอัพเดทให้เหมาะสมตามเนื้อผ้า

แต่กระทรวงสำคัญ ที่พรรคพลังประชาชนจะไม่ยินยอมให้พรรคใดมาหยิบชิ้นปลามันไปง่ายๆ คือ กระทรวงด้านเศรษฐกิจ ที่แม่บ้านพรรคอย่าง นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี แสดงบทบาทเป็นจงอางหวงไข่ ประกาศว่าพรรคพลังประชาชนจะขอดูแลเอง

เรื่องนี้บิ๊กวงในขาเม้าธ์คอนเฟิร์มกันว่า ผู้ที่จะนั่งเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจที่จะควบคุมกระทรวงเศรษฐกิจ เป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก "โดเรมิ่ง" มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ว่าที่ ส.ส.สัดส่วนกลุ่มที่ 6 อย่างแน่นอน

และที่สำคัญว่าที่รองนายกฯคนนี้ ยังมีส่วนช่วยสกรีนผู้ที่เหมาะสมในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการในกระทรวงเศรษฐกิจที่สำคัญอีกด้วย ส่วนตำแหน่งรัฐมนตรีช่วย และเลขาฯรัฐมนตรีนั้น จะพิจารณาจาก "คนกันเอง" ที่อยู่ในทีมเศรษฐกิจก่อน

จากนี้ไปห้ามกะพริบตาจะเห็นโฉมหน้า ครม.ใหม่กันในเร็วๆ นี้แน่ ถ้าไม่มีพลิกล็อค!!!

จับตาโหวต"นายกฯ" ระวัง!ตำนาน"งูเห่าคืนชีพ"

เหตุการณ์เหมือนจะราบรื่น การประกาศจัดตั้งรัฐบาลของพรรคพลังประชาชน กับบรรดา 3 พรรคเล็ก ขาดแต่พรรคขนาดกลางอีก 2 พรรค คือ ชาติไทย และ เพื่อแผ่นดิน ว่าวันไหนจะมาเข้าพิธีแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ

แต่ก็มีเรื่องราวให้คอการเมืองได้ลุ้น เมื่อ "เสธ.หนั่น" พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทย ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 1 มกราคม ว่า วันที่โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีถือเป็นวันที่น่าจับตามองที่สุด อาจเกิดกรณี "งูเห่า" ขึ้นได้อีก และเกิดขึ้นได้เสมอ

เหตุผลที่ทำให้ เสธ.หนั่นเชื่อเช่นนั้น เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 126 วรรคท้าย คือ "การออกเสียงลงคะแนนเลือกหรือให้ความเห็นชอบให้บุคคลดำรงตำแหน่งใด สมาชิกย่อมมีอิสระและไม่ถูกผูกพันโดยมติของพรรคการเมืองหรืออาณัติอื่นใด"

ส่วนกรณี "งูเห่า" ที่ พล.ต.สนั่นพูดถึงนั้น ความจริงบุคคลนี้คือ หนึ่งในผู้ที่ทำให้เกิดตำนานระดับคลาสสิคการเมืองไทย

ย้อนไปเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2540 พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

พล.ต.สนั่นในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ พรรคที่มี ส.ส.เป็นอันดับสอง คือ 123 คน รองจากพรรคความหวังใหม่ของ "พ่อใหญ่จิ๋ว" ที่มี 125 เสียง ต้องเดินเกมให้ "ชวน หลีกภัย" หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในขณะนั้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีให้ได้

ขณะที่ข้างของอีกฝ่ายมี "เสนาะ เทียนทอง" เลขาธิการพรรคความหวังใหม่ในขณะนั้น เป็นคนประสาน เพื่อให้ "พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ" มานั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหนที่สอง

ผลการเดินเกมของสองเลขาธิการพรรค ฝ่ายเสธ.หนั่นได้มา 196 เสียง คือ ประชาธิปัตย์ 123 ชาติไทย 39 เอกภาพ 8 ไท 1 และพลังธรรม 1 เสียง ซึ่งเป็นฝ่ายค้านเดิม รวมกับอดีตพรรคร่วมรัฐบาล 2 พรรค คือ กิจสังคม 20 และเสรีธรรม 4 เสียง

ในขณะที่ฝ่ายรัฐบาลได้มากกว่า 1 เสียง คือ 197 จากความหวังใหม่ 125 ชาติพัฒนา 52 เสียง ประชากรไทย 18 เสียง และมวลชน 2 เสียง

พล.ต.สนั่นจึงไปชักชวน ส.ส.พรรคประชากรไทยให้มาอยู่ด้วย ปรากฏได้มา 12 คน ประกอบด้วยวัฒนา อัศวเหม, พล.อ.อ.สมบุญ ระหงษ์, ยิ่งพันธ์ มนะสิการ, ประกอบ สังข์โต, มั่น พัธโนทัย, สำเร็จ อัจฉริยะประสิทธิ์, สมพร อัศวเหม, ไกรสิทธิ์ ไกรสิทธิ์พงศ์, สุชาติ บรรดาศักดิ์, พูนผล อัศวเหม, ฉลอง เรี่ยวแรง และทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รวมเป็น 208 เสียง ส่วนฝ่ายรัฐบาลเก่าเหลืออยู่ 185 เสียง "ชวน" จึงได้เป็นนายกรัฐมนตรี

หลังการตั้งรัฐบาลชวน 2 "สมัคร" ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคประชากรไทยในขณะนั้น เปรียบตัวเองเหมือนชาวนา ที่ไปเก็บ "งูเห่า" ที่จะหนาวตายมาไว้ในอกเสื้อ แต่งูเห่ากลับมาฉกชาวนาตาย ทำให้สื่อมวลชนเรียก 12 ส.ส.ที่แปรพักตร์ไปอยู่กับเสธ.หนั่นว่า "กลุ่มงูเห่า"

จากวันนั้น นับมาได้เกือบ 10 ปี "สมัคร" เป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ที่ลุ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ส่วน "วัฒนา" เป็นประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อแผ่นดิน และ "เสธ.หนั่น" เป็นประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทย 2 พรรคที่ทำท่าพร้อมจะเข้าร่วมรัฐบาล

รัฐบาลที่อาจจะมีตัวละครในนิทาน "ชาวนากับงูเห่า ภาคแรก" อยู่กันครบ

และก็เป็นรัฐบาลที่อาจจะเกิดตำนานงูเห่าภาคสองขึ้นจากตัวละครเดิมๆ หรือจากตัวละครใหม่ๆ

อาจจะได้งูเห่าตัวใหม่ ที่ย้ำรอยเจ็บให้ชาวนาคนเก่า หรืออาจจะชาวนาคนใหม่ถูกฉกตายเพิ่มขึ้น ไม่นานเกินรอ คงได้เห็นกัน

เร็วๆ นี้ ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เท่านั้น !!..


พปช.เตรียมยื่นขอสอบใบแดงว่าที่ ส.ส.บุรีรัมย์ [5 ม.ค. 51 - 19:21]

นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน กล่าววันนี้ (6 ม.ค.) ถึงกรณีว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราฎร (ส.ส.) ของพรรค ที่ยังไม่ได้รับการรับรองเป็นผู้สมัครจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า ว่าที่ ส.ส.ที่ถูกเรียกชี้แจงเตรียมให้ข้อมูลกับ กกต.เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่า ไม่ได้กระทำความผิด และเชื่อว่าจะได้รับความเป็นธรรม โดยในระหว่างการประชุมฝ่ายกฎหมายได้รับทราบข้อมูลเพิ่มเติมกรณีว่าที่ ส.ส.เขต 1 บุรีรัมย์ ทั้ง 3 คนได้ใบแดง เป็นข้อมูลที่แตกต่างจากที่เป็นข่าว เพราะจริงๆ แล้ว กกต.จังหวัดบุรีรัมย์ ไม่ได้เสนอให้ใบแดงแก่ว่าที่ ส.ส.ทั้ง 3 คน จึงทำให้เกิดความไม่เข้าใจว่าขั้นตอนการได้รับใบแดงอยู่ที่ขั้นตอนใด และถ้า กกต.บุรีรัมย์ ไม่ได้เสนอใบแดง เมื่อถึง กกต.กลางแล้ว ทำไมจึงไม่มีการเรียกว่าที่ ส.ส.ไปชี้แจง

เลขาธิการพรรคพลังประชาชน กล่าวต่อว่า พรรคมีเอกสารหลักฐานที่ระบุคำพูดของผู้อำนวยการเลือกตั้งจังหวัดบุรีรัมย์ที่บอกว่า ไม่เคยให้ใบแดงกับว่าที่ ส.ส.จังหวัดบุรีรัมย์ โดยพรรคพลังประชาชนจะนำเรื่องนี้ เสนอต่อคณะกรรมการกฤษฎีกาให้พิจารณาเรื่องดังกล่าวในวันที่ 7 ม.ค.2551 นี้ว่า กระบวนการให้ใบแดง อาจไม่สอดคล้องกับระเบียบที่กำหนดไว้ เพื่อขอให้เป็นกรณีศึกษา เพราะตอนนี้ยังมีว่าที่ ส.ส.อีกกว่า 70 คนที่ยังไม่ได้รับการรับรอง ส่วนการชุมนุมของประชาชนที่จังหวัดบุรีรัมย์ที่ไม่พอใจการให้ใบแดงนั้น เป็นการแสดงความคิดเห็นของประชาชนที่เป็นสิทธิทำได้ หากอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย และไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน เพราะประชาชนมีสิทธิที่จะสอบถามได้ และถ้า กกต.พิจารณาอย่างชัดเจน เที่ยงธรรมแล้ว ก็ไม่มีใครทำอะไร กกต.ได้


นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า ส่วนการที่ กกต.ยังไม่รับรองว่าที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชนอีกหลายคน จะกระทบการตั้งรัฐบาลหรือไม่ เนื่องจากรัฐธรรมนูญมีกรอบเวลาที่ต้องเปิดสมัยประชุมสภา จึงเชื่อว่า กกต.จะสามารถดำเนินการได้ทันกำหนด ส่วนใครเป็นรัฐบาลถือเป็นประเด็นทางการเมือง การที่พรรคพลังประชาชนจับมือกับ 3 พรรคเล็ก เพื่อจัดตั้งรัฐบาล ถือว่าเป็นการทำงานร่วมกัน ส่วนความชัดเจนของพรรคชาติไทย และพรรคเพื่อแผ่นดินจะตัดสินใจร่วมรัฐบาลด้วยหรือไม่นั้น ไม่สามารถระบุได้ ต้องไปถามทั้งสองพรรคเอง กรณีที่มีข่าวระบุว่าพื้นที่ใดที่พรรคพลังประชาชนได้ใบแดง จะเทคะแนนให้กับพรรคพันธมิตรร่วมรัฐบาลนั้น เชื่อว่าประชาชนจะใช้ดุลยพินิจตัดสินใจเองได้ว่าจะเลือกใคร


ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ด้าน นายศุภชัย ใจสมุทร คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคพลังประชาชน ได้นำภาพถ่ายเอกสารสี นายเปียง โสมวิเศษ ที่เป็นพยานที่แจ้งกับ กกต.จ.บุรีรัมย์ว่าผู้สมัครของพรรค เขต 2 จังหวัดบุรีรัมย์ แจกเงินซื้อเสียง โดยได้นำหมายศาลจังหวัดร้อยเอ็ด ที่ออกหมายจับนายเปียงในข้อหาลักทรัพย์ในเคหสถาน จึงมีการตั้งข้อสังเกตว่า นายเปียงที่เป็นผู้ต้องหา แต่ได้รับการคุ้มครองจากเจ้าหน้าที่ ทั้งที่จะต้องถูกนำตัวส่งดำเนินคดี จึงต้องการเรียกร้องให้มีการตรวจสอบในเรื่องนี้ว่าเจ้าหน้าที่ กกต.จังหวัดบุรีรัมย์ อาจวางตัวไม่เป็นกลาง


ถอดสมการดอง83ส.ส. คำตอบ=รัฐบาล"พปช."

มติชนวิเคราะห์

สิ้นคำประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.ทั้งระบบเขตและระบบสัดส่วน โดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งปรากฏว่ามีผู้ผ่านการประทับตรารับรอง 397 คน ถูกแขวนเอาไว้ก่อนเพื่อรอพิสูจน์ความบริสุทธิ์ หลังมีเรื่องร้องเรียน 83 คน

โดยในจำนวนนี้เป็นว่าที่ ส.ส. จากพรรคพลังประชาชน (พปช.) 65 คน พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) 6 คน พรรคเพื่อแผ่นดิน (พผ.) 6 คน พรรคชาติไทย (ชท.) 4 คน พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา (รช.) 1 คน และพรรคมัชฌิมาธิปไตย (มฌ.) 1 คน

ทำให้หลายฝ่ายคาดคะเนไปต่างๆ ว่า "ปริมาณมือ" ที่หายไป 65 เสียง จะส่งผลกระทบต่อการฟอร์มรัฐบาลโดย พปช. หรือไม่อย่างไร

ยิ่งถ้าคำนวณเสียงของ "ว่าที่พรรคร่วมรัฐบาล" ทั้ง 6 พรรค จะพบว่า ขณะนี้เหลือ "มือที่แน่นอน" เพียง 238 เสียงเท่านั้น จากเดิมตั้งเป้าปิดยอดรัฐบาลที่ 315 เสียง

ในทางกลับกันหาก "พันธมิตร พปช." พลิกไปเทคะแนนให้ ปชป. ซึ่งมีแต้มเหลือ 159 เสียง หลังถูกหักออกไป 6 เสียง ก็จะสามารถ "ควบรวม ส.ส." ได้ 229 เสียง ซึ่งนับว่าสูสีกับ พปช.อย่างยิ่ง

อย่างไรก็ตาม "โจทย์" ดังกล่าวเป็นเพียง "สูตรคณิตคิดเล่น" ยากต่อการหา "คำตอบใหม่" ให้แก่การเมืองไทย เพราะทุกอย่างได้ถูก "สมการหลัก-สมการรอง" ล็อคคำตอบเอาไว้แล้ว

สมการตัวแรกคือ มาตรา 93 ของรัฐธรรมนูญปี 2550 ที่กำหนดให้เปิดประชุมสภาภายใน 30 วันนับจากวันเลือกตั้ง (วันที่ 22 มกราคม) โดยต้องมี ส.ส.ไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 ของ ส.ส.ทั้งหมด หรือคิดเป็น 454 คน

นั่นหมายความว่า คนการเมืองที่อยู่คาเขียง กกต. 83 คน มีโอกาสได้รับ "ใบขาว" ถึง 57 คน เพื่อให้สามารถเปิดประชุมสภานัดแรกได้

"วงใน กกต." แย้มว่านอกจากการแจก 2 ใบเหลืองที่ จ.นครราชสีมา และ 3 ใบแดงที่ จ.บุรีรัมย์แล้ว เหลือสำนวนที่มีน้ำหนักในมือ "5 เสือ" เพียง 13 เรื่องเท่านั้น

ดังนั้น ไม่ว่าจะ "เลือกตั้งซ่อม-เลือกตั้งซ้ำ" อีกกี่รอบ ยอด ส.ส.ที่หายไป 18 เสียง จึงไม่ถือว่ามีนัยยะสำคัญทางการเมือง เพราะถ้าสภาเปิดเมื่อไร โอกาสก็จะกลับมาอยู่ในมือ "พรรคเสียงข้างมาก" เมื่อนั้น

อย่าลืมว่าผู้ชนะคือผู้กำหนดเกม

สมการตัวที่ 2 คือ ถ้อยแถลงเรื่องการจับขั้วกับ พปช.อย่างเป็นทางการ ที่หลุดออกจากปากของแกนนำ "กลุ่ม 21"(รช.+มฌ.+ประชาราช)เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2550 ซึ่งตรงนี้ได้กลายเป็น "ตัวช่วย" ของพปช. กรณีถูกชักใบแดงใส่

ทั้งนี้ มีรายงานว่า พปช.ดอดทำความตกลงอย่างลับๆ กับ มฌ. ว่าจะเทคะแนนให้ "พันธมิตรใกล้ชิด" รายนี้ เพื่อไม่ให้ยอด ส.ส.ของรัฐบาลกระเด็นไปอยู่ในมือฝ่ายตรงข้าม หรือไปเติมพลังต่อรองให้แก่ "พรรคหอกข้างแคร่"

แม้ "คำสั่งแขวน" ว่าที่ ส.ส. 83 คน จะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อการฟอร์มรัฐบาล แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าสร้างแรงกระเทือนให้แก่ "พรรคเอสเอ็มอี" เหมือนกัน โดยเฉพาะ ชท.กับ พผ. ที่แม้จะ "เซย์เยส" กับ พปช.ไปแล้ว แต่ยังไม่มีคำประกาศจับขั้ว-รวมตัวอย่างเป็นทางการ เพราะขอรอดูตัวเลขที่นิ่ง ก่อนยื่นเงื่อนไขเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม เมื่อยอด ส.ส.ของ "กลุ่ม 61" (ชท.+พผ.) หดลงไป 10 เสียง ย่อมทำให้อำนาจในการต่อรองโควต้าต่างๆ ของ 2 พรรคลดลงไปด้วย ขณะนี้ พผ.มี "เสียงลม" อยู่ถึง 6 คน ขณะที่ ชท. มี 4 คน

นอกจากนี้ 6 เสียงที่หายไปของ พผ. ล้วนแต่เป็นสมาชิกในกลุ่มโคราชของ "ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี" ทั้งสิ้น ตรงนี้อาจก่อให้เกิดผลกระทบชิ่งต่อการจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรี และตำแหน่งประธานกรรมาธิการชุดต่างๆ หรือไม่อย่างไร

ท้ายที่สุด เมื่อถอด "สมการ 83" ที่ กกต.เป็นผู้ตั้งโจทย์ จะพบว่า อาการ "ติดลบ" ของพรรคเอสเอ็มอี ขณะที่ พปช.ได้รับแรง "บวก"

โดยมีคำตอบสุดท้ายยังอยู่ที่การจัดตั้งรัฐบาล 6 พรรค โดดเดี่ยว ปชป. เป็นฝ่ายค้านพรรคเดียวเหมือนเดิม!!!


ทำไมพปช.พิฆาต"ชัยยะ"?

การสวมหมวก 2 ใบระหว่างการทำหน้าที่รองผู้บังคับการกองบัญชาการตำรวจสันติบาล และประธานคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวน กกต.ของ พล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอัมพันธ์กุล จะเป็นเรื่องธรรมดาอย่างยิ่ง

หาก พล.ต.ต.ชัยยะ ไม่ได้สัมพันธ์ใกล้ชิดกับอดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่เคยเคลื่อนไหวต่อต้าน "รัฐบาลทักษิณ" ตามที่ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน (พปช.) กล่าวอ้าง

โดยให้เหตุผลว่าการพิจารณาสืบสวนสอบสวนการทุจริตการเลือกตั้ง ไม่เป็นกลาง และไม่เป็นธรรมต่อ พปช. ที่แปรสภาพมาจากพรรคไทยรักไทย

พปช.จึงยื่นหนังสือถึง กกต.เพื่อขอให้เปลี่ยนตัว พล.ต.ต.ชัยยะ จากการเป็นประธานคณะอนุกรรมการชุดดังกล่าว ซึ่งประเด็นนี้ กกต.และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังโยนเผือกร้อนกัน

เรื่องนี้ถือเป็นประเด็นร้อนตลอดห้วงสัปดาห์ เพราะนั่นหมายถึง...

โอกาสภายใต้ความหวังริบหรี่ของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในการช่วงชิงจัดตั้งรัฐบาล หาก พปช.ถูก กกต.แจกใบแดงเป็นจำนวนมาก

สำหรับ พล.ต.ต.ชัยยะ จบโรงเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 34 จากนั้นก็เข้ารับราชการตำรวจเรื่อยมา คนในแวดวงสีกากี ต่างรู้ดีว่า พล.ต.ต.ชัยยะสนิทสนมกับ "บิ๊กสื่อค่ายท่าพระอาทิตย์" หนึ่งในแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยกว่า 10 ปี มีความสัมพันธ์ที่ดีทั้งในเรื่องหน้าที่ การงาน และส่วนตัว

จึงไม่น่าแปลกที่จะเห็นภาพการช่วยเหลือเกื้อกูลกันระหว่างบุคคลทั้งสองอย่างชัดเจน แม้กระทั่งการชุมนุมประท้วงของกลุ่มพันธมิตร นายตำรวจคนนี้ก็จะช่วยคุ้มครองความปลอดภัยให้ โดยขอกำลังจากเพื่อนนักเรียนตำรวจรุ่นเดียวกัน

ดังนั้น ภายหลังการรู้ข่าวการแต่งตั้ง พล.ต.ต.ชัยยะ เป็นประธานคณะอนุกรรมการของ กกต. จึงเป็นธรรมดาที่กลุ่มอดีตนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่แห่งค่าย พปช.จะกังวลและมีคำถามในความเป็นกลาง

โดยเฉพาะเรื่องที่วิตกที่สุด คือ 3 ใบแดงแห่งบุรีรัมย์ "บิ๊กสีกากี" ของพรรคนี้ เชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบุรีรัมย์ ส่อว่าเป็นการสร้างพยานเท็จ โดยเอาบุคคลนอกพื้นที่จังหวัด มาทำเสมือนหนึ่งเป็นบุคคลอยู่ในเหตุการณ์แจกเงินให้กับผู้เข้าฟังการปราศรัย

สำหรับบุคลิกทั่วไปของ พล.ต.ต.ชัยยะนั้น เป็นนายตำรวจที่เรียบง่าย เก็บเนื้อเก็บตัวและไม่ค่อยจะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเท่าใดนั้น แม้จะถูกมรสุม พปช.กระหน่ำ แต่ พล.ต.ต.ชัยยะก็ไม่เคยออกมาชี้แจงแถลงไขในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

แม้สื่อมวลชนเองต่างพยายามระดมโทรศัพท์ทั้งเบอร์มือถือ และเบอร์บ้าน เพื่อขอสัมภาษณ์ แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ

ศึก เอฟ เอ คัพ เวสต์แฮม VS แมนฯซิตี้


เวสต์แฮม VS แมนฯซิตี้

สนาม : อัพตัน ปาร์ค

เวลาคิกออฟ : 22.00 น.

เวสต์แฮม-ผลงานที่ผ่านมา

15-12-2007 แพ้ เอฟเวอร์ตัน 0-2 (เหย้า)

22-12-2007 ชนะ มิดเดิลสโบรห์ 2-1 (เยือน)

26-12-2007 เสมอ เรดดิ้ง 1-1 (เหย้า)

29-12-2007 ชนะ แมนฯยูฯ 2-1 (เหย้า)

01-01-2008 แพ้ อาร์เซนอล 0-2 (เยือน)

ความพร้อม :

ผลงานชนะ 3 จาก 7 เกมหลังสุด และไม่เคยตกรอบ 3 เอฟเอ คัพมาตั้งแต่ฤดูกาล 1999-2000 สภาพทีมเกมนี้กุนซืออลัน เคอร์บิซลี่ย์จะได้ลี โบว์เยอร์กับแมทธิว เอเธอร์ริงตันที่เจ็บไปนานกลับมาลงซ้อม ได้ตลอด ทั้งสัปดาห์พร้อมเป็นตัวเลือก แต่เฟรดริก ยุงเบิร์กเจ็บจากเกมแพ้อาร์เซนอลไม่น่าจะไหว ขณะที่โนลเบอร์โต้ โซลาโน ่กับสกอตต์ ปาร์คเกอร์ก็ยังไม่แน่ว่าจะคัมแบ็กได้หรือไม่ ดีน แอชตันที่เป็นแค่ตัวสำรองใน 2 เกมหลังหวัง ว่าจะได้รับ โอกาสสตาร์ต

ผู้เล่น 11 คนแรกตามคาด :

(4-4-2) โรเบิร์ต กรีน,ลูคัส นีลล์,แอนทอน เฟอร์ดินานด์,แมทธิว อัพสัน,จอร์จ แม็คคาร์ทนี่ย์,ลี โบว์เยอร์,เฮย์เด้น มัลลินส์,มาร์ก โนเบิล,แมทธิว เอเธอร์ริงตัน,ดีน แอชตัน, คาร์ลตัน โคล

แมนฯซิตี้-ผลงานที่ผ่านมา

18-12-2007 แพ้ สเปอร์ส 0-2 (เยือน)

22-12-2007 เสมอ แอสตัน วิลล่า 1-1 (เยือน)

27-12-2007 เสมอ แบล็คเบิร์น 2-2 (เหย้า)

30-12-2007 เสมอ ลิเวอร์พูล 0-0 (เหย้า)

02-01-2008 ชนะ นิวคาสเซิล 2-0 (เยือน)

ความพร้อม :

ไม่แพ้ใคร 4 นัดติด และชนะ 4 จาก 12 นัดหลังเกมเยือน ผลงานในเอฟเอ คัพผ่านเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายได้ในสองฤดูกาลหลังสุด สเวน โกรัน เอริคส์สันไม่มีตัวเจ็บเพิ่มขึ้นมาหลังจบเกมบุกชนะนิวคาสเซิล 2-0 ในเกมล่าสุด เนรี่ คาสติลโญ่กองหน้าจังโก้ที่ยืมมาจากชาคห์ตาร์ได้เวิร์ก เพอร์มิตพร้อมลงประเดิมสนามเกมแรก ให้กับทีม แต่คาดว่าเต็มที่คงแค่ตัวสำรองไปก่อน ไลน์อัพน่าจะเป็นชุดเดิมทั้งหมด มีดาริอุส วาสเซลล์ค้ำหอกเดี่ยว

ผู้เล่น 11 คนแรกตามคาด :

(4-4-1-1) โจ ฮาร์ท,เนดุม โอนูโอฮา,ไมคาห์ ริชาร์ดส์, ริชาร์ด ดันน์,ไมเคิล บอลล์,เวดราน คอร์ลูก้า,สตีเฟ่น ไอร์แลนด์,ดีทมาร์ ฮามันน์,มาร์ติน เปตรอฟ,เอลาโน่,ดาริอุส วาสเซลล์

รูปเกม/โอกาส :

เจอกันมาในนัดเปิดฤดูกาลพรีเมียร์ลีกเป็นเรือใบที่บุกเก็บชัย 2-0 มาเจอกันในเกมนี้จังหวะไม่ค่อยเข้าทาง ขุนค้อนอีกตามเคยด้วยสภาพทีมที่มีตัวเจ็บหลายคน โดยเฉพาะแดนกลางนั้นเป็นรองทีมของบิ๊กสเวนชัดเจน วัดกันที่แท็กติกส์ของบิ๊กเคิร์บก็ไม่น่าจะสู้ได้ การเป็นเจ้าถิ่นคือสิ่งเดียวที่ขุนค้อนได้เปรียบ แต่คงไม่เพียงพอ ที่จะลุ้นผ่านเข้ารอบได้ เรือใบสีฟ้าจะมาเอานัดรีเพลย์กลับออกไปได้เป็นอย่างน้อย หรือไม่ก็เช็กบิลได้เลยเมื่อจบเกม

ขอขอบคุณ www.thailandsportsonline.com

จาก Hi-Thaksin

‘บรรหาร' ย้ำจุดยืนร่วม‘พปช.'จัดตั้งรัฐบาล

นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ยืนยันว่า แม้ว่าขณะนี้มีผู้ที่ได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือ ส.ส.ของพรรคพลังประชาชน ยังไม่ได้การรับรองความเป็นส.ส.จากคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.ถึง 65 คนแต่ทางพรรคชาติไทย ยังคงดำเนินการตามจุดยืนเดิมที่จะร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชนตามที่ได้ประกาศไว้เพราะเชื่อว่าส.ส.ทั้ง 65 คน จะไม่ถูกแจกใบเหลือง หรือ ใบแดง ทั้งหมด และเชื่อมั่นว่า พรรคพลังประชาชนยังเป็นพรรคที่ได้รับเสียงเป็นข้างมาก
ทั้งนี้ หัวหน้าพรรคชาติไทย คาดการณ์ว่ากกต.จะทยอยประกาศรับรองความเป็นส.ส.ของส.ส.ทั้ง 83 คนที่ยังไม่ได้ถูกรับรองภายหลังการสอบส่วนที่ได้มีการร้องเรียนแล้วเสร็จในเร็ววันนี้--จบ--


จาก hi-thaksin

‘พปช.'มั่นใจ3พรรคการเมืองขนาดเล็กไม่แยกวง

นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน มั่นใจ 3 พรรคการเมืองขนาดเล็กที่ประกาศจับมือจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชน ยังคงทำงานการเมืองร่วมกับพรรคต่อไป แม้ว่าในขณะนี้พรรคจะประสบปัญหาในกรณีใบเหลือง ใบแดง ก็ตาม และยืนยันว่าจะไม่มีการเทคะแนนเสียงให้กับ 3 พรรคการเมือง เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องส่วนความเป็นไปได้ที่จะมีการเปลี่ยนขั้วการเมืองใหม่นั้น เห็นว่าขึ้นอยู่กับการพิจารณาใบเหลือง ใบแดง ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ว่าจะมีมากน้อยเท่าไร โดยตนยังเชื่อมั่นในการทำงานของ กกต. ว่าจะมีการพิจารณาด้วยความรอบคอบที่สุด
ส่วนท่าทีของพรรคชาติไทย กับ พรรคเพื่อแผ่นดิน ว่าจะเข้าร่วมในการจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชนหรือไม่นั้นเลขาธิการพรรคพลังประชาชน ระบุ ต้องรอการประกาศอย่างเป็นทางการของทั้ง 2 พรรคการเมืองก่อน ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถให้ความชัดเจนได้


จาก hi-thaksin

มือที่มองเห็น

2-3 วันนี้ มีคนพูดถึง "มือที่มองไม่เห็น" กันมากมายหลายเสียง
"มือที่มองไม่เห็น" เป็นอย่างไร แล้วทำไมถึงมองไม่เห็น
เมื่อมองไม่เห็นแล้วทำไมจึงมีอิทธิพลต่อประเทศชาติบ้านเมืองกันถึงขนาดที่ว่า จะทำให้การจัดตั้งรัฐบาล ที่ประชาชนตัดสินใจเลือกมาแล้วล้มเหลวเชียวหรือ?
"มือที่มองไม่เห็น" ที่พูดถึงกันอยู่ในเวลานี้ เดาๆ ไปตามสถานการณ์ ก็จะมีอยู่แค่สองมือ เป็นมือของคนคนหนึ่ง ที่นับวันจะมีฉายาบ่งชี้และบอกใบ้ให้เห็นตัวตนชัดขึ้นเรื่อยๆ
"อีแอบผมขาว" ก็น่าจะใช่
"ก้อนกรวดในรองพระบาท" ก็ไม่น่าจะผิด
"เตมีย์ใบ้" ก็น่าจะถูก
ตอนนี้ก็ได้ไปอีก 1 ฉายา คือ
"มือที่มองไม่เห็น"
เหตุที่มองไม่เห็น ก็เพราะว่าเจ้าของ "มือ" ชอบอยู่ในที่ลับ เร้นกายอยู่ในบ้าน "เสาน้อย" ชอบแอบสั่งการ แอบทำโน่น แอบทำนี่ อยู่หลังกำแพงสีขาวของบ้าน "เสาน้อย" อย่างที่เขาครหานินทากันหรือไม่ ก็ยังไม่มีใครยืนยันได้
แต่ที่ไม่น่าจะผิดก็คือ เจ้าของมือน่าจะเป็น "อีแอบ" แน่ๆ เพราะทำแต่ละอย่างต้องคอยแอบทำ กลัวคนเห็น
ไม่รู้ว่าทำไมจึงต้องกลัวคนเห็น และต้องแอบทำ ถ้าเชื่อมั่นว่าสิ่งที่ตนทำเป็นสิ่งที่ถูกต้องและดีงามเพื่อประโยชน์ของชาติบ้านเมืองและประชาชนจริง
โดยปกติวิสัยของคนชอบ "แอบ" ทำ "แอบ" พูด และ "แอบ" สั่ง มักจะเป็นคนที่รู้อยู่แก่ใจว่าทำ พูด และสั่งการในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ในสิ่งที่ตนไม่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้อง แต่อยากจะเข้ามาเกี่ยวข้อง อยากจะเข้ามามีอำนาจ มีส่วนร่วมในการทำเรื่องนั้นๆ
อย่างเช่น แอบแก้บัญชีแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ แอบสั่งให้ทหารก่อการรัฐประหาร แอบบัญชาการคณะรัฐประหารอยู่ในบ้าน แอบแทรกแซงการเลือกตั้ง แอบแทรกแซง กกต. แอบแทรกแซงการจัดตั้งรัฐบาล ที่หนักหนาสาหัสที่สุดก็คือ
แอบอยู่หลังสถาบันพระมหากษัตริย์ และแอบอ้างพระราชดำรัสเพื่อประโยชน์ส่วนตนและเป็นเกราะคุ้มครองตนเอง
ทุกเรื่องที่แอบทำ เป็นเรื่องที่ไม่สมควรจะกระทำทั้งสิ้น เมื่อคำนึงถึงตำแหน่งหน้าที่ที่มีอยู่ แต่เพราะไม่อาจจะยับยั้งกิเลสและความมักใหญ่ใฝ่สูงในใจตนได้ จึงทำให้ต้องแอบยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้อง จัดการ และแทรกแซงไปเสียทุกเรื่อง
เมื่อยับยั้งหักห้ามใจตนเองไม่ได้ และต้องยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้อง แทรกแซงเพื่อให้เป็นไปตามใจและความปรารถนาของตนเอง ก็ต้องทำอย่างระมัดระวัง และทำด้วยอาการ "แอบ" เพราะกลัวคนอื่นจะเห็น กลัวคนอื่นจะรู้ว่าทำสิ่งที่ไม่สมควรทำ
แต่ไม่ว่าจะแอบอย่างไร ก็ไม่อาจจะซ่อนตัวและซ่อนมือที่ยื่นออกมาได้สักครั้งเดียว
ทุกครั้งที่แอบทำ แอบพูด และแอบสั่ง มักจะต้องมีคนเห็น
เพราะ อาชญากรรมมักจะทิ้งร่องรอยและหลักฐานไว้เสมอ อีกทั้งความลับไม่มีในโลก
คำพูดที่ว่า "มือที่มองไม่เห็น" จึงไม่ใช่เรื่องจริงสำหรับผู้จับตามอง
แต่ผู้กระทำอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องจริง คือ คิดว่าไม่มีใครเห็นมือที่ตนยื่นออกไป เพราะคิดว่าตนเป็นผู้วิเศษ ล่องหนหายตัวได้ ทำอะไรไม่มีใครรู้ โดยที่หารู้ไม่ว่า ที่ผ่านมาใครๆ ก็รู้ว่าทำอะไรไปบ้าง และมีพฤติกรรมเช่นไร แต่ไม่มีใครอยากพูด เพราะเกรงใจ เห็นว่าเป็นผู้อาวุโส จึงไม่อยากถือโทษโกรธเคือง
เมื่อไม่มีใครพูด ก็ทำให้ผู้กระทำคิดว่าสิ่งที่ทำลงไปไม่มีใครเห็น จนเชื่อว่าตนคือผู้วิเศษ มี "มือที่มองไม่เห็น" จึงย่ามใจ และเข้าแทรกแซงกิจการบ้านเมืองเรื่อยมา
จนกระทั่งถูก นายสมัคร สุนทรเวช กระแอมเสียงดังและฟ้องประชาชนว่ามี
"มือที่มองไม่เห็น" พยายามจะแทรกแซง กกต. จนเจ้าของมือต้องหดมือไปแบบฉับพลัน
เป็นที่น่าประหลาดว่า เหตุใด กกต. บางคน และนักการเมืองบางคนในพรรคประชาธิปัตย์ อย่าง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และทหารบางจำพวก เช่น พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน และคนรับใช้เผด็จการ อย่าง นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์
จึงเชื่อถือ "มือที่มองไม่เห็น" ว่ามีอำนาจอิทธิพลที่จะกดดันให้การจัดตั้งรัฐบาลพลิกขั้วเปลี่ยนข้างได้
บางคนเชื่อหนักไปถึงขั้นที่ว่า
"มือที่มองไม่เห็น" จะดลบันดาลให้พรรคพลังประชาชน ที่ประชาชนเลือกมาเป็นรัฐบาล ต้องเป็นฝ่ายค้าน และพรรคประชาธิปัตย์มาเป็นรัฐบาลแทน
คนเหล่านี้เชื่อถือ "มือที่มองไม่เห็น" ของใครบางคนที่กระทำตัวเป็นอีแอบ ซ่อนตัวอยู่หลังฉากตลอดเวลา มากกว่า "มือที่มองเห็น" ซึ่งเป็นมือของประชาชนทั่วประเทศ ที่ตัดสินแล้วว่าจะให้พรรคการเมืองใดเป็นรัฐบาล
ระหว่าง "มือที่มองไม่เห็น" ของ "อีแอบ" กับ "มือที่มองเห็น" ของประชาชน ในระบอบประชาธิปไตย เราควรจะเชื่อถือและยอมรับ "มือ" ของใคร
วันนี้ประชาชนได้แสดงให้เห็นว่า ยกมือให้ใครไปเป็นรัฐบาล เป็นการยกมืออย่างเปิดเผย โปร่งใส ไม่ต้องแอบๆ ซ่อนๆ แต่กลับไม่ได้รับจาก กกต. บางคน นักการเมืองบางพรรค ทหารบางพวก
ยังมีความพยายามที่จะ "ไม่มอง" และตั้งใจที่จะ "มองไม่เห็น" มือของประชาชนที่ลงคะแนนให้พรรคพลังประชาชน หากแต่กลับไปมอง
"มือ" ที่แอบยื่นออกมาชี้ให้ทำตามความพึงพอใจของตนเพียงคนเดียว
ผมไม่แน่ใจว่า กกต. กำลังสร้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่ต้องเคารพการตัดสินใจของประชาชน และทำตาม "มือที่มองเห็น" หรือ รับฟัง "อีแอบ" และคอยดูสัญญาณจาก "มือที่มองไม่เห็น" กันแน่
กกต. ทั้ง 5 ท่าน ตอบได้ไหม


นายกอ....


/////////////////////////////////////////


คอลัมน์:ละครชีวิต....


จากหนังสือพิมพ์รายวันประชาทรรศน์ 4/01/51


‘พปช.'พึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบแจกใบแดงกกต.

นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน แถลงหลังการประชุมฝ่ายกฎหมายของพรรคว่า ทางพรรคได้รับทราบข้อมูลใหม่ว่า กกต.จังหวัดบุรีรัมย์ ไม่เคยวินิจฉัยให้ใบแดงกับ 3 ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) จังหวัดบุรีรัมย์ ของพรรค ซึ่งพบว่ามีหลักฐานที่ชัดเจน ทั้งเอกสารคำวินิจฉัยของประธานกกต.บุรีรัมย์ ทั้งคำพูดของรองประธานกกต.บุรีรัมย์ ที่ระบุว่า ไม่ได้ให้ใบแดงกับ 3 ว่าที่ ส.ส. ดังนั้น ทางพรรค จึงตั้งข้อสังเกตว่า ขั้นตอนการให้ใบแดงผู้สมัครอยู่ในขั้นตอนใด และหากกกต.บุรีรัมย์ วินิจฉัย ไม่ตรงกับกกต.กลาง ๆ น่าจะเชิญผู้สมัครมาให้ข้อมูล ก่อนที่จะให้ใบแดง เลขาธิการพรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ ทางพรรคจะยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้ตรวจสอบขั้นตอนและกระบวนการแจกใบแดงของกกต.ว่าถูกต้องหรือไม่

ในส่วนที่ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง มีมติรับคำฟ้องกรณีที่พรรคพลังประชาชน เป็นตัวแทนของพรรคไทยรักไทย รวมถึงเรื่องที่มีการระบุว่า มีการแจกวีซีดีของอดีตนายกรัฐมนตรี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน กล่าวว่า คณะทำงานฝ่ายกฎหมายจะรวบรวมข้อมูลชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาในวันที่ 15 ม.ค. อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า พรรคพลังประชาชนไม่ได้เป็นตัวแทนของพรรคไทยรักไทย ไม่เคยแจกวีซีดีด้วย


จาก hi-thaksin

ปชป.เผยม็อบบุรีรัมย์ ได้ค่าจ้างหัวละ 200 บ.

นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ อดีตผู้สมัครรับเลือกตั้ง เขต 3 จ.บุรีรัมย์ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง


กรณีที่ประชาชนจำนวน 20,000 คน ร่วมชุมนุมเคลื่อนไหวหน้าสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จ.บุรีรัมย์ เนื่องจากกกต.กลางมีมติให้ใบแดง ว่าที่ส.ส.เขต 1 จ.บุรีรัมย์ พรรคพลังประชาชน จำนวนว่า ไม่เหมาะสมกับสภาวการณ์ในขณะนี้ ซึ่งเป็นห้วงเวลาของการแสดงความจงรักภักดีของประชาชนชาวไทยต่อ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ที่สิ้นพระชนม์

นายไชยวัฒน์ กล่าวต่อว่า ได้รับทราบข้อมูลจากชาวบ้านว่า

มีการจ้างประชาชนให้มาชุมนุม คนละ 200 บาท ส่วนคนที่เป็นแกนนำนั้น จะได้ค่าจ้างคนละ 1,000 บาท อย่างไรก็ตาม เห็นว่าเรื่องนี้ทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะต้องเข้าไปดำเนินการสืบหาข้อเท็จจริงต่อไป ด้านนพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน ปฏิเสธให้ความคิดเห็นต่อกรณีดังกล่าว โดยระบุว่า ในวันที่ 5 - 6 มกราคมนี้ คณะทำงานด้านกฎหมายของพรรคพลังประชาชนอาจหารือเกี่ยวกับกรณีที่ นายไชยวัฒน์ ได้ยื่นฟ้องต่อศาลฎีกา กรณีพรรคพลังประชาชนเป็นนอมินีของพรรคไทยรักไทย

ชท.เล็งเปลี่ยนขั้วหลังพปช.ไม่ผ่านการรับรอง

พรรคชาติไทย ไม่แปลกใจที่ ว่าที่ สส.ของพรรคพลังประชาชน ยังไม่ผ่านการรับรองจาก กกต.ถึง 65 คน ระบุหากโดนใบแดงมาก ชาติไทยต้องทบทวนจุดยืนร่วมรัฐบาลใหม่

นายวราวุธ ศิลปอาชา กรรมการบริหารพรรคชาติไทย กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง ( กกต.) ยังไม่ประกาศรับรอง 65 ว่าที่ ส.ส.ของพรรคพลังประชาชนว่า ไม่ได้เหนือความคาดหมาย เพราะเป็นพรรคการเมือง ใหญ่ และเป็นเรื่องปกติที่จะมีการร้องเรียนมาก อย่างไรก็ตาม หากพรรคพลังประชาชนโดนใบแดงเป็นจำนวนมาก ทางผู้ใหญ่ในพรรคคงต้องมีการหารือเพื่อทบทวนถึงจุดยืนของพรรคอีกครั้ง แต่โดยเบื้องต้น จุดยืนของพรรคชาติไทย ยังคงเดิม คือจับมือจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคพลังประชาชน

นายวราวุธ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่า นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย จะไม่ถูก กกต.แจกใบแดง หลังถูกกล่าวหาว่า ได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ เนื่องจากไม่ได้กระทำผิด

พร้อมกันนี้ นายวราวุธ กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า ในวันจันทร์ที่ 7 มกราคม นี้ เวลาประมาณ 13.00 น. แกนนำพรรคและผู้สมัครจะเดินทางไปรับหนังสือรับรองจาก กกต. เพื่อรายงานต่อสภา ขณะที่เชื่อมั่นว่า จะสามารถเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ตามกำหนดระยะเวลาเดิม


“เติ้ง”ย้ำยึดคำสัญญากับ พปช.เชื่อถูกสอยไม่ถึง 20

เมื่อวันที่ 5 ม.ค. นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวถึงกรณีที่ กกต. ยังไม่รับรองว่าที่ ส.ส. ถึง 83 คนว่า ที่ยังไม่รับรองเพราะไม่ยังไม่แน่ เนื่องจากยังมีการร้องเรียนอีกทั้งการสอบสวนของ กกต. ยังไม่เสร็จสมบูรณ์จึงยังไม่ประกาศทั้งหมด คิดว่าเร็วๆนี้หลังจากสอบสวนเรื่องร้องเรียนเสร็จแล้ว คงจะมีการทยอยประกาศรับรองไปเรื่อยๆ เป็นธรรมดาในเมื่อ กกต. ทำงานได้แค่นี้ก็ต้องประกาศแค่นี้ก่อน ต้องให้เวลา กกต. อีกสักระยะหนึ่ง ตนเชื่อว่าไม่น่ามีปัญหา อย่างไรก็ตามในส่วนของพรรคชาติไทยที่ยังไม่ได้รับการรับรองอีก 4 คนนั้น ตนได้สอบถามและทราบว่าทุกคนได้ชี้แจงต่อกกต.จังหวัดไปหมดแล้ว ส่วนพรรคอื่นก็แล้วแต่กรณีของแต่ละพรรคไป

ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคพลังประชาชนยังไม่ได้รับรอง 65 คนจะกระทบถึงแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า การที่จะให้โดนใบเหลืองใบแดงทั้ง 65 คนเป็นไปไม่ได้คงจะมีทั้งใบเหลืองและใบแดงคละเคล้ากันไป และอาจจะมีพรรคอื่นโดนบ้าง และเท่าที่ตนประเมินไม่น่าจะมีปัญหาเกิดขึ้นในอนาคต เพราะทั้ง 65 คนของพรรคพลังประชาชน หากคิดว่าโดนสัก 20 ใบเหลือ 40 กว่าใบ ซึ่งเมื่อรวมแล้วพรรคพลังประชาชนก็ยังมีคะแนนเสียงสูงกว่าพรรคประชาธิปัตย์ และถึงแม้ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะได้คะแนนเพิ่มขึ้นไปกว่านี้ ก็คงไม่ง่ายเพราะส่วนใหญ่ที่โดนคือภาคเหนือและภาคอีสาน ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ไม่ค่อยมีตัวสำรองในพื้นที่ดังกล่าว เพราะส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ของพรรคเพื่อแผ่นดินมากที่สุด มีพรรคชาติไทยบ้างประปรายและเป็นพรรคมัชฌิมาธิปไตยและพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ดังนั้นอาจได้กระจายไปตามพรรคเหล่านี้ก็เป็นได้

เมื่อถามว่าหลังจากที่พรรคพลังประชาชนให้ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรค มาเชิญเข้าร่วมรัฐบาลแล้วพรรคชาติไทยจะตัดสินใจอย่างไร นายบรรหารกล่าวว่า ในวันที่ได้มาเชิญพรรคชาติไทย ตนได้รับปากในเบื้องต้นแล้ว ซึ่งตนยังยืนยันและให้คำมั่นสัญญาไปแล้ว ส่วนการประกาศเป็นทางการร่วมกับพรรคเพื่อแผ่นดินอย่างไรต้องดูช่วงเวลาที่เหมาะสมอีกครั้งหนึ่ง ขอหารือกับพรรคเพื่อแผ่นดินก่อน ขอดูเหตุการณ์ไปก่อนไม่ได้เร่งแล้ว เพราะตอนนี้เป็นช่วงต้องงดกิจกรรมทางการเมือง 3 วัน7 วัน.


“เลี๊ยบ” ยังรอท่าที ชาติไทย-เพื่อแผ่นดิน ร่วมรัฐบาล

น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อแผ่นดินและพรรคชาติไทยยังไม่แสดงท่าทีที่ชัดเจนในการร่วมรัฐบาล ว่า ตอนนี้ยืนยันว่จะรวมกัน 3 พรรคในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งอีก 2 พรรคก็ยังไม่ได้แถลงอย่างเป็นทางการ ซึ่งคาดว่าจะรอผลการพิจารณาให้ใบรับรองของกกต. ซึ่งเราเองก็ยังรอจนกว่าทั้ง 2 พรรคจะแถลงอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตามเรายืนยันว่าอยากได้ให้รัฐบาลมีเสียงสัก 280 เสียง เพื่อให้มีเสถียรภาพในการขับเคลื่อนนโยบาย แต่หากเสียงเกินกึ่งหนึ่งมากไม่มาก ก็ต้องพิจารณาในการรับตำแหน่งรัฐมนตรี เพราะเดิมเราคิดว่าจะพิจารณาผู้จะมารับตำแหน่งรัฐมนตรีจากคนในก่อน หากเป็นเช่นนั้นส.ส.สัดส่วนที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี อาจจะต้องลาออกจากตำแหน่งส.ส.สัดส่วน เพื่อให้คนที่อยู่ในอันดับต่อไปเลื่อนขึ้นมาเพื่อทำงานในสภาแทน.



พปช.เรียกประชุมฝ่ายกฎหมาย เตรียมแจงข้อหานอมินี

ที่ทำการพรรคพลังประชาชน นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน แถลงภายหลังการประชุมฝ่ายกฎหมายของพรรคพลังประชาชน ว่า ที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับกรณีที่มีการฟ้องศาลฎีกาแผนกเลือกตั้งในข้อกล่าวหาที่ว่าพรรคพลังประชาชนเป็นนอมินีของพรรคไทยรักไทย รวมทั้งการแจกจ่ายซีดี ซึ่งฝ่ายกฎหมายได้เตรียมข้อมูลไว้ชี้แจงต่อศาลฎีกาที่จะมีการไต่สวนมูลฟ้องนัดแรกในวันที่ 15 ม.ค. นี้ โดยจะเป็นการชี้แจงข้อเท็จจริง ที่ว่าพรรคพลังประชาชนเป็นพรรคที่ตั้งขึ้นมาโดยมีนโยบายชัดเจน และการแจกซีดีเราก็เน้นการแจกซีดีที่เกี่ยวข้องกับการปราศรัยของหัวหน้าพรรค และนโยบายด้านเศรษฐกิจเท่านั้น

น.พ.สุรพงษ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังได้เตรียมข้อมูลเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการกฤษฎีกาที่จะมีการประชุมในวันที่ 7 ม.ค. เพื่อพิจารณามติของ กกต.ในการให้ใบแดงว่าที่ส.ส.เขต 1 บุรีรัมย์ พรรคพลังประชาชน เพราะพรรคได้รับข้อมูลใหม่ซึ่งมีทั้งเอกสาร และซีดีการบันทึกคำพูดของ กกต.จังหวัดบุรีรัมย์ ว่า ไม่เคยเสนอให้กกต.กลางให้ใบแดงแก่ว่าที่ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคพลังประชาชนเลย ซึ่งขัดกับข้อเท็จจริงที่ทาง กกต.กลางระบุออกมาว่าการให้ใบแดงว่าที่ส.ส.บุรีรัมย์ เป็นข้อเสนอของกกต.จังหวัด อีกทั้งอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนของกกต.ระบุว่าควรเป็นใบแดง กกต. ทำให้ข้อมูลที่ออกมาทั้ง 2 ฝ่ายไม่ตรงกัน ซึ่งตามหลัก กกต.กลางควรที่จะเรียกว่าที่ส.ส.ของพรรคไปชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อให้เป็นการรับฟังข้อมูลรอบด้าน ตนอยากให้กรณีนี้เป็นกรณีศึกษาของการพิจารณาให้ใบเหลืองใบแดงของ กกต.ในการพิจารณาให้กับว่าที่ส.ส.ที่ยังไม่ได้รับรองอีก 83 คน

ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่ไม่เห็นด้วยกับการให้ใบแดงของกกต. ทำให้เกิดการชุมนุมของประชาชนในจังหวัดบุรีรัมย์หรือไม่ น.พ.สุรพงษ์ กล่าวว่า การแสดงออกของประชาชนเป็นสิ่งที่ทำได้ แต่ก็ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมายและรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะมีการขนคนมาหรือไม่ ตนไม่ทราบ แต่ยืนยันว่าประชาชนมีสิทธ์แสดงความเห็น ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ซึ่งตนอยากยกตัวอย่างการใบเหลืองที่ จ.นครราชสีมา ซึ่งก็ไม่มีประชาชนออกมาเคลื่อนไหวเพราะอาจจะเห็นว่ากระบวนการพิจารณาของ กกต.เป็นไปตามขั้นตอนที่ถูกต้อง แต่ในกรณีการให้ใบแดงที่จ.บุรีรัมย์ ก็มีข้อสงสัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความเห็นของ กกต.จังหวัด หรือการไม่เรียกผู้ถูกกล่าวหาไปชี้แจง ซึ่งข้อสงสัยเหล่านี้เป็นสิทธิ์ที่ประชาชนสามารถตั้งข้อสงสัยได้

เมื่อถามว่าแสดงว่าจุดยืนของพรรคเห็นด้วยการกับชุมนุมกดดันกกต. น.พ.สุรพงษ์ กล่าวว่า เรายืนยันว่าประชาชนมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็น แต่ต้องอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย สิ่งนี้อาจจะเป็นกรณีศึกษาของกกต.ที่จะต้องดำเนินการให้โปร่งใสและเป็นธรรม ไม่ให้ประชาชนทั่วไปสงสัยได้ เมื่อถามต่อว่า เกรงหรือไม่ว่าจะเกิดกระแสการไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของกกต.แล้วจะเกิดการชุมนุมทำให้เกิดความวุ่นวายในหลายจังหวัด น.พ.สุรพงษ์ กล่าวว่า หากกกต.พิจารณาด้วยความโปร่งใส เรื่องพวกนี้ก็คงไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตามตนยังเชื่อมั่นว่ากกต.ทั้ง 5 จะพิจารณาขั้นตอนการให้ใบเหลือง-ใบแดงอย่างเป็นธรรม และว่าที่ส.ส.ของพรรคที่ยังไม่ได้รับรองจะสามารถชี้แจงข้อกล่าวหาได้.


กกต.หวั่นมือมืดป่วนการชุมนุมกดดัน กกต.บุรีรัมย์ [5 ม.ค. 51 - 16:00]

นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าววันนี้ (5 ม.ค.) ว่า อยากขอร้องชาวจังหวัดบุรีรัมย์ อย่ากดดัน กกต. จังหวัดกรณีว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ของพรรคพลังประชาชน (พปช.) ได้รับใบแดง เพราะเกรงว่าจะมีการสวมรอย และทำให้ปัญหาบานปลาย เพราะการพิจารณาอยู่ที่ กกต. กลาง และในขั้นตอนถือว่ายังไม่ยุติ เนื่องจากต้องรอการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรอง ของคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่อาจมีความเห็นตรงข้ามกับกรรมการการเลือกตั้งได้

กรรมการการเลือกตั้ง กล่าวด้วยว่า ขอยืนยันว่า กกต.กลางได้ใช้ดุลพินิจ โดยยึดพยานหลักฐานและข้อกฎหมาย ไม่มีการตั้งธงในการให้ใบแดงกับผู้สมัครของพรรคพลังประชาชน สำหรับการประชุม กกต.ในวันจันทร์นี้ (7 ม.ค.) จะได้พิจารณาเรื่องการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งในส่วนที่เหลือ โดยเฉพาะกรณีที่ กกต.ได้ยกคำร้องคัดค้านของผู้สมัคร 6 ราย รวมทั้งจะมีการพิจารณาการกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ของเขต 1 จังหวัดลำปาง ว่าจะให้เลือกตั้งในวันที่ 13 หรือ 20 ม.ค.51


ชาวบุรีรัมย์ร่วมหมื่นคน ประท้วงกกต.แจก 3 แดง พปช.

วานนี้ (4 ม.ค.) ว่าที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชน เขต 1 จ.บุรีรัมย์

ที่ถูกให้ใบแดงทั้ง 3 คน ประกอบด้วย นายทรงศักดิ์ ทองศรี นายประกิจ พลเดช และนายพรชัย ศรีสุริยันโยธิน พร้อมชาวบ้านจากทุกอำเภอใน จ.บุรีรัมย์ กว่า 10,000 คน ได้เดินทางเข้ามาชุมนุมประท้วงที่หน้าสำนักงาน คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ประจำจังหวัด เพื่อคัดค้านการพิจารณาให้ใบแดง 3 ว่าที่ ส.ส. อ้างไม่เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายเลือกตั้ง

โดยแกนนำชาวบ้าน และว่าที่ ส.ส.ที่ถูกให้ใบแดงได้ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นปราศรัย โจมตีกล่าวหาการทำงานของ กกต.ว่าไม่เป็นกลาง

พร้อมเรียกร้องให้ออกมาชี้แจงถึงความชอบธรรมด้วย ท่ามกลางกำลังตำรวจ ทหาร ที่มารักษาความสงบ เรียบร้อยร่วม 100 นาย เกรงจะเกิดความวุ่นวาย นอกจากนั้นชาวบ้านที่มาชุมนุมประท้วง ยังได้ร่วมกันลงชื่อถอดถอน นายเกษม วัฒนธรรม ประธาน กกต.จังหวัด และ พ.ต.อ.สังวรณ์ ภู่ไพจิตรกุล กกต.ฝ่ายสืบสวนสอบสวน ออกจากตำแหน่งอีกด้วย นายประกิจ พลเดช 1 ในว่าที่ ส.ส.ที่ถูกให้แดง กล่าวว่าตามที่นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต.กลาง ระบุว่าได้เรียก 3 ว่าที่ ส.ส.บุรีรัมย์ที่ได้รับใบแดงไปชี้แจงแล้วนั้น ตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง โดยจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีใครไปชี้แจงข้อเท็จจริงแม่แต่คนเดียว

ขณะเดียวกัน นายทรงศักดิ์ ทองศรี ว่าที่ ส.ส. และผู้ประสานงานพรรคพลังประชาชน พร้อมว่าที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชน จาก 4 เขตเลือกตั้ง 9 คน ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์

ให้ดำเนินคดีกับนายเกษม วัฒนธรรม ประธาน กกต.บุรีรัมย์ และ พ.ต.อ.สังวรณ์ ภู่ไพจิตรกุล กกต. ฝ่ายสืบสวนสอบสวน โดยกล่าวหาว่าทั้งสองปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบวางตัวไม่เป็นกลาง ร่วมกันสร้างพยานหลักฐานเท็จ ในการพิจารณาความผิดให้ใบเหลืองในแดงผู้สมัคร ทั้งได้นำผู้ต้องหาที่หนีหมายศาล จ.ร้อยเอ็ด มาเป็นพยานในคดีซื้อเสียง ทั้งนี้ หลังพนักงานสอบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ รับแจ้งจะได้รายงานผู้บังคับบัญชา พร้อมสืบสวนสอบสวนต่อไป


กกต.วอนอย่าชุมนุมประท้วงกดดัน บอกพร้อมรับฟังข้อเท็จจริง

กกต.วอนอย่าชุมนุมประท้วงกดดัน แจกใบเหลือ-แดง เผยพร้อมรับฟังข้อคิดเห็น ยันกกต. ไม่เคยตั้งธงล่วงหน้าในการทำงาน

นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านบริหารการเลือกตั้ง กล่าวถึงกรณีที่การชุมนุม ขับไล่กกต.จังหวัดบุรีรัมย์ เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมเห็นว่าการปฏิบัติหน้าที่ของกกต.จ.บุรีรัมย์ ไม่ถูกต้อง ว่า การพิจารณาให้ใบเหลืองหรือใบแดง หรือการไม่ประกาศรับผลการเลือกตั้งว่าที่ส.ส.บางคนอย่างเป็นทางการ เป็นการพิจารณาของกกต.กลาง จึงขออย่าให้ผู้ที่ไม่เข้าใจออกมาเคลื่อนไหวเพื่อกดดันการทำงาน เพราะขณะนี้ขั้นตอนต่างๆ ยังไม่ยุติ

นอกจากนี้ ยังกังวลว่าอาจมีกลุ่มอื่นมาแอบแฝงเพื่อสร้างความรุนแรงได้และขอยืนยันว่า การทำงานของกกต. เป็นตามพยานและหลักฐาน

'อย่าเพิ่งไปกล่าวหา เพราะว่าเขา (กกต.จังหวัดบุรีรัมย์) ก็ทำงานตามหน้าที่ หากมีประเด็นใดที่ไม่ถูกต้อง ก็ให้เสนอข้อเท็จจริงเข้ามา เรื่องก็ยังอยู่ในการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา'

นายประพันธ์ กล่าวว่า การประกาศไม่รับรองผลการเลือกตั้งว่าที่ส.ส.อย่างเป็นทางการ ถือว่าเป็นเรื่องบังเอิญที่ตรงกับการคาดเดาของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งนี้ ขอยืนยันว่ากกต.ไม่เคยตั้งธงในการทำงาน

ส่วนกรณีที่กกต.มีมติให้ใบเหลืองแก่ นายธนาธร โล่ห์สุนทร ว่าที่ส.ส. จ.ลำปาง เขต 1 พรรคพลังประชาชน นั้น นายประพันธ์ กล่าวว่า วันที่ 7 มกราคมนี้จะมีการประชุมตัดสินใจว่า จะให้มีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 13 มกราคมนี้ หรือ 20 มกราคมนี้


เป็นเสียเอง [5 ม.ค. 51 - 18:26]

เหมือนว่าประเทศไทยจะตกอยู่ในบรรยากาศเศร้าโศกเสียใจอาลัยต่อการจาก ไปของ “สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ” ประชาชนต่างแต่งชุดดำและไปร่วมไว้อาลัย กันอย่างเนืองแน่นและต่อเนื่อง

เพราะเป็นความสูญเสียครั้งสำคัญอีกครั้งในความรู้สึกของคนไทย

เหนืออื่นใดในห้วงนี้ดูเหมือนการเมืองจะเบาบางลง เพราะนักการเมืองต่างหยุดเคลื่อนไหว ชั่วคราวเพื่อระลึกถึงพระองค์ท่าน

แต่ที่ยังหยุดไม่ได้คือ กกต.ซึ่งจะต้องทำหน้าที่อย่างต่อเนื่องเพราะมีเงื่อนไขเวลา อันจำกัดที่จะพิจารณาให้ใบเหลือง-ใบแดงแก่ผู้สมัครที่ถูกร้องเรียนว่ากระทำผิดเลือกตั้ง และอีกส่วนหนึ่งคือจะต้องประกาศรับรองผู้สมัครบางส่วน

ประกาศรับรองชุดแรกไปแล้ว 397 คน เหลืออีก 83 คนที่กำลังมีการพิจารณาว่า จะมีความผิดหรือไม่ จะถูกใบแดง-ใบเหลืองหรือว่าหลุดรอดไปได้ ซึ่ง กกต.จะต้องดำเนินการให้เสร็จใน 30 วันซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญ

จากนั้นก็จะเปิดสภา เลือกประธานสภาผู้แทนฯและนำไปสู่การโหวตเลือกนายกฯต่อไป ซึ่งนั่นต้องหมายความว่ามีจำนวน ส.ส.ครบจำนวนเต็ม 480 คน หรือต้องได้ 95%

ตรงนี้แหละคืองานสำคัญของ กกต.และจะเป็นการโชว์ผลงานว่ามีฝีมือแค่ไหน ถูกต้องแม่นยำแค่ไหน สุจริตโปร่งใสแค่ไหน ทำให้ การเลือกตั้งบริสุทธิ์ยุติธรรมได้หรือไม่ และที่สำคัญกล้าชี้ขาดไม่ต้องไปหวั่นไหวต่อแรงกดดันได้มากน้อยแค่ไหน

มีประเด็นหนึ่งที่นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชนออกมาปูดว่า มีมือลึกลับเข้ามาแทรกแซง กกต.ในการแจกใบแดง-ใบเหลือง และกล่าวถึงนายตำรวจจากสันติบาลที่เข้ามาช่วยงานสืบสวน

สอบสวนที่แนบแน่นกับพรรคการเมืองตรงข้ามและกลุ่มพันธมิตร

แต่ กกต.ก็ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกันเพราะอาสาเข้ามาทำหน้าที่ด้วยสุจริตและไม่มีหน้าที่ในการชี้ขาด แต่ทำให้งานรวดเร็วขึ้น

จริงๆแล้วตรงนี้คงไม่ใช่ประเด็นใหญ่หาก กกต.ยอมรับว่าจะต้องเจอสภาพการณ์เช่นนี้ จากแรงกกดันทางการเมือง ต้องเตรียมใจเตรียมปัญญารองรับเอาไว้ เพราะเรื่องแบบนี้ มันต้องเกิดขึ้นอยู่แล้ว

อยู่ที่ว่าจะ “นิ่ง” ได้แค่ไหนเท่านั้น

แต่ปัญหาจริงๆมันอยู่ใน กกต.เองนั่นแหละ ไม่ใช่แรงกดดันจากภายนอกที่ไหนเพราะรู้กันดี ว่าระหว่าง กกต.บางคนนั้นศรศิลป์ไม่กินกันและมีการพูดจาตอแยกันมาตลอด เพียงแต่ไม่เปิดตัวกันตรงๆเท่านั้น

ที่สุดก็เปิดตัวออกมาระหว่างนายสมชัย จึงประเสริฐ ที่รับผิดชอบงานนี้โดยตรงกับนางสดศรี สัตยธรรม กกต.ที่พยายามแสดงว่ามีบทบาทมากที่สุด พูดแสดงความเห็นมากสุด

พูดง่ายๆวุ่นจนหยดสุดท้าย

จากเหตุที่ถูกพรรคพลังประชาชนโจมตี นายสมชัยจึงออกอาการและเปิดใจ ว่าไม่อยากอยู่ต่อไปแล้ว อยากคืนสังกัดเก่าเพราะถูกโจมตีว่าทำงานล่าช้า

เหตุก็เพราะไม่พอใจที่มีการนำตำรวจสันติบาลมาทำงานทั้งๆที่มีเจ้าหน้าที่รับผิดชอบอยู่แล้ว แต่นางสดศรีบอกว่ามาช่วยงานมากกว่าและยังบอกด้วยว่าหลังชี้ขาดใบเหลือง-ใบแดง อาจจะมีการเปลี่ยนหน้าที่

หรืออาจจะมี 4 กกต.แค่นั้นก็ทำงานได้ กดดันใครก็รู้กันอยู่

ครับ...ก็คงจะพอมองเห็นภาพความขัดแย้งที่เกิดขึ้น นี่มีแค่ 5 คนเท่านั้นยังวุ่นขนาดนี้ แต่ที่น่าเสียดายก็คือแทนที่ทั้ง 5 คนจะแสดงความเป็นผู้ใหญ่ เป็นหลักให้บ้านเมือง เพราะ กกต.ต้องทำหน้าที่สำคัญเพื่อชาติบ้านเมือง ในการจัดการเลือกตั้ง ตรวจสอบคุณสมบัติอย่างโปร่งใส

เพราะ “นักการเมือง” ต้องเข้ามาทำหน้าที่สำคัญของชาติ

แต่วันนี้ดันทำตัวเป็น “ผู้ใหญ่ไก่เขี่ย” ไปเสียฉิบ.

"สายล่อฟ้า"

'แม้ว'บัญชาเอง เรือใบช่วยทีมชาติ [5 ม.ค. 51 - 04:09]

นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศ ไทย กล่าวเปิดเผยถึงรายละเอียดในการเตรียมทีมชาติไทยชุดสู้ศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบแบ่งกลุ่ม 20 ทีมสุดท้าย ที่ทีมชาติไทยมีคิวประเดิมแข้งนัดแรกด้วยการไปเยือนทีมชาติญี่ปุ่น ในวันที่ 6 ก.พ. โดยล่าสุดจากการประชุมหารือร่วมกันระหว่างคณะทำงานของทีมบอลโลก ได้ข้อสรุปว่า ขุนพลนักเตะไทยจะกลับไปเก็บตัวฝึกซ้อมที่สโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ประเทศ อังกฤษอีกครั้ง เป็นเวลาประมาณครึ่งเดือนเต็ม โดยคาดว่าจะออกเดินทางสู่เมืองแมนเชสเตอร์ในสัปดาห์หน้า


นายกลูกหนังไทยเผยว่า การไปเก็บตัวฝึกซ้อมในถิ่นเรือใบสีฟ้าในคราวนี้ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดได้รับความอนุเคราะห์ดูแลจากทางประธานสโมสรแมนฯซิตี้ พ.ต.ท.ดร. ทักษิณ ชินวัตร พร้อมกันนี้ ทาง “บิ๊กแม้ว” ก็ได้สั่งการโดยตรงให้อำนวยความสะดวกให้กับทีมชาติไทยอย่างเต็มที่ เพราะมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะสนับสนุนให้ทีมไทยไปถึงฝั˜งฝันในการไปเล่นบอลโลก รอบสุดท้ายให้ได้ โดยกำชับว่าหากทีมไทยต้องการอะไร แบบไหนจากทางสโมสร ก็ให้ขอล่วงหน้ามาได้เลย จะได้จัดเตรียมไว้ให้ทุกอย่าง

นอกจากนี้ ประธานสโมสรเรือใบสีฟ้า ยังเตรียมที่จะเปิดวอร์รูมของสโมสรเป็นกรณีพิเศษ แล้วให้จัดหาข้อมูล วีดิโอเทปการเล่นของคู่แข่งทั้ง 3 ชาติของไทย คือ ญี่ปุ่น โอมาน และบาห์เรน เพื่อนำมาเปิดศึกษาผ่าฟอร์มหาจุดเด่น-จุดด้อย ของผู้เล่นทุกชาติอย่างละเอียดยิบแบบคนต่อคนซึ่งเป็นยุทธวิธีเดียวกับที่ทีมแมนฯซิตี้ ใช้วางแผนเตรียมรับมือกับคู่แข่งแต่ละนัดในศึกพรีเมียร์ลีก ซึ่งทำให้ทีมเรือใบสีฟ้าสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในเวลานี้ ขณะเดียวกันก็จะให้กุนซือใหญ่ สเวน โกรัน อีริกสัน และสตาฟฟ์ทั้งหมดของสโมสรมาช่วยระดมสมองวิเคราะห์เจาะฟอร์มคู่ต่อสู้ของไทยอีกด้วย ซึ่งถือเป็นประโยชน์มหาศาลจริงๆสำหรับทีมชาติไทย

ส่วนแผนการเดินทางเข้าญี่ปุ่น เพื่อเตรียมประเดิมศึกคัดเลือกบอลโลกนั้น “นายกยี” เผยว่า นักเตะไทยจะเดินทางกลับจากแมนฯซิตี้ ไม่เกินวันที่ 26 ม.ค. จากนั้นตนคิดว่าอาจจะให้ทั้งหมดเดินทางล่วงหน้าเข้าญี่ปุ่นไปก่อนสัก 1 สัปดาห์เพื่อปรับสภาพร่างกาย และจะได้มีโอกาสได้ดูเกมอุ่นเครื่องนัดสุดท้ายของทีมชาติซามูไร ที่จะพบกับทีมชาติชิลี ในวันที่ 30 ม.ค. ที่สนามเมืองไซตามะ ที่จะเป็นสังเวียนแข้งที่เราจะเจอกับญี่ปุ่น ในวันที่ 6 ก.พ.ด้วย

ทางด้าน “โค้ชหรั่ง” ชาญวิทย์ ผลชีวิน กุนซือใหญ่ทีมชาติไทย เปิดเผยว่า จากการหารือร่วมกันของคณะทำงานเมื่อวันก่อน แผนการกลับไปเก็บตัวที่แมนฯซิตี้ ถือว่าเหมาะสมและลงล็อกมากที่สุด ซึ่งในเบื้องต้นเราจะเอานักเตะไปอังกฤษประมาณ 25 คน ซึ่งจากรายชื่อที่ประกาศออกมาถ้าเราตัดตัวผู้เล่นที่ค้าแข้งอยู่ในเวียดนามและสิงคโปร์ออกไปก็น่าจะพอดีแล้ว ซึ่งนักเตะที่อยู่ต่างประเทศจะเข้ามาสมทบกับทีมหลังกลับจากอังกฤษ ส่วนเกมอุ่นเครื่องระหว่างที่อยู่เมืองผู้ดี กำลังประสานงานให้มีอย่างน้อย 2 แมตช์ กับทีมสโมสรระดับดิวิชั่น 1


คตส.ร่อนจดหมายแจ้งข้อกล่าวหา"ทักษิณ"

นายแก้วสรร อติโพธิ กรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ในฐานะอนุกรรมการไต่สวนกรณี พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้กับตนเอง ครอบครัวและพวกพ้อง เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการไต่สวนว่า หลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มารับทราบข้อกล่าวหาตามกำหนดในวันที่ 3 ม.ค. นายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส. ได้ลงนามส่งข้อกล่าวหาไปทางไปรษณีย์ถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ตามภูมิลำเนาจำนวน 2 สำนวน คือ 1. คดีอาญา ประกอบด้วยการกล่าวหาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังคงถือไว้ซึ่งธุรกิจสัมปทาน มีความผิดทางอาญาตามกฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 100 และความผิดเกี่ยวกับการแปลงค่าสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต ซึ่ง พ.ต.ท. ทักษิณ มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง ผิดกฎหมายอาญา มาตรา 152 ฐานมีส่วนได้เสีย และมาตรา 157 การปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และ 2. คือคดีทางแพ่ง มีฐานความผิดคือได้ทรัพย์มาโดยไม่ สมควร เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่ง คตส. เคยมีมติอายัดทรัพย์เงินจากการซื้อขายหุ้นชินคอร์ป และเงินปันผลทั้งหมดรวม 7.7 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้หลังจากส่งข้อกล่าวหาไปให้ พ.ต.ท. ทักษิณแล้ว อนุกรรมการได้กำหนดให้เข้าชี้แจงข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับข้อกล่าวหา แต่หากหนังสือถูกตีกลับและไม่มีการติดต่อกลับ คตส. อนุกรรมการฯจะถือว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ติดใจ อนุกรรมการไต่สวนฯจะเดินหน้าต่อเพื่อสรุปส่งให้ คตส. ชี้มูลก่อนที่จะส่งให้อัยการสูงสุดพิจารณาส่งศาลต่อไป ซึ่งทั้ง 2 สำนวนนี้จะเป็นคดีต่อไปที่ คตส. จะดำเนินการกับ พ.ต.ท.ทักษิณ.


ส่อ นองเลือด

ใบแดง 60 ใบหรืออาจจะมากกว่านั้น มากถึงขั้นที่ทำให้ ส.ส. ของพรรคพลังประชาชนเหลือ 160 คน น้อยกว่า ส.ส. ของพรรคประชาธิปัตย์ 165คือเรื่องราวในระยะสามสี่วัน ที่แกนนำคนสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์พยายามบอกนักข่าวว่า จะมีใบแดงมากมายขนาดนั้นได้ เพราะมีการแจกซีดี 1 ปีที่หายไปของ “ทักษิณชินวัตร” หลายจังหวัดมากคนที่หวังจะพลิกขั้วจัดตั้งรัฐบาลฝันหวานถึง 60 ใบแดงแต่ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ออกมาสวนแล้วว่า ได้วิเคราะห์และหารือกับ “บรรหาร ศิลปอาชา” แล้ว เชื่อว่า“เป็นไปไม่ได้” จะมีก็แค่ใบแดงกระจายไปทุกพรรคการเมืองที่โนร้องเรียนเท่านั้นน่าห่วงใยเป็นอย่างมากว่า อาจจะเกิดการนองเลือดขึ้นในประเทศไทย เหมือนที่กำลังมีการนองเลือดในประเทศเคนยาขณะนี้เคนยาออกจากการเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษมาหลายสิบปีแล้วแต่เพิ่งจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีตามระบอบประชาธิปไตยครั้งแรก เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.50 หลังไทย 7 วัน พลันที่ กกต.เคนยาประกาศผลคะแนน ที่ประธานาธิบดี “เอ็มไว คิบากิ” พลิกชนะคะแนนของ “นายไรล่า โอดินก้า” หลังจากที่ในระหว่างการนับคะแนนของประธานาธิบดีตามหลังมาตลอด ก็ได้ทำให้ประชาชนเคนยาลุกฮือขึ้นมาก่อจลาจล ด้วยเชื่อว่าประธานาธิบดีโกงเลือกตั้งทหารกับตำรวจของเคนยาออกไล่ทุบตี เอาปืนยิงผู้ก่อม็อบตายไปแล้ว 301 คน ซึ่งเป็นตัวเลขแค่วันที่ 2 ม.ค.51 โดยเชื่อว่าประชาชนจะถูกฆ่าต่อไปเพราะจลาจลยังไม่จบเช่นเดียวกับการตายของ “เบนาซีร์ บุตโต” หัวหน้าพรรคประชาชนปากีสถาน เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.50 ก็มีข่าวออกมาแล้วว่าที่ต้องตายเพราะคืนนั้น บุตโตมีนัดจะแฉ “มูชาร์ราฟ” จะโกงเลือกตั้ง โดยใช้บ้านหลังหนึ่งเป็นเซฟเฮาส์ ทำบัตรเลือกตั้งเถื่อนกาคะแนนให้กับพรรคปากีสถานมุสลิมฯ เตรียมเอาไว้ในการเลือกตั้งวันที่ 8 ม.ค.51ก็เลยต้องรีบฆ่าและมันก็แปลกดี ชื่อภาษาอังกฤษพรรคประชาชนปากีสถาน(Pakistan People Party) ของบุตโตกับพรรคพลังประชาชน(People Power Party) ของ “สมัคร สุนทรเวช” ตัวย่อ PPPเหมือนกันเป๊ะหัวหน้าพรรคจะตายเหมือนกันหรือไม่ประเทศไทยของเรา ใครก็แสดงความเชื่อว่าจะไม่มีการฆ่ากันทางการเมือง เพราะนิสัยคนไทยไม่ใช้ความรุนแรง ซึ่งอาจจะเป็นความเชื่อที่ผิด เพราะในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 และ6 ตุลาคม 2519 คนไทยฆ่ากันกลางเมืองหลวง โหดเหี้ยมสยดสยองกว่าการฆ่ากันเองของคนทุกชาติขณะนี้ มีแววมั้ยที่คนไทยจะได้ฆ่ากันอีกตอบเลยว่ามีและส่อชัดขึ้นเรื่อยๆ ด้วยอยู่ที่จำนวนใบแดง“สุเมธ อุปนิสากร” กกต.ด้านการมีส่วนร่วม เฉลยออกมาว่าพล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอัมพันธ์กุล รอง ผบช.สันติบาล ได้เข้ามาอยู่ใน กกต. โดย “สดศรี สัตยธรรม” เป็นคนขอ ในช่วงที่มีเหตุการณ์ถูกข่มขู่เอาชีวิตและนักข่าวจำได้ เย็นวันศุกร์ 14 ธ.ค.50 พล.อ.สนธิบุญยรัตกลิน แอบไปพบ กกต. ทั้งห้าที่สำนักงาน แล้ววันต่อมาได้อธิบายนักข่าวว่า ไปพบเพราะเป็นห่วงที่โดนข่มขู่พล.อ.สนธิ จะเกี่ยวข้องกับการส่ง พล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอัมพันธ์กุล ไปคุ้มครอง “สดศรี สัตยธรรม” หรือไม่ ไม่มีใครรู้และต่อมา พล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอัมพันธ์กุล ก็ได้เป็นประธานอนุกรรมการสืบสวนและสอบสวน กกต.หลังจากที่ 3 ว่าที่ ส.ส.บุรีรัมย์ เขต 1 พรรคพลังประชาชน โดน “ใบแดง” เป็นทีมแรก ชื่อเสียงของพล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอัมพันธ์กุล ก็ดังเปรี้ยงปร้างเป็นที่รู้จักของประชาชนไทยในเวลาแค่ข้ามคืนพรรคพลังประชาชนกล่าวหาว่า พล.ต.ต.ชัยยะ คือ คนชงขณะที่ กกต. หลายคนปฏิเสธว่าไม่จริง คนชงใบแดง คือ “เกษมวัฒนธรรม” ประธาน กกต.บุรีรัมย์กระนั้น ฝ่ายพรรคพลังประชาชนก็ร้องขอให้ย้ายออก เพราะทำงานไม่เป็นกลาง ขณะที่ กกต. ไม่ยอมย้าย บอกให้ไปร้องที่ ผบ.ตร.ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นคนเฉลยว่า พล.ต.ต.ชัยยะ คือใครโดยให้สัมภาษณ์ทีวีว่า คือ ผู้ใกล้ชิด “แกนนำ” พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยขณะที่ในเว็บไฮ-ทักษิณแฉละเอียด พล.ต.ต.ชัยยะ กับ“สนธิลิ้ม” สัมพันธ์เป็นอย่างไร“สารวัตรเฉลิม” พูดได้เต็มที่ เพราะรู้จัก พล.ต.ต.ชัยยะเป็นอย่างดี และเคยช่วยมาแล้ว ในขณะเป็น รมว.ยุติธรรม ได้เอ่ยปากสนับสนุนกับ พล.ต.อ.พจน์ บุณยะจินดา อ.ตร. ให้ยศจาก พ.ต.ท. ขึ้นเป็น พ.ต.อ.และ “ทักษิณ ชินวัตร” ก็ถูกเอ่ยปากจาก “เพื่อนสนิท”ให้สนับสนุนส่งเสริมให้ พล.ต.ต.ชัยยะ ได้ยศ “พลตำรวจตรี”ในขณะที่ทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีทุกคนจึงรู้จักกันเป็นอย่างดีก็เลยรู้ไปหมดว่าอะไรเป็นอะไรรวมทั้งเหตุการณ์ที่ “พลเรือโท” รับแผนจากเจ้านาย “อีแอบ”มาสั่งการที่โรงแรมรอยัลริเวอร์ เชิงสะพานซังฮี้ ให้ยัด “ใบแดง”ใส่ว่าที่ ส.ส. ของพรรคพลังประชาชนให้ถึง 60 ใบ โดยใช้ข้อมูลของตำรวจสันติบาล ข่าวกรองของพรรคพลังประชาชนก็รู้เกมมันทันกันเพราะมันชัดเจนว่า สำนวนร้องเรียนของพรรคการเมืองอื่นโดยเฉพาะของพรรคประชาธิปัตย์ กกต. ดองเค็มทั้งหมดแม้กระทั่งกรณีเงิน 1.3 ล้านบาทที่เพชรบูรณ์เขต 1 ที่ว่าที่ ส.ส.ของประชาธิปัตย์โดนสงสัยก็ยังเงียบและกรณีที่ 3 ผู้สมัคร กทม.เขต 1 ของพรรคพลังประชาชน ลีลาวดี วัชโรบล, กมล บันไดเพชร, ยุวลักษณ์อภิธนาคุณ ร้องเรียนว่า ทหาร ร.1 รอ. ประชุมกำลังพลกับแม่บ้าน และมีการจัดเลี้ยงขนมจีนแกงเขียวหวานไก่ แล้ว2 นายทหารพูดจาหว่านล้อม ข่มขู่ ขู่เข็ญ ให้ลงคะแนนให้พรรคประชาธิปัตย์และผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ กกต.ก็ได้แจ้งให้ผู้ร้องทั้ง 3 เข้าชี้แจงในเวลา 10.00 น. วันที่ 3ม.ค.51 โดยบอกว่าหลักฐานอ่อน เพราะไม่มีพยานบุคคลมีเพียงซีดีเสียงพูดเท่านั้นกำลังพลกับแม่บ้านใน ร.1 รอ. คนไหนหรือ จะกล้าไปเป็นพยานบุคคลให้ผู้ร้องที่เป็นอยู่ ก็หัวหดกันอยู่แล้วนอกจากนี้ กรณีของ “สุรชัย แซ่ด่าน” พรรคพลังประชาชนที่นครศรีธรรมราช ก็ยังเดือด จากการที่ กกต.จังหวัดยกเรื่องที่สุรชัยร้องเรียน หาว่าผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์อยู่บนเวที ขณะที่ผอ.เลือกตั้งของ ปชป. ปราศรัยใส่ร้ายสุรชัยเอาม็อบมาชุมนุมที่หน้า กกต.กรุงเทพฯและประชาชนในเขต 1 บุรีรัมย์ ก็มีอาการทางใจ พากันไปชุมนุมหน้า กกต.บุรีรัมย์ มาแล้ว 1 ยกก็เลยไม่รู้ว่า ถ้าว่าที่ ส.ส.ของพรรคพลังประชาชน โดนใบแดงอย่างประเคนเข้าใส่หลายสิบใบจริง อะไรจะเกิดขึ้นอาการมันส่อนองเลือด“สมาน เลิศวงศ์รัฐ” นายทะเบียนพรรคพลังประชาชนเผยว่า 8 โมงเช้า ศุกร์ 4 ม.ค. จะเคลื่อนขบวนว่าที่ ส.ส.ของพรรคพลังประชาชน ออกจากหน้าที่ทำการพรรคถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ไปชุมนุมที่หน้า กกต.ใหญ่ อาคารศรีจุลทรัพย์ และจะมีการประท้วงเรื่องให้ใบแดงใบเหลืองด้วยถ้าไปกันทั้ง 400 คน ก็คงเป็นขบวนใหญ่เลือดจะนองเพราะใบแดงหรือไม่“ประพันธ์ นัยโกวิท” กกต.ด้านกิจการบริหารการเลือกตั้ง พูดออกมาให้สบายใจบ้างแล้ว เมื่อเช้า 2 ม.ค.“ที่มีข่าวว่า กกต. จะแจก 50-60 ใบแดง ไม่รู้เอาข่าวมาจากไหน เพราะ กกต. ต้องทำตามพยานหลักฐานและเป็นกลาง จะเอาที่ไหนมาให้ขนาดนั้น”ก็เบาใจได้ว่า ใบแดง 50-60 ใบอาจจะไม่มีและคนที่จะขวางเกมใช้ข้อมูลตำรวจสันติบาล ชงใบแดงยัดเข้าใส่พรรคพลังประชาชนได้ดีที่สุดก็คือ“สมชัย จึงประเสริฐ” กกต.ฝ่ายสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัยซึ่งหลังจากที่ได้เปิดอกว่า อยากกลับไปเป็นผู้พิพากษาตามเดิม แต่ศาลยังไม่ติดต่อกลับมานั้นก็ได้เปลี่ยนใจแล้วไม่ลาออก จะอยู่ทำงานต่อไป“เมื่อสักครู่ก็มีคนมาให้กำลังใจ ขอให้ปฏิบัติภารกิจให้เสร็จ นอกจากนี้พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ให้จัดการเลือกตั้งให้ยุติธรรมและลุล่วงซึ่งผมก็รับใส่เกล้าฯ และที่ผ่านมาก็จัดการเลือกตั้งได้ดีและควรทำให้สำเร็จ เพื่อประคองให้ประเทศเดินต่อไปได้งานหลักคือการจัดการเลือกตั้ง ส.ส. ให้เรียบร้อย ส่วน ส.ว.เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เราจะดูงานเฉพาะหน้า ทำภารกิจให้สำเร็จ”และเมื่อนักข่าวถามว่า มีความเห็นอย่างไรที่คนจับตามองว่า การทำงานของฝ่ายสืบสวนสอบสวนไม่เป็นกลาง สมชัยตอบทันทีว่า“เขาจบั ตามองสถิ งึจะเปน็ เรอื่ งดี ไมส่ นใจสถิ งึเปน็ เรอื่ งแปลกฝ่ายสอบสวนก็เป็นกลาง ก็ดูสิว่าเขายื่นซ้ายหรือขวา อย่าเอาความคิดเก่าๆ มาตัดสิน ต้องเข้าใจว่าหน้าที่ด้านสืบสวนของกกต. ไม่ได้มีหน้าที่สืบสวนจริงๆ แต่มีหน้าที่อ่านสำนวนและนำเสนอสำนวนให้ กกต. ทราบ ส่วนพนักงานสืบสวนในพื้นที่เราใช้ตำรวจจาก สตช. และแต่งตั้งถึง 1,200 คน ซึ่งเราก็เสียเงินอบรมเป็นจำนวนมาก ปีใหม่ก็อยากเห็นการพูดจาไพเราะ ภาษาดอกไม้ แต่ดอกไม้กับงานไปด้วยกันไม่ได้ซึ่งงานต้องมาก่อน แล้วดอกไม้ค่อยตามมา”ก็เป็นอันว่าชัดเจนแล้ว “สมชัย จึงประเสริฐ” ไม่ทิ้งกกต.“ประพันธ์ นัยโกวิท” ก็ยืนยันไม่มี 50-60 ใบแดงแต่ประเทศไทย ก็ยังสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดนองเลือดอยู่ดีเพราะไม่มีใครรู้ “มือสกปรกที่อยู่นอกการเมือง”หยุดหรือยัง

พด.ป่วน สุรเดชฉะ 'สุรเกียรติ์-วัฒนา' [5 ม.ค. 51 - 04:30]







เมื่อวันที่ 4 ม.ค. นายสุรเดช ยะสวัสดิ์ ส.ส.ระบบสัดส่วน กลุ่ม 1 พรรคเพื่อแผ่นดิน เปิดเผยว่า เวลานี้ชัดเจนว่าในพรรคเหลือเพียง 2 คนที่ยังไม่ประกาศเข้าร่วมกับพรรคพลังประชาชน คือนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตประธานกรรมการสภายุทธศาสตร์พรรค และนายวัฒนา อัศวเหม ประธานพรรค ก็ไม่เข้าใจว่าทั้งสองคนรออะไร พรรคควรแสดงท่าทีที่ชัดเจนโดยไม่ต้องรอใบเหลืองใบแดงจากกกต. อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดในพรรคเวลานี้หากเปรียบเหมือนบ้านจะพบว่า คนที่แสดงออกว่าเหมือนเป็นเจ้าของบ้าน เป็นคนออกค่าใช้จ่ายภายในบ้าน ตอนอยู่ในบ้านอาจจะมีเสียงดัง แต่พอออกนอกบ้านกลับมีสถานะสู้คนที่อยู่ในบ้านแต่ไม่ได้เป็นเจ้าของบ้านไม่ได้ เนื่องจากเจ้าของบ้านไม่สามารถใช้สิทธิทางการเมืองได้ เรื่องนี้เหมือนสิ่งที่เกิดกับพรรคเพื่อแผ่นดิน ถ้า ส.ส.ต้องฟังแค่คำสั่งของคนที่ไม่ได้เป็น ส.ส.ตลอดไป ระยะยาวจะเกิดผลลบ

เสนอ ส.ส.โหวตลับจับขั้ว พปช.

“การเรียกประชุมพรรคคาดว่าจะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตาม ควรต้องมีการประชุมอย่างเป็นทางการ โดยถามความคิดเห็นของ ส.ส.ในพรรค ให้แต่ละคนเขียนโหวตเป็นมติลับว่าเห็นด้วยกับการเข้าร่วมรัฐบาลหรือไม่ ทุกอย่างต้องฟังเสียง ส.ส. เพราะ ส.ส.เป็นคนเข้าไปยกมือในสภา หากจะให้ทุกอย่างตัดสินใจ โดยคน 3-4 คนภายในพรรค ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะการให้คนอยู่ในสภาไปฟังเสียงคนนอกสภา เพราะมี ส.ส.หลายคนเข้ามาด้วยตัวเอง พรรคไม่เคย ช่วยเหลือ” นายสุรเดชกล่าว

เผยเงื่อนไขได้โควตา รมต. 4 เก้าอี้

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อแผ่นดินว่า เมื่อไม่นานมานี้แกนนำพรรคเพื่อแผ่นดินได้หารืออย่างไม่เป็นทางการกับแกนนำพรรคพลังประชาชนในเรื่องการเข้าร่วมรัฐบาล โดยมีการเสนอเงื่อนไขว่า พรรคเพื่อ แผ่นดินได้โควตารัฐมนตรี 4 เก้าอี้คือ รมว.อุตสาหกรรม และ รมว.กระทรวงเกรดเอ 1 ตำแหน่ง รวมกับ รมช. 2 ตำแหน่ง ทั้งนี้ กลุ่มของนายพินิจ จารุสมบัติ จะเสนอชื่อนายวัชระ พรรณเชษฐ์ เลขาธิการพรรค ให้ดำรงตำแหน่งรมว.อุตสาหกรรม แต่กลุ่มของนายวัฒนาและนายสุรเกียรติ์จะเสนอชื่อคนนอกเป็นแทน นอกจากนี้ ในกลุ่ม ส.ส.ระบบสัดส่วนก็พยายามเสนอชื่อ นพ.วัลลภ ไทยเหนือ และ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ขึ้นเป็นรัฐมนตรี ทำให้แกนนำพรรคเกิดปัญหาความไม่ลงรอยกัน

ชาติไทยยืนยันจับมือเพื่อแผ่นดิน

นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รองหัวหน้าพรรคชาติไทยกล่าวว่า ในวันที่ 7 ม.ค. พรรคชาติไทยจะมีการประชุมเพื่อประมวลผลการเลือกตั้ง โดยเฉพาะพื้นที่ที่ กกต.ยังไม่ประกาศรับรองผล ส่วนเรื่องการจับขั้วจัดตั้งรัฐบาลนั้น ช่วงนี้อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เหมาะสมที่จะพูดเรื่องการจับขั้วรัฐบาล อีกทั้งตัวเลข ส.ส.ยังไม่นิ่ง มีการสวิง ต้องรอความชัดเจนก่อน ระหว่างนี้พรรคชาติไทยยังไม่ได้หารือกับพรรคเพื่อแผ่นดิน แต่พรรคชาติไทยก็ยังรวมกันอยู่กับพรรคเพื่อแผ่นดิน สำหรับว่าที่ ส.ส. ที่ กกต.แขวนทั้ง 83 คน ไม่ได้หมายความว่าจะต้องได้ใบเหลืองใบแดง อาจจะไม่มีเลยก็ได้ หลังจากเปิดสภาผู้แทนราษฎรเพื่อหาตัวประธานสภาฯแล้ว ยังมีเวลาอีก 30 วันในการสรรหาตัวนายกรัฐมนตรี ดังนั้นต้องบอกว่าตัวเลขนี้ยังไม่นิ่ง จะแน่ใจได้อย่างไรว่า กกต.จะประกาศรับรอง ส.ส. ได้ครบ 95%


หู จิ่นเทา-ปูติน 'ราชาจิกมี' อาลัยพระพี่นาง [5 ม.ค. 51 - 04:16]

“ปูติน” ส่งสาส์นแสดงความเสียใจ

นอกจากนี้ นายมิคาอิล วี บารานอฟ ที่ปรึกษาอัครราชทูตประจำสถานทูตรัสเซียในประเทศไทย ได้ลงนามถวายสักการะใจความสำคัญว่า ข้าพเจ้าขอแสดงความเสียใจต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ รวมถึงประชาชนคนไทย ในการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ครั้งนี้ ข้าพเจ้ามีความซาบซึ้ง ในพระกรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้า กัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ที่ทรงอุทิศพระองค์ ทรงปฏิบัติพระกรณียกิจที่สร้างคุณประโยชน์ ต่อประชาชนชาวไทยในหลายๆด้าน อาทิ ด้านการศึกษา ด้านงานสาธารณกุศล ด้านศิลปะไทยและดนตรี ในวันนี้ นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีแห่งรัสเซีย ได้ส่งสาส์นมาถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แสดงความเสียใจต่อการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯด้วย

กษัตริย์ “จิกมี” ส่งพระราชสาส์นร่วมเสียพระทัย

ขณะเดียวกัน บรรดาผู้นำนานาประเทศได้ส่งสาส์น มาถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แสดงความเสียใจและไว้อาลัยต่อการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระเจ้าพี่ นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ กันอย่างต่อเนื่อง โดยนายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยเมื่อวันที่ 4 ม.ค. ว่า สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งราชอาณาจักรภูฏาน ส่งพระราชสาส์น ถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แสดงความเสียพระทัยและไว้อาลัยต่อการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระเจ้าพี่ นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ด้วย

อ่านรายละเอียดจาก ไทยรัฐ


นาทีนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ [5 ม.ค. 51 - 03:10]

“สัญญาณไม่ค่อยสู้ดี”

มีรายงานว่าตลอดทั้งวันที่ 3 มกราคม แกนนำพรรคพลังประชาชนทั้งลุ้นทั้งอึดอัดกับข่าววงในที่ระแคะระคายมาเป็นกระสาย

แล้วก็ได้เสียวจริงๆ วันเดียวเจอไป 2 ดอกใหญ่

เจอคิวระทึกใจติดๆกัน

ดอกแรก ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งมีคำสั่งรับฟ้องคดีที่นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.บุรีรัมย์ เขต 3 พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นฟ้อง กกต.ทั้งคณะ พรรคพลังประชาชน นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ใน 4 ข้อหา

1. พรรคพลังประชาชนเป็นนอมินีของพรรคไทยรักไทย ไม่มีสิทธิส่งผู้สมัคร ส.ส.ในนามพรรค โดยให้ศาลมีคำสั่งว่าการส่งผู้สมัครในนามพรรคพลังประชาชนเป็นโมฆะ

2. นายสมัครเป็นตัวแทนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย การลงนามส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นโมฆะ

3. การเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันที่ 15-16 ธันวาคม ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และให้ เพิกถอนการจัดเลือกตั้งล่วงหน้า ตลอดจนเพิกถอนการนับคะแนนเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม แล้วจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่

4. ขอให้ศาลมีคำพิพากษาว่า การแจกซีดีให้กับประชาชนเป็นการผิดกฎหมาย และห้ามไม่ให้ กกต.ประกาศรับรองผลทั่วประเทศ หรือเพิกถอนการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งของผู้สมัครพรรคพลังประชาชน

ประทับรับฟ้องคดีดำหมายเลขที่ ลต.1/2551

นัดพิจารณาคดีในวันที่ 15 มกราคม เวลา 10.00 น. โดยให้ส่งหมายแจ้งวันนัดพิจารณาคดี พร้อมสำเนาคำร้องให้ผู้ถูกร้อง

ศาลฎีกาตั้งแท่นไต่สวน

พร้อมๆกับการขยับของทีมล้มพรรคไทยรักไทย ทั้งนายถาวร เสนเนียม นายวิรัตน์ กัลยาศิริ มือกฎหมายประจำพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีส่วนสำคัญในคดียุบพรรค ประกาศกร้าวอย่างมั่นอกมั่นใจ

“ในการพิสูจน์ว่านายสมัครและพรรคพลังประชาชนเป็นนอมินี พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคไทยรักไทยหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะที่ผ่านมามีข่าวสะพัดไปทั่วโลก รวมทั้งเมื่อพิจารณาการกระทำทั้งหลาย เช่น ที่ทำการพรรคพลังประชาชนก็ใช้สำนักงานเดียวกับพรรคไทยรักไทย บุคลากรก็ยังเป็นชุดเดียวกัน ถ้าไม่มั่นใจในพยานหลักฐาน คงไม่ยื่นฟ้อง”

ไทยรักไทยยังพังครืน ก็คงไม่มีหลักประกันสำหรับพรรคพลังประชาชน

เดิมพันถอนยวงซ้ำรอบสอง

ถึงนาทีนี้ อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น

เช่นเดียวกันกับดอกที่สอง อย่าคิดว่าจะเป็นไปไม่ได้ กับหวยงวดล่าสุดของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตัวเลข 65 ว่าที่ ส.ส.ของพรรคพลังประชาชนที่ถูกดองเค็ม นำไปลบกับต้นทุน 233 คน ณ วันประกาศผลเลือกตั้ง

เหลืออยู่แค่ 168

ฮวบฮาบลงมาใกล้เคียงกับตัวเลขของพรรคประชาธิปัตย์ที่โดนดองแค่ 6 คน จาก 165 เหลือ 159 คน

ห่างกันแค่ 9 เก้าอี้

โดยตัวเลขที่ลดลงของพรรคพลังประชาชน สวนทางกับระดับความ ชอบธรรมที่ไหลขึ้นของพรรคประชาธิปัตย์ในการแย่งจัดรัฐบาล

แบบไม่ต้องเขินมาก

และก็ให้บังเอิญเข้าไปใหญ่ เมื่อตัวเลข 65 เหยื่อดองเค็ม มันเกือบตรงเผงกับหวยล็อกของ “เทพเทือก” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ที่ทำนายล่วงหน้าพรรคพลังประชาชนจะโดนใบแดง 67 ใบ

นั่งทางในยังไม่แม่นขนาดนี้

นี่ยังไงถึงได้บอกว่า อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น

ที่แน่ๆ “หมอเลี้ยบ” นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลัง-ประชาชน รีบออกมาแสดงความมั่นใจว่าพรรคเล็กทั้ง 3 พรรค คือ รวมใจไทยชาติพัฒนา มัชฌิมาธิปไตย และประชาราช ที่ประกาศกอดคอตั้งรัฐบาลร่วมกันไปแล้ว

จะไม่แตกขั้วออกไป

แต่ก็อีกนั่นแหละ ในสถานการณ์ “สัญญาณไม่ค่อยสู้ดี” พรรคพลังประชาชนเจอเข้าไปสองดอกใหญ่ๆ เดิมพันถอนยวงซ้ำรอบสอง ตัวเลขว่าที่ ส.ส.แกว่งแรงขนาดนี้

ถ้าทรงตัวอยู่ ไม่ล้มคว่ำหัวคะมำ

ก็คงสะบักสะบอมเต็มที.


ทีมข่าวการเมือง รายงาน