ที่มา ประชาไท
สนธิโอดเคยพูดเองว่า “พรรคการเมืองใหม่” เป็นเครื่องมือพันธมิตรฯ แต่วันนี้หาใช่เช่นนั้นไม่ ชี้การสู้รอบนี้ทำให้พวกที่เคยห้อยโหนในอดีตหลุดพ้นกระเด็นไป ลั่นเป็นสื่อมวลชนอาวุโสไม่กี่คนในไทยที่เข้าใจหลักการเป็นสื่อมวลชนที่ดีและถูกต้อง เผย “ผู้ทรงธรรม” ทำนายว่าน้ำจะท่วมประเทศไทย ผู้ภาวนารักษาศีลเท่านั้นที่จะรอด
ภาพในหนังสือพิมพ์ “เนชั่นสุดสัปดาห์” ฉบับที่ 984 ประจำวันที่ 8 เมษายน 2554 ซึ่งตีพิมพ์บทรายงานและบทสัมภาษณ์สมศักดิ์ โกศัยสุข และอัญชะลี ไพรีรักษ์
สนธิปราศรัยฉะหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ หลงตำแหน่งแห่งที่
(9 เม.ย. 54) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หนังสือพิมพ์ “เนชั่นสุดสัปดาห์” ฉบับที่ 984 ประจำวันที่ 8 เมษายน 2554 ซึ่งวางแผงเมื่อวานนี้นั้น (8 เม.ย.) มีการตีพิมพ์รายงานข่าวอดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย คือ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข ปัจจุบันเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ ในหัวข้อ “รายงานพิเศษ 'สมศักดิ์ โกศัยสุข' บนทางที่ต้องเลือก ปฏิเสธข้อเสนอ 'โหวตโน'” และ อัญชะลี ไพรีรักษ์ ในหัวข้อ “รายงานพิเศษ (ที่เห็นและเป็นอยู่): เปิดหน้าคุย 'ปอง อัญชะลี'” โดยจากบทรายงานดังกล่าว ทำให้มีการตอบโต้บทตีพิมพ์ดังกล่าวโดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล ในการปราศรัยบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่สะพานมัฆวานฯ เมื่อคืนวันที่ 8 เม.ย. ด้วย
“การสู้ครั้งนี้ทำให้พวกที่เคยห้อยโหนการต่อสู้ของเราในอดีตหลุดพ้นกระเด็นไป และไม่สามารถมาร่วมกับพวกเราได้ก็เพราะว่าหลักการของเขากับหลักการของเรา นั้นไม่เหมือนกัน แตกต่างกัน ที่น่าสนใจข้อหนึ่งพี่น้อง นอกจากพวกห้อยโหนจะหมดไปแล้ว ยังเป็นการเปิดตัวตนที่แท้จริงในหมู่พวกเราหลายๆ คนด้วยใช่ไม่ใช่”
“ที่น่าเสียใจก็คือว่า ในหนังสือพิมพ์อย่างเช่น เดอะเนชั่นสุดสัปดาห์ ได้สัมภาษณ์คนซึ่งคิดไม่ถึงว่าจะพูดถึงเราในแง่ลบ พูดในทำนองว่าถ้าโหวตโนแล้ว ในฐานะพรรคการเมือง จะทำผิดกฎหมายทางการเมือง ไปซื้ออ่านดูว่าคนๆ นั้นเป็นใคร” นายสนธิกล่าว
นายสนธิยังปราศรัยโจมตีหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่นายสมศักดิ์ โกศัยสุขดำรงอยู่ว่า “ผมพูดว่ายังไง ผมบอกมาแล้วหลายครั้ง ตอนที่เราตั้งพรรคการเมืองใหม่ จำได้ไหม ผมเป็นคนพูดเอง ตลอดจนการรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ ตอนนั้นผมพูดบอกว่า พรรคการเมืองใหม่เป็นเครื่องมือของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แต่วันนี้หาใช่เช่นนั้นไม่ พี่น้องไม่เชื่อ ไปซื้อหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น สุดสัปดาห์ แล้วอ่านดู พี่น้องจะรู้ว่าบางครั้งยังไม่ทันไรเลย คนไปหลงกับตำแหน่งแห่งที่ และอำนาจที่ตัวเองกำลังจะได้เป็น ส.ส.”
“แล้วพอพันธมิตรฯ บอกโหวตโน เขาบอกว่าโหวตโนนั้นจะทำให้พรรคการเมืองนั้นผิดกฎหมาย เห็นตัวตนที่แท้จริงหรือยังพี่น้อง ผมถึงบอกว่าการต่อสู้ครั้งนี้มันมันกว่าทุกๆ ครั้ง เพราะนอกจากจะกำจัดพวกห้อยโหนออกไปได้แล้ว ที่สำคัญที่สุดในบรรดาพวกเรากันเอง ได้สะท้อนให้เห็นเนื้อแท้ของคนที่กำลังจะหลงอยู่ในอำนาจ” สำหรับรายละเอียดการปราศรัยของนายสนธิเมื่อคืนมีดังนี้
สนธิชี้ทหารมีมุมมองความมั่นคงไม่ต่างจากพันธมิตร ผิดกันตรงที่ทหารดีแต่พูด
เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 8 เม.ย. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นกล่าวปราศรัยที่เวทีสะพานมัฆวานรังสรรค์ โดยเขากล่าวเรื่องความมั่นคง โดยบอกว่ามีคนเข้าใจผิดอยู่เยอะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทหารไทย ยังเข้าใจไม่ลึกซึ้งถึงคำว่าความมั่นคง
“ความมั่นคงมันประกอบด้วย 3 อย่าง ก็คือว่า ชาติ จะมั่นคงได้ ศาสนาต้องมั่นคง ใช่ไหมครับพี่น้อง ศาสนาจะมั่นคงได้ พระมหากษัตริย์ก็ต้องมั่นคงเช่นกัน ทั้งชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์นั้น มีความเกี่ยวพันกันและกันอย่างลึกซึ้ง และไม่สามารถแยกจากกันได้ ถ้าพระมหากษัตริย์ ซึ่งโดยตำแหน่งท่าน พระองค์ท่านคือเจ้าอาวาสใหญ่ สมภารใหญ่ ถ้าท่านไม่มั่นคงแล้ว ศาสนาก็จะมั่นคงไม่ได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นแล้ว 2 ส่วนนี้เป็นส่วนที่สำคัญมาก”
การรักษาความมั่นคงของชาติซึ่งทหารน่าจะมีมุมมองที่ไม่ต่างจากเรา แต่ต่างตรงที่ทหารดีแต่พูด ขณะที่ประชาชนต้องออกมาเรียกร้องให้ทหารทำหน้าที่ที่ตัวเองจะต้องทำคือการปกป้องแผ่นดิน ซึ่งการต่อสู้ครั้งนี้มีนัยสำคัญมาก เพราะเป็นการต่อสู้บนหลักการความถูกต้อง ไม่ยึดติดในตัวบุคคล และส่งผลให้พรรคประชาธิปัตย์คะแนนนิยมตกต่ำมากที่สุดในประวัติศาสตร์
ชี้คนน้อยไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะประท้วงมา 3 เดือนจนเสียง ปชป. ตกต่ำที่สุด
พี่น้องสังเกตไหมว่า การต่อสู้ครั้งนี้ของพวกเรานั้น เป็นการต่อสู้ที่ลึกซึ้ง ยากลำบากไหม สำหรับผมแล้ว ไม่ถือว่ายากลำบาก สำหรับพี่น้องก็ไม่ได้ยากลำบาก มีแต่ความเหนื่อยยากเท่านั้นเอง ยากลำบากกับเหนื่อยยากไม่เหมือนกัน มีคนพยายามพูดบอกว่า พันธมิตรฯ ยุคนี้ซูบไป คนน้อยกว่าเก่าเยอะ ผมก็บอกว่า อย่ามาเถียงว่าน้อยหรือมาก ขณะที่เรามาวิสัชนากันก่อนว่า ครั้งนี้การต่อสู้ของพันธมิตรฯ นั้น และประชาชนผู้รักชาติรักแผ่นดินนั้น เราสู้เพื่ออะไร และสิ่งที่เราสู้นั้น ยังคงยืนอยู่บนความถูกต้องอยู่หรือเปล่า ถ้าคำตอบบอกว่า ยังยืนอยู่บนความถูกต้องอยู่ เพราะฉะนั้นแล้วการต่อสู้ครั้งนี้ไม่ยากลำบาก แต่หากเราสู้บนพื้นฐานที่ไม่ถูกต้อง นั่นคือการต่อสู้ที่ยากลำบากที่สุดเลยใช่ไหมพี่น้อง
เมื่อเราเข้าใจตรงนี้แล้ว ประเด็นคนน้อยคนมากกลับไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับพวกเรา อีกประการหนึ่ง ถ้าการต่อสู้ของเราครั้งนี้ ประเด็นการต่อสู้คนไม่เห็นด้วย และไม่เข้าใจ คนก็จะต้องถามตัวเองว่า แล้วทำไมในช่วงทีเราประท้วงรัฐบาลชุดนี้มาแค่ 2 - 3 เดือนนี้เอง ทำไมคะแนนเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ถึงตกต่ำที่สุดในประเทศไทย ถ้าจะวัดต้องวัดกันตรงนี้ใช่ไหมพี่น้อง ไม่ว่าจะเป็นโพลอะไรก็ตาม หลังจากที่เรามาไขปัญญา จุดเทียนแห่งธรรมให้ประชาชนทั่วไปได้เห็นแล้ว คะแนนนิยมของพรรคประชาธิปัตย์ตกหมด ไม่ว่าจะพูดในมุมไหน แง่ไหน ภูมิศาสตร์ภาคพื้นไหน แม้กระทั่งในภาคใต้ คะแนนนิยมของเขาก็ตกเช่นกันพี่น้อง
ลั่นการต่อสู้ครั้งนี้ทำให้พวกห้อยโหนการต่อสู้หลุดกระเด็นไป
การสู้ครั้งนี้มีนัยมาก เพราะว่าไม่ใช่เป็นการยืนยัน ยืนหยัดอยู่บนหลักการที่ถูกต้องเหมือนเดิม แต่การสู้ครั้งนี้ ยังเป็นการกลั่นกรอง เป็นการกลั่นกรองของคนที่มีหลักการและอุดมการณ์ ที่ยืนอยู่บนความถูกต้องที่ไม่ยึดถือตัวบุคคลเลยแม้แต่นิดเดียว คนพูดตลอดเวลา เป็นข่าวลือว่าแกนนำพันธมิตรฯ นั้นแตกแยกกัน พี่น้องครับ การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่หน้าที่ของแกนนำ แต่เป็นหน้าที่ของประชาชนทุกๆฝ่ายที่เข้ามาร่วมมือกัน ด้วยเหตุนี้จึงมีคณะกรรมการปกป้องอาณาจักรไทย 17 คนขึ้นมา แล้ว 17 คนนั้น คือเสาหลักและกำลังหลักในการต่อสู้
“การสู้ครั้งนี้ทำให้พวกที่เคยห้อยโหนการต่อสู้ของเราในอดีตหลุดพ้นกระเด็นไป และไม่สามารถมาร่วมกับพวกเราได้ก็เพราะว่าหลักการของเขากับหลักการของเรา นั้นไม่เหมือนกัน แตกต่างกัน ที่น่าสนใจข้อหนึ่งพี่น้อง นอกจากพวกห้อยโหนจะหมดไปแล้ว ยังเป็นการเปิดตัวตนที่แท้จริงในหมู่พวกเราหลายๆ คนด้วยใช่ไม่ใช่”
อัดเนชั่น-แนวหน้าปฏิบัติตัวต่ออภิสิทธิ์ เหมือนเสื้อแดงบูชาทักษิณ
พี่น้องครับ พี่น้องสังเกตไหมว่า เวลาเราสู้กับพรรคประชาธิปัตย์ครั้งนี้ หรือรัฐบาลชุดนี้ ไม่ได้ต่างกับการสู้กับทักษิณ ชินวัตร เลย แม้แต่นิดเดียวพี่น้อง แปลว่าอะไร แปลว่าโดยพื้นฐานแล้ว ถ้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่ดีจริง วิธีการที่เขาต่อสู้กับเราต้องต่างกว่าวิธีการที่ทักษิณสู้กับเรา แต่วิธีการที่เขาสู้กับเราเหมือนกันหมดทุกประการ เขาเหมือนตรงไหนพี่น้อง เหมือนตรงที่ว่า เขากลั่นแกล้งเราทุกวิถีทาง เขาใช้ตำรวจมาข่มขู่เรา เขาใช้สื่อมวลชนที่อยู่ในอำนาจเขา ไม่ว่าจะเป็นช่องโทรทัศน์ที่เขาคุมอยู่ ไม่ว่าจะเป็นช่อง 11 ตลอดจนหนังสือพิมพ์หลายเครือข่าย ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายแนวหน้า หนังสือพิมพ์เครือข่ายเนชั่น ลงมาเหยียบย่ำ รุมกระทืบพวกเรา กลับเข้าไปสู่ยุคหมาหมู่เหมือนเดิม
สมัยที่เราสู้กับทักษิณ เนชั่น แนวหน้า เปลว สีเงิน ยืนข้างเรา แต่พอเปลี่ยนจากทักษิณมาเป็นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พวกเขาก็ปฏิบัติตัวเหมือนเสื้อแดงที่บูชาทักษิณ เพราะเครือเนชั่นมีคนของประชาธิปัตย์เข้ามาถือหุ้น จึงกลายเป็นเครือข่ายประชาธิปัตย์ ส่วนแนวหน้านั้น เจ้าของก็สนิทสนมกับบิดานายอภิสิทธิ์ จึงหันมาโจมตีเรา บิดเบือน โกหกพกลม เช่น บอกว่า การโหวตโนไม่เป็นประชาธิปไตย
สมัย 49 เนชั่น แนวหน้า ไทยโพสต์มายืนเคียงข้างเพราะ พธม. สู้กับทักษิณ
เพราะฉะนั้นพี่น้องดูให้ดีๆ สมัยที่เราสู้กับทักษิณ ทำไมหนังสือพิมพ์อย่างเครือเนชั่น หรือแนวหน้า หรือคุณเปลว สีเงิน ไทยโพสต์ ถึงยืนข้างพวกเรา เพราะว่าเราสู้กับทักษิณ แต่พอเปลี่ยนจากทักษิณมาเป็นอภิสิทธิ์ เขาไม่เคยวิเคราะห์ว่า สิ่งที่ปานเทพ เทพมนตรี พล.ร.ท.ปทีป คุณเติมศักดิ์ อ.พิชาย หรือ ประพันธ์ หรือผม พูดเกี่ยวกับอภิสิทธิ์ หรือรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์นั้นเป็นความจริงหรือเป็นความเท็จ เขาไม่เคยออกมาตอบโต้ประเด็นต่างๆ เหล่านี้ เขาไม่เคยออกมาตอบโต้ แต่เขาออกมาปฏิบัติตน เหมือนกลุ่มคนเสื้อแดงที่บูชาทักษิณดั่งบิดาเขาเช่นกัน เหมือนอย่างที่ผมบอกว่า หนังสือเครือเนชั่น นั้นได้ถูกซื้อขายไปแล้ว เปลี่ยนจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ก็คือ ตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจ ของคุณสุริยะ มาเป็นตระกูลสมะลาภา ของคุณเสริมสิน ซึ่งเป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะฉะนั้นไม่ต้องประหลาดใจอะไรเลย วันนี้ดูได้เลยว่า หนังสือพิมพ์ที่เคยสนับสนุน คือ เนชั่นสุดสัปดาห์ นั้นมีเรื่อง 3 เรื่องที่ด่าพันธมิตรฯ และด่าพวกเรา ขอยืมมือคนบางคนออกมาให้สัมภาษณ์ด่าพวกเราอยู่ตลอดเวลา นี่คือเครือข่ายเนชั่น ซึ่งเป็นเครือข่ายของพรรคประชาธิปัตย์
เสียใจ “เนชั่นสุดสัปดาห์” สัมภาษณ์คนซึ่งไม่คิดว่าจะพูดถึง พธม. แง่ลบ
เพราะฉะนั้นแล้วจะเห็นได้ชัด หนังสือพิมพ์แนวหน้าที่เคยยืนอยู่บนอุดมการณ์เดียวกันกับเรา เมื่อเราสู้กับทักษิณ พอวันนี้เราไปแตะพรรคประชาธิปัตย์ แตะอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งมีความสนิทสนมเป็นการส่วนตัวกับเจ้าของหนังสือพิมพ์แนวหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคุณพ่อคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนอกจากนั้นแล้ว อ.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ก็ไปเป็นกึ่งๆ เหมือนหัวหน้ากองบรรณาธิการที่แนวหน้า เพราะฉะนั้นแนวหน้าก็เลยเปลี่ยนประเด็นในการต่อสู้ กลายเป็นมาโจมตีพวกเรา การโจมตีพวกเราก็ไม่มีอะไรยาก บิดเบือนข้อเท็จจริง โกหกพกลม อย่างเช่น โกหกว่าการโหวตโนคือการไม่เป็นประชาธิปไตย เห็นหรือยังพี่น้อง
ที่น่าเสียใจก็คือว่า ในหนังสือพิมพ์อย่างเช่น เดอะเนชั่นสุดสัปดาห์ ได้สัมภาษณ์คนซึ่งคิดไม่ถึงว่าจะพูดถึงเราในแง่ลบ พูดในทำนองว่าถ้าโหวตโนแล้ว ในฐานะพรรคการเมือง จะทำผิดกฎหมายทางการเมือง ไปซื้ออ่านดูว่าคนๆ นั้นเป็นใคร
อัดเป็นบทสัมภาษณ์สะท้อนเนื้อแท้ของคนหลงในอำนาจที่จะได้เป็น ส.ส.
พี่น้องจำได้หรือเปล่า ของชักขึ้นแล้ว ที่ผมเคยพูด ผมพูดว่ายังไง ผมบอกมาแล้วหลายครั้ง ตอนที่เราตั้งพรรคการเมืองใหม่ จำได้ไหม ผมเป็นคนพูดเอง ตลอดจนการรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ ตอนนั้นผมพูดบอกว่า พรรคการเมืองใหม่เป็นเครื่องมือของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แต่วันนี้หาใช่เช่นนั้นไม่ พี่น้องไม่เชื่อ ไปซื้อหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น สุดสัปดาห์ แล้วอ่านดู พี่น้องจะรู้ว่าบางครั้งยังไม่ทันไรเลย คนไปหลงกับตำแหน่งแห่งที่ และอำนาจที่ตัวเองกำลังจะได้เป็น ส.ส.
แล้วพอพันธมิตรฯ บอกโหวตโน เขาบอกว่าโหวตโนนั้นจะทำให้พรรคการเมืองนั้นผิดกฎหมาย เห็นตัวตนที่แท้จริงหรือยังพี่น้อง ผมถึงบอกว่าการต่อสู้ครั้งนี้มันมันกว่าทุกๆครั้ง เพราะนอกจากจะกำจัดพวกห้อยโหนออกไปได้แล้ว ที่สำคัญที่สุดในบรรดาพวกเรากันเอง ได้สะท้อนให้เห็นเนื้อแท้ของคนที่กำลังจะหลงอยู่ในอำนาจ
ชี้ประยุทธ์ไม่ต่างจากอนุพงษ์ เพราะบอกว่าสังคมไทยวุ่นวายเพราะเหลือง-แดง
พี่น้องครับ กระผม นายสนธิ ลิ้มทองกุล คิดอะไรพูดอย่างนั้น ใช่ไม่ใช่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร ผมพูดทันที ไม่ว่าจะใกล้ชิดสนิทสนมกันแค่ไหน ผมก็จะพูดทันทีเห็นหรือยังพี่น้อง การต่อสู้ครั้งนี้ของเราเหมือนการปราบมารจริงๆ แล้วมารที่เราปราบนั้น มีหลายรูปหลายแบบที่เราต้องปราบมันจริงๆ
มีพันธมิตรฯ ที่วอชิงตันดี.ซี.คนหนึ่ง อย่าให้เอ่ยชื่อเลยครับ ผมรู้จักพี่เขาดี เขาได้เบอร์โทรศัพท์ของประยุทธ์ จันทร์โอชา มาจากใครไม่รู้ เขาก็เลยโทรจากอเมริกาไปหาประยุทธ์ จันทร์โอชา เขาก็ถามประยุทธ์ถึงเรื่องราวต่างๆ เขาจะลองดูความรู้สึกประยุทธ์ นี่คือคำตอบที่เขาบอกมา ประยุทธ์ บอกว่า สังคมไทยที่มันวุ่นวายทุกวันนี้เพราะสีเหลืองและสีแดง
ซึ่งเป็นการพูดที่ไม่ต่างจากลูกพี่คือ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีต ผบ.ทบ.และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ซึ่งการพูดเช่นนี้ เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เพราะแสดงถึงการไม่เข้าใจว่า ใครคือตัวป่วนชาติกันแน่ คนที่พูดแบบนี้ควรจะไปเป็นแขกยาม ไม่ควรมาเป็นทหารให้เปลืองภาษีประชาชน
ลั่นเป็นสื่อมวลชนอาวุโสไม่กี่คนในไทยที่เข้าใจหลักการเป็นสื่อมวลชนที่ดีและถูกต้อง
พี่น้องครับ คนเราถ้าอยู่ในอาชีพไหนแล้วไม่เข้าใจงานที่ตัวเองทำ แสดงว่าคนๆ นั้นไม่ควรจะอยู่ในอาชีพนั้น ใช่ไม่ใช่ พี่น้อง ผมทำสื่อมวลชนมา 30 กว่าปีแล้ว ผมน่าจะเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสไม่กี่คนในประเทศไทย ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในประเทศไทย ที่สำคัญที่สุดที่ผมภูมิใจที่สุด ผมอาจจะเป็นเพียงหนึ่งไม่กี่คนเท่านั้นเองที่เข้าใจหลักการของการเป็นสื่อ มวลชนที่ดีและถูกต้อง ข้อแรก ก็คือว่า ต้องกล้าพูดความจริง เพราะฉะนั้นแล้ว หลักการของการกล้าพูดความจริง ความจริงเป็นเช่นไรต้องพูดไปในทิศทางเช่นนั้น นั่นคือคุณสมบัติข้อแรกของการจะเป็นสื่อมวลชนที่ดี ส่วนวิธีการพูดโดยผ่านการเขียน การอภิปราย หรือการเป็นพิธีกรนั้น มันเป็นลักษณะในวิชาชีพ แต่หลักการต้องมาก่อน คุณต้องกล้าพูดความจริง กล้าแสวงหาความจริง ทักษะที่เหลือคือ เขียนหนังสือให้เป็น ให้ประชาชนอ่านง่าย ในขณะเดียวกัน ต้องมีทักษะไปหาข้อเท็จจริง ว่าวิธีหาข้อเท็จจริงนั้นต้องหาอย่างไร นั่นคือ สื่อมวลชน
ไม่เหมือน ยกตัวอย่างอย่างที่พูดไปเมื่อกี้ หนังสือพิมพ์เครือเดอะเนชั่นไม่กล้าพูดความจริง เพราะว่าความจริงนั้นถูกเอาเงิน ผลประโยชน์อุดปาก ด้วยเหตุนี้แล้ว หนังสือพิมพ์ลักษณะเครือเดอะเนชั่น หรือหนังสือพิมพ์แนวหน้า ก็เลยไม่ต่างกว่าทหารที่ดีแต่พูด อย่าง อนุพงษ์ เผ่าจินดา และประยุทธ์ จันทร์โอชา ใช่ไม่ใช่พี่น้อง
อัดไม่เคยเห็นทหารที่ไหนเล่นการเมืองเท่าทหารไทย
นายสนธิ กล่าวว่า ผบ.ทบ.วิเคราะห์ไม่ออกว่า ที่บ้านเมืองฉิบหายทุกวันนี้ก็เพราะนักการเมืองอย่างนายสุเทพ รวมทั้งเพื่อนของเขาอย่างนายพลกุนเชียงนั่นเอง ไม่ใช่คนเสื้อเหลือง ทำไมมองไม่ออกว่าคนเสื้อเหลืองที่สู้มาแต่ละเรื่องไม่ได้สู้เพื่อส่วนตัวแม้ แต่นิดเดียว และการที่ ผบ.ทบ.พูดเช่นนี้ แสดงว่าไม่ใช่ทหารอาชีพแต่เป็นทหารการเมือง ส่วนคนอย่าง พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ก็เป็นทหารรุ่นเดียวกับทักษิณ ชินวัตร ที่ออกมาพูดวันก่อนก็เพื่อให้ดูสวยงาม ไม่มีสาระอะไร ที่พูดว่าทหารไม่เล่นการเมืองแล้ว แต่ในความเป็นจริงตนยังไม่เคยเห็นทหารประเทศไหนเล่นการเมืองเท่ากับทหาร ประเทศไทยเลย
นายสนธิ กล่าวต่อว่า นอกจากทหารจะเล่นการเมืองแล้ว การพูดเช่นนี้ ก็เพราะไม่อยากรับผิดชอบ เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ เรื่องดินแดนเขาพระวิหาร ก็ไม่อยากรับผิดชอบ เพราะความผิดมันอยู่ที่พวกเขา วันนี้จึงไม่ใช่แค่นักการเมืองที่เป็นอันตรายต่อความมั่นคง แต่เป็นทหารด้วย เพราะทหารทุกวันนี้ดีแต่ปาก บอกว่าจะไม่ยอมให้ใครมาจาบจ้วง แต่ความมั่นคงของสถาบันกษัตริย์นั่นไม่ได้อยู่ที่การจาบจ้วงอย่างเดียว การโกงของนักการเมืองก็เป็นอันตรายด้วย แต่ทหารยุคนี้ไม่สนใจ ขอแค่ให้มีงบประมาณซื้ออาวุธก็พอใจแล้ว ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ คิดเป็นต้องมองออกว่า ประชาชนที่ออกมาชุมนุมนั้นต่อสู้เพื่อปกป้องดินแดนที่นักการเมืองกำลังขายให้เขมร หน้าที่ทหารต้องออกมาตบหัวนักการเมือง ไม่ใช่แค่ออกมาบอกว่าจะไม่ปฏิวัติ ก็จะปฏิวัติได้อย่างไร เพราะไม่มีน้ำยาหรอก
ลั่นถ้าจะมีการยิงสนธิอีกรอบ ขอให้จับรอบแรกให้ได้ก่อน
นี่คืออันตรายของชาติบ้านเมือง พี่น้องเห็นหรือยัง ผมเห็นเลย เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน พี่น้องเห็นหรือยัง แล้วคนที่ตาย พ.อ.ร่มเกล้า เป็นใครถ้าไม่ใช่เป็นลูกน้องคุณ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แล้วเรื่อง พ.อ.ร่มเกล้า ไปถึงไหนแล้ว เรื่องราวไปถึงไหนแล้ว นี่คุณไม่มีบุคลิกหรือคุณสมบัติของผู้นำเลยแม้แต่นิดเดียว พวกคุณเก่งอยู่อย่างเดียว ไอ้สนธิมันพูดมากยิงแม่งอีกทีนึง ก็มีอยู่แค่นี้เอง ก่อนจะยิงผมเป็นครั้งที่ 2 ขอเรื่องได้ไหม จับครั้งแรกให้ได้ก่อนแล้วค่อยมายิงครั้งที่ 2 ขอเงื่อนไขข้อเดียวก่อน จะโดนยิงกี่ครั้งไม่ว่า เพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองแน่ แต่ขอว่าก่อนจะยิงครั้งที่ 2 จับครั้งแรกให้ได้ก่อนแล้วค่อยยิงครั้งที่ 2 แล้วถ้ายิงครั้งที่ 2 ยังไม่ตาย จะยิงครั้งที่ 3 ก็จับครั้งที่ 2 ให้ได้ต่อ ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คิดเป็น รักชาติเป็น รู้หน้าที่ว่าตัวเองนั้นมีหน้าที่อะไรเป็น จะต้องรู้ว่าคนที่มานั่งชุมนุมที่นี่ หรือดูทีวี ASTV อยู่ที่บ้านนั้น เขามาสู้เรื่องดินแดนของประเทศไทย ที่นักการเมืองกำลังขายให้กับเขมร นั่นล่ะคือสิ่งที่คุณต้องออกมา แล้วตบหัวนักการเมือง แล้วเตะมันออกไปจากอำนาจ คุณไม่ใช่มาพูดบอกว่า ทหารจะไม่มีวันปฏิวัติ ก็มันจะปฏิวัติได้ยังไง คุณไม่มีน้ำยาหรอก
อัดสถาบันทหารตกต่ำเพราะสายบูรพาพยัคฆ์ขึ้นเป็น ผบ.ทบ.
นายสนธิ กล่าวต่อว่า สถาบันทหารตกต่ำมาตลอดตั้งแต่ยุคที่ทหารสายบูรพาพยัคฆ์ขึ้นเป็น ผบ.ทบ.เพราะทหารสายนี้จะอยู่ตามแนวชายแดนทางตะวันออกติดกับเขมร ซึ่งเต็มไปด้วยผลประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นการขโมยรถไปขาย บ่อนการพนัน การส่งน้ำมัน ส่งสินค้าเข้าไปขาย รวมถึงการค้าแรงงานเถื่อน ซึ่งนายทหารผู้ใหญ่ที่คุมพื้นที่ตรงนี้ไม่ว่าจะเป็นกองกำลังบูรพา กองทัพภาคที่ 2 หรือกองกำลังสุรนารี ต้องรับรู้ ดังนั้นทหารที่ไม่ยอมทำหน้าที่เพราะมีผลประโยชน์มาปิดปาก ก็ไม่ต่างจากสื่อมวลชนที่ไม่ยอมเสนอความจริงเพราะถูกเงินปิดปากเช่นกัน ดังนั้น ที่บอกว่าทั้งเสื้อเหลืองเสื้อแดงเป็นตัวป่วนเมืองเหมือนกันนั้น ที่จริงก็รู้ว่า เสื้อแดงคือตัวป่วนเมือง แต่ต้องบวกเสื้อเหลืองเข้าไปด้วยเพื่อให้ดูเท่ บอกให้ทั้งสองฝ่ายหยุดทะเลาะกันนักการเมืองโกงกินไม่เป็นไร ฝ่ายหนึ่งเผาบ้านเผาเมืองไม่เป็นไร อีกฝ่ายหนึ่งฉ้อราษฎร์บังหลวงไม่เป็นไร ยืนปิดบังให้ เพราะตัวเองก็ได้ด้วย
ชี้น้ำท่วมเชียงใหม่เพราะมีทักษิณ น้ำท่วมสุราษฎร์เพราะมีสุเทพ
ในช่วงท้ายในสนธิปราศรัยว่า “มีข้อมูลบางอย่างเล็กๆ น้อยๆ ฝากให้คิด พี่น้องเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้างมั้ย ไม่ต้องถามผม ผมเชื่อแน่นอน ถ้าไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้วผมคงไม่รอดมายืนพูดกับพี่น้องจนทุกวันนี้หรอก พี่น้องเชื่อคำว่าฟ้าดินลงโทษบ้างไหม ใครเชื่อปรบมือให้ผมได้ยินหน่อย
พี่น้องครับ ตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน 2552 ไล่มาจนวันนี้ พี่น้องสังเกตให้ดีๆ ฟ้าดินลงโทษทางใต้อย่างมหาศาล ที่พูดเช่นนี้พูดด้วยความเห็นใจ เข้าใจ และสงสารคนใต้ แต่กำลังจะบอกพี่น้องว่า คิดให้ดีๆ เชื่อ ไม่เชื่อ ว่าไป แต่เกิดมาใน 1-2 ปีที่ผ่านมานี้ ตั้งแต่กันยายน 52 มาจนกระทั่งถึงต้นปี 54 ในประวัติศาสตร์ทางใต้ไม่เคยมีช่วงไหนที่จะมีอุทกภัยและภัยพิบัติมากเท่า ช่วงที่สุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นรองนายกรัฐมนตรี แล้วดูแลประเทศไทยเลย
พี่น้องเอาไปคิดให้ดีๆ สมัยทักษิณ ชินวัตร ปกครองประเทศไทยอยู่ น้ำท่วมเชียงใหม่ ใช่/ไม่ใช่ ใครที่มาจากสุราษฎร์ฯ ยกมือหน่อยสิ กลับบ้านไปแล้ว อ่ออยู่คนเดียว คนสุราษฎร์ฯ ที่พุนพิน ซึ่งเป็นพื้นที่สุเทพ บอกว่าเกิดมาตั้งแต่สมัยปู่ สมัยย่า ไม่เคยเห็นน้ำท่วมพุนพินเยอะขนาดนี้ จริงๆ แล้วก็คือการที่ฟ้าดินลงโทษ เพื่อล้าง จ.สุราษฎร์ธานี ให้พ้นจากนักการเมืองชั่วๆ
23 มีนาคม 26-30 กันยายน 2552 ตุลาคม-ธันวาคม 2553 น้ำท่วมหนัก จังหวัดที่ประสบภัยมากที่สุดก็คือทางใต้ หาดใหญ่ พัทลุง 23 มีนาคม ปัจจุบัน น้ำท่วม ดินถล่มในภาคใต้ หลายจังหวัดได้รับความเสียหายหนัก พัทลุง นคร ตรัง ระนอง ชุมพร”
ชี้ถ้าบ้านเมืองมีการรักษาศีล จะไม่เสียหายขนาดนี้ จึงให้โหวตโนสั่งสอนนักการเมือง
พี่น้องครับ เรื่องภัยพิบัติผมเคยเตือนพี่น้องแล้วใช่ไม่ใช่ว่าให้ระวัง ไปถามผู้ทรงธรรม ไปถามพ่อแม่ครูอาจารย์ บอกว่าน้ำจะท่วมโลก จะท่วมประเทศไทย เฉพาะคนที่มีธรรม คนที่ภาวนา คนที่ปฏิบัติธรรมเท่านั้นที่จะอยู่รอด พี่น้องครับ อย่างที่ผมเคยบอกว่า พ่อแม่ครูอาจารย์พูดมานานแล้วว่าถึงที่สุดแล้ววันหนึ่งเมืองไทย ภาคใต้จะไม่เหลือ จะเหลือเฉพาะอีสานและเหนือ นี่คือคำทำนายของพ่อแม่ครูอาจารย์ เชื่อไม่เชื่ออย่ามาถามผม
“พี่น้องภัยธรรมชาติ เกิดขึ้นเพราะใครทำให้เกิด มนุษย์ใช่ไหม และนักการเมือง ถ้าบ้านเมืองของเรามีความสงบ มีธรรมนำหน้า มีการรักษาศีล ไม่มีนักการเมืองชั่วๆ แล้ว บ้านเมืองจะไม่มีวันเสียหายมากขนาดนี้ นี่เราเสียหายในรูปตัวเลขทางเศรษฐกิจ จากการคอรัปชั่น เราเสียหายจากภัยพิบัติ ยังไม่นับการสูญเสียจากศีลธรรม ยังไม่นับการสูญเสียจากคนไร้ซึ่งจริยธรรม ยังไม่นับการสูญเสียถึงคนที่มีหน้าที่ต้องทำไม่ว่าจะเป็นทหาร ตำรวจ หรือข้าราชการ แล้วไม่ได้ทำหน้าที่ของทหาร และตำรวจให้ถูกต้อง เพราะฉะนั้นแล้วชาติบ้านเมืองวันนี้ เหมือนกำลังจะถูกสาปแช่งครั้งใหญ่ที่สุด ถ้าเรายังไม่รีบปรับปรุง ขยับเพื่อให้ชาติบ้านเมืองดีขึ้น ด้วยเหตุนี้ การต่อสู้อย่างอหิงสาของพวกเรา ณ วันนี้คือการโหวตโน เพราะการโหวตโนโดยหลักสั้นๆ พี่น้องให้จำเอาไว้ การโหวตโนคือการสั่งสอนนักการเมืองว่า กูไม่เอากับพวกมึงอีกต่อไปแล้ว เพราะฉะนั้นแล้วพี่น้อง การโหวตโน คือการออกมาใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย ด้วยการเข้าคูหาแล้วกาโหวตโน ไม่ได้ผิดกฎหมาย เป็นประชาธิปไตยเต็มตัว เมื่อเราปฏิเสธ อย่างที่ผมเรียนให้ทราบ เมื่อเราปฏิเสธการเมืองแบบนี้ วิธีปฏิเสธของเรามี 2 วิธี วิธีหนึ่งคือ นอนหลับทับสิทธิ์ เราไม่ออกไปเลย แต่วิธีหนึ่งซึ่งผมส่งเสริมและพวกเราต้องทำกันให้ได้ คือ ออกไปใช้สิทธิ์ แต่บอกว่าใช้สิทธิ์ที่จะโหวตโน”
ที่มา: เรียบเรียงจาก
เนชั่นสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 984 ประจำวันที่ 8 เมษายน 2554 และ ASTVผู้จัดการออนไลน์