WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Wednesday, June 1, 2011

ทูตอังกฤษชี้การเลือกตั้งจะเป็นโอกาสสำคัญของคนไทย

ที่มา มติชน

เมื่อ เวลา 17.30 น. วันที่ 1 มิถุนายน นายอาซีฟ อาหมัด เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย แถลงข่าวแก่สื่อมวลชน จ.เชียงใหม่ ที่โรงแรมเจดีย์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ถึงการเดินทางอย่างเป็นทางการเพื่อติดตามสถานการณ์การเมืองในช่วงเลือกตั้ง ของประเทศไทยในพื้นที่ภาคเหนือ และพบปะกับหัวหน้าส่วนราชการ นักการเมืองท้องถิ่นทั้งใน จ.เชียงใหม่และเชียงราย รวมทั้งตามความคืบหน้าการเสียชีวิตพร้อมกันของสามีภรรยาชาวอังกฤษในโรงแรม กลางย่านไนท์บาซาร์ อ.เมืองเชียงใหม่ โดยเข้าพบกับตำรวจภูธรภาค 5 ตรวจคนเข้าเมือง เพื่อหารือข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับชาวอังกฤษ ตลอดจนการเยือนชุมชนมุสลิมและชาวไทยภูเขาเผ่าลีซอและม้ง

นาย อาซีฟกล่าวว่า ตนอยู่ในช่วงเกิดเหตุในเดือนพฤษภาคมปีที่ผ่านมา เป็นสิ่งที่ยากมาก คำว่าการประนีประนอมน่าจะทำให้ประเทศไทยดีขึ้น เพราะไม่มีใครอยากให้เกิดความรุนแรง รัฐบาลอังกฤษก็ไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรง วันเลือกตั้งเป็นโอกาสของคนไทยที่จะออกมาใช้เสียงตัดสินการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์การเมืองไม่ชัดเจนก็จะเป็นอุปสรรคต่อนักลงทุนใหม่ที่จะตัดสินใจ แม้ว่าประเทศไทยจะมีศักยภาพดีกว่าอีกหลายประเทศในอาเซียนก็ตาม

วิวาทะ "ณัฐวุฒิ vs ชำนิ" ในรายการ "สรยุทธ" ... "ปรองดอง?" ที่ยังมาไม่ถึง

ที่มา มติชน



รับชมข่าว VDO ชมคลิป

นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้สมัครส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการเรื่องเด่นเย็นนี้ ช่วงสรยุทธ เจาะข่าวเด่น ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.

นายชำนิ กล่าวว่า ทางพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทยและกลุ่มนปช.เป็นคู่ความขัดแย้งทางการเมือง เนื่องจากการ เคลื่อนไหวช่วง 2 ปีที่ผ่านมานั้นเป็นการเคลื่อนไหวเพื่อกดดัน และล้มรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ นอกจากนี้ คู่ขัดแย้งที่ว่านี้ไม่เพียงแต่เป็นเฉพาะนายอภิสิทธิ์ แต่เป็นความขัดแย้งระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กับสถาบันต่างๆ ของสังคมไทย


ด้านนายณัฐวุฒิ กล่าวว่า สถานการณ์ทั้งหมดเริ่มตั้งแต่การขับไล่พ.ต.ท. ทักษิณ เรื่อยมาจนถึงการที่พรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลทั้งที่แพ้ การเลือกตั้ง ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ยืนตรงข้ามกับประชาชนฝ่ายประชาธิปไตยอย่างชัดเจน เพราะ ฝ่ายตนปฏิเสธการรัฐประหาร แต่ประชาธิปัตย์กลับเพิกเฉยเพราะ เป็นพรรคการเมืองที่ได้รับผลประโยชน์สูงสุดจากสถานการณ์การเมืองในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งตนเห็นว่า เราต้องหาทางออกจากความขัดแย้งให้ได้เร็วที่สุด เพราะไม่มีความเป็นประชาธิปไตย

เมื่อสรยุทธ พิธีกรของรายการถามว่าหลังเลือกตั้งครั้งนี้การเมืองจะสงบ ยุติความขัดแย้งอย่างไร นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ทุกคนต้องเห็นร่วมกันก่อนว่าการเลือกตั้งเป็นจุดนับหนึ่งของการสร้าง สันติภาพ โดยไม่ว่าผลการเลือ กตั้งเป็นอย่างไรก็ปล่อยให้เป็นไปเช่นนั้น รู้แพ้ รู้ชนะ ในสนามเลือกตั้ง ใครชนะก็เป็นรัฐบาลไปก่อน ใครชนะก็สร้างกระบวนการปรองดอง จากนั้นมาว่ากันใหม่


"เชื่อว่าวันนี้มีพรรคเดียวที่ชนะแล้วจะไม่ได้ตั้งรัฐบาล คือ พรรคเพื่อไทย เท่านั้น ขณะที่เมื่อพรรคอื่นชนะแล้วก็สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ อย่างนี้ไม่ใช่ประชาธิปไตย"


นายชำนิ กล่าว่า ต้องยอมรับตอนนี้เลยว่า การเลือกตั้งเป็นทางออกของวิกฤติ และต้องยอมรับการเลือกตั้งต้องจบลงในสนามเลือกตั้ง ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ขัดขวางการเลือกตั้ง และเมื่อแพ้เลือกตั้งจะไม่ออกมาเคลื่อนไหว ต้องยอมรับผลตอนนี้


"ปัญหาอยู่ตรงที่กลัวว่ามีการเลือกตั้งแล้ว ทุกเสื้อจะออกมาเคลื่อนไหวอีก " นายชำนิกล่าว

สำหรับเรื่องการเคลื่อนไหวหลังการเลือกตั้งแล้ว นายชำนิกังวลว่า อาจยังมีการเคลื่อนไหวจากหลายฝ่ายรวมถึง คนเสื้อแดงซึ่งเชื่อว่าหากพรรคเพื่อไทยแพ้คนเสื้อแดงต้องออกมาแน่นอน นายณัฐ วุฒิ จึงตอบว่า พวกตนไม่เคยทำอย่างนั้นเพราะ ไม่เคยแพ้เลือกตั้ง มีแต่ชนะแต่ไม่ได้จัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเมื่อถึงสถานการณ์นั้นแล้วก็ต้องมาดู ว่า เวลานั้นมันเกิดอะไรขึ้น เป็นไปได้อย่างไร เข้าไปคุยกันhttp://www.blogger.com/img/blank.gifในค่ายทหารหรือไม่ พรรคร่วมรัฐบาลมีอิสระในการตัดสินใจหรือไม่

ที่มา You Tube ช่องของ Tuxillaplanet

2011-06-01@1738 สรยุทธสัมภาษณ์ ณัฐวุฒิ & ชำนิ.mpeg

แฉจะๆ ประชุมครม.นัดสุดท้าย สุดมั่ว "ชินวรณ์" แจ้นเลขาธิการครม.แก้ไขด่วน ถูกอาจารย์จวกยับ!

ที่มา มติชน




ครม.นัดสุดท้าย


แก้ไขด่วน

การประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งสุดท้ายของรัฐบาล"อภิสิทธิ์ เวชชาชีะ" เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ก่อนยุบสภา

เป็น การประชุมที่ยาวนานกว่า 15 ชั่วโมง เพื่ออนุมัติ วาระสำคัญเพื่อพิจารณา 102 เรื่อง และอนุมัติวาระจร อีก 53 เรื่อง รวมแล้ว 155 เรื่อง

เป็นการประชุมที่ยาวนานที่สุด และเป็นการประชุมนัดที่ถูกวิจารณ์ที่สุดว่า เป็นการทิ้งทวนงบหลายหมื่นล้าน บ้างว่ากว่าแสนล้าน

แต่ที่แน่ๆ เป็นการประชุมที่ขาดความละเอียดรอบคอบ เพราะเป็นการพิจารณาแบบ ลวกๆ และมักง่ายที่สุด


ล่า สุด มติครม. แบบรูดปื๊ดๆ ได้กลายเป็นปัญหาแล้ว เมื่อนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รมว.กระทรวงศึกษาธิการ ต้องรีบทำหนังสือด่วนถึงเลขาธิการครม. เพื่อขอแก้ไขมติครม. เป็นการด่วน หลังจากโดนอาจารย์มหาวิทยาลัยอัดยับว่า มักง่าย และมั่วสิ้นดี !!!


หนังสือด่วน ของ"ชินวรณ์" ระบุว่า ตามหนังสือที่อ้างถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้แจ้งว่าคณะรัฐมนตรี ในการประชุมเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2554 ได้อนุมัติวงเงินเพิ่มเพื่อใช้ในการปรับเพิ่มค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงาน มหาวิทยาลัยที่จ่ายค่าตอบแทนด้วยเงินงบประมาณของสถาบันอุดมศึกษาที่เป็นส่วน ราชการและมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ โดยให้ใช้เงินจากรายได้ของมหาวิทยาลัยในวงเงินรวม 397.21 ล้านบาท

และให้กระทรวงศึกษาธิการขอทำความตกลงรายละเอียดกับสำนักงบประมาณก่อนดำเนินการต่อไป ตามความแจ้งแล้วนั้น


เพราะเหตุที่ มติครม. มีผลผูกพันส่วนราชการ ดังนั้นเมื่อ มติครม. บกพร่อง ส่วนราชการที่ได้รับผลกระทบจากมติครม.ที่ผิดเพี้ยน ย่อมนิ่งเฉยไม่ได้

ก่อนหน้านี้ นายชินวรณ์ ได้ชี้แจงการขอปรับอัตราค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงานมหาวิทยาลัยที่จ่ายค่า ตอบแทนด้วยเงินงบประมาณของสถาบันอุดมศึกษาที่เป็นส่วนราชการและมหาวิทยาลัย ในกำกับของรัฐในวงเงินรวม 397.21 ล้านบาท โดยขอใช้จากเงินงบกลาง

เพราะ พนักงานมหาวิทยาลัยก็เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ปฏิบัติงานในฝ่าย บริหาร ควรได้รับการปรับอัตราค่าจ้างเช่นเดียวกับข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ ที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไปแล้ว ซึ่งที่ประชุมคณะรัฐมนตรีก็เห็นชอบด้วย โดยไม่มีข้อทักท้วงใดๆ

แต่หนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ด่วน ที่สุด ที่ นร 0505/12604 ลงวันที่ 9 พฤษภาคม 2554 กลับแจ้งมติไม่ตรงกับที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้อภิปราย


ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ก.พ.อ.) ในการประชุมเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2554 ได้พิจารณาหนังสือของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ได้แจ้งมติคณะรับมนตรีว่า คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติวงเงินเพิ่ม เพื่อใช้ในการปรับค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงานมหาวิทยาลัยที่จ่ายค่าตอบแทน โดยเงินงบประมาณของสถาบันที่เป็นส่วนราชการและมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ โดยให้จ่ายจากเงินรายได้ของมหาวิทยาลัยในวงเงินรวม 397.21 ล้านบาท และให้กระทรวงศึกษาธิการขอทำความตกลงรายละเอียดกับสำนักงบประมาณนั้น


ก.พ.อ.เห็นว่า การจดบันทึกมติคณะรัฐมนตรีอาจจะเกิดความคลาดเคลื่อน เพราะ การปรับเงินเดือน การกำหนดอัตราค่าใช้จ่ายของพนักงานมหาวิทยาลัยจากเงินรายได้ของมหาวิทยาลัย นั้น เป็นอำนาจของสภามหาวิทยาลัยอยู่แล้ว โดยไม่ต้องขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณอีก

นอก จากนี้ ในพระราชบัญญัติจัดตั้งมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐหลายฉบับ ที่ได้ตราในปี พ.ศ.2551 ต่างก็บัญญัติรองรับในเรื่องการปรับเงินของพนักงานมหาวิทยาลัยไว้อย่าง ชัดเจนว่า ในกรณีที่รัฐบาลได้ปรับเงินเดือนให้ราชการค่าตอบแทนหรือสิทธิประโยชน์อื่นใด ให้แก่ราชการ ให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณในลักษณะเงินอุดหนุนทั่วไปเพิ่มเติมให้แก่ มหาวิทยาลัยในสัดส่วนเดียวกันเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าวให้พนักงาน มหาวิทยาลัยด้วย


จากข้อเท็จจริงที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ศึกษาธิการได้แจ้งในที่ ประชุม ก.พ.อ. ประกอบกับเหตุผลที่ ก.พ.อ. ได้อภิปรายดังกล่าว ก.พ.อ. เห็นว่า หนังสือของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ด่วนที่สุด ที่ นร 0505/12604 ลงวันที่ 9 พฤษภาคม 2554 ที่แจ้งมติคณะรัฐมนตรีนั้น น่าจะเกิดความคลาดเคลื่อนในการจดบันทึก จึงแนะนำ

ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการมีหนังสือถึงเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อตรวจสอบถึงความคลาดเคลื่อนและบันทึกให้ถูกต้อง


เอา เข้าจริง การประชุมครม. ที่ผ่านมา ไม่มีการบันทึกรายงานการประชุม อย่างละเอียด มีเพียงมติครม. สั้นๆที่เผยแพร่หลังการประชุมเท่านั้น


ปัญหาคือความผิดพลาดบกพร่องแบบจะๆ ที่เกิดขึ้นเกิดจาก ครม. เบลอ

หรือ เลขาธิการครม. บันทึก มั่ว กันแน่ ????

ทีมงานลับ-แผนลึก-สคริปต์แน่น ยุทธวิธีปั้น "ยิ่งลักษณ์" ปูทาง "ทักษิณ" กลับบ้าน

ที่มา ประชาชาติธุรกิจ



คอลัมน์ เลือกตั้งรัฐบาล 2554




กระแส "ยิ่งลักษณ์-เป็นนายกฯหญิง" ถูกปั่นจนติดเพดานด้วยทีมงานคุณภาพ

ครึ่งหนึ่งของทีมปั้น "ยิ่งลักษณ์" เป็นคนการเมืองที่เคยปั้น "ทักษิณ ชินวัตร" ส่งถึงทำเนียบรัฐบาลมาแล้ว

ทุกจังหวะก้าว-จังหวะพูดของ

"ยิ่งลักษณ์" จึงมีทั้งทีมงานเขียนสคริปต์ ทีมงานสร้างภาพลักษณ์ และทีมเสริม

ที่เป็นนักการเมืองระดับสายตรง "ทักษิณ" 24 ชั่วโมง ครบทีม

กว่าชื่อ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" จะได้เป็นปาร์ตี้ลิสต์หมายเลข 1 ทีมงานส่วนตัว "ทักษิณ" มีชื่อให้เลือก 4 ชื่อ

ชื่อแรก สายตรงยิ่งกว่าตรง ชื่อ

คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพ็ชร์ แต่มีอันต้องตกไป เพราะเจ้าของชื่อไม่ประสงค์ลงสนามการเมืองอีก

ชื่อ ที่สอง สายใน ชื่อ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ แต่ต้องหลุดออกจากโผ เพราะปัญหาเรื่องความ "เกรงใจ-ในฐานะพี่ภริยา" หากได้เป็นใหญ่จะสั่ง-บังคับบัญชายาก

สุดท้ายจึงมีชื่อ "ยิ่งลักษณ์" เพราะเป็นน้องที่ "ทักษิณ" รักที่สุด การก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งทุกตำแหน่งคาดการณ์ ทำนายผลได้

ข้อเสนอ-เหตุผลแนบท้ายชื่อของ

"ยิ่ง ลักษณ์" จึงมีนัยว่า หากน้องสาวทำงานการเมืองได้ดี ก็จะผลักดันให้สูงสุดถึงเก้าอี้นายกรัฐมนตรี แต่หากกระแสไม่เอื้อ จะ "ถอน" ออกจากตำแหน่ง สลับกับคนอื่น น้องสาวก็ไม่โกรธ ไม่มีปัญหาระดับพรรค มีเพียงปัญหาในครอบครัว

ชื่อ "ยิ่งลักษณ์" จึงถูกสรุปด้วยบรรทัดเดียว "ชื่อนี้ได้ประโยชน์กับทุกฝ่าย"

ชื่อที่ตกคุณสมบัติตั้งแต่ต้นคือ ชื่อ "ดร.วีรพงษ์ รามางกูร" โดยมีเหตุผลและปัญหาแนบท้าย 3 ข้อใหญ่

ข้อแรก "ทักษิณและคณะ" เกรงว่า

ชื่อ นี้จะถูกกระตุกจากผู้มีบารมีใหญ่ใน "บ้านเทเวศร์" แล้วจะทำให้จังหวะการเมืองมีปัญหาซ้ำรอย สมัยที่จะโน้มน้าวให้ "พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ" ที่เจรจา "จบ" แล้ว แต่ถึงเวลาสถานการณ์ก็เปลี่ยน

ข้อ สอง หากนำชื่อ "ดร.โกร่ง" เข้าแผนเพื่อไทย อาจซ้ำรอยสมัยพลังประชาชน ที่ยากแก่การควบคุมทิศทางในรัฐบาล และการจัดตัว-วางตำแหน่งข้าราชการระดับสูง ให้เป็นตามทิศทางของพรรคและทักษิณ

ข้อสาม หากนำชื่อคนนอกพรรคมาเป็นหมายเลข 1 แล้วเกิดกระแสปั่นป่วนในพรรค จะทำให้เกิดความระส่ำระสาย มีปัญหาตั้งแต่จัดการเลือกตั้งไปจนถึงจัดรัฐบาล ไม่จบสิ้น

เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นระดับสงครามครั้งสุดท้าย ทุกจังหวะก้าว-จังหวะคิด ทุกเม็ด ทุกเสียงของ

"ยิ่งลักษณ์" จึงมีความหมาย

ภารกิจส่ง "ยิ่งลักษณ์" ที่ทำเนียบรัฐบาล จึงต้องเป็นไปตามสคริปต์

ทุกชอต ทุกเวที

บท พูดกับสื่อ-บทปราศรัยกับชาวบ้าน-บทตอบคำถามระดับสัมภาษณ์พิเศษ หรือสัมภาษณ์แบบเผชิญหน้า จึงถูกกำหนดด้วยคีย์เวิร์ดหลัก จำง่าย โดนใจ กว้าง ๆ ไม่เฉพาะเจาะจง

สคริปต์-สำหรับการปรากฏตัวทางการเมือง แถลงข่าวครั้งแรกที่พรรคเพื่อไทย จงใจใช้คำ "แก้ไข ไม่แก้แค้น"

ตามด้วยบทพูดปราศรัยใหญ่ครั้งแรกที่จังหวัดเชียงใหม่ ครอบคลุมเรื่องนิรโทษ-ปรองดอง ภายใต้สคริปต์ที่ทีมงานกำหนดไว้ 45 นาที

แต่ "ยิ่งลักษณ์" พูดได้เพียง 15 นาทีเท่านั้น

1 ในทีมงานคุณภาพที่กำกับเนื้อหาสคริปต์ มีชื่อ จาตุรนต์ ฉายแสง อยู่เบื้องหลัง

1 ในทีมงานสร้างภาพที่กำกับจังหวะการปรากฏตัวกับสื่อ มีชื่อ "สุทิษา ประทุมกุล" อดีตทีมประชาสัมพันธ์คู่หู "สุรนันทน์ เวชชาชีวะ" เจ้าของผลงาน

วิทยานิพนธ์เรื่อง "กลยุทธ์การประชาสัมพันธ์ของพรรคไทยรักไทยในภาวะวิกฤตการเมืองปี 2549" ประกบติดตัวแทบทุกชั่วยาม

ประกบกับทีมงานประชาสัมพันธ์ที่มีชื่อ นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล จากตึกชินคอร์ป อยู่ใกล้ ๆ ไม่ห่าง

ทีมงานที่ยังอยู่ในระหว่างพิจารณา "ปรับปรุง" เป็นทีมงานการเมืองที่มี นายสมชาย นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ กำกับการแสดง

ทีมงานวอลเปเปอร์กำลังจะถูกโละทิ้ง-ถอนออกในเร็ว ๆ นี้ มีชื่อ "สุนีย์ เหลืองวิจิตร"

ทีมงานที่ "ทักษิณ" ปรารถนาให้อยู่ใกล้เป็นวอลเปเปอร์แบบติดทน-ถาวร เป็นทีมที่ "ทักษิณ" ส่งข้อความมาถึง

ทีมงานว่าต้องเป็น "economic team"

ทีม งานเศรษฐกิจที่ "ทักษิณ" ต้องการให้ปรากฏตัวรอบกาย "ยิ่งลักษณ์" มี 3 ชื่อ 1.ดร.โอฬาร ไชยประวัติ 2.นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช 3.นายพิชัย นริพทะพันธ์

ส่วนชื่อ "มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์" ไม่มีอยู่ในทีมวอลเปเปอร์เศรษฐกิจ แต่ให้อยู่ในทีมวอลเปเปอร์บนเวทีปราศรัยใน

หัวเมืองใหญ่

หลังเปิดตัว-ปราศรัยไปแล้ว 25 วัน 10 เวที ทั้งเวทีหลัก เวทีย่อย "ทีมงานยุทธศาสตร์" ขอปรับปรุง และต่อยอด ติวเข้ม 3 เรื่อง

เรื่อง แรก การปราศรัยเรื่องปัญหาเศรษฐกิจ ถูกเขียนสคริปต์ใหม่เป็นแนวเปรียบเทียบด้วยคีย์เวิร์ด "เลือกประชาธิปัตย์ ข้าวยากหมากแพง เลือกเพื่อไทย อยู่ดีกินดี"

เรื่องที่สอง ปัญหาการเมืองเรื่องนิรโทษกรรม "ทักษิณและคณะ" ถูกปรับใหม่ จากเดิมพูดปัดพ้นตัวไปว่า ให้เป็นหน้าที่ "ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง" ทำให้ถูกโจมตีจากทั่วสารทิศ

คำแก้ไขประกาศของ "ยิ่งลักษณ์" สอดรับกับทีมงานยุทธศาสตร์ ที่รับคำสั่งจาก "ทักษิณ" มาถ่ายทำ-อีกทอด ด้วยการเตรียมเปิดประเด็น "นิรโทษด้วยรัฐธรรมนูญ" แบบจัดเต็ม

ดังนั้น หลังจากนี้ "ยิ่งลักษณ์" ต้องติวเข้ม 2 เรื่องคือ เศรษฐกิจ และกฎหมาย ฉบับฟังง่าย-ไม่ถูกนำไปตีความ

การบริหารเรตติ้งที่พุ่ง-พีกติดเพดานก่อนเวลาอันควร จึงต้องใส่ "เนื้อหา" เพิ่ม เพื่อดึงกระแสให้ต่อเนื่องจนถึงเลือกตั้ง

ทีมงานจึงแบ่งตารางเวลาที่เหลือเป็น 2 ระยะ

ระยะแรก 20 วันสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง จะให้ "ยิ่งลักษณ์" เร่งพูดเนื้อหา-ลง

รายละเอียดแนวทางการนำนโยบายเศรษฐกิจไปปฏิบัติ และแตะเนื้อหาภาพรวมเศรษฐกิจใน-ต่างประเทศ

สคริปต์ นี้ทีมงานยุทธศาสตร์วิเคราะห์วิธีการว่า จะต้องให้ "ยิ่งลักษณ์" ปราศรัยก่อน "ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" ทุกเวที เพื่อเพิ่มความสำคัญ-เพิ่มดีกรีความจริงจังให้กับเรื่องเศรษฐกิจเพียว ๆ ด้วยคำสั่ง "ส่งให้ยิ่งลักษณ์เด่น ไม่เน้นตลก"

ระยะที่สอง 15 วันสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง จะให้ "ยิ่งลักษณ์" ประกาศแผน

"ปรองดอง" เป็นบันได 3 ขั้น ให้ทักษิณได้กลับเมืองไทย คือ บันไดขั้นแรกชนะเลือกตั้ง ขั้นที่สองได้จัดตั้งรัฐบาล ขั้นที่สามได้รับการนิรโทษกรรม

สคริปต์-แผนปรองดองอันแยบยล ถูกตระเตรียมไว้ 4 ขั้นตอน คนได้ประโยชน์มี 3 กลุ่ม

ขั้นตอนแรก ประกาศนิรโทษให้กับปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างประชาชนกับประชาชนที่ปะทะกันเพราะอุดมการณ์เหลือง-แดง ทุกกรณี

ขั้น ตอนที่สอง ให้นักการเมืองที่ถูกตัดสิทธิ 5 ปี จากไทยรักไทย 111 คน และจาก 3 พรรค รวม 109 คน พ้นโทษ กลับสู่สนามการเมืองได้ โดยจะแนบเหตุผลเรื่องไม่ต้องรับมือกับการปั่นป่วนจนเกิดการเลือกตั้งใหม่

ขั้น ตอนที่สาม ขอให้มีกระบวนการลดหย่อนโทษให้ "ทักษิณ" ในคดีซื้อที่ดินรัชดาภิเษก โดยตั้งเป้ากรณีเลวร้ายที่สุดคือ กลับเมืองไทยแล้ว "รอลงอาญา"

ขั้นตอนที่สี่ ประกาศแผนแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 309 ที่บัญญัติว่า

"บรรดา การใด ๆ ที่ได้รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2549 ว่าเป็นการชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญ รวมทั้งการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกับกรณี

ดังกล่าวไม่ว่าก่อนหรือหลังวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ ให้ถือว่าการนั้นและการกระทำนั้นชอบด้วยรัฐธรรมนูญนี้"

มาตรา นี้ส่งผลทางการเมืองกว้างขวาง แนบเนียน อย่างน้อยก็ทำให้การกระทำหน้าที่ของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิด ความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ไม่ชอบด้วยกฎหมายโดยปริยาย

ทีมงานคุณภาพ วิเคราะห์สาเหตุที่ต้องประกาศแผนปรองดองช่วง 15 วัน โค้งสุดท้ายก่อนโหวต รู้แพ้-รู้ชนะ ว่า "เพราะต้องการให้กองทัพ-ข้างบน-คนชั้นสูง วางใจในฝ่ายทักษิณ"

คำประกาศใต้ดินที่ "ทักษิณ" ขอความไว้วางใจจากฝ่ายเจ้าของอำนาจเก่า คือ "ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะให้กองทัพเลือกกันเอง"

ตำแหน่งใหญ่ในฝ่ายความมั่นคง เช่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จะมีการเขียนชื่อเป็นตุ๊กตาให้เลือก 2-3 คน

ทั้ง 2 ตำแหน่ง ต้องทำงานเข้ากันได้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

แหล่ง ข่าววงในทีมยุทธศาสตร์วิเคราะห์ตรงกันว่า "นาทีนี้ทุกฝ่ายอำนาจเชื่อว่าเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้ง แต่ทุกคนไม่มั่นใจว่าจะได้จัดตั้งรัฐบาล

ดังนั้นทักษิณต้องส่งสัญญาณให้ทุกฝ่ายมั่นใจ และจัดการเลือกตั้งให้ชนะ

ประชาธิปัตย์เกิน 10 เสียง"

ทางหนึ่ง เอาเสียงชนะขาดไว้ต่อรองกับกองทัพ-ชนชั้นสูง และผู้มีบารมี

ทางหนึ่ง หากเสียงชนะขาด จะทำให้ขึ้นบันไดครบ 3 ขั้น ชนะเลือกตั้ง ได้จัดรัฐบาล และได้นิรโทษ

ตัวเลขชนะขาด ล่าสุดเพื่อไทยยังยืนอยู่ได้ในระดับ 240-250 ขณะที่

ประชาธิปัตย์มีเสียงล่วงหน้า 170-180 เสียง ฝ่ายชาติไทยพัฒนา 30 เสียง

และชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน 20 เสียง ตามลำดับ

เสียงที่เพื่อไทยไม่ใส่ใจยังเป็น 40 เสียง ที่คาดว่าภูมิใจไทยจะได้ครอบครอง

สคริปต์ของ "ยิ่งลักษณ์" แผนลับของ "ทักษิณ" นับวันจะเข้าใกล้ทั้งความจริง และความเสี่ยง !

ทีมงานลับ-แผนลึก-สคริปต์แน่น ยุทธวิธีปั้น "ยิ่งลักษณ์"นั่งนายกฯหญิง ปูทาง "ทักษิณ" กลับบ้าน !!

ที่มา มติชน









กว่าชื่อของ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" จะได้เป็นปาร์ตี้ลิสต์หมายเลข 1 และว่าที่นายกฯหญิงคนแรก มีที่มาที่ไปไม่ธรรมดา

ครึ่งหนึ่งของทีมปั้น "ยิ่งลักษณ์" เป็นคนการเมืองที่เคยปั้น "ทักษิณ ชินวัตร" ส่งถึงทำเนียบรัฐบาลมาแล้ว

รู้หรือไม่ว่ากว่าจะลงตัวที่ชื่อของ"ยิ่งลักษณ์" มีอีก3ชื่อถูกหยิบขึ้นมาวางบนโต๊ะ

แต่ทำไมชื่อของ"ยิ่งลักษณ์"จึงสมประโยชน์กับทุกฝ่าย และทำไมชื่อของอีก3คนจึงตกไป และไปเกี่ยวอะไรกับ"ผู้มีบารมี"

ทำไมเวลาปราศรัยใหญ่ "ยิ่งลักษณ์" จึงพูดน้อย ไม่กี่นาที ?


รู้ หรือไม่ว่า เบื้องหลังทีมงานคุณภาพ มีทั้งทีมงานเขียนสคริปต์ ทีมงานสร้างภาพลักษณ์ และทีมเสริม ที่เป็นนักการเมืองระดับสายตรง "ทักษิณ" 24 ชั่วโมง ครบทีม และมีใครบ้าง

จากนี้ไปจะทำงานแต่ละฝ่ายกันอย่างไร เพื่อให้บรรลุเป้าหมายข้างต้น !

คลิกอ่านรายละเอียด

2011-05-31 ตีสิบ เทคนิคโกงไพ่ เซียนมาเองเผยกลเม็ด

ที่มา thaifreenews

โดย Tuxedo

2011-05-31 ตีสิบ เทคนิคโกงไพ่ เซียนมาเองเผยกลเม็ด

เด็จพี่ขู่ฟ้องกกต.ไม่ถอด'คลายปม'

ที่มา ข่าวสด

วัน ที่ 31 พ.ค. ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรค แถลงว่า หลังจากยื่นหนังสือถึง กกต.ขอให้ระงับรายการ "คลายปม" และรายการ "เจาะข่าวร้อนล้วงข่าวลึก" ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 เพราะมีเนื้อหาค่อนข้างทำให้เกิดความแตกแยกในสังคม ใส่ร้ายโจมตีทางการเมือง และส่งผลเสียต่อคะแนนเสียงของพรรค อาจทำให้การเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม ขัดต่อกฎหมายเลือกตั้งและกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 181(4) อีกทั้งขัดต่อสัตยาบัน 5 ข้อ

นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า แต่ กกต.ยังไม่มีมาตรการป้องปรามใดๆ ทั้ง 2 รายการ ยังคงออกอากาศได้เหมือนเดิม ถือเป็นการกระทำที่น่าละอาย สังคมควรร่วมกันประณาม หาก กกต.ยังคงเพิกเฉย อาจถูกมองว่าเป็นเสือกระดาษได้ ทีมกฎหมายจะหารืออีกครั้งว่าการทำหน้าที่ของ กกต.ถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ นอกจากนี้ พรรคก็เตรียมฟ้องร้องต่อศาลโดยตรงไปยังรายการและผู้ที่เกี่ยวข้อง

เอเอฟพีทำสกู๊ปยิ่งลักษณ์ ท้าชิงเก้าอี้นายกฯ ต้านรัฐประหาร

ที่มา ข่าวสด









เมื่อ วันที่ 1 มิ.ย. สำนักข่าวเอเอฟพี ประเทศฝรั่งเศส นำเสนอสกู๊ปพิเศษเรื่องราวและบทสัมภาษณ์พิเศษ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย เขียนโดยนายดาเนียล รู้ก ในหัวข้อว่า "น้องสาวทักษิณชิงตำแหน่งนายกฯ หญิงคนแรก เรียกร้องอย่ามีรัฐประหารอีก"

รายงานระบุว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นนักธุรกิจหญิงที่รูปร่างหน้าตาดี เป็นคุณแม่ลูกหนึ่งและอายุห่างจากพี่ชาย 18 ปี เป็นนักการเมืองหน้าใหม่ที่เข้าสู่สนามการเมืองในช่วงเวลาที่เกิดความแตกแยก มีคนตายเกิน 90 ศพและเจ็บกว่า 1,900 รายในเหตุรุนแรงทางการเมืองปีที่แล้ว

น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้ความเห็นว่า การรัฐประหารคงจะไม่เกิดขึ้นอีก และหวังว่าจะไม่มีอีก ต้องทำให้ทุกคนเคารพในการตัดสินใจของประชาชน ตอนนี้ประเทศไทยถอยหลังมา 4-5 ปีแล้ว ประชาชนต้องการให้ประเทศเดินไปข้างหน้า

น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องแข่งกับนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งโพลสำรวจคะแนนนิยมพบว่า พรรคของน.ส.ยิ่งลักษณ์มีแต้มนำ อย่างไรก็ตาม ในความเห็นของนายไมเคิล มอนเตซาโน จากสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา ที่สิงคโปร์ คาดการณ์ว่า พรรคเพื่อไทยคงไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นมาเป็นรัฐบาล ยิ่งน.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นคนในตระกูลเดียวกับพ.ต.ท.ทักษิณ ยิ่งทำให้โอกาสน้อยลงไปอีก

วันเดียวกัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวถึงความชัดเจนในการเลือกพรรคการเมืองมาร่วมจัดตั้งรัฐบาล หากพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งว่า คงต้องรอดูผลการเลือกตั้งก่อน และอยากให้ทุกฝ่ายใจเย็น เพราะตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา ส่วนที่นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยระบุว่าพรรคเพื่อไทย มีมติจะไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคภูมิใจไทยนั้น คงต้องหารือกันอีกครั้ง เพราะต้องรอดูว่าพรรคการเมืองไหนจะได้จัดตั้งรัฐบาลก่อน ซึ่งตอนนี้พรรคเพื่อไทยคงต้องลงพื้นที่หาเสียงให้พรรคเพื่อไทยชนะการเลือก ตั้งก่อน

เมื่อถามถึงกรณีที่คนเสื้อแดงติดตามขับไล่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ระหว่างการเดินสายหาเสียง น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ไม่อยากแสดงความคิดเห็นเรื่องนี้ และเรื่องนี้ก็เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล ซึ่งตนอยากเห็นการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปอย่างสร้างสรรค์ ส่วนจะมีการให้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่เกี่ยวข้องกับคนเสื้อแดงไปเจรจาให้ยุติความเคลื่อนไหวเหล่านั้นหรือไม่ นั้นหากอะไรทำได้ในตอนนี้ทุกคนก็ต้องทำ

คิดว่าคนไทยมันโง่หรือไง

ที่มา thaifreenews

โดย คนเมืองกาญ

หญิงชุดแดงโผล่กอดมาร์คฟังนิทานชายชุดดำ ยิ่งลักษณ์เตือนเลิกคิดรัฐประหารหากพท.ชนะเลือกตั้ง

ที่มา Thai E-News

สำนักข่าวต่างประเทศนำเสนอภาพข่าวอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้รับการต้อนรับด้วยดีจากหญิงใส่เสื้อแดงที่ซอยสีลมในวันนี้(ภาพ:AP)

โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
1 มิถุนายน 2554

รายการ ข่าวเรื่องเด่นเย็นนี้ทางช่อง 3 เสนอภาพข่าวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไปหาเสียงย่านซอยสีลม ศูนย์กลางธุรกิจของประเทศไทย โดยมีหญิงเสื้อแดง 2 รายปรากฎตัว แต่การปรากฎตัวของรายแรกมาแหวกแนว เพราะตรงเข้าไปจับไม้จับมือและสวมกอดนายอภิสิทธิ์และมอบดอกไม้ให้กำลังใจราว กับเตรียมมาเพื่อการนี้ โดยพูดว่าเสื้อแดงยินดีต้อนรับทุกพรรคการเมืองขณะที่นายอภิสิทธิ์ก็สวมกอด ด้วยความอบอุ่น ขณะที่หญิงเสื้อแดงอีกรายได้ถามนายอภิสิทธิ์เรื่องการสังหารผู้ประท้วงเมื่อ ปีที่แล้ว โดยนายอภิสิทธิ์กล่าวปฏิเสธว่าทางการไม่ได้เป็นฝ่ายสังหาร

THE NATION สื่อของสุทธิชัย หยุ่น ซึ่งสนับสนุนอภิสิทธิ์รายงานว่าหญิงทั้งสองถือหนังสือVoice of Thaksinมาด้วย โดยเป็นฉบับที่พาดหัวข่าวเรื่องการที่รัฐบาลสังหารผู้ชุมนุมเมื่อปีกลายและ เรียกร้องความเป็นธรรม ซึ่งอภิสิทธิ์บอกว่าเป็นฝีมือของชายชุดดำโจมตีกองกำลังรัฐบาล ซึ่งหญิงเสื้อแดงถามว่าทำไมไม่สั่งให้ทหารยุติการสังหารผู้ประท้วง อภิสิทธิ์ตอบว่า กองกำลังทหารได้รับคำสั่งแล้ว แต่ไม่สามารถหยุดได้ เพราะถูกโจมตีจากชายชุดดำ

กระดานสนทนาคนเสื้อแดงทั้งเวบบอร์ดประชา ทอล์ก และอินเตอร์เน็ตฟรีด้อมได้มีการตั้งข้อสังเกตอย่างแพร่หลายถึงการปรากฎตัว ของหญิงเสื้อแดงทั้งการออกมาด่า หรือมาสวมกอดนายอภิสิทธิ์ในช่วงนี้ว่าอาจเป็นการจัดฉากของนายอภิสิทธิ์และ พรรคประชาธิปัตย์เสียเอง เพื่อหวังผลสะท้อนให้เป็นผลบวกต่อการเลือกตั้งของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะไม่น่าเชื่อว่าคนเสื้อแดงจะมีพฤติการณ์ไปตามรังควานให้คนเบื่อหน่าย หรือการไปสวมกอดยิ่งไม่น่าจะเป็นไปได้

ทางด้านสำนักข่าวเอเอฟพีได้ สัมภาษณ์ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เรียกร้องกองทัพอย่าก่อรัฐประหารอีก หากเธอชนะการเลือกตั้ง และได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย

สำนัก ข่าวต่างประเทศเสนอภาพข่าวอภิสิทธิ์เดินผ่านป้ายหาเสียงของยิ่งลักษณ์ โดยชี้ว่าทั้งคู่ขับเคี่ยวตำแหน่งนายกฯในการเลือกตั้ง3ก.ค.โดยยิ่งลักษณ์มี คะแนนนิยมสูงกว่าในเวลานี้(ภาพ:รอยเตอร์)

ใน การให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า "ดิฉันไม่คิดว่าจะเกิดรัฐประหารขึ้นอีกครั้ง ฉันหวังว่าจะไม่เป็นอย่างนั้น แต่เราต้องการให้แน่ใจว่าทุกๆ ฝ่ายเคารพในการตัดสินใจของประชาชน"

"ประเทศ ไทยก้าวถอยหลังมาตลอด 4-5 ปี และประชาชนก็ต้องทุกข์ทรมานกันมานานแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการให้ประเทศก้าวไปข้างหน้า" นักธุรกิจสาว และนักการเมืองหน้าใหม่ วัย 43 ปี ผู้เป็นน้องสาวแท้ๆ ของอดีตนายกฯ ทักษิณ กล่าว

เธอออกมาเรียกร้องในครั้งนี้ ก่อนหน้าที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 3 กรกฎาคม ซึ่งผลสำรวจหลายสำนักชี้ว่า พรรคเพื่อไทยของเธอมีคะแนนนำอยู่อย่างสูสีกับพรรคประชาธิปัตย์ของนายก รัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญการเมืองไทยจากต่างประเทศมองว่า พรรคเพื่อไทยไม่น่าจะได้เป็นรัฐบาล

"ไม่ น่าจะเป็นไปอย่างยิ่ง ที่พรรคเพื่อไทยจะได้รับการยอมรับให้เป็นรัฐบาล" ไมเคิล มอนเตซาโน จากสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษาในสิงคโปร์กล่าว โดยว่า "ตัวแทนของทักษิณ ซึ่งมาจากครอบครัวเดียวกัน ใช้นามสกุลเดียวกันยิ่งทำให้ความเป็นไปได้น้อยลง"

ก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ให้สัมภาษณ์รายการเลทไลน์ ทางสถานีโทรทัศน์เอบีซีของออสเตรเลีย โดยยืนกรานว่าตัวเองไม่ทะเยอทะยานอยากกลับมาเป็นผู้นำประเทศไทยอีก พร้อมระบุว่า น้องสาวคนเล็กของเขาเป็นเสมือน "โคลน" ของเขา ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์เองก็ได้ย้ำถึงอุดมการณ์ทางการเมืองที่เหมือนกันอีกด้วย

"ฉัน ทำงานกับเขามาตั้งแต่ยังเด็ก ดังนั้นฉันจึงได้เรียนรู้วิธีการทำธุรกิจ ทั้งการวางตัวของเขา สไตล์ และวิธีคิดของเขา" เธอเสริม โดยชี้ว่า พรรคของเธอได้ประโยชน์จากแนวคิดทางการเมืองของพี่ชาย แต่ก็ยืนยันว่าเธอมีอิสระที่จะตัดสินใจด้วยตัวเธอเอง

ทั้งนี้ ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต เมื่อวันอาทิตย์ (29 พ.ค.) ที่ผ่านมาระบุว่า พรรคเพื่อไทยมีคะแนนนำพรรคประชาธิปัตย์อยู่ 43% ต่อ 37% แต่โพลดังกล่าวชี้ว่าผู้มีสิทธิ์ออกเสียงจำนวนมากยังไม่ได้ตัดสินใจ และการเลือกตั้งก็ยังเหลือเวลามากกว่า 1 เดือน

ขณะที่ มอนเตซาโนเสริมว่า "ความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดคือ กระแสยิ่งลักษณ์ฟีเวอร์นั้นไม่ยั่งยืน"

"ทักษิณ ได้พิสูจน์ว่าเป็นอัจฉริยะทางการเมืองมาหลายครั้ง จึงชัดเจนว่าการแต่งตั้งยิ่งลักษณ์นั้นมีอะไรมากกว่าแค่เสนอตัวแทนที่มีนาม สกุลเหมือนกัน" เขาสำทับ

*****
เรื่องเกี่ยวเนื่อง:ปริศนาไขกระจ่างชายชุดดำคือใคร? ฮิวแมนไรต์ว็อท์ชแฉทหารฆ่าเสื้อแดงลอยนวลเหนือกฎหมาย

บก.ลายจุดรณรงค์VOTE YES!

ที่มา Thai E-News



โดย prainn
ที่มา ไทยฟรีนิวส์





เมื่อเวลา 16 .00 น. ณ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ห้องพีเมียร์ 8 วันที่ 31 พฤษภาคม 2554 นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือบก. ลายจุด ได้เปิดแถลงข่าวการรณรงค์ Vote Yes ก่อนจะมีการเลือกตั้งที่จะถึงในวันที่ 3 กรกฎาคม นี้ว่า ให้ทุกคนออกมาใช้สิทธิในการเลือกตั้ง ส่วนจะเลือกใคร พรรคไหน ถือเป็นสิทธิของทุกคนหรือจะไม่เลือกใครเลย แต่ข้อสำคัญคืออย่าละทิ้งสิทธิในการเลือกตั้ง

ส่วนกรณีพันธมิตร ประชาชนเพื่อประชาธิปไตยรณรงค์ Vote No นั้น บก.ลายจุดกล่าวว่าก็เห็นด้วยกับพันธมิตรฯ เพียงแต่ว่าวันนี้ประชาธิปไตยมันต้องเดินหน้าต่อไปโดยไม่มีอะไรมาสะดุดขวาง กั้น และหากพันธมิตรฯเห็นว่าการ Vote No เป็นการยกระดับความเป็นประชาธิปไตยก็ไม่มีอะไรเสียหาย ขอเพียงอย่างเดียวว่าอย่าหลุดออกจากกรอบของประชาธิปไตย เช่นกรณีนายกมาตรา 7 ที่พันธมิตรฯเคยนำเสนอมาเมื่ออดีต หรือการกวักมือเรียกรถถังออกมาป่วนบ้านป่วนเมืองอีกก็แล้วกัน

บก.ลาย จุดกล่าวว่า ประชาชนคงไม่ยอมง่ายๆเหมือนเมื่อครั้งที่ผ่านมาคือ 19 กันยา 49 และอะไรจะเกิดขึ้นนั้นก็คงตอบได้ยากเช่นกัน รู้แต่เพียงว่าการต่อต้านการรัฐประหารนั้นมันได้พัฒนาเกินกว่าจะคาดคิดได้

หลัง จากแถลงข่าวเสร์จกลุ่มวันอาทิตย์สีแดงได้ร่วมกันขับจักรยานออกจากที่ ประชุมแถลงข่าวไปยังแยกราชประสงค์เพื่อแจกจ่ายสติ๊กเกอร์ Vote Yes ให้กับผู้คนที่เดินผ่านไป-มาในย่านนั้น และในวันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน 2554 นี้ก็จะทำการรณรงค์ Vote Yes ที่บริเวณสวนจตุจักร เป็นครั้งต่อไป

INTELLIGENCE VOTE 2011

ที่มา Voice TV




พลังของประชาชนจะเป็นใหญ่ในแผ่นดินอีกครั้ง กับการเลือกตั้ง 2554 หนึ่งเสียงหนึ่งสิทธิ์ชี้ชะตาประเทศไทย ร่วมกันค้นหาคำตอบ จากทุกพรรคการเมือง...ขายฝันหรือทำได้จริง? เจาะลึกทุกนโยบายและแนวทางการบริหารจัดการ

INTELLIGENCE VOTE 2011 เปิดเวทีทุกพรรคการเมือง ตอบคำถามก่อนถึงวันตัดสินอนาคตประเทศ ทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์ เวลา 20.30 – 21.30 น. เริ่ม 1 มิถุนายนนี้

วางบึ้ม 3 ลูกซ้อนที่ยะลา ปลัดอำเภอ-อส.ดับ 2 ราย เจ็บ 6 ฝังในสวนยางล่อเข้าไปกดอีก 2

ที่มา มติชน

เมื่อ วันที่ 1 มิถุนายน 2554 เวลา 03.30 น. ศูนย์วิทยุ สภ.กาบัง จ.ยะลา ได้รับแจ้งว่ามีชาวบ้านเหยียบกับระเบิดภายในสวนยาง ได้รับบาดเจ็บ เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลกาบัง จึงได้แจ้ง พ.ต.ท.มุสตอปา มะนิ รอง ผกก.สภ.กาบัง นำเจ้าหน้าที่ ตร.สภ.กาบัง เดินทางเข้าตรวจสอบผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาลกาบัง ทราบชื่อผู้บาดเจ็บคือ นายรังสี ศุภัสสร อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 198 หมู่ 1 ต.กาบัง อ.กาบัง จ.ยะลา ถูกแรงระเบิดทำให้ขาซ้ายหัก เกือบขาด และถูกสะเก็ดระเบิดที่ใบหน้า

จากการสอบสวน เบื้องต้นทราบว่า ขณะที่นายรังสีเดินทางเข้าสวนยางเพื่อกรีดยาง ที่หมู่ 3 บ้านลูโบ๊ะบันยัง ต.กาบัง อ.กาบัง จ.ยะลา และกำลังกรีดยาง ได้เดินไปเหยียบกับระเบิดที่คนร้ายนำมาซุกซ่อนไว้ใต้ต้นยาง จนเกิดระเบิดขึ้นเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บ

ต่อมาเวลา 06.30 น. ขณะที่นายอัสมัน เฮาะมะสะเอ๊ะ อายุ 33 ปี ปลัดอำเภอกาบัง พร้อมเจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดนอำเภอกาบัง เจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจ เดินทางเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ ด้วยรถยนต์กระบะ ได้เกิดเหตุระเบิดขึ้นอีกครั้ง บนถนนในหมู่บ้านที่หมู่ 3 ต.กาบัง อ.กาบัง จ.ยะลา ก่อนถึงจุดเกิดเหตุระเบิดลูกแรก ประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นเหตุให้นายอัสมัน เฮาะมะสะเอ๊ะ ปลัดอำเภอกาบัง และนายอุสมาน เจ๊ะนิ อาสาสมัคร เสียชีวิตทันที และมีอาสาสมัครได้รับบาดเจ็บอีก 4 ราย คือ นายมะยูโซ๊ะ อาแด นายหะมะ ลือแบกาแซง นายซาการียา บือมีมะเลง และนายอับดุลมามิ มูซอ

ต่อมาเวลา 08.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดของเฉพาะกิจอโนทัย ได้เข้าไปตรวจสอบ ขณะที่เดินเข้าตรวจสอบสายไฟ จ.ส.อ.นิยม แป้นนรินทร์ เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดได้เหยียบกับระเบิดที่คนร้ายฝังระเบิดได้ รับบาดเจ็บ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่า คนร้ายได้วางแผนด้วยการซุกระเบิดในสวนยางเพื่อทำร้ายชาวสวนยาง ก่อนที่จะนำระเบิดมาซุกไว้ในเส้นทางที่เจ้าหน้าที่จะเดินทางเข้าตรวจสอบ แล้วจุดชนวนระเบิดรวมทั้งซุกระเบิดแบบเหยียบเป็นลูกที่สามไว้ที่ปลายสายไฟ เพื่อทำร้ายเจ้าหน้าที่ในขณะเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ

หลัง เกิดเหตุ พล.ต.ต.โชติ ชวาลวิวัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กาบัง ขยายพื้นที่ในการปิดกั้นจุดเกิดเหตุ พร้อมสั่งห้ามเจ้าหน้าที่ทุกนายเข้าไปในจุดเกิดเหตุ เนื่องจากเกรงว่าอาจจะมีระเบิดซุกซ่อนอยู่อีก รวมทั้งสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ภ.จว.ยะลา รีบเข้าดำเนินการตรวจสอบพื้นที่แล้ว

ปิดไม่ลับสเปเชี่ยล "อภิสิทธิ์-ยิ่งลักษณ์"

ที่มา มติชน





โพ ลทุกสำนัก ฟันธง "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" เบอร์ 1 เพื่อไทย เบียดแซง "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คู่แข่งคนสำคัญ เฉียดฉิวในหลายมุม!


แม้บางมุม "อภิสิทธิ์" จะยังเหนือกว่าอยู่ แต่ก็ไม่ใช่การนำขาด ทิ้งหลายช่วงตัว


ดี ไม่ดี "เพื่อไทย" ซึ่งเป็นต้นตำรับ "การตลาดการเมือง" เชี่ยวชาญเรื่องการสร้างกระแส จะงัด "เทคนิคด้านการโฆษณา-ประชาสัมพันธ์" มาตีกระแส แซงนำ "อภิสิทธิ์" เอาง่ายๆ


แต่เมื่อสถานการณ์มา ถึงจุดนี้ จึงไม่แปลกที่ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" จะกลายเป็น "ฝันหวาน" ของ "แกนนำเพื่อไทย" ว่านำพาพรรค ชิง "อำนาจรัฐ" กลับคืน และพุ่งขึ้นถึงขั้นครอบครองเก้าอี้ "นายกรัฐมนตรี" ไปกินได้ไม่ยาก


ถึงขั้นบางคนเรียกขาน "ยิ่งลักษณ์" ขั้น "นายกฯหญิง" ไปแล้ว !!!


และเมื่อทุกแกนนำ มองเห็นโอกาสในวิกฤต จึงมีการเตรียมการส่งคนใกล้ชิดตัวเอง มาใกล้ชิด "แคนดิเดตนายกฯ" เอาไว้ก่อนหน้า!!!


นัยว่า จองตำแหน่ง "วอลล์เปเปอร์นายกฯ" เอาไว้แทน "ศิริโชค โสภา" เจ้าของ "วอลล์เปเปอร์อภิสิทธิ์"

ให้ เป็น "ตำแหน่งพิเศษ" ในการเป็นสะพานเชื่อมประสานไปสู่โอกาสในการจัดสรรเก้าอี้ "เสนาบดี-งบประมาณ-โครงการ" ไปจนถึงการ "โยกย้ายข้าราชการ" หาก "เพื่อไทย" ชิงตั้ง "รัฐบาล" ได้ และ "ยิ่งลักษณ์" ได้เป็น "นายกฯ"


ที่เห็นๆ กันตอนนี้ก็มี "2 แก๊งใหญ่" เริ่มไหวตัว ส่ง "คนใกล้ชิด" ประกบ "ยิ่งลักษณ์" ระดับคอหอย-ลูกกระเดือก!


แก๊ง แรก เป็นคนของ "เฮีย" ที่ตอนนี้นั่งคู่กับ "นายใหญ่" ทั้งวอร์รูม ที่ "ดูไบ" และ "บรูไน" ส่วนอีกแก๊ง เป็นคนของ "เจ๊" เจ้าแม่เมืองหลวง ที่พยายามส่ง "นักการเมืองคนสนิท" มาใกล้ชิด "ยิ่งลักษณ์" ด้วย



แต่รายหลังดูเหมือนจะปิ๋ว! เพราะภาพที่ออกมาชัดเจน ว่า "ยิ่งลักษณ์" ใช้บริการคนของ "เฮีย" มากกว่า "เจ๊"

ซึ่ง ไม่แน่ชัดว่าเป็นเพราะเหตุข้างต้นด้วยหรือไม่ จึงทำให้ "อดีตพันธมิตรเจ๊" จึงมีชื่อเข้าร่วม "ทีมวอร์รูม" ยกร่าง "คำปราศรัย" เตรียม "กรอบ" การหาเสียง ไปจนถึงขั้่นเซ็ต "ประเด็น" ให้สัมภาษณ์สื่อสารมวลชนรายวัน ให้ "ว่าที่นายกฯหญิง" ของเพื่อไทย เป็นกระตั้ก!


หลายคนอาจสงสัย ว่าเหตุใด สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ถึงไม่ยี่หระกับสารพัดโพลที่ผลออกมาคล้ายๆ กันว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคเพื่อไทย จะเอาชนะได้อย่างไม่ยากเย็น


"อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" หัวหน้าประชาธิปัตย์ มักจะพูดซ้ำๆ ว่า ผลโพลแต่ละสำนักไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ ยืนยันว่าประชาธิปัตย์กับเพื่อไทย จะได้ ส.ส.ใกล้เคียงกันราว 200 เสียง


"สุเทพ เทือกสุบรรณ" เลขาธิการพรรคออกแนวฮาร์ดคอร์ ถ้าไม่ท้าทายให้เจ้าสำนักโพลต่างๆ นำผลโพลของตัวเองไปแปะข้างฝาไว้ ก็มักกล่าวหาว่าผลโพลดังกล่าว เป็นการสร้างกระแสจากคู่แข่งขัน


เหตุที่ขุนพลสะตอไม่เชื่อผล โพลที่ออกมาระหว่างนี้ เพราะภายในพรรคสีฟ้าก็มีการจัดทำโพลของตัวเอง ดำเนินการโดย "กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ" รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์


ด้วยวิธีการที่ผู้สมัคร ส.ส.บางส่วนหยิบไปล้อเลียนว่า "เป็นวิทยาศาสตร์อย่างยิ่ง"!


"โพ ลกอร์ปศักดิ์" ก็คือโพลที่ "เทพเทือก" หยิบไปเถียงตลอดเวลา ว่า "แม่นยำ" ยิ่งกว่าโพลเป็นไหนๆ และยืนยันว่า ประชาธิปัตย์ชนะเพื่อไทย ชัวร์!!


วิธีการทำโพลของ ปชป.จะแบ่งออกมาเป็น 3 ช่วงเวลา ที่มีความแม่นยำ ลดหลั่นกันไป


ช่วงแรก ก่อนสมัคร จะวัดได้เฉพาะกระแสพรรค ไม่รวมผู้สมัคร-นโยบาย-และปัจจัยอื่นๆ ดังนั้น ความแม่นยำจะ "น้อยที่สุด"


ช่วง ที่สอง หลังสมัครไปแล้วระยะเวลาหนึ่ง จะวัดได้ทั้งแต้มพรรค-ผู้สมัคร-นโยบายบางส่วน แต่ยังไม่รวมถึงปัจจัยใต้ดินอื่นๆ ความแม่นยำถึงได้ระดับ "ปานปลาง"


และช่วงที่สาม ก่อนวันเลือกตั้ง 1 สัปดาห์ การทำโพลช่วงนี้จะได้ผลแม่นยำ "มากที่สุด" เพราะคู่ต่อสู้ต่างออกอาวุธมาจนเกือบหมดแล้ว


จึง ไม่น่าแปลกใจ ว่าเหตุใดสมาชิก ปชป.จึงไม่ออกอาการสะทกสะท้านต่อผลโพลที่ชี้ว่า "ยิ่งลักษณ์" จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 28 เพราะยังเหลือเวลาอีกตั้ง 37 วัน กว่าจะถึงวันลงคะแนนจริง !!


การแข่งขันชิงกระแสของ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กับ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 1 ของพรรคเพื่อไทย ถูกจับจ้องมาโดยตลอด


กระทั่ง เกิดแรงสั่นสะเทือนขึ้นมาอีกครั้ง หลัง "เนวิน ชิดชอบ" แกนนำพรรคภูมิใจไทย ออกโรงทำนายว่าทั้ง 2 ผู้โดดเด่น จะไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้ง


ทำนายเสียงให้เสร็จสรรพ "พรรคประชาธิปัตย์" จะได้เพียง 160 เสียง ส่วน "พรรคเพื่อไทย" ได้ 210 เสียง


การ เด็ดดอกไม้ของ "เนวิน" ซึ่งขึ้นชื่ออยู่แล้วเรื่องเฉียบคมในกลเกมการเมือง ย่อมสะเทือนไปถึงดวงดาว แน่นอนว่าบิ๊กเนมพรรคประชาธิปัตย์หลายคน จึงออกมาเต้นผาง ปฏิเสธพัลวัน


แต่ในใจลึกๆ ของบรรดาขุนพลการเมืองตัวจริงของทั้งสามฝ่ายย่อมรู้กันดี เพราะปกติแล้วกระแสผกผันของคะแนนเสียง จะแบ่งออกเป็น 3 ช่วง


ช่วง แรกคือ 7 วันหลังจับเบอร์พรรค ซึ่งชัดเจนว่า "ยิ่งลักษณ์" จาก "พรรคเพื่อไทย" มาแรง ช่วงที่ 2 คือช่วงกลาง ส่วนช่วงที่ 3 คือ 7 วันสุดท้ายก่อนหย่อนบัตร


เมื่อเป็นเช่นนี้ ความกังวลใจจึงตกมาอยู่ที่ "พรรคประชาธิปัตย์" และกังวลใจยิ่งกว่าคือ "เนวิน" ถ้าหากกระแสยังตกอยู่ที่พรรคขนาดใหญ่ 2 พรรค


พรรคขนาดกลางจะไม่มีที่ยืนในการดึงเสียงระบบบัญชีรายชื่อ??


การ ทำนายอัตราส่วน 160 : 210 ของ "เนวิน" จึงเป็นการปั่นราคาตัวเลขให้พรรคตรงกลางไว้ที่ 130 เสียง ซึ่งสูงกว่าอัตราประเมินที่ "ประชาธิปัตย์" และ "เพื่อไทย" ประเมิน


ยิ่ง ไปกว่านั้น เก๋าเกมอย่าง "เนวิน" ย่อมไม่พลาดที่จะได้ยินเสียงกระบวนการขับเคลื่อนอย่างลับๆ ของนายใหญ่ และกระบวนการเดินสายขายไอเดีย "นายกฯคนกลาง" ของบิ๊กการเมืองฝ่ายหนึ่ง กับบรรดานักคิดนักเขียนในบ้านเมือง ประมาณว่า "ยิ่งลักษณ์" จะเป็นเพียงตัวชูในการหาเสียง ส่วนนายกฯตัวจริงจะปรากฏตัวในภายหลัง


ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ "พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์" จาก "พรรคชาติไทยพัฒนา" และอีก 2-3 อะไหล่ ที่ช่วยลดแรงเสียดทาน


โดย ก่อนโค้งสุดท้ายเลือกตั้ง จะมีการยิงนโยบายปรองดองสำคัญซึ่งแหลมคมเพียงพอต่อการดึงกระแสครั้งใหญ่ เพื่อเตรียมประกาศวาระสำคัญของรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง ที่จะทุ่มเทสร้างบรรยากาศปรองดอง ด้วยการจัดงานมหามงคลสำคัญยิ่งต่อปวงชนชาวไทย


ซึ่งได้รับการ สนับสนุนจากนักการเมืองตัวจริงจำนวนหนึ่งในกลุ่ม 111 ที่เห็นด้วยในคาแร็กเตอร์ของผู้นำคนกลางมาบริหารสถานการณ์ รอเวลาอีกไม่เกินขวบปี ที่ผู้เล่นตัวจริงจะพ้นโทษแบนลงสนาม


กระแสใหม่ๆ ที่มีผลต่อการหย่อนบัตร ...จะโหมหนักขึ้นจนถึงระยะ 7 วันสุดท้ายก่อนเข้าคูหา..


(จากคอลัมน์ ปิดไม่ลับสเปเชี่ยล)

ผังล้มเจ้า

ที่มา มติชน



โดย ฐากูร บุนปาน

(ที่มา คอลัมน์สถานีคิดเลขที่ 12 หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับประจำวันที่ 31 พฤษภาคม 2554)

ข่าวที่เป็นหัวข้อวิพากษ์วิจารณ์ตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ล่วงมาถึงสัปดาห์นี้ก็ยังเป็นที่พูดคุยกันเรื่องหนึ่งก็คือ

ความจริงเท็จของเอกสารที่ถูกเรียกว่า ′ผังล้มเจ้า′

เอกสารที่ออกมาโดย ศอฉ. หรือศูนย์อำนวยการบริหารราชการแผ่นดินในภาวะฉุกเฉิน ก่อนเหตุการณ์สลายการชุมนุม 19 พฤษภาคม 2553

ซึ่งเพิ่งถูกเปิดโปงออกมากลางศาล หลัง พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. ในขณะนั้น ประนีประนอมยอมความในคดีที่ถูกนายสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ อาจารย์ประจำคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ฟ้องร้อง

ในข้อความการยอมความระบุว่า เอกสารผังล้มเจ้านั้นเกิดขึ้นเพราะ

1.ศอฉ. ′เชื่อมั่น′ ว่ามีขบวนการจ้องจะล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์จริง

2.ช่วง นั้นเกิดข่าวลือว่ามีบุคคลใกล้ชิดเชื้อพระวงศ์ระดับสูง โทรศัพท์มาสั่งการ ศอฉ. อยู่ตลอดเวลา จึงนำข้อมูลของหน่วยงานด้านความมั่นคงที่รวบรวมข่าวสารของขบวนการจ้องจะล้ม ล้างสถาบันพระมหากษัตริย์มาชี้แจงทำความเข้าใจกับสังคม

3.ในการแถลง ข่าว โฆษก ศอฉ.ระบุว่า ผู้ต้องหาในคดีหมิ่นสถาบันโดยตรงนั้นมีเพียง 2 ราย มิได้หมายความว่าผู้ที่มีชื่อในเอกสารเป็นผู้อยู่ในขบวนการล้มล้างสถาบันพระ มหากษัตริย์

แต่หลังจากนั้นสื่อมวลชนนำเรื่องราวต่างๆ เหล่านี้ไปขยายผล ขยายความ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อผู้ที่เกี่ยวข้องทำให้ได้รับความเสียหาย

หรือสรุปความได้ว่า เอกสารที่คนทั่วไป (ถูกทำให้) เข้าใจว่าเป็นผังล้มเจ้านั้น

เอาเข้าจริงเป็นแค่ ′ความเชื่อ′ ของคนกลุ่มหนึ่ง ที่มีต่อคนอีกกลุ่มหนึ่ง

แต่

1.ก็ ปล่อยให้ความเชื่อผิดๆ นี้ล่วงเลยมาได้เป็นเวลายาวนานร่วมปี จนกระทั่งคดีจวนตัวจึงบอกปัดปฏิเสธว่านี่ไม่ใช่เอกสารยืนยันข้อเท็จจริง

2.มีความเกี่ยวโยงกันระหว่างเอกสารเบื้องต้น กับปฏิบัติการสลายการชุมนุมของประชาชนในช่วงเดือนพฤษภาคม 2553 มากน้อยเพียงใด

ความ เชื่อที่หลักฐานข้อมูลอ่อน (อย่างน้อยก็ไม่มีน้ำหนักที่สามารถนำมาให้ศาลพิจารณาได้นั้น) กลายเป็นเครื่องมือทำลายล้าง (และอาจจะทำลายชีวิต) คนร่วมสังคมต่อมาอีกเท่าไหร่

ที่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ออกมาให้สัมภาษณ์ยืนยันถึง ′ความเป็นจริง′ ของผังล้มเจ้านั้น

มีคำถามง่ายๆ ว่า ถ้าผังนั้นไม่ใช่แค่ความเชื่อ แต่มีหลักฐานข้อมูลสนับสนุนแน่นหนาจริง

ทำไมไม่จับกุมผู้กระทำผิดกฎหมายเหล่านั้นให้หมด

ปล่อยให้ลอยนวลอยู่ทำไม?

ถ้าจับไม่ได้ หรือตอบไม่ได้

นายธาริตหรือผู้สนับสนุนนายธาริตต้องกลับมาตั้งคำถามตัวเองว่า

ใครกันแน่ที่บ่อนเซาะความมั่นคงของสถาบัน

คนมีชื่อในผัง หรือคนสร้างผังนี้ขึ้นมา เพื่ออาศัยข้อหาอันละเอียดอ่อนต่อความรู้สึก

เป็นเครื่องมือทำลายล้างกันทางการเมือง

จะเอาไงกับปัญหาภาคใต้?

ที่มา มติชน



โดย มูฮัมหมัดอิลยาส หญ้าปรัง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง



วันนี้ ต้องถามกันตรงๆ แบบนี้แหละครับว่า ปัญหาที่หนักหนาสาหัสที่สุด ซึ่งได้สร้างความสูญเสียมากกว่าสี่พันชีวิต บาดเจ็บอีกเรือนหมื่นไม่นับรวมทรัพย์สินอีกมากมายที่ถูกทำลายลง เป็นปัญหาที่กัดกร่อนสภาพจิตใจของคนไทยทั้งประเทศมาเป็นเวลาอย่างน้อยเกือบ 7 ปี และดูดเอางบประมาณของรัฐไปมากกว่าหนึ่งแสนล้านบาท

แต่เรายังไม่ ได้ยินนักการเมืองโดยเฉพาะพรรคใหญ่ทั้งสองพรรคที่กำลังต่อสู้กันในเวทีเลือก ตั้งที่จะถึง และเป็นการเลือกตั้งที่ว่ากันว่าเป็นครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์การเมืองไทย พูดถึงเรื่องนี้อย่างจริงๆ จังๆ ว่าจะ "เอาไง" กับปัญหาความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้

พรรคประชาธิปัตย์ซึ่ง ก่อนหน้านี้มีรัฐมนตรีรับผิดชอบโดยตรงต่อการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้และ เป็นผู้ผลักดันให้เกิด พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2554 หรือเรียกสั้นๆ ว่า พ.ร.บ.ศอ.บต. ที่เพิ่งจะมีผลบังคับใช้ก่อนที่รัฐบาลจะยุบสภาไปเพียงไม่กี่เดือน

ประ ชาธิปัตย์หมายมั่นปั้นมือว่า ศอ.บต.ภายใต้ พ.ร.บ.นี้ จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการแก้ปัญหาภาคใต้โดยได้เพิ่มอำนาจให้แก่เลขาธิการ ศอ.บต. และมีคณะกรรมการที่ปรึกษาที่มาจากหลากหลายภาคส่วนร่วมกันทำงาน

แต่ จากเหตุการณ์ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นและไม่มีท่าทีว่าจะมีสัญญาณไปในทิศทาง ที่จะสร้างความอุ่นใจให้กับประชาชนในพื้นที่ ทำให้เกิดคำถามมากมายเกี่ยวแนวทางในการแก้ไขปัญหาแบบ conventional ของพรรคประชาธิปัตย์

นั่นคือการเพิ่มหน่วยงานราชการเข้าไป ราชการเป็นตัวหลักแล้วดึงมุสลิมที่อยู่บนส่วนยอดของสังคมที่อ้างว่าเป็นตัว แทนของมุสลิมในพื้นที่เข้าร่วม ขณะที่โครงสร้างทางอำนาจยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

ประชา ธิปัตย์ควรชี้แจงแถลงไขมาให้พวกเราซึ่งจะเข้าคูหากาบัตรในวันที่ 3 กรกฎาคมนี้ ฟังหน่อยว่า เมื่อเป็นแบบนี้ ถ้ากลับมาเป็นรัฐบาลจะเอาไงต่อ?

สำหรับพรรคเพื่อไทยนั้นนับตั้งแต่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่เคยเสนอเรื่องนครรัฐปัตตานี และยังไม่ชัดเจนว่ารูปแบบจะเป็นอย่างไร และขณะนี้ตัว พล.อ.ชวลิตได้ลาออกจากพรรคเพื่อไทยไปแล้ว ยิ่งทำให้แนวทางการแก้ปัญหาภาคใต้ของพรรคเพื่อไทยมืดสนิท พรรคเพื่อไทยซึ่งถือกำเนิดมาจากพรรคพลังประชาชนโดยมีปู่คือพรรคไทยรักไทย และถูกสังคมตราหน้า (อย่างน้อยจากพรรคคู่แข่ง) มาตลอดว่าเป็นต้นเหตุแห่งปัญหาความรุนแรง "ระลอกใหม่" ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ จากนโยบายยุบหน่วยงานทางทหาร และนโยบายปราบยาเสพติด

พรรคเพื่อไทยซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานจะทำอย่างไรกับมรดกตกทอดของเจ้าคุณปู่ที่ทิ้งเอาไว้และจะกู้ชื่อเสียงคุณปู่กลับคืนมาอย่างไร?

คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ช่วยพาน้องๆ ทหาร ตำรวจ โดยเฉพาะระดับล่างๆ ที่กรำแดดกรำฝน ลาดตระเวนตามท้องถนนตั้งแต่ อ.จะนะ ไปยันนราธิวาส "กลับบ้าน" ได้มีโอกาสไปพบลูกเมียด้วยเถิด! ถ้ายังไม่มีไอเดีย ผมแนะนำให้ไปดูข้อเสนอจากภาคประชาชนในพื้นที่ เกี่ยวกับการปกครองท้องถิ่นรูปแบบพิเศษในจังหวัดชายแดนภาคใต้ภายใต้รัฐ ธรรมนูญไทย (ดูได้ที่ www.deepsouthwatch.org)

พรรคมาตุภูมิที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เป็นหัวหน้าพรรคดูเหมือนจะเป็นพรรคที่เสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้ เอาไว้บ้าง โดยพรรคมาตุภูมิได้ไปปรับเอาข้อเสนอในงานวิจัยของ รศ.ดร.สมภพ จิตภิรมณ์ศรี (คณะรัฐศาสตร์ มอ.ปัตตานี) และ ดร.สุกรี หลังปูเต๊ะ (คณะศิลปศาสตร์ ม.อิสลามยะลา) คือเสนอให้มีทบวงบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ มารับผิดชอบเป็นการเฉพาะ (จริงๆ แล้วข้อเสนอของอาจารย์ศรีสมภพ และอาจารย์สุกรีมีรายละเอียดและครอบคลุมมากกว่านั้น โปรดดู www.deepsouthwatch.org/sites/default/files/SriSukri_Extinguish.pdf) แต่รายละเอียดอื่นๆ เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหา เช่น จะยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านในระดับกัมปง (ชุมชน) ให้เป็นรูปธรรมอย่างไร จะทำอย่างไรกับที่นารกร้างว่างเปล่าที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก ลองกองกิโลละ 5 บาท จะประกันราคาให้เหมือนลำใยหรือพืชเศรษฐกิจตัวอื่นได้มั้ย?

คนหนุ่มสาววัยทำงานที่เป็นพลังอันสำคัญทางเศรษฐกิจได้หนีความยากจนและสถานการณ์ไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้านกันหมดจะทำอย่างไร

ความยุติธรรมซึ่งเป็นปัญหาหลักและว่ากันว่าเป็นบ่อเกิดแห่งปัญหาทั้งหลายทั้งปวงจะมีกระบวนการยกเครื่องอย่างไร?

ปัญหาคุณภาพการศึกษาในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ที่เด็ก ม.3 ยังอ่านหนังสือไม่ออกจะแก้กันอย่างไร?

และ หัวใจสำคัญที่สุดจะ approach (ขออภัยท่านผู้อ่านที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษ) ผู้ก่อความไม่สงบซึ่งเป็นตัวแสดงสำคัญในปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างไร?

จะ ไล่ล่ากันอย่างนี้ต่อไป จะพูดคุยกัน (dialogue) หรือจะมีแนวทางหรือพื้นที่ (space) ให้พวกเขาได้แสดงความต้องการออกมาอย่างไร? เหล่านี้ล้วนเป็นคำถามที่คนในพื้นที่มีความหวังที่จะได้รับคำตอบ

ใน ตอนที่ท่าน พล.อ.สนธิเป็นผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ซึ่งมีอำนาจมากมายมหาศาล แต่ก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ผู้คนต่างสงสัยว่าแล้วหน่วยงานระดับทบวงจะแก้ปัญหาได้หรือ? ท่าน พล.อ.สนธิ คุณนัจมุดดีน หรือคุณอารีเพ็ญ ช่วยคลายข้อสงสัยให้หน่อย ประชาชนจะได้มีข้อมูลในการตัดสินใจเลือกหรือไม่เลือกพรรคของท่านให้มาแก้ไข ปัญหาภาคใต้

การที่พรรคการเมืองประกาศนโยบายหรือแนวทางในการแก้ไข ปัญหาสำคัญๆ อย่างปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ แล้วประชาชนเห็นด้วยและเลือกเข้ามาทำหน้าที่ โดยมีทหาร ตำรวจ ตลอดจนระบบราชการที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเป็นเครื่องมือหรือกลไกเพื่อทำงานให้ บรรลุวัตถุประสงค์ของนโยบายที่ตั้งไว้ตอนหาเสียงเลือกตั้งนั่นแหละ คือการเมืองนำการทหาร ดังเช่นที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้ประกาศตอนรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งว่า เขาจะถอนทหารออกจากอิรักถ้าได้เป็นประธานาธิบดี และเขาก็ทำเช่นนั้นจริงๆ ทั้งๆ ที่เรื่องการถอนทหารเป็นเรื่องที่แสดงให้เห็นถึงความพ่ายแพ้ (อย่างน้อยในสายตาของฝ่ายต่อต้าน) ซึ่งฝ่ายmหารไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง (โดยเฉพาะอุตสาหกรรมทหาร) แล้วปัญหาการรบที่ยืดเยื้อ ทหารลูกหลานอเมริกันตายเป็นผักเป็นปลา ก็หมดไป

ในเมื่อเป็น ที่ยอมรับกันจากทุกฝ่ายว่าการแก้ไขปัญหาภาคใต้ต้องใช้การเมืองนำการทหาร ดังนั้น นักการเมืองต้องออกมาพูด สร้างเจตจำนงทางการเมือง (Political will) และรวบรวมเสียงสนับสนุน (gathering supports) ขณะนี้ได้เวลาอันสมควรที่นักการเมืองจะต้องออกมานำแล้วครับ!

กลัวตกขบวน

ที่มา ข่าวสด

คอลัมน์ เหล็กใน
สมิงสามผลัด





การปราศรัยใหญ่ของพรรคภูมิใจไทยที่โคราชเมื่อวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา

มีประเด็นที่น่าสนใจอย่างยิ่ง

เพราะนายโสภณ ซารัมย์ รักษาการรมว.คมนาคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อม นายภิรมย์ พลวิเศษ ผู้สมัครส.ส.นครราชสีมา เขต 5

ขึ้นเวทีหาเสียงต่อหน้าชาวโคราชกว่า 3 หมื่นคน

ที่ว่าน่าสนใจก็ตรงที่นายโสภณกับนายภิรมย์ ประกาศขอฉันทามติบนเวทีปราศรัยว่า

อยากให้ภูมิใจไทยจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์หรือพรรคเพื่อไทย

พี่น้องชาวโคราชก็ส่งเสียงเชียร์กันสนั่นให้จับมือกับพรรคเพื่อไทย

แบบว่าไม่เอาประชาธิปัตย์!

นาย ภิรมย์ยังปราศรัยต่อไปว่า "ส่วนตัวมีความมั่นใจอย่างยิ่งว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้ง และได้ตั้งรัฐบาลใหม่ โดยน.ส.ยิ่งลักษณ์จะเป็นนายกรัฐมนตรี และขอยืนยันว่าผมและพรรคภูมิใจไทยจะเข้าร่วมกับพรรคเพื่อไทยตั้งรัฐบาลแน่ นอน"

ขณะที่นายโสภณก็ประกาศจุดยืนทำนองเดียวกันว่า ภูมิใจไทยต้องการกลับมาบริหารประเทศ มีจุดยืนที่ชัดเจนที่จะเข้าร่วมเป็นรัฐบาล ไม่ขอเป็นฝ่ายค้านเด็ดขาด

ท่าทีของภูมิใจไทยสอดคล้องกับโพลการเมืองล่าสุด

เพราะสวนดุสิตโพลเผยผลสำรวจหมาดๆ ระบุว่าความนิยมส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เพื่อไทยยังนำประชาธิปัตย์

ร้อยละ 43.16 จะเลือกเพื่อไทย

ร้อยละ 37.45 จะเลือกประชาธิปัตย์

ส่วนนิด้าโพลเผยผลสำรวจเช่นกันว่าประชาชน ส่วนใหญ่ให้ความสนใจนโยบายพรรคเพื่อไทยมากถึง ร้อยละ 25.45

รองลงมาคือนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ได้ร้อยละ 18.23

ท่าทีนายโสภณเกิดขึ้นภายหลังจากนายบรรหาร ศิลปอาชา โต้โผพรรคชาติไทยพัฒนาส่งสัญญาณพลิกขั้ว

เตรียมชิ่งพรรคประชาธิปัตย์ ไปซบพรรคเพื่อไทย

ประกาศขอเป็นใบเฟิร์นในแจกันทักษิณ และเชียร์ "ยิ่งลักษณ์" เป็นนายกฯ หญิง

ล่าสุดนายบรรหารยังตัดพ้อต่อว่านายสุเทพ เทือกสุวรรณ ชักทำตัวห่างเหิน

ตอนเป็นรัฐบาลด้วยกันโทร.คุยกันบ่อยๆ

พอยุบสภาเลือกตั้งก็ไม่เคยโทร.หาเลย

ผสมโรงกับเรื่อง "เพื่อนหยามเพื่อน" ยิ่งร้าวเข้าไปใหญ่

พูดแบบนี้ก็ถึงบางอ้อแล้วว่าชาติไทยพัฒนาเลือกยืน อยู่ตรงไหน!?

ภูมิใจไทยก็ไม่น้อยหน้า กระโจนโหนกระแส "ยิ่งลักษณ์"

เพราะกลัวตกขบวนรถไฟเที่ยวสุดท้าย

จะมีก็แต่นายเนวิน ชิดชอบ ครูใหญ่แห่งภูมิใจไทย คนเดียวที่เคยทำนายว่าเพื่อไทยจะชนะ

แต่ "ยิ่งลักษณ์" จะไม่ได้เป็นนายกฯ

ยังหวังจะพึ่ง "มือที่มองไม่เห็น" อยู่อีกหรือ!??

โรเบิร์ตจวก"เทือก"

ที่มา ข่าวสด

หยุดพูดคุกคาม ดีเอสไอซัดอีก นปช.ฆ่าทหาร



รณรงค์"เยส" - นาย สมบัติ บุญงามอนงค์ บ.ก.ลายจุด แถลงโครงการ"โหวตเยสเดินหน้าประชาธิปไตย" โดยห่วงว่า การโหวตโน อาจเรียกรถถัง ที่โรงแรมสยามอินเตอร์คอนติเนนตัล

ทนาย เสื้อแดง "โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม" ร่อนจดหมายเปิดผนึก อัดกลับ "เทพเทือก" โวยพูดข่มขู่ดำเนินคดี ใช้คำว่า "วันหนึ่งต้องเจอ" แนะควรเอื้ออารี มีศักดิ์ให้สมกับตำแหน่งรองนายกฯอย่ากดขี่ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองอย่างเผด็จ การ ส่วนองค์กรแรงงานยื่นแถลงการณ์ถึง "มาร์ค" เปิดโอกาสให้ประกันตัว "สมยศ" ขณะที่ผบ.เรือนจำฯ สั่งติดวงจรปิดดูแล "จตุพร" เป็นพิเศษ หวั่นถูกทำร้าย ด้านภรรยา "พล.อ.ร่มเกล้า" อดีตรองเสธ.พล.ร.2รอ. ร้อง "ผบ.ทบ." จี้คดี 10 เม.ย.แยกคอกวัว "ดีเอสไอ" ซัดฝีมือกองกำลังชุดดำของนปช. ส่วน "ลายจุด" เปิดตัว "โหวตเยส" เชิญชวนใช้สิทธิ์เลือกตั้ง 3 ก.ค.

เมื่อวันที่ 31 พ.ค. นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ ดัม ทนายความของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า "ตามที่สื่อมวลชนไทยรายงาน เราได้รับทราบมาว่าเมื่อไม่นานมานี้ ท่านได้ข่มขู่ผม ในฐานะที่ผมเป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายของสมาชิกฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองในประเทศ ไทย และมันไม่ใช่แค่เพียงข่มขู่จะดำเนินคดีกับผม แต่ยังมีคำขู่แบบไม่เฉพาะเจาะจง ว่าวันหนึ่งผมต้อง "เจอ" หากพิจารณาการกระทำก่อนหน้านี้ของสมาชิกรัฐบาลท่านและตัวท่านเอง ผมมีเหตุผลอย่างดีที่จะแสดง ออกถึงความกังวลใจเป็นพิเศษ การกระทำเหล่านี้เข้าใจได้ว่า เป็นวิธีการข่มขวัญที่รัฐบาลคุณใช้จัดการกับผู้วิพากษ์วิจารณ์ชาวต่างชาติ รวมถึงการจับกุมพลเมืองสหรัฐ และรังควานนักวิชาการต่างชาติเมื่อไม่นานมานี้ด้วย"

จดหมายเปิดผนึก ระบุต่อว่า เกรงว่าคำขู่ของท่านจะถูกเปิดโปงต่อกลุ่มคนที่ติดตามผลงานของเรามาตลอด การวิจารณ์และเรียกร้องให้ผู้นำพรรคประชาธิปัตย์รับผิดต่อการละเมิดสิทธิ มนุษยชน ไม่ใช่การโจมตีประเทศไทยหรือสถาบันต่างๆ ของประเทศ หากมันเป็นการโจมตีประเทศไทยจริง ไม่ใช่เพียงตัวแทนกฎหมายของเราควรจะถูกท้าทายเท่านั้น แต่องค์กรระหว่างประเทศอย่างฮิวแมนไรต์ วอตช์ และคณะกรรมาธิการนักกฎหมาย ที่เน้นย้ำให้เห็นถึงการทำลายสิทธิมนุษยชนของรัฐบาลท่านควรจะถูกท้าทายด้วย เช่นกัน เราทำงานใกล้ชิดร่วมกับกลุ่มนักกฎหมายไทยมาตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อประกันว่าการดำเนินงานของเรา จะมีความสอดคล้องกับกฎหมายของไทย และกฎหมายระหว่างประเทศ และเรายังคงทำเช่นนั้น ทั้งยังให้ความสนใจกับรายละเอียดและเคารพกฎหมายไทยอย่างเคร่งครัด ทีมงานและพยานทำงานอย่างหนัก เพื่อช่วยเรารวบรวมและเผยแพร่หลักฐานอาชญากรรมของรัฐบาลท่าน ในทางกลับกัน เรายังรอให้รัฐบาลท่านแสดงหลักฐานพิสูจน์ข้อกล่าวหาต่อบุคคล ที่ขัดขืนการปกครองของคุณ

นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ระบุในจดหมายด้วยว่า การสร้างสภาพแวดล้อมอันเป็นปรปักษ์ต่อที่ปรึกษากฎหมายของฝ่ายตรงข้ามในการทำ งานที่สำคัญเพื่อสนับสนุนระบบนิติรัฐ เป็นสิ่งที่ทำลายประเทศไทย คำขู่ของท่านและรัฐบาลท่านเกี่ยวกับการคุกคามทางการเมือง มีส่วนทำให้ชื่อเสียงของประเทศไทยแย่ลงในสายตาของประชาคมโลก และปกปิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างต่อเนื่อง ได้ถูกเปิดโปงแล้วทั้งในประเทศและนอกประเทศ

จดหมายเปิดผนึกระบุอีก ว่า ความพยายามของท่านและรัฐบาลท่าน ที่จะกดขี่และทำให้คนเสื้อแดงท้อแท้นั้น ไม่เป็นที่ประสบความสำเร็จ ประชาชนชาวไทยสมควรได้รับการเลือกตั้งที่อิสระและยุติธรรม สำนักงานกฎหมายเรารวบรวมข้อมูลของการกระทำหลายอย่างของพรรคท่าน และกองทัพที่ใช้บั่นทอนเจตจำนงของประชาชน เราแนะนำให้ท่านอย่าเดินซ้ำรอยประวัติการใช้ความรุนแรงที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และกดขี่ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองอย่างเผด็จการ และในวันสุดท้ายของการดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี แนะนำให้ท่านประพฤติตัวด้วยความเอื้ออารีและมีศักดิ์ศรี เพื่อให้สมกับตำแหน่งในระดับสูงของท่าน

วันเดียวกัน ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล กลุ่มองค์การแรงงานเพื่อประชาธิปไตย (อรป.) จำนวนกว่า 20 คน เดินทางมายื่นแถลงการณ์ถึง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้รัฐบาลให้โอกาสยื่นประกันตัวนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย ผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบัน รวมทั้งผู้ต้องหาคนอื่นๆ ที่ถูกดำเนินคดีตามกฎหมายหมิ่นสถาบัน

โดยแถลงการณ์สรุปว่า นายสมยศเป็นอดีตนักสิทธิแรงงาน ที่มีคุณูปการต่อขบวนการแรงงานมาโดยตลอด นอกจากนี้ ยังต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย โดยเฉพาะหลังเหตุการณ์รัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 ซึ่งนายสมยศกลายเป็นเหยื่อความยุติธรรม ไร้เสรีภาพ เพราะทำหน้าที่แสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่นายสมยศกลับไร้สิทธิประกันตัวออกมาต่อสู้คดี เป็นการลิดรอนสิทธิพื้นฐานตามระบอบประชาธิปไตย ดังนั้น องค์การแรงงานเพื่อประชาธิปไตย จะเคลื่อน ไหวอย่างต่อเนื่องในเรื่องนี้ รวมถึงจะขยายฐานร่วมออกไปสู่เพื่อนผู้ใช้แรงงาน และประชาชนในทุกภาคส่วน เพื่อถามหาความยุติธรรม และสิทธิเสรีภาพตามระบอบประชาธิปไตยต่อไป

ด้าน นายโสภณ ธิติธรรมพฤกษ์ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ กล่าวถึงมาตรการดูแลนายจตุพร พรหมพันธุ์ นายนิสิต สินธุไพร แกนนำนปช. รวมทั้งนายสมยศ และนายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ แกนนำกลุ่มแดงสยาม ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำว่า สั่งการให้ผู้คุมจับตาดูเป็นกรณีพิเศษเพื่อป้องกันเหตุร้าย พร้อมทั้งติดตั้งกล้องวงจรปิดภายในเรือนนอน โดยเฉพาะนายจตุพร เนื่องจากไม่สามารถเดาใจนักโทษแต่ละรายได้ว่า ชอบหรือไม่ชอบนาย จตุพร จึงต้องป้องกันไว้ก่อน และจนถึงขณะนี้ยังไม่พบปัญหาใดๆ

ผบ.เรือนจำ พิเศษกรุงเทพฯ กล่าวต่อว่า ส่วนนายสมยศ ที่ญาติให้ข่าวว่าเครียดและคิดฆ่าตัวตายในคุกนั้น ไม่เป็นความจริง เมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา เข้าไปสอบถามความเป็นอยู่กับนายสมยศด้วยตนเอง นายสมยศยืนยันว่าสบายดี ที่ซึมไปหลายวันเพราะเป็นไข้หวัด ส่วนสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้นายสมยศเครียด อาจจะเป็นธุรกิจท่องเที่ยวที่ไม่มีใครดูแลแทน เพราะนายสมยศจะเป็นคนพาคณะทัวร์ไปเที่ยวประเทศกัมพูชาเดือนละ 1 ครั้ง ส่วนนายสุรชัยที่มีอาการเจ็บป่วยจากโรคเกาต์ และความดันโลหิตกำเริบนั้น ทางเรือนจำส่งไปรับการรักษาแล้วที่ร.พ.ราชทัณฑ์ แต่ทางร.พ.ไม่สามารถให้นายสุรชัยนอนพักฟื้นได้ เนื่องจากเตียงไม่เพียงพอ จึงส่งตัวกลับมาที่เรือนจำ และอาการก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง

ที่กอง บัญชาการกองทัพบก นางนิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม ภรรยา พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม อดีตรองเสธ.พล.ร.2รอ. เข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. เพื่อขอให้ช่วยติดตามความคืบหน้าคดี การเสียชีวิตของพล.อ.ร่มเกล้า พร้อมด้วยนายทหารอีก 4 นาย จากเหตุการณ์ความไม่สงบเมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2553 บริเวณแยกผ่านฟ้าฯ จนถึงสี่แยกคอกวัว และพื้นที่โรงเรียนสตรีวิทยา โดยมี พล.ต.พลภัทร วรรณภักตร์ เลขานุการกองทัพบก เป็นผู้แทนรับหนังสือ

นาง นิชา กล่าวว่า ที่ผ่านมามีเหตุการณ์ความไม่สงบในบ้านเมือง จึงไม่อยากออกมาเพื่อสร้างประเด็น แต่ขณะนี้สถานการณ์เริ่มคลี่ คลายในทางที่ดีขึ้น และเข้าสู่การเลือกตั้ง ถึงเวลาแล้วที่ต้องติดตามความคืบหน้าของคดี เพราะขณะนี้เหตุการณ์ล่วงเลยมา 1 ปีแล้ว แต่คดี พล.อ.ร่มเกล้า และนายทหารอีก 4 นาย ยังมิได้ปรากฏความคืบหน้าที่กระจ่างชัด จึงมาขอความอนุเคราะห์จากกองทัพบก ให้เป็นตัวแทนช่วยติดตาม และเร่งรัดหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสืบสวนสอบสวน เพื่อนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ตนและครอบครัวทหารที่สูญเสียชีวิตจากภารกิจรักษาความสงบเรียบร้อย ได้รับการดูแลและเอาใจใส่จากกองทัพบกเป็นอย่างดี

"เราเจ็บเสียใจกับ การสูญเสียไม่น้อยกว่าใคร บางคนอาจลืมไปแล้วว่าใน 91 ศพ มีทหารที่เสียชีวิตอยู่ด้วย เพราะเราไม่ได้ออกมาเรียกร้อง และในช่วงนั้นทหารออกไปปฏิบัติภารกิจโดยไม่มีอาวุธ ที่ไม่ได้ออกมาเรียกร้อง เพราะ ด้วยความเป็นทหาร ถูกหล่อหลอมให้อดทน อดกลั้น เสียสละ และรอคอยกระบวนการยุติธรรม เรายังเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมว่าจะหาผู้กระทำความผิดมาลงโทษได้ เราไม่เคยโกรธ ปริปากบ่น เคียดแค้น หรืออาฆาต และไม่ได้ปักใจว่าใครหรือคนกลุ่มใดเป็น ผู้ก่อเหตุการที่มายื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ เพื่อเป็นช่องทางให้ช่วยเร่งรัดตำรวจในการทำงาน" ภรรยาพล.อ.ร่มเกล้า กล่าว

ที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ท. พะเยาว์ ทองเสน เลขานุการชุดพนักงานสอบ สวนคดีการเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่รัฐ และประชาชนในเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง กล่าวถึงคดี พล.อ.ร่มเกล้า ว่า ผลการสอบสวนของดีเอสไอ ยืนยันได้ว่าเกิดจากการกระทำของกองกำลังชุดดำของนปช.แน่นอน แต่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ชัดว่าบุคคลที่ใช้อาวุธยิงใส่เจ้าหน้าที่เป็นใคร มีเพียงพยานหลักฐานที่เป็นคลิปวิดีโอ โดยเฉพาะกรณีพล.อ.ร่มเกล้า ถูกสะเก็ดระเบิดเอ็ม 79 ซึ่งเป็นอาวุธที่ทหารไม่ได้เบิกมาใช้ปฏิบัติการ ส่วนการเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่รัฐ 11 นาย เป็นทหารและตำรวจ ซึ่งนปช.นำไปรวมไว้กับผู้เสียชีวิตทั้งหมด เพราะหากแยกการเสียชีวิตของตำรวจและทหารออกมา จะพบว่าการเสียชีวิตของผู้ชุมนุมมีไม่ถึง 90 ศพ

พ.ต.ท.พะเยาว์ กล่าวต่อว่า จำนวนตัวเลขผู้เสียชีวิตของนปช.ได้นับรวมกับผู้ที่เสียชีวิตจากเหตุเพลิง ไหม้ห้างเซ็นทรัล เวิลด์ และหน้าห้างบิ๊กซี ราชดำริ โดยขณะนี้ทราบว่าเสื้อแดงยื่นคำร้องเรียกค่าเสียหายจากศาลแพ่ง ขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐก็อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายเช่นกัน โดยคดีการเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่รัฐ และกลุ่มคนเสื้อแดง มีความเหมือนกันในประเด็นว่าทหาร ตำรวจ เสียชีวิตจากกองกำลังชุดดำของนปช. แต่ไม่สามารถชี้ชัดถึงตัวบุคคลที่กระทำได้ ขณะที่การเสียชีวิตของนปช.ที่ระบุว่าเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ก็ไม่สามารถระบุได้เช่นกันว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐฝ่ายใด

เวลา 16.00 น. ที่โรงแรมสยามอินเตอร์คอนติเนนตัล นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บ.ก.ลายจุด แกนนำกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง พร้อมด้วยสมาชิกร่วมกันแถลงโครงการโหวตเยส เดินหน้าประชาธิปไตย โดยนายสมบัติกล่าวว่า การเลือกตั้งส.ส.ในวันที่ 3 ก.ค. ถือเป็นโอกาสที่จะทำให้กลับมาสู่ประชาธิปไตยอีกครั้งหนึ่ง จึงขอเสนอแนวคิดดังนี้ 1.ขอให้ประชาชนมองการเมืองอย่างเป็นจริง แต่ขอให้มองอย่างมีความหวัง 2.เสนอให้กระบวนการประชาธิป ไตยเยียวยาด้วยระบบของกันเอง ไม่เอานอกระบบประชาธิปไตย 3.ต้องไม่มีการแทรกแซงจากอำนาจนอกระบบ 4.ขอให้นักการเมืองผู้มีอำนาจเล่นตามกติกา 5.ขอให้ประชาชนติดตามการบริหารงานของรัฐบาลเพื่อเป็นการตรวจสอบ 6.ขอให้การเลือกตั้งสะท้อนเจตจำนงของประชาชน โดยให้พรรคที่ได้คะแนนเสียงอันดับ 1 เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลก่อน หากไม่ได้ก็อันดับ 2 ต่อไป และ 7.เสนอให้มีการปฏิรูปการเมือง

"ผม เห็นด้วยกับการปฏิรูปการเมือง แต่เกรงว่าการโหวตโนอาจจะกวักมือเรียกรถถัง และมาตรา 7 มา จึงอยากให้โหวตโนอย่างมีสติ ส่วนการเลือกตั้งวันที่ 3 ก.ค. ขอให้ประชาชนอย่านอนหลับทับสิทธิ์ มาใช้สิทธิ์กันมากๆ และเลือกพรรคเลือกคนที่พอใจและชื่นชอบ ดูกันที่นโยบาย หากผู้มีสิทธิ์มองว่าไม่มีพรรค หรือคนใดถูกใจ การโหวตโนก็พึงกระทำได้ แต่อย่าล้มโต๊ะการเลือกตั้ง" บ.ก.ลายจุด กล่าว ก่อนจะพร้อมด้วยแนวร่วมกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง ปั่นจักรยานแจกสติ๊กเกอร์รณรงค์โหวตเยส ที่สี่แยกราชประสงค์

ล้านคำบรรยาย การ์ตูนเซีย 01/06/54 3 ก.ค.54 อนาคตจะอยู่ในมือของ...

ที่มา blablabla

โดย

ภาพถ่ายของฉัน

เอานายก มือใหม่ ผู้ใสสวย
งดงามด้วย ความดี คือที่หวัง
เอามาช่วย ส่งเสริม เติมพลัง
ให้มีสุข สมดั่ง ที่ตั้งใจ....

ช่วยฟื้นฟู ชาติไทย ให้เข้มแข็ง
ต่อเติมแรง ชาวประชา พาสดใส
ให้สร้างชื่อ ลือเลื่อง กระเดื่องไกล
หญิงยุคใหม่ ใจเด็ด ดุจเพชรงาม....

หรืออยากได้ นายก อกกลัดหนอง
ปากปรองดอง แต่ใจโฉด โคตรเหยียดหยาม
เกือบร้อยศพ ถูกสั่งฆ่า น่าประณาม
เห็นดีงาม ซ้ำร่วมฆ่า ประชาชน....

กอดขวดไวน์ เมาแปร๋ โอ้..แม่เจ้า
ยังจะเอา มาเชิด ให้เกิดผล
ใครอยากเลือก พวกบ้า ท่าสัปดน
ให้เหตุผล มาหน่อย จะคอยฟัง....

คนสุดท้าย มันคือ มือเปื้อนเลือด
บ้าดีเดือด โคตร..อัปรีย์ ไร้ที่หวัง
สร้างแต่เรื่อง สุดอุบาทว์ จนชาติพัง
คิดมานั่ง อีกสมัย โธ่..ไอ้เลว....

ใครอยากได้ แบบไหน ตามใจเถิด
อยากเลอเลิศ หรือต่ำต้อย ลอยตกเหว
อยากร่มเย็น หรือร้อนรุ่ม ดั่งสุมเปลว
เลือก..ดี-เลว คือสิทธิ์ ท่านคิดเอง....

๓ บลา / ๑ มิ.ย.๕๔

ยิ่ิ่งลักษณ์...ผู้หญิงเก่งแห่งยุค!!!!!

ที่มา thaifreenews

โดย หัตถา



ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร........ผู้หญิงเก่งแห่งยุค

…..กับบทบาทนักบริหารธุรกิจหมื่นล้านและหน้าที่คุณแม่คนสวย
ตอนนี้คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ผู้หญิงที่กำลังถูกจับตามองมากที่สุดคนหนึ่งในขณะนี้
อีกทั้งยังได้รับการกล่าวว่า....





….เธอคือว่าที่นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย"ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร"หรือ"คุณปู"
เธอเป็นบุตรคนสุดท้อง ในจำนวน9คน ของนายเลิศ และนางยินดี ชินวัตร
(ธิดาในเจ้าหญิงจันทร์ทิพย์(ณ เชียงใหม่) ระมิงค์วงศ์)
และยังเป็นน้องสาวคนเล็กของพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี





…..คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตรเกิดเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2510 ...ปัจจุบัน ขาดเพียง30วันก็ครบ44ปีพอดี
จบการศึกษาปริญญาตรี จากคณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อ พ.ศ.2531
และปริญญาโท รัฐประศาสนศาสตร์ มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยเคนทักกีสเตท สหรัฐอเมริกา เมื่อ พ.ศ.2533
จากนั้นได้เข้าทำงานที่ บริษัทชินวัตร ไดเร็กทอรี่ส์ จำกัด ด้วยการเป็น"เซลส์วูเม่น"ขายโฆษณาเยลโล่เพจเจส
สมุดหน้าเหลือง ก่อนจะก้าวใหญ่นั่งแท่นคุม AIS ตาม SC ASSET รวมถึงดูแลไทยคม ในฐานะกรรมการและ
เลขาฯมูลนิธิ ต่อมาได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้อำนวยการบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัดหรือ
AIS เมื่อ พ.ศ.2545



Working Woman….
ความสามารถในการบริหารธุรกิจใหญ่ของครอบครัว หลายคนมองว่าคุณยิ่งลักษณ์ต้องจบด้านบริหารมาโดยตรง
แต่แท้จริงแล้วพบว่าจบคณะรัฐศาสตร์(มหาวิทยาลัยเชียงใหม่) สาขารัฐประศาสนศาสตร์ต่างหากที่เป็นสาขาเน้น
บริหารรัฐกิจ บริหารบุคคล เน้นปกครอง โดยมีความฝันแรกเริ่มเดิมที่ว่าอยากเป็นฑูต แต่เนื่องด้วยทางครอบครัว
อยากให้ทำงานภายในประเทศไทย จึงลงเอยด้วยการมาช่วยธุรกิจของครอบครัว ชินวัตร



…ถ้าเอ่ยถึงการทำงานด้านธุรกิจ คุณยิ่งลักษณ์เคยย้ำปรัชญาในการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ว่า ต้องเป็นบริษัท
มืออาชีพ โปร่งใส ตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างลงตัวเพื่อให้ได้ตามประสงค์ อย่างที่ลูกค้าต้องการ
ส่วนแผนธุรกิจของSC ASSET ท่ามกลางการแข่งขันของธุรกิจอสังหารริมทรัพย์ที่เข้มข้น
ในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในคราวนั้น





SC ASSETก็สานต่อแผนที่มีความโดดเด่นมาโดยตลอดด้วยจุดขาย บ้านไฮเทค ที่เป็นที่รู้จักกันว่า..i-home
ได้นำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในธรุกิจอสังหาริมทรัพย์หรือConvergenceเช่นการประหยัดพลังงาน
การออกแบบและความปลอดภัย เพื่อสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า ได้ใช้ระบบCRMหรือระบบการดูแล
และรู้จักลูกค้า
มอบความรักผ่านดินเนอร์หรู “The Exclusive Night for SC Family”
คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประธานกรรมการบริหาร พร้อมด้วยผู้บริหาร
บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จัดกิจกรรม
“The Exclusive Night for SC Family”
แทนการสร้างสรรค์และใส่ใจภายใต้สโลแกน คิดด้วยรัก ดีไซน์เพื่ออนาคต
มอบให้กับลูกบ้านโครงการหรู ภายใต้แบรนด์ แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด
ร่วมดินเนอร์ในค่ำคืนพิเศษแบบเอ็กซ์คลูซีฟ





















แม้ว่าบริษัทอาจจะมีการพาดพิงไปเกี่ยวกับการเมืองอยู่บ้าง
แต่คุณยิ่งลักษณ์ก็ตั้งมั่นในเจตนารมณ์ที่จะให้บริการลูกค้า
และดำเนินการผ่านไปได้



….ซึ่งจากความสามารถของ.................."ผู้หญิงแกร่งคนนี้เอง"
...เธอสามารถบริหารธุรกิจได้อย่างประสบความสำเร็จ
เพราะฉะนั้นผลงานเท่านั้นที่เป็นข้อพิสูจน์ว่า........."คุณยิ่งลักษณ์เป็นมืออาชีพ"
ไม่ใช่เพียงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น

ธุรกิจเทเลคอม
คุณยิ่งลักษณ์ได้กล่าวว่า แม้จะแตกต่างแต่เรื่องแนวคิดการจัดการนั้นเหมือนกัน
ต่างกันคือข้อมูลพื้นฐานหรือวิธีการ











ข้อมูลจากผู้หญิง
อย่าเข้าใจผิดว่าหัตถามาขายบ้านนะครับไม่เกี่ยว
เจตนาโชว์ภาพ... อิอิอิ....ติดตามไปเรื่อยๆครับ