WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Saturday, April 18, 2009

"จตุพร"ปูดเนวินโผล่เพชรบุรีซ.7วันเดียวกับยิงมัสยิดขู่เปิดคลิปฆ่า"เสื้อแดง" "จักรภพ"ติดคิวแจงสื่อนอก

ที่มา มติชนออนไลน์

"จตุพร"ยัน"เสื้อแดง"ไม่คิดฆ่า"แป๊ะลิ้ม" ถามรบ.ทำไมไม่ปิด"เอเอสทีวี"เหมือนกับปิด"ดีส เตชั่น" อ้างเสื้อแดงฟื้นโดดหนียันมีตายจริงท้า"อนุพงษ์"สาบานกับ"พระแก้ว" ปูดเนวินโผล่เพชรบุรีซ.7วันเดียวกับยิงมัสยิด ท้า “ปชป.” ไม่ต้องยกมือให้ “เอกสิทธิ์”ขู่เปิดคลิปฆ่า"เสื้อแดง"2 ศพที่มหาดไทยกลางสภา "จักรภพ"ติดคิวแจงสื่อนอก

"จตุพร"ยัน"เสื้อแดง"ไม่คิดฆ่า"แป๊ะลิ้ม"

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ที่พรรคเพื่อไทย ถึงกรณีการลอบบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า ต้อขอแสดงความเสียใจกับนายสนธิ และครอบครัว ที่ถูกลอบฆ่า เพราะแม้การต่อสู้ระหว่างกลุ่มคนเสื้อเหลืองและเสื้อแดง ก็เป็นการต่อสู้ทางความคิด แต่ก็ไม่เคยใช้กำลังหรือความรุนแรงเข้ามาประหัตประหาร และขอประณามผู้ที่ใช้อาวุธสงครามเข้ามาก่อการ เพราะกลุ่มคนเสื้อแดงไม่เห็นด้วย เนื่องจากเชื่อมั่นว่าการแก้ไขปัญหาทุกอย่างนั้นจะต้องดำเนินการตามกฎหมาย และหากนายสนธิ เป็นอะไรไปนั้นไม่ได้เป็นประโยชน์กับคนเสื้อแดงเลย แต่ในทางกลับกันการดำรงอยู้ของนายสนธิ กลับจะเป็นประโยชน์กับคนเสื้อแดง เพราะจะเป็นข้อพิสูจน์เรื่อง 2 มาตรฐานในการดำเนินคดี ซึ่งนายสนธิ และพวกเคยโดนดำเนินคดีในลัษณะเดียวกับคนเสื้อแดง แม้ นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรีจะมอบอำนาจตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินให้กับพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. แต่ก็ไม่เคยสั่งให้มีการควบคุมตัวนายสนธิและพวก เหมือนที่คนเสื้อแดงถูกกระทำในปัจจุบัน



ถามรบ.ทำไมไม่ปิด"เอเอสทีวี"เหมือนกับปิด"ดีส เตชั่น"

นายจตุพร กล่าวถึงกรณีการบุกตรวจค้น ยึดเครื่องส่งและสังปิดการออกอากาศวิทยุชุมชนหลายแห่งรวมทั้งสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมดี สเตชั่นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนที่เคยเกิดขึ้นหลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ที่มีการดำเนินการกับประชาชนจนต้องหนีเข้าป่าและจับอาวุธขึ้นสู้ ดังนั้นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ควรกลับไปศึกษาประวัติศาสตร์และจำเอาไว้ว่าที่ใดมีการกดขี่ ที่นั่นย่อมมีการต่อสู้ ที่ใดที่มีแรงกด ที่นั่นย่อมมีแรงต้าน และเป็นการกระทำของผู้ที่คิดว่าตัวเองชนะ ดำเนินการกับฝ่ายที่ถูกมองว่าพ่ายแพ้ คิดหรือว่ากลุ่มคนเสื้อแดงกลัวรัฐบาล การไปคุกคามแล้วจีบปากจีบคอหาความสมานฉันท์นั้น ถ้าปากอย่างใจอย่าง อย่ามาพูด หากพรรคประชาธิปัตย์มั่นใจว่าสามารถคุ้มหัวได้ก็เชิญทำต่อไป วันนี้มีการยึดสถานีวิทยุชุมชนทั่วประเทศที่รัฐบาลอ้างว่า มีการรายงานบิดเบือนอยากสอบถามว่า ทำไมไม่ปิดเอเอสทีวีบ้าง เพราะสถานะของดี สเตชั่นกับเอเอสทีวี มีสถานะเท่าเทียมกัน โทรทัศน์ผ่านดาวเทียมมีสถานะเท่ากันหมด ถ้าวันนี้รัฐบาลทำ 2 มาตรฐาน จะทำอย่างนี้ได้กี่วัน

“นายอภิสิทธิ์ เชื่อหรือว่า พรก. จะคุ้มกะลาหัวรัฐบาลได้ เพราะ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกาศ พรก.ฉุกเฉินมา 5 ปีเสียงปืนยังไม่เคยดับ การเอาอาวุธมากดขี่ข่มเหงฝ่ายที่ตัวเองคิดว่าเป็นฝ่ายพ่ายแพ้นั้นจะนำไปสู้สงครามกลางเมือง ซึ่งถ้าเกิดขึ้นมาเมื่อไรแล้วรัฐบาลคิดหรือว่าตัวเองจะเอาอยู่ ซึ่ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นแล้ววันนี้อีก 73 จังหวัดจะมาเกิดปัญหาเหมือน 3 จังหวัดภาคใต้เพราะถูกคุกคามไปทั้งหมด” นายจตุพร กล่าว

อ้างเสื้อแดงฟื้นโดดหนียันมีตายจริงท้า"อนุพงษ์"สาบานกับ"พระแก้ว"

ส.ส. สัดส่วน กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากนี้ไปกระบวนการหลักฐานต้องชัดเจน อีกทั้งพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เคยพูดเอาไว้ว่าพร้อมเอาชีวิตเป็นเดิมพันหากมีประชาชนเสียชีวิตในการสลายการชุมนุม ตามที่ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ได้ออกโทรทัศน์ชี้แจงผลการสลายการชุมนุมที่สามเหลี่ยมดินแดงแล้วบอกว่ามีการควบคุมตัวประชาชนไปจำนวนหนึ่งโดยไม่ขอระบุสถานที่การควบคุมตัว มีทั้งคนเจ็บ คนตาย และคนเป็น ซึ่ง พล.อ.อนุพงษ์ ต้องไปดูว่า มีการนำตัวประชาชนไปไว้ที่ไหน และมีการกระทำดังกล่าวตามที่โฆษกทบ. พูดผ่านรายการของนายสรยุทธ์ สุทัศนจินดา พิธีกรชื่อดัง ในเวลา 06.08 น.ของเช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากมีการสลายการชุมนุม

"ผมยันยืนยันว่ามีคนตายจำนวนมาก และมีคนบางคนถูกจับไปไว้บนรถ ยีเอ็มซี ของทหารเพราะสลบไป แต่พอตื่นขึ้นมาก็พบคนที่อยู่ในรถคันดังกล่าวเต็มไปด้วยคราบเลือดนับ 10 ศพ และสังเกตเห็นว่าอยู่ระหว่างเส้นทางไป จ.ลพบุรี จึงตัดสินใจกระโดดตรงทางขึ้นคอสะพาน ในพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรี เพื่อเอาตัวรอดแล้วเอารายละเอียดมาเล่าให้ฟังได้ทั้งหมด บัดนี้แม้ว่าผมจะเป็นอะไรไป เขาได้บันทึกรายละเอียดเป็นวิดิโอไว้ครบถ้วนแล้ว แต่ตอนนี้หลักฐานทุกอย่างไม่ได้อยู่ที่ผม" นายจตุพร กล่าว

ส.ส.สัดส่วน กล่าวว่า รัฐบาลยืนยันได้หรือไม่ว่า ทหารไม่ได้ยิงพี่น้องประชาชน ถ้าพล.อ.อนุพงษ์ และพ.อ.สรรเสริญ ยังยืนยันว่าไม่มีการใช้อาวุธสงคราม ตนจะนำพี่น้องประชาชนที่ถูกยิง M 16 มาแสดงให้พล.อ.อนุพงษ์รับผิดชอบอย่างไร ทั้งนี้ต้องใช้เวลาให้พี่น้องประชาชนมาแจ้งว่ามีพี่น้อง หรือญาติสูญหาย หรือเสียชีวิต กี่คน เพราะมีหลายคนมีคลิปวิดิโอถึงภาพเหตุการณ์ชัดเจน จึงมองว่า พล.อ.อนุพงษ์ พูดกับกล้องทีวีได้ แต่ตนขอให้ไปพูดต่อหน้าพระแก้วมรกต พระสยามเทวาธิราช และหน้าพระบรมฉายาลักษณ์

จตุพรปูดเนวินโผล่เพชรบุรีซ.7วันเดียวกับยิงมัสยิด

นายจตุพร กล่าวว่าขอตั้งคำถามว่าวันที่ 14 เมษายน นายเนวิน ชิดชอบ หัวหน้ากลุ่มเพื่อนเนวิน ไปปรากฎตัวทำไมบริเวณถนนเพชรบุรีซอย 7 ซึ่งมีการกล่าวหาว่าคนเสื้อแดงยิงมัสยิด ย่านกิ่งเพชร เหมือนที่นายเนวิน เคยไปปรากฎตัวที่พัทยา จ.ชลบุรี และกรณีนี้อาจจะเป็นการจัดฉากใส่ร้ายคนเสื้อแดงอีกอย่างหนึ่งเหมือนกรณีรถเมล์ที่มีคนขับมาคนเดียวฝ่าด่านทหารเข้ามาอย่างง่ายดาย แล้วเอามาเผา เพราะไม่เคยมีหลักฐานแจ้งความเอาผิดกับการบุกยึดรถเมล์ในวันเกิดเหตุเลย นอกจากนี้ฆาตรกรที่ฆ่าชาวบ้านย่านนางเลิ้ง 2 ศพก็ได้ไปปรากฎตัวนั่งร่วมในงานศพราวกับเป็นญาติสนิท แต่ก็ดีใจที่พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ได้ออกมาบอกว่าฆาตรกรเป็นลูกน้องของใคร


ท้า “ปชป.” ไม่ต้องยกมือให้ “เอกสิทธิ์”


นายจตุพร กล่าวถึงการที่สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ปรามาสเรื่องการใช้เอกสิทธิ์ ส.ส.ของตนเพื่อให้พ้นจากการถูกควบคุมตัวพร้อมแกนนำเสื้อแดงคนอื่นๆ ว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 131 ระบุว่าหากจะดำเนินคดีต่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในขณะที่มีสมัยประชุม ต้องทำหนังสือแจ้งไปยังประธานสภาผู้แทนราษฎร ตนก็ต้องพูดว่า สภาไม่ต้องอนุมัติ แต่ตามประเพณีปฏิบัติ แม้แต่กรณีนายสมเยรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ เช่นเดียวกัน ตามที่พรรคประชาธิปัตย์อ้างว่าตนไปขอเอกสิทธิ์นั้นไม่ใช่ แต่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ แม้แต่กรณีที่จะสามารถจับตนได้กรณีเดียวคือ ขณะที่เกิดเหตุ และต้องปล่อยตัวโดนพลัน วันนี้มันเลยจุดเกิดเหตุมาแล้ว ไม่มีสิทธิมาจับกุม ตามที่นายอรรถพร พลบุตร สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ต้องมาโอหังระบุว่าจะไม่ยกมือให้ตน ซึ่งแม้ว่าจะดูถูกตนหลายครั้ง บอกแล้วว่า ขั้นตอนนี้ตนไม่ได้มีความประสงค์จะใช้เอกสิทธิ์ ส.ส. แต่กฎหมายคุ้มครองส.ส. เพื่อป้องกันไม่ให้รัฐบาลมากลั่นแกล้ง ตนยังมีสถานะ ไม่ได้สนใจร้องขอประชาธิปัตย์

นายจตุพร กล่าวว่าขณะนี้ตนกำลังดำเนินคดีกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ถือเป็นฆาตกร ขอร้องให้นายอภิสิทธิ์ ดูแลลูกน้องอย่าได้มาดูถูกตน ถ้ามาแหลมใส่ ตนจะใช้สิทธิ์ตอบโต้ จะทำอะไรกับตนก็ได้ หรือจะทำเหมือนที่ทำกับนายสนธิ ก็ได้ แต่ขอเตือนว่า ประชาชนไม่กลัวปืน แต่เมื่อคนเราถึงจุดที่จนตรอก เมื่อความอดทนถึงที่สุดก็สุดทน แล้ววันนั้นจะรู้อะไรเป็นจริง ตนเชื่อว่าหากยังกดขี่กันอย่างนี้ เชื่อว่าสงครามครั้งสุดท้ายจะเกิด ไม่ว่าพวกตนจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ก็ตาม ถ้ารัฐบาลไม่เลิกกดขี่ผู้คน ทำตัวเสมือนผู้ชนะดูถูกศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ขี่แบบนี้สงครามครั้งสุดท้ายจะเกิด ปืนทุกกระบอกฆ่าคนไม่หมดหรอก ตนเตือนไว้เลย

"จตุพร"ขู่เปิดคลิปฆ่า"เสื้อแดง"2 ศพที่มหาดไทยกลางสภา

นอกจากนี้ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการจะนำวิดีโอหรือคลิปที่ได้จากการร้องทุกข์ไปให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมายหรือไม่ นายจตุพร กล่าวว่า มีการบันทึก รายงานด้านการแพทย์ รวมทั้งการบรรยาเหตุการณ์ทั้งหมดบันทึกเป็นวีซีดี อธิบายวันเกิดเหตุ ทั้งเสื้อผ้าคนตาย รวมทั้งการรายงานมายังพรรคและสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย โดยทางโฆษกพรรคจะแถลงเพิ่มเติม และนำไปให้เจ้าหน้าที่สอบสวนแน่นอน หลังจากนี้ 1-2 วัน จะปรากฏให้ทราบ ส่วนการนำคลิปอื่นๆ นั้นตนกำลังคิดอยู่ว่าจะนำไปเปิดเผยระหว่างการชี้แจงในการประชุมรัฐสภา วันที่ 22-23 เมษายนหรือไม่ ซึ่งตนจะใช้เวลาในการอธิบายให้ทราบข้อเท็จจริงทั้งหมด รวมไปถึงอธิบายให้ประชาชนทราบว่ารัฐบาล 2 มาตรฐานอย่างไร ขอให้นายอภิสิทธิ์ เตรียมตัวชี้แจงทั้งเหตุการณ์ที่พัทยา และเหตุการณ์ที่มหาดไทยให้ดี ซึ่งตนจะนำรายชื่อผู้เสียชีวิตที่มหาดไทย 2 ศพมาเปิดเผยด้วย

"จักรภพ"ติดคิวแจงสื่อนอกไม่จำเป็นต้องมอบตัวเหมือนพธม.

นายจตุพร กล่าวว่า สำหรับนายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำคนเสื้อแดงที่ถูกออกหมายจับแต่ยังไม่ได้เข้ามามอบตัวนั้นก็ยังได้ติดต่อพูดคุยกันบ้าง แต่นายจักรภพ นั้นยังไม่สามารถเข้ามามอบตัวได้ เพราะยังติดภารกิจเรื่องการชี้แจงกับสื่อต่างประเทศ กรณีการชุมนุมของคนเสื้อแดง อีกทั้งการยังไม่เข้ามมอบตัวในเวลานี้เพราะที่ผ่านมากลุ่มพันธมิตรฯ ก็ไม่เคยเข้ามามอบตัวเมื่อมีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จึงไม่จำเป็นที่นายจักรภพ จะต้องเข้ามามอบตัวเวลานี้

ย้อนคำทำนาย-ดวงรัฐบาล"เม.ย.วิกฤต"

ที่มา ข่าวสด

คอลัมน์ รายงานพิเศษ




ทันทีที่ม็อบเสื้อแดง หรือกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ก่อเหตุป่วนรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ บุกเข้าล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนและประเทศคู่ค้า ที่เมืองพัทยา

ส่งผลให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ต้องพาผู้นำประเทศต่างๆ ที่เข้าร่วมประชุมหนีม็อบแดงกันโกลาหล

ก่อนจะงัดพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน มาใช้ที่เมืองพัทยา นานเกือบ 5 ชั่วโมง

แต่ใช่จะหยุดลงแค่นั้น เมื่อกลุ่มเสื้อแดงเดินเกมเข้ามาก่อความวุ่นวายในกรุงเทพฯ ก่อจลาจลย่อยๆ ขึ้นในหลายพื้นที่

ทั้งทุบรถนายกรัฐมนตรี และทำร้ายร่างกายบุคคลสำคัญอย่าง นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่กระทรวงมหาดไทย

สุดท้าย รัฐบาลจำต้องประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินในเขตพื้นที่กทม.และปริมณฑล ส่งกำลังทหารรุกไล่ กระทั่ง 3 แกนนำคนเสื้อแดงยอมมอบตัว ยุติการชุมนุมชั่วคราว

แต่สถานการณ์นับจากวันนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป

ให้ฝ่ายไหนฟันธง คงไม่ใช่เรื่องง่าย

ที่น่าศึกษาคือ เมื่อย้อนไปดูคำทำนายของนักโหราศาสตร์ที่ดูดวงเมือง และดวงของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไว้ตั้งแต่ครั้งเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีใหม่ๆ หลายคนทักตรงกันว่าช่วงเมษายนนี้ รัฐบาลอาการน่าเป็นห่วง บางคนทักแรงขนาดต้องเปลี่ยนตัวผู้นำ

นายภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ ทำนายไว้ช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 31 ธ.ค.2551 ว่าปี 2552 เศรษฐกิจมีแต่ทรงกับทรุด ข้าวของราคาแพง สาธารณูปโภคขึ้นราคา เป็นปีแห่งหนี้สิน

ให้เกรงท้าวพระยาและเสนามนตรีจะแพ้เสนาบดี ผู้หญิงจะทำร้าย จะเกิดกล้าแข็ง

คำทำนายระบุด้วยว่า อิทธิพลของดาวพฤหัสบดี จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและผันแปรทางการเมืองโดยปัจจุบันทันด่วนในคณะรัฐบาล ระหว่าง 20 เมษายน-15 สิงหาคม 2552

และให้ระวังอุบัติภัยครั้งสำคัญที่จะนำความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินจำนวนมาก ช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน และตุลาคม-พฤศจิกายน

พร้อมระบุปี"52 นี้ อาจเกิดเหตุเศร้าสลด สูญเสียบุคคลสำคัญ เกิดปัญหาข้าวยากหมากแพง เศรษฐกิจย่ำแย่ คนในชาติยังมีความคิดเห็นแตกแยก รัฐบาลที่ประชาชนคาดหวังไม่มีผลงาน ทำให้ประชาชนขาดความศรัทธา

การเกิดสุริยุปราคา เมื่อวันที่ 26 มกราคม อิทธิพลของราหูส่งผลกระทบต่อรัฐบุรุษ นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลอับโชค มีคะแนนนิยมตกต่ำลงเพราะปัญหาเศรษฐกิจ การเงิน การคลัง และมีการคอร์รัปชั่น จะเกิดความยุ่งยากในวงการทหาร

1 มกราคม 2552 นายภิญโญ ทำนายดวงนายกฯ อภิสิทธิ์ และรัฐบาลอีกครั้ง ตีพิมพ์ไว้ในหนังสือพิมพ์ข่าวสด

ย้ำคำเดิม ให้ระวังวันที่ 20 เมษายน เพราะดาวพฤหัสฯ บางช่วงโคจรย้ายราศี ระหว่าง 20 เมษายน ถอยหลังในภพเสีย โหรเรียกว่าภพมรณะหรือภพแห่งการเปลี่ยนแปลง แปรสภาพ พลัดพราก จนถึง 15 สิงหาคม 2552

นายกสมาคมโหราศาสตร์ฯ เตือนด้วยว่า ตอนที่ดาวพฤหัสฯ อยู่ในภพเสียต้องระวังให้ดี โดยเฉพาะเรื่องผู้ใหญ่ที่เคยช่วยเหลือสนับสนุน อาจช่วยเหลือน้อยลง หรือเกิดการเปลี่ยนแปลงเพราะดาวสนับสนุนมีกำลังอ่อน

ดูไว้ตรงกันคือ นายภาณุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล ซินแสหรือนักโหราศาสตร์จีน ประธานสถาบันศาสตร์แห่งชีวิตแห่งประเทศไทย ทำนายผ่านหนังสือพิมพ์ข่าวสดเช่นกัน

ระบุว่าปีฉลู ธาตุดิน ไม่ส่งเสริมนายอภิสิทธิ์เท่าใดนัก อาจเรียกได้ว่าเป็นปีที่มีเคราะห์ก็ว่าได้ แต่ไม่ร้ายแรงนัก

การตรวจสอบพื้นชะตาของนายอภิสิทธิ์ ปี 2551 ไปจนถึงเดือนเมษายน 2552 การดำเนินงานบริหารประเทศอยู่ในเกณฑ์ดีมาก ได้รับความนิยมจากประชาชน

พอเริ่มเข้าสู่เดือนเมษายน ดวงนายอภิสิทธิ์จะเริ่มร้อน มีเคราะห์และอุปสรรคในการทำงาน การบริหารประเทศเริ่มวุ่นวาย และจะหนักมากในเดือนสิงหาคม

ประกอบกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นคนใกล้ชิดนายกฯ จะเกิดปัญหาใหญ่ร้ายแรง ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลอย่างหนัก จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง รัฐบาลอาจเกิดความพลิกผัน

ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2552 ไปจนถึงปลายปี 2552 ถือว่าเป็นช่วงเคราะห์ร้ายหนัก ต้องปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรีครั้งใหญ่ หาไม่คงไปไม่รอด รวมทั้งต้องปรับเปลี่ยนแก้ไขฮวงจุ้ยที่ตั้งของทำเนียบใหม่

นายธนกร สินเกษม นายกสมาคมโหรแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์ เป็นอีกคนที่ทำนายว่าช่วงเมษายนนี้เป็นช่วงร้อนของรัฐบาล และอาจถึงขั้นเปลี่ยนตัวผู้นำ

คำทำนายระบุ ช่วง 1 มกราคม-21 เมษายน ดาวเสาร์เป็นกาลีสัมพันธ์ถึงดาวการเมือง คือดาวอาทิตย์ที่กุมลัคนาดวงเมืองอยู่ ทำให้การเมืองไทยไม่นิ่ง มีปัญหาวุ่นวายตลอดเวลา มีการประท้วงไม่รู้จบสิ้น ส่งผลถึงเศรษฐกิจที่สุดต้องมีการปรับเปลี่ยนครม. และมีความพยายามจะแก้กฎหมาย

ตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน ดวงเมืองประเทศไทยจะมีอายุย่าง 228 ปี ดาวอาทิตย์กุมลัคนาดวงเมืองจะเป็นกาลี ทำให้ประเทศไทยเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่ ถึงขนาดเปลี่ยนตัวผู้นำเลยทีเดียว แต่หลังวันเกิดดวงเมืองไปแล้วมีแนวโน้มจะดีขึ้น

นายเก่งกาจ จงใจพระ ทำนายดวงนายกฯ อภิสิทธิ์ ผ่านรายการลับ ลวง พราง ผ่านสถานีวิทยุเอฟเอ็ม 100.5 ไว้เมื่อวันที่ 4 ม.ค.2552 แม้จะไม่ได้ระบุช่วงเวลาไว้ชัดเจนว่านายกฯ และรัฐบาลต้องประสบปัญหาอุปสรรคสำคัญในช่วงเดือนไหนบ้าง

แต่ก็ฟันธงว่า ที่สุดแล้ว นายกฯ คงยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน อย่างเร็ว 3 เดือน อย่างมาก 6 เดือน อายุของรัฐบาลไม่ครบปีแน่นอน และอาจจะเกิดการนองเลือดก่อนยุบ หรือยุบก่อนเกิดการนองเลือด

ยังดูไปถึงดวงของอดีตนายกฯ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่โฟนอิน-วิดีโอลิงก์ ปลุกเสื้อแดงอยู่ตอนนี้ว่าดวงยังไม่ดี ยังต้องอยู่ต่างประเทศยาวไปอีกกว่า 3 ปี

ที่น่าจับตาเพราะเป็นประเด็นที่จะพิสูจน์ได้ในเวลาอันใกล้นี้คือ กรณีหมอเก่งกาจระบุว่าหลังสงกรานต์ทหารจะมีบทบาทมาก

ทำนายว่าดวงของพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ที่เคยดูไว้แล้วว่าจะเป็นนายกฯ หลังสงกรานต์จะมีความชัดเจน แต่ถ้าไม่เอาก็จบ

พร้อมคำเตือนเดือนกันยายน ตุลาคม พฤศจิกายน และธันวาคม ทหารจะทำอะไรต้องระวัง เพราะดาวพฤหัสและดาวราหูจะไปตรงกับ 14 ตุลาคม 2516

นายพัฒนา พัฒนศิริ ผู้อำนวยการสถาบันพยากรณ์ศาสตร์ ไม่ได้ลงละเอียดเรื่องช่วงเวลาเช่นกัน

แต่ที่ทำนายว่าตั้งแต่ต้นมกราคม 2552 ว่า นายกฯ อภิสิทธิ์จะไม่สามารถนั่งบริหารงานที่ทำเนียบได้เป็นระยะเวลานานๆ ต้องชีพจรลงเท้าออกเดินทางไปสถานที่ต่างๆ ทั่วทุกภาค

ตรงกับความเป็นจริง ทั้งในแง่ที่นายกฯ ประกาศเองว่าจะเน้นการลงพื้นที่ พบปะกับประชาชนทุกภาคมากกว่านั่งทำงานบนโต๊ะ และยังโดนม็อบแดงปิดล้อมทำเนียบ จนครม.ต้องย้ายที่ประชุมกันเป็นระยะๆ

นายพัฒนาทำนายอีกว่า ช่วงกลางปีจะเกิดปัญหายุ่งยากเข้ามา ทำให้รัฐบาลไม่เข้มแข็ง กระทั่งช่วงปลายปี ตั้งแต่วันที่ 4 พ.ย. รัฐบาลจะมีเคราะห์หนักมาก การบริหารประเทศขาดความคล่องตัวอย่างหนัก ปัญหารุมเร้ารอบด้านอาจถึงขั้นยุบสภา

อาจเกิดการทรยศหักหลังจากมิตรใหม่ที่เข้ามาทำดีด้วยตอนแรก แต่ในภายหลังอาจแปรพักตร์ปรับเปลี่ยนขั้วใหม่ จึงควรระมัดระวังให้มาก

นอกจากโหรจะทำนายตรงกันเรื่องเมษายนเป็นช่วงวิกฤตของรัฐบาลแล้ว

ที่ไม่อาจมองข้ามคือ หลายคนดูตรงกันอีกว่าปลายปีก็อาการหนัก ผ่านเมษาฯ นี้ไปได้

ก็ยังไม่ใช่ทางโล่ง!

ยังไม่จบหรอก

ที่มา เดลินิวส์

ภาพจลาจลที่เกิดขึ้นในบ้านเมือง วันสงกรานต์เลือด ส่งผลให้กว่า 19 ประเทศออกประกาศเตือนไม่ให้คนของตัวมาเที่ยวไทย นักลงทุนขวัญผวา ภาพลักษณ์ประเทศป่นปี้อีกครั้ง

หลังการยึดทำเนียบรัฐ บาล และปิดสนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิ เมื่อปลายปีที่แล้ว

แต่จนป่านนี้ การเลือกปฏิบัติยังปรากฏให้เห็นอย่างเด่น ชัด ไม่ว่าจะเป็นการบุกจับ นาย อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง คาบ้าน พักอย่างรวดเร็ว (ดีที่ได้ประกันตัวไปในที่สุด)

แต่กับ นายวีระ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นพ. เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช.ที่ประกาศยุติการชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล เดินทางเข้าพบตำรวจก่อนจะมีหมายจับด้วยซ้ำ.....

ตำรวจกลับส่งแยกขังตามค่ายทหาร นายวีระถูกขังที่ปทุมธานี นายณัฐวุฒิไปไกลถึงประจวบคีรีขันธ์ หมอเหวงที่กาญจนบุรี เบื้องต้นยังไม่รู้จะได้ประกันตัวหรือไม่

ขณะที่ทุกคดีของพันธมิตรฯ ได้รับการประกันตัวหมด

คดียึดทำเนียบฯ มีการแจ้งความจริง แต่ที่สุดก็มีการถอนแจ้งความดื้อ ๆ ข้ออ้างตลกมาก เพราะเสื้อเหลืองออกจากทำเนียบฯ ไปแล้ว

คดี ยึดสนามบิน เกือบ 5 เดือนแล้ว ยังไม่มีการออกหมายจับแม้แต่รายเดียว ทั้งที่เป็นคดีใหญ่สะเทือนขวัญ เหมือนเป็นผู้ก่อการร้าย สากล แต่คนทำยังคงลอยนวล ??

ป่วยการที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะออกมาตอกย้ำว่า ทุกอย่างต้องทำตามกฎหมาย เพราะมันไม่มีความหมาย นายกฯ ย่อมรู้อยู่แก่ใจ ตัวเอง

ไม่นับ “วงจรอุบาทว์” ที่เอากองทัพเข้ายุ่งการเมืองเต็มร้อย มีการเข้าไปขู่จน นายเนวิน ชิดชอบ พลิกขั้วจนจัดตั้งรัฐบาลชุดนี้สำเร็จ เพื่อให้เป็นไปตามแผนบันได 4 ขั้นของ คมช.

ยังไงก็ต้องอุ้มกันจนถึงที่สุด นี่คือความจริงอีกด้าน ที่เอามือปิดฟ้าไม่มิด

เพราะอย่างนี้ รัฐบาลสมัคร-สมชาย ที่โดนกลุ่มเสื้อเหลืองยึดทำเนียบฯ และที่สุด ยึดสนามบินดอนเมือง และสุวรรณภูมิ

สงกรานต์เลือดจบไปแล้ว รัฐบาลเก่งที่ยึดจอแก้วพูดข้างเดียว จนเกิดมวลชนออกมาช่วยกำจัดเสื้อแดงอีกแรง เสื้อแดงพลาดมากที่คุมคนไม่อยู่ จนใช้ความรุนแรง เดินสู่ทางอับจน ??

แต่คนตายที่นางเลิ้ง การยิงปืนใส่มัสยิดซอยเพชรบุรี 7 การจับคนเตรียมเผาแบงก์กรุงเทพและซีพีได้ ใครคือคนทำแน่ ?? เสื้อไหน เสื้อแดง หรือเสื้อน้ำเงิน ใครจะทำความจริงให้ปรากฏ ?

หากเสื้อแดงผิด ต้องลงโทษ.

ดาวประกายพรึก

จตุพรเผยเหตุจักรภพไม่เข้ามอบตัว

ที่มา เดลินิวส์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(18 เม.ย.) นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) และส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึงกรณี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ระบุสภาไม่ควรรับรองการให้เอกสิทธิ์ ส.ส. กับนายจตุพร ว่า ตนไม่เคยเรียกร้องให้ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ยกมือรับรองเอกสิทธิ์ให้ รวมทั้งไม่เคยเรียกร้องที่จะใช้เอกสิทธิ์ แต่ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 137 กำหนดว่า หากอยู่ในช่วงเปิดสมัยประชุมสภา การจะดำเนินคดีกับส.ส.จะต้องทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขออนุญาตที่ประชุมว่าจะอนุญาตให้ใช้เอกสิทธิ์หรือไม่

นอกจากนี้ นายจตุพร ยังเปิดเผยถึงกรณีที่นายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำนปช.อีกคนที่ถูกออกหมายจับ และยังไม่ติดต่อมอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่า ตนได้พูดคุยกับนายจักรภพ ส่วนเหตุผลที่ไม่มอบตัวเพราะนายจักรภพมีภารกิจต้องชี้แจงข้อเท็จจริงกับสื่อต่างชาติ และอีกเหตุผลหนึ่งคือสถานการณ์ขณะนี้มีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฉบับเดียวกันกับที่เคยประกาศใช้ขณะกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยกำลังชุมนุม.

พท.แฉเสื้อแดงหาย6ตาย1จี้รัฐยกเลิกพรก.ฉุกเฉิน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(18 เม.ย.) นายพร้อมพงษ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย(พท.) เปิดเผยว่า พรรคพท.เตรียมยื่นหลักฐานและเอกสารที่ได้ประชาชนร้องเรียนผ่านศูนย์รับร้องทุกข์และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุสลายการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม เช่น กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) ภายหลังรัฐบาลประกาศยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินทันที

ทั้งนี้ พรรคพท.เรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินโดยเร็ว เพื่อให้ระบบกลไกและกระบวนการยุติธรรมกลับคืนสู่สังคม เพราะประชาชนรู้สึกหวาดกลัวหากจะยื่นข้อเรียกร้องไปยังหน่วยงานยุติธรรมต่าง ๆ หากบ้านเมืองยังอยู่ในพ.ร.ก.ฉุกเฉิน

สำหรับจำนวนผู้ร้องเรียนมายังพรรคพท.มี 45 ราย ได้รับบาดเจ็บจากเหตุสลายการชุมนุม 18 ราย สูญหาย 6 ราย และเสียชีวิต 1 ราย ซึ่งญาติยืนยันว่า ผู้ตายเดินทางมาร่วมชุมนุมจริง.

จตุพรชี้เสื้อแเดงไม่จับมือเสื้อเหลืองแต่เกลียดก็ไม่ฆ่า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(18 เม.ย.) นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) และส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ต้องขอแสดงความเสียใจไปยังครอบครัวของ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ถูกลอบยิง แต่ถึงแม้กลุ่มเสื้อแดงจะมีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกับกลุ่มเสื้อเหลือง ก็ไม่เคยคิดที่จะมุ่งร้ายเอาชีวิต

นายจตุพร กล่าวอีกว่า นายสนธิ ควรจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป เพื่อดูการกระทำของรัฐบาลที่มี 2 มาตรฐาน โดยคนเสื้อแดงกับคนเสื้อเหลืองคงไม่อาจรวมตัวกันได้ เนื่องจากมีความเชื่อที่แตกต่างกัน และคนเสื้อแดงจะไม่มีวันตาย แต่หากรัฐบาลยังกดขี่จนไม่อาจรับได้ สงครามครั้งสุดท้ายก็อาจจะเกิดขึ้น.

นัดถกเอกสิทธิ์จตุพร หมายจับพ่อ'วิสาระดี'

ที่มา ไทยรัฐ

วันนี้ (18 เม..) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการใช้เอกสิทธิ์คุ้มครอง นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส..สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงที่ถูกออกหมายจับคดีก่อความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ว่า ในวันจันทร์ที่ 20 เม..นี้ เวลา 14.00 . พรรคจะประชุม ส.. เพื่อพูดคุยถึงเรื่องนี้ แต่ส่วนตัวเห็นว่า นายจตุพร น่าจะมีจิตสำนึก แสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะการขึ้นเวทีเสื้อแดง ไม่ได้เป็นการทำหน้าที่ ส.. และเป็นการปลุกปั่นมวลชน ดังนั้น ไม่ควรมาขอเอกสิทธิ์คุ้มครองจากสภาผู้แทนราษฎร

วันเดียวกัน พล...ทรงธรรม อัลภาชน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า ขณะนี้ศาลจังหวัดเชียงราย ได้อนุมัติหมายจับแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมใน จ.เชียงราย ที่ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล ด้วยการปิดถนนพหลโยธิน บริเวณสี่แยกแม่กรณ์ และชุมนุมหน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ระหว่างวันที่ 12 -14 เม..ที่ผ่านมาแล้ว อีก 7 คน ประกอบด้วย นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ สมาชิกบ้านเลขที่ 111 อดีต ส..เชียงราย อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และเป็นบิดาของน..วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ ส..เชียงราย พรรคเพื่อไทย นายบุญเลิศ บุญศรี นายฉลอง มหาวุฒิ อดีต ส..เขต อ.แม่สรวย นายวิทยา ตันติภูวนาท เจ้าของฟาร์มนกกระจอกเทศชื่อดังของเชียงราย ซึ่งเป็นแกนนำกลุ่ม นปช.52 นายทรงธรรม คิดอ่าน น..เกตุมณี ชื่นชม และ น..จีรนันท์ จันทวงศ์ แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย

ผบก..จว.เชียงราย กล่าวต่อว่า หลังศาล อนุมัติหมายจับแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานไปยังผู้ที่ถูกออกหมายจับทุกคนเพื่อให้เดินทางมา มอบตัว แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครติดต่อเพื่อขอเข้ามอบตัวแต่อย่างใด ซึ่งจนถึงขณะนี้มีแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม จ.เชียงราย ถูกออกหมายจับแล้วรวม 10 คน โดยมีเพียง 1 คน คือ นายธนิต บุญญนสินีเกษม ที่เข้ามอบตัวแล้วเมื่อวานนี้ ขณะที่นายอรรถกร กันทไชย และ น..พุทธชาติ โกฏิแก้ว แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมที่ถูกออกหมายจับเมื่อวานนี้ ยังหลบหนี

สำหรับผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับทั้ง 10 คน มีความผิดในข้อหา ร่วมกันกระทำ ให้ปรากฎแก่ประชาชนด้วยวาจา โดยวิธีปิดกั้นถนนจราจร อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นติชมโดยสุจริต เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน และข้อหามั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง และข้อหาจอดรถในลักษณะกีดขวางการจราจร

ส่วนที่ จ.เชียงใหม่ พ... ภาณุเดช บุญเรือง รอง ผบก..จว.เชียงใหม่ กล่าวว่า ศาลจังหวัดเชียงใหม่อนุมัติหมายจับ นายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 และ นางกัญญาภัค มณีจักร หรือดีเจอ้อม และ นายภูมิใจ ไชยยา 3 แกนนำของกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ตามประมวลกฎหมายอาญาเกี่ยวกับความมั่นคง ในมาตรา 116 ผู้ใดกระทำให้ปรรกฎแก่ประชาชนด้วยวาจาหนังสือหรือวิธีอื่นใดอันไม่ใช่การกระ ทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญหรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชม โดยสุจริต(มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี)และมาตรา 215 ผู้ใดมั่งสุ่มกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายขู่เข็ญว่าจะใช้กำลัง ประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง(มีโทษจำ คุกไม่เกิน 5 ปี)

...ภาณุเดชเผยว่า ญาติของทั้ง 3 คนได้ติดต่อจะพาเข้ามามอบตัวกับทางพนักงานสอบสวน สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ ตั้งแต่วานนี้ จนถึงเที่ยงวันนี้ ยังไม่มีวี่แววของคนทั้ง 3 เข้ามามอบตัวแต่อย่างใด นอกจากแกนนำทั้ง 3 จะมีหมายจับของ สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ แล้ว ยังมีหมายจับของ สภ.แม่ปิง อ.เมือง เชียงใหม่ กรณีปิดทางต่างระดับ 4 แยกดอนจั่น และปิดถนนหน้าโรงเรียนช่อฟ้าซินเซิง สภ.สารภี เมื่อวันที่ 11 เม..ด้วย

คลื่นตรงกันแก้ รธน.

ที่มา ไทยรัฐ

แล้วประเทศไทยก็มีวันนี้จริงๆ

วันที่คนร้ายไม่ทราบจำนวน ขับรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์ทอง ไม่ทราบเลขทะเบียน ใช้อาวุธสงครามยิงถล่มรถของนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำม็อบพันธมิตรฯ บริเวณแยกบางขุนพรหม หน้าวัดเอี่ยมวรนุช

ถล่มยิงหูดับตับไหม้เกือบ 100 นัด โดยคมกระสุนถูกรถพรุนไปทั้งคัน สะเก็ดกระสุนปืนถูกนายสนธิ บริเวณหัวคิ้วและหัวไหล่ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ล่าสุดอาการปลอดภัย

แต่มันคือสัญญาณอันตรายที่เตือนให้ ผู้อยู่ในเกมอำนาจขนหัวลุก

การเมืองจ้องเล่นกันถึงตายแล้ว

และก็เป็นอะไรที่ถึงคิวโดน ของจริงเข้าให้จะจะ ถึงได้รู้ว่า เสี่ยงตายฟรีนั่นก็เพราะโดยสถานภาพ ไก่ชนอย่างนายสนธิ ที่ลุยปะฉะดะรอบทิศ ไม่เว้นอำมาตย์ นักการเมือง ทหาร ตำรวจ นักเลง อันธพาล ฯลฯ

โฟกัสโจทก์ตัวจริงไม่เจอ

นี่แหละ เหยื่อที่จะก่อชนวนป่วนสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี

ที่แน่ๆ โดยเหตุลอบสังหารแกนนำใหญ่ม็อบพันธมิตรฯ อย่างอุกอาจกลางกรุง ก็ถือว่าเข้าทางนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่แถลงยืนยันมติ ครม.ยังไม่ประกาศยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยให้กลับคืนมาอย่างแท้จริง

แต่มันก็แค่ ยักษ์ถือกระบองขู่ได้เฉพาะหน้า

ในอารมณ์ที่ความขัดแย้งทางการเมืองดีกรีระอุถึงขั้นล่าสังหารนายสนธิ หมากตัวสำคัญในเกมกระดานอำนาจ

ท่ามกลางความแค้นของฝ่ายต่อต้านที่ถูกรัฐบาลประชาธิปัตย์สั่งทหารลุยกดดันด้วยรถถังและปืนกล กดหัวปราบจนต้องประกาศมุดลงใต้ดินสู้

ขณะเดียวกัน โดยอาการขบเหลี่ยมกันเองภายในหมู่ผู้ถืออำนาจ ก็แตกออกเป็นหลายสาย บิ๊กทหาร บิ๊กตำรวจ ต่างมีนายสายตรง

ดึงเกม กั๊กอำนาจ ต่อรองผลประโยชน์

อำมาตย์ กองทัพ ประชาธิปัตย์ ม็อบพันธมิตรฯ ลับ ลวง พราง ล่อกันให้ มั่วในหมู่ทีมที่ช่วยกันโค่น ทักษิณร่วมกันมา

สนธิห้อยพระดี รอดไปได้

แต่ไม่ได้หมายความว่า เหยื่อรายต่อไปจะโชคช่วยอย่างนี้

ที่แน่ๆโดยอาการ ยั่วตบะม็อบพันธมิตรฯ จี้ให้นายกฯอภิสิทธิ์เปลี่ยนตัวผู้นำหน่วยงานด้านความมั่นคง โละบิ๊กทหาร ตำรวจ ที่ใส่เกียร์ว่าง สังเวยเหตุลอบสังหาร สนธิ

เร้าปฏิกิริยา เพิ่มแรงกดดัน

เอาเป็นว่า สถานการณ์ไหลมาถึงจุดที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ของนายกฯอภิสิทธิ์ ยากจะประคองสถานการณ์ที่บีบหน้าเขียวหน้าดำ

จำเป็นต้องเจาะช่องหายใจ

เบื้องต้นเลย ในอารมณ์ทุกฝ่ายที่จูนมาตรงกัน

นายสิริวัฒน์ ไกรสินธุ์ ส.ว.นครศรีธรรมราช วิปวุฒิสภา เสนอให้ทุกฝ่ายควรจับมือกันหาทางออกจากวิกฤติการเมือง ระยะสั้นคือการเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ ระยะยาวคือ การปฏิรูปโครงสร้างสังคม แนวทางเดียวกันกับนายเสน่ห์ จามริก ประธานคณะกรรมการสิทธิ-มนุษยชนแห่งชาติ ออกแถลงการณ์กระตุ้นภาคสังคมให้เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ให้เป็นเครื่องมือผูกขาดอำนาจ

คนกลางช่วยปูทางให้

นั่นยังไม่มีผลเท่ากับสัญญาณที่สะท้อนจากพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ออกมาตีธงหนุนแก้รัฐธรรมนูญ ปลดล็อกสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ที่ไม่มีความผิด ในมุมเดียวกับนายชุมพล ศิลปอาชา รมว.การท่องเที่ยวฯ หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ออกมาเร่งเกมแก้รัฐธรรมนูญ เคลียร์พันธนาการพวกโดนลูกหลง

แยกสมาชิกบ้านเลขที่ 111 บวก 109 ออกจากเงื่อนไข ทักษิณ

เกมเปิดรื้อรัฐธรรมนูญ ยื้อเวลาหายใจ

แต่โดยลูกเขี้ยวของประชาธิปัตย์ก็ยังไม่วาย สอดไส้ เงื่อนเวลาในกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญ 6 เดือน บวกกับขั้นตอนทำประชามติอีก 2 เดือน บวกแล้วก็ 8 เดือน

ขอต่อชั่วโมง ลากยาวไว้ก่อน.

ทีมข่าวการเมือง รายงาน

บัวแก้วรับนิการากัวให้พาสปอร์ตจริง

ที่มา ไทยรัฐ

เมื่อเวลา 18.45 น. วันที่ 17 เม.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงต่างประเทศ กล่าวถึงความชัดเจนกรณีที่ประเทศนิการากัวมอบหนังสือเดินทางการทูตแก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯว่า หลังจากที่กระทรวงต่างประเทศใช้เวลาตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน ได้มีการยืนยันจากหน่วยงานที่ขึ้นตรงต่อสำนักประธานาธิบดีนิการากัวว่า มีการให้หนังสือ เดินทางทูตแก่ พ.ต.ท.ทักษิณจริง ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2552 โดยมีฐานะเป็นทูตกิจกรรมพิเศษที่รัฐบาลมอบอำนาจให้ไปช่วยดึงดูดการลงทุนไปที่นิการากัว ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่า พ.ต.ท.ทักษิณสามารถเดินทางไปประเทศต่างๆได้ใช่หรือไม่ นายธฤตตอบว่า ขึ้นอยู่กับประเทศนั้นๆ แต่โดยทฤษฎีก็สามารถเดินทางไปได้ ส่วนที่ก่อนหน้านี้สถานเอกอัครราชทูตนิการากัวประจำประเทศเม็กซิโกยืนยันว่า ไม่เคยให้หนังสือเดินทางทูตแก่ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น ไม่อยากไปวิเคราะห์ระบบของนิการากัว ทั้งนี้ นายกฯทราบเรื่องนี้แล้ว

ให้หยุดความช่วยเหลืออดีตนายกฯ

เมื่อถามว่า การมอบหนังสือเดินทางทูตให้จะมีผลต่อการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาดำเนินคดีที่เมืองไทยหรือไม่ นายธฤตตอบว่า การนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาดำเนินคดีที่เมืองไทยนั้น รัฐบาลได้แจ้งไปยังประเทศต่างๆถึงคดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณมีอยู่ รวมถึงคดีที่ถูกออกหมายจับล่าสุดด้วย ซึ่งสถานทูตไทยที่เม็กซิโกได้ไปพบทูตนิการากัวที่เม็กซิโก เมื่อวันที่ 17 เม.ย. เพื่อแจ้งให้ทราบถึงคดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณมีอยู่ว่า ในหลักปฏิบัติไม่ควรให้ใช้ประเทศใดเป็นฐานโจมตี หรือสร้างปัญหาความมั่นคงให้ประเทศอื่น จึงขอให้รัฐบาลนิการากัวพิจารณาด้วย แม้จะไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน ก็ขอให้ใช้ หลักถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน ขอให้นิการากัวเข้าใจและให้ ความร่วมมือกับประเทศไทย เมื่อถามว่า สิ่งที่เกิดขึ้นจะมีผลต่อความสัมพันธ์ของไทยกับนิการากัวหรือไม่ นายธฤตตอบว่า ต้องดูต่อไปว่าแนวปฏิบัติของนิการากัวเป็นอย่างไร ทั้งนี้ ขอให้คำนึงถึงหลักความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย ท่าทีของไทยอยากให้รัฐบาลนิการากัวให้ ความร่วมมือ รัฐบาลจะให้เวลานิการากัวพิจารณานานเท่าใด ขึ้นอยู่กับนโยบายรัฐบาล ทั้งนี้ ไม่แน่ใจว่านิการากัวทราบเรื่องการถูกดำเนินคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ เพราะเป็นประเทศที่อยู่ห่างไกลไทยเกือบค่อนโลก จึงอาจไม่ทราบข่าวสารเท่าที่ควร

อภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์สื่อยักษ์ใหญ่

นายธฤตกล่าวถึงกรณีที่สำนักข่าวบีบีซี ซีเอ็นเอ็น และอัลจาซีราห์ เข้าพบเพื่อสัมภาษณ์นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล ว่า สำนักข่าวต่างประเทศได้สอบถามเรื่องการยกเลิก พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งนายกฯบอกว่าขอเวลาเล็กน้อย ให้สถานการณ์นิ่งก่อน เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายมีความชัดเจนมากขึ้น ก็จะยกเลิกให้เร็วที่สุด ส่วนเหตุการณ์ก่อความวุ่นวายของผู้ชุมนุมในการประชุมอาเซียนที่พัทยานั้น นายกฯชี้แจงว่า เนื่องจากเป้าหมายของรัฐบาล คือการให้ ผู้นำประเทศต่างๆ เดินทางกลับประเทศด้วยความเรียบร้อย หากไปจัดการกับผู้ชุมนุมก็ไม่แน่ใจว่าจะบรรลุเป้าหมายดังกล่าวหรือไม่ ส่วนการถูกลอบปองร้ายก็ต้องเก็บความรู้สึกไว้ เพราะมีหลายเรื่องต้องทำให้ประเทศ

ไม่ใช้สองมาตรฐานปราบเสื้อแดง

นายธฤตกล่าวว่า กรณีที่ถูกกล่าวหาว่าใช้สองมาตรฐาน ในการดำเนินคดีกับกลุ่มเสื้อแดงและกลุ่มพันธ-มิตรฯนั้น นายกฯยืนยันว่ากรณีกลุ่มเสื้อแดงก็มีการให้ ประกันตัวไปแล้ว ส่วนการดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรฯก็ได้เร่งรัดให้เจ้าหน้าที่ไปดำเนินการ ให้มีความคืบหน้าทางคดีอย่างเร็วที่สุด จะไม่ยอมให้เกิดสองมาตรฐาน นอกจากนี้ นายกฯยังตอบคำถามเรื่องข้อเสนอการให้เลือกตั้งใหม่ว่า การเลือกตั้งที่ผ่านมามีปัญหาเรื่องรัฐธรรมนูญ หากให้มีการเลือกตั้งใหม่ โดยไม่ยอมมานั่งคุยกันเรื่องธรรมนูญ และมีกติกาไม่ลงตัว ทุกฝ่ายไม่ยอมรับ ผลก็จะไม่บังเกิด จึงควรมาหารือกันเรื่องกติกาให้ลงตัวก่อน ทั้งนี้ สิ่งที่นายกฯย้ำเสมอคือไม่ต้องการปราบปรามผู้ ชุมนุม แต่ต้องการให้บ้านเมืองสงบ ไม่เห็นผู้ชุมนุมเป็นฝ่ายตรงข้าม แต่เมื่อผู้ชุมนุมก่อเหตุความไม่สงบในบ้าน เมืองจึงมีความจำเป็นต้องแก้ปัญหา โดยให้เจ้าหน้าที่ไม่ ใช้กำลัง ยกเว้นกรณีจำเป็นจริงๆ

ทักษิณแบะท่าพร้อมเจรจาหาข้อยุติ

วันเดียวกัน เว็บไซต์ของนิตยสารไฟแนนเชียลไทม์ส ภูมิภาคเอเชีย ได้เผยแพร่บทสัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โดยระบุว่าทักษิณเปิดโอกาสให้ ผู้สื่อข่าวของไฟแนนเชียล ไทม์ส ซักถามนอกรอบหลังการแถลงข่าวที่นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) เมื่อวันที่ 16 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยทักษิณได้กล่าวถึงคำพูดในการโฟนอินครั้งหนึ่ง ที่ระบุว่าหากได้กลับไปเมืองไทย พี่น้องเสื้อแดงจะได้ไม่ต้องต่อแถวรอรับเงิน 500 บาท โดย พ.ต.ท.ทักษิณอ้างว่าเงิน 500 บาทที่พูดถึง ไม่ใช่เงินที่จ่ายให้กับผู้ชุมนุม แต่หมายถึงเงินที่รัฐบาลจ่ายให้ผู้สูงอายุ และตนจะมีอายุครบ 60 ปีในวันที่ 26 ก.ค. และจะอยู่ในข่ายผู้มีสิทธิ์รับเงิน 500 บาท อาจทำให้ผู้ชุมนุมเข้าใจผิดไปว่าจะเป็นผู้จ่ายเงิน 500 บาทให้ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าการสนับสนุนให้ผู้ชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงต่อต้านรัฐบาล ในช่วงที่กำลังเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ เป็นการสร้างความแตกแยก และทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงหรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณตอบว่า ไม่มีใครอยากให้แตกแยก แต่ถ้าไม่มีความยุติธรรมย่อมไม่มีความสงบ เมื่อไม่มีความสงบก็ไม่มีเสถียรภาพ ดังนั้น จะต้องทำให้ความยุติธรรมเกิดขึ้นเป็นอันดับแรก แต่เห็นได้ชัดว่า รัฐบาลปฏิบัติต่อผู้ชุมนุมเสื้อเหลืองกับเสื้อแดงแตกต่างกัน เหมือนสวรรค์กับนรก แต่พร้อมที่จะเจรจาหาข้อยุติ และไม่สนับสนุนวิธีการรุนแรงใดๆ

เล็งประชุมอาเซียนรอบใหม่ปลาย พ.ค.

เมื่อเวลา 17.00 น. วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียน ได้เดินทางเข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อรายงานให้ทราบถึงการเป็นเจ้าภาพของประเทศไทย ในการจัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนบวก 3 และบวก 6 ภายหลังการเข้าพบนายสุรินทร์กล่าวว่า มารายงานให้นายอภิสิทธิ์ทราบถึงความพร้อม การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมอาเซียนของประเทศไทย ภายหลังเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบภายในประเทศช่วงที่ผ่านมา ซึ่งทั้ง 15 ประเทศยืนยันสนับสนุนให้ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมอาเซียนอีกครั้งโดยเร็วที่สุด ไม่มีใครคิดแย่งเป็นเจ้าภาพ พร้อมยืนยันว่าเข้าใจถึงสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองของประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา ส่วนตัวมองว่าช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการจัดประชุมอีกครั้ง คือปลายเดือน พ.ค. ถึงต้นเดือน มิ.ย. นี้ แต่ขึ้นอยู่กับความพร้อมของแต่ละประเทศว่าจะเห็นด้วยหรือไม่ เพราะแต่ละประเทศมีเวลาว่างไม่ตรงกัน ส่วนสถานที่จัดการประชุมอาเซียนนั้น ยังไม่มีการหารือ ต้องรอการพิจารณาอีกครั้ง

คนเสื้อแดงมาทำไม

ที่มา ประชาไท

ทีมข่าวการเมือง สัมภาษณ์ผู้ชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปช.) หรือคนเสื้อแดง ระหว่างการชุมนุมเมื่อวันที่ 8 เมษายน ที่ผ่านมา โดยถามพวกเขาว่า ออกมาชุมนุมทำไม?” ต่อไปนี้คือคำตอบของพวกเขา

‘ฮิวแมนไรท์วอทช์’ เรียกร้องตั้ง กก.สอบ การใช้ความรุนแรงที่เกิดขึ้น โดยไม่เลือกฝ่าย

ที่มา ประชาไท

เมื่อวันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมา ฮิวแมนไรท์วอทช์ องค์กรสิทธิมนุษยชนระดับสากลแสดงท่าทีและข้อเรียกร้องต่อกรณีการชุมนุมและการใช้กำลังทหารและอาวุธของรัฐบาลไทยในการสลายการชุมนุม โดยได้ออกเอกสารการแถลงข่าว เผยแพร่ในสื่อต่างๆ ทั่วโลก เช่น ในเว็บไซต์ของสำนักงานข้าหลวงใหญ่แห่งสหประชาชาติ หนังสือพิมพ์เดอะเทเลกราฟของอังกฤษ

ฮิวแมนไรท์วอทช์ เรียกร้องให้รัฐบาลไทยตั้งคณะกรรมการอิสระสืบสวนหาข้อเท็จจริงต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในช่วงของการประท้วงที่ผ่านมา โดยให้มีดำเนินการโดยทันทีทันใด อย่างมีประสิทธิภาพ และมีความเป็นกลาง เพื่อให้เกิดความรับผิดชอบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยคณะกรรมการนี้ควรตรวจสอบการกระทำความรุนแรงต่อผู้อื่นที่เกิดขึ้นในลักษณะต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประท้วงที่รุนแรงก่อนหน้านี้ด้วย รวมทั้งในกรณีของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

ในขณะนี้การประท้วงจบลงไปแล้ว มันเป็นเวลาที่รัฐบาลและผู้นำการประท้วงต้องสัญญาร่วมกัน เพื่อให้การกระทำความรุนแรงต่อบุคคลในลักษณะต่างๆ จบสิ้นลง และต้องทำให้มั่นใจได้ว่าผู้กระทำความรุนแรงที่เกิดขึ้นได้ถูกสืบสวนสอบสวนและดำเนินการเอาผิดอย่างเหมาะสม และการบาดเจ็บ ล้มตาย การสูญหายต่างๆ ในช่วงการประท้วงไม่สามารถที่จะถูกลืม หรือถูกละเลยได้อย่างง่ายดาย นายแบรด อดัมส์ ผู้อำนวยการองค์กรฮิวแมนไรท์ วอทช์ ประจำภูมิภาคเอเซีย กล่าวในเอกสารการแถลงข่าว

ฮิวแมนไรท์วอทช์ ระบุว่า จากการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง พบว่า การต่อสู้กันบนที่เริ่มขึ้นในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 13 เมษายน ในเวลาประมาณ 4:30 น. เมื่อผู้ชุมนุมที่ปิดถนนบริเวณแยกดินแดงด้วยรถประจำทางและรถแท็กซี่ได้ตอบโต้กับทหารที่เดินหน้าเข้าหาผู้ชุมนุม โดยใช้อาวุธปืน ระเบิดขวด ระเบิดเพลิง และก้อนหิน โดยที่ทหารใช้แก๊สน้ำตา และกระสุนปืน เพื่อสลายผู้ประท้วงและเพื่อเปิดการปิดกั้นถนน แต่จากภาพข่าวและพยานในเหตุการณ์แสดงให้เห็นว่า ในขณะที่มีการยิงปืนส่วนใหญ่ยิงขึ้นฟ้า แต่ทหารบางคนยิงปืนตรงไปที่ผู้ประท้วง

นอกจากนี้ ฮิวแมนไรท์วอทช์ ยังเรียกร้องให้มีการสืบสวนสอบสวนว่าใครเป็นผู้สั่งการให้ใช้กระสุนปืนกับผู้ชุมนุม และการใช้กระสุนปืนนั้รอยู่ภายใต้ภาวะแวดล้อมใด โดยให้เหตุผลว่า เพื่อเป็นการปกป้องรักษาความปลอดภัยของสาธารณะ รัฐบาลและหน่วยงานของรัฐหน่วยงานต่างๆ มีความภาระผูกพันธ์ที่จะต้องใช้วิธีการที่ถูกกฎหมาย รวมถึงการใช้กำลังที่มีสัดส่วนที่เหมาะสมกับระดับของการถูกคุกคาม หรือโดยวัตถุประสงค์ที่มีความชอบธรรม

ทั้งนี้ ฮิวแมนไรท์วอทช์ได้อ้างอิงจากหลักการพื้นฐานขององค์การสหประชาชาติในการใช้กำลังและอาวุธโดยการบังคับใช้กฎหมายระบุว่า เจ้าหน้าที่รัฐ, เท่าที่เป็นไปได้มากที่สุด, ต้องใช้วิธีการที่ไม่มีความรุนแรง ก่อนที่จะใช้กำลังและอาวุธอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่เมื่อใดก็ตาม ที่การใช้กำลังและอาวุธที่ถูกต้องตามกฎหมายไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เจ้าหน้าที่ของรัฐจำเป็นต้องใช้กำลังและอาวุธที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ต้องใช้ความอดกลั้นและมีการกระทำที่ได้สมควรแก่เหตุ หลักการพื้นฐานของสหประชาชาตินี้ยังได้เรียกร้องให้มีการกระบวนการจัดทำรายงานข้อเท็จจริงและการพิจารณารวบรวมข้อเท็จจริง โดยเฉพาะยิ่งในกรณีที่มีการเสียชีวิต และบาดเจ็บสาหัส

เจ้าหน้าที่รัฐผู้สั่งการในการใช้เพียงกำลังอย่างถูกต้องตามกฎหมายในระหว่างการประท้วงสมควรที่จะได้รับการชมเชย แต่ทหารและตำรวจที่ใช้กำลังเกินกว่าเหตุต้องไม่สามารถหนีรอดไปจากการสืบสวนสอบสวนและการดำเนินการเอาผิด และรัฐบาลไม่สามารถจะเอาผิดกับแกนนำการประท้วงเพียงอย่างเดียว เพราะรัฐบาลจะทำให้กฎหมายไทยไม่ศักดิ์สิทธิ์ นายอดัมส์ กล่าว

นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้ยกเลิกประกาศสถานการฉุกเฉินที่บังคับใช้เมื่อวันที่ 12 เมษายน เนื่องจากเป็นการจำกัดสิทธิขั้นพื้นฐานที่ในขอบเขตที่กว้างมากเกินไป ซึ่ง พ.ร.ก. นี้ยังบังคับใช้ในกรุงเทพและจังหวัดโดยรอบ โดยระบุว่า แม้ว่าการใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉินจะใช้ได้ไม่เกิน 30 วัน แต่ไม่มีการจำกัดว่า จะสามารถใช้ได้กี่ครั้ง และมันสามารถขยายการใช้ได้โดยมติคณะรัฐมนตรี

การใช้อำนาจภายใต้ พ.ร.ก. สถานการณ์ฉุกเฉินเป็นเอื้อให้เกิดการใช้อำนาจเกินขอบเขต มันได้สร้างความเสี่ยงของการจำกัดสิทธิและเสรีภาพที่ขาดความเหมาะสม ขาดความชัดเจน คลุมเครือ และเกินขอบเขต ซึ่งสิทธิเสรีภาพของประชาชนได้รับการคุ้มครองภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ

นอกจากนี้ ฮิวแมนไรท์วอทช์ยังเรียกร้องให้มีการสืบสวนการใช้ความรุนแรงในกรณีที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อปี 2551 ซึ่งชุมนุมต่อต้านรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นหุ่นเชิดของทักษิณ ชินวัตร ทุจริต ใช้อำนาจในทางที่ผิดและเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ ซึ่งระหว่างการประท้วง มีทั้งการปิดสนามบินนานาชาติ และทำเนียบรัฐบาล เกิดการปะทะกับกลุ่ม นปช. ในกรุงเทพฯ และจังหวัดอื่นๆ รวมทั้งเกิดเหตุการณ์ที่ผู้ชุมนุมหลายพันคนปิดทางเข้ารัฐสภา เพื่อไม่ให้นายสมชายเข้าแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งต่อมาตำรวจปราบจราจลและตำรวจตระเวนชายแดนได้ใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยางเพื่อเคลียร์พื้นที่ ซึ่งมีบางกรณีที่แก๊สน้ำตาถูกยิงในระยะประชิดไปยังผู้ชุมนุมโดยตรง

ทั้งนี้ ผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ได้ตอบโต้โดยการยิงปืน ยิงหนังสติ๊ก ขว้างก้อนอิฐและท่อนเหล็ก และพยายามโจมตีเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยขับรถชนและแทงด้วยเสาธง โดยรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขในขณะนั้น ระบุว่า มีผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ เสียชีวิต 2 รายและบาดเจ็บ 443 ราย ตำรวจบาดเจ็บ 20 นาย ซึ่งจนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีการสืบสวนที่เป็นอิสระและเป็นกลาง ต่อกรณีความรุนแรงที่มีแรงจูงใจทางการเมือง และการละเมิดสิทธิมนุษยชน ที่เกี่ยวข้องกับการประท้วงของพันธมิตรฯ

การที่ความรุนแรงในการประท้วงจบลงเป็นสิ่งที่น่ายินดี แต่ความรุนแรงทางการเมืองประเทศไทยสามารถเกิดขึ้นได้อีกทุกเวลา ตอนนี้จึงเป็นเวลาที่จะยุติวงจรของความรุนแรงลง โดยหนทางที่จะทำได้สำหรับรัฐบาลไทยคือการทำให้เกิดความรับผิดต่อผู้กระทำไม่ว่าจะเป็นผู้ที่อยู่ฝ่ายการเมืองข้างใด

..........................................

แปลและเรียบเรียงจาก http://www.unhcr.org/refworld/docid/49e6e8221e.html

http://www.hrw.org/en/news/2009/04/15/thailand-end-protests-time-accountability

ครม.อนุมัติเงินเยียวยาผู้ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ 8-14 เม.ย.

ที่มา ประชาไท

(17 เม.ย. 52) นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมครม.นัดพิเศษว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ความไม่สงบ ในระหว่างวันที่ 8-14 เม.ย. 2552 และเหตุการณ์ที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อเป็นการเยียวยาผลกระทบที่เกิดขึ้น ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ โดยให้ใช้งบกลางประจำปี 52 และเงินสำรองจ่ายจากกรณีฉุกเฉินและจำเป็น

ทั้งนี้ มีหลักเกณฑ์ในการเยียวยา เช่นเดียวกับเหตุการณ์เจ้าหน้าที่สลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2551 ที่หน้าอาคารรัฐสภาที่ผ่านมา โดยมีการกำหนดมาตรการช่วยเหลือเป็น 2 ช่วง คือ 1.การช่วยเหลือเร่งด่วน กรณีความเสียหาย บาดเจ็บเล็กน้อย หมายถึงผู้ที่เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล แต่ไม่นอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นผู้ป่วยใน ได้รับเงินช่วยเหลือ 20,000 บาท

กรณีบาดเจ็บคือการเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลและนอนพักรักษาตัวในฐานะผู้ป่วยในไม่เกิน 20 วัน ได้รับเงินช่วยเหลือ 60,000 บาท กรณีบาดเจ็บสาหัส คือ เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล และนอนพักรักษาตัวในฐานะผู้ป่วยในเกิน 20 วัน ได้รับเงินช่วยเหลือ 100,000 บาท


กรณีทุพพลภาพ คือไม่สามารถประกอบกิจการงานได้ตามปกติ ได้รับเงินช่วยเหลือ 200,000 บาท กรณีเสียชีวิต คือ ประชาชนเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ของรัฐที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ ได้รับเงินช่วยเหลือรายละ 400,000 บาท

2.การช่วยเหลือต่อเนื่อง กรณีทุพพลภาพและทายาทผู้เสียชีวิต ในกรณีเกิดความเสียหายทุพพลภาพ ต้องเข้ารับการฟื้นฟูจะได้รับเงินช่วยเหลือในการฟื้นฟูสมรรถภาพ 200,000 บาท กรณีทุพพลภาพ จะให้เงินช่วยเหลือผู้พิการ จ่ายเป็นรายเดือนจนถึงแก่ความตาย รายละ 1,000-3,000 บาทท ตามระดับความพิการ

กรณีบุตร ผู้ได้รับความเสียหายที่เสียชีวิต หรือทุพพลภาพ จะได้รับเงินยังชีพรายเดือนจนจบการศึกษาระดับปริญญาตรี และได้รับเงินช่วยเหลือ อนุบาลถึงชั้นประถมทศึกษา 1,000 บาทต่อเดือน เด็กเล็ก กศน.มัธยมศึกษา 1,500 บาทต่อเดือน อุดมศึกษา 2,500 บาทต่อเดือน

ทั้งนี้ มาตรการเยียวทั้งหมด รัฐบาลจะปฏิบัติกับผู้เสียหายโดยไม่เลือกสี หรือเลือกค่ายว่า เป็นบุคคลกลุ่มไหน ไม่ตีกรอบว่า จะต้องเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือประชาชน แต่ต้องเป็นบุคคลที่ได้รับผลกระทบจริง ๆ ซึ่งจะมีตั้งศูนย์และคณะกรรมการเยียวยาฯ ที่กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยสามารถติดต่อได้ที่เบอร์โทร. 0-2659-6420-4 ตลอด 24 ชม.

‘เพื่อไทย’ นำ ‘มุสลิมเสื้อแดง’ แถลง ปัดม็อบเผา ‘มัสยิดกิ่งเพชร’

ที่มา ประชาไท

เว็บไซต์มติชนออนไลน์ รายงานว่า เมื่อเวลา 14.00 น.นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย แถลงที่ที่ทำการพรรคเพื่อไทย อาคารบีบีดี บิ้วดิ้ง ภายหลังการพบปะตัวแทนมุสลิมประมาณ 20 คน จากชุมชนมัสยิดบ้านครัว ชุมชนมัสยิดกิ่งเพชร ชุมชนสวนหลวง ชุมชนมัสยิดมหานาคและชุมชนมัสยิดกิ่งเพชร ซึ่งมีกระแสว่าถูกกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงขว้างปาและจะเผามัสยิดกิ่งเพชร ซอยเพชรบุรี 7 ย่านถนนเพชรบุรี ระหว่างการชุมนุมปิดถนนเพชรบุรีของกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงว่า ตัวแทนมุสลิมได้เข้ามาพบ ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย เพราะไม่สบายใจที่มีข่าวว่าเป็นการกระทำของกลุ่มคนเสื้อแดงระหว่างการชุมนุมใหญ่ และเห็นความไม่ชอบไม่ถูกต้อง เพราะมีประเด็นที่จะถูกโยงไปเป็นเรื่องการเมือง

นายสุขสันต์ เกษตรการา ตัวแทนชุมชนมุสลิม กล่าวว่า ตนได้อยู่ร่วมกับระหว่างที่มีการชุมนุมเสื้อแดงบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง เวลา 04.00 น.ได้มีกองกำลังทหารเข้ามาประชิดแล้วใช้อาวุธคือแก๊สน้ำตาและยิงปืนขึ้นฟ้าไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมงถึงจะมีรถของหน่วยพยาบาลเข้ามา จากนั้นประชาชนได้ถอยร่นมายังถนนราชปรารภ ดินแดงและประตูน้ำ มาจนถึงถนนเพชรบุรี ซึ่งส่วนนั้นมีการปลุกระดมประชาชนที่ไม่ชอบคนเสื้อแดงให้ออกมาปะทะกับการถอยร่นของคนเสื้อแดง

จนกระทั่งเวลา 15.00 น.จากนั้นก็มีการประโคมข่าวว่าจะมีการเผามัสยิด ทั้งๆ ที่มีประชาชนคนเสื้อแดงที่เป็นมุสลิมได้ไปละมาดที่มัสยิดดังกล่าวบ่อยครั้งจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไปทำอย่างนั้น ข่าวที่ออกมาจึงไม่เป็นความจริง ซึ่งล่าสุดได้มีความพยายามอ้างองค์กรมุสลิม เพื่อทำหนังสือถึงเจ้าผู้ครองนครดูไบให้ร่วมมือกันในการดำเนินการกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ของนายสมัย เจริญช่าง ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์นั้น ขอให้ให้เกียรติ พ.ต.ท.ทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรีบ้าง เพราะในสมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกฯ ได้แต่งตั้งมุสลิมเป็น รมว.มหาดไทย และรมว.คมนาคม รวมทั้งตั้งคนมุสลิมเป็น ผบ.ทบ. คือ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) แม้จะมี ส.ส.พรรคไทยรักไทย เป็นมุสลิมอยู่เพียงคนเดียว ซึ่งในรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์นั้นไม่มีมุสลิมได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีแม้แต่คนเดียว โดยตนจะทำหนังสือชี้แจงถึงสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงไปยังเมืองดูไบเช่นกัน

.........................

ที่มา: เว็บไซต์มติชนออนไลน์

พันธมิตรฯ จี้รัฐบาล โละผบ.ตร.-ฝ่ายความมั่นคง

ที่มา ประชาไท

(17 เม.ย.52) ASTV ผู้จัดการรายวัน รายงานว่า จากเหตุการณ์ที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.)ได้ถูกลอบสังหาร โดยได้มีการใช้อาวุธสงครามจำนวนมาก กราดยิงรถที่นายสนธิในเวลา 05.30 น. นั้น แกนนำพันธมิตรฯได้เรียกประชุมด่วน ทั้งรุ่น 1 และรุ่น 2 โดยในเวลาประมาณ 14.40 น.ของวานนี้ (17 ) แกนนำพันธมิตรฯ ได้เปิดแถลงข่าวที่บ้านพระอาทิตย์ ต่อกลุ่มที่ไม่หวังดี ได้ลอบสังหารนายสนธิ แต่ได้พ้นขีดอันตรายแล้ว

โดยนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ 1 ใน 5 แกนนำ แถลงว่า ประเทศไทยได้เข้าสู่ภาวะมิกสัญญีแล้ว สถานการณ์ขณะนี้ การจัดตั้งกองกำลังได้ลดรูปลงมาจากการชุมนุมใหญ่มาเป็นกองโจร อาศัยการรบแบบจรยุทธ์ กำหนดเป้าหมายแต่ละครั้งเป็นจุดๆ แล้วล่าถอยไป ซึ่งเป็นการลงทุนน้อย แต่ได้ผลตามเป้าหมาย ไม่ต้องทำโฆษณาการผ่านสื่อทีวี และสื่ออื่นๆ แต่กลับสะท้อนให้เห็นว่าประเทศนี้ไม่มีความปลอดภัยอีกแล้ว แม้รัฐบาลใช้กฎหมายที่ให้อำนาจสูงสุดในการรักษาความปลอดภัย ก็ยังเกิดเหตุ แสดงว่า มีกลไกรัฐบางอย่างไม่ทำงาน

นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เป็นการประกาศภาวการณ์ใช้อำนาจรัฐเต็มที่ ในการระงับเหตุร้ายในบ้านเมือง แสดงว่า ก็ยังใช้ไม่ได้ เพราะกลไกรัฐบางส่วนโดยเฉพาะทหารและตำรวจไม่ทำงาน เป็นไปได้อย่างไร การประกาศภาวะฉุกเฉิน มีทหาร-ตำรวจประจำอยู่ทุกสี่แยก แต่ให้อาวุธสงครามผ่านเข้ามาได้อย่างหน้าตาเฉย และเป็นไปได้อย่างไรที่ทีวีวงจรปิดเสียหาย ไม่มีภาพปรากฏ แสดงว่า กลไกของรัฐสิ้นสภาพแล้ว เราจึงเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงภายในกลไกของรัฐ โดยสนับสนุนภาวะผู้นำของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปลี่ยนแปลงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ผู้อำนวยการศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) ผู้อำนวยการข่าวกรอง

"ศัตรูของชาติ ได้มุ่งทำลายนายอภิสิทธิ์ ด้วยการล้มประชุมสุดยอดอาเซียน จัดการเอาความรุนแรงไปยังตัวนายกฯ รองนายกฯ เลขาธิการนายกฯ เสร็จแล้วก็มาจัดการใส่ความรุนแรงกับแกนนำพันธมิตรฯต่อ ทำให้เห็นว่าความเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ที่เป็นพลังทางศีลธรรมนั้น กำลังประสบชะตากรรมเดียวกันกับรัฐบาล คือ ถูกแนวรบของความชั่วร้ายเข้ามาประทุษกรรมมุ่งหวังต่อชีวิต ซึ่งรัฐบาลจะต้องจัดการ ไม่เช่นนั้นจะเกิดการเสียสมดุลในการใช้อำนาจบริหารบ้านเมือง"นายสมเกียรติกล่าวและยืนยันว่า กำหนดการคอนเสิร์ตการเมือง ที่สวนสาธารณะสะพานหิน ภูเก็ต ในวันเสาร์ที่ 18 เม.ย.ยังกำหนดจัดเหมือนเดิม ส่วนที่ จ.ระยอง ในวันเสาร์ที่ 25 เม.ย.จะยังจัดเหมือนเดิม เพราะจิตใจเรายังเข้มแข็งเพียงพอ

เชื่อ "สนธิ" ถูกลอบสังหาร เพราะต่อต้านระบอบทักษิณ
ด้านนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ แถลงถึงผลการประชุมแกนนำพันธมิตรฯวานนี้ (17) ว่า ที่ประชุมได้มีความเห็นว่า


1.เราประณามคนที่ลงมือและคนที่เกี่ยวข้องอยู่เบื้องหลังว่า เป็นพฤติกรรมที่ป่าเถื่อนไร้มนุษยธรรม เราปักใจเชื่อว่าเหตุครั้งมาจากความเกี่ยวข้องทางการเมือง เพราะบทบาทนายสนธิ ได้มายืนแถวหน้าต่อต้านระบอบทักษิณ และความไม่ชอบธรรมใดๆ ของการเมืองเก่า

2.พันธมิตรฯยังไม่ปักใจเชื่อว่าใครอยู่เบื้องหลังตัวจริง แต่อยากให้โอกาสรัฐบาลหาตัวผู้กระทำผิด แต่เบื้องต้นเชื่อว่าคนร้ายน่าจะเกี่ยวข้องกับคนในอำนาจรัฐ น่าจะเป็นการปฏิบัติการของคนในเครื่องแบบ เพราะคนทั่วไปไม่น่าจะกล้าลงมือในช่วงที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งการกระทำครั้งนี้เป็นการท้าทายภาวะฉุกเฉินอย่างรุนแรง ตำรวจทหารมีเป็น 100 จุด แต่ปล่อยให้เกิดเหตุ ขณะที่กล้องวงจรปิด เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าใช้ไม่ได้ ซึ่งมักจะเป็นเช่นนี้ทุกครั้งเมื่อพันธมิตรฯ ถูกทำร้าย


3.ขอให้นายกรัฐมนตรีอย่าชะล่าใจ จนทำให้เกิดภาพว่านายกฯ อ่อนแอ ไม่สามารถป้องกันคุ้มกันประชาชนผู้บริสุทธิ์ รัฐบาลต้องหาตัวคนที่เกี่ยวข้องอยู่เบื้องหลัง และรายงานให้ประชาชนทราบเป็นระยะๆ รวมทั้งนายกฯ ต้องจัดระเบียบหน่วยงานรัฐ โดยเฉพาะตำรวจ ความล้มเหลวที่พัทยา การจลาจลในเมือง สะท้อนว่ากลไกรัฐล้มเหลวในการสนองตอบรัฐบาล

4.เหตุการณ์ครั้งนี้ เป็นภาพสะท้อนระบอบการเมืองเก่า ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราถูกกระทำ ตั้งแต่ช่วงการชุมนุม 193 วัน ที่ทำเนียบ ที่ดอนเมือง ที่เอเอสทีวี รวมทั้งพันธมิตรฯ ในต่างจังหวัด เราถูกกระทำ ทั้งทางตรง และทางอ้อม แต่คดีไม่คืบหน้า

5.ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ให้กำลังใจพวกเรา ขออย่าหวั่นไหว ไม่ว่าเราจะเผชิญหน้ากับอะไรอีก ขอให้อยู่ในที่ตั้ง และจะรายงานให้ทราบเป็นระยะๆ เป็นภาระของแกนนำที่เราจะติดตามรายงาน และนายกฯ ต้องรับประกันว่า จะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก นอกจากนี้ ถ้าใครมีภาพถ่าย หรือวีดีโอคลิปเหตุการณ์ให้ติดต่อมาที่เอเอสทีวี เพื่อดำเนินการกับคนที่เกี่ยวข้องต่อไป

พิภพจี้ "อภิสิทธิ์" ปรับปรุงกลไกอำนาจรัฐ

ด้าน นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวยอมรับว่า นายกฯอภิสิทธิ์ สังคมให้ความหวัง แต่ความเป็นผู้นำกลับไม่ถูกปกป้อง มีการรังแก จนถึงขั้นจะมีการทำลายนายกฯหรือไม่ แต่เมื่อนายกฯกลับมามีความเป็นผู้นำอีกครั้ง นายกฯจะต้องดูแลความสงบเรีบร้อบให้ได้ การที่สั่งการได้ไม่หมดและไม่ให้ความร่วมมือจากหลายส่วนนั้น นายกฯจะต้องจัดการกลไกอำนาจรัฐให้ได้ เป็นไปไม่ได้เลยที่นายสนธิ ถูกลอบสังหารแล้ว ทหารจะไม่รู้ เพราะขณะนี้มี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีทหารทุกสี่แยก

นายกฯอภิสิทธิ์ รู้ว่าอำนาจรัฐที่ซ้อนรัฐอยู่ ประกอบด้วย แก๊งมาเฟีย มีทั้งทหารและตำรวจ ทั้งผบ.ทบ.และ ผบ.ตร.ก็รู้ หากไม่สามารถหาตัวผู้กระทำผิดได้ แสดงว่าสองท่านไม่ให้ความร่วมมือ ต้องการเมืองเก่าและไม่สนับสนุนนายกฯอภิสิทธิ์ เป็นผู้นำ ต้องการนำประเทศและนายกฯไปสู่มิกสัญญี

หวังนายกฯใช้อำนาจดูแลปท.-ประชาชน

ด้านนายวีระ สมความคิด ขอให้นายกฯใช้อำนาจที่มีอยู่ ทำเรื่องนี้เหล่านี้ให้เกิดความเชื่อมั่นต่อคนในประเทศและต่างประเทศ ไม่เช่นนั้นจะกระทบเสถียรภาพของนายกฯเอง เรื่องนี้กระทบความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนต่างประเทศ เพราะข่าวดังกล่าวเหล่านี้ได้แพร่ไปทั่วโลกแล้ว นายกฯต้องกระชับอำนาจ เพราะหมายถึงศักดิ์ศรีของไทยด้วย ขณะเดียวกัน ภาคประชาชนก็ต้องระมัดระวัง ขอยืนยันว่า พวกเราจะพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ทำงานของเราต่อไปให้เกิดการเมืองใหม่เร็วที่สุด เพราะหากการเมืองยังเช่นนี้ความมั่นคงของประเทศคงไม่เกิดขึ้น

ขณะที่ นายสำราญ รอดเพชร แกนนำพันธมิตรฯรุ่น 2 กล่าวว่า เรื่องนี้ยิงนัดเดียวหวังนกหลายตัว ซึ่งคงต้องการปลิดชีวิตคุณสนธิ เพราะคุณสนธิก็มีทั้งคนชอบและไม่ชอบ รวมถึงฝ่ายความมั่นคงบางส่วนก็คงไม่ชอบ ตนขอยืนยันว่า 3-4 ปี ที่ผ่านมา คุณสนธิ สู้เพื่อบ้านเมือง อย่างเหตุการณ์ที่พัทยา คุณสนธิ ก็บอกให้พวกเราอย่าไปยุ่ง ผสมกับเกมอำนาจ ส่วนตัวตนเชื่อได้ว่า 1.เป็นเกมที่ต้องการล้มรัฐบาล 2.หวังฆ่า คุณสนธิ ก็จะทำให้เอเอสทีวี ที่มีทั้งคนชอบไม่ชอบ ต้องสิ้นชีพไปด้วย 3.พันธมิตรฯต้องอ่อนกำลังลง แต่ก็คิดผิด เพราะยังมีแกนนำอีกมาก ทั้งรุ่น 1 และ 2 ที่จะมาแทน 4.สั่นคลอนเสียรภาพ ล่าสุด กลุ่มที่ออกมาไล่รัฐบาล ก็ต้องการล้มรัฐบาล

ถึงเวลาที่นายกฯ ที่อดทนมาซักระยะหนึ่งแล้ว จะได้แสดงภาวะผู้นำที่เด็ดเดี่ยว อย่าปล่อยให้ถูกกระทำ เพราะแทนที่ประชาชนจะเชียร์ แต่เมื่อเห็นขาดภาวะผู้นำ ท่านก็จะไปไม่ได้ พ.ร.ก ฉุกเฉิน ทำเต็มกำลังก็ได้แค่นี้ ดังนั้นอะไรที่สมควรเปลี่ยนต้องก็เปลี่ยน คนให้กำลังใจแน่นอน โดยต้องยึดเอาความถูกต้องเป็นที่ตั้ง ผมเห็นว่าคดีคุณสนธิคดีนี้ ควรให้ดีเอสไอมาดูแล แต่นายกฯต้องเปลี่ยนตัว โยกย้ายอธิบดีดีเอสไอ เพื่อให้เกิดความรวดเร็วและสบายใจแกนนำพันธมิตรฯรุ่น 2 กล่าว

.......................................

ที่มา: เอเอสทีวีผู้จัดการรายวัน

2 สมาคมสื่อเร่ง ตร.จับกุมคนลอบสังหาร ‘สนธิ’ ยืนยันสื่อเสนอข่าว-ความเห็นต่างได้ ภายใต้จริยธรรมวิชาชีพ

ที่มา ประชาไท

(17 เม.ย.52) สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยและสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ออกแถลงการณ์ประณามการกระทำของกลุ่มคนร้ายที่ลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อในเครือเอเอสทีวีผู้จัดการ ขณะกำลังเดินทางมาจัดรายการที่สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี พร้อมทั้งเรียกร้องให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องให้เร่งติดตามจับกุมคนร้ายมาลงโทษตามกฎหมายโดยเร็ว เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างในการข่มขู่คุกคามสิทธิเสรีภาพของผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนต่อไป รวมทั้งต้องแถลงผลความคืบหน้าของคดีต่อสาธารณชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยแก่ชีวิตและร่างกายของประชาชน สื่อมวลชน และประชาชนคนไทยโดยส่วนรวมรวมทั้งการแสดงให้เห็นถึงการทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพของสำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกด้วย

สมาคมวิชาชีพสื่อมวลชน ขอยืนยันว่า การทำหน้าที่ของสื่อมวลชนในสถานการณ์ปัจจุบันย่อมสามารถนำเสนอข่าวและแสดงความคิดเห็นได้อย่างเสรีและแตกต่างกันได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้กรอบจริยธรรมของวิชาชีพสื่อมวลชน อย่างไรก็ตาม การดำเนินการใดๆ กับสื่อมวลชนที่แสดงความคิดเห็นที่แตกต่างจะต้องเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย และต้องไม่ใช่วิธีการที่โหดเหี้ยมและป่าเถื่อนเช่นที่เกิดขึ้นกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล เพื่อให้การทำหน้าที่ของสื่อมวลชนเป็นไปอย่างมีเสรีภาพและปราศจากความหวาดกลัว

000000

แถลงการณ์ร่วมเรื่อง ให้ตำรวจเร่งติดตามจับกุมคนร้ายที่ลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล

จากกรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อในเครือเอเอสทีวีผู้จัดการถูกคนร้ายลอบยิงด้วยอาวุธสงครามบริเวณแยกบางขุนพรหม หน้าวัดเอี่ยมวรนุช เกือบ 100 นัดเมื่อช่วงเช้าวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา ขณะกำลังเดินทางมาจัดรายการที่สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวีตามรายละเอียดที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าวแล้วนั้น

สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยและสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย เห็นว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการกระทำที่อุกอาจ โหดเหี้ยมและป่าเถื่อน เนื่องจากอาวุธที่คนร้ายใช้ลอบสังหารนายสนธิเป็นอาวุธสงครามที่มีอานุภาพในการทำลายล้างอย่างรุนแรง พร้อมกันนี้ลักษณะในการก่อการเป็นการประสงค์ต่อชีวิตนายสนธิ รวมทั้งมีลักษณะการเตรียมการมาอย่างดี การกระทำของคนร้ายดังกล่าวนอกจากจะมุ่งหวังชีวิตของนายสนธิแล้ว ยังเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์การเมืองภายในประเทศมีแนวโน้มนำไปสู่ความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าแม้รัฐบาลจะประกาศใช้พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินแต่คนร้ายกลับไม่ได้เกรงกลัวต่อกฎหมาย และยังมุ่งท้าทายอำนาจของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะต้องคุ้มครองประชาชนและทำให้สถานการณ์ของบ้านเมืองกลับคืนสู่ความสงบสุขโดยเร็ว

สมาคมวิชาชีพสื่อมวลชนทั้ง 2 องค์กร จึงขอประณามการกระทำของกลุ่มคนร้ายที่ลอบสังหารนายสนธิและขอเรียกร้องให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องให้เร่งติดตามจับกุมคนร้ายมาลงโทษตามกฎหมายโดยเร็ว เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างในการข่มขู่คุกคามสิทธิเสรีภาพของผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนต่อไป รวมทั้งต้องแถลงผลความคืบหน้าของคดีต่อสาธารณชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยแก่ชีวิตและร่างกายของประชาชน สื่อมวลชน และประชาชนคนไทยโดยส่วนรวมรวมทั้งการแสดงให้เห็นถึงการทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพของสำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกด้วย

สมาคมวิชาชีพสื่อมวลชน ขอยืนยันว่า การทำหน้าที่ของสื่อมวลชนในสถานการณ์ปัจจุบันย่อมสามารถนำเสนอข่าวและแสดงความคิดเห็นได้อย่างเสรีและแตกต่างกันได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้กรอบจริยธรรมของวิชาชีพสื่อมวลชน อย่างไรก็ตาม การดำเนินการใดๆ กับสื่อมวลชนที่แสดงความคิดเห็นที่แตกต่างจะต้องเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย และต้องไม่ใช่วิธีการที่โหดเหี้ยมและป่าเถื่อนเช่นที่เกิดขึ้นกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล เพื่อให้การทำหน้าที่ของสื่อมวลชนเป็นไปอย่างมีเสรีภาพและปราศจากความหวาดกลัว


สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย

สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย

17 เมษายน 2552