มัวแต่สาละวนอยู่กับการเมืองเรื่องถีบๆถ่อยๆเถื่อนๆ ทางเสือเดิน ทางหมาผ่าน ไม่มีแก่นสารอะไรกับชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้าน
ทั้งที่เรื่องใหญ่และน่าตื่นเต้นเป็นประวัติการณ์ของชาติไทยในห้วงไม่รู้กี่ร้อยปี
ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องฝันไป ปีทองของชาวนาไทย ข้าวซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจอันดับหนึ่งคู่บ้านคู่เมืองของเรามาช้านาน กำลังทำสถิติโลกใหม่
ราคาพุ่งกระฉูด ไต่เพดานไม่หยุด
ข้าวมีค่าราวกับทองคำ ถึงขั้นเกิดคดีลักเกี่ยวข้าวในท้องนา ขโมยข้าวเปลือกในยุ้งฉางขายกันเลย
จากที่ต้องกระอักจากพิษน้ำมันราคาทะลัก เราคนไทยได้แต่นั่งทำตาปริบๆรอรับชะตากรรมจากแขกเจ้าของบ่อน้ำมัน เพราะผลิตน้ำมันเองไม่ได้
ต้องลุ้นน้ำมันจะลดทีละ 40-50 สตางค์ แล้วก็พุ่งขึ้นพรวดๆ 1-2 บาท
ขายข้าวไม่พอซื้อน้ำมัน
แต่วันนี้สำนักข่าวธอมสัน นิวส์ ในฮ่องกง ได้รายงานเมื่อวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมาว่า บรรดาผู้ค้าข้าวในหลายประเทศต่างวิตกว่า ราคาข้าวในตลาดโลกจะพุ่งสูงไม่หยุด หลังจากที่ประเทศไทยในฐานะผู้ส่งออกข้าวหลักของโลก
ได้เตรียมลดปริมาณการส่งออกแล้ว
รายงานระบุด้วยว่า ผู้ผลิตข้าวเพื่อการส่งออกของไทยต่างยังคงลังเลที่จะทำสัญญาการซื้อขายข้าวกับผู้ซื้อในต่างประเทศ เนื่องจากปัญหาค่าเงินบาทของไทยที่แข็งตัวอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งราคาข้าวในประเทศของไทยเองก็สูงขึ้นกว่าเมื่อช่วงต้นปีถึง 50%
นอกจากนี้ ผู้ค้าข้าวหลายรายทั้งในฮ่องกง และฟิลิปปินส์ ได้ร้องเรียนว่า แม้ในขณะนี้ยังไม่ได้รับคำยืนยันจากผู้ส่งออกข้าวของไทย ว่าปริมาณการส่งออกข้าวจากไทยจะลดลง แต่ก็กังวลว่าผู้ส่งออกข้าวของไทยกำลังหันกลับไปมองตลาดภายในประเทศมากขึ้น
ต่างชาติผวาไทยในฐานะผู้ส่งออกหลักจำกัดปริมาณส่งออกข้าว
ประเทศไทยอยู่ในฐานะผู้กำหนดชะตา คุมกลไกราคาข้าวได้
และก็เป็นอะไรที่เชื่อว่ามีคนเคยคิดแบบเพ้อฝันไว้ว่าสักวันหนึ่งจะเกิดขึ้นกับเมืองไทย ล่าสุดนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ วางแผนล่วงหน้า
เตรียมหาแนวทางกำหนดราคาข้าวเหมือนกลุ่มโอเปกกำหนดราคาน้ำมัน
วิกฤติราคาข้าวทำให้โลกตื่นตะลึง ถึงขนาดมีการหวั่นเกรงกันว่า กองทุนเฮดจ์ฟันด์จะแห่มาเก็งกำไรข้าว เหมือนกับที่เก็งกำไรน้ำมันล่วงหน้า ปั่นราคาจนพุ่งทะลักเพดาน
ข้าวกำลังไต่เพดานไปประกบกับน้ำมัน
กลายเป็นสินค้าสำคัญที่มีผลต่อโลก
จะต่างกันตรงที่ไม่มีน้ำมัน คนเรายังมีชีวิตอยู่ได้ แต่ไม่มีข้าวกินเป็นอาหารก็อดตาย
แนวโน้มจึงเป็นปีทองของชาวนาไทยอย่างแท้จริง
และแน่นอน เมื่อข้าวในฐานะพืชเศรษฐกิจอันดับหนึ่งไต่ราคาทะลักเพดาน ชาวนาไทยมีโอกาสทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำ
ฐานรากเศรษฐกิจไทยแข็งแกร่งซะอย่าง ภาคธุรกิจอื่นก็จะขับเคลื่อนโดยอัตโนมัติ
โอกาสงามๆแบบนี้ หากปล่อยหลุดลอยไป ต้องเขกกบาลตัวเอง
และแม้จะเสียฟอร์มไปหน่อยกับอารามดีใจ นายมิ่งขวัญรีบประกาศยุชาวนาอย่าเพิ่งขายข้าว เพราะราคาข้าวหอมมะลิจะดัมพ์ขึ้นไปตันละ 3 หมื่นบาท
ตั้งใจปั่นราคาขายให้ชาวนา
แต่อีกมุมก็เผลอไปเข้าทางพ่อค้าคนกลางเจ้าเล่ห์ที่รอกักตุนเก็งกำไร ก่อให้เกิดอาการตื่นตระหนกในหมู่ผู้บริโภคกลัวข้าวขาดตลาด แห่ซื้อข้าวตุนกันยกใหญ่
ทำให้อุปสงค์กับอุปทานไม่สมดุลกัน
“มิ่งขวัญ” พลาด อาจจะชินกับบทเซียนการตลาด ถนัดการปั่นกระแสสร้างราคา แต่ในเชิงของธุรกิจการค้ายังอ่อนประสบการณ์
มันก็ยังไม่สายเกินไป งานนี้ต้องฉวยจังหวะดีที่ข้าวกำลังไต่เพดานติดลมบน รวมไปถึงพืชเศรษฐกิจหลักๆของประเทศไทย ทั้งมันสำปะหลัง อ้อย ก็ราคาสูงขึ้นตาม
ยุคทองอู่ข้าวอู่น้ำของไทย
ไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมายที่นายมิ่งขวัญจะไปขอคำปรึกษามือเศรษฐกิจชั้นอ๋องอย่างนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตกระบี่มือหนึ่งทีมเศรษฐกิจรัฐบาลพรรคไทยรักไทย หรือพ่อค้ามือโปรอย่างนายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ อดีต รมช.พาณิชย์ ที่รู้เหลี่ยมทันเกมพ่อค้าเจ้าเล่ห์
กำหนดยุทธศาสตร์ข้าวของไทยให้ติดลมบนยาว.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน
ไทยรัฐ