WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Saturday, September 27, 2008

จาก 70/30 สู่ 50/50 จนถึง 30/70 ทุกสูตรก็เพื่อดันให้ ปชป ตั้งรัฐบาลเท่านั้น

บทความ โดย เพื่อนพ้องน้องพี่

จาก 70/30 สู่ 50/50 จนถึง 30/70

ทุกสูตรก็เพื่อดันให้ ปชป ตั้งรัฐบาลเท่านั้น



โดย : Bugbunny

วันเสาร์ที่ 27 เดือน กันยายน พ.ศ.2551

บรรดาแม่ค้าจอมเขี้ยวทั้งหลายนั้นชอบทำเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคือบอกผ่านราคาไว้เยอะ ๆเพื่อให้ลูกค้าต่อรองกลับมา ถ้าหากไหวไม่ทันคุณก็จะเสียเงินซื้อของที่แพงกว่าราคาจริง เพราะเขาจะขายได้ในราคาที่บวกกำไรไว้สูงปรี๊ด แต่ถ้าคุณลุกขึ้นเดินหนี เขาก็จะรีบหยวนขายให้อ้างว่าเพราะเห็นแก่มิตรภาพบ้าง หรือขายให้คุณในฐานะลูกค้าพิเศษบ้าง ฯลฯ ทำให้คุณรู้สึกว่าภูมิใจที่ได้ซื้อของในราคาถูก ทั้งที่ความจริงมันก็คือราคาที่เขาตั้งใจจะขายและได้กำไรดีอยู่แล้ว

การที่พวกผู้ก่อการร้ายและกบฏเสนอตัวเลข 70/30 ในครั้งแรก ๆ ที่ต่อมาลดลงเป็น 50/50 โดยเปลี่ยนตัวชงมาเป็นนายหน้าอย่างจิ๋วนั้นก็คือวิธีการของแม่ค้าหน้าเลือดที่ไม่ได้ต่างกันนัก เพราะในความเป็นจริงพวกเผด็จการศักดินาอำมาตย์มีตัวเลขอยู่ในใจเรียบร้อยแล้วคือ 30/70 นั่นคือแต่งตั้ง 30% แล้วเลือกตั้ง 70% เพราะแค่นี้ก็เกินพอแล้วสำหรับให้ ปชป. ตั้งรัฐบาล และมาร์คได้เป็นนายกตามที่พวกศักดินาและอำมาตย์ต้องการ มิตรในแวดวงการเมืองหลายคนเสวนากันให้ความลับของตัวเลขนี้ในวงสัมมนาที่ผมไปร่วมด้วยเมื่อสองสามวันก่อน

ที่เป็นเช่นนี้นั้น มิตรสหายในแวดวงการเมืองคำนวณจากตัวเลข สส.ของ ปชป.จากทั่วประเทศ ที่ปัจจุบันจะขึ้นลงอยู่ที่ 20%– 30% ของจำนวน สส.ในสภา เป็นตัวเลขที่ผันแปรไม่มากนักมาตลอดการเลือกตั้งที่ผ่านมา ไม่เคยปรากฏว่าตัวเลข สส.ของ ปชป.จะได้เกิน 50% ไม่ว่าจะใช้วิชามารแบบไหน รวมถึงวิชามารเลือกตั้งล่วงหน้าที่ถือเป็นเคล็ดวิชามารระดับสุดยอดแบบพลังพิฆาตแผ่นดินขนาดนั้นก็ยังไม่มีปัญญาให้ ปชป.มี สส.เกิน 30% เท่านั้นยังไม่พอ ปชป.เป็นพรรคที่ไร้เพื่อน หรืออีกอย่างหนึ่งคือไม่มีคนคบ นอกจากจำเป็นจริง ๆ เว้นแต่จะเปลี่ยนหัวหน้าและกลุ่มพลพรรคทีมเช็ดเมียเพื่อนออกไปจึงจะพอคุยกันได้ เพราะอะไรเขาไม่บอก นอกจากหัวเราะอย่างเยาะหยัน บอกได้ว่ามิตรคนนี้รู้จักเส้นสนกลในของพรรคสวิงกิ้งดีมาก

เมื่อทำได้แค่ 30% และถือเป็นสุดยอดแล้ว ถ้าจะตั้งรัฐบาลก็ต้องหาเสียงสนับสนุนมาอีกประมาณ 20%-30% จึงมาถึงทางเดียวที่ทำได้คือการเอาพลพรรคกบฏและนักวิชาการกลุ่มที่ขุนเลี้ยงไว้อย่างอธิการบดีทั้งหลาย กลุ่มสมศักดิ์เครา ฯลฯ เข้ามาเป็น สส.สรรหาในสภา ฯ อีกเท่าที่ต้องการ เพื่อช่วยโหวตให้ มาร์ค แมลงสาป และพรรคสวิงกิ้งตั้งรัฐบาลได้ พึงเข้าใจว่านี่เป็นการทำงานเป็นทีม เพราะพรรคสวิงกิ้งนั้นใครบ้างที่เชียร์ก็รู้กันอยู่ มันเป็น Conspiracy เป็นทีมงานที่ร่วมกันทำงาน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มกบฏก่อการร้ายยึดทำเนียบ บ้านหลายเสา คมช และอื่น ๆ รวมทั้งมือที่มองไม่เห็น ฯลฯ

ตัวเลข สส.30% ของพรรคสวิงกิ้งบวกกับพวกลากตั้ง อีก 30% ก็จะมี สส.เกินครึ่งในสภา ตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากได้ ตามตัวเลขชี้ได้ว่าต้องการแค่นี้ก็พอ พรรคสวิงกิ้งและมาร์ค แมลงสาป ก็จะตั้งรัฐบาล เป็นรัฐบาลจากการเลือกตั้งในสภาที่สังคมโลกว่าอะไรไม่ได้ และทุกคนก็ลอยตัว ไม่ต้องทำงานอะไรเพื่อประชาชนแบบที่เคย ๆ กันมาก่อนยุคทักษิณ ปล่อยให้ชาวบ้านยากจนทำมาหากินเสียภาษีมาเลี้ยงดูอภิสิทธิชนทั้งหลายกันต่อไป เขาต้องการรักษาสภาพนี้เอาไว้ในสังคมไทย คนพวกนี้ได้เปรียบเพราะคุ้นเคยกับการอยู่ดีกินอร่อยปล่อยให้ชาวบ้านอดอยากยากเข็ญเลือดตาแทบกระเด็นกันไปเรื่อย ๆ มาหลายศตวรรษ โดยไม่ถือว่าเป็นเรื่องของพวกเขาแต่ประการใด

ถ้าเห็นตัวเลขตาสว่างกันแล้ว ก็ต้องต่อต้านการทำทีลดข้อเรียกร้องของพวกมันจาก 70/30 เป็น 30/70 ซึ่งน่าจะต้องเป็นเช่นนี้แน่นอน ตามสไตล์แม่ค้าหน้าเลือดบอกราคาผ่านเยอะ ๆ ที่เอามาใช้ในการปกครองประเทศ อย่ายอมให้มี สส.ลากตั้งเด็ดขาด มันเป็นแผนของชนชั้นปกครองที่จะให้นานาชาติยอมรับเท่านั้น เพราะรัฐประหารยึดอำนาจนั้นทำไม่ได้ โดนต่อต้านจากสังคมโลกรุนแรงแน่ ก็เล่นระบบนี้แหละ รัฐประหารโดยตุลาการวิบัติและ สส.ลากตั้งในสภาการเมืองน้ำเน่าที่อ้างว่าเป็นการเมืองใหม่ ระบบนี้ฟังมาว่าเสนอโดย นายบวรศักดิ์ ที่อ้างว่าเขตปกครองพิเศษฮ่องกงใช้วิธีนี้ แต่ไม่เคยถามคนไทยสักคำว่าจะเอาด้วยหรือเปล่า ประชาชนไม่ต้องเสือก หน้าที่ปกครองเป็นของพวกกรูเท่านั้น

จาก thaifreenews

ภาพความสัมพันธ์ระหว่าง..มือที่มองไม่เห็น..กับ ด.ช.อภิสิทธิ์ รวมทั้งผลงานที่ไม่มีใครกล้าพูดถึง!



[b]ผลงานด้านการจำกัดสิทธิมนุษยชน

* ยกเลิกคำสั่งคณะปฏิรูปฯเรื่องห้ามการชุมนุมประท้วง แต่ยังไม่ยกเลิกกฎอัยการศึก [12]
* การสั่งห้ามคนขับรถแท็กซี่ และมอเตอร์ไซค์รับจ้างในกรุงเทพเข้าร่วมการประท้วงคณะเผด็จการ/รัฐบาลทหาร สมัชชาคนจนหลายพันคนถูกสกัดกั้นไม่ให้เข้าร่วมการประท้วงในกรุงเทพฯโดยอ้างว่าพวกเขาไม่มีใบอนุญาตให้เดินทางตามกฎอัยการศึก (ซึ่งยังมีผลครอบคลุม 30 กว่าจังหวัดในเวลานั้น) [13]
* สิทธิชัย โภไคยอุดม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลนีสารสนเทศและการสื่อสาร ภายใต้รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า การวิพากษ์วิจารณ์ประธานองคมนตรีถือเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ ดังนั้น การปิดเว็บไซต์ที่มีข้อความวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าวจึงเป็นเรื่องเหมาะสม[14]
* รัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ผลักดันกฎหมายที่ระบุว่า ผู้ที่พยายามเข้าเว็บไซต์ใดๆที่รัฐบาลได้เซ็นเซอร์ไว้หนึ่งหมื่นกว่าเว็บ จะต้องรับโทษตามกฎหมาย และเอาผิดผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตที่ไม่เปิดเผยไอพีแอดเดรสของผู้ใช้แก่รัฐบาล[15]
* การปิดวิทยุชุมชนที่ต่อสายตรงสัมภาษณ์อดีตนายกฯพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พ.ต.ท.ให้สัมภาษณ์หลังเกิดรัฐประหารเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 โดยได้โทรทัศน์เข้ามาที่สถานีวิทยุชุมชนคลื่น 87.75FM และคลื่น 92.75FM วันต่อมา รัฐบาลทหาร กรมประชาสัมพันธ์ และ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในได้เข้ามาตรวจสอบวิทยุชุมชนแห่งนี้ ทำให้วิทยุชุมชนนี้งดออกอากาศ[16]
* การก่อตั้งเครือข่ายสนับสนุนรัฐบาลทหารจำนวน 700,000 คนเพื่อสกัดกั้นผู้ประท้วงรัฐบาลทหาร ผบ.กอ.รมน. กล่าวว่า "เราต้องสกัดกั้นผู้ประท้วงให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ ถ้ามีผู้ประท้วงน้อยกว่า 50,000 คน ก็ไม่น่าจะเกิดปัญหาอะไร"[17]
* วันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2550 รัฐบาลทหารสั่งเซ็นเซอร์การแพร่ภาพการสัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทาง CNN ในประเทศไทย[18]
* สั่งการให้มีการออกเอกสารลับเพื่อสกัดกั้นพรรคพลังประชาชนในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2550

[แก้] สื่อสารมวลชน

* ได้ปิดสถานีโทรทัศน์ไอทีวีเมื่อวันพุธที่ 7 มีนาคม 2550
* ได้เปิดสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวีเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 8 มีนาคม 2550 และปิดตัวลงเมื่อวันจันทร์ที่ 14 มกราคม 2551 เวลา00.00 น.
* ได้เปิดสถานีโทรทัศน์ทีพีบีเอสก่อตั้งเมื่อวันอังคารที่ 15 มกราคม 2551 และ หลังจากวันที่ 1 กุมภาพันธ์ - 30 เมษายน 2551 ใช้ชื่อว่าสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส และในปัจจุบันใช้ชื่อว่าสถานีโทรทัศน์ทีวีไทย ทีวีสาธารณะ ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 1 พฤษภาคม 2551 (วันแรงงานแห่งชาติ) และได้ทดลองออกอากาศเมื่อวันที่ 1 -14 กุมภาพันธ์ 2551 โดยยังไม่มีรายการข่าวและเปิดทำการออกอากาศเป็นครั้งแรกอย่างเต็มรูปแบบโดยภายใต้องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทยเมื่อวันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2551 โดยใช้สีประจำสถานีคือ สีเหลือง - ส้ม
* จัดรายการที่ให้ข้อมูลข่าวสารของรัฐบาลให้แก่ประชาชน คือ รายการสายตรงทำเนียบ และรายการ เปิดบ้านพิษณุโลก

[แก้] บัญชีทรัพย์สิน

คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เปิดบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ของคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ กรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 9 ต.ค. พ.ศ. 2549 พบว่า พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ มีทรัพย์สินรวม 25,246,091 บาท โดยเป็นเงินฝากธนาคารพาณิชย์ 5 บัญชี จำนวน 7,283,341 บาท หลักทรัพย์และเงินลงทุนอื่น 82,500 บาท ที่ดิน 9 แปลง มูลค่า 17,880,250 บาท พ.อ.หญิง คุณหญิง จิตรวดี จุลานนท์ ภริยา มีทรัพย์สินรวม 65,566,363 บาท โดยเป็นเงินฝากธนาคารพาณิชย์ 15 บัญชี จำนวน 20,620,933 บาท เงินลงทุนในหลักทรัพย์รัฐบาล 10,030,000 บาท เงินลงทุนอื่น 33,430 บาท ที่ดิน 3 แปลง มูลค่า 7 ล้านบาท บ้าน 3 หลัง มูลค่า 10 ล้าน ยาพาหนะ 3 คัน มูลค่า 3,725,000 ทรัพย์อื่น 14,157,000 บาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเครื่องประดับอัญมณี ทั้งสองคนมีทรัพย์สินรวม 90,812,454 บาท [19]

[แก้] ฉายานาม

เนื่องจากรัฐบาลของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประกอบไปด้วยรัฐมนตรีที่เป็นผู้สูงอายุ และข้าราชการประจำที่เกษียณอายุแล้วจำนวนมาก สื่อมวลชนจึงตั้งฉายาให้ว่า " รัฐบาลขิงแก่ " และโดยที่นายกรัฐมนตรีเองถูกมองว่ามุ่งเน้นการรักษาคุณธรรม จริยธรรม และในขณะเดียวกันก็ทำงานเชื่องช้า ทำให้ได้รับฉายาจากนายธีรยุทธ บุญมี อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่าเป็น " ฤๅษีเลี้ยงเต่า " โดยตั้งล้อกับฉายาของ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เคยได้รับฉายาว่า " ฤๅษีเลี้ยงลิง "[20]

[แก้] ข้อวิพากษ์วิจารณ์

นอกจากจะถูกวิพากษ์วิจารณ์จากรับตำแหน่งจากคณะรัฐประหารแล้ว พล.อ.สุรยุทธ์ ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องการบุกรุกป่าสงวนและการคอรัปชั่นด้วย

[แก้] การบุกรุกป่าสงวน

พลเอกสุรยุทธ์ถูกกล่าวหาว่าครอบครองพื้นที่ป่าสงวนเขายายเที่ยง ในจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งขัดต่อกฎหมายพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ เมื่อพลเอกสุรยุทธ์เป็นผู้นำแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ซื้อที่ดินมาจากคนๆหนึ่งด้วยราคา 50,000 บาททั้งๆที่พื้นที่นี้มีมูลค่าตลาด 700,000 บาท ต่อมา เขาได้โอนกรรมสิทธิ์ครอบครองให้ภรรยาของเขา พล.อ.สุรยุทธ์กล่าวว่าเขาจะลาออกและคืนที่ดินนี้ (ซึ่งเขาไม่ได้ปฏิเสธว่าเขาเป็นเจ้าของ) ทันทีหากพบความผิด [21] อารีย์ วงศ์อารยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวปกป้องสุรยุทธ์ว่า "พล.อ.สุรยุทธ์ซื้อที่ดินนี้มาจากคนอื่น ดังนั้นจะต้องไปถามคนๆนั้นว่าที่ดินนี้เป็นพื้นที่สงวนหรือไม่"

จรัญ ดิษฐาอภิชัย อดีตคณะกรรมการสิทธิมนุษชนแห่งชาติ กล่าวว่า "ผมรับไม่ได้ที่ใครคนหนึ่งสร้างบ้านหรูหราในพื้นที่ป่าสงวน กลับเรียกตัวเองว่าเป็นผู้มีจริยธรรมและความพอเพียง"[22]

อย่างไรก็ตาม สำนักงานคณะป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ปฏิเสธที่จะตรวจสอบคดีนี้โดยให้เหตุผลว่าไม่มีอำนาจไปตรวจสอบ กล้าณรงค์ จันทิก หนึ่งใน ปปช. กล่าวว่า พลเอกสุรยุทธ์เกษียณจากกองทัพเมื่อ พ.ศ. 2546 แต่เพิ่งมาฟ้องร้องกัน 4 ปีหลังเกษียณ ปปช. ไม่สามารถสอบสวนคดีที่มีอายุเกิน 2 ปีหลังจากเกษียณได้ [23]

จาก thaifreenews

สุขุมพงศ์ โยนนายกฯ ตัดสินใจเรื่อง กก.ปฏิรูปการเมือง


27 ก.ย. - นายสุขุมพงศ์ โง่นคำ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งดูแลด้านกฎหมาย กล่าวถึง ข้อเสนอของอธิการบดี 24 มหาวิทยาลัย ที่ให้ตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อปฏิรูปการเมือง ว่า ดูจากข้อเสนอคร่าว ๆ แล้ว คณะกรรมการชุดนี้ไม่ใช่เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญทันที แต่คล้ายกับเป็นคณะกรรมการยกร่าง เพื่อทำประชามติ สอบถามประชาชน ซึ่งเป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีต้องพิจารณาว่าจะทำอย่างไร จะมอบให้ใครเป็นผู้ดำเนินการ

อย่างไรก็ตาม นายสุขุมพงศ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีบอกแล้วว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นหน้าที่ของสภาฯ ซึ่งขณะนี้สภาฯ ได้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาการบังคับใช้เพื่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยมีตนเป็นประธานคณะกรรมาธิการฯ คาดว่า จะสามารถสรุปผลการศึกษาเสนอต่อสภาฯ ได้ประมาณวันที่ 20 ตุลาคมนี้

“เรื่องคณะกรรมการปฏิรูปการเมือง ขณะนี้เป็นเพียงข้อเสนอ ถ้าทำได้จริงก็จะเป็นประโยชน์ แต่จะทำได้หรือไม่ ต้องดูตัวบุคคลที่เป็นกรรมการ ว่ามีแนวคิดเป็นกลาง มีแนวคิดแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างไร หากเสนอแนวทางมาแล้ว ฝ่ายการเมืองจะยอมรับได้หรือไม่ เพราะถึงอย่างไรผู้ที่มีอำนาจในการแก้ไขก็ยังเป็นฝ่ายการเมือง” นายสุขุมพงศ์ กล่าว .- สำนักข่าวไทย


อัพเดตเมื่อ 2008-09-27 17:57:57


รมช.คมนาคม โวย พันธมิตรฯ นครศรีธรรมราช ไล่ ชัย ทำไม่ถูก

กรุงเทพฯ 27 ก.ย.-“โสภณ ซารัมย์” ระบุกรณีกลุ่มพันธมิตรฯ นครศรีธรรมราช ขับไล่ “ชัย ชิดชอบ” ไม่ถูกต้อง อ้างคนกลุ่มน้อยทำกติกาบ้านเมืองเสียหาย ยัน ถ้าคน ปชป.ไปบุรีรัมย์ ไม่ทำแบบนี้

นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคพลังประชาชน กลุ่มเพื่อนเนวิน กล่าวถึงกรณีที่เครือข่ายพันธมิตรฯ นครศรีธรรมราช ไม่ต้อนรับนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง หากไม่รู้จักแยกแยะอะไร ต่อไปก็คงอยู่ไม่ได้ สิ่งใดไหนพอที่จะละวางได้ ก็ควรละวาง โดยเฉพาะนายชัย เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่ได้ไปทำอะไรใคร การที่กลุ่มผู้ชุมนุมทำเช่นนี้ ทำให้คนที่เป็นกลางมองว่า ประเทศไทยจะเอาอย่างไร คนกลุ่มน้อยจะทำให้กติกาบ้านเมืองเสียหาย

เมื่อถามว่า หากแกนนำพรรคประชาธิปัตย์เดินทางไป จ.บุรีรัมย์ จะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้หรือไม่ นายโสภณ กล่าวว่า ไม่แน่นอน คนเป็นนักการเมือง ถ้ารู้ข่าวว่ามีคนจะทำไม่ดี กับคนที่เข้ามาในพื้นที่ แล้วไม่ทำอะไร คงไม่ได้ และว่าหากทราบว่าเกิดเหตุการณ์ไม่ดีก็จะเข้าไปห้ามปราม เดี๋ยวพวกเราจะเสีย อย่างไรก็ตาม สิ่งที่พูดนี้ไม่ได้หมายความว่า จะมีนักการเมืองอยู่เบื้องหลังม็อบพันธมิตรฯ

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเกิดเหตุการณ์จัดม็อบโจมตีนายชวน หลีกภัย ช่วงขึ้นเวทีปราศรัย ที่ จ. เชียงใหม่หรือไม่ นายโสภณ กล่าวว่า คงไม่มี แต่ก็จะมีบางพวกที่อาจจะแค้นแทน และอยากจะต่อต้าน แต่หากพวกเราทราบ ก็จะห้ามปราม.- สำนักข่าวไทย


อัพเดตเมื่อ 2008-09-27 17:53:17




พันธมิตรฯ สัมมนาการเมืองใหม่รอบ 2 ไร้เงานักวิชาการที่สังคมยอมรับ


กรุงเทพฯ 27 ก.ย. - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ทำเนียบรัฐบาล วันนี้ (27 ก.ย.) ได้จัดเสวนา ”การเมืองใหม่ ประชาภิวัฒน์” ครั้งที่ 2 ที่โรงอาหาร ใต้ตึกบัญชาการ 1 มีแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ประกอบด้วย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายพิภพ ธงไชย นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรฯ และเชิญตัวแทนนักวิชาการกว่า 30 คน เข้าร่วมสัมมนา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักวิชาการที่เข้าร่วมประชุมการเมืองใหม่ ครั้งที่ 1 และเป็นนักวิชาการที่ขึ้นเวทีพันธมิตรฯ เช่น นายปราโมทย์ นาครทรรพ นายกษิต ภิรมย์ นายสาวิทย์ แก้วหวาน นายสุรชัย ไม้งาม

เป็นที่น่าสังเกตว่า การเสวนาครั้งนี้ ไม่มีนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำฯ เข้าร่วม และไม่มีนักวิชาการ ที่เป็นตัวแทนจากอธิการบดี 24 มหาวิทยาลัย ซึ่งเสนอแนวคิดการตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อปฏิรูปการเมือง เข้าร่วมเสวนา และการสัมมนาดังกล่าว ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชน และบุคคลภายนอกเข้าร่วมรับฟัง สำหรับวาระที่จะมีการพิจารณาแบ่งออกเป็น 6 หัวข้อ ประกอบด้วย บทบาทของ ส.ส.กับพรรคการเมือง การมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม องค์กรอิสระกับการตรวจสอบอำนาจรัฐ การปฏิรูปสื่อสารมวลชน และประมวลจริยธรรมทางการเมือง.- สำนักข่าวไทย


อัพเดตเมื่อ 2008-09-27 17:50:38



อภิรักษ์ ฉุนถูกผู้ค้าตลาดนัดจตุจักรรุมถาม-จี้แก้ปัญหาภายในตลาดนัดจตุจักร

กรุงเทพฯ 27 ก.ย. - “อภิรักษ์” ฉุนถูกผู้ค้าตลาดนัดสวนจตุจักรรุมถามและจี้แก้ปัญหาภายในตลาดนัดสวนจตุจักร ทั้งความไม่โปร่งใส การบริหารงานของ ผอ.ตลาดนัดฯ และนโยบายถนนคนเดิน พร้อมต่อสัญญาเช่ากับ รฟท.

นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เดินทางหาเสียงที่ตลาดนัดสวนจตุจักร ทักทายประชาชนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่เดินทางมาจับจ่ายซื้อของ และในระหว่างการเดินหาเสียงรอบตลาดนัด กลุ่มผู้ค้าภายในตลาดฯ กว่า 20 คน พร้อมป้ายผ้าข้อความ “4 ปีที่ผ่านมาคุณอภิรักษ์ ทำอะไรเพื่อตลาดนัดจตุจักร” และต้องการให้เกิดการแก้ไขปัญหานโยบายถนนคนเดิน เนื่องจากเชื่อเป็นสาเหตุที่ทำให้กิจการการค้าภายในซบเซา

นายสงวน ดำรงค์ไทย ประธานที่ปรึกษาผู้อำนวยการตลาดจตุจักร ได้ยื่นหนังสือเรียกร้องปัญหาภายในตลาดนัดกรุงเทพมหานคร กับนายอภิรักษ์ เพื่อให้เกิดการแก้ไข โดยใจความหนังสือดังกล่าวระบุว่า เรียกร้องให้กทม.เร่งต่อสัญญาการเช่าที่ดินกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และตั้งข้อสังเกตการบริหารงานของผู้อำนวยการตลาดนัดสวนจตุจักร ส่อไปในทางไม่โปร่งใส และให้เร่งแก้ไขปัญหานโยบายถนนคนเดินภายในตลาดนัด ซึ่งภายหลังรับหนังสือดังกล่าว นายอภิรักษ์ชี้แจงถึงการทำงานที่ผ่านมา แต่มีอารมณ์ฉุนเฉียวเล็กน้อย เนื่องผู้ค้าจำนวนมากต่างรุมเข้ามาซักถาม แต่เมื่อพูดคุยกันสักพักบรรยากาศก็เริ่มคลี่คลาย

นายอภิรักษ์ กล่าวว่า การต่อสัญญากับการรถไฟฯ ถือเป็นเรื่องที่ต้องเร่งดำเนินการ ก่อนที่สัญญาจะหมดอายุ ส่วนการเปลี่ยนตัวผู้บริหารตลาดนัด กทม.นั้น ขณะนี้ตนไม่ได้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. แต่หากได้รับจะจัดตั้งคณะทำงานร่วมกัน ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้ค้ามาแก้ไขปัญหาให้ตรง แต่เมื่อมีผู้สื่อข่าวซักถามว่าที่ผ่านมา ไม่ได้ทำอะไรให้กับตลาดนัดจตุจักรนั้น นายอภิรักษ์ กลับมีอารมณ์ฉุนเฉียวอีกครั้ง และพยายามเดินหนี และตีมือผู้สื่อข่าวที่ซักถาม พร้อมกล่าวว่าอาจไม่ทราบข้อมูลครบ และขอให้นักข่าวอย่าพูดเช่นนี้ เนื่องจากทุกที่ย่อมมีปัญหา และที่ผ่านมา กทม.ก็ได้ดำเนินการส่งเสริมเรื่องการท่องเที่ยวอย่างเต็มที่จนได้รับการยกย่องเป็นเมืองน่าท่องเที่ยว

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ระหว่างการเดินหาเสียงภายในตลาดนัด ได้มีผู้ค้าเดินทางมาร้องเรียนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบรรดาทีมหาเสียงของนายอภิรักษ์ ได้รับเรื่องและชี้แจงแทน จากนั้นนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางมาร่วมหาเสียงด้วย .- สำนักข่าวไทย


อัพเดตเมื่อ 2008-09-27 14:55:23

จำลอง ปัดไม่รับผิดชอบ พันธมิตรฯ ใต้ชุมนุมไล่ สมชาย


ทำเนียบฯ 27 ก.ย.- แกนนำพันธมิตรฯ ย้ำไม่ได้ขัดขวางการกลับบ้านเกิดของ “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” ปัด ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมุนุมขับไล่นายกฯ อ้าง เป็นความคิดของพันธมิตรฯ ในพื้นที่ ไม่รับผิดชอบ หากมีความรุนแรง แต่บนเวทีกลับแจ้งกำหนดการนายกฯ พร้อมปลุกระดมให้ประชาชนปิดสนามบิน ไม่ให้กลับกรุงเทพฯ ส่วนข้อเสนอตั้งคณะกรรมการอิสระปฏิรูปการเมือง ของ 24 อธิการบดี เห็นว่าสอดคล้องความเห็นพันธมิตรฯ แต่ขอรอดูท่าทีรัฐบาลก่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตั้งแต่เช้าวันนี้ (27 ก.ย.) นอกจากแนวร่วมแกนนำจะจัดกิจกรรมบนเวทีเล่าข่าวตามปติแล้ว ยังได้มีการแจ้งให้พันธมิตรฯ จังหวัดต่างๆ ในภาคใต้ ระดมพลไปยัง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อชุมนุมต่อต้าน และกดดันนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ที่เดินทางไปเยี่ยมบ้านเกิด พร้อมได้แจ้งกำหนดการของนายกรัฐมนตรี ที่จะเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ให้ทราบ และยังปลุกระดมให้พันธมิตรฯ ปิดสนามบินทั้ง 4 แห่งในภาคใต้ เพื่อไม่ให้นายกรัฐมนตรีเดินทางกลับกรุงเทพฯ ด้วย

ต่อมา เวลา 10.00 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ แถลงว่า การชุมนุมกดดันนายกรัฐมนตรี เป็นความคิดริเริ่มของพันธมิตรฯ ในภาคใต้เอง และการแจ้งกำหนดการของนายกรัฐมนตรีบนเวที เป็นเพียงการประสานงานให้พันธมิตรฯ ในพื้นที่ทราบ แกนนำไม่ได้มีมติ หรือเข้าไปยุ่งเกี่ยว เราให้อิสระพันธมิตรฯ ในพื้นที่อย่างเต็มที่ ในการดำเนินการต่างๆ เช่นเดียวกับเรื่องการปิดสนามบิน ก็ไม่ได้เป็นมติของแกนนำ

“ไม่ใช่เราปากว่า ตาขยิบ แต่จะไปห้ามไม่ได้ เพราะเป็นความคิดของคนที่ไม่สบายใจต่อการกระทำของรัฐบาล และแกนนำคงไม่รับผิดชอบใดๆ หากการชุมนุมเป็นไปอย่างรุนแรง และถือว่าไม่ผิด” พล.ต.จำลอง กล่าว และว่าการเดินทางไปในพื้นที่ของนายสมชาย จะไม่กระทบต่อมวลชน ให้เปลี่ยนขั้วทางการเมือง เพราะเชื่อว่าคนใต้เข้าใจการเมืองเป็นอย่างดี

ผู้สื่อข่าวถามถึงข้อเสนอของอธิการบดี 24 มหาวิทยาลัย ที่เสนอให้ตั้งคณะกรรมการอิสระ เพื่อมาปฏิรูปการเมือง พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ข้อเสนอดังกล่าว เป็นการกำหนดกรอบ ที่จะนำไปสู่การปฏิรูปการเมืองเท่านั้น แต่ก็เป็นความคิดที่ดี และในวันนี้ จะนำเอาแนวคิดดังกล่าว เข้าที่ประชุมเสวนาทางวิชาการการเมืองใหม่ ที่พันธมิตรฯ จะจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 เพราะถือว่า สอดคล้องกับแนวทางการเมืองใหม่ของพันธมิตรฯ

“หากจะต้องมีการแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อให้เกิดการปฏิรูปการเมือง ก็อาจจะรับได้ เพียงแต่จะต้องไม่ไปแก้ไข 3 มาตราหลัก ที่พันธมิตรฯ คัดค้าน คือ มาตรา 190 มาตรา 237 และมาตรา 309 หรือแก้ไข เพื่อประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง เพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พ้นผิด” พล.ต.จำลอง กล่าว

ด้าน นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า รัฐบาลชุดนี้ต้องแสดงจุดยืนในการต่อต้านการทุจริต เพื่อแสดงความจริงใจ และรักษาผลประโยชน์ของชาติ ด้วยการยกเลิกหนังสือเดินทางของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ หนีหมายศาล และถูกออกหมายจับในหลายคดี นายสมชายเป็นน้องเขยของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะต้องกล้าดำเนินการ ซึ่งตามระเบียบของกระทรวงการต่างประเทศ สามารถยกเลิกได้ทันที .- สำนักข่าวไทย


อัพเดตเมื่อ 2008-09-27 14:40:59


มท.1 ลุยพท.ตรวจน้ำท่วมเยี่ยมปชช. ตั้งงบช่วยเหลือจังหวัดละ 50 ล้าน


"โกวิท"ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมราษฎรประสบภัยน้ำท่วม 6 จังหวัด ตั้งงบช่วยเหลือเบื้องต้น จังหวัดละ 50 ล้านบาท พร้อมเผยสถานการณ์ดีขึ้นเป็นลำดับ

พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางไปตรวจสถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.ปราจีนบุรี และจันทบุรี วันนี้ ว่า ขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมใน 6 จังหวัด ประกอบด้วย พิษณุโลก ลพบุรี พระนครศรีอยุธยา ชัยภูมิ ปราจีนบุรี และขอนแก่น ระดับน้ำได้เริ่มลดลงแล้ว มีเพียงพื้นที่ จ.ลพบุรี ที่การระบายน้ำต้องใช้เวลาเกือบ 1 เดือน เนื่องจากเป็นพื้นที่กว้าง อย่างไรก็ตาม เมื่อระดับน้ำลดลงแล้ว หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องจะเข้าให้การช่วยเหลือ
“แต่ละจังหวัดมีงบประมาณเบื้องต้นสำหรับการให้ความช่วยเหลือประชาชน จังหวัดละ 50 ล้านบาท หลังจากน้ำลดแล้ว ต้องมีการรวบรวมความเสียหายทั้งหมดอีกครั้ง เพื่อให้การช่วยเหลือต่อไป แต่ขณะนี้ยังประเมินไม่ได้ว่ามีความเสียหายเท่าใด” พล.ต.อ.โกวิท กล่าว.

“หมอเหวง”ลั่นถอนรากรธน.ฉบับอำมาตยาธิปไตยที่ขวางตร.-ทหารจัดการกับกบฏพมธ.


“หมอเหวง” จี้รัฐบาลต้องจริงใจกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของภาคประชาชน ให้เคารพนิติรัฐ เสนอถอนรากถอนโคนอำมาตยาธิปไตย ที่ทำให้ตำรวจ-ทหารไม่สามารถจัดการแกนนำพันธมิตรที่เป็นกบฎได้

นพ.เหวง โตจิราการ ประธานสมาพันธ์ประชาธิปไตย กล่าวว่า หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลใหม่ แล้ว คิดว่าจะมีการผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งทางภาคประชาชนได้เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 เข้าไปแล้ว และอยู่ระหว่างการพิจารณาของสภา ซึ่งคาดว่านายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา จะบรรจุในเร็ววันนี้
นพ.เหวง กล่าวต่ออีกว่า สถานการณ์ทางการเมืองที่วุ่นวายสับสนที่เกิดขึ้นในขณะนี้ เกิดจากพันธมิตรฯ ถูกใช้เป็นเครื่องมือของอำมาตยาธิปไตย ทำให้ทหารและตำรวจไม่สามารถเข้าไปแก้ปัญหาที่พันธมิตรฯสร้างขึ้นได้ สะท้อนให้เห็นถึงรากฐานที่เป็นอำมาตยาธิปไตยอย่างแท้จริง เพราะฉะนั้นจึงต้องให้รัฐบาลชุดใหม่ รีบเข้ามาแก้ไข ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นโดยเร็ว
ทั้งนี้ รัฐบาลจะต้องเคารพนิติรัฐและนิติธรรม และเรียกร้องให้รัฐบาลลงมือจับ 9 กบฏที่เป็นแกนนำของพันธมิตรฯ ทันที รวมไปถึงการจัดการกับผู้ที่มาร่วมชุมนุมประท้วงร่วมกับพันธมิตรฯ และสุดท้ายอยากให้ทางรัฐบาลเร่งพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนที่ได้นำเสนอไปแล้วอย่างเอาใจใส่ ไม่มีการยื้อเวลาออกไป


เมธาพันธ์ชี้ กรณี”ชัย-สมชาย” เกิดจากลัทธิภาคนิยมของปชป. – เร่งให้จัดการพันธมิตรฯโดยเร็ว


ดร.เมธาพันธ์ชี้ม็อบถ่อยพันธมิตรฯต่อต้านคุกคาม ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารสะท้อนถึงภาคนิยม ที่พรรคประชาธิปัตย์ปลูกฝังมาตลอด เรียกร้องให้จัดการกับพันธมิตรฯอย่างเด็ดขาด

ดร.เมธาพันธ์ โพธิ์ธีระโรจน์ นักวิชาการอิสระ กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่กลุ่มพันธมิตรฯ กระทำการข่มขู่คุกคามประมุขฝ่ายนิติบัญญัติและประมุขฝ่ายบริหารที่นครศรีธรรมราชและสุราษฎร์ธานี สะท้อนให้เห็นถึงลัทธิภาคนิยมซึ่งเกิดจากพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้ดำเนินนโยบายทางการเมืองมาโดยตลอด มีการปลูกฝัง ให้ประชาชนในภาคใต้ยึดติดในพรรคและตัวบุคคล จึงทำให้เกิดการเมืองที่ไม่เป็นประชาธิปไตย และต่อไปคิดว่าจากสถานการณ์นี้ อาจทำให้เป็นตัวอย่างกับภาคอื่นๆ เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี
ดร.เมธาพันธ์ กล่าวต่ออีกว่า ตนเชื่อว่ากลุ่มพันธมิตรฯคงไม่ยอมเลิกราแน่นอน เพราะต้องการแบ่งแยก และต้องการเอาชนะ มีการสร้างเงือนไขขึ้นมา เพื่อต้องการสถาปนาการเมืองใหม่และศาสนาใหม่ให้เกิดขึ้นซึ่งในสถานการณ์แบบนี้ ตนคงไม่เรียกร้องอะไรจากพันธมิตรฯอีกแล้ว เพราะไม่เคยรับฟังเหตุผล แต่อยากเรียกร้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง บังคับใช้กฎหมายให้เด็ดขาดกับกลุ่มพันธมิตรฯได้แล้ว

บันทึุกบทสนทนา นาทีชีวิต ในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 วันล้อมฆ่าเด็กนักศึกษา

บทสนทนาที่ก็อบปี้มาจาก C-BOX ระหว่างคุณเปรื่อง ปยุต และคุณปูนนกถึงนาทีแห่งชีวิตในเหตุกาณ์ 6 ตุลาคม 2519 ในเหตุการณ์วันล้อมฆ่าของทหารเผด็จการ กับนักศึกษาในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ซึ่งวันนี้อธิการบดีได้ขายวิญญาณให้กับพวกศักดินาไปแล้ว)



---------
เปรื่อง: ครูปูนคะ ถามจริงเคยเข้าป่าเหรอคะ
ปูนนก: เคยครับพี่เปรื่อง จริง ๆ
ปูนนก: แต่ป่าที่ว่า นี่น่ะ หมายถึงไปเที่ยวป่า นะครับ
ปูนนก: แต่ถ้าเข้าป่า หมายถึง หนี การจับกุม สมัย 6 ต.ค. 19 น่ะ
ปูนนก: ผมโตไม่มันครับ อิอิ.....
เปรื่อง: แต่ร้องเพลงเพื่อชีวิตได้
ปูนนก: โห....ผมเป็นคนชอบอ่านครับ
ปูนนก: ที่บ้านผมมี หนังสือ ประเภท นกสีเหลือง เป็นตั้งเลยครับ
เปรื่อง: พี่ก็อยู่ในหตุการณ์นะคะ 6 ตุลา
ปูนนก: อ่ออ...ครับพี่
ปูนนก: ก็พี่ที่ให้มาใน DEVน่ะ ก็มีส่วนสำคัญที่นำมาสู่ 6 ต.ค. ด้วยน่ะครับ
เปรื่อง: ทำไมคุณปูนถึงมีความคิดทางการเมืองมาทางนี้ล่ะคะ
เปรื่อง: ทั้งที่เป็นคนรุ่นหลัง
เปรื่อง: ถามเครียดไปหรือเปล่าคะ
ปูนนก: ไม่เลยพี่สนุกดี
ปูนนก: พี่เปรื่องรู้จัก จิตร ภูมิศักดิ์ หรือเปล่าครับ
เปรื่อง: คงรู้มั้งคะ
ปูนนก: ผมได้รับแรงบันดาลใจจากการอ่านหนังสือของ จิตร ภูมิศักดิ์ ครับ
เปรื่อง: พี่จะเล่าเหตุการณ์ 6 ตุลาให้ฟังเอามัยคะ
ปูนนก: ในหลาย ๆ เรื่อง
thomas: เขาตายในชายป่า เลือดแดงทาดินอีสาน อีกนาน อีกนาน อีกนาน....
ปูนนก: ดีเลยครับ
ปูนนก: ใช่ครับ คุณแมวอ้วน
ปูนนก: คุณจิตร ภุมิศักดิ์ ตายที่ อ. ภูพาน จ. นครพนม (จำวันไม่ได้) แต่ปี 2507
วันเสียงปืนแตก
thomas: พี่เปรื่องเล่าเลยๆ
เปรื่อง: ไม่นึกว่ามนุษย์จะทำกันได้ขนาดนั้น 6 ตุลา...........
ปูนนก: พี่เปรื่องอยู่ทีไหนครับ วันนั้น
thomas: เอ้...หรือเก็บเอาไว้ นัดเวลาเล่า ก็ดีนะ
เปรื่อง: อยู่ในม็อบที่ธรรมศาสตร์ค่ะ
thomas: จะได้ไปโปรโมทคนเข้ามากันก่อน
เปรื่อง: มือสั่นเลยค่ะ พอจะเล่า
ปูนนก: พี่อยู่ที่ลานโพธิ์ เหรอครับพี่ กำลังตั้งใจฟัง
เปรื่อง: อยู่ที่สนามฟุตบอลค่ะ
ปูนนก: ครับ



ปูนนก: พี่เล่าเลยจะไม่ขัดจังหวะ
เปรื่อง: อยู่หน้า อมธ. วันนั้นค้างคืนที่ม็อบ ไม่ได้กลับบ้าน
ปูนนก: คนนำม๊อบ เวลานั้น คือ ไขแสง สุขใส ใช่หรือเปล่าครับ
เปรื่อง: พวกเราจะมีจัดตั้งคุยกันเป็นกลุ่มๆ ฟังคนบนเวทีไปด้วย วิเคราะห์การเมืองในกลุ่มไปด้วย
เปรื่อง: ไม่ใช่ค่ะ เป็นผู้นำนักศึกษาล้วนๆ
ปูนนก: แล้ว ไขแสง สุขใส เวลานั้นไม่ใช่นักศึกษาเหรอครับ
เปรื่อง: ไม่ใช่ค่ะ คุณไขแสงเป็นนักการเมืองแล้วในเวลานั้น
เปรื่อง: ตอนนั้นกลุ่มก้อนนักศึกษาหลักๆก็มี ศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย
เปรื่อง: สหพันธ์นักศึกษาเสรีแห่งประเทศไทย
ปูนนก: ครับ เท่าที่ทราบก็คืออย่างนั้น
ปูนนก: ศสนท
เปรื่อง: แล้วก็กลุ่มก้อนพวกองค์การนักศึกษาตามมหาวิทยาลัยต่างๆ
เปรื่อง: พวกเราอบอุ่นกันมากค่ะ เพราะมีจุดมุ่งอันเดียวกัน
ปูนนก: ครับ พี่ แล้วจุดเริ่มต้นการเข้ากวาดล้าง เกิดขึ้นได้อย้างไรครับ
เปรื่อง: ด้วยหัวใจบริสุทธิ์
ปูนนก: เท่าที่ผมทราบเกิดจากการ แสดงละคร ล้อการเมือง เรื่องที่มีคนถูกฆ่าแขวนคอที่ นครปฐม แล้วเอามาแสดงที่ เวที
เปรื่อง: เขาอ้างกรณีนักศึกษาในธรรมศาสตร์เล่นละครแขวนคอ
ปูนนก: แล้วก็ถูกแปลงให้ใบหน้าคล้ายกับ............ จนเกิดกลุ่ม กระทิงแดงบุกเข้าไปใน ธรรมศาสตร์
เปรื่อง: พวกเค้าหาว่า แต่งหน้าคล้าย......
ปูนนก: ใช่ครับ โดยผู้จุดชนวนคือ หนังสือพิมพ์ดาวสยาม
เปรื่อง: ไม่ใช่ค่ะคุณปูนนก ในวันนั้นทหารตำรวจเป็นคนบุกเข้าไปค่ะ
ปูนนก: ครับ
ปูนนก: ผมก็ทราบอย่างนั้นเหมือนกัน
เปรื่อง: มีเสียงปืนตั้งแต่เช้ามืด
เปรื่อง: พวกเรามีการ์ด แต่เป็นพวกอาสาสมัครจากนักศึกษากันเอง
ปูนนก: กลุ่มกระทิงแดง เกิดจาก พล.อ. สายหยุด เป็นผู้ก่อตั้งขึ้นเพื่อต่อต้าน กำลังของ ศสนท. ที่เอาชนรัฐบาลทหารในปี 16
ปูนนก: เขายิงปืนเข้าไปเลยเหรอครับ
เปรื่อง: ไม่ใช่ค่ะคุณปูน พวกกระทิงแดงเกิดจากการจัดตั้งของ พลตรีสุตสาย หัสดินค่ะ
ปูนนก: ขอโทษครับ ผมจำผิดครับ
เปรื่อง: พลตรี สุตสาย เป็นเพื่อนสนิทกับป๋าค่ะ



ปูนนก: ครับ ใช่
ปูนนก: การยิงกันเวลานั้น มีสัญญาณอะไรมาก่อนหรือเปล่าครับ
เปรื่อง: เขาจัดตั้งจากเด็กอาชีวะที่เคลื่อนไหวตั้งแต่ครั้ง 14 ตุลาค่ะ
ปูนนก: หรือพอเช้าก็ยิงเลย
ปูนนก: เช่น มีคำขู่ หรือ แก๊สน้ำตา หรือ อื่น ๆ ที่เป็นสัญญาณว่าทหารจะลงมือ
เปรื่อง: ก็มีการปลุกระดมจากวิทยุ จากหนังสือพิมพ์
เปรื่อง: แต่พวกเราก็ไม่คิดว่าเขาจะลงมือรุนแรงจริงๆ คิดแบบเด็กๆ
เปรื่อง: แต่ทราบว่าที่สนามหลวงมีพวกกระทิงแดง และ ทหารตำรวจเต็มไปหมด
ปูนนก: แสดงว่าพี่เปรื่อง อยู่ที่นั่นในขณะที่มีการเข้ากวาดล้างกันจริงๆ เลยใช่ป่ะครับ
เปรื่อง: พวกเราไม่มีอาวุธหรอกค่ะ อย่างมากก็แค่ปืนสั้นเป็นบางคน
เปรื่อง: พี่อยู่ในที่เกิดเหตุตลอดเวลาค่ะ
ปูนนก: ถ้าอย่างนั้นพี่เปรื่องก็ต้องเป็นหนึ่งในเหล่านักศึกษาที่ ถูกจับเอามานอนหมอบอยู่ที่สนามใช่ป่ะครับ
เปรื่อง: ใช่ค่ะ ไม่ผิด
เปรื่อง: พวกเขาเข้ามารุกไล่ยิงเราเข้ามาเรื่อยๆ
เปรื่อง: พวกการ์ดเพื่อนๆกันก็ทำหน้าที่ประสานมือปกป้องพวกเราอย่างดีที่สุด
ปูนนก: ก็ล้มตายกันระเน ระนาด น่ะซิครับ
เปรื่อง: พี่ถูกกันขึ้นไปหลบที่ตึกบัญชีชั้นบนสุด
เปรื่อง: ใช่ค่ะ ตายและบาดเจ็บ เลือดสดๆ
เปรื่อง: พี่อยู่ในที่เกิดเหตุตลอดเวลาค่ะ
ปูนนก: ถ้าอย่างนั้นพี่เปรื่องก็ต้องเป็นหนึ่งในเหล่านักศึกษาที่ ถูกจับเอามานอนหมอบอยู่ที่สนามใช่ป่ะครับ
เปรื่อง: ใช่ค่ะ ไม่ผิด
เปรื่อง: พวกเขาเข้ามารุกไล่ยิงเราเข้ามาเรื่อยๆ
เปรื่อง: พวกการ์ดเพื่อนๆกันก็ทำหน้าที่ประสานมือปกป้องพวกเราอย่างดีที่สุด
ปูนนก: ก็ล้มตายกันระเน ระนาด น่ะซิครับ
เปรื่อง: พี่ถูกกันขึ้นไปหลบที่ตึกบัญชีชั้นบนสุด
เปรื่อง: ใช่ค่ะ ตายและบาดเจ็บ เลือดสดๆ
ปูนนก: เวลานั้นทหารและตำรวจ เขายิงจริงๆ ตายจริงๆ และไม่มีปรานี ใช่หรือเปล่าครับ
เปรื่อง: ที่ใต้ถุนตึกบัญชี เราทำเป็นห้องพยาบาล
ปูนนก: แล้วพี่เปรื่องเอง ถูกกระทำอย่างไรบ้างครับ.....ในเวลานั้น
เปรื่อง: มีอาสาสมัครเป็นนักศึกษาแพทย์เป็นส่วนใหญ่
เปรื่อง: พี่ไม่บาดเจ็บอะไรเลยค่ะ เพราะเขากันขึ้นไปบนตึกบัญชี ด้วยความเสียสละของพวกการ์ด



ปูนนก: แต่สิ่งที่พี่ได้รับก็คือ ภาพที่เห็นและสิ่งที่จดจำอยู่ในจิตใจไม่ใช่เหรอครับ
เปรื่อง: แต่ลักษณะห้องเรียนของตึกบัญชี จะเป็นบานเกล็ดครึ่งหนึ่ง
ปูนนก: ครับ
เปรื่อง: การ์ดก็จะกันพวกเราไปหลบอยู่ตามห้องต่างๆ
เปรื่อง: ต้องนอนหมอบกัน เพราะถ้าเงยหัวขึ้นมาก็จะถูกยิง
เปรื่อง: พี่เข้าใจว่า พวกมันจะไปตั้งปืนระยะไกลอยู่ที่หอประชุมใหญ่ข้างบน
เปรื่อง: เพราะกระจกบานเกล็ดถูกยิงแหลกละเอียด
ปูนนก: เขายิงเข้ามาในห้องเลยเหรอครับ
เปรื่อง: ใช่ค่ะ บนหัวของพวกเรามีแต่เศษกระจก
ปูนนก: เป็นระยะเวลานานเท่าไรครับ การยิงถึงได้สงบลงน่ะครับ
เปรื่อง: ตั้งแต่เช้ามืดจนถึงช่วงบ่ายค่ะ ค่อยๆซาลง
เปรื่อง: แต่ก่อนหน้านั้นมีเหตุการณ์ที่ทำให้พี่ต้องแค้นมันจนวันตาย
ปูนนก: โห.....ครึ่งวันเลยเหรอที่ รุมยิงอยู่อย่างนั้น
ปูนนก: คนข้างในก็ต้องหลบอยู่อย่างเดียว
ปูนนก: เหตุการณ์อะไรเหรอครับ
เปรื่อง: เพราะระหว่างมีเสียงปืนดังขึ้น เป็นชุด ยาวบ้างสันบ้าง เสียงระเบิดบ้าง
เปรื่อง: พี่อยู่ถึงชั้นบนสุดตึกบัญชี แต่ได้ยินเสียงร้องจากข้างล่างตึก
เปรื่อง: เป็นเสียงของคนในห้องพยาบาล ที่พวกเราจัดขึ้น มีคนเจ็บเยอะแยะเต็มไปหมด
เปรื่อง: เข้าใจว่าเป็นเสียงของพวกนักศึกษาแพทย์และพยาบาล พวกเขาช่วยกันร้องตะโกน
เปรื่อง: ดังมาก จนพี่เองอยู่ข้างบนยังได้ยินเสียง....ว่ายอมแพ้แล้ว ยอมแพ้แล้ว
เปรื่อง: อย่ายิงคนเจ็บ...อย่ายิงคนเจ็บ
เปรื่อง: พี่ได้ยิน ทุกคนก็ได้ยิน พวกเขาช่วยกันร้องตะโกนอยู่หลายครั้ง ครั้งสุดท้ายเงียบเสียงไปพร้อมกับเสียงปืนรัวเป็นชุด



ปูนนก: พี่เปรื่องอาสาเป็นคนไปช่วยพยาบาลคนเจ็บหรือเปล่า
เปรื่อง: ณ.วินาทีนั้น พี่คิดว่ายังไงเราก็คงต้องตายแน่ๆ ก็ผุดลุกขึ้นจะวิ่งลงไปดูหน้าไอ้สัตว์นรก
เปรื่อง: ร้องไห้เหมือนคนบ้า ตะโกนเหมือนคนบ้า เพื่อนๆต้องจับกดเอาไว้ไม่ให้ลุกขึ้น
เปรื่อง: มันฆ่าได้แม้กระทั่งคนในห้องพยาบาลที่ร้องยอมแพ้ขอชีวิตให้คนเจ็บ
ปูนนก: พวกนั้นไปยิงคนเจ็บในห้องพยาบาลจริง ๆ เลยเหรอครับ
เปรื่อง: ตอนถูกต้อนลงมาก็เห็นสภาพคนตายเกลื่อน
ปูนนก: หืมมม....พวกทหารขึ้นไปจับ และต้อนพวกพี่ที่อยู่ข้างบนลงมาข้างล่างเหรอ
เปรื่อง: ใช่ค่ะ พี่ยังร้องตะโกนด่า แต่เพื่อนอุดปากไว้
เปรื่อง: พอลงมาข้างล่างมันก็ให้ถอดรองเท้าทุกคน เพื่อแยกผู้ต้องหาจากคนที่เข้ามารุมดู
ปูนนก: เห็นภาพข่าว บังคับให้ถอดเสื้อด้วยไม่ใช่เหรอครับ
เปรื่อง: ลงมาก็เห็นพวกเพื่อนๆจากตึกอื่นที่มันกวาดลงมาก่อนหน้านี้แล้ว นอนคว่ำหน้าอยู่ที่สนามฟุตบอลเป็นแถวเกือบเต็มสนาม
เปรื่อง: ทีแรกมันก็ให้เฉพาะพวกผู้ชายถอดเสื้อ
เปรื่อง: ตอนหลังมันก็บังคับให้ผูหญิงถอดเสื้อด้วย เหลือแต่เสื้อชั้นใน
ปูนนก: ทำไมถึงถอดเสื้อผู้หญิงด้วยล่ะ
ice angel: พวกมันโรคจิต
ปูนนก: อ้าว คุณนางฟ้ายังอยู่เหรอ
ปูนนก: นึกว่าไปทาน ฟูจิ ซะแล้ว
เปรื่อง: แต่พี่ลงมาเป็นแถวหลังๆ กำลังจะถอด พอดีมีนายทหารหรือนายตำรวจชั้นผู้บังคับบัญชาเข้ามาด่าพวกมัน
ice angel: ไปไปมามา ค่ะ
เปรื่อง: พี่ได้ยินแว่วๆว่า พวกมึงจะทำให้กูเดือดร้อน ไอ้เหี้ย
ice angel: นั่นไงว่าแล้ว ไอ้พวกโรคจิต
ปูนนก: อิอิ.......พวกนั้นเลย อด เห็นพี่เปรื่องเลย คริ คริ........(ล้อเล่นน่ะ อย่าเครียดมากกกก)
รัชพล: ไปกินเสร็จแล้วก็มาเหรอครับคุณนางฟ้า
ice angel: หวัดดีคุณรัชพล
เปรื่อง: บางคนที่ไม่ยอมถอดก่อนหน้านันมันบังคับให้แก้ผ้าเลยก็มี
ice angel: ว่าแต่จะเลี้ยงไหมหล่ะ
ปูนนก: แล้วถูกจับคว่ำอยู่ที่สนาม นานหรือเปล่าครับ
เปรื่อง: เด็กคนนั้นเสียสติไปเลยค่ะ
ปูนนก: ครับ น่าสงสาร



คุณเรียบร้อย.: เย็นนี้ (26 กย.) คุณณัฐวุฒิ และคุณเฉลิม ไปหาเสียงกับ คุณประภัสส์ เบอร์ 10 ที่ อิมพีเรียลลาดพร้าว 16.00 - 20.00 ประชาสัมพันธ์ต่อ ๆ ด้วยค่ะ
ice angel: โห บังคับให้แก้ผ้าด้วย ไอ้โรคจิต
เปรื่อง: เป็นชั่วโมง มันก็กวาดต้อนไปขึ้นรถ พาไปที่คุมขัง
ice angel: เดี๋ยวไปแปะในเวปบอร์ดให้คุณเรียบร้อย
ปูนนก: พี่เปรื่องถูกจับไปขังที่ไหนเหรอครับ
เปรื่อง: โรงเรียนพลตำรวจบางเขนค่ะ หยุดเล่าก่อนได้มั้ยคะ
ปูนนก: ครับ พี่เปรื่อง พักก่อนก็ได้ครับ
ปูนนก: จะทานน้ำ หรือทานอาหารก็ได้ครับ
เปรื่อง: ขอหยุดร้องไห้ก่อนนะคะ
ปูนนก: ครับ พี่...............
ปูนนก: ไม่ต้องเล่าแล้วล่ะครับ
ปูนนก: พอแระ
เปรื่อง: เดี๋ยวค่อยเจอกันนะคะ
ปูนนก: เรื่องบางเรื่อง....สิ่งบางสิ่ง เมื่อมันตกตะกอนไปแล้ว ถึงแม้มันจะไม่หายไปเลย แต่ก็ถ้าไม่ไปคุ้ยมันขึ้นมาอีก ก็จะไม่เป็นไร
นนก: แต่ถ้าไปคุ้ยมันขึ้นมาอีก ก็จะกลายเป็นสิ่งเลวร้ายในชีวิตครับ



จาก thaifreenews

พันธมิตรฯ ไม่มีมติปิดสนามบิน ต้อนรับนายกฯ กลับบ้านเกิด

ทำเนียบฯ 26 ก.ย.- พันธมิตรฯ สนใจข้อเสนออธิการบดีฯ 24 แห่ง แต่ต้องหารือก่อน ย้ำจุดยืนให้สังคมเป็นเจ้าภาพปฏิรูปการเมือง ระบุ 5 แกนนำฯ ไม่มีมติให้ปิดสนามบินนครศรีธรรมราชกรณีนายกฯ จะกลับบ้านเกิดพรุ่งนี้ ส่วนเครือข่ายฯ จะเคลื่อนไหวอย่างไรตัดสินใจเอง

นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงข้อเสนอของอธิการบดี 24 มหาวิทยาลัย เพื่อปฏิรูปการปกครอง ว่าถือเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจและน่าจะนำมาวิเคราะห์ ซึ่งถือว่าเป็นแนวทางหนึ่งที่จะคลี่คลายสถานการณ์ได้ โดยเฉพาะอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการการเมือง การปกครอง สร้างการเมืองใหม่ ทั้งนี้จุดยืนของพันธมิตรฯ ยังคงยืนยันว่าสังคมควรเป็นเจ้าภาพในการปฏิรูปการเมือง เพราะหากเป็นฝ่ายการเมืองอาจมีการแทรกแซงและการเมืองใหม่จะไม่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ จะหารือกันถึงประเด็นดังกล่าว เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ส่วนการสัมมนาเพื่อรวบรวมความเห็นเกี่ยวกับเรื่องการเมืองใหม่วันพรุ่งนี้ (27 ก.ย.) มีบุคคลกลุ่มต่าง ๆ ตอบรับแล้วประมาณ 40 คน

ต่อข้อถามว่าหาก พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี จะมาเจรจากับกลุ่มพันธมิตรฯ ทางกลุ่มจะว่าอย่างไร นายสุริยะใส กล่าวว่า พล.อ.ชวลิต ยังได้ติดต่อมา แต่โดยหลักการแล้วต้องเป็นคนที่มีอำนาจเต็ม ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีจะลงพื้นที่ภาคใต้ จ.นครศรีธรรมราช บ้านเกิด พรุ่งนี้ (27 ก.ย.) จะมีการปิดสนามบินหรือไม่ ว่าไม่มีมติของ 5 แกนนำฯ ให้ปิดสนามบิน แต่ให้อิสระเครือข่ายพันธมิตรฯ ในต่างจังหวัดใช้ดุลพินิจในการตัดสินใจเอง ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีรายงานใด ๆ เข้ามา

ผู้สื่อข่าวรายงานการชุมนุมว่า ได้มีกลุ่มผู้ชุมนุมจากต่างจังหวัดได้ทยอยเดินทางมาร่วมชุมนุมเหมือนเช่นทุกวันศุกร์ โดยพันธมิตรฯ จากจังหวัดเลยได้แต่งกายด้วยชุดผีตาโขนมาร่วมชุมนุมด้วย นอกจากนี้ยังเป็นที่น่าสังเกตว่าบริเวณยอดเสารั้วทำเนียบรัฐบาล ที่เป็นแท่นปูนทรงสี่เหลี่ยมคล้ายดอกบัวหลายจุดเริ่มหัก อาทิ ด้านหลังเวทีหลักในทำเนียบรัฐบาล ศาลพระภูมิและทางเข้าประตู 7 ซึ่งบริเวณที่ยอดเขาหักส่วนใหญ่ เป็นบริเวณที่มีเต็นท์หรือกลุ่มผู้ชุมนุมมาปักหลักอาศัยอยู่และยังมีอีกหลายเสา ที่เริ่มร้าวแล้ว.-สำนักข่าวไทย


อัพเดตเมื่อ 2008-09-26 19:45:05

ลุยสนามตามหาผู้ว่า : 2 พรรคใหญ่ปราศรัยครั้งแรก

กรุงเทพฯ 26 ก.ย. - สนามเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.วันนี้ นอกจากผู้สมัครเร่งเครื่องหาเสียงอย่างเข้มข้นแล้ว ยังมีการปราศรัยใหญ่ครั้งแรกของ 2 พรรคใหญ่

ส่วน ลีน่า จัง ขอพักหาเสียง ไปจัดการงานศพและช่วยเหลือครอบครัวทีมงานที่จมน้ำเสียชีวิตระหว่างช่วยหาเสียง เมื่อวานนี้.

ชมรายละเอียด สำนักข่าวไทย


อัพเดตเมื่อ 2008-09-26 19:40:32

สีสัน ครม.นัดแรก

ดอนเมือง 26 ก.ย. - หลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง วันนี้ คณะรัฐมนตรีรัฐบาลนายกฯสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้เริ่มประชุมเป็นนัดแรก

แต่ว่าสถานที่การประชุมไม่ใช่ที่ทำเนียบรัฐบาล แต่เป็นที่ท่าอากาศยานดอนเมือง การประชุม ครม.นัดแรกมีสีสันหลายอย่างน่าสนใจ .

ชมรายละเอียด สำนักข่าวไทย


อัพเดตเมื่อ 2008-09-26 19:15:49

นายกฯ ยืนยันกลับไปเยี่ยมบ้านเกิด จ.นครศรีฯ พรุ่งนี้

ดอนเมือง 26 ก.ย. - นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (27 ก.ย.) จะเดินทางไปเยี่ยมบ้านเกิดที่ จ.นครศรีธรรมราช แม้มีข่าวกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยใน จ.นครศรีธรรมราช จะเดินทางไปชุมนุมคัดค้าน ส่วนตัวไม่รังเกียจ ถือเป็นเรื่องที่ดี ตนจะกลับบ้าน คงไม่มีใครกีดกันไม่ให้คนกลับบ้าน เรื่องนี้คงไม่เป็นปัญหา

ส่วนการเพิกถอนพาสปอร์ตแดงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายสมชาย กล่าวว่า ให้ทางกระทรวงการต่างประเทศไปพิจารณาตามหลักการ เมื่อผู้สื่อข่าวย้อนถามว่า ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ บอกเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี นายสมชาย กล่าวว่า ยังไม่เห็นเรื่องและไม่ทราบเรื่องดังกล่าว. - สำนักข่าวไทย

อัพเดตเมื่อ 2008-09-26 19:03:19

24 อธิการบดี ร้องนายกฯ ดันแก้วิกฤติการเมืองเป็นวาระแห่งชาติ

มธ. 26 ก.ย.-ที่ประชุม 24 อธิการบดี ยื่นข้อเรียกร้องนายกฯ ประกาศวิกฤตการณ์การเมืองเป็นวาระแห่งชาติ ตั้งคณะกก.อิสระหาทางออก โดยให้อำนาจเลือกเฉพาะตัวประธานเท่านั้น ยอมรับ “ประเวศ วะสี” เป็นหนึ่งในบุคคลที่ได้รับการยอมรับ ชี้เป็นทางออกเดียวที่จะรักษาระบอบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตัวแทน 24 อธิการบดีมหาวิทยาลัยทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยรามคำแหง มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยพายัพ และมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ นำโดย นายสุรพล นิติไกรพจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนายอาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต ร่วมแถลงผลการหารือของที่ประชุมอธิการบดี เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาวิกฤตการณ์การเมืองขณะนี้

นายสุรพล กล่าวว่าที่ประชุมอธิการบดีฯ เห็นควรยื่นข้อเรียกร้องตรงต่อ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ผ่านสื่อมวลชน โดยข้อเรียกร้องมีสาระสำคัญคือ ให้นายกรัฐมนตรีประกาศให้การแก้ไขวิกฤตการณ์การเมืองร้ายแรงเป็นวาระแห่งชาติและดำเนินการแก้ไขโดยด่วน ด้วยการจัดตั้งคณะกรรมการอิสระ เพื่อปฏิรูปการเมืองการปกครอง โดยให้นายกรัฐมนตรีตั้งเฉพาะตัวประธาน เลือกจากผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นกลาง มีความสามารถและได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย จากนั้นให้ประธานไปสรรหาและแต่งตั้งกรรมการอื่น ๆ ตามความเหมาะสม

นายสุรพล กล่าวว่าคณะกรรมการดังกล่าวจะมีเวลาทำงาน 120 วัน โดยให้รัฐบาลสนับสนุนเงินอุดหนุน และให้กรรมการมีอำนาจอย่างเต็มที่ในการเรียกบุคคลและข้อมูลเอกสารมาชี้แจง และต้องรายงานการทำงานต่อสาธารณชนอย่างเปิดเผย สม่ำเสมอ เมื่อศึกษาเสร็จต้องจัดทำรายงานเป็นร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เสนอต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อนำไปสู่กระบวนการลงประชามติ หากประชาชนให้ความเห็นชอบตามแนวทางของรายงาน ให้คณะรัฐมนตรีนำเสนอเป็นร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญต่อไป

นายสุรพล กล่าวว่าที่ประชุมอธิการบดีฯ ไม่ได้วางตัวบุคคลที่สมควรเป็นประธานคณะกรรมการชุดนี้ แต่ให้เป็นไปตามดุลยพินิจของนายกรัฐมนตรี ขอเพียงให้พิจารณาอย่างรอบคอบ และสรรหาบุคคลที่เป็นที่ยอมรับ จะเห็นว่าข้อเสนอของเรา เป็นทางออกเดียวที่จะรักษาระบอบประชาธิปไตยไว้ได้ และเป็นข้อเสนอที่เป็นการไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่เป็นการเริ่มต้นที่จะทำให้ความขัดแย้งที่ปัจจุบันถูกมองไปคนละทิศละทาง ถูกนำกลับมายังโต๊ะเจรจา

“เราเสนอเป็นกลาง เป็นแค่เริ่มต้น จะเห็นว่าเราไม่ได้ลงลึกถึงการยึดสถานที่ การมอบตัว หรือการแก้-ไม่แก้รัฐธรรมนูญ แต่เราเห็นว่าสิ่งที่เสนอเป็นเพียงทางออกเดียว และเป็นก้าวแรกที่จะยุติความขัดแย้งลงได้” นายสุรพล กล่าว พร้อมยอมรับว่า นพ.ประเวศ วะสี เป็นบุคคลหนึ่งที่สังคมให้การยอมรับ

ด้านนายอาทิตย์ เชื่อว่าหากทุกฝ่ายมีความจริงใจ ข้อเสนอของที่ประชุมอธิการบดีฯ น่าจะเป็นที่ยอมรับ เพราะถ้ารัฐบาลดำเนินการอย่างจริงจังเป็นวาระแห่งชาติ และไม่มีเจตนาอื่นแอบแฝง เชื่อว่าพันธมิตรฯ น่าจะยอมรับ

ผู้สื่อข่าวถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าข้อเสนอจะได้รับการตอบสนองจากนายกรัฐมนตรี และจะดำเนินการอย่างไร หากไม่ได้รับการตอบสนอง นายสุรพล กล่าวว่า พื้นฐานของนายกรัฐมนตรีเป็นนักกฎหมาย น่าจะตอบรับข้อเสนอ แต่จะดำเนินการมากน้อยเพียงใด ต้องรอดูต่อไป แต่ขอย้ำว่าถ้าดำเนินการตามข้อเสนอของที่ประชุมอธิการบดีหัวใจของเรื่องอยู่ที่การตั้งประธานที่เป็นกลาง และเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย .- สำนักข่าวไทย


อัพเดตเมื่อ 2008-09-26 17:25:59


ตั้ง กาญจนารัตน์ รก.เลขาฯ สำนักงานศาลปกครอง


ศาลปกครอง 26 ก.ย. - นายอักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งแต่งตั้งให้นางกาญจนารัตน์ ลีวิโรจน์ รองเลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง รักษาการในตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานศาลปกครองไปก่อน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2551 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

ทั้งนี้ น.ส.พรทิพย์ ทองดี เลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย. 2551 ขณะนี้ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการทำหน้าที่พิจารณาคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมจะดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง เพื่อเสนอรายชื่อต่อประธานศาลปกครองสูงสุด ภายใน 30 วัน ก่อนขอความเห็นชอบต่อคณะกรรมการตุลาการศาลปกครองต่อไป. - สำนักข่าวไทย


อัพเดตเมื่อ 2008-09-26 17:02:06


ทูตอังกฤษเข้าพบสมชาย แสดงความยินดีนั่งนายกฯ ใหม่

ดอนเมือง 26 ก.ย.-ทูตอังกฤษประจำประเทศไทยเข้าพบ “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” แสดงความยินดีเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ตามระบอบประชาธิปไตย แนะรัฐบาลไทยส่งเสริมการลงทุนให้มากขึ้น ไม่ห่วงการชุมนุมหากไม่เกิดปะทะ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ นายควินทัน เควลย์ เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย ได้เดินทางเข้าพบนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง โดยใช้เวลาประมาณ 45 นาที

จากนั้น นายควินทัน เควลย์ ให้สัมภาษณ์ว่า ได้แสดงความยินดีที่นายสมชาย ได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นนายกรัฐมนตรีที่มาตามหลักของประชาธิปไตย ซึ่งประเทศอังกฤษมีความสัมพันธ์กับไทย จึงอยากเห็นประเทศไทยเคารพในระบอบประชาธิปไตย และตนรู้สึกดีใจที่สถานการณ์ทางการเมืองของไทยดีขึ้น และมีการยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินไปแล้ว

เอกอัครราชทูตอังกฤษฯ กล่าวว่า ได้พูดคุยเกี่ยวกับปัญหาพม่า และในฐานะที่ประเทศไทยเป็นประธานอาเซียน และเป็นประเทศเพื่อนบ้านกับพม่า จะใช้ความสัมพันธ์ที่ดีส่งเสริมระบอบประชาธิปไตยและการเคารพสิทธิมนุษยชนในพม่าได้ ส่วนในด้านเศรษฐกิจนั้น ได้บอกนายกรัฐมนตรีว่า อยากให้รัฐบาลมีนโยบายเสรีในเรื่องของทุนนิยม ประเทศอังกฤษลงทุนในไทยมากที่สุดในประเทศแถบยุโรป จึงอยากให้รัฐบาลเร่งส่งเสริมการลงทุนให้มากขึ้น

“การชุมนุมประท้วงที่เกิดขึ้นในประเทศไทยขณะนี้ ถ้าเป็นไปอย่างสันติวิธี ไม่มีการปะทะกัน ก็คงไม่มีปัญหา แต่ถ้ามีการเสียเลือดเสียเนื้อเป็นธรรมดาที่คนต่างชาติและนักลงทุนจะตกใจอยู่บ้าง แต่ขณะนี้ ผมก็ดีใจที่สถานการณ์ในประเทศไทยดีขึ้น ผมคิดว่าทุกกลุ่มมีสิทธิเสนอความคิดเห็นหรือมีการแสดงออก แต่ต้องอยู่ในกรอบของประชาธิปไตย จะเห็นด้วยกับรัฐบาลหรือไม่เห็นด้วย ก็ไม่เป็นไร แต่ต้องอยู่ในหลักสันติวิธี” นายควินทัน เควลย์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย


อัพเดตเมื่อ 2008-09-26 16:23:49


Friday, September 26, 2008

คนชั้นกลางจะโวยทำไมว่า ครม.โควต้า ยุคทักษิณทำลายระบบโควต้าไปแล้ว คนชั้นกลางผู้ไร้จุดยืน ก็ไล่เขาไป

บทความ โดย ลูกชาวนาไทย

ผมรู้สึกเบื่อหน่ายกับกลุ่มคนที่เรียกว่า "ปัญญาชนคนชั้นกลาง จอมกระแดะทั้งหลายเต็มทีแล้วครับ ที่โวยวายว่า รัฐบาลของนายกฯสมชาย เป็น ครม.โควต้า ตั้ง ครม. ตามโควต้า ระบบล้าหลังกลับมาอีก ครม. ขี้เหร่ ให้พวก สส.ได้ต่อรองตำแหน่งแย่งชิงกันอีก

สุดแต่จะพูด จะตะโกนกันตามอารมณ์เหมือนคนวัยทอง ที่ความคิดและการกระทำไม่ได้อยู่กับร่องกับรอยอะไรเลย



เราจะเห็นว่าในยุคที่ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีทั้งสองสมัยนั้น เป็นช่วงที่นายกรัฐมนตรีมีความเข็มแข็ง มีอำนาจต่อรองสูง การแต่งตั้งรัฐมนตรีขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของนายกฯ ทักษิณเป็นส่วนใหญ่ ทำให้หัวหน้าวัง และกลุ่มการเมืองต่างๆ อ่อนแอ และไร้อำนาจการต่อรองโดยสิ้นเชิง ระบบโควตาทางการเมืองที่เคยมีมาก่อนยุคทักษิณ ก่อนยุครัฐธรรมนูญปี 2540 ได้หายไปเกือบหมดสิ้น และรัฐบาลก็ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนชาวบ้านทั้งรักและเคารพ นายกฯทักษิณ ยิ่งกว่านายกฯ ใดๆ ในอดีตของไทย

แต่คนชั้นกลาง นักวิชาการ และสื่อจอมกระแดะที่ไม่อยู่กับร่องกับรอยทั้งหลาย ก็โจมตีทักษิณอย่างรุนแรงว่า เป็นเผด็จการบ้าง ไม่ฟังเสียงคนอื่นบ้าง กล่าวหาใส่ความ สาดโคลนสารพัด สุดท้ายเมื่อทำอะไรไม่ได้ ก็ไปชักนำ วางแผนให้ทหารทำรัฐประหาร ทำลายรัฐธรรมนูญปี 2540 ที่ทำให้นายกรัฐมนตรีเข็มแข็งทิ้งไป

แล้วก็เกิดวิกฤตการณ์การเมือง กว่าสามปี ป่านนี้ก็ยังไม่จบ และยังไม่มีใครรู้ว่าจะจบอย่างไร

ตอนนี้เราได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ภายใต้รัฐธรรมนูญใหม่ที่มีบทบัญญัติทำลายอำนาจรัฐบาล และอำนาจนายกรัฐมนตรีไม่ให้มีเหลือมากนัก และเมื่อนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี ที่มีอำนาจและบารมีไม่เท่ากับทักษิณ การเมืองแบบโควตากลุ่มก็กลับมาอีก หัวหน้าวังต่างๆ ก็กลับมามีอิทธิพลอีก

เมื่อนายกรัฐมนตรีไม่มีอำนาจต่อรองมากนัก อำนาจหัวหน้ากลุ่มต่างๆ มันก็ต้องเข็มแข็ง การจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีก็ต้องเป็นระบบโควตาแบ่งไปตามกลุ่มการเมืองต่างๆ มันจะเป็นอื่นไปได้อย่างไร เพราะหากไม่ใช่วิธีนี้รัฐบาลจะหาเสียงที่ไหนมาสนับสนุนรัฐบาลได้



มันก็เป็นเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญปี 2550 ไม่ใช่หรือ ที่จงใจทำลายนักการเมือง จงใจทำลายพรรคการเมือง ทำให้การเมืองอ่อนแอ เพื่อให้กลุ่มอำมาตยาธิปไตยดูดีขึ้น สภาพการณ์มันก็ย้อนกลับไปเหมือนก่อนปี 2540 อีก ผลมันย่อมเกิดจากเหตุ จะมาโวยวายตีโพยตีพายไปทำไม ก็พวกสื่อ และคนชั้นกลางไม่ใช่หรือที่ช่วยกันทำลายระบบการเมืองที่เข็มแข็ง ทำลายพรรคการเมืองที่เข็มแข็งและทำลายนายกรัฐมนตรีที่เข็มแข็งไป

ทุกๆ เรื่องมันมีเหตุมีผล มีทางไป เป็นเหตุเป็นผลกัน จะไปเอาตามแต่ใจตัวเองได้อย่าง



นายกรัฐมนตรีเข็มแข็ง ทำลายระบบโควตาของ สส.กลุ่มต่างๆ ทิ้งไปได้ ก็รุมกันสาดโคลนว่าเผด็จการ พอนายกรัฐมนตรีอ่อนแอไม่มีอำนาจต่อรอง ก็สาดโคลนว่า เป็นการเมืองโควต้า

ผมจึงคิดว่า กลุ่มคนที่ไร้สติ บ้าคลั่งในประเทศไทย ยุคนี้ไม่มีใครเกินพวกที่เรียกตัวเองว่า "นักวิชาการ" และสื่อทั้งหลายนี่เลย กลุ่มคนชั้นกลางในเมืองหลวงที่คุยนักคุยหนาว่าตัวเองมีการศึกษาสูง อยู่ใกล้ข้อมูลมากกว่าคนบ้านนอก ก็กลายเป็น คนชั้นกลางไร้สติ พอ ๆ กับสื่อ และนักวิชาการย้อนยุคทั้งหลาย

คนพวกนี้ทำลายประเทศไม่ได้รู้จักหยุดจักหย่อน ทำลายสามัคคีของคนในชาติไปจนหมดสิ้น

แล้วจะมีหน้ามาร้องตะโกนไปทำไมกัน

ผลมันย่อมเกิดมาจากเหตุ ไม่ใช่ผลมันจะเกิดขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุไปได้

ความวุ่นวายทางการเมืองที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ก็เกิดจากคนชั้นกลางในกรุงเทพฯ กลุ่มใหญ่นี่แหละ ที่ไปเชื่อการปลุกระดมทางการเมือง ตัดสินทุกอย่างตามอารมณ์ ตามความชอบ ศาลสถิตยุติธรรมทั้งหลาย ที่มีหน้าที่ดำรงความยุติธรรม ก็บ้าคลั่งตามกระแสที่โดนสร้างขึ้น จนการตัดสินต่างๆ ไร้หลักนิติธรรม ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่ได้กล่าวหากันเกินเลยนัก เพราะสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ ก็จัดให้ระบบยุติธรรมของไทย อยู่ในกลุ่มท้ายๆ ของประเทศต่างๆ ในเอเชีย เป็นที่รู้ๆ กันอยู่ถึงความไม่โปร่งใส

สำหรับผมแล้ว ไม่ได้แคร์กับว่า รัฐบาลชุดคุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จะมีทางเลือกมากมายนัก เพราะคุณสมชายเอง ก็ไมได้มีอำนาจบารมีเด็ดขาดในพรรค บุคลิกภาพในการนำ ก็ไม่โดดเด่นเท่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หรือแม้แต่ นายสมัคร สุนทรเวช เมื่อเป็นอย่างนี้ อำนาจการต่อรองทั้งหลายในพรรคพลังประชาชน ก็ต้องขึ้นกับกลุ่มการเมืองต่างๆอย่างหลีกเลี่ยงไมพ้นอยู่แล้ว

ถึงอย่างไรผมก็ยังสนับสนุนพรรคพลังประชาชนอยู่ แม้ว่า โผคณะรัฐมนตรีจะออกมาแบบที่ผมไม่ค่อยชอบใจนักก็ตาม แต่มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนัก ผมรู้ว่า ถึงอย่างไรพรรคนี้ก็ ขับเคลื่อนด้วยนโยบาย เป็นหลักอยู่ มีนโยบายที่สนับสนุนคนรากหญ้า ตั้งแต่ยุค พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร มาแล้ว เป็นแนวทางในการดำเนินการของพรรคอยู่

และสุดท้าย ผมก็รับรู้ได้ว่า นายกฯทักษิณ เองก็ยังคงมีบารมี มีอิทธิพลพอที่จะชี้นำพรรคได้อยู่

ภายใต้วิกฤตการณ์ของพรรคพลังประชาชน ที่ถูกศัตรูทางการเมือง ทำลายล้างอย่างเอาเป็นเอาตายมาตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย บุคลากรทางการเมืองจำนวนมาก ต้องโดนห้ามเล่นการเมือง ทีม สส.ที่ส่งลงสนาม ก็เป็นเพียงทีม B เท่านั้น จะให้ การจัด ครม. สวยหรู ออกมาเหมือนยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรได้อย่างไร รัฐบาลแบบนั้นแทบกลายเป็นอุดมคติที่ประชาชนใฝ่ฝันถึงไปแล้ว

ก็พวกคุณจ้องทำลายเขาทุกอย่าง ใช้วิธีการสกปรก ทำลายเขาแบบ ตัวโกง แล้วจะให้ประชาชนหันไปสนับสนุนตัวโกงอย่างพรรคประชาธิปัตย์ได้อย่างไร

ถามจริงๆ เถอะว่า หากกลับกัน พรรคพลังประชาชน หาทางทำลายพรรคประชาธิปัตย์ทุกอย่าง เช่น ยุบพรรคประชาธิปัตย์ทิ้ง ตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคไม่ให้เล่นการเมืองได้ แล้วไป “กระโดดโลดเต้น บอกคนใต้ว่า เห็นไหม เห็นไหม พรรคประชาธิปัตย์ห่วย ไม่มีตัวดีๆ แล้ว มาเลือก พรรคพลังประชาชนเถอะ

พวกคนใต้ จะยอมหรือไม่ จะยอมให้ศัตรูทางการเมืองมาทำลายพรรคของพวกเขา เพื่อให้พวกเราหันไปสนับสนุนศัตรู ทำกันแบบไร้คุณธรรมเช่น ประชาชนไม่ได้ตาบอดนะครับ ที่จะไม่รู้อะไร เป็นอะไร

ดังนั้น รัฐบาลจะออกมาอย่างไร ผมก็ยอมรับได้ทั้งสิ้น เพราะผมยอมรับนโยบายของพรรคพลังประชาชนอยู่แล้ว หากรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นมาไม่มีผลงาน พวกเขาก็อยู่ไม่ได้เอง และเมื่อใกล้เลือกตั้ง รัฐบาลก็ต้องรู้ว่าแรงสนับสนุนมีเท่าใด ก็จะต้องพยายามทำงานให้เข้าเป้าเอง

ถึงอย่างไร รัฐบาลนี้ก็มาจากเลือกตั้ง ผมเลือกของผมมาเองกับมือ ดีหรือเลว ผมตัดสินเอง ไม่ต้องให้ใครมาปั่นหัว หรือชี้นำ

จาก thaifreenews

คอลัมน์ : สามเหลี่ยมดินแดง

คอลัมน์ : สามเหลี่ยมดินแดง

00 หนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์ สื่อทางเลือกของประชาชน เพื่อประชาธิปไตย ฉบับวันศุกร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ.2551 ต้อนรับคณะรัฐมนตรี “ชายหนึ่ง” หรืออาจจะเป็น “ชายเดียว” หากโปรแกรมที่กำหนดกันไว้ออกมาเป็นลบ นั่นคือการยุบพรรคพลังประชาชน คาดว่าน่าจะเกิดขึ้นในเดือนธันวาคม นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี เป็นรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน อยู่ในข่ายถูกตัดสิทธิ ถูกจองจำทางการเมือง

00 รายชื่อคณะรัฐมนตรีที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ส่วนใหญ่ไม่ได้ผิดไปจากโผที่ นายกฯ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ บอกกับนักข่าว ปิดห้องจัดโผคนเดียว แสดงว่านักข่าวเดาใจ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ได้แม่นยำ ที่ลุ้นกันนาทีสุดท้าย คงจะเป็น บิ๊กจิ๋ว พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ลบสถิติที่เคยทำไว้ หวนกลับคืนมาดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี สมัยที่ 2 ซึ่งครั้งแรกยอมลดชั้นเป็นรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาล พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็สร้างความแปลกใจให้กับคอการเมือง แต่พอรับได้ เมื่อคิดว่า บิ๊กจิ๋ว ยังมีไฟที่จะทำงานให้กับประเทศชาติ ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งไหนก็ทำงานได้ จึงยุบรวมพรรคความหวังใหม่กับพรรคไทยรักไทย

00 แต่ช้าแต่ การหวนกลับมาครั้งนี้ เอกฉัตร เดาไม่ออก บิ๊กจิ๋ว มีภารกิจอะไรที่จะต้องทำทิ้งทวน เพราะก่อนหน้านี้แพลมถึงขบวนการ ล้มทุน ล้มปืน ล้มเจ้า และตามมาด้วยโผล่ออกมาแสดงความคิดเห็น สนับสนุนการเมืองใหม่ของกลุ่มกบฏที่ยึดทำเนียบรัฐบาล แต่ขอต่อรองสัดส่วน ส.ส. จากการลากตั้งและเลือกตั้งจาก 70 : 30 เหลือ 50 : 50 ทำให้หลายคนเป็นงงกับ เหตุผลสนับสนุนกลุ่มกบฏของบิ๊กจิ๋ว อุตส่าห์ยอมถอดยูนิฟอร์มเขียวขี้ม้า ในตำแหน่งสูงสุดของกองทัพ เพื่อเดินทางไกล 2 แสนไมล์ บนถนนประชาธิปไตย ไหงบิ๊กจิ๋วจึงเห็นดีเห็นงามกับลัทธิใหม่ ซึ่งไม่น่าจะเป็นประชาธิปไตย เมื่ออำนาจของประชาชนถูกลิดรอน

00 หากจะมองว่า บิ๊กจิ๋ว ยอมทำแฮตทริกลดชั้นเป็นรองนายกฯ อีกครั้ง เพื่อสมานฉันท์กับกลุ่มกบฏ เพราะใครก็รู้ความสัมพันธ์ของ บิ๊กจิ๋ว กับ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกบฏ แม้ระยะหลังจะไม่สนิทชิดเชื้อ ก็ยังไม่ถึงขั้นหมางเมิน แต่เมื่อมีชื่อเป็นรองนายกรัฐมนตรี ชื่อของ บิ๊กจิ๋ว เป็นดาราบนจอทีวีเอเอสทีวีทันทีทันใด ทำให้สงสัย ผู้ชราอายุย่างเข้าเลขตัวเดียว 77 ปี ยอมเหนื่อยทิ้งทวนทำไม

00 เอาเหอะ ไม่ว่า บิ๊กจิ๋ว จะเข้ามาร่วมรัฐบาลด้วยเหตุผลอะไร เอกฉัตร เอาใจช่วยขอให้อยู่นานๆ ตลอดรอดฝั่งตามที่ นายกฯ สมชาย ตั้งความหวังไว้ เพื่อไม่ให้ถูกครหาว่าใช้งานผู้อาวุโสหนักเกินไป ควรจะให้ดูแลงานด้านความมั่นคงในทำเนียบรัฐบาลเพียงอย่างเดียว ส่วนปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ บิ๊กจิ๋ว เคยทำมาแล้ว และล้มเหลวมาแล้วในรัฐบาล อดีตนายกฯ ทักษิณ จนถูกปรับออก และเมื่อครั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในรัฐบาล นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี เคยทำสถิติโรงเรียนถูกเผาคืนเดียว 30 แห่ง

00 ดูรายชื่อคณะรัฐมนตรีในภาพรวม เหนื่อยใจแทน ในเมื่อรายชื่อ ครม. ที่ประกาศออกมา เข้าทำนอง บุญคุณต้องทดแทน แค้นต้องชำระ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง หนึ่งในขบวนการขวาง อดีตนายกฯ สมัคร สุนทรเวช ถูกถอดออกจาก สิงห์เหลิม ยังกลับมาเป็น หมอเหลิม นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ขณะที่ ส.เสือ สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ไม่ทราบเป็นเพราะเป็น หนึ่งในสาม ส.เสือ ที่จะเข้าชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ในห้วงเวลาที่กลุ่มต่างๆ ในพรรคพลังประชาชน ยังงัดข้อแสดงพลังกัน ทำให้ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ถูกโยกไปเป็นรองนายกรัฐมนตรี ควบเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ทั้งที่เจ้าตัวยืนยัน อยากจะนั่งที่เดิม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม งานกำลังเข้าฝัก

00 จริงอยู่ เก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมีความสำคัญ แต่นั่นคือประเทศอเมริกา แต่สำหรับประเทศไทยในยุคที่ยังใช้ รัฐธรรมนูญฉบับกากเดนเผด็จการ จะเจรจาอะไรกับต่างประเทศต้องแจ้งให้สภารับทราบ ขืนทำไปตามมติคณะรัฐมนตรี เก้าอี้มีสิทธิ์ปิ๋ว รัฐมนตรีต่างประเทศคือคนที่กำลังเดินขึ้นสู่หลักประหาร มันแปลกดีนะ วันนี้ หัวหน้ากลุ่ม 16 คนที่ประสานการจัดโผ ครม. ให้ราบลื่นโดยไว ต้องกลายเป็นคนที่ถูกมองว่า หาญกล้ามาท้าชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรี จึงถูกปฏิเสธความต้องการขอนั่งที่เดิม กระทรวงยุติธรรม หรือว่าอดีตที่ผ่านมา รมต.สมพงษ์ อี๋อ๋อกับ นายจรัญ ภักดีธนากุล ยอมให้นั่งเก้าอี้ปลัดกระทรวงยุติธรรม จนได้รับการคัดสรรเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ

00 แต่เมื่อดูไปที่กระทรวงอื่นๆ ที่มีการปรับเปลี่ยนกัน เอกฉัตร อดคิดไม่ได้ว่า การปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้ เป็นการเช็กบิล กลุ่ม 16 ที่เคยโด่งดัง ซึ่งตอนนี้แม้จะแยกกัน แต่ความสัมพันธ์ยังเหนียวแน่น ที่กระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งถือว่าเป็นกระทรวงสำคัญที่ นายกฯ สมชาย เคยนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการมาแล้ว ในรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี น่าจะรู้ซึ้งงานสำคัญของกระทรวงนี้ แต่ ครม. ชุดนี้มีเพียง นายศรีเมือง เจริญศิริ อดีตวุฒิสมาชิกสายตรง “นายหญิงนายใหญ่” นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเพียงคนเดียว โดยปรับรัฐมนตรีช่วยที่ เป็นวอลล์เปเปอร์ให้นายกฯ สมชาย ให้สัมภาษณ์นักข่าว นายบุญลือ ประเสริฐโสภา พ้นจากเก้าอี้โดยไม่มีเยื่อใยที่เคยเป็นวอลล์เปเปอร์ ก็ต้องคิดเหมือนกัน นายบุญลือ คือสายตรงคนสนิทของ นายสรอรรถ กลิ่นประทุม หนึ่งในแกนนำกลุ่ม 16 ที่ยังถูกจองจำอยู่ในบ้านเลขที่ 111

00 แกนนำกลุ่ม 16 อีกคนหนึ่ง นายสุชาติ ตันเจริญ วันนี้ไปปักหลักอยู่เบื้องหลังพรรคเพื่อแผ่นดิน กลุ่มบ้านริมน้ำ ปรับ ครม. ครั้งนี้ พี่ชาย นายพิเชษฐ์ ตันเจริญ ถูกปรับพ้นจากเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นี่ยังไม่รวมกับแกนนำกลุ่ม 16 ที่ชื่อ นายเนวิน ชิดชอบ ลูกผู้ชายที่ไม่ได้ดูกันที่นุ่งกางเกง แม้จะถูกกระทำอย่างไร ยอมสงบกัดลิ้นกินเลือด ไม่โวยวายให้ใครเยาะเย้ยสมน้ำหน้า เฮ้อ...หรือว่า วันนี้ถึงเวลาแล้วที่สมาชิกกลุ่ม 16 จะกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง จะได้ดังไปถึงลอนดอน

เอกฉัตร



นายกรัฐมนตรีภายใต้ใยแมงมุมเผด็จการ

คอลัมน์ : ขอดเกล็ดการเมือง

นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของประเทศ ฯพณฯ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้ผ่านกระบวนการเลือกสรรตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย จากการประชุมของสภาผู้แทนราษฎร ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 จึงเป็นนายกรัฐมนตรีที่มีที่มาโดยชอบตามวิถีทางของระบอบประชาธิปไตยแล้ว

นายกรัฐมนตรีคนที่แล้วคือ ฯพณฯ สมัคร สุนทรเวช มีเหตุต้องออกจากตำแหน่งเพราะไปกระทำการที่กฎหมายหวงห้ามไว้ไม่ให้กระทำ ในขณะดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี ท่ามกลางความเคลือบแคลงสงสัยของบรรดานักกฎหมายที่ฉงนกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่เอาเหตุเพียงเล็กน้อยในการจัดรายการ “ชิมไปบ่นไป” ไปฉุดกระชาก “นายกรัฐมนตรีเมืองไทย” หลุดจากตำแหน่ง

ทั้งๆ ที่ในทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ดี การรุกเร้าจากฝ่าย “กบฏพันธมิตร” ก็ดี ล้วนไม่สามารถทำลายนายกรัฐมนตรีท่านนี้ได้ แต่ ฯพณฯ สมัคร สุนทรเวช ต้องถูกคนนอกวงการการเมือง ที่เรียกว่า “ตุลาการภิวัตน์” ดึงท่านออกไปจากตำแหน่ง สร้างความขบขันแก่ชาวโลกผู้ที่มีอารยะว่า เพียงแค่จัดรายการทำอาหาร นายกฯ ก็ไปเสียแล้ว

การได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ตอนแรกสังคมยังมีข้อกังขากับท่าน เพราะท่านเกี่ยวพันเป็นน้องเขยของ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร พอภาพลักษณ์ “อ่อนน้อมถ่อมตน” ของท่านปรากฏต่อสังคม ทำให้สังคมเกิดอารมณ์ “ต้อนรับ” ท่าน แบกฉีกปลายปากกาของนักเขียน และนักการเมืองทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล

โพลสำรวจความคิดเห็นหลายสำนักถามความเห็นประชาชน โดยร้อยละ 71.5 จะให้การสนับสนุน ฯพณฯ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมืองไทย ทั้งๆ ที่ท่านยังไม่ได้ทำงานอะไรเลย นี่เขาเรียกว่า “ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ”

การได้รับความเชื่อถือจากประชาชนทุกวงการเป็นสิ่งที่ดี เพราะปัญหาของการเมืองไทยมีมากมายเหลือเกิน ปัญหาความขัดแย้งหลักก็คือ ความขัดแย้งของกลุ่มกบฏพันธมิตรฯ ที่มีต่อรัฐบาลประชาธิปไตย ไม่ว่าใครจะไปจะมา ผู้ยิ่งใหญ่ที่มีหมายจับแห่งทำเนียบไม่ยอมรับทั้งสิ้น

จึงขอให้กำลังใจท่านนายกรัฐมนตรีคนใหม่

ปัญหาต่อมาที่ท่านต้องปวดสมองก็คือ การฟอร์มคณะรัฐมนตรีของท่านเอง

ท่านนายกฯ สมชาย ไม่ใช่คนไม่มีประสบการณ์ในเรื่องนี้ การเป็นผู้พิพากษาผ่านงานวินิจฉัยคดีมามากมายอย่างโชกโชน คงเป็นทุนรอนในการที่ท่านจะตัดสินใจเลือกใครมาเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลของท่าน ผมกำลังพูดถึงความเด็ดขาดของท่าน ภาพท่านดูอ่อนโยน แต่ในความอ่อนโยนผมเชื่อว่าท่านมีจุดแข็ง มีลูกเด็ดขาด เมื่อจะตัดสินคดีอะไร หากว่าความเห็นของท่านว่าถูกต้องแล้ว จะต้องยืนยันไปตามนั้น

ผ่านการฟอร์ม ครม. แล้ว การร่างนโยบายพรรคร่วมรัฐบาลคงไม่คัดค้านอะไร มีแต่จะสนับสนุนให้รัฐบาลนี้อยู่ไปอย่างยาวนาน

จะมี ครม. ดีเด่นอย่างไร จะมีนายกรัฐมนตรีที่ผู้คนให้การสนับสนุนมากเพียงใด จะมี ส.ส. ในพรรคการเมืองให้การสนับสนุนอย่างล้นเหลือก็ตาม สิ่งที่ผมเป็นห่วงก็คือ กฎกติกาของบ้านเมืองที่ คมช. ผ่าน สสร. และ สนช. ที่ได้นำเอารัฐธรรมนูญ “เผด็จการ” 2550 มาใช้บังคับอยู่ในขณะนี้ รัฐธรรมนูญนี้จะแผลงฤทธิ์ออกดอกออกผล ออกมากำจัดคนที่ประชาธิปไตยส่งมา ให้ตายไปทีละราย ทีละคน

กฎกติกายังไม่มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไข ใครก็หลีกหนีไม่พ้น บ่วงเวรที่เผด็จการได้ผูกไว้หนีไม่รอดแน่ บ่วงบาศก์นี้ยิ่งดิ้นมันยิ่งรัด จนในที่สุดก็ต้องตายไปด้วยกันทุกคน

ผมเป็นห่วงคดียุบพรรคพลังประชาชน ซึ่งเชื่อขนมกินได้ว่า ถูกยุบแน่นอน กรรมการบริหารพรรคก็ต้องถูกตัดสิทธิในทางการเมืองอย่างแน่นอน อย่าหวังลมๆ แล้งๆ ว่ากรรมการบริหารจะหลุดพ้น “มันฆ่าเราแน่” เมื่อพรรคถูกยุบ กรรมการบริหารถูกตัดสิทธิ ยังจะมีอะไรหลงเหลืออีกเล่า

รัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตยต้องแก้ไขโดยด่วน ไม่เช่นนั้นท่านนายกฯ สมชาย จะพาเพื่อนเข้าสู่หลักประหาร เป็นการสังหารหมู่โดยพวกเผด็จการที่จ้องทำลายพรรคการเมือง โดยเฉพาะพรรคการเมืองที่พวกเขาเกลียด

มีทางเดียวที่นายกฯ คนใหม่จะต้องทำคือ ต้องทำลายกติกาใยแมงมุมเผด็จการ ที่พวก คมช. ได้ก่อกรรมทำเข็ญแก่ประชาธิปไตยเอาไว้

ต้องรีบแก้ รธน. โดยเร็ว ก่อนที่ท่านจะไม่มีเวลาแก้

เมื่อถึงเวลานั้น ใครก็ไม่ช่วยใครอยู่แล้วครับ

“ขุนพลกล้า ครองเมืองจึ่งเฮืองฮุ่ง

ขุนขี้ฮ้าน แปลงบ้านบ่เฮือง”

คนอีสานเขาคิดอย่างนั้นจริงๆ ครับ

อดิศร เพียงเกษ