WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Friday, November 12, 2010

อดีตคณบดีนิเทศฯระบุ"ตุลาการ"ฟ้องสื่อ"ปรากฏการณ์ใหม่"ศาลถูกตรวจสอบมากขึ้น จี้ให้ขยายผลคลิป

ที่มา มติชน

อดีต คณบดีนิเทศฯ ระบุ "ตุลาการ" ฟ้องสื่อ "ปรากฏการณ์ใหม่" น่าสนใจ ศาลถูกตรวจสอบมากขึ้น ระบอบ ประชาธิปไตยทุกองค์กรย่อมถูกตรวจสอบได้ ย้อนถามไทยเสรีจริงหรือไม่ จี้สอบเนื้อหาคลิปด้วย


นาง สุกัญญา สุดบรรทัด ส.ว.สรรหา อดีตคณบดีคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ กล่าวเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ถึงกรณีตุลาการรัฐธรรมนูญฟ้อง “มติชน” ข้อกล่าวหาหมิ่นประมาทและทำผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์จากกรณีเผยแพร่คลิปลับ ว่า เรื่องนี้ละเอียดอ่อน และเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนที่ศาลจะฟ้องสื่อ ซึ่งศาลอาจมีความรู้สึกว่าตกเป็นเป้าและได้รับผลกระทบโดยตรงจากกรณีคลิปลับ ทั้งนี้ แต่การที่สังคมอาจจะไม่แตะศาล แต่วันนี้มีความน่าสนใจว่า ทำไมช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ศาลถูกตรวจสอบมากขึ้น


"ในระบอบประชาธิปไตย ทุกองค์กรย่อมต้องถูกตรวจสอบได้ แต่ปัญหาคือ ตอนนี้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยจริงหรือไม่ ซึ่งอาจจะเป็นบางส่วน แต่ส่วนที่ไม่เป็นนี้แหละ อาจเกิดปัญหา โดยบางองค์กรเราไม่สามารถตรวจสอบได้ และเขาก็หาเหตุผลมารองรับว่า ทำไมถึงตรวจสอบไม่ได้ แน่นอนว่า บางโอกาสเราเคารพตรงนั้น แต่อย่างนักการเมือง ถ้ามีคลิปสื่อก็ตรวจสอบ แต่คนบางกลุ่มเราไม่สามารถไปกระทำเช่นนั้นได้ ผลคือความเหลื่อมล้ำ ซึ่งตรงนี้มันจึงชี้ว่า ไม่ได้เป็นประชาธิปไตยตามหลักการ ทั้งนี้ ในอดีตคนค่อนข้างเชื่อความยุติธรรมของศาล แต่ทำไมวันนี้ศาลถูกกระทบกระทั่ง จึงเป็นประเด็นที่น่าคิดด้วย" นางสุกัญญา กล่าว


เมื่อถามว่า ตุลาการเลือกที่จะฟ้องคนเผยแพร่คลิปรวมไปถึงสื่อแทนที่จะก้าวออกมาพร้อมรับ การถูกตรวจสอบในเนื้อหาที่ปรากฏ นางสุกัญญา กล่าวว่า เนื้อหาในคลิปต้องถูกตรวจสอบด้วยว่าเป็นความจริงหรือไม่ ไม่ใช่ถูกละเลยไป ตอนนี้ความจริงครึ่งหนึ่งถูกนำไปขยายผล ซึ่งก็คือการฟ้องคนที่เผยแพร่ แต่ความจริงอีกครึ่งหนึ่งที่เป็นเนื้อหาในคลิป วันนี้ก็ยังไม่ได้รับคำตอบว่าเป็นอย่างไรแน่ ซึ่งหากมีการหาความจริงเพียงครึ่งเดียวแบบนี้ ไม่เป็นผลดีต่อตัวองค์กรนั้นๆ เอง


เมื่อถามว่า เส้นแบ่งเรื่องการตรวจสอบศาลอยู่ตรงไหนหากเทียบกับกรณีในต่างประเทศเพราะศาล ควรจะปกป้องสิทธิเสรีภาพของประชาชน นางสุกัญญา กล่าวว่า ขึ้นกับประเทศนั้นๆ ให้ความสนใจกับสิทธิเสรีภาพของสื่อแค่ไหน โดยเฉพาะถ้าความจริงนั้นเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ซึ่งปัญหาของสื่อไทยในช่วงนี้คือการถูกลิดรอนสิทธิเสรีภาพ ซึ่งองค์กรนานาชาติก็ลดเกรดความมีสิทธิเสรีภาพของสื่อไทยมาก อย่างไรก็ดี อีกด้านหนึ่งที่มาคู่กันด้วยคือ สื่อต้องมีความรับผิดชอบ ซึ่งช่วงที่ผ่านมาสื่อก็ถูกวิจารณ์เหมือนกันในเรื่องนี้ ซึ่งทำให้โดนหาเหตุในการฟ้องร้อง แต่ช่วงที่ผ่านมา องค์กรสื่อก็ได้หารือเรื่องจริยธรรมจรรยาบรรณของสื่ออยู่ตลอด ถือเป็นความเคลื่อนไหวที่ดีในการป้องกันการถูกหาเหตุให้ฟ้องร้อง

ริบหรี่

ที่มา ข่าวสด

คอลัมน์ เหล็กใน


















เห็นประโคมข่าวล่วงหน้าน่าสนใจ พอถึงเวลาพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ แถลงออกมา

เหมือนกับว่า...ไม่มีอะไรในกอไผ่

ภาพที่ผู้คนวาดไว้ ก็คือการบินจากคนละทิศมาเจอกัน ระหว่างเสธ.หนั่น กับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

จากนั้น ปิดห้องคุยกันยาวสัก 2-3 ชั่วโมง

จนได้ข้อสรุป หรือข้อเสนอกลับมาเมืองไทยอย่างเป็นรูปธรรม

เอาเข้าจริง เจอกันในงานบุญ แล้วก็คุยกันแค่ 10-15 นาทีเท่านั้นเอง

ได้มาแต่ถ้อยคำของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ฟังเหมือนเป็นปริศนาธรรม "ให้ลืมอดีต"

แค่คำนี้คำเดียว ก็ตีความกันไปได้สารพัดความหมาย แล้วแต่มุมมองและฝักฝ่าย

เชื่อว่าแค่ลำพังการตีความ คนไทยก็พร้อมหันมาตีกันเองต่อไป เพราะหาข้อสรุปของคำว่า "ให้ลืมอดีต" ไม่ได้

ขนาดนักข่าวได้ยินคำนี้ ก็ถามสวนเสธ.หนั่นทันที

"ให้ลืมคดีความของพ.ต.ท.ทักษิณใช่หรือไม่?"

แต่คำตอบของเสธ.หนั่น ก็เลื่อนลอยราวนามธรรม

"คนละเรื่องกัน ผมบอกให้ลืมอดีต อดีตจะเป็นอย่างไรก็ลืมเสีย ไม่เช่นนั้นจะมีความเคียดแค้น ใครถูกกระทำอย่างไร ก็ให้ลืมไปเสีย"

เสร็จการแถลงข่าวสั้นๆ ความหวังในการเห็นคนไทยกลับมาปรองดอง ต้องบอกว่ายังริบหรี่มืดมนต่อไป

ก็เหมือนที่มีคาดการณ์กันไว้ล่วงหน้า นับแต่เห็นเสธ.หนั่นเดินสายร้องหาความปรองดองจากแต่ละฝ่าย

ถึงเวลาเข้าด้ายเข้าเข็ม หรือจุดไคลแมกซ์ บารมีจะมีพอหรือไม่?

เห็นได้จากคำแถลง หลังจากการไปพบกันที่นอร์เวย์

เสธ.หนั่นยังต้องทำงานหนักต่อไป

ทั้งนี้ แนวทางปรองดองสมานฉันท์ที่เสธ.หนั่นชูขึ้นมา ต้องถือเป็นเรื่องน่ายกย่อง น่าสนับสนุน

เพราะคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศ อยากเห็นประเทศไทยมีบรรยากาศพี่ๆ น้องๆ คืนมาดังเดิม

แต่เมื่อเหตุการณ์ความขัดแย้ง มันบานปลายไปไกลมากขนาดนี้

มีเรื่องราวความแค้นฝังลึก ในหมู่ผู้เกี่ยวข้อง

การจะบอกใคร "ให้ลืมอดีต" เป็นเรื่องยากยิ่ง

ตอนนี้เหมือนว่าฝ่ายเสื้อแดงเพลี่ยงพล้ำให้ฝ่ายตรงข้าม เพราะแกนนำแทบทั้งหมดติดคุก

การเลือกตั้งที่เป็นช่องทางให้ได้อำนาจรัฐอันชอบธรรม ก็ยังอีกนานกว่าจะมาถึง

ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลกับทหาร ที่ร้องหาการปรองดองเช่นกันนั้น

ใจจริงก็อาจพร้อมจะ "เล่นแรง" ตลอดเวลา หากเห็นว่ามีการล้ำเส้นพวกตนอีก

แต่ละฝ่าย ยังไม่สามารถตัดใจ "ลืมอดีต" ได้

การ์ตูน เซีย 12/11/53

ที่มา ไทยรัฐ

Pic_126100

การ์ตูน เซีย 12/11/53

น้ำท่วมประชาชน แต่เงินท่วมรัฐบาล

ที่มา บางกอกทูเดย ์



แสนล้านหวานคอแร้ง(อีกแล้ว)
หาเงินไม่เป็นแต่โคตรใช้เงินเก่ง!!
ต้องยอมรับว่า รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถึงแม้ว่าจะเป็นรัฐบาลที่มีขั้วอำนาจหนุนหลังให้ขึ้นมาเป็นรัฐบาลได้ในที่สุดก็ตาม

แต่ ก็เป็นรัฐบาลที่มีปัญหาได้ในทุกๆเรื่อง เพราะจะปรองดอง ก็มีปัญหา เนื่องจากสไตล์เอาดีใส่ตัว ชั่วใส่คนอื่น และต้องการเป็นพระเอกแบบมีแต่ได้กับได้ เลยทำให้ทุกอย่างไม่เพียงยากลำบากในการที่จะคืบหน้า

แต่ยังหาทางออกสำหรับประเทศไทยเจอเลยก็ว่าได้

ขณะ เดียวกันแค่จะแก้รัฐธรรมนูญก็มีปัญหา ซึ่งไม่ใช่แค่ปัญหากับพรรคร่วมรัฐบาลเท่านั้น แม้แต่ในพรรคประชาธิปัตย์ด้วยกันเอง ก็เกิดปัญหาออกมาทวงมติพรรคกันให้วุ่น

สุดท้ายก็เลยได้ข้อครหาว่า เป็นการดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญแบบตี 2 หน้า

และ แม้แต่กระทั่งเรื่องการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ปรากฏว่าเสียงครหาโผล่ขึ้นมามากมาย โดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่องของการฉกฉวยผลประโยชน์จากการช่วยเหลือน้ำท่วมใน สารพัดรูปแบบ

มีทั้งเรื่อง 2 มาตรฐานในการช่วยเหลือ และเรื่องของการงาบงบ การงาบหัวคิว ฯลฯ

ทั้ง หมดจริงๆแล้วล้วนวนเวียนอยู่กับเรื่องของการทำงานไม่เป็น กับเรื่องของการเป็นรัฐบาลภายใต้ไม้ค้ำยัน การจะทำอะไรแต่ละอย่างจึงมีเรื่องผลประโยชน์ เรื่องของการแลกเปลี่ยนเข้ามาต่อรองตลอด

แบบนี้จึงไม่แปลกที่พรรคประ ชาธิปัตย์ ซึ่งขั้วอำนาจเห็นว่าเป็นตัวจักรที่เหมาะสมที่สุด ที่จะต้องเอาไว้ใช้เป็นเครื่องมือ และนายอภิสิทธิ์ ถือเป็นเด็กดีที่ยังเหมาะสมกับเก้าอี้นายกฯนั้น จะสำรวจกี่ครั้งกี่หน ทำโพลกี่รอบ ก็ยังไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้ได้เลยสักครั้งว่าจะชนะการเลือกตั้ง

ก็ ขนาดแค่เรื่องการดำเนินการแก้ปัญหาน้ำท่วม ซึ่งไม่น่ามีอะไร ยังระงมเสียงโวยได้ขนาดนี้ แล้วจะให้ประชาชนเลือกเข้ามาเป็นรัฐบาลอีกรอบได้อย่างไร

ดังนั้นแม้ ตามสไตล์พรรคประชาธิปัตย์ จะต้องปากแข็ง จะต้องสวนกระแสวิพากษ์วิจารณ์ คุยข่มเอาไว้ก่อน แต่ของจริงจะเป็นอย่างไรก็คงต้องดูกัน

อย่างเช่น ในฐานเสียงภาคใต้ของพรรคประชาธิปัตย์ ขณะนี้กำลังถูกตั้งคำถามจากสังคมทั่วประเทศว่า การจ่ายเงินชดเชยช่วยเหลือน้ำท่วมให้กับสวนยางพาราในภาคใต้นั้น มีการกระทำ 2 มาตรฐาน ได้มากกว่าผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคอื่นๆหรือไม่

เล่นเอาวิ่งปฏิเสธกันจ้าละหวั่น

แต่ ขณะเดียวกันจุดที่ต้องตั้งเป็นข้อสังเกตุให้สังคมจับตามองกันก็คือ ทำไมกรณีที่มีการตั้งข้อสงสัยเรื่องมีประชาชนบุกรุกเทือกเขาสันกาลาคีรี แต่นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กลับเชื่อว่าหากรัฐบาล ชุดนี้อยู่ต่อจะสามารถแก้ไขปัญหาได้แน่

ฉวยโอกาสฟุ้งเพื่อขอตีตั๋วต่ออายุรัฐบาลเอาไว้ล่วงหน้าเฉยเลย

ทั้งๆ ที่หากมีการบุกรุกเทือกเขาสันกาลาคีรี มีคนบุกรุกเอาไปทำสวนยางจริงๆ เรื่องนี้ทั้งนายถาวร และพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะเป็นพื้นที่ฐานเสียงควรจะต้องทำความกระจ่างให้กับสังคมด้วย

เพราะ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี ก็ยังยอมรับว่าที่เขาสันกาลาคีรีมีการบุกรุกป่าจริง แถมมีชื่อหมดแล้วว่าใครบุกรุกบ้าง แบบนี้แปลว่าอะไร

หรืออย่างกรณี ของจังหวัดพัทลุง ซึ่งเป็นอีกจังหวัดที่สะท้อนภาพทุจริตอยู่เป็นประจำ ที่ผ่านมาก็ฉาวโฉ่ในเรื่องของการแจกปลากระป๋องเน่าเสีย แจกสิ่งของและยาหมดอายุ รวมทั้งข้าวสารเน่า จนฉาวโฉ่ทั่วประเทศและรัฐมนตรีพรรคประชาธิปัตย์ต้องลาออกมาแล้ว

น้ำ ท่วมครั้งนี้ก็โดนชาวบ้านร้องเรียนนักการเมืองนำข้าวสารของรัฐไปแจก จ่ายเพื่อหวังผลทางการเมืองจนฉาวโฉ่อีกครั้ง เพราะเล่นเอาข้าวสารของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ไปแสวงหาผลประโยชน์ทางการเมือง โดยมีการพิมพ์ชื่อตัวเองลงในถุงเข้าสารของ กระทรวงพาณิชย์แล้วนำไปแจกจ่ายชาวบ้าน

เล่นกันง่ายๆ จนฉาวไปทั่ว

พอๆ กับที่ ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี แกนนำพรรคเพื่อแผ่นดิน ทนดูไม่ไหว ต้องออกมาระบุว่ามีการหักหัวคิวช่วยเหลือผู้ประสบอุทักภัย เล่นเอาการเมืองร้อนฉ่า

มีนักการเมืองกินหัวคิว 30เปอร์เซ็นต์ ในโครงการของรัฐบาล จริงๆหรือ

หรือ แม้แต่การตั้งข้อสังเกตุรื่องที่มีการแจกของช่วยเหลือและแจกเงิน เฉพาะพื้นที่เลือกตั้งซ่อมเขต 6 และเกิดขึ้นในช่วงนี้ แถมยังมีรัฐมนตรีลงพื้นที่ช่วงเวลาเสาร์-อาทิตย์ มีพฤติกรรมขึ้นเวทีคล้ายกับการปราศรัยหาเสียงให้กับพรรคภูมิใจไทย

เลย เจอคำถามว่าทำไมต้องเจาะจงช่วยเหลือเฉพาะพื้นที่ที่จะมีการเลือกตั้ง ซ่อม และที่สำคัญทำไมต้องทำนอกเวลาราชการ แล้วคิดว่ามีความเหมาะสมหรือไม่

เพราะ ฉาวกันขนาดนี้ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เลยเตรียมส่งเจ้าหน้าที่สุ่มตรวจพื้นที่ เพื่อตรวจสอบเรื่องการทุจริตหักเงินชดเชยค่าเสียหายบ้านเรือนประชาชนผู้ที่ ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ซึ่งรัฐบาลมีมติจ่ายค่าชดเชยให้ครัวเรือนละ 5,000 บาท แต่มีการร้องเรียนว่าประชาชนผู้ประสบอุทกภัยได้รับเงินค่าชดเชยไม่เต็มจำนวน

ดังนั้นป.ป.ท.จะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปสุ่มตรวจสอบข้อเท็จจริงใน บางพื้นที่ เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลให้ได้มากที่สุด หากเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องจริงก็เป็นเรื่องที่น่าละอายเพราะถือเป็นการ กระทำที่ซ้ำเติมผู้เดือดร้อน

แต่ที่ยิ่งต้องระวังก็คือ ในเมื่อมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 9 พฤศจิกายน มีมติให้หน่วยราชการ ปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณเหลือจ่ายหรืองบเหลื่อมปี 2552-2553 จำนวน 53,000 ล้านบาท มาใช้ฟื้นฟูและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมเร่งด่วน

ซึ่งเท่ากับว่าหากมีงบเหลือมปี 53,000 ล้านบาท และมีงบเหลือจ่ายในส่วนของโครงการไทยเข้มแข็ง บวกกับงบกลางปีอีกประมาณ 48,000 ล้านบาท

งานนี้เท่ากับว่า มีงบมากถึง 101,000 ล้านบาทใช้ล่อเสือล่อตะเข้ ภายใต้คำว่าเยียวยาน้ำท่วม

กระสือการเมืองจ้องตาเป็นมัน เลียปากแผล็บๆกันเลยทีเดียว

คลิปสรุปเหตุการณ์เมษา-พฤษภาเลือด...ดูแล้วขอบอกว่า "แค้นนี้ต้องเอาคืน"

ที่มา thaifreenews

โดย namome

(www.go6tv.com)คลิปภาพเหตุการณ์การเข้าสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงเมื่อเมษา-พฤษภา53 ประกอบไปด้วยคลิป 6 ตอนต่อเนื่องกัน
"การต่อสู้ยังดำเนินต่อไป จนกว่าประชาธิปไตยจะเป็นของประชาชนโดยแท้จริง"

คลิปที่1

19_1.mpg
http://www.youtube.com/watch?v=G1YDHMY5CiM&feature=player_embedded


คลิปที่2

19_2.mpg
http://www.youtube.com/watch?v=jdPFqu2K6x8&feature=player_embedded


คลิปที่3

19_3.mpg

http://www.youtube.com/watch?v=B7UOOS74Jgo&feature=player_embedded

คลิปที่4

19_4.mpg

http://www.youtube.com/watch?v=80S1mzuZpn0&feature=player_embedded

คลิปที่5

19_5.mpg

http://www.youtube.com/watch?v=QQiwgB05y_g&feature=player_embedded


คลิปที่6

19_6.mpg

http://www.youtube.com/watch?v=nDmGAPiD6ao&feature=player_embedded


ที่มา ottosongs-YouTube
เขียนโดย marchimaru

http://www.go6tv.com/

ปราบต์ บุนปาน: สิ่งที่เราทำไปไม่มีอะไรผิดในฐานะคนทำสื่อ

ที่มา ประชาไท

ปราบต์ บุนปาน บ.ก.มติชนออนไลน์ เปิดใจกับประชาไท กรณีถูกตุลาการศาลรัฐธรรมนูญร้องทุกข์กล่าวโทษ ระบุแม้จะมีการฟ้องร้องก็ไปพิสูจน์กันต่อตามกระบวนการยุติธรรม ยันไม่หยุดติดตามกรณีคลิป เพราะเป็นประเด็นสาธารณะ เพิกเฉยไม่ได้ เพียงแต่ต้องระมัดระวังมากขึ้น

12 พ.ย. - ประชาไทสัมภาษณ์ ปราบต์ บุนปานในฐานะหัวเรือใหญ่ผู้ดูแลเว็บไซต์มติชนออนไลน์ ที่กำลังถูกตุลาการศาลรัฐธรรมนูญร้องทุกข์กล่าวโทษ จากการเผยแพร่คลิปและถอดความที่ปรากฏในคลิปอื้อฉาวที่ถูกกล่าวอ้างว่าเกี่ยว ข้องกับคดียุบพรรคในการเผยแพร่ระลอกแรก และอ้างว่าเกี่ยวข้องกับการทุจริตสอบรับพนักงานของศาลรัฐธรรมนูญในการเผย แพร่ระลอก 2-3

“ในภาพรวมสิ่งที่เราทำไปก็ไม่มีอะไรผิดในฐานะคนทำสื่อ และถึงแม้จะจะมีการฟ้องร้องก็ไปพิสูจน์กันตามกระบวนการยุติธรรม แต่ผมก็เชื่อว่าเราไม่ได้ทำผิดหรือทำอะไรเกินเลยไป ส่วนของการถอดเทป เราก็เอามาจากหนังสือพิมพ์”

เมื่อถามว่า ผลของการถูกร้องทุกข์กล่าวโทษโดยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ทำให้มติชนออนไลน์ต้องระมัดระวังมากขึ้นหรือไม่เขาตอบว่า

“สำหรับ ตัวคนทำงานเมื่อวานก็พูดคุยกัน ผมคิดว่าแต่ละคนก็คงรู้สึกว่าต้องระมัดระวังมากขึ้น ในส่วนของมติชนออนไลน์ที่แยกกอง บ.ก.ออกมาแล้ว ก็ต้องถือว่านี่เป็นคดีแรกเลย ในส่วนของผู้บริหารยังไม่ได้คุยอะไรกันมาก แต่เราก็ติดตามกรณีคลิปเพราะเป็นประเด็นสาธารณะ เราก็คงไม่อาจเพิกเฉยได้ เพียงแต่ระมัดระวังมากขึ้น”

สำหรับข้อร้องทุกข์กล่าวโทษที่ระบุว่าการนำเสนอข่าวของมติชนนั้นมีท่าทีรุกไล่ เขาอธิบายว่า

“พูด ในฐานะคนทำงาน เราก็รู้สึกว่าเป็นกระบวนการติดตาม เป็นกระบวนการทำข่าวอย่างหนึ่ง จะเรียกว่ารุกไล่หรือ เราก็พยายามทำหน้าที่ของเรา หรือแม้แต่ช่วงของการนำเสนอคลิปชุดแรก เรานำเสนอในแนวทางที่เป็นห่วงในความรัดกุมของระบบความปลอดภัยของศาลด้วยซ้ำ ไป เพราะว่า หากว่ามีคนสามารถถ่ายคลิปในศาลได้ ก็น่าเป็นห่วงเรื่องของระบบการรักษาความปลอดภัยในศาล...นี่คือแนวทางการนำ เสนอในช่วงแรกๆ ที่มีการปล่อยคลิป แต่หลังจากมีคลิประลอก 2 ระลอก 3 เราก็ติดตามนำเสนอไปตามกระแสข่าว”

ต่อข้อร้องทุกข์ที่ว่าการนำเสนอ ของมติชนนั้น มีลักษณะชักจูงให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเรื่องราวที่ปรากฏในคลิปเป็นเรื่องจริง นั้น ปราบต์ตอบว่า

“เราไม่มีส่วนใดในการนำเสนอที่ระบุว่าเนื้อหาที่ เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่อง จริง เรานำเสนอมันในฐานะคลิปๆ หนึ่งเท่านั้น และเราไม่สามารถบังคับให้คนเชื่อได้ว่าคลิปเหล่านั้นเป็นเรื่องจริง เราไม่ได้ตัดสินใคร เพราะว่าประชาชนมีวิจารณญาณของตัวเอง ผมเชื่อว่าเราไม่ได้เทคไซด์อะไรจนเกินไป และผมไม่เชื่อว่าจะมีใครยึดกุมความจริงสูงสุด” บ.ก. เว็บไซต์มติชนออนไลน์กล่าว

ก่อนหน้านี้ เว็บไซต์มติชนออนไลน์รายงาน กรณีนายจรูญ อินทจาร นายสุพจน์ ไข่มุกด์ และนายเฉลิมพล เอกอุรุ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้มอบอำนาจให้นายณพล อรุณอาศิรกุล ทนายความผู้รับมอบอำนาจ 3 ตุลาการเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อกองกำกับการ1(กก.1) กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนเพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้ที่นำคลิปวิดีโอชุดที่ 3 ที่ใช้ชื่อ "คำสารภาพของเด็กฝากเจ้าหน้าที่ระดับสูงศาลรัฐธรรมนูญ" ไปเผยแพร่ในเว็บไซต์ยูทูบเป็นการกระทำผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 นั้น

ในคำร้องทุกข์กล่าวโทษที่นายณพลได้ยื่น ต่อพนักงานสอบสวนนั้นทาง3 ตุลาการในฐานะผู้เสียหายให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีอาญาตามกฎหมายจนถึงที่สุด โดยผู้เสียหายทั้ง 3 คนประสงค์ที่จะร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับ

1.นายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ อดีตเลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญ
2.กลุ่มบุคคล
และ3.หนังสือพิมพ์มติชนกับพวก

ทั้ง นี้เหตุที่เชื่อว่าหนังสือพิมพ์มติชนมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำผิด ด้วย เนื่องจากวันที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมาต่อเนื่องทั้งเวลากลางวันและกลางคืน เว็บไซต์มติชนชื่อ "Matichon online" ได้นำคลิปวิดีโอที่ผ่านการตัดต่อภาพและเสียงอันเป็นเท็จมาเผยแพร่ โดยถอดข้อความในคลิปวิดีโอดังกล่าวเป็นตัวอักษรและระบุชื่อย่อของผู้เสียหาย ทั้งสามว่า จ. ฉ. และส. โดยย่อหน้าในเว็บไซต์มติชนก่อนที่ระบุข้อความตามถอดเทปจากข้อความได้มีการ จัดทำระบบเชื้อเชิญให้บุคคลทั่วไปมาเปิดคลิปดังกล่าวได้ ต่อมาวันที่ 9 พฤศจิกายน หนังสือพิมพ์มติชนได้เผยแพร่ข้อความผ่านเว็บไซต์ว่า

Matichon Online ระบุชื่ออันกับผู้เสียหายทั้งสามอย่างชัดเจน อันเป็นการย้ำและแสดงให้เห็นว่าชื่อย่อตามที่เคยเผยแพร่ไว้เป็นชื่อใครบ้าง

"หนังสือ พิมพ์มติชนได้นำข้อความดังกล่าวผ่านทาง สื่อสิ่งพิมพ์และเว็บไซต์ในระบบคอมพิวเตอร์ของตน ตลอดจนมีการนำเสนอข่าวต่อสาธารณชนเป็นระยะๆในลักษณะรุกไล่ กดดัน อย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีลักษณะแตกต่างจากการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนโดยปกติ เพื่อให้สาธารณชนหลงเชื่อว่าข้อความและเสียงในคลิปวิดีโอเป็นความจริงอัน เป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งกฎหมาย การกระทำของกลุ่มบุคคล และนายพสิษฐ์ นำข้อความอันเป็นเท็จเข้าสู่คอมพิวเตอร์จนมีการนำข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบ คอมพิวเตอร์และเผยแพร่ข้อมูลคอมพิวเตอร์ของหนังสือพิมพ์มติชนด้วยวิธีการตี พิมพ์จำหน่ายให้กับประชาชนและเผยแพร่คลิปดังกล่าวผ่านเว็บไซต์มติชนออนไลน์ จึงเป็นการร่วมกันเผยแพร่ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำอันเป็นความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 (1),(5) นอกจากนี้การกระทำของหนังสือพิมพ์มติชนที่เผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ ด้วยการตีพิมพ์ข้อความในหนังสือพิมพ์รายวันและเว็บไซต์ยังเป็นความผิดฐาน ร่วมกันหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาอีกฐานความผิดหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 ,328 และ 83"

บก.ลายจุดจะโทรหาทหารที่มีข่าวลือรับงานล่า3ส.

ที่มา Thai E-News


มี แต่คนเป็นห่วงข่าวเรื่องประยุดให้ลูกน้องมายิง 3 ส. ส่งข้อมูลมาใหญ่เลย พร้อมเบอร์โทรคนรับงาน เอาไว้ว่าง ๆ จะโทรถาม ยิงจริงเปล่า-บก.ลายจุด


โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
12 พฤศจิกายน 2553

นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด เขียนลงในเฟซบุ๊ค ใน วันนี้ว่า "มีแต่คนเป็นห่วงข่าวเรื่องประยุดให้ลูกน้องมายิง 3 ส. ส่งข้อมูลมาใหญ่เลย พร้อมเบอร์โทรคนรับงาน เอาไว้ว่าง ๆ จะโทรถาม ยิงจริงเปล่า"

ทั้งนี้มีการแจ้งข่าวทางเวบไซต์คนเสื้อแดง เช่น เวบไซต์อินเตอร์เน็ตฟรีด้อมว่า

ข่าวด่วน ๆ ประยุด สั่ง กองกำลังทหารลพบุรี ไล่ล่า 3 ส.ที่ยังเหลืออยู่โดยเร่งด่วน คือ สุรชัย สมยศ และสมบัติ
ผู้รับงานชื่อ พ.อ.พนา


ทั้งนี้ในช่วงเสื้อแดงชุมนุมที่ราชประสงค์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช.เคยกล่าวปราศรัยบนเวทีพาดพิง ถึงชื่อพ.อ.พนาว่า ชุดที่ปฎิบัติการที่สีลมเมื่อวันที่21เม.ย.ปรากฎว่าเป็นชุดของทหาร แต่ของวันที่22เม. ย.เป็นของพรรคประชาธิปัตย์ และพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย สงสัยว่าในเมื่อคนเสื้อแดงประกาศไม่ไปสีลมแล้วทำไมต้องมีกำลังทหารอยู่ ตรงข้ามกลับมีการติดสติ๊กเกอร์ใส่ร้ายคนเสื้อแดง โดยกลุ่มคนที่ออกมานั้นเป็นนำมาโดยพ.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ รองผู้การกรมทหารราบที่31รอ.ลพบุรี พร้อมด้วย กำลังจาก ม.พัน 6 และ ม.พัน14 หน่วยรบพิเศษปฎิบัติการจิตวิทยา

ไทยอีนิวส์ยังไม่แน่ใจว่าเป็นพ.อ.พนา รายเดียยวกันกับที่นายจตุพรเคยพาดพิงถึงหรือไม่

อย่าง ไรก็ตามเนื่องจากเป็นข่าวที่ไม่มีการตรวจสอบใดๆ ไทยอีนิวส์จึงขอให้ท่านผู้อ่านพึงใช้วิจารณญาณ เนื่องจากทหารไม่ได้มีหน้าที่ล่าสังหารประชาชนผู้บริสุทธิ์แต่อย่างใด และจากการตรวจสอบรายชื่อที่ข่าวอ้างว่าเป็นผู้สังการคือ"ประยุด"นั้นก็ไม่พบ รายชื่อนี้ในสารบบของทหารระดับผู้บังคับบัญชาแต่อย่างใด

ส.สุรชัยให้ฟังหูไว้หู เดินหน้าจัดงานใหญ่ที่จันทบุรี

ทาง ด้านนายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ ซึ่งตกเป็นข่าว 1 ใน 3 ส.ที่ถูกใบสั่งตามล่า ขณะนี้อยู่ระหว่างเดินสายปราศรัยในพื้นที่ภาคอีสาน กล่าวหลังรับทราบข่าวว่า "เรื่องนี้ต้องฟังหูไว้หู" พร้อมกันนั้นยังเปิดเผยว่ายังจัดกิจกรรมเคลื่อนไหวต่างๆเป็นปกติ และขอเชิญชวนพี่น้องเสื้อแดง ร่วมงาน“ร้อยดาว รวมแดง เป็นหนึ่งเดียว” ในวันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายนนี้ พบทีมปราศรัย “แดงสยาม” เต็มรูปแบบ นำทีมโดย สุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ (แซ่ด่าน),อ้น-ชัยนรินทร์ ,พลท เฉลิมแสน,เต้ มดแดง,ป้อม กรองทอง,วงศ์ รามอินทรา,ฟุ้ง เมืองนนท์,ทิดหงอก ดูไบ ฯลฯ ณ สามเหลี่ยมทุ่งนาเชย จ.จันทบุรี ตั้งแต่เวลา17.00 – 24.00 น.

กิจกรรมนี้แดงสยามร่วมกับแดงจันทบูรเป็นผู้จัด โดยงานเริ่มแต่เช้า ตามกำหนดการดังนี้

8.00 น. รวมทัพขบวนแรลลี่ออกจาก อิมพีเรียล ลาดพร้าว มุ่งหน้าสู่จันทบุรีนำทีมโดยคุณพลทและคุณเก๋
13.00 น. รวมพลที่เมืองจันท์บริเวณอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสิน ร่วมกันสักการะบูชา
14.00 น. แห่ขบวนเสื้อแดงรอบเมือง

ท่านที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมขบวนแรลลี่จากกรุงเทพ -จันทบุรี ติดต่อ คุณเก๋ 080-7804994 ไม่มีค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด

Thursday, November 11, 2010

พบ 10 แรงบันดาลใจของคนรุ่นใหม่ ในงาน "อนาคตประเทศไทยกับ 10 อาชีพสุดฮิพ"

ที่มา มติชน




ตัน ภาสกรนที


เพชร โอสถานุเคราะห์


เรืองโรจน์ พูลผล


ยุทธนา บุญอ้อม


ดีเจ นาคาเดีย


กิตติรัตน์ ณ ระนอง


ภาส นิธิปิติกาญจน์


สุทธิพงศ์ สุทินรัมย์


ณวัฒน์ อิสรไกรศีล


โอบอุ้ม จูตระกูล


ขวัญ หารทรงกิจพงษ์


วงศ์ทนง ขัยณรงค์สิงห์

เพราะ ตระหนักถึงความสำคัญของเยาวชนไทยซึ่งเป็นผลผลิตที่ ยิ่งใหญ่ของชาติ และมีความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนกิจกรรมอันเป็นประโยชน์ต่อเยาวชน ด้วยความเชื่อมั่นในศักยภาพของเด็กไทย และเจตนารมณ์ที่ต้องการเตรียมความพร้อมให้กับเยาวชนไทยในการวางแผนเพื่อ อนาคต ทั้งในด้านการเรียนและการเลือกอาชีพ


ด้วยเหตุนี้ มูลนิธิไทยคม จึงได้จัดทำโครงการ "That′s My Future : อนาคตประเทศไทยกับ 10 อาชีพสุดฮิพ" ต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 3 แล้ว


โครงการ อนาคตประเทศไทยกับ 10 อาชีพสุดฮิพ ประจำปีนี้ จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-14 พฤศจิกายน 2553 ณ โรงภาพยนตร์พารากอน ซีเนเพล็กซ์ ชั้น 5 ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน โดยมีจุดมุ่งหมายหลักในการสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชน ผ่านการเสวนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์โดยตรงกับมืออาชีพจาก 10 สาขาวิชาชีพ ที่จะมาให้ความรู้เกี่ยวกับแนวโน้มของอาชีพซึ่งจะเป็นที่ต้องการของไทยและ ตลาดโลก เพื่อเป็นแนวทางการตัดสินใจด้านการเรียนและอาชีพแก่เยาวชน


ภายในงาน เยาวชน จะได้พบกับมืออาชีพทางด้าน พลังงานและสิ่งแวดล้อม, อินเตอร์เน็ตและไอที, สื่อสารมวลชน, สุขภาพและการแพทย์, การเงิน, การเกษตร, อาหารและเครื่องดื่ม, การสร้างสรรค์และการออกแบบ, การท่องเที่ยว และความหลากหลายทางวัฒนธรรม


โดยผู้บรรยายหลัก 10 คน และแขกรับเชิญอีก 2 ท่าน ที่จะมาแลกเปลี่ยนความรู้กับเยาวชนประจำปีนี้ ประกอบไปด้วย


1. คุณตัน ภาสกรนที


2. คุณเพชร โอสถานุเคราะห์


3. คุณเรืองโรจน์ พูลผล ผู้สร้างโปรเจ็คท์ "กูเกิ้ล เอิร์ธ" และกำลังเปิดบริษัทที่ซิลิคอน วัลลีย์


4. คุณยุทธนา บุญอ้อม อดีตผู้บริหารแฟต เรดิโอ ที่ผันตนเองมาจัดเทศกาลดนตรีระดับโลก


5. ดีเจ นาคาเดีย (คุณสีไพร มุ่งพันธ์กลาง) ดีเจผู้เปิดเพลงให้กับ 112 สถานที่ ใน 46 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งในงานฟุตบอลโลกปี ค.ศ.2006


6. คุณกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นักการเงิน-การศึกษา ผู้รอบรู้เรื่องกีฬา


7. คุณภาส นิธิปิติกาญจน์ ทายาทน้ำปลาตราปลาหมึก ผู้สร้างน้ำปลาแบรนด์ Mega Chef ขายตลาดโลก


8. คุณสุทธิพงศ์ สุทินรัมย์ หรือ "จุ๋ย จุ๋ยส์" อดีตศิลปินเปิดหมวกที่สร้างชื่อเสียงโด่งดัง จนได้ร่วมแต่งเพลง "สู้สิสู้" ซึ่งถูกนำไปรวมในอัลบั้มเพลงประจำการแข่งขันฟุตบอลโลกปี ค.ศ.2010


9. คุณณวัฒน์ อิสรไกรศีล ไกด์มืออาชีพ ที่ปัจจุบันเป็นพรีเซ็นเตอร์ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย


10. คุณโอบอุ้ม จูตระกูล เชฟชาวไทยที่ทำรายการอาหารไทยออกอากาศทางบีบีซี และเขียนหนังสือ "100 Great Thai Dishes" ออกวางขายทั่วโลก


11. ดร.ขวัญ หารทรงกิจพงศ์ ดร.จากฮาร์วาร์ด ผู้มุ่งมั่นทำงานเพื่อเด็กออทิสติก


12. คุณวงศ์ทนง ชัยณรงสิงห์ ผู้ก่อตั้งนิตยสารเครือ "อะ เดย์" ที่จะมาเล่าให้ฟังว่าทำไม "ความล้มเหลวมีค่ามากกว่าความสำเร็จ"


หมายเหตุ สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานและติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการนี้ได้ที่ www.thisismyfuture.org

เริ่มเน่า

ที่มา ข่าวสด

คอลัมน์ เหล็กใน














นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แสดงความภูมิอกภูมิใจ อ้างว่าประชาชนเลือกให้มาเป็นนายกฯตั้งแต่อายุ 46 ปี ประกาศจะบริหารบ้านเมืองด้วยความโปร่งใสถึงขนาดบัญญัติกฎเหล็ก 9 ข้อสำหรับรัฐมนตรี

ไปๆ มาๆ ก็ทำท่าจะไม่ขาวใสต่อไปอีกแล้ว

ปัญหาการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ ทั้งกระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ การบริหารงานในส่วนของกระทรวงต่างๆ มีกลิ่นโชยออกมาเป็นระยะๆ

ล่าสุดก็คือการหากินบนคราบน้ำตา ความทุกข์ยาก สิ้นเนื้อประดาตัวของประชาชน กรณีหักหัวคิวการช่วยเหลือน้ำท่วม

นายอภิสิทธิ์ได้แค่ทำขึงขัง ท้าให้ส่งหลักฐานมาจะตรวจสอบให้

แต่เอาเข้าจริงๆ ภาวะผู้นำของนายอภิสิทธิ์มีจริงหรือ

ความฉับไวต่อการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมก็เห็นได้ชัดว่ามีฝีมือหรือไม่

มิต้องพูดถึงคำประกาศกร้าวให้รัฐมนตรีที่หลุดเก้าอี้ส.ส.ให้ลาออกก่อน ถ้าจะลงสมัครเลือกตั้ง

ถูกพรรคร่วมย้อนและท้าทายรายวัน นายอภิสิทธิ์ทำอะไรได้ กล้าหือหรือไม่

ขาดนายสุเทพ เทือกสุบรรณไปคนเดียว

นายอภิสิทธิ์ถึงกับซวนเซ เพราะไม่มีคนคอยออกรับแทน

ล่าสุด กกต.ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งส.ส.สุราษฎร์ธานีแล้ว

นายสุเทพคงจะได้กลับมายึดเก้าอี้เดิมอีกครั้ง

การกลับมาของนายสุเทพจะช่วยประคับประคองรัฐบาลอยู่ต่อได้หรือไม่

ปฏิกิริยากรณีศูนย์วิจัยกรุงเทพโพล สำรวจความคิดเห็นประชาชนเรื่อง"ความเชื่อมั่นต่อนายกฯ อภิสิทธิ์ ในการแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น" ที่เก็บข้อมูลจากประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวนทั้งสิ้น 1,136 คน ระหว่างวันที่ 2-4 พ.ย.ผ่านมา

อาจทำให้นายอภิสิทธิ์คิดหนัก

เมื่อผลโพลพบว่ามีประชาชนถึงร้อยละ 93.1 เห็นว่าการทุจริตคอร์รัปชั่นในปัจจุบันเป็นปัญหาที่รุนแรงถึงรุนแรงมาก

การทุจริตคอร์รัปชั่นที่คิดว่าเป็นปัญหารุนแรงมากที่สุดขณะนี้ คือ การใช้อิทธิพลทางการเมืองแสวงหาผลประโยชน์ (ร้อยละ 40.8)

รองลงมาคือ การจัดซื้อจัดจ้าง การฮั้วประมูล (ร้อยละ 16.4) และการใช้นโยบายและใช้กฎหมาย แบบ 2 มาตรฐาน (ร้อยละ 13.0)

ส่วนนักการเมืองที่มีภาพลักษณ์ของความซื่อสัตย์สุจริตน้อยที่สุด ปรากฏว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ (ร้อยละ 39.2) นายเนวิน ชิดชอบ (ร้อยละ 24.2) และนายโสภณ ซารัมย์ (ร้อยละ 8.3) ตามลำดับ

เป็นที่น่าสังเกตว่าผลการสำรวจครั้งนี้ มีประเด็นกรณีการใช้นโยบายและกฎหมายแบบ 2 มาตรฐานด้วย

การสั่งใช้กำลังสลายการชุมนุมจนมีคนตาย 91 ศพ บาดเจ็บอีกกว่า 2 พันชีวิต

อีกหลายร้อยคนถูกตามไล่ล่าจับกุม คุมขัง ด้วยข้อหาก่อการร้าย

รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ลุแก่อำนาจหรือไม่

สังคมเริ่มได้สติและตาสว่างบ้างแล้ว

การ์ตูน เซีย 11/11/53

ที่มา ไทยรัฐ

Pic_125811

การ์ตูน เซีย 11/11/53

วันเสาร์ที่ 13 นี้ เชิญพบกับท่านอภิวันท์และคุณจตุพร ที่ชลบุรีครับ

ที่มา thaifreenews

โดย namome


















นปช.ชลบุรีขอเชิญพบปะสังสรรค์และร่วมเสวนา
เรื่องทิศทางประชาธิปไตยของไทยในปัจจุบัน
โดยมีวิทยากรที่มาร่วมเสวนา คือท่านพันเอก ดร.อภิวันท์ วิริยะชัย
คุณจตุพร พรหมพันธ์ ดร.ประแสง มงคลศิริ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ
คุณวรชัย เหมะ คุณโ่ด่ง อรรถชัย อนันตเมฆ ฯลฯ
ในวันเสาร์ที่ 13 นี้ เวลา 8.00 - 17.00 น.
ณ โรงแรมชลอินเตอร์(เมอร์เคียวเดิม) ห้องตำหนักน้ำชั้น 3
ถนนสุขุมวิท อ.เมือง ชลบุรี
(มา จาก กทม. เลยไฟแดงสี่แยกเฉลิมไทยมาประมาณ 300 ม. อยู่ทางซ้ายมือ)
มีอาหารเที่ยง(บุฟเฟ) และ ชากาแฟ 2 เบรค
ร่วมบริจาคสมทบทุนท่านละ 500 บาท เพื่อจัดหาทุนช่วยคนเสื้อแดง

สอบถามรายละเอียดได้ที่คุณรุ่ง 086-323-0949
(ป.ล.รับจำนวนจำกัดเพียง 400 ที่นั่ง เพื่อความสะดวกสบายของคนเสื้อแดง
ณ.ขณะนี้เหลือเพียงประมาณ 50 ที่นั่ง โปรดจองล่วงหน้าที่คุณรุ่ง
แต่ไปชำระเงินหน้างานได้ครับ)

กำหนดการเสวนา
เรื่องทิศทางประชาธิปไตยของไทยในปัจจุบัน

09.00 - 09.45 ดร.อภิวันท์ วิริยะชัย กล่าวเปิดงาน
09.45 - 10.30 เริ่มเสวนาโดย ดร.ประแสง มงคลศิริ และคุณวรชัย เหมะ
10.30 - 11.00 พักดื่มน้ำชากาแฟทานของว่าง สังสันท์ตามอัธยาศัย
11.00 - 12.00 เริ่มเสวนาโดย ดร.อภิวันท์ วิริยะชัย
12.00 - 13.00 พักทานอาหารเที่ยง (บุฟเฟ่)
13.00 - 14.30 เริ่มเสวนาโยคุณจตุพร พรหมพันธ์
14.30 - 15.00 พักดื่มน้ำชากาแฟทานของว่าง สังสันท์ตามอัธยาศัย
15.00 - 16.00 ซักถาม
16.00 - 17.00 เริ่มเสวนาโดย นอ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ และคุณโ่ด่ง อรรถชัย อนันตเมฆ
17.00 ปิดงาน (ใครจะไปต่องานคอนเสิร์ทเสื้อแดงที่ จ.ตราดเชิญตามสะดวกครับ)

ความรุนแรงในอาร์เมเนีย-ไทย: สาเหตุเดียวกัน จุดจบ(น่าจะ)เหมือนกัน

ที่มา ประชาไท

ชื่อบทความเดิม: ความรุนแรงในประเทศอาร์เมเนียและไทย: สาเหตุเดียวกัน เหตุการณ์แบบเดียวกัน ข้อสรุปก็น่าจะเหมือนกัน
ภาพการประท้วงที่กรุงเยเรวานต่อการคุมขังอย่างต่อเนื่องของผู้ที่ถูกจับกุมตัวเมื่อสองปีที่แล้ว
ประเทศ ประชาธิปไตยที่ไหนก็สามารถและ มักจะเกิดความผิดพลาดได้ อาร์เมเนียเป็นหนึ่งในประเทศเก่าแก่สุดในโลก ภายหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ได้ถูกผนวกเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต (USSR) และกลายเป็นหนึ่งในสาธารณรัฐโซเวียต ก่อนหน้านั้นก็เคยถูกผนวกเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิออตโตมัน อาร์เมเนียมีประวัติซึ่งเป็นเต็มไปด้วยสงครามและการปกครองของชนชาติอื่น ซึ่งส่งผลให้เกิดการสังหารล้างเผ่าพันธุ์ระหว่างปี ค.ศ.1912-1922 โดยชาวเติร์ก และเป็นเหตุให้ชาวอาร์เมเนีย 1.5 ล้านคนเสียชีวิต และอีกครึ่งล้านหลบหนีไปสมทบกับผู้ที่เคยอพยพจากภัยพิบัติอื่นๆ ออกไปก่อนหน้านี้
ภาย หลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต ประเทศอาร์เมเนียยุคใหม่มีสถานะเป็นประเทศเอกราชเมื่อปี 2534 และต้องเผชิญกับกับดักทุกชนิดตามแบบประเทศประชาธิปไตย ประธานาธิบดีคนแรกเป็นนักวิชาการที่ชื่อ Levon Ter-Petrossian เขาได้รับเลือกตั้งอีกครั้งในปี 2539 แต่ภายหลังเมื่อเลือกแนวทางตรงข้ามกับรัฐ เขาได้ลาออกเมื่อปี 2541 ในช่วงที่ประเทศเกิดสภาวะตีบตันทางการเมือง ในช่วงสิบปีต่อมา อาร์เมเนียเลือกเสถียรภาพมากกว่าเสรีภาพ แต่ก็เป็นเสถียรภาพที่ทำให้เกิดความชะงักงัน ระบอบทุนนิยมเติบโตขึ้นท่ามกลางความไม่เท่าเทียมด้านทรัพย์สิน และในขณะที่ความยากจนในชนบทยังดำเนินต่อไปเหมือนที่เคยเป็นมา เสถียรภาพเช่นนั้นจึงดำรงอยู่ได้ด้วยฉากหน้าจอมปลอมของประชาธิปไตย อย่างการมีประธานาธิบดีที่มาจากการเลือกตั้งและรัฐสภา รัฐธรรมนูญซึ่งคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ตรวจการรัฐสภา การให้สัตยาบันต่อสนธิสัญญาสิทธิมนุษยชนหลายฉบับขององค์การสหประชาชาติ มากยิ่งกว่าที่ประเทศไทยให้สัตยาบันเสียอีก1. แต่สถานการณ์จริงในประเทศนี้คล้ายคลึงอย่างยิ่งกับของไทย “ประชาธิปไตยหมายถึงการที่ประชาชนมีโอกาสแสดงออกอย่างเสรี การที่คุณห้ามไปเสียทุกอย่าง ห้ามคิด เรียกร้องให้พวกเขาคิดเหมือนที่คุณคิด แบบนั้นเรียกว่าเป็นระบอบเบ็ดเสร็จ”2. ในเมืองไทย มีการซื้อสิทธิขายเสียงในการเลือกตั้ง แต่ที่อาร์เมเนีย พวกเขาใช้วิธีปลอมแปลงคะแนน
ในเดือนกันยายน 2550 ประธานาธิบดีคนแรกคือนาย Leron Ter-Petrosian ได้ปรากฏตัวขึ้นมาอีกหลังจากหายหน้าไปนับสิบปี เขาออกมาพูดโจมตีการใช้อำนาจอย่างฉ้อฉล และประกาศจะลงรับสมัครเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีซึ่งจะมีขึ้น
ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2551 การเลือกตั้งครั้งนั้นก็เต็มไปด้วยการทุจริตอีก ระบอบทหารซึ่งเลือกถือหางนาย Sersh Sarzoyan ก็หาทางทำให้เขาเป็นผู้ชนะในการเลือกตั้ง
ใน วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2551 ผู้ประท้วงหลายพันคนเริ่มรวมตัวที่จัตุรัสเสรีภาพ ซึ่งเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ใจกลางเมืองหลวง ณ ขณะนั้นมีสภาพเหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นที่กรุงเทพฯ ในอีกสองปีต่อมา ในช่วงหลายวันต่อมา ประชาชนที่มาชุมนุมเพิ่มจำนวนเป็นหลายหมื่นคน จนถึงหลายแสนคน พวกเขาหลับนอนบนถนน กลับไปบ้านและก็กลับมายังที่ชุมนุมอีกด้วยจำนวนเพิ่มขึ้น พวกเขาตะโกนร้องว่า “เราชนะแล้ว” และไม่ยอมหยุดการชุมนุม เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และกลุ่มจัดตั้งลึกลับเริ่มคุกคามผู้ชุมนุม แน่นอนว่าการชุมนุมส่งผลให้การดำเนินชีวิตและการค้าขายต้องยุติลง อาร์เมเนียเป็นประเทศเล็ก มีประชากรเพียง 3.28 ล้านคน ส่วนที่เยเรวานมีประชากร 1.1 ล้านคน การมีผู้ชุมนุมประท้วงมากถึงแสนคนจึงนับเป็นเรื่องสำคัญ
ก่อน รุ่งสางวันที่ 1 มีนาคม ตำรวจเริ่มเข้าสลายการชุมนุม ในเวลาต่อมาตำรวจอ้างว่าการเคลื่อนกำลังพลเข้าไปครั้งแรกก็เพื่อตรวจสอบตาม ข่าวกรองที่ได้รับมาว่าผู้ชุมนุมมีอาวุธ ทั้งที่ในความเป็นจริงตำรวจได้เตรียมแผนสลายการชุมนุมไว้ก่อนนั้นแล้ว กำลังตำรวจได้รับการสนับสนุนจากหน่วยทหาร แม้ว่ารัฐธรรมนูญอาร์เมเนียจะห้ามใช้กำลังทหารต่อพลเมืองของตนเอง ในตอนค่ำมีผู้ถูกสังหาร 10 คน เป็นพลเรือนแปดคน ตำรวจสองคน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 200 รัฐบาลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และอ้างว่าที่ต้องใช้ความรุนแรงถึงขั้นชีวิตเพราะผู้ชุมนุมมีอาวุธ ตำรวจนายหนึ่งเสียชีวิตเพราะระเบิดขว้าง แต่จากการชันสูตรพลิกศพและจากการพิจารณาความรุนแรงของบาดแผล มีความเป็นไปได้ว่าเขาเสียชีวิตจากระเบิดที่นำมาเอง ไม่ใช่เป็นระเบิดที่ถูกขว้างจากผู้ประท้วง ตำรวจอีกนายหนึ่งถูกยิงเสียชีวิตจากจุดที่อยู่ห่างจากสถานที่ชุมนุมมาก และในช่วงนั้นเขาอยู่ในท่ามกลางวงล้อมของตำรวจด้วยกันเอง และดูเหมือนว่าจะมีเจ้าหน้าที่นอกแถวเป็นผู้สั่งการให้ยิงเอง
ใน ช่วงหลายวันต่อมา ประชาชนพยายามจะกลับมารวมตัวอีกครั้ง แต่เนื่องจากมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เจ้าหน้าที่จึงทำการจับกุมตัวบุคคลทั่วทั้งเมืองหลวง โดยเฉพาะนักการเมืองในฝ่ายค้าน นาย Leron Ter-Petrosian ถูกกักบริเวณในบ้าน ในวันที่ 8 มีนาคม ศาลรัฐธรรมนูญรับรองผลการเลือกตั้ง และมีการยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินเมื่อวันที่ 21 มีนาคม สำหรับหน่วยงานต่าง ๆ ของอาร์เมเนีย พวกเขาเห็นด้วยกับการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเฉพาะในช่วงซึ่งมีพฤติการณ์แห่ง ความรุนแรงเท่านั้น
ประธานาธิบดี คนใหม่เข้ารับตำแหน่งใน วันที่ 9 เมษายน จากการปราบปรามในเดือนมีนาคมส่งผลให้มีนักโทษการเมือง 120 คน ในการไต่สวนของศาลซึ่งไม่มีการอนุญาตพยานที่เป็นพลเรือนเลย และศาลก็พึ่งแต่พยานหลักฐานจากตำรวจเพียงคนเดียว หรือแม้จะไม่มีพยานหลักฐาน ศาลก็ยังสั่งลงโทษ มีอยู่คดีหนึ่ง ตำรวจซึ่งเป็นประจักษ์พยานกล่าวว่า จำเลยเป็นบุคคลเดียวที่ไม่ได้ถือหินหรือไม้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาได้ขว้างสิ่งของเหล่านั้นใส่ตำรวจไปแล้ว รัฐบาลใช้ทรัพยากรต่าง ๆ เพื่อตามล่าผู้ประท้วงและครอบครัว มีการเรียกตรวจภาษีผู้ต้องสงสัย และไล่ออกจากงาน ทำให้ชาวบ้านเกิดความหวาดกลัวไม่ต้อนรับญาติของผู้ต้องขัง การเซ็นเซอร์ก็รุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ “ทุกวันนี้ในอาร์เมเนียมีเรื่องที่ต้องห้ามไม่ให้พูดคุยหลายเรื่อง”
อาร์เมเนียเป็นหนึ่งในสมาชิก 47 รัฐของสภายุโรป (Council of Europe) ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่ชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกถึงแปซิฟิก คั่นตรงกลางด้วยเทือกเขาคอร์เคซัสซึ่งรายล้อมกรุงเยเรวาน สภายุโรปมีแผนการด้านสิทธิมนุษยชนที่เข้มแข็ง และเริ่มไต่สวนพฤติการณ์ของรัฐบาลอาร์เมเนียโดยทันที จากการกดดันของสภายุโรป ส่งผลให้รัฐบาลออกกฎหมายนิรโทษกรรมเพื่อปล่อยตัวนักโทษการเมืองเกือบทั้งหมด มีอยู่สองคนที่ได้รับการปล่อยตัวออกมาก่อนเพราะได้ร้องขออภัยโทษ จนถึงปัจจุบัน ยังมีผู้ถูกคุมขังอีก 15 คน พวกเขาปฏิเสธที่จะยอมรับความผิดที่ไม่ได้เป็นผู้ก่อ
แม้ จะมีระดับความรุนแรงที่แตกต่างกัน รวมทั้งความแตกต่างด้านประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมและที่ตั้งของทั้งสองประเทศ การก่อตัวของเหตุการณ์ในเดือนมีนาคม 2551 ในอาร์เมนีย และเมษายน-พฤษภาคม 2553 ในไทย มีความคล้ายคลึงกันมาก เมื่อเปรียบเทียบสาเหตุของทั้งสองเหตุการณ์ก็จะเห็นความคล้ายคลึงกันเช่นกัน ผู้ตรวจการรัฐสภาอาร์เมเนียสรุปว่า “ความ เหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ-สังคม การที่ประชาชนไม่ไว้วางใจหน่วยงานของรัฐ โดยเฉพาะศาล การขาดการตรวจสอบและสมดุลอำนาจระหว่างสาขาต่าง ๆ ของรัฐบาล การขาดการคุ้มครองสิทธิทางพลเรือนและสิทธิมนุษยชน และการเติบโตขึ้นของกลุ่มชนชั้นนำทางการเมืองและเศรษฐกิจกลุ่มเล็ก ๆ ที่ปกครองประเทศ ต่างเป็นสาเหตุสำคัญที่นำไปสู่ความไม่พอใจที่ขยายตัวมากขึ้น...”3. ถ้าจะมีรายงานไต่สวนกรณีของไทยก็คงมีถ้อยคำเริ่มต้นที่ไม่ต่างกันมากนัก แต่มีความแตกต่างที่สำคัญอย่างหนึ่งในกรณีของอาร์เมเนีย กล่าวคือบทบาทของสภายุโรปที่เข้ามาแทรกแซง ในขณะที่อาเซียนกลับแทบไม่ได้ส่งเสียงอะไรเลย ทั้ง ๆ ที่เป็นกลุ่มระดับภูมิภาคซึ่งไทยเป็นสมาชิก ที่ผ่านมามีการแสดงข้อกังวลจากเลขาธิการองค์การสหประชาชาติและจากประธานสภา สิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติ (UN Human Rights Council) แต่รัฐบาลไทยซึ่งตระหนักดีถึงความสามารถที่จะไม่รับผิดและความเพิกเฉยต่อ หลักศีลธรรม จึงไม่ได้สนใจการแทรกแซงเหล่านี้ ความแตกต่างด้านทัศนคติระหว่างประเทศทั้งสองก็มีอยู่บ้าง อาร์เมเนียอยู่รอดมาในช่วงหลายพันปีด้วยการยอมโอนอ่อนผ่อนปรน การประนีประนอมและการต่อต้าน โดยตระหนักดีถึงข้อจำกัดของตนเอง และทราบว่าข้อจำกัดเหล่านี้อาจเป็นข้อได้เปรียบในการขอความช่วยเหลือที่ต้อง การ แต่เมื่อถึงจุดที่จำเป็นต้องจัดให้มีการสอบสวนที่น่าเชื่อถือ ครอบคลุมและโปร่งใส รัฐบาลก็ตระหนักถึงการขาดประสบการณ์ของตนเอง และได้ร้องขอและได้รับความช่วยเหลือจากผู้ชำนาญการภายนอก เพื่อเข้ามากำหนดประเด็นของการสอบสวน แต่ในขณะเดียวกันประเทศไทยซึ่งมีสถานการณ์ไม่ต่างกันมากนัก กลับใช้ช่วงเวลาหกเดือนภายหลังการสังหารหมู่ไปกับการพูดตะกุกตะกัก ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะกำหนดประเด็นการสอบสวนอย่างไร มีเพียงการอ้างถึงการจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อความปรองดองในลักษณะที่ “พูดแล้วก็เลิกกันไป” รวมทั้งการเข้าไปแต่งโน่นทำนี่ในการสอบสวนครั้งต่าง ๆ และอื่น ๆ
ในขณะที่รัฐบาลอาร์เมเนียกลับกระตือรือร้นที่จะขอคำปรึกษาจากผู้ชำนาญการด้านขีปนศาสตร์ (ballistics) ทั้งในสหรัฐอเมริกา รัสเซีย และไอร์แลนด์ โดยไม่ได้อ้างว่าจะกระทบต่ออธิปไตยของตนแต่อย่างใด แม้ว่ารัฐบาลไทยจะยอมรับเป็นการส่วนตัวถึงความจำเป็นที่ต้องมีการปรึกษา หารือ แต่ก็พยายามแข็งขืนต่อต้านไม่ให้หน่วยงานภายนอกประเทศเข้ามามีส่วนร่วมในการ สอบสวน ทำราวกับจะส่งผลกระทบต่อพรมจรรย์ของประเทศ ในบทต่อไป จะว่าด้วยประสบการณ์ของคณะกรรมการไต่สวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นช่วงเดือน มีนาคม 2551 ที่อาร์เมเนีย ซึ่งจะเป็นบทเรียนที่มีคุณค่าถ้ารัฐบาลไทยสัญญาจะให้มีการไต่สวนแบบเดียวกัน ที่ผ่านมาคำสัญญาที่จะแสวงหาความยุติธรรมในอนาคต มักมีจุดประสงค์เพียงเบี่ยงเบนความสนใจ และปล่อยให้เวลาที่ผ่านไปทำลายอดีตไปด้วยตัวของมันเอง
คณะกรรมาธิการไต่สวนของอาร์เมเนีย
แหล่งข้อมูลสำคัญสุดเกี่ยวกับผลการทำงานของคณะกรรมาธิการไต่สวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเดือนมีนาคม ปี 2551 ที่อาร์เมเนีย ได้แก่ “ข้อ สังเกตที่มาจากบทสรุปของ” คณะกรรมาธิการชั่วคราวของรัฐสภาแห่งอาร์เมเนียที่ไต่สวนเหตุการณ์วันที่ 1 และ 2 มีนาคม 2551 และ “เหตุผลที่เกี่ยวเนื่อง””4. โดยข้อสังเกตดังกล่าวมีที่มาจาก “คณะกรรมการตรวจสอบการปฏิบัติตามพันธกิจของรัฐภาคีของสภายุโรป (Committee on the Honouring of Obligations and Commitments by Member States of the Council of Europe - Monitoring Committee) ซึ่งชื่อของคณะกรรมการชุดนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความจริงจังด้านสิทธิ มนุษยชนของประชาคมในสภายุโรป โดยคำวิจารณ์มีพื้นฐานมาจากข้อมูลของรายงานของคณะกรรมการชั่วคราวของรัฐสภา เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2552 โดยรายงานฉบับแปลนั้นไม่ได้เป็นที่เผยแพร่โดยทั่วไป แต่ในหมายเหตุประกอบด้วยข้อสรุปโดยสังเขปและบทวิเคราะห์ของรายงาน ข้อมูลสำคัญอีกส่วนหนึ่งได้แก่ความเห็นของสมาชิกพรรคฝ่ายค้าน (Armenian National Congress) เกี่ยวกับการไต่สวนเหตุการณ์วันที่ 1 มีนาคม 2551 รวมทั้งเหตุผลที่เกี่ยวเนื่อง ผู้ประท้วงชาวอาร์เมเนียเป็นผู้มอบบันทึกความเห็นเหล่านี้ให้กับตัวผู้เขียน โดยตรง
ในช่วงที่เกิดเหตุการณ์เดือนมีนาคม ทางคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนของสภายุโรปได้บอกกับรัฐบาลอาร์เมเนียอย่างชัดเจนว่า “จะ ต้องจัดให้มีการไต่สวนอย่างครอบคลุม เป็นอิสระและโปร่งใส” โดยต้องเป็นข้อมูลที่ “น่าเชื่อถือสำหรับประชาชนทั้งมวลของอาร์เมเนีย” คณะกรรมการชั่วคราวของรัฐสภา ซึ่งก็มีสมาชิกพรรคฝ่ายค้านอยู่ด้วย แต่ส่วนใหญ่จะมาจากพรรคของรัฐบาล เป็นคณะกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐสภา แต่กลุ่มจากพรรคฝ่ายค้านหลักอันได้แก่พรรค Armenian National Congress ซึ่งสนับสนุนนาย Leron Ter-Petrosian ได้คว่ำบาตรไม่ยอมเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของคณะกรรมการชั่วคราวชุดนี้ นับแต่เริ่มต้น พวกเขาเรียกร้องให้มีตัวแทนเท่า ๆ กันระหว่างภาครัฐกับฝ่ายค้าน รวมทั้งให้มีสัดส่วนของผู้ชำนาญการจากระหว่างประเทศด้วย เพื่อให้เกิดความสมดุล สภายุโรปได้มีข้อเสนอแนะว่า ให้มีการแต่งตั้งกลุ่มผู้ชำนาญการอิสระซึ่งมีชื่อว่า กลุ่มแสวงหาความจริง (Fact Finding Group - FFG) ซึ่งมีหน้าที่อย่างชัดเจนที่จะแสวงหาความจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ในวันที่ 1 และ 2 มีนาคม คณะ กรรมการชุดนี้มีตัวแทนจากรัฐบาลและฝ่ายค้านอย่างละสองคน และมีสมาชิกหนึ่งคนเป็นผู้ตรวจการรัฐสภาด้านสิทธิมนุษยชน คณะกรรมการชั่วคราวของรัฐสภาก็เขียนข้อสรุปโดยอ้างอิงข้อเท็จจริงที่เกิดจาก คณะกรรมการแสวงหาความจริงชุดนี้
กิจกรรม ของกลุ่มแสวงหาความจริงนับว่า น่าสนใจมากสุด ในช่วงเจ็ดเดือน (พฤศจิกายน 2551-พฤษภาคม 2552) พวกเขาได้ส่งจดหมาย 160 ฉบับเพื่อขอข้อมูลจากหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เดือนมีนาคม มีการสอบปากคำเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ 70 นาย พยานหลักฐานที่กลุ่มแสวงหาความจริงได้รับประกอบด้วยการบันทึกวีดิโอการสอบ ปากคำเป็นความยาว 80 ชั่วโมง วีดิโอความยาวกว่า 100 ชั่วโมงซึ่งเป็นการบันทึกของประจักษ์พยาน และเอกสารที่เป็นคำถามและคำตอบของเจ้าหน้าที่หนา 2,600 หน้า
อย่าง ไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ระดับสูงปฏิเสธที่จะมาให้การ กระทรวงกลาโหมปฏิเสธที่จะตอบคำถามเกี่ยวกับหน่วยทหารที่เข้าร่วมปฏิบัติการ หน่วยความมั่นคงแห่งชาติ (National Security Service) ปฏิเสธไม่ยอมให้คณะกรรมการเข้าถึงวีดิโอที่บันทึกไว้ในวันที่ 1 มีนาคม ตำรวจหน่วยแม่นปืนไม่ยอมให้สัมภาษณ์ รวมทั้งกลุ่มแสวงหาความจริงยังไม่สามารถเข้าถึงรายงานการวิเคราะห์การใช้ อาวุธของตำรวจได้ คำปฏิเสธและอุปสรรคต่าง ๆ ทำให้การสอบสวนไม่สามารถกระทำได้อย่างรอบด้าน ทั้งไม่มีความโปร่งใส ตัวแทนรัฐบาลสองคนได้ลาออก ในขณะที่ตัวแทนพรรคฝ่ายค้านยังคงเดินหน้าสอบสวนต่อไป ต่อมามีการออกพระราชกฤษฎีกาโดยประธานาธิบดีให้ยุบกลุ่มแสวงหาความจริงนี้ เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน คณะกรรมการชั่วคราวของรัฐสภาจึงสามารถใช้ข้อมูลเพียงบางส่วนจากการสอบสวนของ กลุ่มแสวงหาความจริง รวมทั้งข้อมูลจากแถลงการณ์และประกาศของรัฐบาลในช่วงก่อนและหลังเหตุการณ์ เดือนมีนาคม
กล่าวโดยสรุป รายงานขั้นสุดท้ายของรัฐสภายืนยันว่า ปฏิบัติการของตำรวจสอดคล้องกับตัวบทกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยแม้จะแก้เกี้ยวว่า “ตำรวจ ขาดความเป็นมืออาชีพและทักษะในเชิงจัดตั้ง” แต่ก็ประณามผู้จัดการประท้วงซึ่งต่อต้านตำรวจ โดยกล่าวหาว่าไม่ยอมป้องกันความรุนแรง มีการระบุว่า “มีการใช้ความรุนแรงที่ไม่อาจยอมรับได้ต่อตำรวจ” และตัดสินว่าการปฏิบัติของตำรวจ “โดยรวมแล้วชอบด้วยกฎหมายและมีสัดส่วนเหมาะสม” ในขณะที่หน่วยงานของรัฐอ้างเช่นนี้ แต่คณะกรรมการก็มีข้อสรุปยอมรับว่ามีการใช้พลซุ่มยิงของตำรวจ แต่ก็น่าจะเป็นการยิงขึ้นท้องฟ้า! ในรายงานแทบไม่ได้ให้ความใส่ใจต่อข้อค้นพบของกลุ่มแสวงหาความจริงเลย จากการเสียชีวิตสองในห้าด้วยอาการบาดเจ็บจากกระสุนปืน คณะกรรมการไม่มีสามารถนำปลอกกระสุนมาเป็นหลักฐานได้ สำหรับผู้เสียชีวิตอีกสามคนจากกระสุนที่มาจากอาวุธที่ใช้เป็นปรกติของตำรวจ แต่คณะกรรมการกลับบอกว่าไม่สามารถค้นหาแหล่งที่มาของอาวุธเหล่านี้ได้
การปฏิเสธไม่ยอมระบุถึงความผิดของผู้นำรัฐบาล ตำรวจหรือทหาร เป็นสิ่งที่คาดหมายกัน “มัน ก็ต้องเป็นแบบนี้แหละ” อย่างไรก็ตาม ในข้อเสนอแนะของรายงานเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมเช่นนี้ คณะกรรมการชั่วคราวได้เปิดเผยโฉมหน้าและสิ่งที่พวกเขาทำ และรู้ว่าควรจะประณามใคร คณะกรรมการวิจารณ์อย่างหนักต่อความผิดพลาดของตำรวจในการไต่สวนความตายของ ทั้งสิบคน แต่สุดท้ายก็มีบทสรุปยอมรับว่า ทางอัยการสูงสุดได้ปฏิบัติหน้าที่ในการไต่สวนอย่างถูกต้องและเป็นมืออาชีพ แล้ว
มีข้อ เสนอแนะหลายประการเกี่ยวกับความ จำเป็นที่จะต้องปฏิรูปกำลังตำรวจ โดยการขอให้รัฐบาลทบทวนการปฏิบัติตามกฎหมายของตำรวจ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการว่าด้วยการใช้กำลังและอาวุธปืนขององค์การสหประชา ชาติ “ชุดของข้อเสนอแนะที่ครอบคลุม แสดงให้เห็นว่า คณะกรรมการได้ทำการวิเคราะห์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 และ 2 มีนาคม 2551 อย่างลึกซึ้ง มากกว่าเนื้อหาส่วนอื่นของรายงาน ความเห็นแย้งเช่นนี้ ประกอบกับการเน้นย้ำบางประเด็นหรือหลีกเลี่ยงบางประเด็น แสดงให้เห็นว่าคณะกรรมการพยายามหลีกเลี่ยงการวิจารณ์คำอธิบายถึงเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นของรัฐ และไม่ยอมวิพากษ์วิจารณ์หน่วยงานของรัฐอย่างรุนแรง “การเซ็นเซอร์ตัวเอง” เช่นนี้ เป็นเรื่องน่าเสียใจ และทำลายความน่าเชื่อถือของกระบวนการไต่สวนโดยรวม 5.
ข้อ บกพร่องอีกประการหนึ่งของรายงาน คือการไม่วิเคราะห์ถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าที่นำไปสู่การประท้วงในเดือนมีนาคม อย่างเช่น การจับกุมและฟ้องร้องคดีผู้สนับสนุนของฝ่ายค้านจำนวนมาก
กลุ่ม ฝ่ายค้านได้คว่ำบาตรคณะกรรมการ ชั่วคราวที่ถูกครอบงำโดยสมาชิกที่มาจากรัฐเป็นส่วนใหญ่ และได้เข้าร่วมงานกับกลุ่มแสวงหาความจริง แต่ก็โทษการขัดขวางของรัฐบาลอันเป็นเหตุนำไปสู่การยุบกลุ่มดังกล่าวในที่สุด มีการกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ปั้นแต่งข้อมูลจากการสอบสวนการเสียชีวิตของเจ้า หน้าที่ตำรวจสองคน เพื่อชี้นิ้วกล่าวหาว่าผู้ประท้วงเป็นคนทำ คณะกรรมาธิการยังปฏิเสธไม่กล่าวถึงการโกงเลือกตั้งที่เกิดขึ้นอย่างกว้าง ขวางในช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดี อันเป็นชนวนเหตุให้เกิดการประท้วงอย่างสันติและมีการจัดการเป็นอย่างดี รวมทั้งการที่ตำรวจเข้ามาทำลายเครื่องเสียงก็เพื่อจะทำให้การประท้วงอยู่ใน สภาพสับสนและไร้การนำ การปล้นสะดมและการเผารถที่เกิดขึ้นในเวลาต่อมาก็ ถูกอ้างว่าเป็นผลงานของผู้ประท้วง โดยไม่มีการไต่สวนว่ากลุ่มที่ปล้นสะดมเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ประท้วงอย่างไร ทางกลุ่มแสวงหาความจริงได้ค้นพบบันทึกวีดิโอที่เป็นภาพการเผารถและการปล้น สะดม ซึ่งเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาตำรวจที่พากันยืนเฉย ๆ และไม่ได้เข้าไปแทรกแซงอะไร กลุ่มผู้ประท้วงจึงเห็นว่าการสอบสวนที่เกิดขึ้นไม่เป็นกลางและไม่น่าเชื่อ ถือ และเห็นว่าการสอบสวนต้องทำโดยคณะกรรมการที่มีตัวแทนอย่างเท่าเทียมระหว่าง รัฐบาลกับฝ่ายค้าน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งควรมีผู้ชำนาญการระหว่างประเทศเข้าร่วมด้วย
เหตุการณ์ในประเทศไทย
ความ คล้ายคลึงของประสบการณ์ที่ประเทศ อาร์เมเนียกับไทยเป็นเรื่องน่าประหลาดใจ ยังไม่รวมถึงบทบาทของอดีตผู้นำประเทศทั้งสองคนซึ่งต่างก็มีความเป็นมาที่ทำ ให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ แน่นอนว่าย่อมมีความแตกต่างอยู่บ้าง การประท้วงที่กรุงเยเรวานมีลักษณะทางวัฒนธรรมแตกต่างมากจากการประท้วงในไทย แต่ถึงจะมีความแตกต่างทางวัฒนธรรมเช่นนั้น องค์ประกอบพื้นฐานหลายประการก็เหมือนกัน กล่าวคือ การที่ประชาชนชั้นล่างรวมตัวกันเพื่อคุ้มครองผู้นำซึ่งถึงแม้จะมีความผิด พลาดอยู่บ้าง แต่ก็แสดงถึงภาวะผู้นำที่เหนือกว่าระบอบปกครองที่ไม่น่าสนับสนุนเช่นนี้ ความอึดอัดคับข้องใจนำไปสู่การกระทำที่เกินขอบเขตไปบ้าง และเป็นเหตุให้รัฐบาลใช้เป็นเหตุผลเพื่อสนับสนุนการใช้ความรุนแรงในการปราบ ปราม ในทั้งสองประเทศฝ่ายรัฐได้กล่าวหาว่าผู้ชุมนุมมีอาวุธ ทั้ง ๆ ที่ไม่มีหลักฐานที่แท้จริงมาสนับสนุน แต่ก็ถูกใช้เป็นเหตุผลเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับการใช้อาวุธเข้าปราบปราม ทั้งสองเหตุการณ์นำไปสู่การสูญเสียชีวิตและการบาดเจ็บ ซึ่งคงเป็นสิ่งที่ไม่มีคำอธิบายใด ๆ ทั้งนี้เพราะไม่มีการเก็บรวบรวมพยานหลักฐานทางนิติเวชก่อนที่จะปล่อยให้เจ้า หน้าที่เข้ามาทำความสะอาดและเคลื่อนย้ายศพออกไป ในโอกาสต่อไปคงมีการออกรายงานปัดความรับผิดชอบในไทย เช่นเดียวกับกรณีของอาร์เมเนีย ซึ่งเป็นผลมาจากการควบคุมการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารอย่างเบ็ดเสร็จของรัฐ ความหวังอันเรือนลางเท่าที่มีอยู่ในตอนนี้ ไม่ได้ช่วยทำให้มั่นใจเลยว่า จะเกิดการปฏิรูปโครงสร้างของรัฐบาลอย่างแท้จริง
รัฐบาล ชุดปัจจุบันของไทยมีอำนาจอย่าง จำกัด ทั้งดูเหมือนจะไม่ตระหนักถึงความรุนแรงของการบาดเจ็บและเสียชีวิตที่เกิดจาก คำสั่งการของตน รัฐบาลยังคงทำทุกอย่างเพื่อให้อยู่รอดโดยการโป้ปดและโฆษณาชวนเชื่อ เอาแต่พร่ำพูดถึงสิ่งที่ไม่ใช่สาระอย่างแท้จริง ปัญหาอยู่ที่การไม่มีมาตรฐานสิทธิมนุษยชนที่จะทำให้สามารถปฏิเสธความจริงแบบ ครึ่ง ๆ กลาง ๆ ได้อย่างเต็มที่ รวมทั้งยังมีความพยายามที่จะไม่ตอบคำถามใด ๆ คณะกรรมการไต่สวนความจริงของไทยจำเป็นจะต้องขอให้ต่างประเทศเข้ามามีส่วน ร่วม โดยอาจเป็นไปได้ว่าจะมาจากในแวดวงอาเซียน หรือจนกระทั่งหน่วยงานระหว่างประเทศอื่น ๆ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านความขัดแย้ง และมีทักษะเฉพาะในการสอบสวนและด้านนิติเวช การสอบสวนต้องดำเนินไปโดยให้สื่อมวลชนที่เป็นอิสระอย่างแท้จริงสามารถตรวจ สอบได้ และเป็นที่พอใจสำหรับประชาชนคนไทย และประชาชนต้องมีเสรีภาพที่จะพิจารณาและวิพากษ์วิจารณ์ผลการสอบสวนที่เกิด ขึ้น ในปัจจุบัน การที่ยังคงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและการเซ็นเซอร์สื่อมวลชนอิสระอย่างกว้าง ขวาง ทำให้การพูดคุยอย่างเป็นอิสระไม่อาจเกิดขึ้นได้
ไทย เป็นประเทศซึ่งมีความวุ่นวายมากสุด ในเอเชีย เรามีการปฏิวัติรัฐประหารมากกว่าประเทศใด ๆ ในขณะที่รัฐบาลพลเรือนก็มีพัฒนาการน้อยกว่าประเทศอื่น รัฐบาลปัจจุบันต้องพึ่งพาพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ซึ่งผ่านเป็นกฎหมายในสมัยรัฐบาลที่มาจากการแต่งตั้งของทหาร และยังกำหนดให้ทหารเป็นหน่วยงานบัญชาการอย่างถาวร หรือกลายเป็นภัยคุกคามถาวรได้ ประกอบกับการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินซึ่งลิดรอนสิทธิทางพลเรือนเป็นส่วนใหญ่ ส่วนนายกรัฐมนตรีก็ต้องหาที่พึ่งภายในค่ายทหาร สถานการณ์เช่นนี้ไม่อาจดำเนินต่อไปได้ ไม่เช่นนั้น จะทำให้เกิดความล่มสลาย แม้ว่าความล่มสลายเช่นนั้นอาจล่าช้าไปบ้าง เนื่องจากมาตรการควบคุมอย่างเบ็ดเสร็จที่มีอยู่ในปัจจุบัน และน่าจะมีเพิ่มขึ้นอีก รัฐบาลเอาแต่โหมโฆษณาถึงสัญญาณการกลับคืนสู่ภาวะปรกติที่ไม่เป็นจริง จัดงานท่องเที่ยวและซื้อข้าวของตามท้องถนน ในขณะที่สื่อมวลชนให้ความสำคัญกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่กรุงเทพฯ แต่ปัญหาสำคัญที่ท้าทายนิสัยการแก้ปัญหาแบบไทย ๆ ยังคงดำเนินต่อไปในภาคใต้ รัฐบาลเริ่มยอมอ่อนข้อบ้าง และประกาศจะปล่อยตัวนักโทษการเมือง แต่ในขณะเดียวกันก็ยังต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากทหารและการปราบปรามด้วย ความรุนแรง การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและมาตรการที่คล้ายคลึงกัน รวมทั้งมาตรการด้านกฎหมายที่ถูกใช้เพื่อควบคุมประชาชน การปกครองโดยพลเรือนในไทยประสบความล้มเหลว การขยายเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งหมายถึงการมอบอำนาจให้ทหารปกครองประเทศ เป็นสัญญาณแห่งความถดถอย มีการใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพและกฎหมายเซ็นเซอร์ที่ให้อำนาจรัฐ อย่างกว้างขวาง ทั้งนี้เพื่อความพยายามควบคุมความคิดของสังคม ทั้ง ๆ ที่มาตรการที่ประสบความล้มเหลว เรากำลังไปทางไหนกัน เราควรพิจารณาพัฒนาการที่เกิดขึ้นในประเทศแฝดอย่างสาธารณรัฐอาร์เมเนียอย่าง ตั้งใจ และพยายามศึกษาถึงความล้มเหลวในการสอบสวนการปราบปรามอย่างรุนแรงที่เกิดขึ้น การสอบสวนอย่างจริงใจเท่านั้นจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง และจะเป็นพื้นฐานของการปฏิรูปที่กล่าวอ้าง
เชิงอรรถ
1.ประเทศ ที่มีสถิติสิทธิมนุษยชนเลวร้ายมักเลือกที่จะให้สัตยาบันต่อสนธิสัญญาในอัตรา ที่สูงกว่าประเทศซึ่งมีสถิติดีกว่า” .” Professor Oona Hathaway, Gerard C. and Bernice Latrobe Smith Professor of International Law at the Yale Law School. Yale Law Journal, Vol. 111, 2002
Boston Univ. School of Law Working Paper No. 02-03
2. Anahit Karikosyan นักร้องชาวอาร์เมเนียผู้มีชื่อเสียงระดับโลก
3. ความ เห็นของพรรคฝ่ายค้าน Armenian National Congress ที่มีต่อการไต่สวนเหตุการณ์วันที่ 1 มีนาคม 2551 และพฤติการณ์การเสียชีวิตของประชาชน 10 คน และเป็นข้อมูลที่อยู่ในข้อสรุปของคณะกรรมาธิการชั่วคราวของรัฐสภาแห่งอาร์เม เนียที่ไต่สวนเหตุการณ์วันที่ 1 และ 2 มีนาคม 2551 และ “เหตุผลที่เกี่ยวเนื่อง” บทที่ 9 โปรดดูเชิงอรรถที่ 4
4. Co-rapporteurs John Prescott and George Colombier
Comments of the Armenian National Congress on the investigation into 1 March 2008 events and circumstances of 10 deaths and Information note on the conclusions of the Ad Hoc Commission of the National Assembly of Armenia on the events of 1 and 2 March 2008 and “the reasons thereof”.
Council of Europe, amondoc38r2_2009
5. Colombier and Prescott, op. cit., Section 41

กษัตริย์จอร์แดนนิรโทษกรรมนักโทษคดีหมิ่นฯ

ที่มา Thai E-News


กษัตริย์ อับดุลลาห์ บิน อัล ฮุสเซนที่ 2 แห่งราชอาณาจักรจอร์แดน เคยเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทยเพื่อร่วมพระราชพิธีถวายพระพรในหลวงทรง ครองราชย์ครบ 60 ปีเมื่อปีพ.ศ.2549

ที่มา THE JORDAN TIMES

อัมมาน (จอร์แดน ไทม์ส) – แหล่งข่าวให้ข่าวว่า การสืบสวนคดีหมิ่นต่าง ๆ รวมทั้งการกล่าวร้ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพต่อพระมหากษัตริย์ได้ตกไป

“การ ตัดสินใจนั้นมีแรงบันดาลใจจากพระบรมราโชบายของพระมหากษัตริย์ในการพระราช ทานอภัยโทษ ความอดทนอดกลั้น และเป็นสิ่งที่สืบทอดกันมาของพระราชวงศ์ Hashemite” แหล่งข่าวได้บอกกับน.ส.พ. Jordan Times

คนหนึ่งที่ได้รับ การปล่อยตัวคือ ฮาทิม ชูลี ซึ่งถูกจับในเดือนกรกฎาคมในข้อหาให้ร้ายกษัตริย์และยั่วยุให้เกิดความขัด แย้งในบ้านเมือง ตามที่ได้รับข้อมูลจากศาล

เจ้าหน้าที่ศาลได้กล่าวกับน.ส.พ. Jordan Times ว่า ชูลี ได้รับการปล่อยตัวแล้วในการปฏิบัติตามการตัดสินตามนโยบายให้เพิกถอนคดี

อีก ราย คือนักศึกษามหาวิทยาลัย Yarmouk อายุ 20 ปี ถูกจับเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ด้วยข้อหาให้ร้ายพระมหากษัตริย์อับดุลลาและก่อให้เกิดความแตกแยกในบ้านเมือง โดยบทกวีที่เขาเขียน

ชูลีปฏิเสธว่าเขียนบทกวีหรือกล่าวร้ายพระมหากษัตริย์

แม้ ว่าการให้ร้ายกษัตริย์จะถูกลงโทษด้วยกฎหมาย แต่พระมหากษัตริย์ได้มีพระมหากรุณาธิคุณ มีพระบรมราชโองการย้ำให้คนที่ต้องคดีดังกล่าวได้รับการปล่อยตัว

สังคมข่าวชาวเสื้อแดง:6เดือน19พฤษภา-7เดือน10เมษา คนสั่งยังลอยหน้า คนฆ่ายังลอยนวล

ที่มา Thai E-News


ดูหนังดูละครย้อนพม่า
อย่าลืมหวนกลับมาดูเจ้าของ
ขณะปากเพ้อพร่ำคำปรองดอง
ใจกลับจองจ้องล่าจะฆ่าฟัน

บ้านแตกสาแหรกขาดอนาถนัก
ไหลทะลักเข้าไทยด้วยไหวหวั่น
แต่ว่าไทยวันนี้เหลือกี่วัน
จะจบฝันอย่างไรยังไม่รู้...


ที่มา เฟซบุ๊ค วิสา คัญทัพ

โดย นักข่าวชาวรากหญ้า
11-14 พฤศจิกายน 2553

***สังคม ข่าวชาวเสื้อแดง ประจำวันที่ 11-14 พฤศจิกายน 2553 เป็นห้วงเวลาครบรอบ 7 เดือนเหตุการณ์สังหารผู้เรียกร้องประชาธิปไตย 10 เมษาฯ ใกล้ห้วงเวลาครบรอบ 6 เดือนเหตุการณ์19พฤษภาอำมหิต โดยที่ความอยุติธรรมยังดำรงอยู่ คนเจ็บยังถูกใส่ร้าย คนตายยังถูกกล่าวหา คนบริสุทธิ์ยังถูกคุมขัง เสรีภาพถูกข่มขืน คุกแน่นไปด้วยผู้ต้องหาทางความคิด-แล้วอย่ามาบอกนะว่า"ทำไมคนเสื้อแดงไม่ยอม ปรองดอง-ทำไมคนเสื้อแดงไม่ยอมลืมอดีต"!!?...สัจธรรมนั้นฆ่าไม่ตาย สลายไม่ขาด แม้แต่ความตายก็ไม่อาจพราก หากแต่ยิ่งทำให้คนผนึกหลอมอย่างเข้มข้นเพื่อการเปลี่ยนแปลงอย่างทรงพลานุ ภาพ***

***ทรราชมาร์คพูดถูกที่ว่า"การจะปรองดองขึ้นอยู่กับประชาชนทั้งประเทศ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับทักษิณ" หลังจากเสธ.หนั่นไปพบทักษิณแล้วพูดกันว่า"อยากให้ลืมๆอดีตเพื่อเดินหน้าปรองดอง"..ก็ คงง่ายๆแบบนี้เพราะไม่มีญาติพี่น้องของเสธ.หนั่นโดนฆ่าตาย เจ็บทุพลภาพ ถูกยัดคุกยาว6เดือนไม่ให้ประกัน โดนตามล่าตามฆ่าตามจับกุม ไม่ได้เป็นคนส่วนใหญ่ในประเทศที่เขายังคับแค้นขมขื่นกับอยุติธรรม..หาก ทักษิณเอออวยไปกับเสธ.หนั่นก็"เชิญปรองดองจอมปลอมไปคนเดียว"เถอะครับ ถือว่าที่ผ่านมาเราไม่เคยมีอะไรต่อกัน ไม่มีบุญคุณไม่มีความแค้น ไม่มีอะไร ตามสบาย...ก็แค่นั้น( ดีอยู่หน่อยแต่ว่าทักษิณแค่"หัวเราะ"เฉยๆเมื่อเสธ.หนั่นบอกให้ลืมๆอดีต )***

***วันที่ 11 พฤศจิกายน สหพันธ์ นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย(สนนท.)ยื่นหนังสือต่อสถานทูตญี่ปุ่น และอิตาลี ในโอกาส ครบรอบ 7 เดือน 10 เมษาฯซึ่งเป็นวันครบรอบ 7 เดือนการเสียชีวิตของนายฮิโร มูราโมโต้ ผู้สื่อข่าว สำนักข่าวรอยเตอร์ ชาวญี่ปุ่น และในโอกาสใกล้ครบรอบ 6 เดือน 19 พฤษภาฯ ซึ่งช่างภาพอิตาลี นายฟาิบิโอ โปเลนจิ เสียชีวิต

สนนท. จึงได้จัดกิจกรรม “ยื่นจดหมายถึงสถานทูตญี่ปุ่น” เพื่อเป็นการแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต และเป็นการรำลึกถึงผู้เสียชีวิต โดยวันและเวลาในการจัดกิจกรรมนี้ เป็นไปตามความสะดวกของสถานทูตทั้งสองแห่ง

โดยวันนี้ เวลา 10.00 น. ไปยื่นหนังสือต่อสถานทูตอิตาลี เวลา 14.00 น.เดินทางไปสถานทูตญี่ปุ่น ถนนวิทยุ อ่านจดหมายถึงสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น เวลา 15.00 น. ตัวแทน สนนท. นักศึกษาองค์กรฐาน และแนวร่วม เข้่ายื่นจดหมายถึงสถานทูตญี่ปุ่น***

***ช่วย น้ำท่วมแล้ว หันมาดูผู้ประสบภัยน้ำท่วมปาก ก็ได้แต่น่าสรรเสริญน้ำใจพี่น้องร่วมชาติที่ยังไม่ลืมคนที่ประสบภัยร้าย เผด็จการ อย่างกรณีนี้คือคุณนิคม เบอร์ขุนทด ที่โดนพวก"สลิ่ม"รุมทำร้ายสาหัส คุณพี่สุภาพสตรีผู้มากน้ำใจท่านหนึ่งแจ้งข่าวมาดังนี้


"โดย ปกติแล้ว คุณนิคมเป็นคนที่มาทำงานที่กทม.คนเดียว เพื่อส่งเงินกลับไปให้ที่บ้าน(ซึ่งมีอยู่กัน 3 คน พ่อ แม่ และลูกสาว) ให้ใช้จ่ายเพื่อประทังชีวิต แต่ตอนนี้คุณนิคมไม่สามารถทำอะไรได้ ครอบครัวนี้จึงไม่มีรายได้ใดๆเลย น้องปานฯ ลูกสาวตอนนี้ก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก


ครอบ ครัวของคุณนิคม คือคุณแม่ค้าว (แม่ของนิคม) จึงอยากได้รับความช่วยเหลือ หากท่านใดพอจะช่วยเหลือได้บ้าง ก็ขอได้โปรดช่วยเหลือด่วนด้วย จะเป็นพระคุณอย่างสูง เพราะขณะนี้คุณนิคมอยู่ที่บ้าน ได้เกิดแผลกดทับที่ร่างกาย ต้องได้รับการรักษาด่วนที่สุด และเริ่มพูดจาไม่รู้เรื่องแล้ว

ป้าค้าว คุณแม่ของคุณนิคมซึ่งมีอายุราว 65 ปี กล่าวพร้อมน้ำตาว่า "ได้แค่ใหนก็แค่นั้น ไหนๆมันก็จะตายอยู่แล้ว คงไม่ใช้อะไรเยอะหรอก"

กอง ทุนแดงเพื่อแดง (Reds For Reds Funds : RFRF)ได้ช่วยเยียวยาให้เบื้องต้นแล้ว และกำลังติดต่อคนเสื้อแดงอีกท่านหนึ่งที่เชียงใหม่ ที่มีโครงการช่วยเหลือให้ลูกสาวของนิคมคือน้องปานฯในเรื่องทุนการศึกษา

กรณีของคุณนิคมและครอบครัวกำลังเดือดร้อนจริงๆ จึงขอเรียนเชิญพี่น้องคนเสื้อแดง โปรดร่วมด้วยช่วยกัน โปรดบริจาคเพิ่มเติมได้ที่
บัญชี นางค้าว เบอร์ขุนทด บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาเคหะร่มเกล้า เลขที่บัญชี 184-220530-9

ขณะนี้ครอบครัวนี้ได้รับความเดือนร้อนมาก ส่วนดิฉันก็จะพยายามช่วยเหลือได้บ้าง เพราะไม่ได้ทำงานแล้ว โดยจะโอนเงินไปช่วยวันพรุ่งนี้"(อ่านรายละเอียดกรณีของคุณนิคม)


***เมื่อ วานนี้ 10 พฤศจิกายนนี้ครบรอบ 7 เดือนเหตุการณ์สี่แยกคอกวัว ราชดำเนิน พี่น้องเสื้อแดงไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลที่วัดหัวลำโพง และจุดเทียนแดงที่อนุสาวรีย์ประชาธืปไตย เพื่อน้อมรำลึกในจิตใจกล้าต่อสู่กล้าเสียสละของวีรชน และสานต่อปณิธานให้บรรลุผลต่อไป (ชมภาพชุดที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และชมวิดิโอ"เดี่ยวไม่มีไมโครโฟน"งานรำลึก 7 เดือน 10 เมษาฯ คลิ้กที่นี่) ***

***ส่วนวันที่ 19 ที่จะถึงนี้ กิจกรรมใหญ่รำลึก 6 เดือน 19 พฤษภาฯในวันที่ 19 พฤศจิกายนนี้
คณะผู้จัดงานจะจัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ในวันที่ 11 พฤศจิกายนนี้ ที่ชั้น 5 อิมพีเรียล ลาดพร้าว

โดย คณะจัดงานมีหลายกลุ่ม วันนี้เป็นเสื้อแดงภาคพลเมืองล้วนๆ และญาติวีรชน จะแถลงข่าวในเวลา 13.00 น. ท่านที่จะไปเป็นกำลังใจในวันแถลงข่าว รบกวนผูกผ้าดำที่แขนเพื่อไว้ทุกข์ให้กับวีรชนผู้เสียชีวิต โดยก่อนแถลงข่าวช่วงเช้าคณะทำงานจะไปจัดกิจกรรมที่หน้าเรือนจำ เรียกร้องปลดปล่อยนักโทษการเมือง หากมีเวลาเหลืออาจไปที่ DSI ก่อน เพื่อทวงถามคดี จากนั้นร่วมกันแถลงข่าว 13.00 ที่อิมฯลาดพร้าว ชั้น 5

สำหรับ กิจกรรมรำลึก 6 เดือน 19 พฤษภาฯในวันที่ 19จะถึงนี้ ที่เปิดเผยได้เวลานี้คือ เริ่ม 9โมงเช้าเราไปเยี่ยมแกนนำที่เรือนจำกันก่อน บ่ายๆกลับมาเยือนราชประสงค์ ค่ำๆร่วมพิธีสักการะท้าวมหาพรหม***

*** งานวันที่19 พ.ย. แกนนำนปช.นอกคุก จตุพร พรหมพันธุ์ หารือกับบก.ลายจุด-สมบัติ บุญงามอนงค์ แกนนำกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง ว่าจะจัดงานรำลึกภายใต้ชื่อ “6 เดือน 6 โมงเย็นราชประสงค์” โดยจะมีกิจกรรมตั้งแต่เวลา 18.00-19.00 น.

“เรา จะใช้เวลาเพียงสั้นๆแค่ชั่วโมงเดียวเท่านั้นแล้วจะยุติการชุมนุม ผมจะถือโอกาสนี้ไปไหว้ศาลท้าวมหาพรหม เพื่อดลบันดาลให้บรรดาแกนนำที่โดนควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำได้รับการปล่อยตัว” นายจตุพรกล่าว***

***Thai Red Japan คนไทยในญี่ปุ่นรวม ตัวกัน เชิญพี่น้องคนไทยรักประชาธิปไตย ในประเทศญี่ปุ่นเจอกันหน้าสถานทูตไทย (ที่ใหม่ คุดังชิตะ)วันศุกร์ วันที่ที่ 12พ.ย2010 เวลา 12.30น.เราจะไปยื่นหนังสือเรียกร้องความเป็นประชาธิปไตยที่คนไทยควรมี และเรียกร้องให้รัฐบาลออกมารับผิดชอบในการใช้ความรุนแรงกับคนเสื้อแดงที่มี ผู้เสียชีวิตบาดเจ็บ และพิการ และเรียกร้องให้ปล่อยนักโทษที่โดนข้อหาที่รัฐบาลได้ตั้งขึ้นมา ซึ่งเป็นการตัดรอนอิสรภาพ ของประชาชน


โดย ที่รัฐบาลทั่วโลกนั้นเขามองเห็นว่า มันไม่ถูกต้องกับการกระทำของรัฐบาลไทยชุดนี้อย่างชัดเจน เราคนไทย ก็ควรออกรวมตัวกันเพื่อแสดงออกว่า เราคนไทยในประเทศญี่ปุ่นก็มิได้เห็นด้วยกับการกระทำของรัฐบาลที่สั่งฆ่า ประชาชน แล้วไม่ออกมารับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น เราคนไทยในประเทศญี่ปุ่นอับอายขายขี้หน้า กับรัฐบาลอภิสิทธิ์ที่ไม่รับผิดชอบกับการกระทำ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีนักข่าวต่างชาติ รวมทั้งนักข่าวญี่ปุ่นตาย ก็เพราะว่ารัฐบาล เอาทหารออกมายิงประชาชนเยี่ยงล่าสัตว์ ตายกันอย่างน่าอนาถ

รัฐบาลประเทศไหนเห็นเค้าก็รู้ว่าเป็นหน่วยแม่นปืน คุณหลอกคนพวกคุณได้ แต่วันนี้คุณหลอกผู้นำหลายประเทศเค้าไม่ได้ แน่นอน

งาน ประชุมผู้นำชาติAPECที่โยโกฮะมะนี้ ก็เป็นเวที ที่ทุกประเทศจ้องจับตามองผู้นำประเทศไทยว่า แล้วคุณอภิสิทธิ์จะหลอกอะไรต่อ กับผู้นำประเทศอย่างพวกเขา ..?!***

***เวบไซต์นิติราษฏร์ (นิติศาสตร์เพื่อราษฏร) จัดอภิปรายเรื่อง “ตุลาการ – มโนธรรมสำนึก – ประชาธิปไตย”วันเสาร์ที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ เวลา ๑๓.๐๐ – ๑๖.๐๐ ที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ห้อง แอลที ๑

วิทยากรผู้เข้าร่วมอภิปราย

๑. พนัส ทัศนียานนท์ (อดีตสมาชิกวุฒิสภา อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มธ.)
๒. สถิตย์ ไพเราะ (ผู้พิพากษาอาวุโส)
๓. พงศ์เทพ เทพกาญจนา (อดีตอาจารย์ผู้บรรยายวิชาหลักวิชาชีพนักกฎหมาย)
๔. วรเจตน์ ภาคีรัตน์ (ผู้ร่วมก่อตั้งคณะนิติราษฎร์)


จึงขอเรียนเชิญผู้สนใจทุกท่าน ร่วมอภิปราย แลกเปลี่ยนทัศนะในวันและเวลาดังกล่าว***

***เวบฝรั่งเสื้อส้มมาแรงกำลังแซงเสื้อแดงไวๆนี้-เวบเสื้อส้มอเมริกา(http://www.orangeshirtsusa.com/)วงในว่ามาแรง อาจจะแซงเวบเสื้อแดงทั้งหลายในไวๆนี้ ที่สำคัญมีเกมฮาๆให้เล่นด้วย


ใครยังไม่คลิ้กไปดู (โดยเฉพาะคนเสื้อแดง)อาจจะโดนแซงไปลิบ งานนี้รับประกันว่า ของเค้าดีจริงๆ***

***รับบริจาคเครื่องกันหนาวสู่เมืองเหนือ “คนเสื้อแดงร่วมใจต้านภัยหนาว” 8-13พ.ย. กิจกรรมคนเสื้อแดง 4 กลุ่มนำโดยนพ.พงษ์ศักดิ์ กลุ่มราชบุรี-คุณพรทิพย์ กลุ่มเพชรบุรี-คุณเกรียง กลุ่มหัวหินและคุณบริบูรณ์ กลุ่มบ้านโป่ง ผู้สนใจร่วมไปกับคณะติดต่อได้ก่อนวันเดินทางโดยเก็บค่ารถตามที่เป็นจริง
น.พ.พงษ์ศักดิ์ ภูสิทธิ์สกุล

กำหนดการ รับบริจาค 8-13 พ.ย.(โดยแต่ละกลุ่มได้ตั้งเต็นฑ์รับบริจาคอยู่ในพื้นที่),เดินทาง 22.00น.วันที่13พ.ย.,ถึงเมืองแพร่เช้าวันที่ 14 เวลา 7.00น. ประสานท่าน สส.วรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล/นพ.ทศพร เสรีรักษ์ นำเครื่องกันหนาวขึ้นดอยแจกชาวบ้าน

10.00น. นมัสการพระธาตุช่อแฮ/แวะเที่ยวแพะเมืองผี
13.00น. ร่วมขบวนแห่ล้อการเมือง “ทวงคืนความยุติธรรม” กลางตลาดอุตรดิตถ์
15.00น. กิจกรรมผูกผ้าแดงนำโดยคุณสมยศ
16.00น. เสวนาประชาธิปไตยกับ ดร.สุธาชัย / คุณสมยศ
18.00น. คอนเสิร์ต แป๊ะ คนบางสนาน
20.00น. เดินทางกลับ***


***อีกงาน " Wered " ทำความดี เพื่อนช่วยเพื่อน (เราคนไทย)ชมรม เรารักแดง ร่วมกับ เพื่อนๆ ชาวฝั่งธนฯ รับบริจากเสื้อผ้า เครื่องนุ่มห่ม เสื้อกันหนาว อาหารแห้ง อาหารกระป๋อง ร่วมช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วม(ภาคอีสาน)

โทร.086-513-9227 คุณแซ่บ เลขที่บัญชี 058-240777-8 ธ.ไทยพาณิชย์ ชื่อบัญชี นายอนุพงษ์ สาขาตลาดพลู (ออกเดินทางนำสิ่งของไปช่วยเหลือพี่น้อง วันที่ 12 พย.53) ท่านใดจะร่วมเดินทางไปด้วยติดต่อ คุณแซ่บ***

***ต้อนรับนักโทษการเมืองพ้นโทษ-"ต้อน รับเพื่อนสู่อิสรภาพ วิษณุ กมลแมน เราไม่ทอดทิ้งกัน” ขอเรียนเชิญเพื่อนพี่น้องผู้รักประชาธิปไตย และความเป็นธรรมทุกท่าน ร่วมกัน "ต้อนรับเพื่อนสู่อิสรภาพ วิษณุ กมลแมน เราไม่ทอดทิ้ง กัน" ณ บริเวณด้านหน้าเรือนจำคลองเปรม ถนนงามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ในวันพฤหัสบดีที่ 11 พฤศจิกายน 2553 ตั้งแต่เวลา 10.00 น.เป็นต้นไป

นายวิษณุ กมลแมน หรือเล้ง อายุ 19 ปี ถูกทหารจับกุมเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2553 เวลาประมาณ 16.30 น. บริเวณใกล้กับปั๊มน้ำมันเอสโซ่ ปากซอยรางน้ำ ถูกดำเนินคดีข้อหาฝ่าฝืนพรก.สถานการณ์ฉุกเฉิน ศาลตัดสินจำคุก 6 เดือน ไม่รอลงอาญา ซึ่งจะครบกำหนดพ้นโทษในวันพฤหัสบดีที่ 11 พฤศจิกายน จึงใคร่ขอเรียนเชิญเพื่อนพี่น้องร่วมเป็นกำลังใจ และร่วมต้อนรับ วิษณุ กมลแมน (เล้ง) สู่อิสรภาพ ตามวันและเวลาดังกล่าว (อ่านรายงานเกี่ยวกับเล้ง เพราะช่วยเพื่อนมนุษย์จึงเป็นผู้ก่อการร้าย)

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ ศูนย์ข้อมูลผู้ได้รับผลกระทบเหตุสลายชุมนุมเม.ย.-พ.ค.53 (ศปช.) หมายเลขโทรศัพท์ 08-6060-5433***

***งาน"ปล่อยโคมไพร่...ให้ถึงปลายฟ้า" 14 พฤศจิกายน 2553 ณ สนามกีฬากลางเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์


13.00 น. >> ขบวนแห่ล้อการเมือง "ทวงคืนความยุติธรรม" รอบอำเภอเมืองอุตคดิตถ์
15.00 น. >> กิจกรรมผูกผ้าแดง ตอกย้ำ "ราชประสงค์ที่นั่นมีคนตาย"
16.00 น. >> เสวนาประชาธิปไตย กับนักวิชาการเคียงข้างประชาชน
- ผศ.ดร.สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ อาจารย์ จุฬาฯ
- สมยศ พฤษาเกษมสุข บก.เรดพาวเวอร์

18.00 น. >> กิจกรรมส่งเสริมประชาธิปไตยภาคประชาชน
- สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.)

19.00 น. >> กิจกรรม "ปล่อยโคมไพร่ให้ถึงปลายฟ้า"

19.30 น. >> ปราศรัยภาคประชาชน จากประสบการณ์ 68 วัน "ผ่านฟ้าถึงราชประสงค์"
-โดย แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ

0.30 น. >> ปราศรัยภาคการเมือง
โดย ตัวแทนพรรคเพื่อไทย "ปฏิวัติ - ยึดอำนาจ ประชาชนสูญเสียอะไร"

เที่ยงวันยันเที่ยงคืน ที่อุตรดิตถ์ แดงทั้งแผ่นดิน****

***กำหนดการเวทีสัมมนา Marxism 2010*วัน เสาร์-อาทิตย์ ที่ 13-14 พฤศจิกายน 2553 ณ ห้องประชุม 14 ตุลา อาคารสำนักงานมูลนิธิ 14 ตุลา (อาคารด้านหลัง) ถ.ราชดำเนิน กรุงเทพฯ จัดโดย กลุ่มประกายไฟ


วันเสาร์ ที่ 13 พฤศจิกายน

12.30 น. - 13.00 น. ลงทะเบียน
13.00 น. - 15.00 น. สัมมนาหัวข้อ “ว่าด้วยลักษณะสังคมไทย: ทุนนิยมหรือศักดินา”
นำเสนอโดย โชติศักดิ์ อ่อนสูง, ปราการ กลิ่นฟุ้ง, พิชิต พิทักษ์
ดำเนินรายการโดย ปาลิดา ประการะโพธิ์
15.00 น. - 15.15 น. พัก
15.15 น. - 17.15 น. สัมมนาหัวข้อ “องค์กรแนวตั้งหรือองค์กรแนวนอน?”
นำเสนอโดย อุบลพรรณ กระจ่างโพธิ์, ศรีไพร นนทรีย์, สมบัติ บุญงามอนงค์
ดำเนินรายการโดย อานนท์ ชวาลาวัณย์
17.15 น. - 18.00 น. พัก
18.00 น. - 20.00 น. สัมมนาหัวข้อ “ใครคือชนชั้นปฏิวัติในปัจจุบัน?”
นำเสนอโดย รัชพงศ์ โอชาพงศ์, คมลักษณ์ ไชยยะ, เกรียงศักดิ์ ธีระโกวิทขจร
ดำเนินรายการโดย สลิลทิพย์ ณ พัทลุง

วันอาทิตย์ ที่ 14 พฤศจิกายน

12.30 น. - 13.00 น. ลงทะเบียน
13.00 น. - 15.00 น. สัมมนาหัวข้อ “รัฐในมุมมองมาร์กซิสม์”
นำเสนอโดย วีรนันท์ ฮวดศรี, พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์, กิติภูมิ จุฑาสมิต
ดำเนินรายการโดย เทวฤทธิ์ มณีฉาย
15.00 น. - 15.15 น. พัก
15.15 น. - 17.15 น. สัมมนาหัวข้อ “ข้อถกเถียงสำคัญของนักมาร์กซิสม์ในระดับสากลในปัจจุบัน”
นำเสนอโดย เก่งกิจ กิติเรียงลาภ, สุภลักษณ์ กาญจนขุนดี, วิภา ดาวมณี
ดำเนินรายการโดย พรทิพย์ มั่นคง
17.15 น. - 18.00 น. พัก
18.00 น. - 20.00 น. สัมมนาหัวข้อ “สังคมหลังการปฏิวัติ”
นำเสนอโดย สุลักษณ์ หลำอุบล, สมยศ พฤกษาเกษมสุข, อติเทพ ไชยสิทธิ์
ดำเนินรายการโดย ปัณมาสน์ อร่ามเมือง

หมายเหตุ:งดถ่ายทอดสดและบันทึกเสียงตลอดการสัมมนา ค่าลงทะเบียนเข้าร่วมการสัมมนา (เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดงาน)
วันเดียว 50 บาท, 2 วัน 80 บาท (จ่ายในวันงาน)สอบถามรายละเอียดได้ที่ โชติศักดิ์ 086-618-1200, เทวฤทธิ์ 089-258-3641***


***เสื้อแดงนิวยอร์ค สหรัฐ อเมริกา ซึ่งเคยต้อนรับทองม้าร์คตอนไปประชุมUNอย่างถึงอกถึงใจเมื่อเดือนกันยายนที่ ผ่านมา จัดกิจกรรมแดงช่วยแดง วันเสาร์ที่ 20 พฤศจิกายน 5.30-11.30pm ที่new broadway seafood restaurant พบปะสังสรรค์ร่วมรับประทานอาหาร และร่วมใจกันบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม และผู้เสียชีวิต-บาดเจ็บจากเหตุการณ์ทรราชสลายการชุมนุมคนเสื้อแดง ภายในงานพบการโฟนอินจาก...(อุ๊บ!) และกิจกรรมRED POSTCARD เขียนข้อความให้กำลังใจคนเสื้อแดงทางเมืองไทย เพื่อให้รับรู้ว่ามีคนไทยในต่างแดนรักประชาธิปไตยร่วมต่อสู้ ช่วยเหลือเป็นกำลังใจให้พี่น้องเราตลอดไป รายละเอียดคลิกดูตามโปสเตอร์ข้างบน***

***กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย แนวร่วมพลเมืองไทย กลุ่มแดงเชียงใหม่ ร่วมกันจัดงาน"ลอยกระทงรักไทขับไล่อภิสิทธิ์"ขึ้นที่เวียงกุมกาม อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ โดยจะเชิญชวนนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศร่วมงานในวันที่ 21 พฤศจิกายนนี้ เวลา 18.00-23.30น.

โดยจุดหมุ่งหมายของงานให้สะท้อนผลงานอันอัปยศของนายอภิสิท ธิ์เวชชาชีวะ ซึ่งในงานจะมีกิจกรรมแห่กระทงการเมืองเผาอภิสิทธิ์เผา เทียนเล่นไป ปล่อยโคมลอย รำวงย้อนยุค และมีการประกวดนางนพมาศ โดยคนเสื้อแดงจะ ส่งนางนพมาศทุกอำเภอมาประกวดในงาน และจะมีการปราศรัยจากกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย และปราศรัยจากกลุ่มเชียงใหม่แดง***

***ส่วนเสื้อแดงกรุงเทพฯและปริมณฑล แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ [นปช. FACEBOOK แดงทั้งแผ่นดิน] เชิญร่วมลอยกระทงชาวเสื้อแดงที่ ท่าน้ำสะพานพระราม 7 ฝั่งโรงไฟฟ้าบางกรวย (สุดสายรถเมล์ สาย 50) 21 พฤศจิกายน 6 โมงเย็นเป็นต้นไป

โดย ปกติสถานที่ดังกล่าวจะมีการจัดงานด้วยอยู่แล้ว (งานคล้ายงานวัด) เพียงแต่ครั้งนี้ เราก็ไปร่วมกันลอยกระทงที่ท่าน้ำนั้น และเดินเที่ยวงาน ถ้าเราไปกันเยอะๆ ก็เหมือนงานเสื้อแดงที่เคยจัดที่ห้างอิมพีเรียล หรือครั้งที่เราไปร่วมงานที่สวนรถไฟ ของกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง งานนี้กลุ่มวันอาทิตย์สีแดงร่วมด้วย***

***เแดงเถิดเทิง เริงลมหนาว ตาสว่าง


พบ กับบรรยากาศงานวัดย้อนยุค รำวงลีลาศ, แข่งยิงหนังสติ๊ก, ปาเป้า, แข่งขันร้องเพลงคาราโอเกะ (เพลงเสื้อแดง), สินค้า OTOP, เสวนาการเมือง นำทีมโดย อ.สุรชัย แซ่ด่าน, คุณโด่ง อรรถชัย พร้อมทีมเสรีชน, ศิลปิน แป๊ะ บางสนาน, ชายอิสระชน, อเล็กซ์ คนใต้, หมอลำส้มโป๊ะ, วง The Red

วันที่ 26-28 พ.ย 2553 ตั้งแต่เวลา 10.00 -23.00 น. ณ ตลาดไทยสุขดี คลองสี่ ลำลูกกา จ.ปทุมธานี รายได้หลังหักค่าใช้จ่าย นำไปช่วยเหลือพี่น้องในเรือนจำ, สนับสนุนวิทยุชุมชนคนเสื้อแดง, ช่วยแดงสู้ลมหนาว บัตรผ่านประตูเพียงท่านละ 10 บาท

โดยทีมงาน Red Cam frog, Red Cyber, สถานีวิทยุชุมคนไทยหัวใจเดียวกัน FM 102.75 MHz ติดต่อ Mivakoe Jang FB, 089-823 7143 Fullmoonnight***

***เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง กับทนายวันชัย ทำ หน้าที่เป็นกระบอกเสียงแตรปากแตกของระบอบทรราชอำมาตย์หนักข้อขึ้นทุกวัน ท่านผู้อ่านของเราฟ้องเข้ามาว่า ตลอดทั้งรายการ เจิมศักดิ์และวันชัยออกมาแก้ตัวให้อภิสิทธิ์ทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องน้ำท่วม โดยโยงไปเรื่องเหตุการณ์ปราบปรามประชาชนเมื่อกลางปี แถมยังด่าสรยุทธ์ สุทัศนะจินดา ช่อง 3 เรื่องนี้อีกด้วย

แต่ที่ผมรับไม่ได้มากที่สุด คือ การที่ผู้ดำเนินรายการสองคนนี้ เปรียบเทียบว่า "สังคมนี้เป็นระบบอุปถัมภ์ ลูกน้อง(หมายถึง ผู้ประสบภัย) เป็นหน้าที่ที่เจ้านาย(อภิสิทธิ์)ต้องดูแล"

ผม ว่า เป็นคำพูดที่ดูถูกเหยียดหยามผู้ประสบภัยว่า เป็นแค่"ลูกน้อง"ของนายกฯ เพียงเพื่อต้องการแก้ต่างให้อภิสิทธิ์เมื่อถูกเปรียบเทียบกับสรยุทธ์และ ทักษิณ ชินวัตร

คนอย่างเจิมศักดิ์ และวันชัย พูดจาอย่างไร้มนุษยธรรมอย่างถึงที่สุด โดยเฉพาะวันชัยที่เป็นถึงเลขาธิการสภาทนายความกลับดูถูก"ความเป็นคน"ได้ถึง ขนาดนี้***

***ท่านที่ชอบบทความวิพากษ์การเมืองให้ถึงราก ตอนนี้เชิญ www.timeupthailand.netเปิดเป็นทางการแล้ว นำทีมโดยจรรยา ยิ้มประเสริฐ เจ้าของบทความร้อน"ทำไมจึงไม่รัก..." ทยอยนำเสนอเรื่องราวและบทความที่พูดเรื่องรากฐานบ้านเมืองกับประชาธิปไตย ***

***บทความร้อนจากจรรยา ยิ้มประเสริฐ ซึ่งตอนนี้อยู่ในสภาพกึ่งลี้ภัยในต่างประเทศ หลังจากเผยแพร่"ทำไมไม่รัก..."ไปแล้ว ล่าสุดตั้งคำถามขบวนการNGOsแวดวงนักสภาพแรงงานแบบตรงๆไม่ต้องอ้อมค้อม
"“ทำไม NGO สหภาพแรงงาน และนักวิชาการที่ออกมาเรียกร้องไม่ให้ค่ายทักษิณใช้ความรุนแรงในการปราบปราม คนเสื้อเหลือง กลับเงียบเฉยเมื่อค่ายอภิสิทธิ์ ส่งกองกำลังทหารกิตติมศักดิ์เข้าปราบปรามเสื้อแดงในปี 2552 และ 2553...ผู้นำ NGO หลายคนที่เข้าร่วมกับพันธมิตร ขณะนี้นั่งอยู่ในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศไทย และคณะอนุกรรมการ ด้วยงบประมาณปีละ 200 ล้านบาท ซึ่งบริหารโดยคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ที่มีอภิสิทธิ์เป็นประธาน

กลุ่ม คนกลุ่มแรกๆ ที่เข้าทำเนียบหลังจากการปราบปราบเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา – โดยการทำหนังสือเข้าพบที่ทำเนียบรัฐบาลอย่างเป็นทางการ – คือกลุ่มผู้นำสหภาพแรงงาน ที่ไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อยที่จะพูดถึงชนชั้นกรรมาชีพ 90 คนที่ถูกสังหาร และคนร่วม 2,000 คนที่ถูกยิงจากทหาร พวกเขาเข้าพบรัฐบาลเพื่อเจรจาค่าเสียหายให้กับคนงานที่ไม่สามารถทำงานใน ระหว่างการประท้วงของคนเสื้อแดง

เพราะเหตุใด ผู้นำสหภาพแรงงานและ NGOs จำนวนมากถึงกระทำการที่ขัดต่อหลักการของตัวเองที่มุ่งสร้างความเป็นธรรมในสังคม? (อ่านบทความฉบับเต็มในประชาไท)***



***อาจารย์ชำนาญ จันทร์เรือง แห่ง มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนแจ้งข่าวมาว่า ตามที่อาจารย์สมเกียรติ ตั้งนโมผู้ก่อตั้งเว็บไซต์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนได้เสียชีวิตไปเมื่อสามเดือนก่อน ทำให้การรับบทความได้หยุดชะงักลงชั่วคราว ตอนนี้มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนได้เริ่มเปิดรับบทความใหม่แล้วทางอีเมล์แอดเดรสใหม่ คือ midnightuniversity@gmail.com จึงขอแจ้งข่าว ปชส.มาเพื่อทราบโดยทั่วกัน***

*** เชิญเสื้อแดงในประเทศอังกฤษทุก ท่านร่วมงานที่ลอนดอน.....“Lunch Talk”7 เดือนหลังราชประสงค์อนาคตของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย วันอาทิตย์ที่ 19 ธันวาคม 11.00-15.00น. ร้าน Thai Room รายละเอียดและซื้อตั๋วค่าอาหารล่วงหน้าได้ที่ ji.ungpakorn@gmail.com***


***กลุ่ม Red Cyber "คนเสื้อแดงไม่ทิ้งกัน" จัดงานกอล์ฟการกุศล "คนเสื้อแดงไม่ทิ้งกัน" วันเสาร์ที่ 13 พฤศจิกายน 2553 ที่สนามกอล์ฟเมืองเอกรังสิต ชิง ถ้วย ท่าน พ.ต.ท. ดร.ทักษิณ ชินวัตร พ.อ.ดร.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎรและท่านอื่น ๆ อีกมากมาย ราคาก๊วนละ 10,000 บาท สำหรับท่านที่ไม่ตีกอล์ฟ ก็ไปงานเลี้ยงตอนเย็น ราคาท่านละ 300 บาท สนใจติดต่อปุ้ยได้เลยค่ะ..โทร 082-6301700 ***

COMING SOON :Talk Show วอน นอน คุก In Bangkok ที่นี่เร็วๆนี้ โดย ดารา(เนื้อย่าง)เกาหลี'วอน นอน คุก'และมิตรสหายหน้าตาน่ารักขาวตี๋ วัยรุ่นกรี๊ดครบเซ็ต

*************