WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Saturday, May 9, 2009

วิสาขบูชา

ที่มา เดลินิวส์

ศาสนาพุทธกำเนิดเกิดขึ้น จากการบำเพ็ญเพียรของ เจ้าชายสิทธัตถะ มกุฎราชกุมารแห่งกรุง กบิลพัสด์ ในประเทศอินเดียโบราณ พระองค์เสด็จ ออกจากเวียงวัง ทิ้งราชบัลลังก์ พระมเหสี

พระโอรส “ราหุล” ซึ่งแปลว่า บ่วงเกิดขึ้นแล้ว เพื่อเสาะแสวงหาสัจธรรมแห่งชีวิต ไม่ใช่แค่ เกิดมา กิน อยู่ หลับนอน และ ตายไป แต่ทรงต้องการค้นหาหนทางหลุดพ้นจาก สังสารวัฏ ของโลก

ทรงค้นพบหลักธรรม เยี่ยมยอด คือ อริยสัจสี่ ซึ่งประกอบด้วย ทุกข์ สมุทัย นิโรธ และมรรค

ทุกข์ คืออะไร คือ การเกิดมาแล้วต้อง แก่ ต้อง เจ็บ และ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นขอทาน หรือ ราชกุมารอย่างพระองค์ ก็ล้วนหนีสังสารวัฏข้อนี้ไม่พ้น

สมุทัย คือ เหตุแห่งทุกข์ นิโรธ การดับทุกข์ และ มรรค หนทางปฏิบัติให้ถึงทางดับทุกข์ สูงสุดคือ การหลุดพ้น ไม่ต้องกลับมาเกิดอีก แต่ระหว่างทางนั้น

ย่อมต้องใช้ปัญญาเพื่อพาตัวเองให้พ้นทุกข์

พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้และนำหลักธรรมที่ได้ทรงค้นพบไปเผยแพร่ช่วยมนุษยชาติให้เข้าใจถึงสัจธรรมแห่งชีวิต ทรงสอนไม่ให้ มนุษย์ ยึดมั่น ถือมั่น ยึดตัวกู ของกู

หลังจากค้นพบหลัก “ไตรลักษณ์” ว่าสิ่งทั้งหลายนั้น ย่อมเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ในที่สุด นั่นคือ มี ความอนิจจัง ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ทุกขัง เป็น อนัตตา ความไม่มีตัวตนที่แท้จริง

เช่นถามว่า คน อยู่ตรงไหน แค่นี้ก็เดี้ยงแล้ว ชี้ไม่ถูก เพราะคน จริง ๆ ไม่มี แต่ต้องประกอบด้วย หู ตา คอ จมูก ปาก แขนขา หัวใจ ปอด ตับไตไส้พุง เลือด เนื้อ สารพัด จึงจะได้ชื่อว่า

เป็นมนุษย์ตนหนึ่ง

คนเรา ยิ่งใหญ่ แค่ไหน จึงไม่ควรยึดมั่น ถือมั่น ว่า ทุกสิ่งจะอยู่กับตัวเองชั่วนิรันดร์ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะที่แท้ ตัวกู ยังไม่ใช่ของกูเลย ตายแล้ว แม้แต่กระดูกชิ้นเล็กชิ้นเดียว ยังเอาติดตัวไปไม่ได้

อย่าว่าของนอกกาย ลาภ ยศ สรรเสริญ หรือสมบัติพัสถานอื่นใดเลย

ถ้าหากมนุษย์ได้รู้ถึงหลักธรรมนี้ ก็จะไม่หลงใหลในสี ไม่ยึดมั่นถือมั่นในสี เพราะไม่ว่า สีไหน ที่สุด ก็คือมนุษย์ตนหนึ่งเท่านั้น ล้วนต้อง เกิด แก่ เจ็บ และตาย ด้วยกันทั้งสิ้น

การมุ่งหน้าทำลายล้างกัน แย่งชิง อำนาจ ผลประโยชน์ เอาชนะ คะคาน เพื่อตัวเอง พวกตัวเอง แบบหน้ามืดตามัว ก็ควรลดน้อยถอยลง และควรปฏิบัติต่อเพื่อนมนุษย์ด้วย “เมตตาธรรม” มากขึ้น

ซึ่งเป็นสิ่งที่สังคมไทยขาดแคลนอย่างหนักในยุคนี้ !!!

ในเทศกาลวัน วิสาขบูชา ซึ่งเป็นวันที่พระพุทธเจ้า ทรงประสูติ ตรัสรู้ และ ปรินิพพาน ในวันเดียวกัน คือวันเพ็ญ 15 ค่ำ เดือน 6 เป็นวันสำคัญยิ่งสำหรับเราชาวพุทธ

ก็อยากเชิญชวนให้คนไทย ได้น้อมรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณของพระพุทธองค์และนำหลักธรรมที่พระตถาคตเจ้าได้ตรัสรู้แล้ว และทิ้งไว้เป็นมรดกล้ำค่าของมนุษยชาติมาปฏิบัติกันในห้วงเวลานี้

จะได้เกิดความอ่อนโยน และ มีเมตตาต่อกัน ไม่ใช่ในฐานะคนไทยด้วยกัน แต่ในฐานะ เพื่อนร่วมสังสารวัฏ ด้วย ซักนิด ก็ยังดี อย่างน้อย ไฟที่สุมอกเผาไหม้พวกเราอยู่ จะได้ดับลงบ้าง.

ดาวประกายพรึก

'ถังแตก' ยื้อ 'วงแตก'

ที่มา ไทยรัฐ
Pic_4720

อภิสิทธิ์

"ถังแตก" แม้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะเขินกับคำคำนี้ สั่งกำชับในที่ประชุม ครม. ให้รัฐมนตรีเร่งทำความเข้าใจกับสังคม

ฉุดอารมณ์ประชาชนไม่ให้แตกตื่น

แต่จากสภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้นตรงหน้า ล่าสุดรัฐบาลได้เห็นชอบให้ออกพระราชกำหนดเพิ่มเพดานการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ดันทะลุขึ้นไปถึง 10 บาทต่อลิตร

พร้อมกับเพิ่มเพดานการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตบุหรี่ใหม่เป็น 85 เปอร์เซ็นต์ เฉลี่ยราคาบุหรี่เพิ่ม 11-16 บาท ต่อซอง

อาฟเตอร์ช็อก ระลอกสองต่อจากคิวขึ้นภาษีเหล้า เบียร์

เคลียร์บัญชีรวมภาษีทั้งสองรายการใหญ่ 7.5 หมื่นล้านบาท บวกกับ 6.3 พันล้านบาท ตัวเลขรวมอยู่ที่ 8 หมื่นกว่าล้านบาท

ยังไม่นับคิวของร่าง พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ วงเงินกู้ 4 แสนล้านบาท และร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลัง กู้เงินเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ วงเงินกู้ 4 แสนล้านบาท เบ็ดเสร็จ 8 แสนล้านบาท

หน้ามืด ถอนขนห่าน นักสู้กู้สิบทิศ แล้วแต่จะจินตนาการกันไป

แต่ทั้งหมดทั้งปวงนี่คือยุทธศาสตร์ตามแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555" ของรัฐบาลประชาธิปัตย์

เดิมพันไพ่ใบสุดท้ายลุยไฟกู้วิกฤติเศรษฐกิจ

ถ้ารั้งไม่หยุด ฉุดไม่อยู่ ก็ตัวใครตัวมัน

แต่สำคัญก่อนอื่นเลย ในยามคับขันเงินทองหายาก ต้องปะตูดกันอุตลุด นายกฯอภิสิทธิ์ยังต้องเจอกับรายการ "วัดใจ"

ล้วงอ้อยออกจากปากช้าง

โดยเฉพาะงบประมาณของทหาร ตามสัญญาณที่ถูกส่งออกมาจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ในฐานะลูกพี่ใหญ่ 3 เหล่าทัพ ออกมาตีกันล่วงหน้าหลังมีข่าวต้องถูกปรับลดงบประมาณ ยืนยันย้ำเป็นนัย ในเมื่อกองทัพได้รับมอบหมายภารกิจเยอะ

ก็ต้องสัมพันธ์กับงบประมาณที่รัฐบาลจัดให้

และทวงกันนิ่มๆตามสไตล์ของ พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ พูดถึงงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 ออกตัวในส่วนของกองทัพอากาศ มีความเข้าใจดี เนื่องจากส่งผลกระทบกับทุกกระทรวง ทบวง กรม

แต่ในบางโครงการที่เป็นโครงการงบประมาณผูกพัน จะต้องได้รับผลกระทบ ทั้งนี้ คงจะต้องมีการร้องขอให้รัฐบาล ทบทวนอีกครั้ง พร้อมทั้งจะชี้แจงให้รัฐบาล ได้เข้าใจถึงความจำเป็น ดังเช่นโครงการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่กริฟเฟน ลอตที่ 2 เพื่อให้ได้จำนวนครบ 12 ลำ 1 ฝูงบิน

"ทั้งนี้ต้องยอมรับว่า เรื่องดังกล่าวกระทบต่อศักยภาพของกองทัพ เพราะอาวุธยุทโธปกรณ์จะต้องทันสมัย หากเราต้องป้องกันประเทศ อาวุธที่สู้กันไม่ได้หรือล้าสมัยไปสู้กันก็ไม่มีใครเขาเกรงใจ"

และก็ไม่ลืมย้ำ จะไม่ส่งผลกระทบถึงความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกับกองทัพ

พูดแกมขู่แกมปลอบยังไงชอบกล

ยังไม่พูดถึงคนของพรรคร่วมรัฐบาลที่ยืนยันความจำเป็นในการใช้งบประมาณเพื่อภารกิจกระตุ้นเศรษฐกิจของกระทรวงที่ดูแลอยู่ ทั้งกระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ ของพรรคภูมิใจไทย กระทรวงการท่องเที่ยวฯ กระทรวงเกษตรฯ ของพรรคชาติไทยพัฒนา กระทรวงอุตสาหกรรม ของพรรคเพื่อแผ่นดิน

โดนตัด โดนรีดหัวจ่าย กร่อยไปตามๆกัน

แน่นอน โดยผลจากสถานการณ์ "ถังแตก" สัญญาณการต่อสู้ กับวิกฤติเศรษฐกิจที่ส่อเค้าว่า จะเอาไม่อยู่ ในขณะที่นายกฯอภิสิทธิ์ ต้องประคองเกมควบคู่ไปกับการรักษาเสถียรภาพของรัฐบาล

ยื้อไม่ให้ "วงแตก"

แม้แต่เกมเบี่ยงกระแสกันทื่อๆ จับทางกันง่ายๆ

ล่าสุดทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ออกมาปูดข่าวฝ่ายคอมมิวนิสต์เก่าส่งกองกำลังที่ถูกฝึกเข้ามาป้วนเปี้ยนในเมืองกรุงแล้ว

ปั่นภาพม็อบแดงให้น่าหวาดเสียวกว่าวิกฤติเศรษฐกิจ.

ทีมข่าวการเมือง รายงาน

เสื้อแดงคึกคักบุกกรุง มุ่งวัดไผ่เขียว ทวงคืนประชาธิปไตย

ที่มา ไทยรัฐ
Pic_4723

โดยวันนี้ นปช.โคราช จะรวมพลเยือนขอนแก่น เพื่อร่วมงานระดมทุน ก่อนจะเดินทางเข้า กทม.ต่อ เช่นเดียวกับกลุ่มพ่อกูดาบหัก อุตรดิตถ์ ขณะที่ "ขวัญชัย" ขอเปิดเวทีคู่ขนานที่อุดรฯ...

นายฉลอง แสงราษฎร์เมฆินทร์ แกนนำกลุ่ม นปช.โคราช เปิดเผยว่า ในเวลา 14.00 น. วันนี้ (9 พ.ค.) กลุ่ม นปช.โคราช จะเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวไปร่วมงาน "รวมพลังพลคนเสื้อแดงภาคอีสาน" ซึ่งจะจัดขึ้นที่ลานหลังห้างแมคโคร สาขา จ.ขอนแก่น ในเวลา 18.00 น. โดยในงานดังกล่าวจะมีแกนนำ นปช.จาก 19 จังหวัดในภาคอีสานเดินทางมาร่วมงานประมาณ 4,000 คน และจะมีแกนนำขึ้นเวทีปราศรัย อาทิ นายอดิศร เพียงเกษ ผอ.สถานีดีสเตชั่น นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ แรมโบ้อีสาน อดีต ส.ส.นครราชสีมา และแกนนำ นปช.จากหลายจังหวัดในภาคอีสาน เพื่อระดมทุนในการขับเคลื่อนพลังคนเสื้อแดงทวงคืนประชาธิปไตย และสถานีโทรทัศน์ดีสเตชั่น พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550

นายฉลอง กล่าวต่อว่า การจัดงานครั้งนี้จะมีการโฟนอินของบุคคลสำคัญทางการเมืองด้วย แต่จะเป็นใครบ้างกำลังอยู่ในระหว่างประสานงานกับพรรคเพื่อไทย จากนั้นในวันที่ 10 พ.ค. ตัวแทน นปช.โคราชจากทุกอำเภอ จะเดินทางไปร่วมงานแสดงพลังคนเสื้อแดงทั่วประเทศที่วัดไผ่เขียว เขตดอนเมือง กทม. เพื่อทวงคืนประชาธิปไตยให้กับคนไทยทั้งประเทศร่วมกับ นปช.ทั่วประเทศ

ส่วนบรรยากาศกลุ่มเสื้อแดง จ.อุตรดิตถ์ นำโดย นายวิสูตร เตี้ยมชุมพล ประธานกลุ่มพ่อกูดาบหัก ยืนยันว่าการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 10 พ.ค.นี้ ที่วัดไผ่เขียว ดอนเมือง กรุงเทพฯ แนวร่วมกลุ่มเสื้อแดง จ.อุตรดิตถ์ จะเข้าไปร่วมการชุมนุมในครั้งนี้ด้วย ส่วนจำนวนนั้นไม่สามารถบอกได้ เพราะเกรงว่าจะถูกหน่วยงานราชการในจังหวัดสกัดกั้นไม่ให้ขนคนเข้าไปร่วมชุมนุม ซึ่งการเดินทางไปร่วมชุมนุมในครั้งนี้ บางส่วนจะเดินทางไปด้วยรถโดยสารประจำทาง และรถยนต์ส่วนตัว

"แปลกใจกับรัฐบาลชุดนี้ และหน่วยงานด้านความมั่นคง ที่ออกมารณรงค์ให้ประชาชนร่วมกันรักษาประเทศไทย โดยใช้ชื่อว่า 'หยุดทำร้ายประเทศไทย' เท่ากับว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากกลุ่มคนเสื้อแดงเพียงฝ่ายเดียว ทั้งที่ก่อนหน้านี้กลุ่มคนเสื้อเหลือง ก็เคยกระทำเช่นเดียวกับกลุ่มคนเสื้อแดง ด้วยการปิดสนามบินทั้งสองแห่ง และเข้ายึดสถานที่ราชการ คือทำเนียบรัฐบาลมาแล้ว แต่กลับไม่มีหน่วยงานใดออกมารณรงค์" นายวิสูตร กล่าว

วันเดียวกัน สถานีวิทยุชุมชน คลื่นคนรักอุดร 97.5 เมกกะเฮิร์ต หนองเหล็ก ซ.9 เทศบาลนครอุดรธานี นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร และนักจัดรายการของสถานี ได้จัดรายการสดออกอากาศทางวิทยุเชิญชวนให้สมาชิกชมรมคนรักอุดร มาร่วมชุมนุมที่ลานปูน สนามทุ่งศรีเมือง เขตเทศบาลนครอุดรธานี หลังจากได้ติดตั้งเครื่องส่งวิทยุเครื่องใหม่ พร้อมแผงเสาอากาศใหม่ จากเงินที่ได้รับบริจาคจากสมาชิกชมรม ซื้อเครื่องใหม่ เนื่องจากเครื่องส่งเก่า พร้อมอุปกรณ์การออกอากาศ ถูกตำรวจกองปรายตรวจยึดไป เมื่อวันที่ 15 เม.ย.ที่ผ่านมา

นายขวัญชัย เปิดเผยว่า ในวันที่ 10 พ.ค.นี้ ตนคงจะไม่นำสมาชิกเข้าร่วมการชุมนุมที่วัดไผ่เขียว เนื่องจากเห็นว่าสถานที่คับแคบ แค่คนที่ กทม.และใกล้เคียงเดินทางไปร่วม ก็แน่นแล้ว แต่เนื่องจากสมาชิกของชมรมส่วนใหญ่ มีความต้องการจะเดินทางไปร่วมชุมนุม ตนจึงจะเปิดเวทีปราศรัยของชมรมคนรักอุดร คู่ขนานกับเวทีที่ กทม. ที่ลานปูน สนามทุ่งศรีเมือง เทศบาลนครอุดรธานี โดยวันนั้นจะมีการปราศรัยใน 3 ประเด็นหลัก คือ กรณีที่ทาง จ.อุดรธานี มีการขึ้นป้ายทั่วเมืองว่า หยุดทำร้าย จ.อุดรธานี ต้องการทราบจากนายอำนาจ ผการัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัด ว่าที่ขึ้นป้ายเช่นนี้ หมายความว่าอย่างไร เป็นกลุ่มไหนที่ต้องการทำร้าย จ.อุดรธานี เพราะชมรมคนรักอุดร ไม่เคยทำร้ายจังหวัด เราชุมนุมด้วยสันติ

นายขวัญชย กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่ 2 คือ การที่รัฐบาลปิดกั้นสื่อ มีการปิดสถานีโทรทัศน์ ดีสเตชั่น และวิทยุชุมชนในทั่วประเทศ และกรณีที่ 3 คือ เรื่องของการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ที่รัฐบาลปล่อยให้มีการขึ้นราคาน้ำมันแบบพรวดพราด สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชน เป็นการเอารัดเอาเปรียบประชาชนหรือไม่

รายงาน : 5 พ.ค.รำลึก 72 ปี จิตร ภูมิศักดิ์ ปัญญาชนปฏิวัติ

ที่มา ประชาไท

หาก จิตร ภูมิศักดิ์ ยังมีชีวิตอยู่ เขาจะมีทัศนะและท่าทีต่อสถานการณ์การเมืองไทยในปัจจุบันอย่างไรคงเป็นคำถามที่หลากหลายคำตอบ มาฟังว่ามีใครพูดอะไรบ้างถึงปัญญาชนปฏิวัติเจ้าของผลงานวิชาการ โฉมหน้าศักดินาไทย ที่ได้เสียชีวิตไปท่ามกลางสนามรบ เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2509

“แม้คนพันบัญชาชี้หน้าเย้ย จงขวางคิ้วเย็นชาเฉยเถิดสหาย

ต่อผองเหล่านวชนเกิดกล่นราย จงน้อมกายก้มหัวเป็นงัวงาน”

0 0 0

เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมา เทศบาล ต.หนองกุง ร่วมกับมูลนิธิสายธารประชาธิปไตย จัดงานรำลึกครบรอบ 72 ปี ของ จิตร ภูมิศักดิ์ ปัญญาชนปฏิวัติคนสำคัญขึ้นในบริเวณสนามฟุตบอล โรงเรียนบ้านหนองกุง ภายในงานมีการจัดเสวนาภายใต้หัวข้อ “จิตร ภูมิศักดิ์...ให้อะไรกับสังคม...” การจัดค่ายเรียนรู้จิตร ภูมิศักดิ์ ให้กับเยาวชนในพื้นที่โดยนักศึกษากลุ่มเด็กฮักถิ่น มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร และการแสดงดนตรี โดยศิลปินวงคาราวาน ศิลปินวงของเรา และศิลปินเพื่อชีวิตทั่วไปอีกหลายวง

เวลา 14.00 น. บนเวทีเริ่มวงเสวนาในหัวข้อ “จิตร ภูมิศักดิ์ให้อะไรกับสังคม” ผู้ร่วมเสวนาประกอบไปด้วย 1.ทนายทองใบ ทองเปาด์ 2.หมอพลเดช ปิ่นประทีป ประธานมูลนิธิสายธารประชาธิปไตย 3.นายวิทิต จันดาวงศ์ (สหายปาน) ประธานมูลนิธิเติมน้ำใจให้กัน 4.อ.วิชาญ ฤทธิ์ธรรม รองคณบดี คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร

ทนายทองใบ ทองเปาด์ ได้พูดให้ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติการต่อสู้ทางการเมืองของจิตรที่ในฐานะคนใกล้ชิดสนิทสนม และได้ยกคุณธรรม 4 ประการที่ควรยกย่องของจิตร ได้แก่

หนึ่ง การที่จิตรเป็นคนกำพร้าพ่อตั้งแต่เด็กต้องอยู่กับแม่และทำให้จิตรเป็นคนสู้ชีวิต

สอง มีความกตัญญูทั้งต่อชาวนาและกรรมกร ซึ่งทนายทองใบ ได้ยกตัวอย่างเพลงเปิบข้าวที่จิตรได้แต่งเอาไว้ซึ่งมีเนื้อหาที่สำนึกแห่งบุญคุณของชาวนา

สาม มีความซื่อสัตย์ ทั้งต่อเพื่อนมิตรและอุดมการณ์ของตัวเอง ทนายทองใบได้ตัวอย่างบทกวีของจิตรคือ

“เพื่อลบรอยคราบน้ำตาประชาราษฎร์

สักพันชาติจักสู้ม้วยด้วยหฤหรรษ์

แม้นชีพใหม่มีเหมือนหวังอีกครั้งครัน

จักน้อมพลีชีพนั้นเพื่อมวลชน”

อันเป็นการแสดงถึงความชื่อสัตย์และแน่วแน่ในงานอุทิศตนเพื่อประชาชน

สี่ เชื่อมั่นในความถูกต้อง ทนายทองใบได้ยกบทกวี

“แม้คนพันบัญชาชี้หน้าเย้ย

จงขวางคิ้วเย็นชาเฉยเถิดสหาย

ต่อผองเหล่านวชนเกิดกล่นราย

จงน้อมกายก้มหัวเป็นงัวงาน”

ซึ่งจิตร ภูมิศักดิ์ แปลจากบทกวีของหลูซิ่น โดยใช้นามปากกา ศิลป์ พิทักษ์ชน

นพ.พลเดช ปิ่นประทีป เล่าคุุณููปการของจิตรในฐานะวีรชนผู้บุกเบิกถางทางให้กับสังคมไทย โดยเล่าว่า “ประวัติศาสตร์ระยะใกล้นับตั้งแต่ 100 ปีมานี้ถูกขับเคลื่อนโดยประชาชน และจิตรก็เป็นบุคคลผู้หนึ่งที่บทบาทโดดเด่นอย่างมาก” หมอพลเดชได้ให้คำถามทิ้งท้ายว่า “จิตรได้ให้คุณค่าแห่งอุดมการณ์การต่อสู้เพื่อสังคม แล้วเราจะขานรับอย่างไร?”

วิทิต จันดาวงศ์ กับคำถาม คิดยังไงกับการเกิดใหม่ของจิตร?

“นักรบทางแนวหน้า วีรกรรมที่ล้ำยุค” เป็นคำจำกัดความสั้นๆ ที่วิทิตนิยามเอาไว้ สำหรับการเกิดใหม่ของจิตรนั้นวิทิตได้พูดให้ความสำคัญกับชุมชนหนองกุงไว้ด้วย ดังนี้ “การเกิดใหม่ คือเกิดมาพร้อมกับการปรากฏชื่อของชุมชนหนองกรุงติดควบคู่ไปกับคุณจิตรในระดับนานาชาติ” และสิ่งที่ได้คือ “คุณค่าและการให้เกียรติชาวหนองกุงจนมีชื่อซึ่งหมายถึงการให้ทุนทางสังคมแก่บ้านหนองกุง โดยเฉพาะเทศบาลจะรับและพัฒนาทุนนี้อย่างไร?” เป็นคำถามแก่ผู้นำนอกจากนี้วิทิตยังเสนอรูปธรรมคร่าวๆ แก่ชุมชนว่า “การจัดโครงการท่องเที่ยว แต่อย่าลืมประวัติศาสตร์ชุมชนของตนเอง และควรมีทีมวิจัยท้องถิ่นขุดค้นประวัติศาสตร์ชุมชน แล้วจึงจัดให้มีมัคคุเทศก์นำนักท่องเที่ยวเรียนรู้”

ด้าน อ.วิชาญ ฤทธิ์ธรรม ประกาศ สิ่งที่จิตรทิ้งไว้หลังจากการตายคือ พลังทางปัญญาซึ่งโดดเด่นที่สุด ที่ส่งไปถึงปัญญาชน ในส่วนที่เกี่ยวกับบทบาทของราชภัฏสกลนคร “ตอนนี้จะมีการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ประวัติศาสตร์การต่อสู้ภาคประชาชนภายในมหาวิทยาลัย เริ่มแรกจะเป็นประวัติและผลงานของจิตร ภิศักดิ์ ในส่วนของนักศึกษาก็ควรจัดให้มีการเรียนรู้ให้บ่อยไม่ขาดสาย และเรียนรู้จิตรอย่างที่จิตรเป็น มิใช่เทพ” เป็นการกล่าวทิ้งท้ายของนักวิชาการท่านนี้

ข่าวมอนิเตอร์ประจำวันที่ 9 พ.ค.2552

ที่มา ประชาไท

ม็อบเสื้อแดงประกาศชุมนุมยืดเยื้อ10พ.ค.

เว็บไซต์สยามรัฐ : นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำคนเสื้อแดง กล่าวว่า การชุมนุมวันที่ 10 พฤษภาคมนี้ เริ่มตั้งแต่เวลา 10.00-24.00 น.ที่สนามใกล้วัดไผ่เขียว เขตดอนเมือง มีการปราศรัยหัวข้อ ความจริงวันนี้ ใครทำร้ายประเทศไทยเพื่อเป็นการตอกย้ำแนวทางสมานฉันท์สันติตามที่สังคมต้องการ ยืนยันไม่มีการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรี แต่จะเปิดเผยข้อเท็จจริงว่า นายกรัฐมนตรีไม่ได้ขึ้นรถกันกระสุนที่กระทรวงมหาดไทย แต่เป็นการจัดฉากเพื่อสร้างความชอบธรรมในการออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

พร้อมกันนี้จะยื่นหนังสือถึงผู้นำประเทศที่จะเข้าร่วมประชุมอาเซียนผ่านสถานทูต เพื่อชี้แจงเหตุวุ่นวายที่พัทยา แต่จะไม่ไปชุมนุมหรือขัดขวางการประชุมอาเซียนที่ภูเก็ตอย่างแน่นอน

ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เปิดบันทึกของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ชี้ว่า กทช.ไม่มีอำนาจปิดดีสเตชั่น เรียกร้องรัฐบาลคืนวิทยุชุมนุมและดีสเตชั่นกลับคืนมาอีกครั้ง

รมว.มหาดไทย เผย กกต.ยกคำร้องฟันนามบัตร "บุญจง" ลั่นความยุติธรรมมีจริง

เว็บไซต์แนวหน้า : นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย กล่าวถึง กรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)มีมติเป็นเอกฉันท์ ให้นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย ไม่มีความผิดในการแจกเงินพร้อมนามบัตรที่บ้านพักในจังหวัดนครราชสีมานั้น นายชวรัตน์กล่าวว่า ต้องเชื่อว่าความยุติธรรมมีจริง เพราะว่าคนที่ไม่มีความผิดได้รับการตัดสินที่ถูกต้อง ตนก็มีความยินดี และเชื่อว่าการตัดสินคดีนี้ มีความละเอียดอ่อน

"อภิสิทธิ์"รับหวัดใหญ่2009กระทบศก.

เว็บไซต์คมชัดลึก : นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการระบุว่า ไทยอาจจะได้รับผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจมากที่สุดจากการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ว่า สิ่งที่ต้องติดตามคือแนวโน้มของการแพร่ระบาด เพราะตัวเลขอย่างกรณีของเม็กซิโกอาจมีแนวโน้มคงที่ แต่โดยธรรมชาติของโรคลักษณะนี้ก็จะเริ่มไปปรากฎในประเทศต่างๆ แต่ถ้าสามารถช่วยกันดูแล และมีมาตรการควบคุมเพื่อไม่ให้ขยายตัวก็คิดว่า ผลกระทบทางเศรษฐกิจจะจำกัดในระดับหนึ่ง

ผู้สื่อข่าวถามว่า การประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียนครั้งนี้จะช่วยลดความสูญเสียทางด้าเศรษฐและสังคมได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า มาตรการที่มาตกลงกัน โดยเฉพาะในการเฝ้าระวังติดตาม ตรวจสอบ จะช่วยเพิ่มความมั่นใจ อย่างน้อยที่สุดถ้ามีกรณีนี้เกิดขึ้นในภูมิภาค ก็ช่วยจำกัดในการแพร่ระบาดได้ เป็นผลดีกับทุกประเทศ

เมื่อถามว่าไทยจะได้รับผลกระทบมากที่สุดตามที่มีการวิเคราะห์หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังพูดยาก ว่าไทยจะได้รับผลกระทบมากน้อยแค่ไหน แต่แน่นอนประเทศไหนพึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยว มีคนเดินทางเข้ามามากย่อมได้รับผลกระทบมากกว่า สำหรับความร่วมมือหลังจากการประชุมครั้งนี้เข้าใจว่าเสร็จจากการประชุมคงมีแถลงการณ์ออกมาและมีการกำหนดมาตรฐานต่างๆ และรัฐบาลทุกประเทศมีหน้าที่ในการติดตาม และเราในฐานะที่จะต้องเป็นประธานจัดการประชุมอาเซียน + 3 + 6 ในเดือนมิถุนายนก็มีการติดตามได้อีกระดับผู้นำ

ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่เราสามารถดูแลให้การประชุมครั้งนี้ให้เกิดความเรียบร้อยจะเป็นการเรียกความเชื่อมั่นกในการประชุมอาเซียน + 3+6 ที่ภูเก็ตได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ทั่วโลกจะได้เห็นว่าเราได้นำสภาวะต่างๆ กลับเข้าสู่ความเป็นปกติ และดูแลความปลอดภัยให้สะดวกที่สุด

อภิสิทธิ์ย้ำใช้พรบ.ความมั่นคงฯประชุมผู้นำอาเซียนไม่นาน

เว็บไซต์สยามรัฐ : นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าในการพิจารณาประกาศใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา ที่จะมีขึ้นในเดือนมิถุนายนนี้ ที่ จ.ภูเก็ต ว่า ขณะนี้กำลังพิจารณาเรื่องข้อกฎหมายและความจำเป็นในการบังคับใช้ รวมทั้งประเมินสถานการณ์ โดยกองทัพและเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ดำเนินการ

หากประกาศใช้ คงไม่ใช้นานเกินไป และจะใช้ในพื้นที่ที่จำเป็นในช่วงที่เห็นว่ามีความเหมาะสม หากได้ข้อสรุปที่ชัดเจน จะเสนอเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัปดาห์หน้านายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี ชี้แจงถึงความจำเป็นในการประกาศใช้กฎหมายดังกล่าว ว่า มี 2 ประเด็น คือ เพื่อให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) มีบทบาทในการสั่งการหน่วยงานต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น และมีอำนาจในการควบคุมการเดินทางในเส้นทางคมนาคมบางเส้นทางที่มีความจำเป็น รวมถึงการเข้า-ออกเคหะสถาน แต่ทั้งหมดต้องดูให้สอดคล้องกับสถานการณ์และกฎหมาย รวมถึงมีความยืดหยุ่นในระดับหนึ่ง แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ลงลึกในรายละเอียดว่าจะบังคับใช้ในพื้นที่ใดบ้าง

ถ้าจะบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว ต้องทำความเข้าใจกับประชาชนด้วย ยืนยันว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นเรื่องภายในประเทศ ไม่มีประเทศสมาชิกร้องขอให้ดำเนินการแต่อย่างใด รัฐบาลมีความจำเป็นที่ต้องการเครื่องมือเพียงพอในการดูแลรักษาความปลอดภัย และอำนวยความสะดวก เพื่อให้ทุกฝ่ายมั่นใจ และขณะนี้ประเทศที่จะเข้าร่วมประชุม ส่วนใหญ่ตอบรับ รอเพียงการยืนยันอีกครั้งเท่านั้นนายอภิสิทธิ์ กล่าว

ปชป.เสนอขยายเวลาทำงานชี้45วันรับฟังไม่รอบด้าน

ASTV ผู้จัดการรายวัน : นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ หนึ่งในคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า การที่คณะกรรมการสมานฉันท์ฯวางกรอบการทำงาน 45 วัน ส่วนตัวเห็นว่า กรอบเวลาน้อยเกินไป เพราะการรับฟังความเห็นของประชาชนต้องทำหลายด้าน ซึ่งต้องใช้เวลา ดังนั้นถ้าคณะกรรมการฯไม่สามารถทำได้ทันก็ต้องขยายเวลาออกไป เพราะถ้าเร็วแล้วไม่มีประสิทธิภาพ ไม่สามารถสร้างความปรองดองได้ตามที่ประชาชนต้องการ การยืดเวลาการทำงานออกไป 3-4 เดือนเพื่อสร้างความสมานฉันท์ให้ได้ก็ถือว่าคุ้ม

นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ กรรมการสมานฉันท์ฯ ในสัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ เห็นว่าข้อสรุปของคณะกรรมการจะเป็นตัวบ่งชี้ว่าเป็นไปเพื่อประโยชน์ของประชาชนหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า การกำหนดกรอบเวลาทำงานของคณะกรรมการไว้ 45 วัน คงไม่ง่ายที่จะเสนอแนวทางแก้ไขความขัดแย้ง และนำสังคมกลับคืนสู่ความสมานฉันท์ ดังนั้น ประธานรัฐสภาจะต้องวางกรอบอย่างเป็นรูปธรรม ในแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และแก้ไขความขัดแย้งทางการเมืองต่อไป

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช ในฐานะโฆษกส่วนตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว่าแนวคิดของ นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช และที่ปรึกษาคณะกรรมการสมานฉันทฯที่ระบุว่า ยังไม่ควรมีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญในขณะนี้ ทำให้ตนเป็นห่วงแนวคิดของนายเสนาะ เป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องของคนทั้งประเทศ ไม่ใช่เป็นเพียงเรื่องของนักการเมือง ส.ส. หรือ ส.ว. หากไม่มีการรับฟังความคิดเห็นอย่างรอบด้าน อาจเกิดปัญหาได้ อีกทั้งรัฐธรรมนูญ 2550 เป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกที่ได้มีการทำประชามติ และมีประชาชน 14 ล้านเสียง ที่ให้การยอมรับ

ผมไม่อยากให้คณะกรรมการชุดดังกล่าว ทำการขีดเส้นกรอบการดำเนินการ ว่า จะต้องให้เสร็จสิ้นภายใน 45 วัน เพราะจะเป็นการปิดประตูตีแมว ปิดกั้นข้อเสนอ และสร้างความกดดันของแต่ละฝ่ายที่จะเข้ามา

ส่วนกรณีที่ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 กล่าวภายในที่ประชุมคณะกรรมการสมานฉันท์ฯว่า การปฏิวัติ คือต้นเหตุของปัญหาวิฤตทางการเมือง ตนมองว่าเป็นการพูดตัดตอนทางการเมืองของนายสมศักดิ์ เนื่องจากก่อนที่จะมีการปฏิวัติ ได้เกิดวิกฤต ทางการเมือง อันเกิดมาจากความเข้มแข็งเกินไป มีการรวบรวมพรรคการเมือง และปฏิเสธการตรวจสอบ แทรกแซงองค์กรอิสระ มีการทุจริตเชิงนโยบาย จนทำให้เกิดการ ปฏิวัติ ซึ่งระบุว่า การปฏิวัติ คือต้นเหตุของปัญหานั้นเป็นการชี้แจงข้อมูล ที่ไม่รอบด้านต่อประชาชน

นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าการที่นายเสนาะ เสนอแนวคิดให้นิรโทษกรรมคดีต่างๆ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรนั้น สิ่งสำคัญต้องฟังความเห็นของประชาชนทุกภาคส่วนก่อน เพราะหากเริ่มต้นจากแนวคิดของนักการเมืองก่อนก็จะเกิดปัญหาขัดแย้ง จะทำให้เกิดกลุ่มมวลชนลุกขึ้นมาต่อต้าน ซึ่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มีจุดยืนและตั้งใจตั้งแต่ต้นจะนำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของสภา อย่างเป็นรูปธรรม ไม่มีธงใดๆ อยู่ในใจ ยกเว้น คดีอาญา อย่านำมาเป็นเงื่อนไขสำคัญในการแก้ไข เพราะจะเป็นการสร้างความขัดแย้งรอบใหม่ แต่ขณะนี้อยู่ในช่วงการรับฟังความเห็นจึงไม่ใช่ความเห็นของคณะกรรมการโดยรวม

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากมีการหยิบยกคดีอาญาของพ.ต.ท.ทักษิณ มาพิจารณานิรโทษกรรมพรรคเห็นด้วยหรือไม่ นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า พรรคมีความชัดเจนว่าคดีอาญาไม่ควรอยู่บนโต๊ะของการปฎิรูปการเมือง ควรจะยกเว้นความผิดที่กระทำต่อแผ่นดิน หรือที่ทำต่อทรัพย์สินและชีวิตของคนอื่น ดังนั้นคดีที่เกี่ยวข้องกับการสลายการชุมนุมในอดีต หรือคดีที่เกี่ยวข้องกับความไม่สงบรุนแรง รวมถึงคดีอาญาของพ.ต.ท.ทักษิณ พรรคมีจุดยืนว่าไม่ควรเป็นจุดเริ่มต้น หรือเป็นจุดเริ่มต้นของคณะกรรมการฯชุดนี้ อย่างไรก็ตามในวันที่ 12 พ.ค.พรรคประชาธิปัตย์จะเรียกประชุมส.ส.ที่รัฐสภา เพื่อกำหนดท่าทีของพรรคให้กับตัวแทนกรรมปฎิรูปการเมือง

ด้าน นายคณิน บุญสุวรรณ กรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปทางการเมืองและศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในสัดส่วนของพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ว่า มีต้นเหตุจากฝ่ายบริหารขาดเสถียรภาพทางการเมือง กลไกในสภาไม่สามารถแก้ปัญหาได้ จึงเกิดกลุ่มมวลชนที่เคลื่อนไหวนอกสภา ดังนั้นกระบวนการแก้ปัญหาควรเริ่มจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อนำไปสู่ การปฏิรูปการเมืองและความสมานฉันท์

นายคณิน ยืนยันว่า ส่วนตัวเห็นด้วยกับการประนีประนอมทางการเมือง และเชื่อว่าการนิรโทษกรรมทางการเมืองน่าจะเป็นทางออกเพื่อลดความขัดแย้งในสังคม

นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่าในการประชุม พรรคภูมิใจไทย วันจันทร์ที่ 11 พ.ค.ว่า เชื่อว่าที่ประชุมจะหารือถึงเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ โดยส่วนตัวนั้นตนเห็นด้วยกับสมาชิกพรรค ที่เสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในกรณีให้มีการจัดเลือกตั้งเขตเดียวเบอร์เดียว และให้ส.ว.มาจากเลือกตั้งทั้งหมด

สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็น ของประชาชน 2,414 คน หัวข้อประชาชนคิดอย่างไรกับการสร้างความสมานฉันท์ในบ้านเมือง พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่มองว่าวิธีที่จะทำให้เกิดความสมานฉันท์ได้คือ การลดทิฐิ หันหน้าเข้าหากัน เคารพความคิดเห็นซึ่งกันและกัน ความร่วมมือร่วมใจ ช่วยกันทำงานเพื่อประเทศชาติ การวางตัวเป็นกลางโดยพิจารณาเรื่องต่าง ๆ อย่างมีสติ ส่วนผู้ที่จะทำให้ความสมานฉันท์ทางการเมืองเกิดขึ้นได้เป็นรูปธรรม คือ นักการเมือง รัฐบาล และประชาชนทุกคน

ทั้งนี้ สิ่งที่คณะกรรมการที่รัฐบาลตั้งขึ้นเพื่อสร้างความสมานฉันท์ควรทำ คือมีความมุ่งมั่น ตั้งใจทำงาน มีความเป็นกลาง ไม่เข้าข้างฝ่ายใด รับฟังความคิดเห็น ความต้องการของประชาชนและนำมาพิจารณากลั่นกรองอย่างละเอียด ให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่าย

รัฐเตรียมนำเงินกองทุนฯอุ้มราคาน้ำมัน

เว็บไซต์คมชัดลึก: นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ซึ่งจะทำให้ราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นว่า จะมีการตราพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต ถ้าประกาศใช้แล้วก็มีผลให้ต้องปรับเพิ่มสรรพสามิตน้ำมันด้วย ดังนั้น ถ้าเราไม่ทำอะไรเลยก็จะทำให้ราคาน้ำมัน ทั้งเบนซิน และดีเซล ต้องปรับขึ้นทันที

นพ.วรรณรัตน์กล่าวว่า เพื่อเป็นการลดผลกระทบกับประชาชนผู้ใช้น้ำมันทั้งประเทศ รวมทั้งอาจจะส่งผลต่อการขึ้นราคาสินค้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ กระทรวงพลังงานโดยคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน หรือ กบง. ซึ่งตนเป็นประธาน ได้ประชุมและมีมติอนุมัติในหลักการที่จะนำเงินกองทุนเชื้อเพลิงมาใช้เป็นกลไกในการบรรเทาผลกระทบ ไม่ให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนตรงนี้ โดยจะปรับลดการจัดเก็บเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงลงชั่วคราว เพื่อไม่ให้ราคาขายปลีกน้ำมันที่สถานบริการน้ำมันหรือปั๊มน้ำมันต่างๆ ทั่วประเทศมีราคาสูงขึ้น

ทั้งนี้ จากมาตรการดังกล่าวเท่ากับว่าราคาน้ำมันจะยังปกติเท่าเดิม ซึ่งจะทำชั่วคราวไปก่อน และจะทยอยลดภาระของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงลงเป็นคราวๆ ไป จนกระทั่งราคาน้ำมันได้ปรับเข้าสู่ภาวะปกติตามที่มีการปรับเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตที่กระทรวงการคลังประกาศ จนครบจำนวนด้วยการทยอยปรับทีละเล็กทีละน้อยมิให้กระทบกระเทือนต่อผู้บริโภคทั้งประเทศ

รมว.พลังงานชี้แจงว่า เรื่องนี้จะมีผลทันที ฉะนั้นขอให้ประชาชนได้สบายใจได้ว่า ถึงแม้ว่ากระทรวงการคลังจะปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ในระยะแรกเป็นการชั่วคราวนั้น ราคาน้ำมันขายปลีกตามปั๊มต่างๆ ทั่วประเทศจะไม่ขึ้นราคา และจะไม่ปรับสูงขึ้น แต่ถ้าหากจะปรับราคาน้ำมันขึ้นคงเป็นการปรับขึ้นตามกลไกของตลาดโลกเท่านั้น ไม่ใช่ปรับขึ้นเพราะว่ามีการขึ้นภาษีสรรพสามิต ซึ่งคิดว่าจะใช้บรรเทาความเดือดร้อนประมาณ 1 เดือน และจะค่อยๆ ขยับขึ้นเหมือนคราวที่แล้ว

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันนั้น ได้ให้กระทรวงพลังงานพิจารณา โดยจะใช้กลไกกองทุนน้ำมัน และจะไม่ให้กระทบกับราคาหน้าสถานีบริการ โดยขอให้แยกออกจากกันระหว่างเพดานกับการจัดเก็บจริง

ในส่วนของปรับภาษีเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์นั้น นายชวลิต หอประเสริฐวงศ์ ที่ปรึกษาด้านวิชาการเครือข่ายเหล้าพื้นบ้านภาคเหนือ กล่าวถึงผลกระทบที่ได้รับจากนโยบายการขึ้นภาษีเหล้าของรัฐบาลว่า เดิมเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตสุราพื้นบ้าน ได้ยื่นข้อเสนอต่อรัฐบาลเพื่อเรียกร้องขอความเห็นใจจากรัฐบาลหลายข้อ อาทิ การยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่ผู้กระทำและขายสุรากลั่นชุมชน ภายในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งกระทรวงการคลังขอเสนอปรับลดอัตราภาษีสุราขาว ตามมูลค่าร้อยละ 28 เป็นมูลค่าร้อยละ 25 ตามปริมาณจากลิตรละ 100 บาท ลดเหลือ 70 บาท แห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ เพื่อป้องกันความยุ่งยากในการบริหารจัดเก็บภาษี เพื่อเป็นการส่งเสริมการผลิตสุรากลั่นชุมชน แต่ปรากฏว่ารัฐบาลกลับมีมาตรการขึ้นภาษีเหล้า โดยขึ้นราคาแอลกอฮอล์บริสุทธิ์จากลิตรละ 70 บาท มาเป็น 110 บาท ล่าสุด 120 บาท ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อเหล้าพื้นบ้าน เนื่องจากยังถูกบังคับใช้ในฐานภาษีเดียวกับบริษัทใหญ่ทั่วไป

นายชวลิตกล่าวต่อว่า ในการประชุมสมาชิกเครือข่ายเหล้าพื้นบ้านภาคเหนือและเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน ผู้ผลิตสุราพื้นบ้านแห่งประเทศไทย จึงได้มีมติสร้างพันธมิตรกับเอ็นจีโอ และนักกฎหมายเอกชน เพื่อร่วมกันต่อสู้และเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน โดยแนวทางการเรียกร้องจะมีทั้งเชิงนโยบายและการเคลื่อนไหวในพื้นที่ โดยจะมีการรวมตัวของบรรดาแกนนำในจังหวัดต่างๆ ของภาคเหนือยื่นหนังสือต่อรัฐบาลผ่านหน่วยงานภาครัฐ แต่จะเป็นการต่อสู้เชิงสันติ

พร้อมชี้ว่าการขึ้นภาษีครั้งนี้ผู้ผลิตสุราพื้นบ้านไม่สามารถซื้อแสตมป์จากสรรพสามิตในราคาเดิมตั้งแต่เวลา 24.00 น. วันที่ 6 พฤษภาคม ที่ผ่านมา แล้ว ทำให้เชื่อได้ว่ารัฐกำลังกระทำการอันขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ ปี 2550 มาตรา 84 (1) (5) (6) (8) และ (14) โดยเฉพาะ (6) ระบุว่า ดำเนินการให้มีการกระจายรายได้อย่างเป็นธรรม คุ้มครอง ส่งเสริมและขยายโอกาสในการประกอบอาชีพของประชาชนเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจ รวมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่นและภูมิปัญญาไทย เพื่อใช้ในการผลิตสินค้า บริการ และการประกอบอาชีพ

ขณะที่ น.ส.รัตนาวดี แซ่โค้ว อายุ 40 ปี เจ้าของร้านจำหน่ายบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รายหนึ่งในตัวเมืองสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ยินดีปฏิบัติตามเงื่อนไขของรัฐทุกอย่าง แต่ยอมรับว่ารายได้ลดลงแน่นอน เพราะภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้คนที่นิยมดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะประหยัดกันมากขึ้น ส่วนคนที่สูบบุหรี่ก็จะสูบน้อยลง แต่ที่เป็นห่วงคือของปลอมจะระบาดกันมากขึ้น

รฟท.ชงแผนฟื้นฟูการเงินเข้าครม.เล็งตั้ง2บ.ลูก

เว็บไซต์ไทยรัฐ : นายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการการถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวภายหลังการเข้าพบ นายสุรชัย ธารสิทธิพงษ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม เพื่อเสนอแผนปฏิบัติการเพื่อปรับปรุงโครงสร้างการบริหารจัดการเพื่อฟื้นฟูฐานะทางการเงินของการรถไฟแห่งประเทศไทย ก่อนนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า แผนที่จะนำเสนอดังกล่าวระบุว่าให้ รฟท.จัดตั้ง 2 บริษัทลูก คือบริษัทเดินรถและบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่ รฟท.ถือหุ้น 100% ภายใน 30 วัน นับแต่ ครม.อนุมัติหลักการ และให้คณะกรรมการ รฟท.พิจารณากำหนดทุนจดทะเบียนเริ่มต้นที่เหมาะสม โดยแบ่งแยกภารกิจ สินทรัพย์ และหนี้สินระหว่าง รฟท.กับบริษัทลูกทั้ง 2 ออกจากกัน

ผู้ว่า รฟท. กล่าวเพิ่มว่า รวมถึงถ่ายโอนกิจการสินทรัพย์และหนี้สินเพื่อให้ 2 บริษัทเริ่มดำเนินการได้ใน 180 วันนับแต่ ครม.อนุมัติในหลักการ ให้ภาครัฐรับภาระการลงทุนพื้นฐานในอนาคตของ รฟท.โดยให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณพิจารณารับภาระการลงทุนให้ รฟท.เสนอกรอบอัตรากำลังที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์และแผนของ รฟท.งดรับตำแหน่งใหม่ยกเว้นตำแหน่งที่ใช้คุณวุฒิพิเศษแต่ต้องไม่เกิน 5%ของจำนวนพนักงานที่มีอยู่ให้เพิ่มบทบาทเอกชนในกิจการของ รฟท.และบริษัทลูกภายใน180 วันนับแต่ ครม.อนุมัติในหลักการ

นายยุทธนา กล่าวด้วยว่า รฟท.เห็นควรให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ทำหน้าที่จัดหาเอกชนเพื่อพัฒนาและบริหารที่ดินของ รฟท.โดยบริษัทขอทำหน้าที่บริหารสัญญาเช่าเท่านั้นส่วนบริษัทเดินรถนั้นมีหน้าที่ให้บริการรถโดยสารและสินค้า

ปิดฉากสธ.อาเซียน+3 บรรลุข้อตกลง15ข้อ เสนอสมัชชาอนามัยโลก

เว็บไซต์ไทยรัฐ : ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน+3 สมัยพิเศษ ว่าด้วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช1 เอ็น1 เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (8 พ.ค.) นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ (H.E. Dr. Surin Pitsuwan) เลขาธิการอาเซียน พร้อมด้วย นายแพทย์ฟรานซิสโก ที. ดูเก้ ที่ 3 (H.E. Dr. Francisco T. Duque ) รัฐมนตรีสาธารณสุขฟิลิปปินส์ ในฐานะประธานการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน + 3 นายเปยิน ดาโต๊ะ สุยอย ออสมาน (H.E. Pehin Dato Suyoi Osman) รัฐมนตรีสาธารณสุขบรูไน นายแพทย์มัม บันเฮียง (H.E. Dr. Mam Bunheng) รัฐมนตรีสาธารณสุขกัมพูชา นายสุปารี สิติ ฟาดิลาห์ (H.E. Supari Siti Fadilah) รัฐมนตรีสาธารณสุขอินโดนีเซีย นายแพทย์ปอนเมฆ ดาลาลอย (H.E. Dr. Ponmek Dalaloy) รัฐมนตรีสาธารณสุขลาว ดาโต๊ะ สรี เตียง ไลเลียว (H.E. Dato’ Sri Tiong Lai Liow) รัฐมนตรีสาธารณสุขมาเลเซีย

นายแพทย์บาลาจิ สาดาสิวัน (H.E. Dr. Balaji Sadasivan) รัฐมนตรีต่างประเทศสิงคโปร์ นายเตรีย ง็อก เหงียน (H.E. Trieu Quoc Nguyen) รัฐมนตรีสาธารณสุขเวียดนาม นายวิทยา แก้วภราดัย (H.E. Mr. Witthaya Keawparadai) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์เฉิน จู (H.E. Dr. Chen Zhu) รัฐมนตรีสาธารณสุขจีน นายแพทย์ทาคาโอะ วาตานาเบ้ (Dr. Takao Watanabe) รัฐมนตรีช่วยสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการญี่ปุ่น และนายแพทย์ลี ดุกยอง (Dr. Lee Dukhyoung) ผู้ช่วยรัฐมนตรีด้านนโยบายควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข สวัสดิการและครอบครัว เกาหลีใต้ ร่วมกันแถลงผลการประชุมเพื่อควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ ชนิดเอ เอช1 เอ็น1 ในภูมิภาคอาเซียน

การประชุมครั้งนี้ ประสบผลสำเร็จ ทุกฝ่ายเห็นสอดคล้องกันว่า โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 เป็นโรคระบาดที่เป็นภัยคุกคามสุขภาพของประชากรในภูมิภาค ที่มีรวมกันเกือบครึ่งหนึ่งของประชากรโลก โดยที่ประชุมมีข้อตกลง 15 ข้อ และจะนำเสนอต่อที่ประชุมสมัชชาอนามัยโลก ครั้งที่ 62 ซึ่งกำหนดจัดประชุมวันที่ 18-22 พฤษภาคมนี้ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

สาระสำคัญของข้อตกลง 15 ข้อ ประกอบด้วย มาตรการเฝ้าระวังการแพร่เชื้อจากการเดินทางระหว่างประเทศ จะต้องคำนึงถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว หากพบผู้เดินทางที่มีอาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ อาจต้องให้ชะลอการเดินทาง และได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมตามหลักมาตรฐานสากล โดยที่ประชุมมีมติให้แต่ละประเทศดำเนินมาตรการที่จะควบคุมป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ใน 6 เรื่อง 1.จัดเตรียมแผนระดับชาติเพื่อควบคุมเฝ้าระวังการติดต่อระหว่างคนสู่คน และในสัตว์ 2.ปฏิบัติตามมาตรการของกฎอนามัยระหว่างประเทศ พ.ศ. 2548 อย่างเข้มแข็ง โดยเฉพาะระบบการเฝ้าระวังที่รวดเร็วและตอบสนองอย่างมีประสิทธิภาพ

3.จัดซ้อมแผนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการสื่อสาร เพื่อป้องกันความตื่นตระหนก และผลกระทบทางสังคม 4.จัดระบบตรวจคัดกรองผู้โดยสารที่เดินทางออกนอกประเทศในพื้นที่ที่พบการติดเชื้อ รวมทั้งตามแนวพรมแดนระหว่างประเทศ โดยใช้คำว่า พื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อแทนคำว่า ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อเพื่อลดผลกระทบการท่องเที่ยวและการค้า 5.ร่วมกันจัดตั้งระบบคลังยา เวชภัณฑ์ที่จำเป็นของภูมิภาคอาเซียน บวก 3 ในกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน โดยขณะนี้อยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ 6.จัดระบบการเข้าถึงยาต้านไวรัส รวมทั้งยาที่จำเป็น เวชภัณฑ์ต่างๆ อุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อ ในกรณีที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อ ซึ่งจะทำให้ระบบการดูแลรักษามีประสิทธิภาพ

สำหรับความร่วมมือในระดับภูมิภาค 13 ประเทศ ได้มีมติร่วมมือกันใน 4 เรื่อง ได้แก่ 1.การเปิดสายด่วนแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารสถานการณ์การระบาดระหว่างประเทศ เพื่อการตอบสนองได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ 2.จัดตั้งทีมสอบสวนควบคุมโรคเคลื่อนที่เร็วระหว่างประเทศ สามารถเข้าไปดำเนินการช่วยเหลือประเทศข้างเคียงได้ทันที หากมีการร้องขอ 3.การตรวจวินิจฉัยเพื่อการยืนยันเชื้อทางห้องปฏิบัติการ การวิจัยเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 4.การศึกษาวิจัยเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ทางด้านสารพันธุกรรม อาการป่วย ระบบการดูแลรักษา เพื่อเป็นเครือข่ายความร่วมมือในการรับมือโรคระบาดใหม่ เช่นเดียวกับโครงการเฝ้าระวังโรคประเทศลุ่มแม่น้ำโขง โครงการศูนย์ความร่วมมือวิจัยโรคติดเชื้อกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่งจะทำให้ระบบการสาธารณสุขที่จะดูแลความปลอดภัยทางสุขภาพของประชากรในภูมิภาคมีความยั่งยืนและเข้มแข็ง

นอกจากนี้ ยังได้มีข้อเสนอให้องค์การอนามัยโลกจัดประชุมเรื่องการแบ่งปันเชื้อไวรัสไข้หวัดนกและไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ รวมถึงการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีของการผลิตวัคซีนในระดับภูมิภาค เพื่อให้ประเทศกำลังพัฒนาสามารถเข้าถึงวัคซีนได้อย่างเสมอภาค ในการประชุมสมัชชาอนามัยโลก ครั้งที่ 62 ในวันที่18-22 พฤษภาคม 2552 นี้ และขอให้องค์กรนานาชาติ เช่น องค์การอนามัยโลก องค์การสหประชาชาติ สนับสนุนด้านการเงินในกรณีที่มีความจำเป็นต้องสำรองคลังยา เวชภัณฑ์ต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียน

ทางด้านนายสุรินทร์ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงเอกภาพของอาเซียนได้เป็นอย่างดี จะปูทางไปสู่การจัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในเดือนหน้าที่จังหวัดภูเก็ต โดยขณะนี้มีประเทศสมาชิกอาเซียนกว่างครึ่งหนึ่งตอบรับจะมาประชุมแล้ว เหลือเพียงการยืนยันวันเวลาอีกครั้งหนึ่งให้ชัดเจน ส่วนยาต้านไวรัสที่ญี่ปุ่นมอบนั้นขณะนี้ 500,000 ชุด เก็บไว้ที่สิงคโปร์

หวัดมรณะลามแล้ว26 ชาติ บราซิล-อาร์เจนตินาพบผู้ติดเชื้อ

ASTV ผู้จัดการ : โชเซ โกเมซ เทมโปเรา รัฐมนตรีสาธารณสุขของบราซิล แถลงยืนยันพบผู้ติดเชื้อไข้ไวรัสหวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เป็นครั้งแรกของประเทศ จำนวน 4 ราย และพบผู้ต้องสงสัยว่าอาจติดเชื้ออีก 24 คนโดยชาวบราซิล 4 รายที่ติดเชื้อนั้น ปรากฏว่ามี 3 คน ที่เดินทางกลับมาจากเม็กซิโก ขณะที่อีกรายเดินทางมาจากสหรัฐฯ

ส่วนที่ประเทศ อาร์เจนตินา กราเซียลา โอกานา รัฐมนตรีสาธารณสุข ออกมาแถลงยืนยันว่าพบผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ เป็นรายแรกของประเทศแล้วเช่นกัน โดยผู้ติดเชื้อเป็นชายชาวอาร์เจนตินา ที่เพิ่งเดินทางกลับจากการไปท่องเที่ยวเม็กซิโก ซึ่งชายคนดังกล่าวยังมีสุขภาพแข็งแรงดี และไม่จำเป็นต้องเข้ามารักษาตัวในโรงพยาบาลแต่อย่างใด

การพบผู้ติดเชื้อไวรัสดังกล่าว ในบราซิล และอาร์เจนตินา ทำให้ทั้งสองประเทศ กลายเป็นประเทศที่ 25 และ 26 ของโลกที่พบผู้ติดเชื้อต่อจาก เม็กซิโก สหรัฐอเมริกา แคนาดา สเปน สหราชอาณาจักร เยอรมัน ฝรั่งเศส นิวซีแลนด์ อิตาลี อิสราเอล เอลซัลวาดอร์ เกาหลีใต้ โคลอมเบีย สวิตเซอร์แลนด์ คอสตาริกา ออสเตรีย เดนมาร์ก กัวเตมาลา ฮ่องกง ไอร์แลนด์เนเธอร์แลนด์ โปรตุเกส โปแลนด์ และสวีเดน

ขณะที่องค์การอนามัยโลกระบุว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ทั่วโลกที่ได้รับการยืนยันแล้วมีทั้งสิ้น 2,371 ราย และมีแนวโน้มที่จะพบผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังไม่มีความจำเป็นต้องประกาศเพิ่มระดับการเตือนภัยจากระดับ 5 เป็นระดับที่ 6 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดแต่อย่างใด

เคอิจิ ฟุกุดะ ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การอนามัยโลก ระบุว่า หากเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ไปทั่วโลก จะทำให้มีผู้ติดเชื้อมากถึง 2,000 ล้านคน หรือ 1 ใน 3 ของประชากรทั่วโลก และการแพร่ระบาดอาจกินเวลายาวนานถึง 2 ปี

ฟุกุดะ เปิดเผยว่า จนถึงขณะนี้ ทางองค์การอนามัยโลก ก็ยังไม่สามารถยืนยันได้อย่างชัดเจนว่าจะเกิดการแพร่ระบาดไปทั่วโลกหรือไม่ และยังไม่สามารถยืนยันได้เช่นกันว่า เชื้อไวรัสชนิดนี้จะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นเพียงใด หากมีการระบาดรอบใหม่

ขณะเดียวกัน หลุยส์ โกเมซ ซัมโบ ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกประจำภาคพื้นแอฟริกา ได้ออกมาเปิดเผยที่ กรุงแอดดิส อบาบา เมืองหลวงของเอธิโอเปีย เมื่อวันพฤหัส (7) โดยระบุว่าโลกจะต้องประสบกับหายนะครั้งใหญ่ ถ้าหากเชื้อไวรัสนี้ลุกลามเข้ามาแพร่ระบาดในทวีปแอฟริกา ซึ่งถือเป็นทวีปที่ยากจนที่สุดในโลก

ซัมโบ ระบุว่า ประเทศต่างๆในทวีปแอฟริกาโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่อยู่ด้านใต้ของทะเลทรายซาฮาราลงไป จะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดมากกว่าภูมิภาคอื่นใดในโลก เนื่องจากยังขาดแคลนโครงสร้างพื้นฐานของระบบในการควบคุม และป้องกันโรคระบาด และขาดทรัพยากรที่จำเป็นอยู่อีกมาก ดังจะเห็นได้จากการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของเชื้อเอชไอวี มาลาเรีย อีโบลา และเชื้อโรคร้ายแรงอีกหลายชนิดในภูมิภาคดังกล่าวในช่วงที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ได้ตรวจพบชาวแอฟริกาทั้งหมด 12 คน ที่ต้องสงสัยว่าอาจติดเชื้อไวรัสดังกล่าว โดยในจำนวนนี้พบว่ามี 5 ราย ที่มีอาการต้องสงสัยมากที่สุด ได้แก่ ชาวเบนิน 1 ราย และชาวเซเชลส์ 4 ราย ซึ่งทั้งหมดถูกนำตัวมาตรวจหาเชื้อแล้ว และกำลังอยู่ในระหว่างการรอผลตรวจอย่างเป็นทางการ

กระทรวงต่างประเทศญี่ปุ่น แถลงที่กรุงโตเกียว เมื่อวานนี้ (8) โดยระบุว่าพบเด็กชายชาวญี่ปุ่นวัย 6 ขวบ ที่อาศัยอยู่ในนครชิคาโก มลรัฐอิลลินอยส์ ของสหรัฐฯ ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ โดยถือเป็นชาวญี่ปุ่นคนแรกที่ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้

ฮิโรฟูมิ นากาโซเนะ รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวในกรุงโตเกียว ว่า เด็กชายคนดังกล่าวได้รับการยืนยันว่า ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ เอช1 เอ็น1 แล้ว แต่เด็กชายคนดังกล่าวหายป่วยแล้ว ทั้งนี้ยังไม่ทราบข้อมูลที่แน่ชัดว่า เขาติดเชื้อไวรัสชนิดนี้มาได้อย่างไร ขณะเดียวกันก็ยืนยันว่า จนถึงขณะนี้ ญี่ปุ่นยังไม่มีการยืนยันพบผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสนี้ในประเทศแต่อย่างใด

ริชาร์ด เบสเซอร์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อแห่งชาติ ของสหรัฐฯ หรือซีดีซี ออกมาเปิดเผยว่าในขณะนี้พบผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในสหรัฐฯ แล้ว896 ราย ใน 44 มลรัฐทั่วประเทศ ส่วนจำนวนผู้ต้องสงสัยว่าอาจติดเชื้อในขณะนี้ได้เพิ่มเป็น 1,823 รายแล้ว

ก่อนหน้านี้เมื่อ วันพฤหัส (7) ตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสดังกล่าว อยู่ที่ 642 รายใน 41 มลรัฐ ซึ่งเบสเซอร์ ประเมินว่า ยังคงมีแนวโน้มที่จะพบผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศเพื่อนบ้านอย่างเม็กซิโก จะสงบลงแล้วก็ตาม

เผยวัคซีนหวัดพันธุ์ใหม่ใกล้เสร็จแล้ว

ASTV ผู้จัดการ : ทีมนักวิจัยสหรัฐฯ ที่กำลังเร่งพัฒนาวัคซีนสำหรับป้องกันเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 คาดว่าวัคซีนตัวใหม่ จะพร้อมทดลองกับหนู ภายในอีก 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า

ศาสตราจารย์ ซูเรส มิททาล แห่งคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเพอร์ดิว ในสหรัฐฯ เปิดเผยว่า วัคซีนตัวใหม่นี้ พร้อมจะผลิตออกมาใช้อย่างเป็นทางการได้ภายในอีกไม่กี่เดือนนี้ แต่จะต้องทดลองกับหนูก่อน หลังจากที่นักวิจัยสหรัฐและคณะเจ้าหน้าที่จากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อของสหรัฐฯ ได้ร่วมกันพัฒนาวัคซีน โดยใช้วิธีการเดียวกับการสกัดกั้นการระบาดของเชื้อไวรัส เอช 5 เอ็น1 หรือเชื้อไข้หวัดนก มาเป็นวัคซีนสำหรับควบคุมเชื้อ เอช1 เอ็น1 ของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นี้ ด้วยการใช้ไวรัสไข้หวัดทั่วไปเป็นตัวนำยีนไวรัส เอช1 เอ็น1 ไปกระตุ้นให้ร่างกายสร้างแอนติบอดี้ และเซลล์คุ้มกันเพื่อป้องกันการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัส

มาเลย์จับแกนนำเจไอหลังแหกคุกสิงคโปร์นานกว่า1ปี

เว็บไซต์ไทยรัฐ : สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันนี้ (8 พ.ค.) นายมาส เซลามัต บิน กัสตาริ คนร้ายที่ทางการสิงคโปร์ต้องการตัวที่สุด จนมุมเจ้าหน้าที่มาเลเซียที่รัฐยะโฮร์ หลังแหกคุกที่ศูนย์กักกันไวท์เลย์ โรด ที่สิงคโปร์ตั้งแต่วันที่ 27 ก.พ.ปีที่แล้ว และหลบหนีไปได้จนทางการสิงคโปร์ขอความช่วยเหลือจากตำรวจสากล

ทั้งนี้นายกัสตารี เป็นหัวหน้ากลุ่มเจมาห์ อิสลามิยาห์ (เจไอ) ซึ่งโยงใยกับเครือข่ายก่อการร้ายอัล-เคดา ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งพัวพันคดีลอบวางระเบิดเกาะบาหลีที่ อินโดนีเซียเมื่อปี 2545 รวมทั้งวางแผนโจมตีด้วยรถบรรทุกระเบิดหลายจุดทั่วเกาะสิงคโปร์ และแผนจี้เครื่องบินจากกรุงเทพฯ ไปพุ่งชนสนามบินชางงีของสิงคโปร์เมื่อปี 2544 หลังเหตุ9/11ที่สหรัฐฯ แต่แผนดังกล่าวถูกระงับไปเสียก่อน

ทุนมาเลเซียกับอนาคตการพัฒนาชายแดนใต้

ที่มา ประชาไท

อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บิน ชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ)

อาจารย์พิเศษมหาวิทยาลัยทักษิณ

ผู้ช่วยผู้จัดการโรงเรียนจริยธรรมศึกษามูลนิธิ อ.จะนะ จ.สงขลา

Shukur2003@yahoo.co.uk

ผู้เขียนได้มีโอกาสเข้าไปร่วมงานปฐมนิเทศนักเรียนทุนการศึกษารัฐบาลมาเลเซีย ปีการศึกษา 2552

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 8 พฤษภาคม 2552 ที่โรงแรม บีพี สมิหลา บีช แอนด์รีสอร์ท อ.เมือง จ.สงขลา นายประดิษฐ์ ระสิตานนท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ประจำเขตตรวจราชการที่ 8 เป็นประธานในพิธีปฐมนิเทศนักเรียนทุนการศึกษารัฐบาลมาเลเซีย ปีการศึกษา 2552 และผู้ปกครอง โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการมาเลเซีย ได้จัดสรรทุนการศึกษาระดับมัธยมศึกษาสำหรับนักเรียนไทยจากเขตพื้นที่การศึกษาใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ใน 11 เขต ประกอบด้วย จ.นราธิวาส 15 คน จ.ปัตตานี 18 คน จ.ยะลา 18 คน จ.สตูล 5 คน และ จ.สงขลา 4 คน ที่ได้รับการจัดสรรทุนการศึกษาจากรัฐบาลมาเลเซีย ประจำปี 2552 ภายใต้ความร่วมมือไทย-มาเลเซีย จำนวน 60 ทุน เป็นเวลา 6 ปี เพื่อเข้าศึกษาในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่โรงเรียนสอนศาสนา Kajang ประจำรัฐ Selangor และโรงเรียนสอนศาสนา Labu ประจำ Negeri Sembilan ทั้งนี้จากการลงนามความร่วมมือระหว่างกระทรวงศึกษาธิการมาเลเซียกับกระทรวงศึกษาธิการไทย

สำหรับปีนี้เป็นที่สองของโครงการมีนักเรียนสนใจสมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็นจำนวนมาก โดยดำเนินการคัดเลือกระดับเขตพื้นที่การศึกษา และระดับกระทรวง จนได้นักเรียนทุนครบจำนวน 60 คน ซึ่งเป็นนักเรียนมุสลิมจาก 11 เขตพื้นที่การศึกษาในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยทางการมาเลเซียได้กำหนดคุณสมบัติและสอบสัมภาษณ์ด้วยตนเองโดยมีเงื่อนไขดังนี้

1. มีสัญชาติไทยและอยู่ในประเทศไทยโดยเฉพาะจังหวัดชายแดนภาคใต้

2. ศึกษาอยู่ในระดับประถมศึกษาปีที่ 6 หรือมัธยมศึกษาปีที่ 1

3. มีผลการเรียนดี โดยเฉพาะวิชาภาษาอังกฤษ วิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์

4. มีความสามารถในการเขียนภาษาอารบิกและทักษะทางด้านอัลกุรอาน

5. มีประสบการณ์เข้าร่วมกิจกรรมเสริมหลักสูตร

6. มีทักษะความเป็นผู้นำ
7. ครอบครัวของผู้รับทุนที่มีรายได้น้อยจะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ

การจัดการวันนี้นั้นต้องยกความดีให้กับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสตูลเต็มๆเพราะ ได้รับมอบหมายจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้ดำเนินการปฐมนิเทศนักเรียนทุนรัฐบาลมาเลเซีย โดยได้รับความร่วมมือจากกระทรวงศึกษาธิการมาเลเซีย ส่ง ตวน ฮัจญี ฮาเลล รองผู้อำนวยการกองกิจการโรงเรียนประจำและคณะมาร่วมเป็นวิทยากรในการปฐมนิเทศในครั้งนี้ด้วย

ในระหว่างรอพิธีเปิดอย่างเป็นทางการผู้เขียนได้เห็นบรรยากาศของความดีใจของผู้ปกครองซึ่งบางคนขนญาติๆทั้งบ้านมาร่วมในพิธีในวันนี้

นายสะปิอี บ่าวเต๊ะและนางสุใบเด๊าะ บ่าวเต๊ะผู้ปกครองของเด็กชายมูฮัมหมัดอามีน นักเรียนโรงเรียนจริยธรรมศึกษามูลนิธิ จังหวัดสงขลา ให้ทัศนะด้วยความดีใจและตื้นตันใจพอสรุปใจความสำคัญได้ว่า

เขาหวังจะส่งลูกชายคนโตคนนี้เข้ามาเลเซียเมื่อ 6 ปีที่แล้วไม่นึกเลยว่าความฝันของพวกเราเป็นจริงและการไปครั้งนี้ไปในนามของประเทศไทย เราคิดว่าน้องอามีนจะไม่ทำให้เราผิดหวังและอินชาอัลลอฮ์เมื่อเขาเรียนจบเขาจะกับมาพัฒนาสังคมและเป็นกำลังสำคัญของสังคมบ้านเราต่อไปแต่ก็ยังกังวลลึกๆว่าไม่รู้ลูกจะอยู่ที่มาเลซียได้หรือเปล่าเพราะเขาไม่เคยห่างจากผู้ปกครอง

สำหรับนักเรียนทุนรัฐบาลมาเลเซีย ทั้ง 60 คนจะออกเดินทางไปศึกษาที่ประเทศมาเลเซียในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม 2552 นี้ก่อนเพื่อเตรียมความพร้อมถึงแม้ภาคเรียนที่ 1 ของมาเลเซียจะเริ่มเดือนมกราคมปีหน้าโดยมีตัวแทนจกเขตพื้นที่การศึกษา 11 เขตเดินทางไปส่งและดูแลอย่างใกล้ชิดรวมทั้งการเดินทางไปเยี่ยมเยียนเพื่อให้เด็กมีขวัญและกำลังใจในการศึกษาได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องมีความกังวล

อย่างไรก็ตาม แม้สถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ดังกล่าวจะยังคงมีอยู่ แต่ทางภาครัฐและประเทศเพื่อนบ้านอย่างประเทศมาเลเซีย ไม่เคยละทิ้งพี่น้องชาวมุสลิมโดยมอบทุนให้ได้รับการศึกษาในสถานศึกษาแนวหน้า ยอดนิยมระดับประเทศของมาเลเซีย เพื่อหวังนำการศึกษาพัฒนาเด็กมุสลิมชาวไทยให้มีความรู้ ความสามารถและศักยภาพที่เท่าเทียมนานาประเทศที่เจริญและสามารถบูรณาการระหว่างหลักสูตรศาสนาและสามัญในขณะเดียวกันสามารถทันยุคทันสมัย อยู่ร่วมสังคมอย่างสันติตามแนวทางของหลักศาสนาอิสลามและวิถีชาวมุสลิม

เมื่อสองปีที่ผ่านมาผู้เขียนได้มีโอกาสศึกษาดูงานที่โรงเรียนสอนศาสนา Kajang ประจำรัฐ Selangor ซึ่งนักเรียนของเราจะไปเรียนนั้นพบว่า โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนที่มาตรฐานมากไม่ว่าวิชาการทั้งศาสนาและสามัญ เป็นที่รวมของครูชั้นยอด นักเรียนระดับเกรดเอ มีการใช้สื่อการเรียนการสอนที่ทันสมัยแต่ไม่ทิ้งรากเหง้าของความเป็นมุสลิม

ผู้เขียนมั่นใจว่า มันจะสามารถเป็นทางเลือกในการแก้ปัญหาและต่อไปเมื่อนักเรียนเหล่านี้จบกลับมา พวกเขาอาจจะมีแนวคิดหรือแนวทางการจัดการปัญหาดังกล่าวด้วยตนเองที่เหมาะสม บูรณาการได้กับวิถีไทยมลายูท้องถิ่น หลักการศาสนาอิสลามและปรับเข้ากันอย่างกลมกลืนกับโลกาภิวัตน์ และความหลากหลายทางวัฒนธรรม

เด็กเหล่านี้ จะไม่หลีกหนีจากกระแสการเผชิญหน้าทุกรูปแบบ และกล้าที่จะสนทนาแลกเปลี่ยน (Dialoque) ความรู้ ประสบการณ์ และแนวคิดอย่างสันติกับทุกกลุ่มของลัทธิโลกาภิวัตน์ซึ่งแน่นอนที่สุดเยาวชนเหล่านี้ต่อไปจะนำความรู้นำมาปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ในชุมชนมุสลิมเอง ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนของรัฐ สถาบันปอเนาะ โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม และศูนย์การเรียนของมัสยิดที่สามารถปลูกฝังแนวคิด ทัศนคติ และค่านิยมที่ถูกต้องตั้งแต่เด็กตลอดจนผู้ใหญ่

และท้ายสุดจะสามารถทำให้คนในพื้นที่สามารถใช้ชีวิตไม่ว่าจะเป็นด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ด้วยวิถีไทยมลายูมุสลิมจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่สามารถเผชิญกับกระแสการก่อการร้าย การปะทะทางวัฒนธรรม และสังคมทุนนิยมของโลกยุคโลกาภิวัตน์

ไม่เพียงทุนระดับมัธยมศึกษาเท่านั้นที่ทางการมาเลเซียมอบให้แต่ยังมอบทุนแก่นักศึกษาต่างชาติ ระดับปริญญาตรีถึงปริญญาเอกในหลักสูตรต่างๆมากมาย เช่น

1.บริหารธุรกิจ และการเงิน

2.วิทยาศาสตร์และวิศวกรรม

3.วิทยาศาสตร์เกษตรกรรม

4.สังคมวิทยา และภาษาศาสตร์

โดยต้องมีคุณสมบัติของผู้สมัคร ดังนี้

1.จบการศึกษามัธยมศึกษาปีที่ 6 ด้วยเกรดการเรียนที่ดี

2.เป็นผู้ที่ผ่านงานด้านกิจกรรมและอาสาสมัครช่วยเหลือสังคม

3.เข้าขอรับทุนตามหลักสูตรที่ทางมหาวิทยาลัยเปิดรับ

และมีความสามารถทางภาษาอังกฤษ

4.มีสุขภาพที่ดี มีใบรับรองแพทย์

5.อายุไม่เกิน 21 ปี

สิทธิประโยชน์ของทุนการศึกษาที่จะได้รับ

1.ตั๋วเครื่องบินไประหว่างประเทศผู้รับทุนกับประเทศมาเลเซีย

2.ฟรีค่าเล่าเรียน โดยทางมหาวิทยาลัยจะเป็นผู้รับผิดชอบ

3.ค่าใช้จ่ายประจำเดือน

4.ค่าตำราเรียนและค่าเดินทางภายในประเทศ

5.การฝึกงานตามหน่วยงานที่ทางมหาวิทยาลัยจัดให้

เอกสารประกอบการสมัครขอรับทุน

1.สำเนาระเบียนทางการศึกษา

2.สำเนาพาสปอร์ตของผู้สมัคร

3.หลักสูตรที่ต้องการขอรับทุน

4.ภาพถ่ายขนาดติดสมุดเดินทาง จำนวน 2 ใบ

5.ใบรับรองแพทย์

6.แผนงานการวิจัย (สำหรับระดับปริญญาโท)

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม

Scholarship Division

Ministry of Higher Education Malaysia

Level 4, Block 1, PjH Tower Precint 2

Federal Government Administration Centre

62100, Putrajaya

Malaysia

Friday, May 8, 2009

"คณิน"หนุนนิรโทษกรรม อ้างช่วยลดความขัดแย้ง กก.สมานฉันท์ ชี้"เหนาะ"แค่สนทนาธรรมไม่ได้เสนอช่วย"แม้ว"

ที่มา ประชาไท

ปชป.เสนอขยายเวลากก.สมานฉันท์เป็น3-4เดือน "คณิน"อ้างนิรโทษกรรม จะช่วยลดความขัดแย้งได้ สป.หวังแก้รธน.เพื่อปฏิรูปการเมือง วิปรบ. มอง"เสนาะ"แค่สนทนาธรรมไม่ได้เสนอนิรโทษกรรม สอดรับปธ.วิปค้านระบุแค่อุปมาอุปไมยเปล่าช่วย"แม้ว" ติงสื่อเสนอข่าวคลาดเคลื่อน

ส.ส.ปชป.เสนอขยายเวลากก.สมานฉันท์3-4เดือน


นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ หนึ่งในคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า หลังจากคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ ได้วางกรอบการทำงาน 45 วันนั้น ส่วนตัวเห็นว่ากรอบเวลาน้อยเกินไป เพราะการรับฟังความเห็นของประชาชนต้องทำหลายด้านซึ่งต้องใช้เวลา ดังนั้นถ้าคณะกรรมการฯไม่สามารถทำได้ทัน ก็ต้องขยายเวลาออกไป เพราะถ้าเร็วแล้วไม่มีประสิทธิภาพ ไม่สามารถสร้างความปรองดองได้ตามที่ประชาชนต้องการ อย่างไรก็ตาม การยืดเวลาการทำงานออกไป 3-4 เดือนเพื่อสร้างความสมานฉันท์ให้ได้ก็ถือว่าคุ้ม

สป.หวัง กก.สมานฉันท์ฯ แก้ รธน.เพื่อปฏิรูปการเมือง

เมื่อวันที่ 8 พ.ค. นายโคทม อารียา ประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สป.) เรียกร้องให้ทุกฝ่ายให้ความร่วมมือเพื่อให้เกิดการปฏิรูปทางการเมือง และตั้งความหวังว่า ผลการศึกษาของคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ จะนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในประเด็นที่หลายฝ่ายเห็นว่าควรมีการปรับแก้

นายโคทม ยังเรียกร้องให้กลุ่มที่มีความเห็นทางการที่แตกต่างกัน หาข้อยุติทางการเมืองร่วมกัน เพื่อลดความขัดแย้งในสังคมและสร้างความสมานฉันท์

"คณิน" อ้างนิรโทษกรรมจะช่วยลดความขัดแย้งได้

นายคณิน บุญสุวรรณ กรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปทางการเมืองและศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในสัดส่วนของพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ว่า มีต้นเหตุจากฝ่ายบริหารขาดเสถียรภาพทางการเมือง กลไกในสภาไม่สามารถแก้ปัญหาได้ จึงเกิดกลุ่มมวลชนที่เคลื่อนไหวนอกสภา ดังนั้นกระบวนการแก้ปัญหาควรเริ่มจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อนำไปสู่การปฏิรูปการเมืองและความสมานฉันท์

นายคณิน ยืนยันว่า ส่วนตัวเห็นด้วยกับการประนีประนอมทางการเมือง และเชื่อว่าการนิรโทษกรรมทางการเมืองน่าจะเป็นทางออกเพื่อลดความขัดแย้งในสังคม

ด้านนายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ กรรมการสมานฉันท์ฯ ในสัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ เห็นว่าข้อสรุปของคณะกรรมการจะเป็นตัวบ่งชี้ว่าเป็นไปเพื่อประโยชน์ของประชาชนหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า การกำหนดกรอบเวลาทำงานของคณะกรรมการไว้ 45 วัน คงไม่ง่ายที่จะเสนอแนวทางแก้ไขความขัดแย้ง และนำสังคมกลับคืนสู่ความสมานฉันท์ ดังนั้น ประธานรัฐสภาจะต้องวางกรอบอย่างเป็นรูปธรรมในแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และแก้ไขความขัดแย้งทางการเมืองต่อไป

"โฆษกมาร์ค"ชี้"ปฏิวัติ"ไม่ใช่ต้นเหตุวิกฤตการเมือง


นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเมื่อวันที่ 8 พ.ค. ถึงกรณีที่ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ กรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและการศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พรรคเพื่อไทย พูดในที่ประชุมคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและการศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า การปฏิวัติ คือ ต้นเหตุของวิกฤตทางการเมือง ว่า เป็นการกล่าวเพื่อตัดตอน โดยไม่มองย้อนกลับไปว่า ต้นเหตุการปฏิวัติคืออะไร หากจะมีการแสดงความคิดเห็นควรพูดให้ครบทุกกระบวนความ

ส่วนกรณีที่ นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช และที่ปรึกษาคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ ระบุว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ต้องให้ประชาชนแสดงความเห็นนั้น ส่วนตัวเห็นว่าการกระทำใดๆ ต้องคำนึงถึงเสียงของประชาชน มิเช่นนั้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะไม่สำเร็จ และอาจเกิดปัญหาได้

วิปรบ.-ค้านผสานเสียง"เหนาะ"ไม่ได้แนะนิรโทษกรรม


นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) และคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ กล่าวเมื่อวันที่ 8 พ.ค. ถึงข้อเสนอแนะให้มีการนิรโทษกรรม ผู้ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ของนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช และที่ปรึกษาคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ ว่า เป็นเพียงการสนทนาธรรม ไม่ใช่ข้อเสนอแนะแต่อย่างใด ส่วนรายละเอียดของแนวทางการทำงานนั้น จะมีการหารือในการประชุมครั้งหน้า ซึ่งจะพูดคุยกันในกรอบที่วางไว้ คือ เรื่องความสมานฉันท์ การปฏิรูปการเมือง และกฎหมายรัฐธรรมนูญ

นายชินวรณ์ กล่าวต่อว่า ยืนยันว่าพรรคร่วมรัฐบาล และฝ่ายค้าน ไม่ได้พยายามบีบพรรคประชาธิปัตย์ให้เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรม หรือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ


ขณะที่ สอดคล้องกับนายวิทยา บุรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้าน ยืนว่า คำพูดดังกล่าวของนายเสนาะ เป็นเพียงการอุปมาอุปไมย ไม่ใช่ข้อเสนอแนะให้นิรโทษกรรมเพื่อช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นการยกตัวอย่าง คดีความต่างๆ ที่ผ่านมา ควรมีการชี้แจง หรืออธิบายให้ประชาชนได้เข้าใจ พร้อมระบุว่า สื่อมวลชนลงข่าวคลาดเคลื่อน

กรรมการสมานฉันท์ถกนัดแรก

คณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมือง และศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประชุมนัดแรก เพื่อกำหนดกรอบการทำงาน ที่ห้องประชุม 213 อาคารวุฒิสภา เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 7 พฤษภาคม และเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนเข้าสังเกตการณ์การประชุมด้วย ทั้งนี้ นายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี ในฐานะประธานคณะกรรมการสมานฉันท์ กล่าวเปิดประชุมว่า ขณะนี้ปัญหาความขัดแย้งลุกลามไประดับภาคและครัวเรือน สามีภรรยาเห็นคนละอย่าง จึงจำเป็นต้องเร่งเยียวยา เป้าหมายหลักคือ ต้องสร้างสมานฉันท์ให้ได้ โดยการหาประเด็นให้ได้ว่าจะสมานฉันท์อย่างไร ปฏิรูปอย่างไร สำหรับกรอบการทำงาน 1.จะต้องค้นคว้า รวบรวมหาสาเหตุที่ทำให้เกิดวิกฤต สร้างความสมานฉันท์ 2.รวบรวมประเด็นค้นคว้าและปฏิรูปการเมือง การแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าควรแก้หรือไม่ อย่างไร


จากนั้นที่ประชุมได้พิจารณาถึงกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ซึ่งมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ในฐานะประธานที่ปรึกษาคณะกรรมการกล่าวว่า ต้นเหตุของความขัดแย้งเกิดจากการเมืองข้างถนน ที่มีการไปยุงแยงตะแคงรั่วปลุกระดม และใช้สิทธิเสรีภาพเกินขอบเขต ดังนั้น เป้าหมายของคณะกรรมการชุดนี้จะมีเป้าหมายคือ การนำบ้านเมืองกลับไปสู่ความรักความสามัคคีของบ้านเมือง โดยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ


"เสนาะ"ให้เน้นการปฏิรูปคน


"ผมเห็นว่าระเบียบกฎเกณฑ์ทุกอย่างที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ 18 ฉบับที่ผ่านมา ไม่มีอะไรจะเขียนแล้ว พอใช้ไปได้ระยะเวลาหนึ่งก็ถูกฉีกทิ้งโดยเผด็จการ และมีการตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติเพื่อออกกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งถือเป็นการออกกฎหมายตามใบสั่ง ดังนั้นคณะกรรมการชุดนี้จึงมีความสำคัญอย่างมาก โดยเห็นว่าจะต้องเน้นการปฏิรูปคนให้มากที่สุด โดยเฉพาะคนที่อาสาเข้ามาเป็นข้าราชการประจำและการเมือง เพื่อให้การใช้อำนาจอยู่ในกรอบกติกา สิ่งนี้จะทำให้ทุกอย่างกลับคืนมาเหมือนเดิม" นายเสนาะกล่าว


นายเสนาะกล่าวว่า การทำงานของคณะกรรมการชุดนี้จะต้องเดินหน้าด้วยความรอมชอมกับทุกฝ่ายที่จะต้องถอยหลังคนละก้าว 2 ก้าว โดยเฉพาะฝ่ายการเมือง และข้อเสนอของคณะกรรมการชุดนี้เมื่อเสนอออกไป จะต้องทำให้คนที่มีผลประโยชน์ขัดกันขณะนี้ต้องอ้าปากมาเถียงไม่ได้


"ขุนค้อน"ซัดปฏิวัติคือต้นเหตุ


นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ให้คณะกรรมการถามใจตัวเองว่า เป้าหมายของทุกคนคืออะไร ถ้าทุกคนตอบตรงกันว่า ต้องการที่จะสมานฉันท์จริงหรือไม่ มีวาระแอบแฝงอะไรหรือไม่ ถ้ายังมีวาระไม่บริสุทธิ์แอบแฝงคงเหนื่อยเปล่า ไม่ต่างจากที่ทะเลาะกันข้างถนน คนที่นั่งที่นี้ถ้ามีอยู่ 3 ธง ธงเหลือง ธงแดง และธงน้ำเงิน กลับบ้านดีกว่าอย่ามานั่งคุยกันเลย อยากให้สลายสีและหลอมจิตใจให้เป็นหนึ่งเสียก่อน และมีเป้าหมายหนึ่งเดียวคือ สมานฉันท์เพื่อชาติ


"ต้นเหตุของปัญหาที่ก่อให้เกิดปัญหาตามมาทั้งหมด มีอยู่ข้อเดียวคือ ความไม่เป็นธรรม โดยปัญหาทั้งหมดเริ่มตั้งแต่ก่อนเกิดการรัฐประหาร จนถึงรัฐประหาร จนมีการร่างรัฐธรรมนูญ แต่รัฐธรรมนูญไม่ใช่เป็นต้นเหตุปัญหาเพียงอย่างเดียว แต่รวมไปถึงองค์กรอิสระ และตุลาการภิวัฒน์ด้วย" นายสมศักดิ์กล่าว


ปชป.ชี้"ล้มเหลว"อัปยศที่สุด


นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ความขัดแย้งจริงๆ เกิดขึ้นข้างนอก ดังนั้น ไม่สามารถที่จะละเลยการพูดถึงสีได้ เพราะอย่างน้อยมี 2 ที่มีปัญหาทะเลาะกันข้างนอกคือ สีแดงและสีเหลือง การทำงานของคณะกรรมการชุดนี้ไม่ว่าจะจบเร็วหรือช้า ตนเห็นว่าไม่มีปัญหา แต่จบแล้วจะมีประสิทธิภาพหรือไม่ ถ้าในคณะกรรมการทำงานจบภายใน 45 วัน แล้วเกิดความสมานฉันท์ขึ้น อยากถามว่าคนที่อยู่ข้างนอกจะสมานฉันท์ด้วยหรือไม่ และจะเป็นความล้มเหลวที่อัปยศที่สุด


"สิ่งที่คณะกรรมการจะต้องแสดงความเห็นมีดังนี้ 1.ความเห็นเกี่ยวกับแนวทางการสร้างความสมานฉันท์ 2.ความเห็นเกี่ยวกับประเด็นการปฏิรูปการเมือง 3.การแก้ไขรัฐธรรมนูญ 4.กฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง อาทิ เรื่องยุบพรรคที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ" นายนิพิฏฐ์กล่าว


ด้านนายอนุสรณ์ ธรรมใจ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเสนอให้กรรมการไม่รับเบี้ยประชุม โดยจะนำไปตั้งเป็นเงินกองกลางช่วยเหลือคนเจ็บจากเหตุการณ์การเมืองไม่ว่าจะเป็นสีอะไร หากกรรมการ 40 คน ไม่รับเบี้ยประชุม อย่างน้อยก็จะได้เงิน 40,000 บาทต่อการประชุมหนึ่งครั้ง เพื่อหลอมรวมเสียสละเพื่อบ้านเมือง


กำหนดกรอบเวลาศึกษา45วัน


ต่อมาที่ประชุมได้ใช้เวลาการหารือเรื่องกรอบเวลาการทำงาน และวันเวลาการประชุมนานเกือบ 2 ชั่วโมง โดยที่ประชุมมีความคิดเห็นแตกต่างกันคือ นายเจริญ ภักดีวานิช ส.ว.พัทลุง เสนอว่าระยะเวลาการศึกษา 45 วัน ประชุมสัปดาห์ละ 3 วัน ส่วนนายประเกียรติ นาสิมมา ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย เสนอ 30 วัน ประชุมสัปดาห์ละ 4 วัน ขณะที่นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย เสนอว่า หากคณะกรรมการต้องการรับฟังความเห็นของประชาชน เพื่อประกอบการพิจารณาศึกษาประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ควรที่จะขยายระยะเวลาการศึกษาเป็น 90 วัน สุดท้ายนายดิเรกใช้อำนาจประธานตัดสิน โดยให้กำหนดกรอบเวลาศึกษา 45 วัน ประชุมสัปดาห์ละ 3 วัน คือ อังคาร พุธ พฤหัสบดี โดยช่วงสมัยสภาผู้แทนราษฎร ให้ประชุมตั้งแต่เวลา 09.00 น. และภายหลังปิดสมัยประชุมในวันที่ 21 พฤษภาคม ให้เริ่มประชุมเวลา 13.00 น.


"ป๋าเหนาะ"ตั้งธงช่วย"แม้ว-อ้อ"


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่กำลังมีการอภิปรายเรื่องแนวทางการเปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชน นายเสนาะกล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับการฟังเสียงประชาชนในชั้นนี้ โดยควรทำเมื่อคณะกรรมการได้ข้อสรุปแล้ว


"ตอนนี้ไม่ใช่ว่าจะมาเถียงกันว่า จะเอารัฐธรรมนูญฉบับไหนมาใช้ ควรเอาทุกฉบับที่คิดว่าเป็นปัญหาทั้งปี′ 40 ปี′ 49 หรือ 50 เอาคดีต่างๆ ที่เป็นปัญหา ไม่ว่าคดีที่ดินรัชดาของ พ.ต.ท.ทักษิณ (ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี) และคุณหญิงพจมาน (ดามาพงศ์ อดีตภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ) ที่ไม่ผิดก็ทำให้เป็นผิด รวมทั้งการปฏิวัติ เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 มากองไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็มาดูว่าจะแก้อย่างไร และเขียนนิรโทษกรรมทั้ง 111 และ 109 ในบทเฉพาะกาล เพื่อตัดปัญหาเราก็มาเขียนกันว่า ต่อไปนี้อำนาจที่ปล้นมาแล้วออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้ตัวเอง ไปตั้งอะไรต่อมิอะไรไว้ สภาก็จะยกโทษ จะอภัยให้หมด ผมคิดว่าเป็นทางออกที่จะใช้เป็นธงกัน" นายเสนาะกล่าว

ตั้งอนุกก.ศึกษา3เรื่องหลัก


ต่อมาเวลา 17.00 น. นายดิเรกได้แถลงภายหลังการประชุมว่า ขอฝากให้คณะกรรมการทุกคนกลับไปกำหนดกรอบการทำงานของคณะกรรมการที่จะมีการหยิบยกขึ้นมาหารือในการประชุมครั้งหน้าในวันที่ 12 พฤษภาคมนี้ โดยคณะกรรมการจะทำงานกันอย่างสุดความสามารถและดำเนินการให้แล้วเสร็จในระยะเวลาที่เร็วที่สุด หากประเด็นใดประชาชนจะต้องเข้ามามีส่วนร่วมก็ไม่ขัดข้อง


นายดิเรกกล่าวว่า การประชุมครั้งต่อไปทางคณะกรรมการอาจจะต้องมีการตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาดำเนินการพิจารณาใน 3 เรื่องใหญ่ๆ ไม่ว่าจะเป็นการพิจารณาแนวทางสมานฉันท์ การปฏิรูปการเมือง และการศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความรวดเร็ว เบื้องต้นวางแนวทางไว้ว่าจะตั้งอนุกรรมการคณะละ 18 คน แบ่งกรรมการ 12 คน และคนนอก 6 คน


"อนุสรณ์"แนะตั้งสภาปฏิรูปฯ


นายอนุสรณ์ ธรรมใจ กรรมการสมานฉันท์ฯ สัดส่วนผู้ทรงคุณวุฒิ แถลงจุดยืนก่อนการประชุมคณะกรรมการสมานฉันท์ฯว่า รัฐธรรมนูญ 2550 เป็นผลผลิตของการรัฐประหาร มีจุดดีคือ การควบคุมนักการเมืองเข้มแข็งขึ้น การเมืองภาคประชาชนเข้มแข็งขึ้น แต่มีหลายมาตราที่ทำให้การเมืองระบบเลือกตั้งอ่อนแอ ไร้เสถียรภาพ ระบบพรรคอ่อนแอ เป็นผลร้ายต่อประชาธิปไตย เมื่อปัญหาซับซ้อนจึงต้องปฏิรูปอย่างรอบด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สื่อมวลชน การศึกษา กระบวนการยุติธรรม วัฒนธรรม และส่งเสริมสถาบันของชาติให้เข้มแข็ง


"ควรจัดให้มีการเลือกตั้งสภาปฏิรูปประเทศไทย และสภาร่างรัฐธรรมนูญ ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน เพื่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนฉบับใหม่ โดยอาจกำหนดให้แล้วเสร็จภายใน 6-12 เดือน ซึ่งสภาปฏิรูปประเทศไทยจะศึกษาการปฏิรูประเทศอย่างรอบด้าน รวมถึงประเด็นการคืนความเป็นธรรม หรือนิรโทษกรรม หรืออภัยโทษ และนำเสนอรัฐสภา" นายอนุสรณ์กล่าว


โฆษก"มาร์ค"โต้ข้อหาตี2หน้า


นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์ตีสองหน้าในการแก้ไขรัฐธรรมนูญและไม่มีความจริงใจว่า พรรคทำงานการเมืองไม่มีชั้นเชิงและเล่ห์เหลี่ยม แต่ทำแบบตรงไปตรงมา การที่นายกรัฐมนตรีจุดประเด็นตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ฯและสอบข้อเท็จจริงการสลายม็อบเสื้อแดงเพราะต้องการให้การเมืองเข้าสู่ระบบ อยากให้รัฐสภาแก้ปัญหาของบ้านเมือง โดยให้อิสระในการทำงานไม่ชี้นำ ขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์ยังไม่มีธงในเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ เพราะต้องฟังความเห็นจาก ส.ส.ของพรรคก่อน จึงทำให้เห็นว่ามีความคิดหลากหลาย ซึ่งเชื่อว่าที่สุดแล้ว จะได้ความเห็นที่เป็นเอกภาพ


"เรื่องการตีสองหน้าทางการเมือง ไม่ใช่พรรคประชาธิปัตย์อย่างแน่นอน ผิดกับพรรคการเมืองอื่นที่ไม่สามารถหาความเป็นเอกภาพในพรรคได้ ยังมีการแบ่งเป็นก๊ก เป็นซุ้ม และสลับหน้ากันเล่นประเด็นต่างๆ จนหาผู้รับผิดชอบไม่ได้" นายเทพไทกล่าว


"สุวัจน์"แนะเปิดทางคนนอกนายกฯ


รายงานข่าวจากพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา (รช.) แจ้งว่า นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และหัวหน้า รช. ได้นัดประชุม ส.ส.พรรคในวันที่ 8 พฤษภาคม ที่ จ.นครราชสีมา เพื่อหารือการกำหนดท่าทีและข้อเสนอต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ จะมีการหารือนอกรอบกับนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่เสนอแนวคิด สร้าง "บันไดหนีไฟ" บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งเบื้องต้น แนวคิดนี้ได้รับการสนับสนุนจาก ส.ส.พรรค และจะเป็นประเด็นหนึ่งที่ รช.จะนำเสนอเพื่อให้นักวิชาการ สังคม หรือภาคส่วนต่างๆ ได้ถกเถียงถึงข้อดี ข้อเสีย ก่อนนำไปผลักดันในชั้นต่อไป


"ข้อเสนอบันไดหนีไฟก็คือ การเตรียมทางหนีทีไล่ไว้ เปรียบเสมือนไฟกำลังไหม้ เราจะต้องมีบันไดหนีไฟ นั่นก็คือ กรณีที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งยวด อาจก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อประเทศ จะเปิดทางให้คนนอกเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีได้ด้วย โดยผู้ได้รับการเสนอชื่อต้องได้รับความเห็นชอบจากเสียง 3 ใน 4 ของรัฐสภา ซึ่งทางออกนี้เป็นทางหนึ่งที่น่าจะป้องกันการเปลี่ยนแปลงจากอำนาจนอกระบบได้ด้วย" แหล่งข่าวกล่าว


หนุนประชามติแก้รธน.-นิรโทษ


ด้านนายสุวัจน์ให้สัมภาษณ์ที่บ้านราชวิถีว่า ต้องแยกให้ออกว่าการแก้รัฐธรรมนูญกับการนิรโทษกรรมเป็นคนละเรื่องกัน โดยการนิรโทษกรรมควรฟังความเห็นของคนส่วนใหญ่ว่าต้องการอย่างไร ควรดำเนินการหรือไม่ สำหรับทางออกในการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ดีที่สุดคือ การทำประชามติ เพราะรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมีที่มาต่างจากฉบับอื่น มีการทำประชามติ ดังนั้น หากจะแก้ก็ควรต้องทำประชามติเช่นกันเพื่อทำให้เกิดความชอบธรรม และทุกฝ่ายยอมรับ


"การแก้ไขรัฐธรรมนูญถือเป็นเรื่องใหญ่ เมื่อนายกรัฐมนตรีโยนหินถามทางมาแล้ว ก็ถือเป็นแนวทางที่จะสมานฉันท์ ถ้าเสียงส่วนใหญ่เห็นด้วยก็ต้องมาดูว่าจะแก้ในมาตราไหน วันนี้เราต้องนำ 3 เรื่องมาประกอบ คือ 1.คิดในเชิงนิติศาสตร์ คือยึดหลักกฎหมาย 2.คิดในเชิงรัฐศาสตร์ คือการแก้ไขปัญหาการเมือง 3.คิดในเชิงเศรษฐศาสตร์ คือการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่กำลังรุมเร้าประเทศอยู่ ถ้ายึด 3 กรอบนี้ เชื่อว่าจะลดปัญหาขัดแย้ง ลดการเผชิญหน้าได้" นายสุวัจน์กล่าว


ภท.ชงเลือกตั้งเขตเดียวเบอร์เดียว


รายงานข่าวแจ้งว่า พรรคการเมืองต่างๆ ได้เตรียมประเด็นที่จะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ อาทิ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) เสนอแก้ไขเรื่องระบบเลือกตั้ง โดยให้กลับไปเป็นแบบเขตเดียวเบอร์เดียว มี ส.ส.แบบเขต 400 คน และบัญชีรายชื่อ 100 คน ส่วน ส.ว.มี 200 คน มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด และการเปิดโอกาสให้ ส.ส.ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตามมาตรา 265 ขณะที่องค์กรอิสระนั้นเห็นว่าควรมีการปรับปรุงกระบวนการสรรหาใหม่ ให้มีตัวแทนของพรรคการเมืองร่วมเป็นกรรมการสรรหาด้วย เป็นต้น


ขณะที่พรรคเพื่อไทยเสนอแก้ 8 ประเด็น อาทิ กรณีเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งให้ลงโทษเฉพาะผู้กระทำความผิด ระบบเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว. เสนอแบบเดียวกับพรรคภูมิใจไทย แก้ไขให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทำหน้าที่แค่ควบคุม กำกับดูแลการเลือกตั้ง และประกาศผลการเลือกตั้ง รวมถึงสืบสวนสอบสวนส่งสำนวนไปศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง ส่วนอำนาจให้ใบเหลืองใบแดงให้เป็นอำนาจของศาล และให้องค์กรอิสระทุกองค์กรมีวาระดำรงตำแหน่ง 6 ปี และทำหน้าที่ต่อได้ 180 วัน หลังประกาศใช้รัฐธรรมนูญ เป็นต้น


"ชัย"หนุนหยุดทำร้ายประเทศ


ด้านพรรคชาติไทยพัฒนา มี 7 ประเด็น อาทิ แก้ไขให้มีการเลือกตั้งแบบเขตเดียวเบอร์เดียว 400 เขต และกรณีที่มาของ ส.ว. 200 คน เหมือนพรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทย แก้ไขให้ ส.ส.ที่เป็นรัฐมนตรีสามารถออกเสียงในเรื่องที่เป็นผลประโยชน์ส่วนรวมโดยทั่วไปได้ และตัดวรรคสองของ ม.237 ออก เพื่อให้เป็นความผิดเฉพาะผู้กระทำผิดและผู้มีส่วนรู้เห็นเท่านั้น รวมทั้งแก้ไข มาตรา 265 และ 266 ให้ ส.ส.ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้


นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวกับตัวแทนสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ในฐานะเครือข่ายร่วมรณรงค์หยุดทำร้ายประเทศไทย หยุดใช้ความรุนแรง เข้ามอบตัวเสื้อรณรงค์หยุดทำร้ายประเทศไทยฯ ว่าสภาผู้แทนราษฎรจะสนับสนุนการรณรงค์ และจะเชิญให้กรรมการสมาคมนักข่าวฯ มาร่วมประชุมกับคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ ทั้งนี้ เชื่อว่าคณะกรรมการ 2 ชุดที่รัฐสภาแต่งตั้งจะช่วยแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในบ้านเมืองได้ ส่วนที่มีความเห็นแตกต่างนั้นก็ขอให้ฟังเสียงส่วนใหญ่ว่าจะเอาอย่างไร


ป.ป.ช.ตั้งอนุฯสอบนายกฯ-5รมต.


ผู้สื่อข่าวรายงาน ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้มีมติตั้งอนุกรรมการไต่สวน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี 5 คน ประกอบด้วย นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ที่ถูกพรรคเพื่อไทยอภิปรายไม่ไว้วางใจ ระหว่างวันที่ 19-20 มีนาคมที่ผ่านมา ตามที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยจำนวน 158 คน เข้าชื่อยื่นถอดถอนตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 271 โดยให้นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการป.ป.ช. และนายใจเด็ด พรใชยา กรรมการ ป.ป.ช.เป็นผู้รับผิดชอบสำนวน