ก็เป็นอันว่าเรื่องทั้งหมดม้วนตัวเข้าใส่คนเดียวพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลินเรื่องราวร้อนๆ อันว่าด้วยกรณีที่ “ประดาบ” คอลัมนิสต์แห่ง“เว็บไฮ-ทักษิณ” ที่ได้เขียนบทความออกมาแผยแพร่เมื่อวันที่10 ม.ค.51 แฉสัมพันธ์ลึกพร้อมแฉเอกสารราชการ ที่ “ลอยเลื่อน บุนนาค” รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี มีไปถึง “ประธานศาลฎีกา” ขอตัว น.ส.กอนณาสัตยธรรม ผู้พิพากษาประจำศาลจังหวัดพระโขนง กทม. ลูกสาวคนเดียวของ “สดศรี สัตยธรรม” 1 ใน 5 กกต.ผู้โด่งดังที่สุด มาช่วยราชการประจำหน้าห้อง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรีบนตึกบัญชาการทำเนียบรัฐบาลก็ได้เป็นเรื่องจริงทั้งหมด“เจ๊สด” ได้ให้สัมภาษณ์นักข่าวสายประจำ กกต.เมื่อวันที่10 ม.ค.51 เฉลยปมต่างๆ อย่างละเอียดว่า ลูกสาวไม่ได้ไปประจำหน้าห้องของ พล.อ.สนธิ ตามที่ขอมา พร้อมขู่จะฟ้อง “ประดาบ”หากเป็นเอกสารเท็จ ตามที่ “บางกอกทูเดย์” ได้นำคำสัมภาษณ์ลงทุกตัวอักษรอย่างไม่มีการตัดทอนในฉบับวานนี้พอสว่างวันที่ 11 ม.ค.เรื่องราวกระจ่างอีกมาก“ลอยเลื่อนบุนนาค” คนเซ็นหนังสือยอมรับกับนักข่าวว่า
เป็น “เอกสารจริง” แต่หลังจากนั้นไม่กี่วัน ก็ได้เซ็นหนังสือฉบับใหม่ส่งไปที่ศาลฎีกาอีก “ขอยกเลิก” ฉบับขอยืมตัว เป็นการขอยกเลิกก่อนที่จะมีผลในขณที่ “สราวุธ เบญจกุล” รองเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ให้สัมภาษณ์นักข่าวเมื่อตอนบ่ายวันที่ 11 ม.ค.ว่า“เมื่อปี 2550 ได้มีหนังสือขอยืมตัว น.ส.กอนณา ไปช่วยงานจริง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.2550 เป็นต้นไป แต่ยังไม่ทันที่จะนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการตุลาการ (กต.) ว่า จะอนุญาตหรือไม่ปรากฏว่า ได้มีหนังสือจากสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ขอให้ระงับการยืมตัวดังกล่าว และวันที่ 8 พ.ย.2550 มีหนังสือมาอีกครั้งเพื่อขอถอนเรื่องดังกล่าวคืน
โดยที่ยังไม่ได้นำเข้าพิจารณา และไม่ได้ให้เหตุผลอะไรในการขอยืมตัวและการถอนเรื่อง ที่ผ่านมาเคยมีการยืมตัวผู้พิพากษาไปช่วยงานราชการฝ่ายบริหารโดยสมัยที่นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ อดีตประธานศาลฎีกา มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ก็เคยมีการขอตัวผู้พิพากษามาช่วยงาน แต่คณะกรรมการตุลาการไม่อนุญาต เพราะผู้พิพากษามีหน้าที่พิจารณาคดี และเห็นว่าหากไปช่วยงานฝ่ายบริหารเกรงว่าจะขาดอิสระในการพิจารณาคดี”เรื่องทั้งหมดหมายความว่า ไม่ใช่เอกสารเท็จดังที่ “สดศรี สัตยธรรม” สงสัย และฮึ่มๆจะเล่นงานผู้มีนามปากกาว่า “ประดาบ”
เช้าตรู่ 11 ม.ค.51 “สดศรี สัตยธรรม” ให้สัมภาษณ์อีกรอบในรายการ “สยามเช้านี้” ทางช่อง 3 ความโดยสรุปว่า“พี่ไม่รู้ว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะไม่ได้มีการทาบทามอะไร ลูกสาวก็ยังทำงานอยู่ที่ศาลจังหวัดพระโขนงกทม. และศาลคงไม่มีทางที่จะให้ไปช่วยงาน เพราะระบบงานของศาลจะไม่ให้ยุ่งกับงานการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น แม้แต่จะเขียนบทความต้องขออนุญาต จึงคิดว่าสิ่งนี้ เป็นการดิสเครดิตพี่ในฐานะ กกต. ไม่มีเหตุผลอะไรที่ลูกสาวซึ่งเป็นผู้พิพากษาจะไปทำงานเป็นเสมียนหน้าห้องของใคร โดยเฉพาะ พล.อ.สนธิอยู่ในตำแหน่งนี้อีกไม่นาน ลองถามคนดูได้ว่า จะเป็นผู้พิพากษาหรือจะเป็นเสมียนหน้าห้อง ก็ต้องมีคนเลือกว่า ต้องเป็นผู้พิพากษาพี่ได้สอบถามลูกสาวในเรื่องนี้แล้วได้รับคำตอบว่า หากมีหนังสือมาก็จะไม่ไป และไม่รู้เรื่องด้วย ทางศาลเองก็ไม่รับรู้หากทำหนังสือขอไปศาลก็จะไม่ให้ตัวแน่นอน เพราะจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองหรือฝ่ายบริหารเลย แต่ถ้าให้ไปเป็นรองนายกรัฐมนตรีอีกตำแหน่ง คงจะไม่ขัดข้อง พี่ยืนยันว่าไม่รับรู้เรื่องหนังสือขอตัว อยากถาม พล.อ.สนธิ เหมือนกันว่าขอไปทำอะไรโดยเฉพาะลูกสาวของพี่ยังไม่ได้แต่งงาน
การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับบุคคลที่เป็นตำแหน่งใหญ่โต และพยายามโยงแม่เข้าไปเกี่ยวข้อง ไม่ใช่เรื่องดี พี่เคยบอกกับลูกสาวแล้วว่า อย่าเข้าไปเกี่ยวข้องอะไรทั้งสิ้น”“ในช่วงที่ผ่านมา การทำงานของ กกต. ร่วมกับ ครส.ที่มี พล.อ.สนธิ เป็นประธาน พี่ก็ไม่เคยขอให้มาช่วยงานกกต. เนื่องจากต้องระมัดระวังไม่ให้มองภาพลักษณ์ของ กกต. ว่า ไปร่วมกันสกัดกั้นพรรคการเมืองใด”“ขอให้ผู้ดำเนินการเว็บไซต์นี้เปิดเผยตัวออกมา อย่าแอบใช้นามปากกา พี่ชอบความจริงมาพูดกัน ว่าเพราะอะไรจึงด่าพี่อยู่เรื่อยๆ การทำอย่างนี้หากเป็นผู้ชายก็ไม่ใช่ลูกผู้ชาย หากเป็นผู้หญิง ก็ไม่ใช่ผู้หญิงดี แอบกัดคนลับหลังเพื่อจุดประสงค์ทางการเมือง ผู้ดูแลเว็บไซต์นี้ คือกระทรวงไอซีที ควรพิจารณาด้วยว่า เหตุใดเว็บไซต์นี้ กระทำการเช่นนี้ได้ตลอดเวลา โดยไม่มีการถูกสั่งปิด”จากคำพูดทั้งหมด “เจ๊สด” ท่าทีเดิมขณะที่ “นายธานีรัตน์ ศิริปะชะนะ” ผู้ตรวจราชการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร บอกนักข่าวว่าขณะนี้กระทรวงยังไม่ได้รับเรื่องการร้องเรียน
ซึ่งต้องรอการประสานจากทางตำรวจ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ที่มีโทษทางอาญา และโทษการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550และ “ยังแสบตามปกติ” ก็คือผู้ใช้นามปากกาว่า“ประดาบ” เช้า 11 ม.ค. เขาได้เขียนบทความเรื่องนี้ลงเว็บไฮ-ทักษิณอีกครั้ง สรุปว่าขอให้ “สดศรี สัตยธรรม”ใจเย็นๆ แล้วสติจะมาปัญญาจะเกิด โดยแก้ตัวว่า ทั้งหมดที่เขียนไปไม่ได้ทำลาย สดศรีกับลูกสาว“ประดาบ” โยนทุกสิ่งทุกอย่างเข้าใส่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน โดยให้เหตุผลว่า เพราะข้อความในหนังสือระบุว่าขอยืมตัว “กอนณา สัตยธรรม” มาช่วยงานที่หน้าห้องของ พล.อ.สนธิ “ประดาบ” ระบุด้วยว่า พล.อ.สนธิ ไม่ได้สั่งให้ขอยืมตัวลูกสาวสดศรีมาช่วยงานหน้าห้อง แต่มี “เจ้าหน้าที่ทีมงานหน้าห้อง” ของพล.อ.สนธิ เป็นคนไปประสานขอให้ “ลอยเลื่อนบุนนาค” ทำหนังสือที่ว่าไปถึงประธานศาลฎีกา และทำหนังสือไปขอยกเลิกดังนี้ เรา “บางกอกทูเดย์” จึงมีความเห็นว่า เมื่อความจริงเดินหน้ามาถึงตรงนี้แล้ว คนที่จะตอบคำถามได้ดีที่สุดก็คือพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้นพล.อ.สนธิ หายไปไหนพล.อ.สนธิ จะหนีไปไหนพล.อ.สนธิ จะหนีทำไมนักข่าวของเรา และนักข่าวของสื่อทุกสำนัก ที่ประจำอยู่ทำเนียบรัฐบาล เฝ้ารอการเข้ามาทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลของ พล.อ.สนธิ ด้วยใจจดจ่อตลอดวันศุกร์ที่ 11 ม.ค.51เพื่อจะถามว่าขอยืมตัวลูกสาวสดศรีมาเพื่ออะไรคิดอะไรอยู่รึแต่ พล.อ.สนธิ ไม่มา
เพื่อไทย
Saturday, January 12, 2008
จะหนีไปไหน
"สมัคร-เฉลิม"ยกโขยงขอพร"พ่อคูณ"
วันนี้ (11 ม.ค.) เมื่อเวลา 15.30 น. นายสมัคร สุนทรเวชา หัวหน้าพรรคพลังประชาชน และแกนนำพรรคได้เข้านมัสการหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ที่วัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา นายสมัครและร.ต.อ.เฉลิม ได้เข้าไปในกุฏิของหลวงพ่อคูณ ขณะที่กำลังจำวัด โดยนายสมัคร ได้เข้าไปสนทนาถึงข้างเตียงใช้เวลา 20 นาที
คนใกล้ชิดนายสมัครเปิดเผยว่า หลวงพ่อคูณได้อวยพร ให้นายสมัคร ได้เป็นนายกรัฐมนตรี จากนั้นนายสมัคร และร.ต.อ.เฉลิม ได้ประคองให้หลวงพ่อคูณออกมานอกห้อง ท่ามกลางศิษย์ยานุศิษย์ โดยนายสมัคร ได้โชว์เหรียญทองคำรูปเหมือนของหลวงพ่อคูณ
ร.ต.อ.เฉลิมเปิดเผยว่า เหรียญนี้เป็นเหรียญที่ได้มาจากหลวงพ่อคูณกว่า 10 ปีแล้ว หลวงพ่อคูณและตนได้ไปงัดมาจากตู้เซฟ ซึ่งท่านได้นำเหรียญออกมา 2 องค์ให้ตนองค์หนึ่งและฝากให้นายสมัคร หนึ่งองค์ จากนั้นนายสมัครได้นำเหรียญดังกล่าวให้หลวสงพ่อคูณปลุกเสกให้ ซึ่งหลวงพ่อคูณก็บอกว่า “ดีแล้ว”อย่างไรก็ตามหลังจากนายสมัครกลับจากวัด ยังมีกลุ่มลูกศิษย์ได้ขอให้หลวงพ่อคูณอวยพรให้นายสมัครได้เป็นนายกฯ ซึ่งหลวงพ่อคูณได้บอกว่า “กูไม่รู้” แต่ลูกศิษย์ได้ขอให้หลวงพ่อคูณได้อวยพรอีกครั้ง หลวงพ่อคูณบอกว่า “ไปแล้ว ได้เป็นแล้ว”
จากนั้นนายสมัคร ได้เดินทางต่อมาแวะพบปะแม่ค้าที่ตลาด อ.เทศบาล อ.ด่านขุนทด กล่าวว่า เมื่อกี้ได้ไปพบหลวงพ่อคูณมา ต้องให้หลวงพ่อเป่ากระหม่อมให้ ซึ่งหลวงพ่อคูณก็ถามตนว่าสมัคร เอ็งจะมาทำอะไร ตนก็ตอบไปว่า “ผมมารับสามารถเป็นนักการเมืองระดับหัวแถว เมื่อเขาเลือกก็จะทำหน้าที่บริหารบ้านเมือง หลวงพ่อคูณถามต่อว่า เอ็งจะทำอย่างไร ตนก็บอกไปว่านักการเมืองที่หลวงพ่อชอบ ชื่อทักษิณ เขาทำดี 5 ปีติดต่อกันมาแต่มีคนมาล้มเขา 15 เดือน ซึ่งตนจะทำให้ 15 เดือนให้กลับมา งานตรงนี้ไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยาก และผมก็บอกหลวงพ่อว่า 15 เดือนที่ผ่านมาบ้านเมืองเสียหาย และประเทศในยุโรปเขาไม่คบไม่ค้าขายกับเรา เมื่อมีการเลือกตั้งมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งก็คงค่อยยังชั่วขึ้นแล้ว ประเทศเหล่านี้ก็จะหันมาค้าขายกับเรา
นายสมัคร กล่าวต่อว่า กว่าจะมีวันนี้ได้มันยากเย็นแสนเข็ญ เพราะเขาต้องการฆ่าให้ตายขายให้ขาด สุดท้ายมาเป็นพรรคพลังประชาชน ก็มีคนคิดว่าที่พรรคพลังประชาชนได้คะแนนเสียงมาเป็นอันดับ 1 เพราะมาจากการทุจริตการเลือกตั้ง แต่พรรคไม่เคยคิดทำทุตริต แต่มีคนจะสอยเราหาว่าเราทำสกปรก และตอนนี้เรายึดหัวหาดเรียบร้อยแล้วกำลังตั้งรัฐบาล จะรวมกี่พรรคก็แล้วแต่ แต่ตอนนี้ตั้งรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว เรามีหน้าที่กอบกู้สถานการณ์บ้านเมือง แม้วันนี้ขั้นตอนกลวิธีต่างๆยังไม่เสร็จสิ้นแต่เราก็ไม่รีบร้อนเพราะต้องการทำทุกอย่างให้ถูกต้อง เขาให้เลือกตั้งใหม่ก็เลือกตั้งใหม่ ส่วนตนก็พร้อมที่จะรับผิดชอบบริหารบ้านเมือง มีประสบการณ์แน่ใจว่าจะทำงานให้บ้านเมืองได้
ผบ.ทบ.พร้อมคุย "พจมาน" เพื่อสมานฉันท์
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก และ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะมนตรีความทั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เปิดเผยว่าพร้อมพูดคุยกับ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตรัฐมนตรี ในแง่สังคมเพื่อความสมานฉันท์ แต่ส่วนที่นอกเหนือจากนั้น ต้องเป็นไปตามกฎหมายและต่อสู้กันตามหลักฐาน เพื่อให้ประเทศชาติมีหนทางไปในทางที่ดีขึ้น พร้อมเห็นด้วยกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ จะกลับก่อนกำหนด เพื่อเข้ามาสะสางปัญหาต่างๆ แต่เบื้องต้นยังไม่ได้รับการติดต่อมาแต่อย่างใด
กกต.ยังมึน [12 ม.ค. 51 - 19:08]
องค์การอนามัยโลกแถลงที่กรุงเจนีวาเมื่อวันก่อน อ้างข้อมูลจาก รัฐบาลอิรัก ปรากฏว่ามี พลเรือนที่เสียชีวิตจากความรุนแรงในอิรัก ตั้งแต่เริ่มสงครามอิรักเมื่อปี 2546 จนถึงปีที่แล้ว จำนวนประมาณ 151,000 คน เฉลี่ยวันละ 115-128 คน
เป็นผลพวงของสงครามก่อการร้าย
เป็นสงครามที่ล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ โดยเกิดจากน้ำมือของมนุษย์พวกเดียวกันเอง มองเขามองเรา การเสียดสีระหว่างสองขั้วการเมือง จะนำไปสู่จุดที่เรียกว่าสงครามกลางเมืองหรือไม่ เป็นเรื่องที่น่าคิด
ผมมาจับเอาประเด็นข่าวการแจกใบแดงใบเหลืองของ กกต. ที่ผมอยากจะทักท้วงตั้งแต่วันแรก ว่า การตั้งข้อหาแจกใบแดง ใบเหลือง ส.ส. ระบบสัดส่วน เป็นเรื่องที่พิกลอยู่ เพราะโดยปกติแล้วเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญก็คือเปิดช่อง ให้ประชาชนได้มีโอกาสเลือกพรรคการเมืองที่ชอบ ส่วนตัวบุคคลจะไปตกที่ใครจากลำดับ 1-10 ในแต่ละกลุ่มจังหวัดที่มีทั้งสิ้นจำนวน 8 กลุ่มจังหวัดก็เป็นอีกเรื่อง
ดังนั้น จึงเป็นเรื่องแปลกที่ กกต.จะแจกใบแดงใบเหลืองให้กับ ส.ส.ระบบสัดส่วน และกลายเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่ กกต.ยังมึนตึ้บ ว่าจะหาทางลงกันอย่างไร
ด้วยปัญหาที่ว่าถ้าแจกใบแดงให้ ส.ส.ระบบสัดส่วนคนใด คนหนึ่งไปแล้ว คนที่เหลือจะทำอย่างไร จะเลื่อนลำดับหรือกฎหมายก็ไม่เปิดช่องไว้ให้ คะแนนจะแยกหรือตัดออกไปเป็นเฉพาะตัวบุคคลก็ดูกระไรอยู่ แล้วถ้าเป็นอย่างนั้น ส.ส.คนอื่นๆของพรรคก็ต้องถูกตัดสิทธิไปด้วยหรือไม่ ถ้าถูกตัดสิทธิก็ไม่เป็นธรรม
จะตัดสิทธิแต่คน ไม่ตัดสิทธิพรรคก็ดูทะแม่ง
แล้วที่ประกาศรับรองผลไปแล้วจะทำอย่างไร หรือต้องเพิกถอนสิทธิกันอีกที จะเอาเหตุผลอะไรมาอ้าง เอาแค่นี้ก็งงแล้วกรณีใบแดง เมื่อต้องตัดสิทธิบุคคลนั้นออกไป พรรคก็ถูกตัดสิทธิไปด้วย เหลือคนที่ได้รับรองสิทธิไปแล้วจะกระอักกระอ่วนดูลูกครึ่งพิกลอยู่
และมาถึงกรณีการเลือกตั้ง กฎหมายเปิดช่องให้เลือกตั้งซ่อมหรือเลือกตั้งใหม่ ส.ส.ระบบสัดส่วนไว้หรือไม่ ถ้าเป็นใบแดง ทั้งพรรคทั้งคนถูกตัดสิทธิ จะให้พรรคการเมืองที่เหลือไปลงสมัครแข่งขันกันอย่างไร จะเลือกตั้งเฉพาะสัดส่วนในกลุ่มจังหวัดเท่านั้น แล้วจะมาเฉลี่ยคะแนนกันใหม่ด้วยวิธีไหน
ยิ่งถ้าเป็นใบเหลืองคงดูตลกพิกล ให้ผู้สมัครที่โดนใบเหลืองลงเลือกตั้งซ่อมใหม่ จะไปลงแข่งกับใคร อันนี้ก็เป็นปัญหา หรือจะต้องมาว่ากันใหม่ทั้งพวง ทั้งสองกรณี
คงเมื่อยตุ้มดีพิลึก
ผมดูจากข่าวมาตรา 110 พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว.ไม่ได้ระบุว่า ส.ส.ระบบสัดส่วนจะมีการเลือกตั้งใหม่ได้ และกฎหมายก็ไม่เปิดโอกาสให้มีการเลื่อนลำดับ ส.ส.ขึ้นมาแทน ทั้งนี้ กกต.ทำท่าว่าจะหาทางออกโดยอนุโลมว่าคะแนนที่ได้มาเป็นบัตรเสีย สุดท้ายต้องแดงกันทั้งเขตอยู่ดี
กกต.จะตอบคำถามเรื่องของความโปร่งใสได้หรือไม่.
“หมัดเหล็ก”
คอลัมน์ คาบลูกคาบดอก
พรรคผู้ชนะ [12 ม.ค. 51 - 19:25]
มีคนถาม เมื่อหนังตะลุงสมัยนี้ ไม่มี “ออกลิงหัวค่ำ” แล้ว จะเอาเจ้าลิงขาวลิงดำ ที่เคยรุ่งเรืองเฟืองฟู ไปไว้เสียที่ไหน?
ผมยกแก้วน้ำข้างตัวเขามาไว้ใกล้ตัวเอง แล้วก็บอกว่า เห็นไหม ผมหยิบแก้วน้ำง่ายขึ้น ในขณะที่คุณหยิบได้ยากขึ้น
เหมือนคนบางคน ใช้ประโยชน์ได้มากมายในเวทีหาเสียงเลือกตั้ง แต่เมื่อถึงเวทีรัฐบาล คนคนนั้นไม่เพียงใช้ประโยชน์ไม่ได้ ยังเป็นตัวถ่วงทำลาย ก็ต้องถูกกำจัดไปให้พ้นทาง
หลวงพ่อชุมพล พลปัญโญ เขียนไว้ในพุดตานกถา บทที่ 71 ว่า
คนฉลาดบางคน ฉลาดมากจนแสดงตนเหมือนโง่เขลา คนดีบางคน ทำแต่ปิดทองหลังพระ ปรากฏแก่สายตาเหมือนคนโง่ คนดีบางคนปรากฏแก่สายตาเหมือนคนเลว
มองด้วยตาลึกได้หนึ่งเมตร สัมผัสด้วยใจ ลึกได้ร้อยวา ของบางอย่างอย่าเพียงเชื่อสายตา ต้องใช้ใจสัมผัส
รีบด่วนสรุปกับทุกเรื่องคือเด็กๆ
ผู้ผ่านโลกวางจิตไว้กลางๆ ไม่ตัดสินไปข้างใดข้างหนึ่ง ความเชื่อสุดโต่งข้างเดียว จะนำความผิดพลาดมาให้ อย่าลงความเห็นว่าอะไรแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ ของที่พิสูจน์แล้ว ยังเปลี่ยนแปลงได้
นับประสาอะไรกับของที่เพิ่งประสบพบเห็น.....
การเมืองที่เราเห็นกันในวันนี้ ก่อนเลือกตั้งดูเหมือนจะสู้กันอยู่แค่สองพรรค พรรคพลังประชาชน และพรรคประชาธิปัตย์
พรรคพลังประชาชน ถูกโจมตีว่าเป็นตัวนอมินีคุณทักษิณ ชินวัตร ผู้ที่ถูกทหารปฏิวัติ ระเห็จออกนอกประเทศ พรรคประชา-ธิปัตย์ ถูกโจมตีว่า เป็นใจให้เผด็จการทหาร
คุณอภิสิทธิ์หยั่งเชิงคุณสมัครว่า ยาหมดอายุ คุณสมัครก็โต้กลับว่า คุณอภิสิทธิ์แค่มะม่วงจำบ่ม
ไส้สองฝ่าย ใครมีอยู่กี่ขดๆ ก็ถูกลากออกมาประจานกันไป ชาวบ้านไม่เคยรู้ ก็ได้รู้
เมื่อผลการเลือกตั้งออกมา คะแนนดูเหมือนว่าสองฝ่ายชนะ พลังประชาชนมี ส.ส.มากกว่าประชาธิปัตย์ ว่ากันตามกติกา พลังประชาชนก็ต้องเป็นรัฐบาล
คุณสมัคร หัวหน้าพรรค ก็ต้องเป็นนายกฯ
ส่วนคุณเฉลิมจะได้นั่งว่าการมหาดไทยหรือไม่ ก็คงจะพอคุยกันได้ ถ้าพรรคร่วมรัฐบาลไม่ชิงเก้าอี้นี้ไปเสียก่อน
พูดถึงพรรคร่วมรัฐบาล ผมว่าพรรคพวกนี้แหละ เป็นผู้ชนะเด็ดขาดในการเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่ว่าหวยจะออกพรรคไหน ก็ได้ร่วมรัฐบาล
ประเด็นจี้หัวใจคุณประชัย หัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย ...หาเสียงด้วยการด่ารัฐบาลทักษิณ คุยนักหนาว่าเป็นแกนนำล้มรัฐบาลทักษิณ
คุณเสนาะ พรรคประชาราช...ก็ตัดเป็นตัดตาย ชนิดผีไม่เผาเงาไม่เหยียบกับคุณทักษิณ
คุณบรรหาร ก็เพิ่งชูธงความจงรักภักดี จี้ใจดำใคร? บางคน...แสดงท่าทีจู๋จี๋กับประชาธิปัตย์ตลอดเวลาที่หาเสียง
ดูใบหน้าราศีของสามพรรคนี้ ราศีคุณทักษิณที่อับเฉาหมองเศร้ามานาน สดใสยองใยขึ้นทันตา
ถึงเวลาจะกลับ ก็ต้องกลับบ้านครับ งานกู้บ้านเมือง จะเป็นงานหนักตรงหน้า แต่งานที่หนักมากกว่า ก็คืองานบริหารพรรคร่วมรัฐบาล ที่มากันแบบ... ไม่มีสัจจะในหมู่โจร.
"กิเลน ประลองเชิง"
คอลัมน์ ชักธงรบ
ดิ้นมากระวังเสียค่าโง่ [12 ม.ค. 51 - 03:01]
ดีกรีเผชิญหน้าลดโทนลงวูบวาบเลย
ภายหลังจากที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เลื่อนการลงมติในการพิจารณาสำนวนคำร้องทุจริตเลือกตั้งของนายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ออกไป พร้อมทั้งได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนขึ้นใหม่ ซึ่งมีนายสุวิทย์ ธีรพงษ์ อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเป็นประธาน
กลับไปเริ่มต้นนับหนึ่ง
โดยที่นายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ยืนยัน เป็นไปตามที่นายยงยุทธร้องขอให้เปลี่ยนชุดสอบสวน เนื่องจากเห็นว่าทีมงานตำรวจสันติบาลไม่มีความเป็นกลาง
จึงต้องทำเพื่อความเป็นธรรม
ขณะที่นางสดศรี สัตยธรรม กกต.สำทับเพิ่มเติมว่า กกต.จะลงพื้นที่จังหวัดเชียงรายเพื่อเริ่มต้นทบทวนการสอบพยานใหม่ทั้งหมด
อันเป็นการเปิดโอกาสให้ทั้งสองฝ่ายได้สู้กันอย่างเต็มที่ พร้อมกันนี้จะเปิดโอกาสให้นายยงยุทธได้ดูวีซีดีของตำรวจสันติบาลตามที่ร้องขอ
และหากการสืบสวนของคณะอนุกรรมการดังกล่าวเสร็จไม่ทันวันที่ 15 มกราคมนี้ กกต.จะประกาศรับรองผลการเลือกตั้งของนายยงยุทธไปก่อน และภายหลังหากมีข้อสรุปที่แน่ชัดว่า มีการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งจริง จึงจะให้ใบเหลืองใบแดง
อย่างน้อยก็เป็นการเปิดช่องหายใจ
ระบายแรงกดดัน
เบื้องต้นก็แสดงให้เห็นว่า กกต.ไม่ได้กระเหี้ยนกระหือรือจะเชือดใครตามใบสั่ง
ทุกอย่างเป็นไปตามสำนวน ไม่เข้าใครออกใคร
ไม่อย่างนั้น ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.ระบบสัดส่วนพรรคพลังประชาชน คงไม่นำคณะเข้ามอบช่อดอกไม้ให้ 5 เสือ กกต. แสดงความขอบคุณที่มีการเปลี่ยนตัว พล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอัมพันธ์กุล รองผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล ที่ถูกระบุว่ามีความใกล้ชิดกับแกนนำพันธมิตรม็อบไล่อดีตนายกฯทักษิณ ออกจากทีมสอบสวนคดีของนายยงยุทธ
กกต.ทำทุกอย่างเพื่อประคองความเป็นกลาง
ฉะนั้น ผลสุดท้ายกรณีของนายยงยุทธจะออกมามุมไหน น่าจะยอมรับได้ระดับหนึ่ง
ถึงตรงนี้ต้องยกให้ กกต.ทรงตัวได้ดี
แต่ในทางตรงกันข้ามกับพวกที่กำลังออกอาการเป๋ เหมือนจะพาลเกเร
ดูมุมไหนก็ไม่เข้าท่ากับคิวที่ 7 ผู้สมัคร ส.ส.อุดรธานี พรรคพลังประชาชน ได้เกณฑ์ประชาชนผู้สนับสนุนนับพันคน บุกประท้วง กกต.แจกใบเหลือง
ประกาศปักหลักกินนอนอยู่ที่ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี
แสดงเจตจำนงไม่ได้กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง โดยได้ทำกรงขังตัวเองบนรถบรรทุก 6 ล้อ พร้อมแสดงการปิดหูปิดตา โดยขอให้ประชาชนเป็นผู้ปลดปล่อยตนเองออกมา
เฮี้ยวเกินเหตุไปหรือเปล่า
ทั้งๆที่ว่าไปแล้ว แค่ได้ใบเหลืองยังมีสิทธิลงสนามแก้ตัว
โดยเฉพาะในภาคอีสานกับภาคเหนือ ถ้ามั่นใจในกระแส “พลังประชาชนฟีเวอร์” เลือกเมื่อไหร่ก็ได้กลับมาอยู่แล้ว
ไม่เห็นต้องออกอาการฮึดฮัด จุดกระแสหมั่นไส้
เผลอพลาดพลั้งไปติดบ่วงข้อหาครอบจักรวาล เข้าข่ายกล่าวหาใส่ร้าย ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดในการลงคะแนน จากเหลืองจะพลิกเป็นใบแดง
เสียค่าโง่โดยไม่จำเป็น
และพูดถึงคิวเสียค่าโง่โดยไม่จำเป็น มันก็น่าเอะใจกับอาการล่าสุดที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อ้อนวอนให้ นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.บุรีรัมย์ ลูกพรรคประชาธิปัตย์
ถอนฟ้องคดีเลือกตั้งล่วงหน้าโมฆะ
อ้างว่า เพื่อให้ประชาชนเกิดความสบายใจว่า พรรคประชาธิปัตย์
ไม่ได้มีจุดยืนให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโมฆะ และไม่เกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาที่พรรคพลังประชาชนเป็นนอมินี
แต่มันน่าจะมีอะไรที่ลึกไปกว่านั้น
ที่แน่ๆเลยกับชัยชนะแบบเหนือการคาดหมายในสนาม กทม.ที่สวนทางกับเอกซิทโพล สะท้อนว่าคะแนนที่พลิกล็อกของพรรคประชาธิปัตย์ มาจากคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้า
แล้วถ้าเกิดเป็นโมฆะ ต้องล้มกระดานกันใหม่
ใครล่ะที่จะเข้าเนื้อ.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน
ข่าวการเมือง (วิเคราะห์)
ยงยุทธ ยันไม่ได้รับการติดต่อให้เข้าดูวีซีดี
สำนักงาน กกต. 11 ม.ค.-นายยงยุทธ ติยะไพรัช ยื่นหนังสือชี้แจงถึงคณะกรรมการสอบสวนของ กกต. เพื่อยืนยันไม่ได้รับการติดต่อให้เข้าดูวีซีดี
เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา นายยงยุทธ ติยะไพรัช ว่าที่ ส.ส.สัดส่วนกลุ่ม 1 พรรคพลังประชาชน ได้เดินทางไปที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อจะขอเข้าพบ กกต. และนายสุวิทย์ ธีรพงษ์ ประธานคณะกรรมการสอบสวนกรณีคำร้องคัดค้านผลการเลือกตั้งของนายยงยุทธ แต่ปรากฏว่าไม่มีใครอยู่ เพราะเดินทางกลับไปหมดแล้ว เนื่องจากเลยเวลาที่นัดหมายไว้เมื่อช่วง 14.00 น. นายยงยุทธ จึงได้ยื่นหนังสือต่อเจ้าหน้าที่เพื่อยืนยันว่า ในช่วงตลอดวันนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อจากผู้ใดให้เข้าชี้แจง และดูวีซีดีที่ทางตำรวจสันติบาลอ้างว่าเป็นหลักฐานการทุจริตเลือกตั้งของตน นอกจากนี้ ยังได้ให้หมายเลขโทรศัพท์ และสถานที่ที่สามารถติดต่อได้ตลอดเวลา หากคณะกรรมการสอบสวนฯ ต้องการติดต่อให้มาชี้แจงอีกครั้ง
ขณะเดียวกันที่บริเวณชั้น 1 ของอาคารศรีจุลทรัพย์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงาน กกต. นางนันทนา สงฆ์ประชา ว่าที่ ส.ส. พรรคชาติไทย จ.ชัยนาท ที่ กกต.ได้ให้ใบแดง ซึ่งได้เดินทางมาร้องขอความเป็นธรรมตั้งแต่ช่วงกลางวัน ได้นำมุ้งมากางเพื่อต้องการจะนอนประท้วง กกต.จนกว่าจะได้รับความเป็นธรรม.-สำนักข่าวไทย
เอพีตีข่าว‘ทักษิณ'เดินทางออกจากฮ่องกงกลับอังกฤษแล้ว!
ทั้งนี้ เอพีรายงานด้วยว่า พ.ต.ท.ทักษิณจำเป็นต้องพักอาศัยอยู่ที่ต่างประเทศภายหลังจากที่เกิดเหตุการณ์รัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลของเขาเมื่อวันที่ 19 กันยายนปีที่แล้ว และในช่วงระหว่างนั้น อดีตนายกฯจำเป็นเดินทางไปมาระหว่างประเทศต่าง ๆ อยู่บ่อยครั้ง แต่ส่วนใหญ่เป็นการเดินทางระหว่างฮ่องกง และอังกฤษ ซึ่งอดีตนายกฯ เป็นเจ้าของอพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่ง
รายงานของเอพีระบุด้วยว่า ในระหว่างที่เดินทางกลับไปยังกรุงลอนดอน พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งแต่งกายในชุดสูทสีดำ และกำลังพูดคุยโทรศัพท์มือถืออยู่กำลังต่อแถวร่วมกับผู้โดยสารคนอื่น ๆ ที่สนามบินนานาชาติฮ่องกงเพื่อรอขึ้นเครื่อง
‘พ.ต.ท.ทักษิณต้องการเดินทางไปยังกรุงลอนดอน' นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาด้านกฏหมายของครอบครัวอดีตนายฯ และปัจจุบันเป็นรองเลขาธิการพรรคพลังประชาชนกล่าว พร้อมกับเสริมว่า เขาไม่ทราบเหตุผลของการเดินทางดังกล่าว และระบุว่า ปัจจุบัน พ.ต.ท.ทักษิณมีอิสระที่จะเดินทางไปไหนมาไหนได้
ก่อนหน้านี้ ทางการไทยได้ออกหมายจับทั้งพ.ต.ท.ทักษิณ และภรรยาเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว อันสืบเนื่องมาจากข้อกล่าวหาเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นต่าง ๆ โดยอดีตนายกฯยังถูกกล่าวหาว่า ใช้อำนาจโดยมิชอบในช่วงบริหารประเทศระหว่างปี 2544-2549 ที่ผ่านมา
เอพีรายงานว่า คุณหญิงพจมาน อดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 ถูกจับเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาภายหลังจากที่เดินทางจากฮ่องกงกลับสู่ประเทศไทยเพื่อต่อสู้กับคดีทุจริตการจัดซื้อที่ดินรัชดาฯเมื่อปี 2546 และข้อกล่าวหาซุกหุ้นในตลาดหลักทรัพย์มูลค่าหลายล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่อย่างไรก็ดี คุณหญิงพจมานได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระหลังจากที่ศาลอนุญาตให้ประกันตัวในวงเงิน 6 ล้านบาท
เอพีระบุด้วยว่า หากอดีตนายกฯ และภริยามีความผิดจริงตามที่ถูกกล่าวหา และถูกดำเนินคดีต่าง ๆ แล้วทั้งคู่จะต้องถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลานานถึง 28 ปี
ขณะเดียวกัน เอพีรายงานว่า การเดินทางกลับประเทศไทยของคุณหญิงพจมานได้เพิ่มความตึงเครียดต่อสถานการณ์ด้านการเมืองของไทยที่ยังคงผันแปร เนื่องจากเป็นช่วงที่บรรดาผู้ที่ยังคงจงรักภักดีต่อพ.ต.ท.ทักษิณกำลังร่วมจัดตั้งรัฐบาลผสมภายหลังที่ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนที่แล้ว
ด้านนักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้ส่งภรรยาของเขาเพื่อทดสอบบรรยากาศทางการเมืองก่อนที่ตัวเขาจะเดินทางกลับประเทศไทย และเพื่อสร้างความมั่นใจเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลผสมที่มีบรรดาผู้ที่จงรักภักดีต่อเขาเป็นแกนนำ
ในแถลงการณ์ที่ออกเมื่อวันอังคารที่ 8 ม.ค. พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า เขาจะเดินทางกลับประเทศไทยเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม
‘ผมขอยืนยันว่า ภรรยาของผม และผมพร้อมที่ต่อสู้กับทุกข้อกล่าวหาเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง' พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวในแถลงการณ์ฉบับหนึ่ง พร้อมทั้งให้คำมั่นสัญญาว่า เขาจะเลิกเล่นการเมือง และพร้อมที่จะเป็นที่ปรึกษาให้แก่พรรคพลังประชาชนที่ร่วมกันก่อตั้งขึ้นมาจากบรรดาพันธมิตรของเขา
00000000000000000000000000000000000000000000000000
Thailand's Thaksin quietly leaves Hong Kong for London
BANGKOK, Thailand - Deposed Thai Prime Minister Thaksin Shinawatra quietly left Hong Kong on a flight to London on Thursday, two days after his wife was arrested on corruption charges in Thailand.
Thaksin has lived abroad since his ouster in a September 2006 coup, mostly shuttling between Hong Kong and London, where he owns an apartment.
Dressed in a dark suit, Thaksin chatted on his mobile phone as he waited in line with other passengers at the Hong Kong International Airport to board his flight.
"He will be going to London," said Noppadol Pattama, Thaksin's lawyer and de facto spokesman in Thailand. "I don't know the reason. He's a free man."
Thailand considers Thaksin a fugitive and issued two arrest warrants in August for the former prime minister and his wife on an array of corruption-related charges. Thaksin was accused of widespread corruption and abuse of power while in office from 2001-2006.
The former first lady, Pojamarn Shinawatra, was arrested Tuesday after flying in from Hong Kong. The charges against the Shinawatras stem from a controversial 2003 land deal and having allegedly concealed millions of dollars in stock market shares. She was freed on a total bail of 6 million baht (US$202,000; euro137,000).
Both husband and wife face up to 28 years behind bars.
Pojamarn's sudden return added tension to Thailand's unsettled political situation, in which Thaksin's followers are scurrying to form a coalition government following their victory in general elections last month.
Critics believe Thaksin sent his wife home to test the political climate ahead of his eventual return and to secure his picks in any coalition government headed by his allies.
In a statement issued Tuesday, Thaksin said he would return to Thailand at an appropriate time.
"I insist that my wife and I are ready to fight all charges to prove our innocence," Thaksin said in a statement issued by his lawyers.
Thaksin has vowed to stay out of politics but said he is ready to serve as an adviser to his allies in the People's Power Party.
จาก hi-thaksin
พปช.'หมัก-เหลิม' แท็คทีม ลงพื้นที่ช่วย 3 ว่าที่ ส.ส.ใบเหลืองโคราช เขต 3เลือกตั้งซ่อม
ที่ตลาดสูงเนิน จ.นครราชสีมา แกนนำพรรคพลังประชาชนนำโดยนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรค พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ รองหัวหน้าพรรคร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วนกลุ่มที่ 6 ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรค นายดนุพร ปุณณกันต์ นายจตุพร พรหมพันธ์ นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ ได้เดินทางลงพื้นที่พบปะประชาชน พร้อมปราศรัยย่อยเพื่อช่วยผู้สมัครส.ส.เขต 3 นครราชศรีมา
ได้แก่ นายบุญเลิศ ครุฑขุนทศ นายประเสริฐ จันรวงทอง และนางลินดา เชิดชัย หาเสียงเลิกตั้งซ่อม ที่บริเวณตลาดเทศบาลอ.สูงเนิน ท่ามกลางประชาชนที่มารอต้อนรับกว่า 400 คน โดยนายสมัคร ปราศรัยตอนหนึ่งว่า ใครจะนินทา กกต.ก็นินทาไป แต่ตนไม่นินทาเพราะถ้าไม่มี กกต.ก็จะยุ่งยากมากกว่านี้ ดังนั้นคำวินิจฉัยต่างๆ พรรคไม่ขัดข้อง นอกจากการพิจารณาให้ใบแดงเพราะถือป็นการตัดอนาคตทางการเมือง
ด้านร.ต.อ.เฉลิม ได้ปราศรัยว่า ขณะนี้การเมืองนิ่งแล้ว และตนโหรฯเฉลิมขอฟันธงว่านายกฯ คนต่อไป ต้องเป็นนายสมัครแน่นอน เมื่อช่วงสายวันนี้ก่อนที่จะเดินทางมาปราศรัยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีได้โทรศัพท์ทางไกลจากข้ามประเทศมาหาตน ถามว่าจะตนจะมาโครราชหรือไม่ ตนก็ตอบว่ามา เพราะต้องมาเอาส.ส.3 คนกลับไปเพิ่มเสียงตั้งรัฐบาลเพื่อตบหน้าพรรคประชาธิปัตย์
ซึ่งพรรคพลังประชาชนมีนโยบายร่วมงานกับทุกพรรคยกเว้นพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งนี้ เห็นว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มีบุคลิกดีเหมาะเป็นผู้นำฝ่ายค้าน อย่างไรก็ตามขอให้ประชาชน สบายใจได้พ.ต.ท.ทักษิณ จะกลับมาแน่นอนภายหลังพรรคจัดตั้งรัฐบาล รวมถึงจะนำนโยบายที่ดีกลับคืนมา
จากนั้น ร.ต.อ.เฉลิม ให้สัมภาษณ์ว่าขณะนี้มีกระแสข่าวการยุบพรรคเกิดขึ้น ตนขอบอกว่าพรรคการเมือง จะยุบกันง่ายๆไม่ได้ เพราะยังมีกระบวนการอีกมากมาย ใช้ระยะเวลาพิจารณาอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 2 ปี ตนเชื่อว่า กกต.จะมีความเป็นธรรมหรือถ้ายุบก็ต้องใหม่ได้ไม่มีปัญหา โดยตนจะขอเป็นหัวหน้าคณะทนาย ความต่อสู้คดี ด้วยตนเอง ส่วนที่มีข่าวว่าพรรคเตรียมพรรคทางเลือกใหม่เป็นพรรคสำรองนั้น ยืนยันว่าไม่ได้เตรียมการอะไรทั้งสิ้น
เพราะไม่มีอะไรให้น่าเป็นห่วงหรือต้องกังวล เป็นที่เป็นห่วงและรำคาญคือการที่นายมีชัย ฤชุพันธ์ ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นพร้อมบอกเล่าถึงเรื่องประชาธิปไตยของแต่ละประเทศ ทั้งที่ความจริงแล้วที่ความจริงแล้วนายมีชัยไม่รู้เรื่องประชาธิปไตยเลย เป็นอาจารย์สอนที่ไหน เป็นรัฐมนตรีก็รุ่นเดียวกับตน เข้าสู่เส้นทางการเมืองจากประชาธิปไตยครึ่งใบโดยไปเป็นประธานยกร่างกฎหมายเปิดทางให้มีนายกรัฐมนตรีคนนอกในสมัย รสช. จนเกิดเหตุการณ์นอเลือดพฤษภาทมิฬ จากนั้นนายมีชัยก็พยายามหาทางออกกฎหมายนิรโทษกรรม ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ พฤษภาทมิฬ
'ผมไม่อยากพูดวิพากษ์วิจารณ์ถึงคนอื่น ส่วนกรณีที่มีข่าว พล.อ.สนธิ ขอลูกนางสดศรีไปช่วยงานนั้น ผมไม่อยากพูดถึงเพราะเดี๋ยวโดนข้อหาหมิ่นเจ้าพนักงาน แต่ที่ต้องพูดถึงนายมีชัย เพราะว่ารำคาญมาแสดงความเห็น ป้ำๆเป๋อๆ แอ็คอาร์ท มาแสดงความเห็นให้บ้านเมืองสบสน ขอให้นายมีชัยกลับบ้านไปไสไม้ต่อตู้อยู่ที่บ้านดีกว่า 'ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ สั่งให้นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ผู้สมัครส.ส.บุรีรัมย์พรรคประชาธิปัตย์ ์ถอนฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกเลือกตั้งเพื่อขอให้การเลือกตั้งล่วงหน้าเป็นโมฆะว่า พรรคประชาธิปัตย์มาทำเป็นแสดงสปริต แต่ความจริงพึ่งรู้ว่าตัวเองพลาดไปเพราะฟ้องผิดศาล อย่างไรก็ตามพวกคดีความต่างๆไม่มีผลกระทบต่อการจัดตั้งรัฐบาล และไม่กลัวว่านายบรรหารจะเปลี่ยนใจเพราะเป็นคนรักเดียวใจเดียว ส่วนนายสุวิทย์ก็เป็นพี่น้องกัน แต่วันนี้มีการสร้าง ข่าวว่านายบรรหาร จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี ถามหน่อยว่าเป็นสูตรไหนกัน ตนไม่อยากให้นายบรรหาร เข้าใจผิดๆ เพราะมเป็นไปไม่ได้
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวถึงกรณีมีกลุ่มผู้ชุมนุมออกมากดดันหลังกกต.ให้ใบแดงส.ส.อุดรธานีว่า ขอยืนยันว่าพรรคไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง คงไม่มีใครปัญญาทึบไปกดดัน อย่างไรก็ตามในพื้นที่ๆ ว่าที่ส.ส.พรรคพลังประชาชน ได้ใบเหลืองและมีการเลือกตั้งซ่อม พรรคจะตามไปเอาคืนให้หมดรวมถึงที่จ.เพชรบูรณ์ซึ่งเป็นพื้นที่ของ พรรคประชาธิปัตย์ด้วย ทั้งนี้การหาเสียงในพื้นที่ใบแดงพรรคพลังประชาชนพร้อมที่จะเทคะแนให้กับทุกพรรคการเมือง ยกเว้นพรรคประชาธิปัตย์
กกต.แจกอีก2ใบเหลือง 'พลังประชาชน-ประชาธิปัตย์'
กกต.แจกใบเหลือพลังประชาชน จ.สกลนคร และประชาธิปัตย์ จ.นครนายก พรรคละ 1 ใบ รวมแล้ว 7 ใบแดง 15 ใบเหลือง
นายสุทธิพล ทวีชัยการ คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เปิดเผยภายหลังการประชุมวันนี้ว่ากกต. มีมติให้ใบเหลือง 1 ใบ แก่ว่าที่สมาชิก
สภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.)ในเขตเลือกตั้งที่ 1 จ.สกลนคร พรรคพลังประชาชน(พปช.) เนื่องจากมีพฤติกรรมสัญญาว่าจะให้ และจูงใจให้ไปลงคะแนนให้
'ที่ประชุมกกต.ได้พิจารณาเรื่องร้องคัดค้านจังหวัดสกลนครเขต 1 ในข้อกล่าวหาสัญญาว่าจะให้ หลอกลวงและจูงใจ ที่ประชุมมีมติให้มีการเลือกตั้งใหม่ เป็นกรณีให้ใบเหลืองแก่ว่าที่ส.ส.เขต 1 จังหวัดสกลนคร พรรคพลังประชาชน'
นอกจากนี้ กกต.มีมติให้ใบเหลือง นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ว่าที่ส.ส.นครนายกของพรรคประชาธิปัตย์ ด้วย
ตั้งแต่ปลายเดือนธ.ค.ที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ กกต.ให้ใบแดงแก่ผู้สมัครส.ส.ไป แล้วรวม 7 ใบ ประกอบด้วย พปช. 4 ใบ ในเขตเลือกตั้งที่ 1 จ.บุรีรัมย์ และเขตเลือกตั้งที่ 3 จ.อุดรธานี, ชาติไทย 2 ใบ ใน จ.ชัยนาท และ มัชฌิมาธิปไตย 1 ใบ ในเขต เลือกตั้งที่ 1 จ.ปราจีนบุรี
นอกจากนี้ แจกใบเหลืองแก่ผู้สมัครส.ส.ไปแล้ว 14 ใบ ประกอบด้วย พปช.12 ใบ ในเขตเลือกตั้งที่ 3 จ.นครราชสีมา,เขตเลือกตั้งที่ 1,2,3 จ.อุดรธานี ,เขตเลือกตั้งที่ 1 จ.ลำปาง ,เขตเลือกตั้งที่ 2 จ.ชัยภูมิ และเขตเลือกตั้งที่ 1 จ.สกลนคร พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ได้ 1 ใบเหลือง ในเขตเลือกตั้งที่ 1 จ.เพชรบูรณ์ และ พรรคชาติไทย 1 ใบเหลือง ในเขตเลือกตั้งที่ 2 จ.ชัยภูมิ
กกต.กำหนดให้มีการเลือกตั้งใหม่ ในวันที่ 13 ม.ค.สำหรับเขตเลือกตั้งที่ 1 จ.นครราชสีมา ,วันที่ 17 ม.ค. สำหรับเขตเลือกตั้งที่ 1 จ.บุรีรัมย์ ส่วนจังหวัดอื่นๆ กำหนดให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 20 ม.ค.นี้
‘สมัคร'ช่วยลูกพรรคหาเสียงเลือกตั้งซ่อม-ลั่นพร้อมเป็นนายกฯคนที่ 25
วันนี้ (11 ม.ค. ) เมื่อเวลา 16.30 น. ที่บริเวณลานด้านหน้าอนุสาวรีย์เจ้าพ่อขุนทด เขตเทศบาลตำบลด่านขุนทด อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา พรรคพลังประชาชน(พปช.) นำโดย นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน พร้อมแกนนำพรรคและ บรรดา ส.ส. พรรคพปช. เช่น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง, นายดุนพร ปุณณกันต์, ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง , นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ,นายปลอดประสพ สุรัสวดี และ นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ เป็นต้น ได้สับเปลี่ยนกันขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงช่วยผู้สมัคร ส.ส. เขตเลือกตั้ง 3 จ.นครราชสีมา ในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งใหม่ ในวันที่ 13 ม.ค. หลังจาก คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณาให้ใบเหลืองกับ 3 ว่าที่ ส.ส. เขต 3 พรรคพปช. ยกทีม
นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพปช. ได้กล่าวปราศรัยภายหลังแนะนำตัวผู้สมัคร ส.ส. ของพรรค พปช. เขต 3 ทั้ง 3 คน คือ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง, นายบุญเลิศ ครุฑขุนทด และ นางลินดา เชิดชัยต่อประชาชนชาวอำเภอด่านขุนทด ว่า ตนได้อาสามารับใช้พี่น้องประชาชนแล้ว มาถึงวันนี้ประชาชนได้ให้ความไว้วางใจพรรคพลังประชาชน แต่ยังไม่สมบูรณ์ ทุกอย่างต้องค่อยเป็นค่อยไป การเดินทางมาครั้งนี้เพื่อมาคารวะพี่น้องประชาชนที่ให้ความไว้วางใจพรรคพลังประชาชน และฝากให้ประชาชนสนับสนุนผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคอีกครั้งในการเลือกตั้งใหม่ครั้งนี้
นายสมัคร กล่าวต่อว่า ตนเองพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี และพร้อมที่จะรับผิดชอบการบริหารชาติบ้านเมือง จากประสบการณ์ตนเคยเป็นรองนายกฯ มาแล้ว 3 ครั้ง และเคยเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ มาแล้ว 4 ปี ฉะนั้นเป็นเรื่องไม่ยากที่ขึ้นมาบริหารประเทศชาติ ยืนยันกับประชาชนว่าพรรคพลังประชาชนจะจัดตั้งรัฐบาลได้และ ตนมีความพร้อมเต็มที่ในการเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 25 ของประเทศไทย
ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส. แบบสัดส่วนกลุ่มที่ 6 พรรค พปช. ได้ขึ้นเวทีปราศรัยปิดท้ายการหาเสียง โดยกล่าวยืนยันกับประชาชนชาว อ.ด่านขุนทด ว่า พรรคพลังประชาชนจะจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จอย่างแน่นอน ประชาชนอย่าหลงเชื่อผู้ที่ไม่หวังดี คอยจ้องทำลาย ปล่อยข่าวทำให้พรรคพลังประชาชนเสียหาย
"วันนี้พรรคพลังประชาชนมีความพร้อมเต็มที่ที่จะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลนำพาประเทศเดินไปข้างหน้า และนายสมัคร ก็มีความพร้อมและเหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว" นายเฉลิม กล่าว--จบ--
จาก hi-thaksin
Friday, January 11, 2008
ศาลฎีกายกคำร้องว่าที่ ส.ส.บุรีรัมย์ พปช.ร้องระงับ กกต.จัดเลือกตั้งเขต 1
ศาลฎีกา 11 ม.ค. - ศาลฎีกา ยกคำร้องว่าที่ ส.ส.บุรีรัมย์ ใบแดง พปช. ฟ้องระงับ กกต.จัดเลือกตั้งเขต 1 ใหม่ ศาลชี้รัฐธรรมนูญ 239 วรรค 1 ให้อำนาจเบ็ดเสร็จ กกต.สอยว่าที่ ส.ส.ที่ยังไม่ได้รับรองสิทธิ
เมื่อเวลา 16.00 น. วันนี้ (11 ม.ค.) ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง สนามหลวง มีคำสั่งยกคำร้องคดีเลือกตั้ง หมายดำเลขที่ ลต.4/2551 ที่นายพรชัย ศรีสุริยันตโยธิน นายรุ่งโรจน์ ทองศรี และนายประกิจ พลเดช ว่าที่ ส.ส.เขต 1 จังหวัดบุรีรัมย์ พรรคพลังประชาชน ที่ถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แจกใบแดงและตัดสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 1 ปี ยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกาเพิกถอนคำสั่ง กกต.ที่ตัดสิทธิเลือกตั้ง และมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ระงับการประกาศ กกต.ที่จะให้มีการเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 1 จังหวัดบุรีรัมย์ ใหม่ และให้ กกต.ประกาศรับรองว่าได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.เขต 1 จังหวัดบุรีรัมย์
โดยศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว.พ.ศ.2550 ส่วนที่ 10 การดำเนินการกรณีการเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ม.103-133 บัญญัติกรณีก่อนประกาศผลการเลือกตั้ง ถ้า กกต.ดำเนินการสืบสวนสอบสวนแล้วเห็นว่าการเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตและมีอำนาจที่จะให้มีการเลือกตั้งใหม่หรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งผู้สมัครผู้ใด แต่ถ้าประกาศผลการเลือกตั้งแล้ว กกต.เห็นว่าการเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ให้ กกต.ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อพิจารณาสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ หรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของ ส.ส.หรือผู้สมัครผู้ใด และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 ม. 239ว รรค1 บัญญัติว่า “ในกรณีที่ กกต.วินิจฉัยให้มีการเลือกตั้งใหม่หรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งก่อนการประกาศผลการเลือกตั้ง ส.ส.หรือ ส.ว.ให้คำวินิจฉัยของ กกต.เป็นที่สุด”
ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ.2550 ให้ กกต.เป็นผู้ควบคุมและดำเนินการเลือกตั้งให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม โดยก่อนการประกาศผลการเลือกตั้งให้ กกต.มีอำนาจสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ หรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งผู้สมัครผู้ใด ซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ม.239 วรรค 1 บัญญัติให้วินิจฉัยในกรณีนี้ ซึ่งต่างกับในกรณีที่ประกาศผลการเลือกตั้งแล้ว ถ้า กกต.เห็นว่าควรให้มีการเลือกตั้งใหม่หรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ส.ส.ผู้ใด รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและ พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. บัญญัติให้ศาลฎีกามีอำนาจพิจารณาวินิจฉัยเสียก่อน
กรณีของผู้ร้องทั้งสาม ซึ่งเป็นผู้สมัคร ส.ส.เขตเลือกตั้งที่ 1 จังหวัดบุรีรัมย์ ปรากฏข้อเท็จจริงตามคำร้องว่า ก่อนประกาศผลการเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งที่ 1 จ.บุรีรัมย์ กกต.ได้มีมติให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งผู้ร้องทั้งสามเป็นเวลา 1 ปี และให้มีการเลือกตั้งใหม่ ดังนั้น คำวินิจฉัยของ กกต.ดังกล่าวย่อมเป็นที่สุด ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาญาจักรไทย ม. 239 วรรคหนึ่ง การที่ผู้ร้องทั้งสามอ้างว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งกระทำผิดกฎหมาย เลือกปฏิบัติโดยมิชอบใช้ดุลยพินิจแตกต่างกัน และคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมาย เป็นการร้องขอให้ศาลฎีกาตรวจสอบอำนาจการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งผู้ร้องทั้งสามก่อนประกาศผลการเลือกตั้งของ กกต. ซึ่งไม่อยู่ในอำนาจการพิจารณาวินิจฉัยของศาลฎีกา ผู้ร้องทั้งสามจึงไม่มีอำนาจยื่นคำร้องคดีนี้ จึงมีคำสั่งยกคำร้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพรชัย นายรุ่งโรจน์ และนายประกิจ เดินทางมาเซ็นรับทราบคำสั่ง ก่อนจะเดินทางกลับ โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด.- สำนักข่าวไทย
อัพเดตเมื่อ 2008-01-11 18:20:00‘สดศรี'หน้าแหก!ศาลยอมรับมีหนังสือยืมตัวลูกสาวจริง
วันนี้ ( 11 ม.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่สำนักงานศาลยุติธรรม ถนนรัชดาภิเษก นายสราวุธ เบญจกุล รองเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม และนายประสงค์ มหาลี้ตระกูล โฆษกสำนักศาลยุติธรรม ร่วมกันแถลงข่าว กรณีสื่อมวลชนเผยแพร่ข่าวว่า สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอยืมตัว น.ส.กอนณา สัตยธรรม ผู้พิพากษาศาลจังหวัดพระโขนง บุตรสาวของนางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ไปช่วยงานที่สำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
นายสราวุธ กล่าวว่า เรื่องนี้ทางสำนักงานศาลยุติธรรมได้รับหนังสือจากสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ลงนามโดยรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 ต.ค.50 ซึ่งหนังสือดังกล่าวได้ลงรับที่สำนักงานประธานศาลฎีกาเมื่อวันที่ 18 ต.ค.50 โดยหนังสือดังกล่าวระบุว่า ขอให้ไปช่วยปฏิบัติราชการให้แก่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.50 เป็นต้นไป จนกว่าจะเสร็จสิ้นภารกิจ หลังจากนั้นเลขาธิการ ประธานศาลฎีกา ได้ส่งหนังสือมายังสำนักงานศาลยุติธรรม ซึ่งตนขณะนั้นรักษาการตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมได้รับหนังสือไว้เมื่อวันที่ 24 ต.ค.50 แต่ยังไม่ได้ส่งให้สำนักงานคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม(ก.ต.) ต่อมาวันที่ 29 ต.ค.50 สำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้มีหนังสือแจ้งขอระงับการยืมตัว น.ส.กอนณา และได้มีหนังสือแจ้งมาอีกครั้งเมื่อวันที่ 8 พ.ย.50 ขอถอนเรื่องคืน
"ปกติแล้วการขอตัวผู้พิพากษาไปช่วยงานในหน่วยราชการอื่น ตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ. 2543 มาตรา 59 กำหนดไว้ว่า ผู้พิพากษาต้องไม่ดำรงตำแหน่งใด ๆ ในหน่วยงานที่ขัดหรือแย้งในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชกาตุลาการตามที่ ก.ต.กำหนด ดังนั้นการที่มีบุคคลหรือหน่วยงานใดขอยืมตัวผู้พิพากษาไปทำงานอื่นใดนอกเหนืองานพิพากษาคดี จะต้องนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของ ก.ต. แต่สำหรับเรื่องนี้สำนักงานศาลยุติธรรมยังไม่ได้นำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของ ก.ต. เนื่องจากมีการขอระงับเรื่อง และขอถอนเรื่องคืนไปก่อน" นายสราวุธ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตามปกติแล้วการขอยืมตัวผู้พิพากษาไปช่วยราชการ ตัวผู้พิพากษาเองหรือผู้ใกล้ชิดจะได้รับการติดต่อหรือทราบล่วงหน้าหรือไม่นั้น นายสราวุธกล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่ทราบ ส่วนตัว น.ส.กอนณา หรือนางสดศรี จะทราบมาก่อนหรือไม่ ตนไม่สามารถยืนยันได้
ต่อข้อถามว่า ที่ผ่านมาเคยมีการขอยืมตัวผู้พิพากษาไปช่วยราชการลักษณะเช่นนี้มาก่อนหรือไม่ นายสราวุธกล่าวว่า ก่อนหน้านี้เคยมีกรณีที่นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ รมว.ยุติธรรม จะขอยืมตัวผู้พิพากษาไปช่วยงาน ซึ่ง ก.ต.ก็ไม่อนุญาต เนื่องจากกฎหมายไม่เปิดช่องให้ทำเช่นนั้นได้ เพราะการไปดำรงตำแหน่งอื่นที่จะกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ไม่สามารถทำได้ เพราะผู้พิพากษามีหน้าที่พิจารณา และพิพากษาคดี หากไปช่วยงานฝ่ายบริหารจะทำให้ขาดความเป็นอิสระ ซึ่งตั้งแต่ปี 43 ที่ศาลแยกตัวเป็นอิสระจากกระทรวงยุติธรรม ก็ไม่เคยมีผู้พิพากษาไปช่วยราชการฝ่ายบริหารเลย
ส่วนกรณีของนายชาญชัย ลิขิตจิตถะ รมว.ยุติธรรม และนายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม ขณะนี้ได้ขอโอนย้ายกลับมาเป็นผู้พิพากษาในศาลยุติธรรมแล้วแต่ในตอนนี้ยังไม่มีการนำเรื่องบรรจุเป็นวาระเพื่อพิจารณาในที่ประชุม ก.ต. เพราะต้องมีขั้นตอนการตรวจสอบคุณสมบัติ ส่วนการจะรับโอนทั้งสองให้กลับมาหรือไม่นั้นขึ้นยู่กับการพิจารณาของ ก.ต.--จบ-
คนโคราชแห่ฟังพปช.ปราศรัยแน่น
ทัพขุนพลแกนนำพปช.ตบเท้าขึ้นปราศรัยโคราชช่วยลูกพรรคหาเสียงเลือกตั้งซ่อม โดยปชช.หลังไหลฟังปราศรัยแน่นขนัด ด้าน‘เฉลิม’ฟันธง‘สมัคร’นั่งนายกฯชัวร์
วันนี้(11 ม.ค.) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคพลังประชาชน (พปช.)กว่า 50 คนได้ลงพื้นที่ พบประชาชน และปราศรัย ที่ จ.โคราช นำโดย นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรค และลูกพรรค อาทิ เช่น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง นายดนุพร ปุณณกันต์ พล.อ.เรืองโรจน์ มหาสรานนท์ นายกุเทพ ใสกระจ่าง นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส. ระบบสัดส่วนพรรคพลังประชาชน (พปช.) กล่าวทันทีหลังขึ้นเวทีปราศรัยช่วยลูกพรรคเลือกตั้งซ่อม ที่ อ. สูงเนิน กล่าวปราศรัยว่า ขณะนี้การเมืองนิ่งแล้ว แต่พรรคที่แพ้ยังไม่นิ่ง โดยโหรหลายคนบอกว่า นายสมัคร จะเป็นนายกฯ ซึ่งตนก็ขอฟันธงว่านายสมัครจะเป็นนายกฯแน่นอน
ส่วนที่คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภรรยาอดีตนายกฯ ซึ่งเมื่อวานนี้ เวลา 11.00 น.พ.ต.ท.ทักษิณโทรศัพท์มา ถามตนว่า จะมาหาเสียงโคราชหรือไม่ ตนตอบว่ามาแน่นอน เพราะจะต้องเอากลับไปทวงตำแหน่งส.ส.อีก 3 คนให้ได้
“ผมอยากให้ช่วยตบหน้าพรรคประชาธิปัตย์ด้วยการเติมคะแนนให้พรรคพลังประชาชนเป็นรัฐบาล ซึ่งพรรคมีนโยบาย ร่วมรัฐบาลกับทุกพรรคยกเว้นพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเมื่อวานนี้ได้ข่าวว่าไปคุยจัดตั้งรัฐบาลกันที่เยาวราช ผมอยากถามว่า จะไปเป็นรัฐบาลประเทศไหน”ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวอีกว่า การยุบพรรคพลังประชาชนนั้นเป็นเรื่องไม่ง่าย โดยเฉพาะกรณีนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่กล่าวหากรณีนอมินีนั้น ตนก็ไม่เข้าข่ายผิดกฎหมายมาตรา 94 ,มาตรา 95 ที่ระบุว่าสามารถยุบพรรคได้หากพรรคการเมืองเป็นปฏิปักษ์กับประชาธิปไตยและมีพฤติกรรมล้มการปกครอง ซึ่งตรงนี้มีกระบวนการหลายขั้นตอนระหว่าง กกต.อัยการสูงสุด และศาลรัฐธรรมนูญ ต้องใช้เวลานาน หากมีการกล่าวหากันจริงตนจะขอเป็นทนายสู้คดี ซึ่งตรงนี้ขอให้ประชาชนอย่าไปสนใจข่าวลือ ซึ่งยุบพรรคได้ก็ตั้งใหม่ได้ และยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งรัฐบาล รวมทั้งข่าวลือ ที่ว่าคุณหญิงพจมานกลับเมืองไทยเพื่อจัดโผ ครม.
อย่างไรก็ตาม ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เมื่อพรรคพลังประชาชนตั้งรัฐบาลได้ พ.ต.ท.ทักษิณก็จะกลับบ้าน ซึ่งพรรคจะนำนโยบาย ที่เคยประสบความสำเร็จมาปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมอีกครั้ง
พีทีวี นิวส์
11 มกราคม 2551 เวลา 16:57 น.
ผู้ถือหุ้นรายย่อยในไอทีวี แจ้งความดำเนินคดีกับคุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ กับพวก
กองปราบฯ 11 ม.ค.- กลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อยในไอทีวี แจ้งความดำเนินคดีกับคุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและพวก ข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
กลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อยบริษัทไอทีวีจำกัด (มหาชน) แจ้งความกับตำรวจกองปราบปราม ให้ดำเนินคดีกับคุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายจุลยุทธ์ หิรัญวสิษฐ์ ปลัดสำนักนายกฯ ,และนายปราโมท รัฐวินิจ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีออกมาให้ข่าวว่าได้ยึดทรัพย์สินที่บริษัทไอทีวีถือครองอยู่ ให้ตกเป็นของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งที่กระบวนการยุติธรรม ยังไม่มีข้อยุติในการแปรสภาพไอทีวีให้ตกเป็นของรัฐ และยังอยู่ในคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลปกครองสูงสุด - สำนักข่าวไทย
อัพเดตเมื่อ 2008-01-11 16:11:36รวม 8 วัน มี ส.ส.แสดงตนแล้ว 408 คน
กรุงเทพฯ 11 ม.ค. - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแสดงตนของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 23 ในวันที่ 8 มี ว่าที่ ส.ส.ที่ได้รับการรับรองจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มาแสดงตนเพิ่มอย่างประปราย เนื่องจากมีผู้มาแสดงตนแล้วถึง 408 คน จากจำนวน ส.ส. ที่ได้รับการรับรอง 420 คน โดยในวันนี้ (จนถึงเวลา 16.00 น.) มี ส.ส.มาแสดงตนตลอดทั้งวัน มีจำนวน 17 คน โดย 2 รายล่าสุด คือ นายไพฑูรย์ แก้วทอง ว่าที่ ส.ส.สัดส่วน กลุ่ม 2 และนายนราพัฒน์ แก้วทอง ว่าที่ ส.ส.เขต 1 จังหวัดพิจิตร พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมาแสดงตน ภายหลังจาก กกต.รับรองผลการเลือกตั้ง และยกคำร้องที่มีผู้ร้องเรียนผลการเลือกตั้งก่อนหน้านี้. - สำนักข่าวไทย
'เฉลิม'ดับฝัน'บรรหาร'นั่งนายกฯ เย้ยเป็นไปไม่ได้
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วนกลุ่มที่ 6 พรรคพลังประชาชน กล่าวถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ สั่งให้นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ผู้สมัครส.ส.บุรีรัมย์ พรรคประชาธิปัตย์ ถอนฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกเลือกตั้งเพื่อขอให้การเลือกตั้งล่วงหน้าเป็นโมฆะ ว่า พรรคประชาธิปัตย์ทำเป็นแสดงสปิริต แต่ความจริงเพิ่งรู้ว่าตัวเองพลาดไปเพราะฟ้องผิดศาล อย่างไรก็ตามพวกคดีความต่างๆนั้น ไม่มีผลกระทบต่อการจัดตั้งรัฐบาล อย่างไรก็ตาม
ไม่กลัวว่านายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย จะเปลี่ยนใจ เพราะเป็นคนรักเดียวใจเดียว ส่วนนายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดินก็เป็นพี่น้องกัน แต่วันนี้มีการสร้างข่าวว่านายบรรหาร จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี ถามหน่อยว่าเป็นสูตรไหนกัน ตนไม่อยากให้นายบรรหารเข้าใจผิดๆเพราะเป็นไปไม่ได้
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวถึงกรณีมีกลุ่มผู้ชุมนุมออกมากดดันหลังกกต.ให้ใบแดงส.ส.อุดรธานีว่า ขอยืนยันว่าพรรคไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง คงไม่มีใครปัญญาทึบไปกดดัน อย่างไรก็ตามในพื้นที่ๆว่าที่ส.ส. พรรคพลังประชาชนได้ใบเหลืองและมีการเลือกตั้งซ่อม พรรคจะตามไปเอาคืนให้หมดรวมถึง จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นพื้นที่ของพรรคประชาธิปัตย์ด้วย ทั้งนี้การหาเสียงในพื้นที่ใบแดงพรรคพลังประชาชนพร้อมที่จะเทคะแนน ให้กับทุกพรรคการเมือง ยกเว้นพรรคประชาธิปัตย์
พปช.อ้างกกต.ให้ดูVCDช้าสงสัยไปตัดต่อเพิ่ม
รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน 'กานต์ เทียนแก้ว' ตั้งข้อสังเกตุ กกต. ให้ดู 'วีซีดีสันติบาล' ล่าช้าอาจไปตัดต่อเพิ่มหรือทำผิดกฎหมาย แจง เลือกพรรคสำรองไว้แล้ว
พล.ต.ท.กานต์ เทียนแก้ว รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน และ ส.ส.สัดส่วนกลุ่ม 1 ตั้งข้อสังเกต ถึงวีซีดีของตำรวจสันติบาลที่ได้ทำการบันทึกภาพของ นายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรค และว่าที่ ส.ส.สัดส่วน กลุ่ม 1 พรรคพลังประชาชน ว่าอาจะมีการตัดต่อหรือดำเนินการต่าง ๆ ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะล่วงเลยระยะเวลา มานานแล้ว ตั้งแต่ นายยงยุทธ ขอดูวีซีดีครั้งแรกและเพิ่มจะได้มีการอนุญาตให้ดูได้ในวันนี้ขณะที่เชื่อมั่นว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เปลี่ยนประธานสอบกรณีดำเนินการทุจริตของ นายยงยุทธ จาก พล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล รองผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล เป็นนายสุวิทย์ ธีรพงษ์ อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะมีความเป็นกลางมากขึ้นเมื่อเทียบกับพล.ต.ต.ชัยยะ ที่มีสายสัมพันธ์กับ นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตพันธมิตร
อย่างไรก็ตาม ในช่วงบ่ายวันนี้คาดว่า นายยงยุทธ พร้อมทีมงานที่เชี่ยวชาญด้านการตัดต่อ จะเดินทางไป ตรวจดูวีซีดีดังกล่าวด้วยตนเอง นอกจากนี้ พล.ต.ท.กานต์ ยืนยันว่า พรรคได้มีการเตรียมพิจารณา พรรคสำรอง เอาไว้แล้ว หากมีการยุบพรรคพลังประชาชนจริง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบความถูกต้อง ทางกฎหมาย ซึ่งมีหลายพรรคด้วยกัน
'สดศรี' เผยอาจรับรอง'ยงยุทธ'ไปก่อน แล้วสอยทีหลัง
นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวว่า ที่ประชุมกกต.วันนี้จำเป็นต้องเลื่อนการลงมติการพิจารณาสำนวนทุจริตเลือกตั้งของนายยงยุทธ ติยะไพรัช ว่าที่ ส.ส.ระบบสัดส่วน กลุ่ม 1 พรรคพลังประชาชน ออกไปก่อน เนื่องจากกกต.ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนขึ้นใหม่ เพื่อพิจารณาเฉพาะกรณีของนายยงยุทธ โดยจะลงพื้นที่ จ.เชียงรายเพื่อเริ่มต้นทบทวนการสอบพยานใหม่ทั้งหมด ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ทั้งสองฝ่ายได้ต่อสู้คดีกันอย่างเต็มที่
นางสดศรี กล่าวต่อว่า จะเปิดโอกาสให้นายยงยุทธ ได้ดูวีซีดีตามที่นายยงยุทธได้ร้องขอไว้ก่อนจะชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ซึ่งได้รับการแจ้งว่าตำรวจสันติบาลจะนำวีซีดีดังกล่าวมามอบให้กกต.ในวันนี้
'คณะอนุกรรมการของกกต.ชุดสืบสวนสอบสวน จะลงพื้นที่เชียงราย จะสอบพยานที่สอบไปแล้วว่าจะยืนยันคำให้การเดิมหรือไม่ ผู้กล่าวหารายเดิม ผู้ถูกกล่าวหาก็เป็นรายเดิม และอาจเพิ่มเติมแล้วแต่ท่าน(คณะอนุกรรมการ) เราให้โอกาสต่อสู้คดีกันเต็มที่' นางสดศรี กล่าว
นางสดศรี กล่าวว่า หากการสืบสวนสอบสวนของคณะอนุกรรมการดังกล่าวเสร็จไม่ทันวันที่ 15 ม.ค.นี้ กกต.จะประกาศรับรองผลการเลือกตั้งของนายยงยุทธไปก่อน และภายหลังหากมีข้อสรุปที่แน่ชัดว่ามีการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งจริงจึงจะให้ใบเหลืองหรือใบแดง
'ขึ้นอยู่กับการสอบสวนของกรรมการชุดนี้ว่าเสร็จไหม เพราะจะต้องทบทวนใหม่หมด ถ้าทำไม่ทันจะต้องประกาศรับรองไปก่อน แล้วสอยทีหลัง' นางสดศรี กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุด กกต.ได้ประกาศรับรองรายชื่อส.ส.ไปแล้วจำนวน 420 คน จากทั้งหมด 480 คน โดยเชื่อว่าจะสามารถประกาศรับรองได้ร้อยละ 95 หรือ 456 คน ซึ่งเป็นจำนวนที่จะสามารถเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดแรกในวันที่ 22 ม.ค.51 ได้ตามที่กฎหมายกำหนด
"สุเทพ" เชื่อ "ไชยวัฒน์" ถอนฟ้องเลือกตั้งเป็นโมฆะ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการประชาธิปัตย์ เชื่อว่า นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ สมาชิกของพรรคพยายามถอนฟ้องร้องแต่ประเด็นเรื่องของการเลือกตั้งเป็นบายพาสของผู้แทนของพรรคขอไป อย่างไรก็ตามยืนยันว่าสมาชิกของพรรคนั้นมีอิสระที่จะดำเนินกิจกรรมทางการเมืองเพียงแต่ต้องปรับให้ตรงกับจุดยืนของพรรคเท่านั้น อย่างไรก็ตามยังไม่มีการเตรียมมาตรการที่จะดำเนินการหาก นายไชยวัฒน์ ไม่ยอมถอนฟ้อง
"เฉลิม" ยัน พปช.ไม่ชักใยม็อบกดดัน กกต.
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.ระบบสัดส่วนกลุ่ม 6 พรรคพลังประชาชน ให้สัมภาษณ์ระหว่างการหาเสียงช่วยผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคที่จังหวัดนครราชสีมา ถึงกรณีที่มีประชาชนชุมนุมกดดันคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในกรณีว่าที่ผู้สมัครของพรรคได้รับใบเหลืองหรือใบแดงว่า ขอยืนยันว่าพรรคพลังประชาชนไม่ได้อยู่เบื้องหลัง แต่ที่มีการชุมนุมคงเป็นเพราะประชาชนชอบและผู้สมัครของพรรคก็ได้รับการเลือกตั้งแบบชนะขาด ตนยืนยันว่าไม่มีใครปัญญาทึบไปกดดัน กกต. แต่การที่ประชาชนออกมาชุมนุมเป็นเพราะประชาชนกับผู้สมัครชอบพอกัน
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องการให้นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคประชาธิปัตย์ ถอนคำฟ้องจากศาลฎีกาที่ขอให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะว่า เรื่องนี้ไม่อยากวิจารณ์พรรคประชาธิปัตย์ แต่เห็นว่านายไชยวัฒน์ ไปผิดศาล อาจจะรู้ว่ายื่นเรื่องผิดศาล เพื่อแสดงสปิริต จึงให้ถอนเรื่อง แต่ความจริงคือพลาดไปแล้ว
กกต.ให้คณะอนุ กก.สอบ ยงยุทธ ตัดสินใจให้ดูวีซีดีหรือไม่
กกต. 11 ม.ค.– “สุเมธ” ให้คณะอนุฯ สอบสวนกรณี “ยงยุทธ” ขอดูวีซีดีได้หรือไม่ ชี้วีซีดีไม่สามารถบอกรายละเอียด ด้าน “สดศรี” ระบุหากคณะอนุ กก.ฯ สอบยังไม่แล้วเสร็จ 15 ม.ค.นี้ ต้องรับรองผลการเลือกตั้งของ “ยงยุทธ” ไปก่อน หากพบผิดจริงไว้สอยทีหลัง
นายสุเมธ อุปนิสากร กรรมการการเลือกตั้ง กล่าวถึงการพิจารณาสำนวนร้องคัดค้านนายยงยุทธ ติยะไพรัช ว่าที่ ส.ส.แบบสัดส่วน กลุ่มที่ 1 พรรคพลังประชาชน ว่า ตอนแรกมีบุคคลมาร้องกับ กกต.ว่า นายยงยุทธ กระทำผิด แต่พนักงานสอบสวนของ กกต.ที่จังหวัดเชียงราย ได้หอบสำนวนกลับมายัง กกต.กลาง พร้อมแจ้งว่า ไม่สามารถทำสำนวนนี้ได้ แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ ก็ขอคืนสำนวนเช่นกัน ดังนั้น กกต.จึงมีมติแต่งตั้งให้ตำรวจสันติบาลเข้ามารับผิดชอบในการสอบสวนสำนวนนี้ ซึ่งต่อมานายยงยุทธ ได้ขอเปลี่ยนพนักงานสอบสวน โดยให้เหตุผลไว้หลายประเด็น ซึ่ง กกต.นำมาพิจารณาอย่างมาก จนสุดท้ายมีมติให้ตั้งคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนของ กกต.ขึ้นมาทำหน้าที่แทนตำรวจสันติบาล เพื่อความเป็นธรรม โดยจะพยายามทำงานให้เร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม ต้องให้เวลาคณะอนุฯ ทำงานด้วย เพราะอาจต้องลงพื้นที่ไปสอบสวนเพิ่มเติมต่อไป
ส่วน กกต.จะให้นายยงยุทธ ดูวีซีดีที่สันติบาลอ้างว่า เป็นหลักฐานบันทึกภาพที่นายยงยุทธนำรถตู้ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปรับกลุ่มกำนัน หัวคะแนน จากสนามบินสุวรรณภูมิไปยังโรงแรมแห่งหนึ่งหรือไม่นั้น นายสุเมธ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับฝ่ายสืบสวนสอบสวน ทั้งนี้ หากไม่ให้ดู ก็ถือว่าไม่ใช่หลักฐาน อย่างไรก็ตาม คิดว่าตำรวจสันติบาล ต้องส่งวีซีดีดังกล่าวมาให้ กกต. เพราะ กกต.ต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหา ผู้ถูกกล่าวหาต้องมีโอกาสต่อสู้อย่างเต็มที่ แต่การจะให้ดูหรือไม่ ขึ้นอยู่กับคณะอนุฯ ที่จะเสนอความเห็นมายัง กกต.
นายสุเมธ กล่าวว่า วีซีดีดังกล่าวเป็นภาพถ่าย แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมว่า มีบุคคลใดบ้าง และทำสิ่งใดบ้าง อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถบอกรายละเอียดของภาพเหล่านั้นได้ ส่วนระยะเวลาการในพิจารณาให้ใบเหลืองหรือใบแดงของ กกต. เริ่มเหลือน้อยลงทุกทีนั้น เรื่องนี้ กกต.จะพิจารณาตามสำนวนที่ถูกเสนอเข้ามา โดยจะพยายามพิจารณาทุกวัน และทำงานให้เร็ว หากวันที่ต้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 22 ม.ค.นี้ มี ส.ส.ไม่ถึงร้อยละ 95 ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เนื่องจากเราพยายามดีที่สุดแล้ว
ด้านนายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงการตั้งคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนการทุจริตใน จ.เชียงราย ที่มีนายสุวิทย์ ธีรพงษ์ เป็นประธาน แทนชุดสืบสวนของตำรวจสันติบาล ว่า คณะอนุกรรมการชุดดังกล่าว จะทำหน้าที่ต่อเนื่องจากการทำงานของชุดสืบสวนของสันติบาลในกรณีการทุจริต ที่ จ.เชียงราย แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ว่า คณะกรรมการชุดดังกล่าวจะสอบสวนข้อเท็จจริงเสร็จก่อนวันที่ 22 ม.ค.หรือไม่ อย่างไรก็ตาม กกต.ได้มีหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจสันติบาลให้ส่งสำนวนการสอบสวน พร้อมทั้งคืนวีซีดีทั้งหมดให้ กกต. เพื่อ กกต.จะได้นำสำนวนทั้งหมดให้คณะอนุกรรมการฯไปดำเนินการต่อ ส่วนจะเรียกพยานคนใดมาสอบเพิ่มเติมนั้น ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของคณะอนุกรรมการชุดดังกล่าว
“คณะอนุกรรมการชุดนี้จะมีด้วยกัน 5 คน ซึ่งทุกคนมีความรู้ มีประสบการณ์ มีความซื่อสัตย์สุจริต และเป็นถึงตุลาการ และอดีตอัยการชั้นผู้ใหญ่ เชื่อว่า คณะอนุกรรมการจะสืบสวนจะทำความจริงให้ประจักษ์ด้วยความเป็นกลาง และเป็นธรรม อย่างไรก็ตาม ผมไม่ขอเปิดเผยชื่อว่า ใครบ้างที่เป็นคณะกรรมการบ้าง เพราะอยากให้พวกเขาทำงานได้อย่างเต็มที่ ขณะนี้ กกต. ได้รับการประสานงานมาจากตำรวจสันติบาลแล้วว่า จะส่งสำนวนรวมทั้งวีซีดีคืนให้กับ กกต.ไม่เกินบ่ายวันนี้” นายสุทธิพล กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อ กกต.ได้วีซีดีคืนมาแล้ว นายยงยุทธ สามารถดูวีซีดีได้ทันทีหรือไม่ นายสุทธิพล กล่าวว่า เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับสันติบาลว่า จะส่งวีซีดีมาให้เมื่อไร ทั้งนี้ เมื่อนายยงยุทธดูวีซีดีแล้วก็สามารถนำพยานบุคคลมาแก้ข้อกล่าวหาได้ แต่ต้องดูความพร้อมของฝ่ายสืบสวนสอบสวนด้วยเช่นกัน
นายสุทธิพล กล่าวถึงการพิจารณาสำนวนของ กกต. ว่า ถ้า กกต. พิจารณาสำนวนตามกรอบเวลา คาดว่าจะเหลือจำนวน ส.ส.ที่ยังไม่ได้รับรองเพียง 31 คน อย่างไรก็ตาม กกต.จะเร่งการประชุม เพื่อให้ทันการเปิดประชุมสภาฯ โดยต้องคำนึงถึงความละเอียดรอบคอบ นอกจากนี้ กกต.ยังได้มีการพิจารณาความเห็นกรณีใบแดงก่อนส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบแล้ว 2 เรื่อง ในส่วนของสำนวนที่เข้าข่ายใบเหลืองนั้น ทางฝ่ายสืบสวนสอบสวนที่เกี่ยวข้องก็ยังเร่งดำเนินการสืบสวนสอบสวนอยู่
ส่วนนางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการพรรคการเมือง ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ที่ประชุม กกต. จำเป็นต้องเลื่อนการลงมติในการพิจารณาสำนวนทุจริตเลือกตั้งของนายยงยุทธ ออกไปก่อน เนื่องจากเมื่อวันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมา กกต.ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนขึ้นใหม่ เพื่อพิจารณากรณีของนายยงยุทธ โดยเฉพาะ ซึ่งคณะอนุกรรมการชุดดังกล่าวจะลงพื้นที่ จ.เชียงราย เพื่อเริ่มต้นทบทวนการสอบพยานใหม่ทั้งหมด อันเป็นการเปิดโอกาสให้ทั้งสองฝ่ายได้ต่อสู้คดีกันอย่างเต็มที่
นางสดศรี กล่าวว่า กกต.จะเปิดโอกาสให้นายยงยุทธ ได้ดูวีซีดี ตามที่เจ้าตัวได้ร้องขอไว้ ก่อนที่จะชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ซึ่งได้รับการแจ้งข้อมูลว่า ตำรวจสันติบาลจะนำวีซีดีดังกล่าวมามอบให้ที่ กกต.ในวันนี้
“คณะอนุกรรมการของ กกต.ชุดสืบสวนสอบสวนจะลงพื้นที่ จ.เชียงราย จะเริ่มกระบวนการสอบพยานที่สอบไปแล้วใหม่ว่าจะยืนยันคำให้การเดิมหรือไม่ ซึ่งจะใช้ผู้กล่าวหา และผู้ถูกกล่าวหารายเดิม หรืออาจเพิ่มเติมพยานแล้วแต่ทางคณะอนุกรรมการ ซึ่งเราให้โอกาสต่อสู้คดีกันเต็มที่" นางสดศรี กล่าว
นางสดศรี กล่าวว่า หากการสืบสวนสอบสวนของคณะอนุกรรมการดังกล่าวเสร็จไม่ทันวันที่ 15 ม.ค.นี้ กกต.จะประกาศรับรองผลการเลือกตั้งของนายยงยุทธ ไปก่อน และภายหลังหากมีข้อสรุปที่แน่ชัดว่า มีการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งจริง จึงจะให้ใบเหลืองหรือใบแดงต่อไป แต่ตรงนี้ต้องขึ้นอยู่กับการสอบสวนของคณะอนุกรรมการชุดนี้ว่าเสร็จและได้ผลสรุปอย่างไร ซึ่งคณะอนุกรรมการชุดนี้จะต้องทบทวนใหม่หมด ถ้าทำไม่ทัน กกต.จำเป็นที่จะต้องประกาศรับรองไปก่อน แล้วค่อยสอยทีหลัง หากข้อมูลหลังฐานชัดเจน
“ล่าสุด กกต.ได้ประกาศรับรองรายชื่อ ส.ส.ไปแล้ว 420 คน จากทั้งหมด 480 คน โดยเชื่อว่าจะสามารถประกาศรับรองได้ร้อยละ 95 หรือ 456 คน ซึ่งเป็นจำนวนที่จะสามารถเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดแรกในวันที่ 22 ม.ค.นี้ได้ ตามที่กฎหมายกำหนด” นางสดศรี กล่าว.-สำนักข่าวไทย
อัพเดตเมื่อ 2008-01-11 15:06:20‘ไอซีที'แนะต้องมีเจ้าทุกข์แจ้งความก่อนเอาผิดเว็บ‘ไฮ-ทักษิณ'
นายวรพัฒน์ ทิวถนอม รองปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ออกมาระบุถึงกรณีที่ นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึง ถึงการทำงานของ กระทรวงไอซีที ต่อการดำเนินการควบคุมเว็บไซต์ไฮทักษิณ ดอทคอม ที่มีการโพสต์ข้อความหมิ่นประมาทว่า พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ขอให้นางสาวกอณาม สัตยธรรม บุตรสาวของนางสดศรี มาช่วยราชการว่า กรณีดังกล่าวถือว่ามีความผิดส่วนตัว และเมื่อมีการกระทำความผิดทางกฎหมายที่มีโทษทางอาญา หรือเป็นการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 จะต้องมีผู้ร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน และเจ้าหน้าที่ตำรวจจะประสานความร่วมมือมายังกระทรวงไอซีที กระทรวงถึงจะมีอำนาจเข้าไปสืบหาผู้กระทำความผิด โดยกรณีดังกล่าวถือเป็นความผิดทางอาญา มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี--จบ--
ร.ต.ท.เชาวริน ขอบคุณ กกต.เปลี่ยนชุดสอบร้องเรียนทุจริตเลือกตั้ง จ.เชียงราย
กรุงเทพฯ 11 ม.ค. - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (11 ม.ค.) ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.ระบบสัดส่วน กลุ่ม 7 พรรคพลังประชาชน เดินทางมามอบดอกไม้ให้กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทั้ง 5 คน ที่สำนักงาน กกต. โดย ร.ต.ท.เชาวริน กล่าวว่า สาเหตุที่มามอบดอกไม้ให้กับ กกต.เพื่อแสดงความขอบคุณที่มีมติเปลี่ยนชุดสืบสวนสอบสวนกรณีเรื่องร้องเรียนการทุจริตการเลือกตั้งที่ จ.เชียงราย ของนายยงยุทธ ติยะไพรัช ว่าที่ ส.ส.ระบบสัดส่วน กลุ่ม 1 พรรคพลังประชาชน เพราะเรามีข้อมูลแสดงถึงความไม่เป็นกลางของ พล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล รองผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล ทั้งจากคำให้การของเพื่อน นรต.รุ่น 34 ที่เคยระบุว่าพบ พล.ต.ต.ชัยยะ ที่บ้านพักของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และที่ทำการของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ รวมทั้ง พล.ต.ต.ชัยยะ ได้พยายามนำเพื่อน นรต.รุ่น 34 หลายคนมาให้นายสนธิรู้จักและสนับสนุนให้ได้รับตำแหน่งที่สูงขึ้น
ร.ต.ท.เชาวริน กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีหมายเลขหนังสือเดินทางของ พล.ต.ต.ชัยยะ ที่มีหมายเลขเรียงกันกับหนังสือเดินทางของนายสนธิ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าทั้ง 2 คนมีความใกล้ชิดสนิทสนมกัน หากปล่อยให้ พล.ต.ต.ชัยยะ ทำสำนวนต่อไป จะเกิดความไม่เป็นธรรมกับพรรคพลังประชาชน และต่อจากนี้จะทำหนังสือถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อสอบถามข้อมูลการเดินทางไปต่างประเทศของ พล.ต.ต.ชัยยะ ตั้งแต่ปี 2548 -2550 ทั้งหมด 6 ครั้งนั้นเป็นการเดินทางที่ขออนุญาตจากผู้บังคับบัญชาโดยถูกต้องหรือไม่.- สำนักข่าวไทย
อัพเดตเมื่อ 2008-01-11 14:57:48ร.ต.อ.เฉลิม ย้ำนายกรัฐมนตรีคนใหม่ต้องชื่อ สมัคร
นครราชสีมา 11 ม.ค.- ร.ต.อ.เฉลิม ชี้ข้อกล่าวหาต่างๆ ที่ พปช.ได้รับ ไม่เข้าข่ายถึงขั้นต้องถูกยุบพรรค ย้ำมีการจัดฉากให้ “ยงยุทธ” ถูกกล่าวหา ระบุทำตั้งแต่เดือน ต.ค. ก่อนการสมัครรับเลือกตั้ง ขณะเดียวกันยืนยันการจัดตั้งรัฐบาลไม่มีปัญหา แต่นายกฯ ต้องชื่อ“สมัคร”
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.ระบบสัดส่วน กลุ่ม 6 พรรคพลังประชาชน ให้สัมภาษณ์ระหว่างการหาเสียงช่วยผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค ที่ จ.นครราชสีมา วันนี้ (11 ม.ค.) ถึงกระแสข่าวพรรคพลังประชาชนอาจถูกยุบพรรค ว่า เรื่องข้อกล่าวหาต่าง ๆ รวมถึงการแจกวีซีดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่เข้าข่ายกฎหมายที่จะทำให้พรรคถูกยุบได้ เพราะพรรคไม่ได้ดำเนินการอะไรที่เป็นปฏิปักษ์ต่อประชาธิปไตย และไม่ได้ล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย เรื่องนี้ยังต้องมีการสืบสวนสอบสวนอีกทาง จึงยังไม่มีการเตรียมการใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการตั้งพรรคใหม่ไว้รองรับ ไม่มีอย่างแน่นอน
ส่วนกรณีที่นายยงยุทธ ติยะไพรัช ว่าที่ ส.ส.ระบบสัดส่วน กลุ่ม 1 พรรคพลังประชาชน ถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สอบสวน และอาจมีโทษถึงขั้นยุบพรรคนั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า พรรคไม่กังวลกับเรื่องนี้เลย มีแต่คนอื่นเดือดร้อนแทน เรื่องนี้ฝ่ายกฎหมายติดตามดูอยู่ นายยงยุทธ ไม่ได้ทำผิดอะไร พวกเรารู้ว่าเป็นการจัดฉาก สิ่งที่นายยงยุทธทำเป็นช่วงเดือนตุลาคม ซึ่งตอนนั้นยังไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ดังนั้น คงไม่มีใครไปหาเสียง
“นอกจากนี้ นายยงยุทธ ยังลงสมัคร ส.ส.ระบบสัดส่วน ถ้าไปทำตุกติกเฉพาะ จ.เชียงราย จะได้ประโยชน์และผลทางการเมืองอะไร ถ้าลงสมัคร ส.ส.เขต ก็เป็นอีกเรื่อง แต่เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับ กกต.จะพิจารณา แต่ในส่วนของพรรคไม่มีใครวิตกกังวล เพราะเห็นเป็นเรื่องธรรมดา” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
เมื่อถามว่า หากมีการยุบพรรคจะส่งผลต่อการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เป็นคนละเรื่องกัน การจัดตั้งรัฐบาลเราติดต่อพรรคการเมืองทุกพรรค ยกเว้นพรรคประชาธิปัตย์ ฉะนั้นเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลไม่มีปัญหา ทั้งพรรคชาติไทยและพรรคเพื่อแผ่นดิน เชื่อว่านายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย รักเดียวใจเดียวอยู่แล้ว ส่วนนายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ก็เป็นน้องรัก อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธข่าวที่ระบุว่าจะมีการสนับสนุนให้นายบรรหาร เป็นนายกรัฐมนตรี
“ผมยืนยันว่า ไม่มีอย่างแน่นอน พรรคจะเสนอชื่อนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน เป็นนายกรัฐมนตรีคนเดียวเท่านั้น แต่ก็ยังมีคนชอบไปลือ ผมเกรงว่านายบรรหาร จะเข้าใจผิด และไม่เห็นทางว่าจะเป็นสูตรนั้นได้อย่างไร” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
ต่อข้อถามว่า คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่พอใจนายสมัคร ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่จริง คุณหญิงพจมานไม่เกี่ยวข้องกับพรรค รวมถึงข่าวที่ระบุว่าไปแอบจัดตั้งรัฐบาลในเซฟเฮาส์ก็ไม่มี ขอยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ไม่เกี่ยวข้อง แต่ถ้าจะแอบลุ้นหรือเชียร์ใครในใจก็เป็นสิทธิ เพราะทั้ง 2 คนชอบพรรคพลังประชาชน
ร.ต.อ.เฉลิม ยังยอมรับด้วยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โทรศัพท์มาหาเมื่อวานนี้ (10 ม.ค.) โดยบอกเพียงว่าจะกลับประเทศอังกฤษแล้ว ถ้าว่างให้ไปเยี่ยมกันบ้างเท่านั้น ไม่มีการพูดเรื่องการเมือง ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ต้องการเดินทางกลับประเทศ ซึ่งขณะนี้สถานการณ์เป็นประชาธิปไตยแล้ว อีกไม่นานคงจะกลับ แต่ก่อนนี้สถานการณ์ไม่อำนวย พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้กลัวอะไร คนเคยเป็นนักเรียนนายร้อย เคยโดดร่ม เป็นตำรวจตระเวนชายแดน เคยจับโจร ก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น.-สำนักข่าวไทย
อัพเดตเมื่อ 2008-01-11 14:42:41